blob: 8e33a62b072087d986e75937c87f9953277f2381 [file] [log] [blame]
<?xml version="1.0" ?>
<!DOCTYPE translationbundle>
<translationbundle lang="th">
<translation id="101438888985615157">หมุนหน้าจอ 180 องศา</translation>
<translation id="1016912092715201525">กำหนดค่าการตรวจสอบเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตรวจสอบดังกล่าว
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจสอบทุกครั้งที่เริ่มต้นใช้งานว่าตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และจะลงทะเบียนตนเองโดยอัตโนมัติหากทำได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจสอบว่าตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และจะปิดใช้การควบคุมโดยผู้ใช้สำหรับการตั้งค่าตัวเลือกนี้
หากไม่กำหนดการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมได้ว่าจะให้ตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และควรแสดงการแจ้งเตือนผู้ใช้หรือไม่เมื่อตนเองไม่ได้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น
หมายเหตุสำหรับผู้ดูแลระบบ <ph name="MS_WIN_NAME" />: การเปิดใช้การตั้งค่านี้ใช้ได้กับเครื่องที่ใช้ Windows 7 เท่านั้น สำหรับเครื่องที่ใช้ Windows 8 ขึ้นไป คุณต้องใช้ไฟล์ "การเชื่อมโยงแอปพลิเคชันเริ่มต้น" ที่ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเครื่องจัดการของโปรโตคอล <ph name="HHTPS_PROTOCOL" /> และ <ph name="HTTP_PROTOCOL" /> (และอาจเลือกให้เป็นเครื่องจัดการของโปรโตคอล <ph name="FTP_PROTOCOL" /> รวมถึงรูปแบบไฟล์ เช่น <ph name="HTML_EXTENSION" />, <ph name="HTM_EXTENSION" />, <ph name="PDF_EXTENSION" />, <ph name="SVG_EXTENSION" />, <ph name="WEBP_EXTENSION" /> ฯลฯ ก็ได้) ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ <ph name="SUPPORT_URL" /></translation>
<translation id="1017967144265860778">การจัดการพลังงานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1019101089073227242">ตั้งค่าไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้</translation>
<translation id="1022361784792428773">รหัสส่วนขยายที่ผู้ใช้ควรป้องกันไม่ให้มีการติดตั้ง (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation>
<translation id="102492767056134033">ตั้งสถานะเริ่มต้นของแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1027000705181149370">ระบุว่าควรโอนคุกกี้การตรวจสอบสิทธิ์ที่กำหนดโดย SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้ไหม
เมื่อผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเขียนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ลงในโปรไฟล์ชั่วคราวก่อน ซึ่งคุกกี้เหล่านี้สามารถโอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้เพื่อส่งต่อสถานะการตรวจสอบสิทธิ์ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ทุกครั้งที่ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์กับ SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น
นโยบายนี้มีผลต่อผู้ใช้ที่มีโดเมนตรงกับโดเมนการลงทะเบียนของอุปกรณ์เท่านั้น สำหรับผู้ใช้คนอื่นๆ ทั้งหมด ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น</translation>
<translation id="1030120600562044329">เปิดใช้การรายงานแบบไม่ระบุชื่อของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและข้อขัดข้องเกี่ยวกับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้แก่ Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ จะมีการส่งการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและข้อขัดข้องไปยัง Google แบบไม่ระบุชื่อ หากปิดใช้ จะไม่มีการส่งข้อมูลดังกล่าวไปยัง Google ในทั้ง 2 กรณี ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ค่าจะยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เลือกไว้ตอนติดตั้ง/เรียกใช้ครั้งแรก
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์
(สำหรับ Chrome OS โปรดดู DeviceMetricsReportingEnabled)</translation>
<translation id="1035385378988781231">นโยบายนี้ควบคุมว่าฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ NTLM เพื่อการตรวจสอบสิทธิ์หรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีการใช้ NTLM เพื่อการตรวจสอบสิทธิ์กับพื้นที่แชร์ของ SMB หากจำเป็น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ด้วย NTLM กับพื้นที่แชร์ของ SMB
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะปิดใช้ค่าเริ่มต้นไว้สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรและเปิดใช้สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="1040446814317236570">เปิดใช้การตัด PAC URL (สำหรับ https://)</translation>
<translation id="1044878202534415707">รายงานสถิติฮาร์ดแวร์ เช่น การใช้ CPU/RAM
หากตั้งค่านโยบายเป็น False จะไม่มีการรายงานสถิติ
หากตั้งค่าเป็น True หรือไม่ตั้งค่า จะมีการรายงานสถิติ</translation>
<translation id="1046484220783400299">เปิดใช้ฟีเจอร์แพลตฟอร์มของเว็บที่เลิกใช้แล้วเป็นเวลาจำกัด</translation>
<translation id="1047128214168693844">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="1049138910114524876">กำหนดค่าภาษาที่จะบังคับใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ได้มาจากค่าแรกของนโยบายนี้ทุกครั้ง (นโยบายได้รับการกำหนดค่าเป็นรายการเพื่อความเข้ากันได้ในอนาคต) หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ผู้ใช้ใช้ในเซสชันล่าสุด หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าภาษาไม่ถูกต้อง หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาสำรอง (ปัจจุบันคือ en-US)</translation>
<translation id="1062011392452772310">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="1062407476771304334">แทนที่</translation>
<translation id="1079801999187584280">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="1093082332347834239">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะเรียกใช้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลในการดำเนินการที่มีสิทธิ์ <ph name="UIACCESS_PERMISSION_NAME" /> ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่บนเดสก์ท็อปของผู้ใช้ในเครื่องได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลจะทำงานในบริบทของผู้ใช้และผู้ใช้ระยะไกลจะไม่สามารถโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่บนเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="1096105751829466145">ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1099282607296956954">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="1100570158310952027">
นโยบายนี้ระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์
(เช่น *.example.com) ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
กับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย
นโยบายนี้มีไว้ให้องค์กรกำหนดต้นทางที่อนุญาตพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันเดิม
ที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว
สำหรับการพัฒนาเว็บภายใน เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์
ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว
นโยบายจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า
"ไม่ปลอดภัย" ในแถบอเนกประสงค์
การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า
สถานะบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure
เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยจุลภาค หากตั้งค่านโยบายนี้
นโยบายจะลบล้างสถานะบรรทัดคำสั่ง
นโยบายนี้จะลบล้าง UnsafelyTreatInsecureOriginAsSecure หากมี
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัย โปรดดูที่
https://www.w3.org/TR/secure-contexts/
</translation>
<translation id="1107764601871839136">ระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคช Group Policy Object (GPO) ระบบอาจใช้ GPO ที่แคชไว้ซ้ำ (ตราบใดที่ยังเป็นเวอร์ชันเดิม) แทนการดาวน์โหลด GPO ซ้ำในการเรียกนโยบายทุกครั้ง นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาสูงสุดที่จะใช้ซ้ำ GPO ที่แคชได้ก่อนที่จะดาวน์โหลดอีกครั้ง การรีบูตและการออกจากระบบจะล้างแคช
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย GPO ที่แคชจะนำมาใช้ซ้ำได้สูงสุด 25 ชั่วโมง
หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 ระบบจะปิดใช้การแคช GPO โปรดทราบว่าการปิดใช้แคชจะเพิ่มการโหลดเซิร์ฟวอร์เนื่องจากต้องดาวน์โหลด GPO ใหม่ทุกครั้งที่เรียกใช้นโยบายแม้ว่านโยบายจะเป็นเวอร์ชันเดิมก็ตาม</translation>
<translation id="1117535567637097036">ไม่มีการใช้เครื่องจัดการโปรโตคอลที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ระหว่างการจัดการ Intent ของ Android</translation>
<translation id="1118093128235245168">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์จากผู้ใช้เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่</translation>
<translation id="1128903365609589950">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการจัดเก็บไฟล์แคชบนดิสก์
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้มีการระบุสถานะ "--disk-cache-dir" หรือไม่ คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีรากของรุ่นหรือไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียข้อมูลหรือข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดอื่นๆ เพราะ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของตัวเอง
ดูรายการตัวแปรที่สามารถนำมาใช้ได้ที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างไดเรกทอรีนี้ได้ด้วยการตั้งสถานะโดยใช้บรรทัดคำสั่ง "--disk-cache-dir"</translation>
<translation id="113521240853905588">กำหนดค่าภาษาที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้เป็นภาษาที่ต้องการได้
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเพิ่มภาษาที่แสดงอยู่ในนโยบายนี้ลงในรายการภาษาที่ต้องการได้ 1 ภาษาเท่านั้น หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะระบุภาษาใดเป็นภาษาที่ต้องการก็ได้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่มีค่าไม่ถูกต้อง ระบบจะไม่สนใจค่าไม่ถูกต้องทั้งหมด หากผู้ใช้เคยเพิ่มภาษาที่นโยบายนี้ไม่อนุญาตลงในรายการภาษาที่ต้องการ ระบบจะนำภาษาเหล่านี้ออก หากผู้ใช้เคยกำหนดค่าให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แสดงเป็นภาษาใดที่นโยบายนี้ไม่อนุญาต ระบบจะเปลี่ยนภาษาที่แสดงเป็นภาษา UI ที่อนุญาตเมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ครั้งต่อไป มิเช่นนั้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปลี่ยนเป็นค่าที่ถูกต้องค่าแรกที่นโยบายนี้ระบุ หรือเปลี่ยนเป็นภาษาทางเลือก (ปัจจุบันคือ en-US) หากนโยบายนี้มีแต่รายการที่ไม่ถูกต้อง</translation>
<translation id="1135264353752122851">กำหนดค่ารูปแบบแป้นพิมพ์ที่อนุญาตให้ใช้ในเซสชันผู้ใช้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลที่นโยบายนี้ระบุไว้ได้เพียง 1 วิธี หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลที่รองรับทั้งหมดได้ หากนโยบายนี้ไม่อนุญาตให้ใช้วิธีการป้อนข้อมูลที่ใช้อยู่ ระบบจะเปลี่ยนวิธีการป้อนข้อมูลนั้นไปเป็นรูปแบบแป้นพิมพ์ของฮาร์ดแวร์ (หากอนุญาต) หรือวิธีที่ถูกต้องวิธีแรกในรายการนี้ ระบบจะเพิกเฉยต่อวิธีการป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่รองรับทั้งหมดในรายการนี้</translation>
<translation id="1138294736309071213">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนดระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้สำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="1151353063931113432">อนุญาตให้แสดงภาพบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1152117524387175066">รายงานสถานะของสวิตช์นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์เมื่อบูตเครื่อง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่มีการรายงานสถานะของสวิตช์นักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="1160479894929412407">อนุญาตโปรโตคอล QUIC</translation>
<translation id="1160939557934457296">ปิดใช้งานการดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือน Safe Browsing</translation>
<translation id="1189817621108632689">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงรูปภาพ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultImagesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
โปรดทราบว่าการเปิดใช้นโยบายนี้ใน Android ก่อนหน้านี้เกิดจากความผิดพลาด ไม่มีการรองรับฟังก์ชันนี้ใน Android อย่างสมบูรณ์</translation>
<translation id="1198465924256827162">ความถี่ในการส่งการอัปโหลดสถานะของอุปกรณ์ หน่วยเป็นมิลลิวินาที
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ความถี่เริ่มต้นคือ 3 ชั่วโมง ค่าความถี่ต่ำสุด
ที่อนุญาตคือ 60 วินาที</translation>
<translation id="1204263402976895730">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation>
<translation id="1219695476179627719">ระบุว่าอุปกรณ์ควรย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันที่ <ph name="DEVICE_TARGET_VERSION_PREFIX_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าไว้หรือไม่ หากใช้เวอร์ชันที่ใหม่กว่าอยู่
ค่าเริ่มต้นคือ RollbackDisabled</translation>
<translation id="1221359380862872747">โหลด URL ที่ระบุเมื่อลงชื่อเข้าใช้การสาธิต</translation>
<translation id="1223789468190631420">สถานะการเปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="122899932962115297">รายการที่อนุญาตพิเศษซึ่งควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ผู้ใช้กำหนดค่าและใช้เพื่อปลดล็อกหน้าจอล็อกได้
ค่านี้คือรายการสตริง รายการย่อยที่ใช้ได้ ได้แก่ "all" "PIN" "FINGERPRINT" การเพิ่ม "all" ลงในรายการจะทำให้ผู้ใช้ใช้โหมดปลดล็อกด่วนได้ทุกโหมด ซึ่งรวมถึงโหมดที่จะติดตั้งใช้งานในอนาคตด้วย มิเช่นนั้นผู้ใช้จะใช้ได้เฉพาะโหมดปลดล็อกด่วนที่แสดงอยู่ในรายการเท่านั้น
เช่น หากต้องการอนุญาตโหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] หากต้องการอนุญาตเฉพาะการปลดล็อกด้วย PIN ให้ใช้ ["PIN"] หากต้องการอนุญาตให้ใช้ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"] หากต้องการปิดใช้โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ []
โดยค่าเริ่มต้น อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย</translation>
<translation id="123081309365616809">เปิดใช้การแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์</translation>
<translation id="1231349879329465225">อนุญาตให้เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
การตั้งค่านี้จะมีผลต่อผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์
คุณต้องเปิดใช้ทั้งการตั้งค่านี้และพร็อพเพอร์ตี้ ONC ต่อเครือข่าย เพื่อให้ระบบใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
เมื่อตั้งค่าแล้ว ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจะยังคงเปิดใช้อยู่จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อปิดใช้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อจุดเข้าใช้งานระบบไร้สายรองรับฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="1243570869342663665">ควบคุมการกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ของ SafeSites</translation>
<translation id="1257550411839719984">ตั้งค่าไดเรกทอรีเริ่มต้นสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="1265053460044691532">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML สามารถเข้าสู่ระบบในแบบออฟไลน์</translation>
<translation id="1291880496936992484">คำเตือน: ระบบจะนำ RC4 ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดการเข้ารหัสของ RC4 ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์อีกครั้ง</translation>
<translation id="1297182715641689552">ใช้สคริปต์พร็อกซี .pac</translation>
<translation id="1304973015437969093">รหัสส่วนขยาย/แอปและ URL การอัปเดตจะติดตั้งอยู่ในพื้นหลัง</translation>
<translation id="1307415922184340052">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมพร้อมด้วยงานพิมพ์ทั้งหมด ค่าเริ่มต้นคือไม่ส่ง</translation>
<translation id="1307454923744766368">ต้นทางหรือรูปแบบชื่อโฮสต์ที่ไม่ควรใช้ข้อจำกัด
เกี่ยวกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="1313457536529613143">ระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อสังเกตพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป
หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อสังเกตพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัว การปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาการไม่ใช้งานจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แฟกเตอร์การปรับระดับเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้
แฟกเตอร์การปรับระดับต้องเป็น 100% หรือมากกว่า</translation>
<translation id="131353325527891113">แสดงชื่อผู้ใช้บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="1327466551276625742">เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์</translation>
<translation id="1330145147221172764">เปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ</translation>
<translation id="13356285923490863">ชื่อนโยบาย</translation>
<translation id="1352174694615491349">นโยบายนี้อนุญาตให้มีการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 เมื่อใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อยู่ โดยทั้งชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อใหม่ที่เป็นไปได้และชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อเดิมต้องตรงกับรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งที่อธิบายไว้ในนโยบายนี้ จึงจะรวมการเชื่อมต่อได้ นโยบายนี้คือรายการโฮสต์ที่ใช้รูปแบบตัวกรอง URLBlacklist ดังต่อไปนี้ example.com ตรงกับ example.com และโดเมนย่อยทั้งหมด (เช่น sub.example.com) ขณะที่ .example.net ตรงกับ example.net ทุกประการ
คำขอรวมกับโฮสต์อื่นผ่านการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อาจสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากผู้ออกใบรับรองแวดล้อมจะได้รับคำขอทั้งหมด แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ให้สิทธิ์อย่างชัดแจ้ง นโยบายนี้เป็นแบบชั่วคราวและระบบจะนำออกในรุ่นต่อไป โปรดดู https://crbug.com/855690
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นที่ไม่อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 ในการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="1353966721814789986">หน้าเริ่มต้นใช้งาน</translation>
<translation id="1354424209129232709">สูงสุด:</translation>
<translation id="1359553908012294236">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชม การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชมเป็นโปรไฟล์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งหน้าต่างทุกบานจะอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มต้นโปรไฟล์ผู้เยี่ยมชม</translation>
<translation id="1363275621236827384">เปิดใช้คำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks สำหรับโปรไฟล์ฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="1384459581748403878">การอ้างอิง: <ph name="REFERENCE_URL" /></translation>
<translation id="1387596372902085462">เลือกว่าจะเปิดใช้การเชื่อถือโครงสร้างพื้นฐานคีย์สาธารณะเดิมของ Symantec Corporation หรือไม่</translation>
<translation id="1393485621820363363">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation>
<translation id="1397855852561539316">URL ที่แนะนำโดยผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1413936351612032792">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป Linux</translation>
<translation id="142346659686073702">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ Crostini</translation>
<translation id="1426410128494586442">ยอมรับ</translation>
<translation id="1427655258943162134">ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="1431272318313028342">เปิดใช้ฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ <ph name="PRODUCT_NAME" />และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะทำงานอยู่เสมอ
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า "เปิดใช้ป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ การดำเนินการนี้จะเปิดใช้ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงได้
ไปที่ https://developers.google.com/safe-browsing เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="1435659902881071157">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับอุปกรณ์</translation>
<translation id="1438739959477268107">การตั้งค่าการสร้างคีย์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1454846751303307294">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นของทั่วโลกสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultJavaScriptSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้</translation>
<translation id="1456822151187621582">Windows (ไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />):</translation>
<translation id="1464848559468748897">ควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์บนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักหรือผู้ใช้รองในเซสชันหลายโปรไฟล์ได้
หากกำหนดนโยบายเป็น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักได้เท่านั้นในเซสชันหลายโปรไฟล์
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorNotAllowed" ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าร่วมเซสชันหลายโปรไฟล์
หากคุณทำการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแทนที่ได้
หากการตั้งค่ามีการเปลี่ยนแปลงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เซสชันหลายโปรไฟล์ ผู้ใช้ทั้งหมดในเซสชันจะได้รับการตรวจสอบเทียบกับการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องของพวกเขา เซสชันจะปิดลงหากมีผู้ใช้รายใดรายหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเซสชันอีกต่อไป
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการโดยองค์กรและ "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="1465619815762735808">คลิกเพื่อเล่น</translation>
<translation id="1468307069016535757">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานโหมดคอนทราสต์สูง อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานโหมดคอนทราสต์สูงได้ตลอดเวลา และสถานะบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานในระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ</translation>
<translation id="1468707346106619889">หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นจริง ระบบจะอนุญาตเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอ รวมถึง
เปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งจะอนุญาตให้แอปพลิเคชันต่างๆ ขยายไปยังหลายหน้าจอได้
ผู้ใช้อาจปิดใช้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอสำหรับหน้าจอบางหน้าได้โดยยกเลิกการทำเครื่องหมาย
หน้าจอนั้นๆ ในการตั้งค่าการแสดงผล
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้ตั้งค่า เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอจะ
ปิดใช้งาน ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ใช้จะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ไม่ได้</translation>
<translation id="1474273443907024088">ปิดใช้ TLS False Start</translation>
<translation id="1477934438414550161">TLS 1.2</translation>
<translation id="1484146587843605071"><ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้ามพร็อกซีของของโฮสต์ในรายการที่ให้ไว้ในที่นี้
นโยบายนี้จะมีผลในกรณีที่คุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น
คุณควรปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าหากคุณได้เลือกโหมดอื่นใดแล้วสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี
สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" /></translation>
<translation id="1502843533062797703">เปิดใช้การบล็อกการแทรกซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="1504431521196476721">การยืนยันระยะไกล</translation>
<translation id="1507957856411744193">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193 เท่านั้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193 เท่านั้น ยกเว้นว่าจะเปิดใช้ฟีเจอร์ CastAllowAllIPs
หากตั้งค่านโยบาย "EnableMediaRouter" เป็น "เท็จ" ค่าของนโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้</translation>
<translation id="1509692106376861764">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29</translation>
<translation id="1514888685242892912">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1522425503138261032">อนุญาตให้ไซต์ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="1523774894176285446">เบราว์เซอร์สำรองที่จะเปิดสำหรับเว็บไซต์ที่กำหนดค่า</translation>
<translation id="152657506688053119">รายการ URL สำรองของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1530812829012954197">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้เสมอในเบราว์เซอร์โฮสต์</translation>
<translation id="1541170838458414064">จำกัดขนาดหน้าที่พิมพ์</translation>
<translation id="1553684822621013552">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะเปิดใช้ ARC สำหรับผู้ใช้
(ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบการตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม ARC จะยังไม่พร้อมใช้งานถ้าเปิดใช้โหมดชั่วคราวหรือการลงชื่อเข้าสู่ระบบพร้อมกันหลายบัญชีในเซสชันของผู้ใช้ปัจจุบัน)
หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้ในองค์กรจะไม่สามารถใช้ ARC</translation>
<translation id="1559980755219453326">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอินหรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation>
<translation id="1561424797596341174">การลบล้างนโยบายสำหรับเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="1561967320164410511">U2F พร้อมส่วนขยายสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation>
<translation id="1574554504290354326">เราเลิกใช้งานการตั้งค่านี้แล้ว ให้ใช้ SafeBrowsingExtendedReportingEnabled แทน การเปิดหรือปิดใช้ SafeBrowsingExtendedReportingEnabled จะเทียบเท่าการตั้งค่า SafeBrowsingExtendedReportingOptInAllowed เป็น "เท็จ"
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะทำให้ผู้ใช้เลือกส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ Google ไม่ได้ หากการตั้งค่านี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยัง Safe Browsing เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="1583248206450240930">ใช้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1599424828227887013">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจงในอุปกรณ์ Android</translation>
<translation id="1608755754295374538">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่ต้องแจ้ง</translation>
<translation id="1615221548356595305">อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 สำหรับโฮสต์เหล่านี้แม้จะมีการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="1617235075406854669">เปิดใช้งานการนำออกเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="163200210584085447">รูปแบบในรายการนี้จะได้รับการจับคู่กับต้นทาง
การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบว่าตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้
เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML หากไม่พบว่าตรงกัน
ระบบจะปฏิเสธการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ และไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบสัญลักษณ์แทน</translation>
<translation id="1634989431648355062">อนุญาตปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1655229863189977773">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์เป็นไบต์</translation>
<translation id="166427968280387991">พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="1668836044817793277">การเลือกว่าจะอนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หรือไม่
นโยบายนี้ควบคุมการอนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ด้วยการประกาศ required_platform_version ในไฟล์ Manifest และใช้เป็นคำนำหน้าเวอร์ชันเป้าหมายการอัปเดตอัตโนมัติ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ระบบจะใช้ค่าของคีย์ไฟล์ Manifest required_platform_version ของแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เป็นคำนำหน้าเวอร์ชันเป้าหมายการอัปเดตอัตโนมัติ
หากกำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ระบบจะไม่สนใจคีย์ไฟล์ Manifest required_platform_version และการอัปเดตอัตโนมัติจะดำเนินการไปตามปกติ
คำเตือน: เราไม่แนะนำให้มอบสิทธิ์การควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ให้แก่แอปคีออสก์เพราะอาจทำให้อุปกรณ์ไม่สามารถรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญได้ การมอบสิทธิ์การควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="1675002386741412210">ได้รับการสนับสนุนบน:</translation>
<translation id="1689963000958717134">อนุญาตให้ใช้การกำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิดซึ่งอธิบายไว้ที่ <ph name="ONC_SPEC_URL" /></translation>
<translation id="1708496595873025510">ตั้งค่าข้อจำกัดการเรียกเมล็ดรูปแบบ</translation>
<translation id="1717817358640580294">หากไม่ได้ตั้งค่า เมื่อการทำความสะอาด Chrome ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ระบบอาจรายงานข้อมูลเมตาเกี่ยวกับการสแกนไปยัง Google เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายซึ่งกำหนดโดย SafeBrowsingExtendedReportingEnabled จากนั้นการทำความสะอาด Chrome จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ออกไหม ผู้ใช้มีสิทธิ์เลือกแชร์ผลการทำความสะอาดกับ Google เพื่อช่วยในการตรวจจับซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในอนาคต ผลลัพธ์จะมีข้อมูลเมตาของไฟล์ ส่วนขยายที่ติดตัั้งอัตโนมัติ และคีย์รีจิสทรีตามที่อธิบายไว้ในสมุดปกขาวเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Chrome
หากปิดใช้ เมื่อการทำความสะอาด Chrome ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ระบบจะไม่รายงานข้อมูลเมตาเกี่ยวกับการสแกนไปยัง Google โดยจะลบล้างนโยบายใดๆ ที่ตั้งค่าไว้โดย SafeBrowsingExtendedReportingEnabled การทำความสะอาด Chrome จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ออกไหม ระบบจะไม่รายงานผลลัพธ์ของการทำความสะอาดไปยัง Google และผู้ใช้ก็จะไม่มีตัวเลือกในการรายงานด้วย
หากเปิดใช้ เมื่อการทำความสะอาด Chrome ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ระบบอาจรายงานข้อมูลเมตาเกี่ยวกับการสแกนไปยัง Google เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายซึ่งกำหนดโดย SafeBrowsingExtendedReportingEnabled การทำความสะอาด Chrome จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ออกไหม ระบบจะรายงานผลการทำความสะอาดไปยัง Google และผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกในการระงับการรายงานนี้
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="172374442286684480">อนุญาตให้ทุกไซต์ตั้งค่าข้อมูลภายในเครื่อง</translation>
<translation id="1734716591049455502">กำหนดค่าตัวเลือกการเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="1736269219679256369">อนุญาตให้ดำเนินการจากหน้าคำเตือน SSL</translation>
<translation id="1745780278307622857">กำหนดว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตการดาวน์โหลดโดยปราศจากการตรวจสอบโดย Google Safe Browsing ได้หรือไม่ เมื่อไฟล์มาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ
เมื่อเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ เมื่อมาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่า (หรือตั้งค่าเป็น "จริง") ระบบจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ แม้ว่าจะมาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือก็ตาม
โปรดทราบว่าข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่ทริกเกอร์จากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนูตามบริบท "ดาวน์โหลดลิงก์..." ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่มีผลกับการบันทึก/ดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="1749815929501097806">ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการที่ผู้ใช้ต้องยอมรับก่อนเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์
หากนโนบายนี้ถูกตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการและแสดงต่อผู้ใช้เมื่อใดก็ตามที่กำลังจะเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้เข้าเซสชันได้หลังจากที่ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการแล้วเท่านั้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการแสดงข้อกำหนดในการให้บริการ
นโยบายควรที่จะถูกติดตั้งลงใน URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการได้ โดยข้อกำหนดในการให้บริการจะต้องเป็นข้อความล้วน ซึ่งทำงานเป็นข้อความ/ล้วนชนิด MIME ไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation>
<translation id="1750315445671978749">บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด</translation>
<translation id="1781356041596378058">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ หากตั้งเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการแตะหมายเลขบิวด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation>
<translation id="1797233582739332495">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation>
<translation id="1798559516913615713">อายุการใช้งานแคช GPO</translation>
<translation id="1803646570632580723">รายชื่อของแอปพลิเคชันที่ตรึงจะแสดงในตัวเรียกใช้งาน</translation>
<translation id="1808715480127969042">ปิดกั้นคุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1810261428246410396">อนุญาตให้ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือแบบด่วน</translation>
<translation id="1817685358399181673">นโยบายนี้ระบุรูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ ตั้งค่านโยบายนี้ได้โดยการระบุ URL ที่อุปกรณ์จะใช้ดาวน์โหลดรูปภาพได้และแฮช SHA-256 ที่ใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด
ควรระบุนโยบายเป็นสตริงที่แสดง URL และแฮชในรูปแบบ JSON</translation>
<translation id="1827523283178827583">ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่</translation>
<translation id="1831495419375964631">นโยบายนี้คือ URL ที่ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกันกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ Internet Explorer
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์
เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น URL ที่ถูกต้อง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="SITELIST_POLICY_NAME" />
หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer โปรดไปที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="1843117931376765605">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายผู้ใช้</translation>
<translation id="1844620919405873871">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับการปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="1847960418907100918">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาทันใจด้วย POST. ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าก็จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง
นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาทันใจจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET
นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน</translation>
<translation id="1852294065645015766">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติ</translation>
<translation id="1859859319036806634">คำเตือน: TLS เวอร์ชันสำรองจะถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) และนโยบายนี้จะหยุดทำงานหลังจากนั้น
เมื่อแฮนด์เชคของ TLS ล้มเหลว ก่อนหน้านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อใหม่กับ TLS เวอร์ชันต่ำลงมาเพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราวในเซิร์ฟเวอร์ HTTPS การตั้งค่านี้จะกำหนดค่าเวอร์ชันที่ขั้นตอนสำรองจะหยุดทำงาน หากเซิร์ฟเวอร์ต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้อง (กล่าวคือ โดยไม่ทำให้การเชื่อมต่อถูกตัด) ระบบจะไม่นำการตั้งค่านี้ไปใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อที่ได้มายังจะต้องสอดคล้องกับ SSLVersionMin
หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้หรือหากกำหนดเป็น "tls1.2" ผลก็คือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้ขั้นตอนสำรองอีกต่อไป โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้ไม่ได้ปิดการสนับสนุน TLS เวอร์ชันเก่ากว่า เพียงแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่องชั่วคราวซึ่งต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้องไม่ได้หรือไม่เท่านั้น
หรือคุณอาจตั้งค่านโยบายเป็น "tls1.1" หากต้องรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรมีการแก้ไขเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว</translation>
<translation id="1864269674877167562">หากตั้งค่านโนบายนี้เป็นสตริงเปล่าหรือไม่กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในระหว่างขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดงชื่อโดเมน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์เฉพาะชื่อผู้ใช้โดยไม่ต้องมีส่วนขยายชื่อโดเมน ผู้ใช้สามารถเขียนทับส่วนขยายชื่อโดเมนนี้ได้</translation>
<translation id="1864382791685519617">เปิดใช้การคาดการณ์เครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
วิธีนี้จะควบคุมการโหลด DNS ล่วงหน้า, การเชื่อมต่อ TCP และ SSL ล่วงหน้า และการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้า
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะปิดใช้การคาดการณ์เครือข่าย แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="1865417998205858223">สิทธิ์ของคีย์</translation>
<translation id="186719019195685253">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC</translation>
<translation id="187819629719252111">อนุญาตให้เข้าถึงไฟล์ในเครื่องโดยการอนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปิดช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ตามปกติ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ เมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ดำเนินการที่อาจกระตุ้นให้ช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ปรากฏขึ้น (เช่น การนำเข้าบุ๊กมาร์ก การอัปโหลดไฟล์ การบันทึกลิงก์ ฯลฯ) ข้อความจะปรากฏขึ้นแทนโดยถือว่าผู้ใช้ได้คลิก "ยกเลิก" ในช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านี้ ผู้ใช้สามารถเปิดช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ตามปกติ</translation>
<translation id="1879485426724769439">ระบุเขตเวลาที่จะใช้บนอุปกรณ์ ผู้ใช้สามารถลบล้างเขตเวลาที่ระบุสำหรับเซสชันปัจจุบัน แต่เขตเวลาจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเขตเวลาที่กำหนดเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ หากระบุค่าที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะยังเปิดใช้งานนโยบายโดยใช้ "GMT" แทน หากระบุสตริงเป็นค่าว่าง ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้
หากไม่ใช้นโยบายนี้ ระบบจะยังคงใช้เขตเวลาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเขตเวลาและการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นแบบถาวร ดังนั้นเมื่อผู้ใช้คนหนึ่งเปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบต่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบและผู้ใช้คนอื่นๆ ทั้งหมด
อุปกรณ์ใหม่จะมีเขตเวลาเริ่มต้นเป็น "สหรัฐอเมริกา/แปซิฟิก"
รูปแบบของค่าจะเป็นไปตามชื่อของเขตเวลาใน "ฐานข้อมูลเขตเวลาของ IANA" (ดู "https://en.wikipedia.org/wiki/Tz_database") โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตเวลาส่วนใหญ่จะอ้างอิงตาม "continent/large_city" หรือ "ocean/large_city"
การตั้งค่านโยบายนี้จะปิดใช้การค้นหาเขตเวลาอัตโนมัติตามตำแหน่งของอุปกรณ์โดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังเป็นการลบล้างนโยบาย SystemTimezoneAutomaticDetection</translation>
<translation id="1885782360784839335">เปิดใช้การแสดงเนื้อหาโปรโมตแบบเต็มแท็บ</translation>
<translation id="1888871729456797026">โทเค็นการลงทะเบียนของนโยบายระบบคลาวด์ในเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="1897365952389968758">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดเรียกใช้ JavaScript</translation>
<translation id="1906888171268104594">ควบคุมว่าจะรายงานเมตริกการใช้งานและข้อมูลการวินิจฉัย ซึ่งรวมถึงรายงานข้อขัดข้องกลับไปที่ Google หรือไม่
หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะรายงานเมตริกการใช้งานและข้อมูลการวินิจฉัย
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะมีการปิดใช้การรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัย
หากไม่กำหนดค่า จะมีการปิดใช้การรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัยในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ และเปิดใช้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="1907431809333268751">กำหนดค่ารายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กร (รูปแบบ HTTP และ HTTPS เท่านั้น) ระบบจะบันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านใน URL เหล่านี้และใช้เพื่อตรวจหาการใช้รหัสผ่านซ้ำ
โปรดตรวจสอบว่าหน้าสำหรับเข้าสู่ระบบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใน https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านได้อย่างถูกต้อง
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ บริการปกป้องรหัสผ่านก็จะบันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านใน URL เหล่านี้เพื่อตรวจหาการใช้รหัสผ่านซ้ำ
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า บริการปกป้องรหัสผ่านก็จะบันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านใน https://accounts.google.com เท่านั้น
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="1920046221095339924">อนุญาตเซสชันที่จัดการในอุปกรณ์</translation>
<translation id="1929709556673267855">ระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์ขององค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ต่างๆ
นโยบายนี้ให้คุณระบุการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รูปแบบจะเหมือนกับพจนานุกรม NativePrinters ซึ่งมีช่องเพิ่มเติมที่จำเป็นอย่าง "ID" หรือ "GUID" ต่อเครื่องพิมพ์สำหรับการอนุญาตพิเศษหรือการทำบัญชีดำ
ขนาดของไฟล์ต้องไม่เกิน 5 MB และต้องเข้ารหัสเป็น JSON ซึ่งคาดว่าเมื่อเข้ารหัสไฟล์ที่มีเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่อง จะได้ไฟล์ขนาด 5 MB ระบบจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด
ระบบจะดาวน์โหลดและแคชไฟล์ และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
ถ้าตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งาน โดยสอดคล้องกับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_WHITELIST" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLACKLIST" />
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์ใดๆ แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
นโยบายนี้เป็นส่วนเสริมของ <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" />
ถ้าไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ เครื่องพิมพ์และนโยบาย <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ จะไม่ปฏิเสธอุปกรณ์ใด
</translation>
<translation id="193259052151668190">รายการที่อนุญาตพิเศษของอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้</translation>
<translation id="1933378685401357864">รูปภาพวอลเปเปอร์</translation>
<translation id="1956493342242507974">กำหนดค่าการจัดการพลังงานบนหน้าจอเข้าสู่ระบบใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
นโยบายนี้ให้คุณกำหนดค่าวิธีการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งๆ ขณะที่กำลังแสดงหน้าจอเข้าสู่ระบบ นโยบายจะควบคุมการตั้งค่าหลายอย่าง สำหรับอรรถศาสตร์ส่วนบุคคลและช่วงค่า โปรดดูนโยบายที่เกี่ยวข้องซึ่งควบคุมการจัดการพลังงานภายในเซสชัน ความคลาดเคลื่อนเดียวจากนโยบายดังกล่าวได้แก่
* การดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานหรือเมื่อปิดฝาเครื่องไม่สามารถเป็นการปิดเซสชัน
* การดำเนินการเริ่มต้นเมื่อไม่มีการใช้งานขณะใช้ไฟ AC คือการปิดระบบ
หากไม่ได้ระบุการตั้งค่า ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับการตั้งค่าทั้งหมด</translation>
<translation id="1958138414749279167">เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลที่อยู่ในเว็บฟอร์มโดยอัตโนมัติด้วยข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลที่อยู่ให้โดยอัตโนมัติ และจะไม่บันทึกข้อมูลที่อยู่เพิ่มเติมที่ผู้ใช้อาจส่งมาขณะเรียกดูเว็บ
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะควบคุมฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่ได้ใน UI</translation>
<translation id="1960840544413786116">จะอนุญาตใบรับรองที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName หรือไม่</translation>
<translation id="1962273523772270623">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="1964634611280150550">ปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="1964802606569741174">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป YouTube ของ Android หากมีการใช้โหมดปลอดภัยใน YouTube ควรยกเลิกการอนุญาตการติดตั้งแอป YouTube ใน Android</translation>
<translation id="1969212217917526199">ลบล้างนโยบายในเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล
ค่านี้จะได้รับการแยกวิเคราะห์เป็นพจนานุกรม JSON ของชื่อนโยบายไปยังการจับคู่ค่านโยบาย</translation>
<translation id="1969808853498848952">เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์เสมอ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="1988371335297483117">การอัปเดตรายได้อัตโนมัติบน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถดาวน์โหลดผ่าน HTTP แทน HTTPS ได้ ซึ่งจะทำให้การแคชการดาวน์โหลดของ HTTP เป็นแบบโปร่งใส
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> พยายามดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติผ่าน HTTP หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งเลย จะมีการใช้ HTTPS สำหรับการดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติ</translation>
<translation id="199764499252435679">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2006530844219044261">การจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="201557587962247231">ความถี่ในการอัปโหลดรายงานสถานะของอุปกรณ์</translation>
<translation id="2017301949684549118">URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้งแบบเงียบ</translation>
<translation id="2018836497795982119">ระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการสอบถามข้อมูลนโยบายผู้ใช้จากบริการจัดการอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างค่าเริ่มต้นซึ่งอยู่ที่ 3 ชั่วโมง ค่าที่ใช้ได้สำหรับนโยบายนี้ต้องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1800000 (30 นาที) ถึง 86400000 (1 วัน) ค่าใดๆ ที่ไม่อยู่ในช่วงนี้จะถูกจำกัดตามขอบเขตที่เกี่ยวข้อง หากแพลตฟอร์มสนับสนุนการแจ้งเตือนตามนโยบาย การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะตั้งค่าเป็น 24 ชั่วโมงเพราะคาดการณ์ว่าการแจ้งเตือนตามนโยบายจะบังคับให้รีเฟรชโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนโยบาย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ค่าเริ่มต้นที่ 3 ชั่วโมง
โปรดทราบว่าหากแพลตฟอร์มสนับสนุนการแจ้งเตือนนโยบาย ระบบจะตั้งค่าการหน่วงเวลาการรีเฟรชเป็น 24 ชั่วโมง (โดยไม่คำนึงถึงค่าเริ่มต้นทั้งหมดและค่าของนโยบายนี้) เพราะคาดการณ์ว่าการแจ้งเตือนนโยบายจะบังคับให้รีเฟรชโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งทำให้ระบบรีเฟรชบ่อยเกินไปโดยไม่จำเป็น</translation>
<translation id="2024476116966025075">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2030905906517501646">คีย์เวิร์ดของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="203096360153626918">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป Android โดยแอปยังสามารถเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอได้แม้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="FALSE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="2043770014371753404">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation>
<translation id="2057317273526988987">อนุญาตให้เข้าถึงรายการ URL</translation>
<translation id="206623763829450685">ระบุว่าการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP รูปแบบใดที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> สนับสนุน
ค่าที่เป็นไปได้คือ "basic", "digest", "ntlm" และ "negotiate" แยกค่าหลายค่าด้วยเครื่องหมายจุลภาค
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะมีการใช้ทั้ง 4 รูปแบบ</translation>
<translation id="2067011586099792101">บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อยู่นอกชุดเนื้อหา</translation>
<translation id="2073552873076775140">อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2077129598763517140">ใช้การเร่งฮาร์ดแวร์เมื่อสามารถใช้ได้</translation>
<translation id="2077273864382355561">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2082205219176343977">กำหนดค่าเวอร์ชัน Chrome ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation>
<translation id="209586405398070749">เวอร์ชันเสถียร</translation>
<translation id="2098658257603918882">เปิดใช้งานการรายงานการใช้และข้อมูลเกี่ยวกับการขัดข้อง</translation>
<translation id="2104418465060359056">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน</translation>
<translation id="2107601598727098402">
นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M72 โปรดใช้ CloudManagementEnrollmentToken แทน
</translation>
<translation id="2111016292707172233">เปิดใช้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหาในมุมมองเนื้อหาของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ แตะเพื่อค้นหาจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ โดยผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะปิดใช้แตะเพื่อค้นหาโดยสมบูรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะเทียบเท่ากับการเปิดใช้การตั้งค่า โปรดดูรายละเอียดข้างต้น</translation>
<translation id="2113068765175018713">จำกัดเวลาใช้งานของอุปกรณ์โดยการรีบูตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2116790137063002724">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุผู้ใช้หรือไม่ เช่น ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ชื่อโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เส้นทางโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเส้นทางที่สั่งการได้ของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation>
<translation id="2127599828444728326">อนุญาตการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2131902621292742709">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2132732175597591362">ควบคุมรายการรูปแบบ URL ที่อนุญาตพิเศษ ซึ่งจะเปิดใช้การเล่นอัตโนมัติเสมอ
หากเปิดใช้การเล่นอัตโนมัติ วิดีโอจะเล่นโดยอัตโนมัติ (ผู้ใช้ไม่ต้องให้คำยินยอม) พร้อมด้วยเนื้อหาเสียงใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
รูปแบบ URL ต้องมีรูปแบบตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format
หากนโยบาย AutoplayAllowed ตั้งค่าเป็น True นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ
หากนโยบาย AutoplayAllowed ตั้งค่าเป็น False รูปแบบ URL ใดก็ตามที่ตั้งค่าไว้ในนโยบายนี้จะยังคงเล่นได้ต่อไป
โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ แล้วนโยบายนี้มีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น ดังนั้นบางแท็บอาจยังทำงานในลักษณะเดิมอยู่</translation>
<translation id="2134437727173969994">อนุญาตให้ล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="2137064848866899664">หากตั้งค่านโยบายนี้ จอแสดงผลแต่ละเครื่องจะ
หมุนไปตามแนวที่กำหนดทุกครั้งที่เริ่มต้นระบบใหม่ และเมื่อเชื่อมต่อเป็นครั้งแรก
หลังจากเปลี่ยนค่าของนโยบาย ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการหมุนหน้าจอ
ผ่านหน้าการตั้งค่าหลังจากลงชื่อเข้าสู่ระบบ แต่
การตั้งค่าจะถูกเขียนทับด้วยค่านโยบายเมื่อเริ่มต้นระบบครั้งถัดไป
นโยบายนี้จะใช้กับจอแสดงผลหลักและจอแสดงผลรองทั้งหมด
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นคือ 0 องศา และผู้ใช้
สามารถเปลี่ยนค่าได้ตามต้องการ และในกรณีนี้ ระบบจะไม่นำค่าเริ่มต้นมาใช้ซ้ำ
เมื่อรีสตาร์ท</translation>
<translation id="214901426630414675">จำกัดโหมดพิมพ์ 2 ด้าน</translation>
<translation id="2149330464730004005">เปิดใช้การพิมพ์สี</translation>
<translation id="2156132677421487971">กำหนดค่านโยบายต่างๆ สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ส่งเนื้อหาในแท็บ ไซต์ หรือเดสก์ท็อปจากเบราว์เซอร์ไปยังจอแสดงผลและระบบเสียงระยะไกลได้</translation>
<translation id="2166472654199325139">ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation>
<translation id="2168397434410358693">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="2170233653554726857">เปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD</translation>
<translation id="2176565653304920879">เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ ขั้นตอนการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้โดยขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า
หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionUsersDecide ผู้ใช้จะสามารถควบคุมการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติโดยใช้ส่วนควบคุมทั่วไปใน chrome://settings
หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionDisabled ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาอัตโนมัติใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะปิดอยู่เสมอ
หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionIPOnly ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะเปิดอยู่เสมอ การตรวจหาเขตเวลาจะใช้เมธอดแบบ IP เท่านั้นเพื่อค้นหาตำแหน่ง
หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionSendWiFiAccessPoints ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะเปิดอยู่เสมอ ระบบจะส่งรายชื่อจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ที่มองเห็นไปยังเซิร์ฟเวอร์ Geolocation API ทุกครั้งเพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด
หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionSendAllLocationInfo ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะเปิดอยู่เสมอ ระบบจะส่งข้อมูลตำแหน่ง (เช่น จุดเข้าใช้งาน Wi-Fi, เสาสัญญาณมือถือที่เข้าถึงได้, GPS) ไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะทำงานเหมือนมีการตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionUsersDecide
หากมีการตั้งค่านโยบาย SystemTimezone จะเป็นการลบล้างนโยบายนี้ ในกรณีนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติโดยสมบูรณ์</translation>
<translation id="2178899310296064282">บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เป็นอย่างน้อย</translation>
<translation id="2182291258410176649">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้การสำรองข้อมูลและการกู้คืนหรือไม่</translation>
<translation id="2183294522275408937">การตั้งค่าเป็นการกำหนดว่าหน้าจอล็อกจะขอให้ป้อนรหัสผ่านบ่อยเพียงใดเพื่อให้สามารถใช้การปลดล็อกด่วนต่อไปได้ ทุกครั้งที่มีการเข้าสู่หน้าจอล็อก หากการป้อนรหัสผ่านครั้งสุดท้ายเกินระยะเวลาที่ระบุไว้ในการตั้งค่านี้ คุณจะใช้การปลดล็อกด่วนเพื่อเข้าถึงหน้าจอล็อกไม่ได้ หากผู้ใช้อยู่ในหน้าจอล็อกเลยช่วงเวลานี้ ระบบจะขอให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่านในครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่านผิด หรือเข้าสู่หน้าจอล็อกใหม่อีกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน
หากกำหนดค่านี้แล้ว ระบบจะขอให้ผู้ใช้ที่ใช้การปลดล็อกด่วนป้อนรหัสผ่านในหน้าจอล็อก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าดังกล่าว
หากไม่ได้กำหนดค่านี้ไว้ ระบบจะขอให้ผู้ใช้ที่ใช้การปลดล็อกด่วนป้อนรหัสผ่านบนหน้าจอล็อกทุกวัน</translation>
<translation id="2194470398825717446">นโยบายนี้เลิกใช้งานใน M61 แล้ว โปรดใช้ EcryptfsMigrationStrategy แทน
ระบุลักษณะการทำงานของอุปกรณ์ที่มาพร้อม eCryptfs และต้องเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส Ext4
หากคุณตั้งนโยบายนี้เป็น "ไม่อนุญาต ARC" ระบบจะปิดใช้แอป Android ให้กับผู้ใช้ทั้งหมดในอุปกรณ์ (รวมทั้งผู้ใช้ที่มีการเข้ารหัส Ext4 อยู่แล้ว) และจะไม่เสนอการย้ายข้อมูลจาก eCryptfs ไปใช้การเข้ารหัส Ext4 แก่ผู้ใช้คนใดทั้งสิ้น
หากคุณตั้งนโยบายนี้เป็น "อนุญาตให้ย้ายข้อมูล" ระบบจะเสนอผู้ใช้ที่มีไดเรกทอรีหน้าแรกแบบ eCryptfs ให้ย้ายข้อมูลเหล่านี้ไปใช้การเข้ารหัส Ext4 ตามความจำเป็น (ปัจจุบันคือเมื่อสามารถใช้ Android N ในอุปกรณ์ได้)
นโยบายนี้ไม่ใช้กับแอปคีออสก์เพราะมีการย้ายข้อมูลแอปเหล่านี้โดยอัตโนมัติ หากไม่ตั้งนโยบายนี้ อุปกรณ์จะทำงานเหมือนว่าเลือก "ไม่อนุญาต ARC" ไว้</translation>
<translation id="2195032660890227692">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_BR_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2201555246697292490">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตพิเศษสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="2204753382813641270">ควบคุมการซ่อนชั้นวางอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2208976000652006649">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาที่ใช้ POST</translation>
<translation id="2214880135980649323">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายขององค์กรจะใช้ Enterprise Hardware Platform API ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีส่วนขยายใดใช้ Enterprise Hardware Platform API ได้
นโยบายนี้มีผลกับส่วนขยายคอมโพเนนต์ด้วย เช่น ส่วนขยายบริการ Hangouts</translation>
<translation id="2223598546285729819">การตั้งค่าการแจ้งเตือนเริ่มต้น</translation>
<translation id="2231817271680715693">นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="2236488539271255289">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่อง</translation>
<translation id="2240879329269430151">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงป๊อปอัปหรือไม่ การแสดงป๊อปอัปสามารถจะได้รับอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "BlockPopups" และผู้ใช้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="2269319728625047531">เปิดใช้การแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์ในระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="2274864612594831715">นโยบายนี้กำหนดค่าการเปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนเป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลใน ChromeOS ผู้ใช้ไม่สามารถแทนที่นโยบายนี้ได้
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น True แป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอจะเปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่าเป็น False แป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอจะปิดใช้อยู่เสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่นโยบายได้ แต่ผู้ใช้จะยังสามารถเปิด/ปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอสำหรับการเข้าถึง ซึ่งสำคัญกว่าแป้นพิมพ์เสมือนที่นโยบายนี้ควบคุมอยู่ โปรดดูนโยบาย |VirtualKeyboardEnabled| สำหรับการควบคุมแป้นพิมพ์บนหน้าจอสำหรับการเข้าถึง
หากปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะถูกปิดใช้ในเบื้องต้น แต่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังอาจใช้กฎที่ช่วยแก้ปัญหาเพื่อตัดสินว่าจะแสดงแป้นพิมพ์เมื่อใดได้ด้วย</translation>
<translation id="228659285074633994">ระบุระยะเวลาที่ไม่มีอินพุตของผู้ใช้หลังจากที่ช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้นเมื่อทำงานด้วยไฟ AC
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงช่องโต้ตอบคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่าการดำเนินการแบบไม่ใช้งานกำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้น
ค่าของนโยบายควรระบุในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับความล่าช้าของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="2292084646366244343"><ph name="PRODUCT_NAME" /> สามารถใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในการสะกดผิด หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ไว้ บริการนี้จะถูกใช้อยู่เสมอ หากปิดใช้งานการตั้งค่า บริการนี้จะไม่ถูกใช้เลย
การตรวจสอบการสะกดยังสามารถทำงานได้โดยใช้พจนานุกรมที่ดาวน์โหลดมา แต่นโยบายนี้จะควบคุมเฉพาะการใช้งานบริการออนไลน์เท่านั้น
หากการตั้งค่านี้ไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกว่าจะใช้บริการตรวจสอบการสะกดหรือไม่</translation>
<translation id="2294382669900758280">ไม่มีการพิจารณาการเล่นวิดีโอในแอป Android แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="2298647742290373702">กำหนดค่าหน้าแท็บใหม่เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2299220924812062390">ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation>
<translation id="2303795211377219696">เปิดใช้ "ป้อนข้อความอัตโนมัติ" สำหรับบัตรเครดิต</translation>
<translation id="2309390639296060546">การตั้งค่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="2312134445771258233">ช่วยให้คุณกำหนดค่าหน้าเว็บที่จะโหลดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน เนื้อหาของรายการ "URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน" จะถูกข้ามไปจนกว่าคุณจะเลือก "เปิดรายการ URL" ใน "การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน"</translation>
<translation id="2327252517317514801">กำหนดโดเมนที่อนุญาตให้เข้าถึง G Suite</translation>
<translation id="237494535617297575">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือน หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultNotificationsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation>
<translation id="2386362615870139244">อนุญาตล็อกปลุกหน้าจอ</translation>
<translation id="2411817661175306360">การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านปิดอยู่</translation>
<translation id="2411919772666155530">บล็อกการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2418507228189425036">ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน ประวัติการเรียกดูจะไม่ได้รับการบันทึก การตั้งค่านี้ยังปิดการซิงค์แท็บอีกด้วย
หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่า จะมีการบันทึกประวัติการเรียก</translation>
<translation id="2426782419955104525">เปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาทันใจของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการเปิดใช้ "ค้นหาทันใจ"
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการปิดใช้ "ค้นหาทันใจ"
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้
หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันนี้
การตั้งค่านี้ได้ถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 29 และเวอร์ชันที่สูงกว่าแล้ว</translation>
<translation id="2433412232489478893">นโยบายนี้ใช้กำหนดว่าผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
ถ้าไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายได้
ถ้าตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายไม่ได้</translation>
<translation id="2438609638493026652">เปิดใช้การรายงานเหตุการณ์สำคัญระหว่างการติดตั้งแอป Android ไปยัง Google รายงานจะบันทึกเหตุการณ์ของแอปที่มีการเรียกใช้การติดตั้งผ่านนโยบายเท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ระบบจะบันทึกเหตุการณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่บันทึกเหตุการณ์</translation>
<translation id="244317009688098048">เปิดใช้งานทางลัดแป้นพิมพ์ bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ
หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น True และบัญชีภายในอุปกรณ์ได้รับการกำหนดค่าสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบมีความล่าช้าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ทางลัดแป้นพิมพ์ Ctrl+Alt+S สำหรับข้ามการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติและแสดงหน้าจอเข้าสู่ระบบ
หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็น False จะไม่สามารถข้ามการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบมีความล่าช้าเป็นศูนย์ได้ (หากมีการกำหนดค่า)</translation>
<translation id="2463365186486772703">ภาษาของแอปพลิเคชัน</translation>
<translation id="2466131534462628618">การตรวจสอบสิทธิ์ของแคพทีฟพอร์ทัลจะข้ามพร็อกซีไป</translation>
<translation id="2482676533225429905">การรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="2483146640187052324">คาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ</translation>
<translation id="2484208301968418871">นโยบายนี้ควบคุมการใช้ตัวกรอง URL ของ SafeSites
ตัวกรองนี้ใช้ Google Safe Search API เพื่อจำแนก URL ว่าเป็นประเภทลามกอนาจารหรือไม่
เมื่อไม่ได้กำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" ระบบจะไม่กรองเว็บไซต์
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "กรองเว็บไซต์ระดับบนสุดที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" ระบบจะกรองเว็บไซต์ที่อยู่ในประเภทลามกอนาจารออก</translation>
<translation id="2486371469462493753">ปิดการบังคับใช้ข้อกำหนดความโปร่งใสของใบรับรองใน URL ที่แสดงรายการ
นโยบายนี้อนุญาตให้ใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์ใน URL ที่ระบุไม่ต้องเปิดเผยผ่านความโปร่งใสของใบรับรอง ซึ่งช่วยให้ใบอนุญาตที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะให้สามารถใช้งานได้ แต่จะทำให้โฮสต์ตรวจหาใบรับรองที่ออกอย่างไม่ถูกต้องได้ยากขึ้น
การจัดรูปแบบ URL จะเป็นไปตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format แต่เนื่องจากใบรับรองที่ถูกต้องต้องมาจากชื่อโฮสต์ที่ขึ้นอยู่กับรูปแบบ พอร์ต หรือเส้นทาง จึงพิจารณาเพียงแค่ส่วนชื่อโฮสต์ของ URL เท่านั้น ทั้งนี้ไม่สนับสนุนโฮสต์ที่ใช้สัญลักษณ์แทน
หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้ไว้ ใบรับรองที่ถูกกำหนดให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านความโปร่งใสของใบรับรองที่ไม่ได้เปิดเผยตามข้อกำหนดจะถือว่าเป็นใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือตามนโยบายความโปร่งใสของใบรับรอง</translation>
<translation id="2488010520405124654">เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือมีการตั้งค่าเป็น "จริง" และบัญชีในตัวอุปกรณ์ได้รับการกำหนดค่าสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบไม่ล่าช้า และอุปกรณ์ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงพรอมต์การกำหนดค่าเครือข่าย
หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" ข้อความแสดงข้อผิดพลาดจะปรากฏขึ้นแทนพรอมต์การกำหนดค่าเครือข่าย</translation>
<translation id="2498238926436517902">ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเสมอ</translation>
<translation id="2514328368635166290">ระบุ URL ไอคอนที่ชื่นชอบของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการแสดงไอคอนสำหรับผู้ให้บริการการค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="2516600974234263142">ช่วยให้สามารถพิมพ์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากมีการเปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ได้
หากปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถพิมพ์จาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> การพิมพ์จะถูกปิดใช้งานไว้ในเมนูเครื่องมือ ส่วนขยาย แอปพลิเคชัน JavaScript เป็นต้น แต่คุณสามารถพิมพ์จากปลั๊กอินที่ข้าม <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขณะพิมพ์ได้ ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชัน Flash บางรายการมีตัวเลือกการพิมพ์ในเมนูตามบริบท ซึ่งนโยบายนี้ไม่ได้ครอบคลุม</translation>
<translation id="2518231489509538392">อนุญาตให้เล่นเสียง</translation>
<translation id="2521581787935130926">แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="2529659024053332711">ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมได้ในขณะที่เริ่มต้น
หากคุณเลือก "เปิดหน้าแท็บใหม่" หน้าแท็บใหม่จะเปิดขึ้นเสมอเมื่อคุณเริ่มใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากคุณเลือก "คืนค่าเซสชันล่าสุด" URL ที่เปิดในครั้งล่าสุดที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ถูกปิดจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง และระบบจะคืนค่าเซสชันการเรียกดูให้เหมือนกับตอนที่ปิดไป
การเลือกตัวเลือกนี้จะปิดใช้การตั้งค่าบางอย่างที่ต้องอาศัยเซสชัน หรือที่ปฏิบัติตามคำสั่งในขณะออกจากระบบ (เช่น ล้างข้อมูลการท่องเว็บในขณะออกจากระบบหรือคุกกี้เฉพาะเซสชัน)
หากคุณเลือก "เปิดรายการ URL" รายการของ "URL ที่จะเปิดในขณะที่เริ่มต้น" จะเปิดขึ้นมาเมื่อผู้ใช้เริ่มใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
การปิดใช้การตั้งค่านี้เปรียบเสมือนการไม่ได้กำหนดค่าการตั้งค่า ผู้ใช้จะยังคงเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="2529880111512635313">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่บังคับให้ติดตั้ง</translation>
<translation id="253135976343875019">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="2536525645274582300">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่</translation>
<translation id="254653220329944566">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2548572254685798999">รายงานข้อมูล Google Safe Browsing</translation>
<translation id="2550593661567988768">การพิมพ์ด้านเดียวเท่านั้น</translation>
<translation id="2552966063069741410">เขตเวลา</translation>
<translation id="2562339630163277285">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ URL ควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา
นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ
URL ผลการค้นหาแบบทันใจของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_INSTANT_SEARCH_URL" />
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="2569647487017692047">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดใช้บลูทูธและผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดใช้ได้อีกครั้ง
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถเปิดหรือปิดใช้บลูทูธได้ตามต้องการ
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้
หลังจากเปิดใช้บลูทูธแล้ว ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบและลงชื่อเข้าใช้ใหม่เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล (ไม่จำเป็นหากมีการปิดใช้บลูทูธ)</translation>
<translation id="2571066091915960923">เปิดใช้หรือปิดใช้พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดใช้หรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือโอเวอร์ไรด์การตั้งค่านี้
หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่า ฟีเจอร์พร็อกซีการบีบอัดข้อมูลจะพร้อมใช้งานสำหรับให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้</translation>
<translation id="2587719089023392205">ตั้ง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="2592091433672667839">ระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation>
<translation id="2596260130957832043">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ NTLMv2 ไหม
เซิร์ฟเวอร์ Samba และ Windows เวอร์ชันล่าสุดทั้งหมดจะรองรับ NTLMv2 ควรปิดใช้การตั้งค่านี้เฉพาะเมื่อต้องการให้ใช้งานได้กับเวอร์ชันก่อนหน้าเท่านั้น เพราะการปิดใช้จะลดความปลอดภัยในการตรวจสอบสิทธิ์
หากไม่ได้ตั้งค่าใช้นโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นจะเป็น True และมีการเปิดใช้ NTLMv2</translation>
<translation id="2604182581880595781">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="2623014935069176671">รอกิจกรรมเริ่มต้นของผู้ใช้</translation>
<translation id="262740370354162807">เปิดใช้งานการส่งเอกสารไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="2627554163382448569">ระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์ขององค์กร
นโยบายนี้ให้คุณระบุการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รูปแบบจะเหมือนกับพจนานุกรม NativePrinters ซึ่งมีช่องเพิ่มเติมที่จำเป็นอย่าง "ID" หรือ "GUID" ต่อเครื่องพิมพ์สำหรับการอนุญาตพิเศษหรือการทำบัญชีดำ
ขนาดของไฟล์ต้องไม่เกิน 5 MB และต้องเข้ารหัสเป็น JSON ซึ่งคาดว่าเมื่อเข้ารหัสไฟล์ที่มีเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่อง จะได้ไฟล์ขนาด 5 MB ระบบจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด
ระบบจะดาวน์โหลดและแคชไฟล์ และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
ถ้าตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งาน โดยสอดคล้องกับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE" />, <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> และ <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" />
ถ้าตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์ใดๆ แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
</translation>
<translation id="2633084400146331575">เปิดใช้งานการตอบสนองด้วยเสียง</translation>
<translation id="2646290749315461919">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้หรือไม่ การติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้สามารถได้รับอนุญาตตามค่าเริ่มต้น ปฏิเสธโดยค่าเริ่มต้น หรือระบบสามารถถามผู้ใช้ทุกครั้งที่เว็บไซต์ขอตำแหน่งทางกายภาพ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AskGeolocation" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="2647069081229792812">เปิดหรือปิดใช้การแก้ไขบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="2650049181907741121">การทำงานของอุปกรณ์เมื่อผู้ใช้ปิดฝา</translation>
<translation id="2655233147335439767">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้เมื่อดำเนินการค้นหาตามค่าเริ่มต้น URL ควรมีสตริง "<ph name="SEARCH_TERM_MARKER" />" ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยค่าที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา
URL การค้นหาของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_SEARCH_URL" />.
นโยบายนี้จะต้องมีการตั้งค่าเมื่อมีการเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" และจะมีการใช้งานเฉพาะในกรณีนี้เท่านั้น</translation>
<translation id="2659019163577049044">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะตั้งค่าอุปกรณ์เพื่อซิงค์ข้อความ SMS ระหว่างโทรศัพท์กับ Chromebook ได้ โปรดทราบว่าหากอนุญาตให้มีนโยบายนี้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดเจนด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าจนสมบูรณ์ เมื่อเสร็จแล้ว ผู้ใช้จะส่งและรับข้อความ SMS ใน Chromebook ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะตั้งค่าการซิงค์ SMS ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการ แต่จะอนุญาตสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="2660846099862559570">ไม่ใช้พร็อกซี</translation>
<translation id="2663739737868438950">
นโยบายนี้ใช้กับหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ด้วย ขอแนะนำให้ตั้งทั้ง 2 นโยบายเป็นค่าเดียวกัน ค่าที่ไม่ตรงกันอาจทำให้เกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ
ขอแนะนำให้ดูการตั้งค่านโยบาย IsolateOrigins เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการแยกและการจำกัดผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้ด้วยการใช้ IsolateOrigins กับรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก การตั้งค่า SitePerProcess นี้จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด
หากเปิดใช้นโยบาย แต่ละเว็บไซต์จะทำงานในโปรเซสของตัวเอง
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ SitePerProcess ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
</translation>
<translation id="2672012807430078509">ควบคุมการเปิดใช้ NTLM เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการต่อเชื่อม SMB</translation>
<translation id="267596348720209223">กำหนดการเข้ารหัสตัวอักษรที่สนับสนุนโดยผู้ให้บริการการค้นหา การเข้ารหัสหมายถึงชื่อหน้ารหัสอย่างเช่น UTF-8, GB2312 และ ISO-8859-1 โดยมีการนำมาใช้ตามลำดับที่ให้มา นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ UTF-8 นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="268577405881275241">เปิดใช้ฟีเจอร์พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล</translation>
<translation id="2693108589792503178">กำหนดค่า URL การเปลี่ยนรหัสผ่าน</translation>
<translation id="2696531058295423290">อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2731627323327011390">ปิดการใช้งานใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="2742843273354638707">ซ่อนแอป Chrome เว็บสโตร์ และลิงก์ส่วนท้ายจากหน้าแท็บใหม่ และเครื่องเรียกใช้งานแอป <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True จะมีการซ่อนไอคอนไป
เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น False หรือไม่มีการกำหนดค่า จะสามารถมองเห็นไอคอนได้</translation>
<translation id="2744751866269053547">ลงทะเบียนเครื่องจัดการโปรโตคอล</translation>
<translation id="2746016768603629042">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ DefaultJavaScriptSetting แทน
สามารถใช้เพื่อปิดใช้งาน JavaScript ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้
หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้ หน้าเว็บจะไม่สามารถใช้ JavaScript และผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้
หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าเว็บจะสามารถใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้</translation>
<translation id="2753637905605932878">จำกัดช่วงของพอร์ต UDP ในเครื่องที่ WebRTC ใช้งาน</translation>
<translation id="2755385841634849932">นโยบายนี้ควบคุมความพร้อมใช้งานของการสำรองและกู้คืนข้อมูลของ Android
เมื่อไม่ได้กำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BR_DISABLED" /> ระบบจะปิดใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูลของ Android และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BR_UNDER_USER_CONTROL" /> ระบบจะขอให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูลของ Android หรือไม่ หากผู้ใช้เปิดใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูล ระบบจะอัปโหลดข้อมูลแอป Android ไปยังเซิร์ฟเวอร์สำรองของ Android และกู้คืนข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์สำรองเมื่อมีการติดตั้งแอปที่รองรับอีกครั้ง</translation>
<translation id="2757054304033424106">ประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้ง</translation>
<translation id="2759224876420453487">ควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์</translation>
<translation id="2761483219396643566">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้กำลังแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2762164719979766599">ระบุรายการบัญชีภายในอุปกรณ์ที่จะแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้
แต่ละข้อมูลในรายการจะระบุตัวชี้ ซึ่งใช้ภายในสำหรับการแยกบัญชีภายในอุปกรณ์จากกัน</translation>
<translation id="2769952903507981510">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2787173078141616821">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของ Android</translation>
<translation id="2799297758492717491">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติในรายการรูปแบบ URL ที่อนุญาตพิเศษ</translation>
<translation id="2801230735743888564">อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ขณะที่อุปกรณ์ออฟไลน์ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถเล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ขณะที่อุปกรณ์ออฟไลน์ แต่หากตั้งค่าเป็น True ผู้ใช้จะสามารถเล่นเกมไดโนเสาร์ได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไม่สามารถเล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้บน Chrome OS ที่ลงทะเบียนไว้ แต่จะสามารถเล่นเกมนี้ในกรณีอื่นๆ ได้</translation>
<translation id="2802085784857530815">ให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้ไหม
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าใดเลย ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมของตนเองได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ดั้งเดิมของตนไม่ได้ รวมถึงจะไม่สามารถพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมที่เคยกำหนดค่าไว้แล้วด้วย
</translation>
<translation id="2805707493867224476">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงป๊อปอัป</translation>
<translation id="2808013382476173118">เปิดใช้เซิร์ฟเวอร์ STUN เมื่อไคลเอ็นต์ระยะไกลพยายามสร้างการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ไคลเอ็นต์ระยะไกลจะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องนี้แม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์
หากปิดใช้การตั้งค่านี้และไฟร์วอลล์กรองการเชื่อมต่อ UDP ขาออก เครื่องนี้จะอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครื่องไคลเอ็นต์ภายใน LAN เท่านั้น
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้การตั้งค่า</translation>
<translation id="2823870601012066791">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> คือ</translation>
<translation id="2824715612115726353">เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="2838830882081735096">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="2839294585867804686">การตั้งค่าพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="2840269525054388612">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานได้
ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> สำหรับโหมด <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น
ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้งานได้เฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบาย รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY" />
</translation>
<translation id="285480231336205327">เปิดใช้งานโหมดความคมชัดสูง</translation>
<translation id="2854919890879212089">เป็นสาเหตุให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นทางเลือกเริ่มต้นในหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์ แทนเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานล่าสุด
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่กำหนดค่า หน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์จะใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้งานล่าสุดเป็นทางเลือกปลายทางเริ่มต้น
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์จะใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการเป็นทางเลือกปลายทางเริ่มต้น</translation>
<translation id="2856674246949497058">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ทำ Powerwash ในขั้นตอนนี้</translation>
<translation id="2872961005593481000">ปิด</translation>
<translation id="2873651257716068683">ลบล้างขนาดหน้าการพิมพ์เริ่มต้น ระบบจะเพิกเฉยนโยบายนี้หากไม่มีขนาดหน้าให้เลือก</translation>
<translation id="2874209944580848064">หมายเหตุสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่รองรับแอป Android:</translation>
<translation id="2877225735001246144">ปิดใช้งานการค้นหา CNAME เมื่อมีการเจรจาตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation>
<translation id="2890645751406497668">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุ</translation>
<translation id="2892414556511568464">จำกัดโหมดการพิมพ์ 2 ด้าน ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือค่าว่างเปล่า</translation>
<translation id="2893546967669465276">ส่งบันทึกของระบบไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการ</translation>
<translation id="2899002520262095963">แอป Android สามารถใช้การกำหนดค่าเครือข่ายและใบรับรอง CA ที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ได้ แต่จะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงตัวเลือกการตั้งค่าบางอย่าง</translation>
<translation id="290002216614278247">ให้คุณล็อกเซสชันของผู้ใช้ตามเวลาของไคลเอ็นต์หรือโควตาการใช้งานประจำวัน
|time_window_limit| ระบุกรอบเวลารายวันที่ควรล็อกเซสชันของผู้ใช้ เรารองรับ 1 กฎต่อแต่ละวันในสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นอาร์เรย์ |entries| จึงอาจมีขนาดต่างกันไปตั้งแต่ 0-7 |starts_at| และ |ends_at| คือจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของขีดจำกัดกรอบเวลา เมื่อ |ends_at| น้อยกว่า |starts_at| หมายความว่า |time_limit_window| สิ้นสุดในวันต่อมา |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม
|time_usage_limit| ระบุโควตาการอยู่หน้าจอรายวัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ใช้งานถึงระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ระบบจะล็อกเซสชันของผู้ใช้ มีคุณสมบัติ 1 รายการสำหรับแต่ละวันในสัปดาห์ ซึ่งควรตั้งค่าเฉพาะเมื่อมีโควตาที่ใช้งานอยู่ของวันนั้นๆ |usage_quota_mins| คือระยะเวลาในแต่ละวันที่ผู้ใช้จะใช้อุปกรณ์ที่มีการจัดการได้ และ |reset_at| คือเวลาที่มีการต่ออายุโควตาการใช้งาน ค่าเริ่มต้นของ |reset_at| คือเที่ยงคืน ({'hour': 0, 'minute': 0}) |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม
|overrides| มีไว้เพื่อทำให้กฎก่อนหน้าอย่างน้อย 1 ข้อใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
* หากทั้ง time_window_limit และ time_usage_limit ไม่ได้ทำงานอยู่ ระบบอาจใช้ |LOCK| เพื่อล็อกอุปกรณ์
* |LOCK| จะล็อกเซสชันของผู้ใช้ชั่วคราวจนกว่าจะถึง time_window_limit ครั้งต่อไป หรือ time_usage_limit เริ่มต้นขึ้น
* |UNLOCK| จะปลดล็อกเซสชันของผู้ใช้ที่ล็อกด้วย time_window_limit หรือ time_usage_limit
|created_time_millis| คือการประทับเวลาการสร้างการลบล้างตามเขตเวลา UTC ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม และใช้เพื่อตัดสินว่ายังควรใช้การลบล้างนี้อยู่หรือไม่ หากฟีเจอร์ขีดจำกัดเวลาใช้งานปัจจุบัน (ขีดจำกัดการใช้เวลาหรือขีดจำกัดกรอบเวลา) เริ่มต้นหลังจากที่สร้างการลบล้าง ก็จะไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ หากมีการสร้างการลบล้างก่อนการเปลี่ยนแปลง time_window_limit หรือ time_usage_window ซึ่งใช้อยู่ครั้งล่าสุด ระบบจะไม่ใช้การลบล้างนี้
ส่งการลบล้างหลายรายการได้แต่ระบบจะใช้รายการล่าสุดที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="2905984450136807296">อายุการใช้งานของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="2906874737073861391">รายการส่วนขยายของ AppPack</translation>
<translation id="2907992746861405243">ควบคุมว่าผู้ใช้จะใช้งานเครื่องพิมพ์จาก <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" /> เครื่องใดได้บ้าง
กำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก ถ้าเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> ระบบจะแสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด ถ้าเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ระบบจะใช้ <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" /> เพื่อจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ในนั้น ถ้าเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ระบบจะใช้ <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> ซึ่งระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้
ถ้าไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะถือว่าเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" />
</translation>
<translation id="2908277604670530363">จำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน</translation>
<translation id="2952347049958405264">ข้อจำกัด:</translation>
<translation id="2956777931324644324">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 36
ระบุว่าควรเปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS ไหม
ใช้การตั้งค่านี้เพื่อเปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS สำหรับการทดสอบ ระบบจะลบการตั้งค่าเวอร์ชันทดลองนี้ในอนาคต</translation>
<translation id="2957506574938329824">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธผ่าน Web Bluetooth API</translation>
<translation id="2957513448235202597">ประเภทบัญชีสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /></translation>
<translation id="2959898425599642200">กฎการข้ามพร็อกซี</translation>
<translation id="2960128438010718932">กำหนดการใช้อัปเดตใหม่แบบทีละขั้น</translation>
<translation id="2960691910306063964">เปิดหรือปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ใช้ PIN สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2976002782221275500">ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ
เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
 ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="2987155890997901449">เปิดใช้ ARC</translation>
<translation id="2987227569419001736">ควบคุมการใช้ Web Bluetooth API</translation>
<translation id="3016255526521614822">อนุญาตพิเศษให้แอปสำหรับจดโน้ตแสดงในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3021562480854470924">อนุญาตให้มีจุดการย้อนกลับ</translation>
<translation id="3023572080620427845">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่จะโหลดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="3030000825273123558">เปิดใช้งานการรายงานเมตริก</translation>
<translation id="3034580675120919256">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หรือไม่ การเรียกใช้ JavaScript อาจจะได้รับอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AllowJavaScript" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="3038323923255997294">เรียกใช้แอปพลิเคชันพื้นหลังต่อไปเมื่อปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3046192273793919231">ส่งแพ็กเก็ตเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อติดตามดูสถานะการออนไลน์</translation>
<translation id="3047732214002457234">ควบคุมวิธีที่การทำความสะอาด Chrome รายงานข้อมูลไปยัง Google</translation>
<translation id="304775240152542058">นโยบายนี้ควบคุมพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งที่จะเปิดไปยังเบราว์เซอร์สำรอง
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะส่งเฉพาะ URL ดังกล่าวเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริง ระบบจะส่งแต่ละสตริงไปยังเบราว์เซอร์สำรองเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งที่แยกจากกัน ใน Windows พารามิเตอร์ต่างๆ จะรวมกันโดยใช้การเว้นวรรค ส่วนใน Mac OS X และ Linux พารามิเตอร์หนึ่งๆ อาจมีการเว้นวรรคและระบบจะยังถือว่าเป็นพารามิเตอร์เดียว
หากเอลิเมนต์มี ${url} จะมีการแทนที่ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด
หากเอลิเมนต์ไม่มี ${url} จะมีการใส่ URL ต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง
ระบบจะขยายตัวแปรของสภาพแวดล้อม โดยใน Windows จะแทนที่ %ABC% ด้วยค่าตัวแปรของสภาพแวดล้อม ABC ส่วนใน Mac OS X และ Linux จะแทนที่ ${ABC} ด้วยค่าตัวแปรของสภาพแวดล้อม ABC</translation>
<translation id="3048744057455266684">หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้และ URL ค้นหาที่แถบอเนกประสงค์แนะนำมีพารามิเตอร์นี้ในสตริงข้อความค้นหาหรือในตัวระบุชิ้นส่วน คำแนะนำจะแสดงคำค้นหาและผู้ให้บริการค้นหาแทน URL ค้นหาดิบ
นโยบายนี้ไม่บังคับ หากไม่ตั้งค่านโยบาย จะไม่มีการแทนที่คำค้นหา
นโยบายนี้มีผลต่อเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled"</translation>
<translation id="306887062252197004">นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ใช้ฟีเจอร์ WebDriver ลบล้าง
นโยบายที่อาจรบกวนการทำงานได้
ปัจจุบันนโยบายนี้ปิดใช้นโยบาย SitePerProcess และ IsolateOrigins
หากเปิดใช้นโยบาย WebDriver จะสามารถลบล้างนโยบายที่
ใช้งานร่วมกันไม่ได้
หากปิดใช้หรือไม่กำหนดค่านโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ WebDriver
ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation>
<translation id="3069958900488014740">อนุญาตให้ปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD (การค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ) ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะเป็นการปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ซึ่งทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องใช้เวลาในการรอเซิร์ฟเวอร์ WPAD แบบ DNS นานขึ้น หากไม่ได้ตั้งค่าหรือไม่ได้เปิดใช้นโยบาย จะมีการเปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD
ไม่ว่าจะมีการกำหนดนโยบายนี้อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ได้</translation>
<translation id="3072045631333522102">โปรแกรมรักษาหน้าจอที่จะใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation>
<translation id="3072847235228302527">ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="3077183141551274418">เปิดหรือปิดใช้วงจรชีวิตแท็บ</translation>
<translation id="3086995894968271156">กำหนดค่า Cast Receiver ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3088796212846734853">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งได้รับอนุญาตให้แสดงรูปภาพ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultImagesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
โปรดทราบว่าการเปิดใช้นโยบายนี้ใน Android ก่อนหน้านี้เกิดจากความผิดพลาด ไม่มีการรองรับฟังก์ชันนี้ใน Android อย่างสมบูรณ์</translation>
<translation id="3096595567015595053">รายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation>
<translation id="3101501961102569744">เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="3117676313396757089">คำเตือน: ระบบจะนำ DHE ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 57 (ประมาณเดือนกันยายน 2017) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE และรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์เวอร์อีกครั้ง
ควรย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังชุดเข้ารหัส ECDHE แต่หากไม่มี ให้ตรวจสอบว่าเปิดใช้ชุดเข้ารหัสที่ใช้กลไกการแลกเปลี่ยนคีย์ RSA อยู่</translation>
<translation id="3117706142826400449">หากปิดใช้ จะป้องกันไม่ให้การทำความสะอาด Chrome สแกนระบบเพื่อหาซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์และทำความสะอาด ระบบจะปิดการเรียกใช้การทำความสะอาด Chrome ด้วยตนเองจาก chrome://settings/cleanup
หากเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า การทำความสะอาด Chrome จะสแกนหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในระบบอยู่เป็นระยะ และหากพบ ก็จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ดังกล่าวออกไหม ระบบจะเปิดการเรียกใช้การทำความสะอาด Chrome ด้วยตนเองจาก chrome://settings
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="3165808775394012744">เรารวมนโยบายเหล่านี้ไว้ที่นี่เพื่อให้นำออกได้ง่ายๆ</translation>
<translation id="316778957754360075">การตั้งค่านี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29 วิธีที่แนะนำในการตั้งค่าคอลเล็กชันส่วนขยาย/แอปที่โฮสต์โดยองค์กรคือการรวมไซต์ที่โฮสต์แพ็กเกจ CRX ใน ExtensionInstallSources และการวางลิงก์ดาวน์โหลดโดยตรงไปยังแพ็กเกจบนหน้าเว็บ ตัวเรียกใช้งานสำหรับหน้าเว็บนั้นสามารถถูกสร้างขึ้นโดยใช้นโยบาย ExtensionInstallForcelist</translation>
<translation id="3171369832001535378">เทมเพลตชื่อโฮสต์เครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3185009703220253572">ตั้งแต่รุ่น <ph name="SINCE_VERSION" /></translation>
<translation id="3187220842205194486">แอป Android ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกุญแจขององค์กร นโยบายนี้ไม่มีผลต่อกุญแจเหล่านั้น</translation>
<translation id="3201273385265130876">ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกโหมดพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ตายตัว คุณสามารถระบุตัวเลือกอื่นๆ ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นจึงจะพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
หากคุณเลือกใช้สคริปต์พร็อกซี .pac คุณต้องระบุ URL ไปยังสคริปต์ใน "URL ไปยังไฟล์พร็อกซี .pac"
สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และแอป ARC จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="3205825995289802549">ขยายขนาดหน้าต่างเบราว์เซอร์บานแรกให้ใหญ่ที่สุดเมื่อเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="3211426942294667684">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="3214164532079860003">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งานไว้ แต่หากปิดใช้งานอยู่ จะไม่มีการนำเข้าหน้าแรก หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติก็ได้</translation>
<translation id="3219421230122020860">โหมดไม่ระบุตัวตนพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3220624000494482595">หากแอปคีออสก์เป็นแอป Android แอปจะไม่มีสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แม้ว่าจะตั้งนโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="3236046242843493070">รูปแบบ URL ที่อนุญาตส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และการติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้จาก</translation>
<translation id="3240609035816615922">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์</translation>
<translation id="3243309373265599239">ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC
เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ
เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="3251500716404598358">กำหนดค่านโยบายเพื่อสลับระหว่างเบราว์เซอร์
เว็บไซต์ที่กำหนดค่าไว้จะเปิดในเบราว์เซอร์อื่นแทน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3264793472749429012">การเข้ารหัสของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="3273221114520206906">การตั้งค่า JavaScript เริ่มต้น</translation>
<translation id="3284094172359247914">ควบคุมการใช้ WebUSB API</translation>
<translation id="3288595667065905535">ช่องเผยแพร่</translation>
<translation id="3292147213643666827">ช่วยให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีระหว่าง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> และเครื่องพิมพ์แบบดั้งเดิมที่เชื่อมต่อกับเครื่อง
หากมีการเปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดใช้งานพร็อกซี Cloud Print โดยการตรวจสอบสิทธิ์กับบัญชี Google ของตน
หากปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดใช้งานพร็อกซีและเครื่องจะไม่ได้รับอนุญาตให้แชร์เครื่องพิมพ์กับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="3307746730474515290">ควบคุมประเภทแอป/ส่วนขยายที่อนุญาตให้ติดตั้งและจำกัดการเข้าถึงรันไทม์
การตั้งค่านี้ให้การอนุญาตเป็นพิเศษกับส่วนขยาย/แอปทุกประเภทที่ติดตั้งได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และกำหนดโฮสต์ที่ส่วนขยาย/แอปสามารถโต้ตอบได้ ค่าคือรายการสตริงซึ่งแต่ละสตริงควรเป็นค่าใดค่าหนึ่งต่อไปนี้ "extension", "theme", "user_script", "hosted_app", "legacy_packaged_app", "platform_app" ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเหล่านี้ในเอกสารประกอบเกี่ยวกับส่วนขยาย <ph name="PRODUCT_NAME" />
โปรดทราบว่านโยบายนี้ส่งผลต่อส่วนขยายและแอปที่จะบังคับให้ติดตั้งผ่าน ExtensionInstallForcelist ด้วย
หากกำหนดการตั้งค่านี้ไว้ ระบบจะไม่ติดตั้งประเภทส่วนขยาย/แอปที่ไม่ได้อยู่ในรายการ
หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ จะไม่มีการบังคับใช้ข้อจำกัดประเภทส่วนขยาย/แอปที่ยอมรับ</translation>
<translation id="3322771899429619102">ช่วยให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากรูปแบบ URL อยู่ใน "KeygenBlockedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้เอง</translation>
<translation id="332771718998993005">กำหนดชื่อที่โฆษณาเป็นปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า ระบบจะใช้สตริงนั้นเป็นชื่อปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> มิเช่นนั้นชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ และเจ้าของอุปกรณ์ (หรือผู้ใช้จากโดเมนที่จัดการอุปกรณ์) จะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อ ชื่อต้องมีความยาวไม่เกิน 24 อักขระ</translation>
<translation id="3335468714959531450">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง
ดูนโยบาย "CookiesBlockedForUrls" และ "CookiesSessionOnlyForUrls" ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า</translation>
<translation id="3373364525435227558">กำหนดภาษาที่แนะนำอย่างน้อย 1 ภาษาสำหรับเซสชันที่มีการจัดการ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกภาษาหนึ่งในนั้นได้อย่างง่ายดาย
ผู้ใช้เลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ได้ก่อนเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ โดยค่าเริ่มต้นทุกภาษาที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รองรับจะแสดงตามลำดับตัวอักษร คุณใช้นโยบายนี้เพื่อย้ายชุดภาษาที่แนะนำไปที่ด้านบนของรายการได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ภาษาของ UI ในปัจจุบันจะมีการเลือกไว้ล่วงหน้า
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ภาษาที่แนะนำจะย้ายไปอยู่ด้านบนของรายการและจะแสดงแยกจากภาษาอื่นๆ ทั้งหมด โดยจะแสดงตามลำดับที่ปรากฏในนโยบาย ทั้งนี้ภาษาที่แนะนำเป็นลำดับแรกจะมีการเลือกไว้ล่วงหน้า
หากมีภาษาที่แนะนำมากกว่า 1 ภาษา ระบบจะถือว่าผู้ใช้ต้องการเลือกภาษาหนึ่งในนี้ การเสนอให้เลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์จะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดเมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ มิเช่นนั้น ระบบจะถือว่าผู้ใช้โดยส่วนใหญ่ต้องการใช้ภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้า การเสนอให้เลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์จะมีความเด่นชัดน้อยกว่าเมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้และเปิดใช้การเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ (ดูนโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| และ |DeviceLocalAccountAutoLoginDelay|) เซสชันที่มีการจัดการซึ่งเริ่มโดยอัตโนมัติจะใช้ภาษาที่แนะนำเป็นลำดับแรกและใช้รูปแบบแป้นพิมพ์ที่นิยมกันมากที่สุดซึ่งตรงกับภาษานี้
รูปแบบแป้นพิมพ์ที่เลือกไว้ล่วงหน้าจะเป็นรูปแบบที่นิยมกันมากที่สุดเสมอและตรงกับภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้า
นโยบายนี้ตั้งค่าเป็นแบบแนะนำได้เท่านั้น คุณใช้นโยบายนี้ในการย้ายชุดภาษาที่แนะนำไปที่ด้านบนสุดได้ แต่ผู้ใช้จะเลือกภาษาใดก็ได้ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รองรับสำหรับเซสชันของตนได้เสมอ
</translation>
<translation id="3381968327636295719">ใช้เบราว์เซอร์โฮสต์โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="3388153794103186066">อนุญาตให้คุณตั้งค่ารายการ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB โดยอัตโนมัติ พร้อมรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่กำหนด รายการย่อยในรายการจะต้องมีทั้งอุปกรณ์และ URL เพื่อให้นโยบายมีผล แต่ละรายการในอุปกรณ์อาจมีช่องรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ รหัสที่ไม่รวมอยู่ในรายการจะถือว่าเป็นสัญลักษณ์แทนโดยมีข้อยกเว้นข้อเดียว นั่นก็คือคุณจะระบุรหัสผลิตภัณฑ์ได้เฉพาะเมื่อระบุรหัสผู้ให้บริการด้วยเท่านั้น มิเช่นนั้น ระบบจะถือว่านโยบายไม่มีผลและจะเพิกเฉยต่อนโยบาย
รูปแบบสิทธิ์ USB ใช้ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอ ("URL ที่ส่งคำขอ") และ URL ของเว็บไซต์กรอบระดับบนสุด ("URL ที่มีการฝัง") เพื่อให้สิทธิ์ URL ที่ส่งคำขอในการเข้าถึงอุปกรณ์ USB โดย URL ที่ส่งคำขออาจต่างจาก URL ที่มีการฝังเมื่อมีการโหลดเว็บไซต์ที่ส่งคำขอใน iframe ดังนั้นช่อง "urls" อาจมีสตริง URL ได้ถึง 2 สตริงโดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคเพื่อระบุ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังตามลำดับ หากมีการระบุ URL เพียงรายการเดียว ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เกี่ยวข้องเมื่อ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอตรงกับ URL นี้ไม่ว่าสถานะการฝังจะเป็นอย่างไร URL ในช่อง "urls" ต้องเป็น URL ที่ถูกต้อง มิเช่นนั้น ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด ไม่ว่าจะมาจากนโยบาย "DefaultWebUsbGuardSetting" (หากตั้งค่าไว้) หรือการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ (หากไม่ได้ตั้งค่าไว้)
รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน WebUsbBlockedForUrls หากขัดแย้งกัน ระบบจะใช้นโยบายนี้แทน WebUsbBlockedForUrls และ WebUsbAskForUrls</translation>
<translation id="3414260318408232239">หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เวอร์ชันขั้นต่ำที่เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งก็คือ TLS 1.0
ทั้งนี้คุณตั้งค่านโยบายเป็นค่าใดค่าหนึ่งได้ระหว่าง "tls1", "tls1.1" หรือ "tls1.2" เมื่อตั้งค่าแล้ว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้ SSL/TLS ในเวอร์ชันที่ต่ำกว่าเวอร์ชันที่ระบุ และจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก</translation>
<translation id="3417418267404583991">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปิดใช้งานการลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือน การลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือนจะเป็นเซสชันผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนและไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มเซสชันของผู้มาเยือน</translation>
<translation id="3418871497193485241">บังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้
เลือกโหมดที่จำกัดต่ำกว่านี้
หากตั้งค่านี้เป็นเข้มงวด ระบบจะใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube เสมอ
หากตั้งค่านี้เป็นปานกลาง ผู้ใช้อาจเลือกได้เฉพาะโหมดที่จำกัดปานกลาง
และโหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube แต่ไม่สามารถปิดใช้โหมดที่จำกัด
หากตั้งค่านี้เป็นปิดหรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation>
<translation id="3428247105888806363">เปิดใช้งานการคาดการณ์เครือข่าย</translation>
<translation id="3437924696598384725">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN</translation>
<translation id="3449886121729668969">กำหนดการตั้งค่าพร็อกซีสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่าพร็อกซีเหล่านี้จะพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC ด้วย
นโยบายนี้ยังไม่พร้อมใช้งาน โปรดอย่าเพิ่งใช้นโยบายนี้</translation>
<translation id="3460784402832014830">ระบุ URL ที่เครื่องมือค้นหาจะใช้เพื่อให้บริการหน้าแท็บใหม่
นโยบายนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่บังคับ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีหน้าแท็บใหม่ให้บริการ
นโยบายนี้จะมีผลใช้เฉพาะเมื่อนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้</translation>
<translation id="346731943813722404">ระบุว่าจะหน่วงเวลาการจัดการพลังงานไหม และการจำกัดความยาวเซสชันควรเริ่มทำงานหลังจากสังเกตพบกิจกรรมแรกของผู้ใช้ในเซสชันเท่านั้นไหม
หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็นจริง การจัดการพลังงานจะหน่วงเวลาและการจำกัดความยาวเซสชันจะไม่เริ่มทำงานหลังจากสังเกตพบกิจกรรมแรกของผู้ใช้ในเซสชัน
หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้ตั้งค่า การจัดการพลังงานจะหน่วงเวลาและการจำกัดความยาวเซสชันจะเริ่มทำงานทันทีที่เริ่มเซสชัน</translation>
<translation id="3478024346823118645">ล้างข้อมูลผู้ใช้เมื่อออกจากระบบ</translation>
<translation id="348495353354674884">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์เสมือน</translation>
<translation id="3487623755010328395">
หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามลงทะเบียนตนเองและใช้นโยบายระบบคลาวด์ที่เกี่ยวข้องกับโปรไฟล์ทั้งหมด
ค่าของนโยบายนี้คือโทเค็นการลงทะเบียนที่ดึงได้จากคอนโซลผู้ดูแลระบบ Google</translation>
<translation id="3496296378755072552">ตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="3500732098526756068">อนุญาตให้คุณควบคุมการทริกเกอร์คำเตือนการปกป้องรหัสผ่าน การปกป้องรหัสผ่านจะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่น่าสงสัย
คุณใช้นโยบาย "PasswordProtectionLoginURLs" และ "PasswordProtectionChangePasswordURL" เพื่อกำหนดค่ารหัสผ่านที่จะปกป้องได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "PasswordProtectionWarningOff" ระบบจะไม่แสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่าน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "PasswordProtectionWarningOnPasswordReuse" ระบบจะแสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่านเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่ไม่ได้อยู่ในรายการอนุญาตพิเศษ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "PasswordProtectionWarningOnPhishingReuse" ระบบจะแสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่านเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ฟิชชิง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ บริการปกป้องรหัสผ่านจะปกป้องเฉพาะรหัสผ่าน Google แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="3502555714327823858">อนุญาตโหมดพิมพ์ 2 ด้านทั้งหมด</translation>
<translation id="350443680860256679">กำหนดค่า ARC</translation>
<translation id="3504791027627803580">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้การค้นหาภาพ คำขอค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET หากนโยบาย DefaultSearchProviderImageURLPostParams ถูกกำหนด คำขอค้นหาภาพจะใช้วิธีการ POST แทน
นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด จะไม่มีการใช้คำขอค้นหาภาพใดๆ
นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้</translation>
<translation id="350797926066071931">เปิดใช้งานแปลภาษา</translation>
<translation id="3512226956150568738">หากรุ่นอุปกรณ์ของไคลเอ็นต์รองรับ ARC มาก่อน จะต้องเรียกใช้ ARC ในการย้ายข้อมูลไปที่ ext4 และหากตั้งนโยบาย ArcEnabled ให้เป็นจริง ตัวเลือกนี้จะทำหน้าที่เป็น AskUser (ค่า 3) ในกรณีอื่นๆ ทั้งหมด (หากรุ่นอุปกรณ์ไม่ได้รองรับ ARC อยู่ หรือหากตั้งนโยบาย ArcEnabled เป็นเท็จ) ค่านี้จะเทียบเท่ากับ DisallowArc (ค่า 0)</translation>
<translation id="3524204464536655762">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน WebUSB API</translation>
<translation id="3526752951628474302">การพิมพ์ขาวดำเท่านั้น</translation>
<translation id="3528000905991875314">เปิดใช้งานหน้าเว็บแสดงข้อผิดพลาดสำรอง</translation>
<translation id="3545457887306538845">ให้คุณควบคุมว่าจะใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ที่ใดบ้าง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowedForForceInstalledExtensions" (ค่า 0 ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น) คุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้โดยทั่วไป แต่จะเข้าถึงไม่ได้ในบริบทส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กร
หากตั้งค่านโยบายเป็น "DeveloperToolsAllowed" (ค่า 1) คุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ และยังใช้ได้ในทุกบริบท รวมถึงในบริบทส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กรด้วย
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) คุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และตรวจสอบองค์ประกอบในเว็บไซต์ไม่ได้อีกต่อไป และจะมีการปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดและเมนูหรือรายการเมนูตามบริบทที่ใช้เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript</translation>
<translation id="3547954654003013442">การตั้งค่าพร็อกซี</translation>
<translation id="355118380775352753">เว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="3577251398714997599">เครื่องมือตั้งค่าโฆษณาสำหรับเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="3591584750136265240">กำหนดค่าลักษณะการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3624171042292187668">
ขอแนะนำให้ดูการตั้งค่านโยบาย IsolateOrigins เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการแยกและการจำกัดผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้ด้วยการใช้ IsolateOrigins กับรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก การตั้งค่า SitePerProcess นี้จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด
หากเปิดใช้นโยบาย แต่ละเว็บไซต์จะทำงานในโปรเซสของตัวเอง
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ SitePerProcess ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> เป็นค่าเดียวกันด้วย หากค่าที่ระบุในทั้ง 2 นโยบายไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ
หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้ไม่ได้กับ Android หากต้องการเปิดใช้ SitePerProcess ใน Android ให้ใช้การตั้งค่านโยบาย SitePerProcessAndroid
</translation>
<translation id="3627678165642179114">เปิดหรือปิดใช้งานบริการเว็บสำหรับการตรวจสอบการสะกด</translation>
<translation id="3628480121685794414">เปิดใช้การพิมพ์แบบด้านเดียว</translation>
<translation id="3646859102161347133">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอ</translation>
<translation id="3653237928288822292">ไอคอนของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="3660562134618097814">โอนคุกกี้ SAML IdP ขณะลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3702647575225525306"><ph name="POLICY_NAME" /> (เราเลิกใช้งานช่องบรรทัดเดียวแล้วและจะนำออกในเร็วๆ นี้ โปรดเริ่มใช้กล่องข้อความหลายบรรทัดด้านล่างนี้)</translation>
<translation id="3709266154059827597">กำหนดค่ารายการที่ไม่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="3711895659073496551">ระงับการใช้งาน</translation>
<translation id="3715569262675717862">การตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="3736879847913515635">เปิดใช้การเพิ่มบุคคลในการจัดการผู้ใช้</translation>
<translation id="3748900290998155147">ระบุว่าอนุญาตการทำงานขณะล็อกหรือไม่ ส่วนขยายและแอป ARC อาจขอการทำงานขณะล็อก โดยส่วนขยายจะขอผ่าน Power Management Extension API
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะยอมรับการทำงานขณะล็อกสำหรับการจัดการพลังงาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่สนใจคำขอการทำงานขณะล็อก</translation>
<translation id="3750220015372671395">บล็อกการสร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="3756011779061588474">บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="3758089716224084329">ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และแอป ARC จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="3758249152301468420">ปิดใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="3764248359515129699">ปิดการบังคับใช้ข้อกำหนดความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการผู้ออกใบรับรองเดิม
นโยบายจะอนุญาตการปิดใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับกลุ่มใบรับรองที่มีใบรับรองซึ่งมีแฮช subjectPublicKeyInfo ที่ระบุ ซึ่งช่วยให้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสมสามารถใช้งานได้ต่อไปกับโฮสต์ที่เป็นองค์กร
เพื่อให้ปิดใช้การบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองได้เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ แฮชต้องมาจาก subjectPublicKeyInfo ที่แสดงในใบรับรอง CA ซึ่งถือว่าเป็นผู้ออกใบรับรอง (CA) เดิม โดย CA เดิม คือ CA ที่ได้รับความเชื่อถือต่อสาธารณะจากระบบปฏิบัติการอย่างน้อย 1 ระบบซึ่งรองรับโดย <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ไม่ได้รับความเชื่อถือจากโครงการโอเพนซอร์ส Android หรือ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
แฮช subjectPublicKeyInfo จะบ่งชี้ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช อักขระ "/" และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ subjectPublicKeyInfo ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ตามที่ระบุไว้ใน RFC 7469 มาตรา 2.4 ระบบจะเพิกเฉยต่ออัลกอริทึมของแฮชที่ไม่รู้จัก อัลกอริทึมของแฮชที่ได้รับการรองรับตอนนี้คือ "sha256" เพียงรายการเดียว
หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้ไว้ ใบรับรองที่ถูกกำหนดให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านความโปร่งใสของใบรับรองที่ไม่ได้เปิดเผยตามข้อกำหนดจะถือว่าเป็นใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือตามนโยบายความโปร่งใสของใบรับรอง</translation>
<translation id="3765260570442823273">ระยะเวลาของข้อความเตือนการออกจากระบบจากการไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="377044054160169374">การบังคับใช้การแทรกแซงเมื่อเกิดประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสม</translation>
<translation id="3780152581321609624">รวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานใน Kerberos SPN</translation>
<translation id="3780319008680229708">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ไอคอนแถบเครื่องมือ Cast จะแสดงในแถบเครื่องมือหรือเมนูรายการเพิ่มเติมเสมอ และผู้ใช้จะไม่สามารถนำออกได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะตรึงไอคอนหรือนำไอคอนออกผ่านเมนูตามบริบทได้
หากตั้งค่านโยบาย "EnableMediaRouter" เป็น False ค่าของนโยบายนี้จะไม่มีผลใช้งาน และไอคอนแถบเครื่องมือจะไม่แสดง</translation>
<translation id="3788662722837364290">การตั้งค่าการจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="3790085888761753785">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตนด้วย Smart Lock ลักษณะการทำงานโดยทั่วไปของ Smart Lock จะอนุญาตให้ผู้ใช้ปลดล็อกหน้าจอได้เพียงเท่านั้น การอนุญาตนี้จึงถือว่าให้สิทธิ์มากกว่าปกติ
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรและอนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="379602782757302612">ช่วยให้คุณระบุส่วนขยายที่ห้ามผู้ใช้ติดตั้ง ระบบจะปิดใช้ส่วนขยายที่ติดตั้งไว้แล้วหากมีชื่ออยู่ในบัญชีดำโดยผู้ใช้ไม่สามารถเปิดใช้ได้ หลังจากนำส่วนขยายที่ปิดใช้เนื่องจากอยู่ในบัญชีดำออกแล้ว ระบบจะเปิดใช้ให้ใหม่โดยอัตโนมัติ
ค่า "*" ในบัญชีดำหมายความว่าส่วนขยายทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ เว้นแต่จะใส่ชื่อไว้ในรายการที่อนุญาตพิเศษเป็นการเฉพาะ
ถ้าไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3800626789999016379">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ในการดาวน์โหลดไฟล์
หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุหรือเปิดใช้งานการตั้งค่าสถานะให้แจ้งตำแหน่งการดาวน์โหลดทุกครั้งหรือไม่ก็ตาม
ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้น ซึ่งผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้</translation>
<translation id="3805659594028420438">เปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS (เลิกใช้แล้ว)</translation>
<translation id="3808945828600697669">ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation>
<translation id="3811562426301733860">อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ทั้งหมด</translation>
<translation id="3816312845600780067">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์ลัด bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3820526221169548563">เปิดใช้ฟีเจอร์การเข้าถึงแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เสมอ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้ แต่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="382476126209906314">กำหนดค่าส่วนนำหน้า TalkGadget สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="3831376478177535007">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เชื่อถือใบรับรองที่ได้รับจากการดำเนินการสำหรับ PKI แบบเดิมของ Symantec Corporation หากการดำเนินการดังกล่าวผ่านการตรวจสอบและอยู่ในห่วงโซ่ของใบรับรอง CA ที่เป็นที่ยอมรับ
โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับว่าระบบปฏิบัติการยังยอมรับใบรับรองจากโครงสร้างพื้นฐานเดิมของ Symantec อยู่หรือไม่ หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การจัดการใบรับรองดังกล่าวของระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงไป นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังใช้แก้ปัญหาเป็นการชั่วคราวเพื่อให้องค์กรมีเวลามากขึ้นในการเปลี่ยนจากการใช้ใบรับรองแบบเดิมของ Symantec นโยบายนี้จะถูกนำออกไปประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดำเนินการตามกำหนดการเลิกใช้งานที่ประกาศต่อสาธารณะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกใช้งานข้างต้นใน https://g.co/chrome/symantecpkicerts</translation>
<translation id="383466854578875212">ช่วยให้คุณสามารถระบุว่าโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมใดที่ไม่ควรอยู่ภายใต้บัญชีดำ
ค่า * ของบัญชีดำหมายถึงโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ และจะโหลดเฉพาะโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษเท่านั้น
โดยค่าเริ่มต้น โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดจะอยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ แต่หากโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำตามนโยบาย ก็สามารถใช้รายการที่อนุญาตพิเศษลบล้างนโยบายนั้นได้</translation>
<translation id="384743459174066962">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดป๊อปอัป หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPopupsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation>
<translation id="3851039766298741586">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเซสชันคีออสก์ที่ใช้งาน เช่น
รหัสและเวอร์ชันของแอปพลิเคชัน
หากตั้งค่านโยบายเป็น False จะไม่มีการรายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์
หากตั้งค่าเป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการรายงานข้อมูล
เซสชัน</translation>
<translation id="3858658082795336534">โหมดพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น</translation>
<translation id="3859780406608282662">เพิ่มพารามิเตอร์เพื่อเรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากมีการระบุ จะมีการเพิ่มพารามิเตอร์การค้นหาชื่อ "ข้อจำกัด" ลงใน URL ที่ใช้เรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ ค่าพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้
หากไม่มีการระบุ จะไม่มีการแก้ไข URL ข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ</translation>
<translation id="3863409707075047163">เวอร์ชัน SSL ขั้นต่ำที่เปิดใช้</translation>
<translation id="3864020628639910082">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้คำแนะนำการค้นหา URL ควรมีสตริง "<ph name="SEARCH_TERM_MARKER" />" ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา
นโยบายนี้เป็นตัวเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการใช้ URL ที่แนะนำ
URL ที่แนะนำของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_SUGGEST_SEARCH_URL" />
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled"</translation>
<translation id="3864129983143201415">กำหนดค่าภาษาที่อนุญาตในเซสชันของผู้ใช้</translation>
<translation id="3866249974567520381">คำอธิบาย</translation>
<translation id="3868347814555911633">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
แสดงรายการส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้การสาธิตสำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก ส่วนขยายเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์และติดตั้งขณะที่ออฟไลน์ได้หลังจากการติดตั้ง
แต่ละรายการจะมีพจนานุกรมที่ต้องมี ID ส่วนขยายในฟิลด์ "extension-id" และ URL การอัปเดตในฟิลด์ "update-url"</translation>
<translation id="3874773863217952418">เปิดใช้การแตะเพื่อค้นหา</translation>
<translation id="3877517141460819966">โหมดการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สองที่ผสานรวม</translation>
<translation id="3879208481373875102">กำหนดค่ารายการเว็บแอปที่บังคับติดตั้งแล้ว</translation>
<translation id="388237772682176890">นโยบายนี้เลิกใช้งานใน M53 และนำออกจาก M54 เนื่องจากไม่มีการสนับสนุน SPDY/3.1 อีกต่อไป
ปิดใช้โปรโตคอล SPDY ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากเปิดใช้นโยบายนี้ โปรโตคอล SPDY จะไม่สามารถใช้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้สามารถใช้ SPDY ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะสามารถใช้ SPDY ได้</translation>
<translation id="3890999316834333174">นโยบายปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="3891357445869647828">เปิดใช้งาน JavaScript</translation>
<translation id="3895557476567727016">กำหนดค่าไดเรกทอรีเริ่มต้นที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์
หากกำหนดนโยบายนี้ นโยบายจะเปลี่ยนไดเรกทอรีเริ่มต้นที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ไป นโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ ผู้ใช้จึงเปลี่ยนไดเรกทอรีได้
หากไม่ได้กำหนดนโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีเริ่มต้นปกติของตน (เฉพาะแพลตฟอร์ม)
ไปที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables เพื่อดูตัวแปรที่สามารถใช้ได้</translation>
<translation id="3904459740090265495">นโยบายนี้ควบคุมลักษณะการทำงานในการลงชื่อเข้าใช้ของเบราว์เซอร์ โดยให้คุณระบุว่าผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยบัญชีของตนและใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น การซิงค์ของ Chrome ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชีไม่ได้ ในกรณีนี้ฟีเจอร์ระดับเบราว์เซอร์อย่างเช่น การซิงค์ของ Chrome จะใช้งานไม่ได้และไม่มีให้ใช้งาน หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบในครั้งถัดไปที่เรียกใช้ Chrome แต่ข้อมูลโปรไฟล์ในเครื่องของผู้ใช้ เช่น บุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน ฯลฯ จะยังคงอยู่ ผู้ใช้จะยังคงลงชื่อเข้าใช้และใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail ได้ต่อไป
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และจะมีการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หมายถึงเบราว์เซอร์จะเก็บข้อมูลบัญชีของผู้ใช้ไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าระบบจะเปิดใช้การซิงค์ของ Chrome ไว้โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้แยกต่างหาก การเปิดใช้นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปิดการตั้งค่าที่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์ หากต้องการควบคุมความพร้อมให้บริการของฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome ให้ใช้นโยบาย "SyncDisabled"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บังคับให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการเลือกบัญชีและบังคับให้ผู้ใช้ต้องเลือกลงชื่อเข้าใช้บัญชีเพื่อที่จะใช้เบราว์เซอร์ ในกรณีของบัญชีที่จัดการ วิธีนี้ช่วยให้แน่ใจว่าจะมีการใช้งานและบังคับใช้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้น การตั้งค่าดังกล่าวจะเปิดฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome สำหรับบัญชีนั้นไว้โดยค่าเริ่มต้น ยกเว้นกรณีที่ผู้ดูแลระบบโดเมนปิดใช้การซิงค์หรือการซิงค์ถูกปิดผ่านทางนโยบาย "SyncDisabled" ค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled จะตั้งไว้เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7572556
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะตัดสินใจเองได้ว่าจะเปิดใช้ตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หรือไม่และใช้งานได้ตามที่เห็นสมควร</translation>
<translation id="3911737181201537215">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการบันทึกที่ดำเนินการโดย Android</translation>
<translation id="391531815696899618">ปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อตั้งค่าเป็น True ในกรณีดังกล่าวจะไม่มีการอัปโหลดข้อมูลไปยัง Google ไดรฟ์
หากไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น False ผู้ใช้จะสามารถโอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์</translation>
<translation id="3915395663995367577">URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี</translation>
<translation id="3925020515212192040">ระบุรายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า
รายการย่อยแต่ละรายการของนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มีสมาชิก 2 รายการ ได้แก่ "share_url" และ "mode" โดยที่ "share_url" ควรเป็น URL ของพื้นที่แชร์และ "mode" ควรเป็น "drop_down" ซึ่งบ่งชี้ว่าจะมีการเพิ่ม "share_url" ลงในรายการแบบเลื่อนลงของการสำรวจพื้นที่แชร์</translation>
<translation id="3925377537407648234">ตั้งค่าความละเอียดและปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผล</translation>
<translation id="3939893074578116847">ส่งแพ็กเก็ตเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อติดตามดูสถานะการออนไลน์ เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบว่าอุปกรณ์กำลังออฟไลน์หรือไม่ หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่จริง ระบบจะส่งการติดตามดูแพ็กเก็ตเครือข่าย (ที่เรียกว่า <ph name="HEARTBEATS_TERM" /> ) หากตั้งค่าไว้ที่เท็จหรือไม่มีการตั้งค่า ระบบจะไม่มีส่งแพ็กเก็ต</translation>
<translation id="3950239119790560549">อัปเดตการจำกัดเวลา</translation>
<translation id="3956686688560604829">ใช้นโยบาย SiteList ของ Internet Explorer กับการรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="3958586912393694012">อนุญาตให้ใช้ Smart Lock</translation>
<translation id="3963602271515417124">หากค่าเป็น True ระบบจะอนุญาตการรับรองจากระยะไกลให้กับอุปกรณ์ และจะสร้างใบรับรองแล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ
หากตั้งค่าเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่สร้างใบรับรองและการเรียกใช้ API ส่วนขยาย enterprise.platformKeys จะล้มเหลว</translation>
<translation id="3965339130942650562">หมดเวลาจนกว่าจะดำเนินการออกจากระบบของผู้ใช้ที่ไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="3973371701361892765">ไม่ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเลย</translation>
<translation id="3984028218719007910">กำหนดว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เก็บข้อมูลบัญชีในตัวเครื่องหลังจากที่ออกจากระบบหรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เก็บบัญชีใดๆ ไว้อย่างถาวร และข้อมูลทั้งหมดจากเซสชันผู้ใช้จะถูกยกเลิกหลังจากที่ออกจากระบบ ถ้านโยบายนี้ถูกกำหนดเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า อุปกรณ์อาจเก็บข้อมูลผู้ใช้ในตัวเครื่องไว้ (โดยที่เข้ารหัส)</translation>
<translation id="3997519162482760140">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML</translation>
<translation id="4001275826058808087">ผู้ดูแลระบบ IT สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรสามารถใช้การตั้งสถานะนี้เพื่อควบคุมว่าจะอนุญาตผู้ใช้ให้แลกรับข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS ไหม
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่มีการตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถแลกรับข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS ได้
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นเท็จ ผู้ใช้จะไม่สามารถแลกรับข้อเสนอพิเศษได้</translation>
<translation id="4008507541867797979">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้เลือกได้ 1 รายการ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่จะแสดงหน้าจอการเข้าสู่ระบบตามปกติ (แจ้งให้ผู้ใช้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านหรือหมายเลขโทรศัพท์) หรือหน้าจอโฆษณาคั่นระหว่างหน้า SAML (หากเปิดใช้ผ่านนโยบาย <ph name="LOGIN_AUTHENTICATION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" />) ยกเว้นว่าจะมีการกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการ เมื่อกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการแล้ว ระบบจะแสดงเฉพาะบัญชีของเซสชันที่มีการจัดการเท่านั้นและอนุญาตให้เลือกบัญชีหนึ่งในนั้นได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อการที่อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่องหรือไม่</translation>
<translation id="4010738624545340900">อนุญาตให้เรียกดูช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้</translation>
<translation id="4012737788880122133">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติเมื่อตั้งค่าเป็น True
อุปกรณ์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจหาการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False
คำเตือน: เราขอแนะนำให้เปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติไว้เสมอเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การปิดการอัปเดตอัตโนมัติอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="4020682745012723568">แอป Android ไม่สามารถเข้าถึงคุกกี้ที่โอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="402759845255257575">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เรียกใช้ JavaScript</translation>
<translation id="4027608872760987929">เปิดใช้งานผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="4039085364173654945">ควบคุมว่าจะให้เนื้อหาย่อยของบุคคลที่สามบนหน้าเว็บได้รับอนุญาตให้ป๊อปอัปช่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP หรือไม่ ซึ่งโดยปกติจะถูกปิดใช้งานเพื่อป้องกันฟิชชิง หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะถูกปิดใช้งานและเนื้อหาย่อยของบุคคลที่สามจะไม่ได้รับอนุญาตให้ป๊อปอัปช่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP</translation>
<translation id="4056910949759281379">ปิดใช้งานโปรโตคอล SPDY</translation>
<translation id="4059515172917655545">นโยบายนี้ควบคุมความพร้อมใช้งานของบริการตำแหน่งของ Google
เมื่อไม่ได้กำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="GLS_DISABLED" /> ระบบจะปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="GLS_UNDER_USER_CONTROL" /> ระบบจะขอให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่ ซึ่งจะอนุญาตให้แอป Android ใช้บริการนี้ในการขอทราบตำแหน่งของอุปกรณ์ รวมถึงเปิดใช้การส่งข้อมูลตำแหน่งที่ไม่ระบุตัวตนไปยัง Google ด้วย
โปรดทราบว่าระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้และปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google เสมอเมื่อมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="DEFAULT_GEOLOCATION_SETTING_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /></translation>
<translation id="408029843066770167">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังบริการเวลาของ Google</translation>
<translation id="408076456549153854">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="4088589230932595924">บังคับใช้โหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="4088983553732356374">ให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ตั้งค่าข้อมูลในเครื่องไหม โดยสามารถอนุญาตทุกเว็บไซต์หรือปฏิเสธทุกเว็บไซต์ในการตั้งค่าข้อมูลในเครื่อง
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เก็บคุกกี้ไว้ภายในช่วงเวลาของเซสชัน" ระบบจะล้างคุกกี้เมื่อเซสชันปิดลง โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานใน "โหมดพื้นหลัง" เซสชันอาจไม่ปิดเมื่อคุณปิดหน้าต่างบานสุดท้าย โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้ได้จากนโยบาย "BackgroundModeEnabled"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะนำ "AllowCookies" มาใช้ และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้</translation>
<translation id="4103289232974211388">เปลี่ยนเส้นทางไปยัง SAML IdP หลังจากผู้ใช้ยืนยัน</translation>
<translation id="410478022164847452">ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีการใช้งานเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะใช้ไฟ AC
เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่า จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่มีการใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกกันได้
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที</translation>
<translation id="4105989332710272578">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการ URL</translation>
<translation id="4121350739760194865">ป้องกันไม่ให้การส่งเสริมของแอปพลิเคชันไปปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="412697421478384751">ยอมให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่คาดเดาง่ายเป็น PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="4138655880188755661">การจำกัดเวลา</translation>
<translation id="4157003184375321727">รายงานรุ่นของระบบปฏิบัติการและเฟิร์มแวร์</translation>
<translation id="4157594634940419685">อนุญาตให้เข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS ดั้งเดิม</translation>
<translation id="4183229833636799228">การตั้งค่าเริ่มต้นของ <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation>
<translation id="4192388905594723944">URL สำหรับตรวจสอบความถูกต้องโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="4203389617541558220">จำกัดเวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์โดยการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติ
เมื่อนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุระยะเวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์ ซึ่งอยู่ก่อนเวลาที่กำหนดการรีบูตอัตโนมัติไว้
เมื่อนโยบายนี้ไม่ได้ถูกตั้งค่า เวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์จะไม่ถูกจำกัด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าได้
การรีบูตอัตโนมัติถูกกำหนดที่เวลาที่เลือกไว้ แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้กำลังใช้อุปกรณ์ในขณะนั้น
หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงอยู่หรือเซสชันแอปคีออสก์ดำเนินการอยู่เท่านั้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตและนโยบายจะมีการนำไปใช้เสมอ โดยไม่คำนึงว่ามีเซสชันประเภทใดดำเนินการอยู่หรือไม่
ควรมีการระบุค่านโยบายเป็นวินาที ค่าถูกกำหนดไว้ที่อย่างน้อย 3,600 (หนึ่งชั่วโมง)</translation>
<translation id="4203879074082863035">มีเฉพาะเครื่องพิมพ์ในรายการที่อนุญาตพิเศษที่จะแสดงต่อผู้ใช้</translation>
<translation id="420512303455129789">URL การจับคู่พจนานุกรมเข้ากับธงบูลีนที่ระบุว่าการเข้าถึงโฮสต์ต้องได้รับอนุญาต (True) หรือถูกบล็อก (False)
นโยบายนี้ใช้สำหรับการใช้งานภายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เอง</translation>
<translation id="4224610387358583899">การหน่วงเวลาในการล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="423797045246308574">ช่วยให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากรูปแบบ URL อยู่ใน "KeygenBlockedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้เอง</translation>
<translation id="4239720644496144453">ไม่มีการใช้แคชสำหรับแอป Android หากมีผู้ใช้หลายคนติดตั้งแอป Android เดียวกัน จะมีการดาวน์โหลดแอปใหม่สำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation>
<translation id="4243336580717651045">เปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะส่ง URL ของหน้าที่ผู้ใช้เข้าชมไปให้ Google เพื่อปรับปรุงการค้นหาและการท่องเว็บให้ดีขึ้น
หากเปิดใช้นโยบายนี้ การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะทำงานอยู่เสมอ
หากปิดใช้นโยบายนี้ การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะไม่ทำงานเลย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="4250680216510889253">ไม่มี</translation>
<translation id="4261820385751181068">ภาษาในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="427220754384423013">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานได้
ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> สำหรับโหมด <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น
ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้งานได้เฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบาย รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" />
</translation>
<translation id="427632463972968153">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาภาพด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {imageThumbnail} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลภาพขนาดย่อที่แท้จริง
นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาภาพจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET
นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้</translation>
<translation id="4285674129118156176">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ ARC</translation>
<translation id="4298509794364745131">ระบุรายชื่อแอปที่เปิดใช้เป็นแอปสำหรับจดโน้ตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้
ถ้าคุณเปิดใช้แอปสำหรับจดโน้ตที่ต้องการในหน้าจอล็อก หน้าจอล็อกจะมีองค์ประกอบ UI สำหรับเปิดแอปสำหรับจดโน้ตดังกล่าว
เมื่อเปิดขึ้นมา แอปจะสามารถสร้างหน้าต่างแอปที่ด้านบนของหน้าจอล็อกและสร้างรายการข้อมูล (โน้ต) ในบริบทของหน้าจอล็อกได้ แอปจะนำเข้าโน้ตที่สร้างไปยังเซสชันหลักของผู้ใช้ได้เมื่อเซสชันนั้นไม่ได้ล็อก ปัจจุบันมีเฉพาะแอปสำหรับจดโน้ตของ Chrome เท่านั้นที่ใช้ในหน้าจอล็อกได้
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดใช้แอปในหน้าจอล็อกได้เฉพาะเมื่อมีรหัสส่วนขยายของแอปอยู่ในค่ารายการนโยบาย
ดังนั้น การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่ว่างเปล่าจะเป็นการปิดใช้การจดโน้ตในหน้าจอล็อกไปทั้งหมด
โปรดทราบว่านโยบายที่มีรหัสแอปไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้จะเปิดใช้แอปนั้นเป็นแอปสำหรับจดโน้ตในหน้าจอล็อกได้เสมอไป เช่น ใน Chrome 61 ชุดของแอปที่ใช้งานได้จะมีข้อจำกัดเพิ่มเติมจากแพลตฟอร์ม
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปิดใช้ชุดแอปในหน้าจอล็อกได้โดยไม่มีข้อจำกัดจากนโยบาย</translation>
<translation id="4309640770189628899">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส DHE ใน TLS อยู่ไหม</translation>
<translation id="4322842393287974810">อนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4325690621216251241">เพิ่มปุ่มออกจากระบบลงในถาดระบบ</translation>
<translation id="4332177773549877617">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งแอป Android</translation>
<translation id="4346674324214534449">อนุญาตให้คุณตั้งค่าได้ว่าจะบล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรกหรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 2 ระบบจะบล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก
อย่างไรก็ตาม การทำงานนี้จะไม่เกิดขึ้นหากตั้งค่านโยบาย SafeBrowsingEnabled เป็น False
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 1 ระบบจะไม่บล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่า 2</translation>
<translation id="4347908978527632940">หากเป็น True และผู้ใช้เป็นผู้ใช้ภายใต้การดูแล แอป Android อื่นๆ จะสามารถสืบค้นข้อจำกัดด้านเว็บของผู้ใช้คนดังกล่าวผ่านผู้ให้บริการเนื้อหาได้
หากเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ให้บริการเนื้อหาจะไม่แสดงข้อมูลใดๆ</translation>
<translation id="435461861920493948">มีรายการของรูปแบบที่ใช้ในการควบคุมการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
บัญชี Google แต่ละบัญชีในอุปกรณ์จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบที่จัดเก็บไว้ในนโยบายนี้ เพื่อกำหนดการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะเปิดเผยบัญชีหากชื่อบัญชีตรงกับรูปแบบใดๆ ในหน้ารายการ แต่หากไม่ตรงกัน ระบบจะซ่อนบัญชีไว้
ใช้อักขระ "*" ที่เป็นสัญลักษณ์แทนเพื่อจับคู่อักขระ 0 หรืออักขระอื่นๆ ที่กำหนดเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นหากต้องการจับคู่อักขระ "*" หรือ "\" จริง ต้องใส่ "\" ไว้หน้าอักขระเหล่านั้นด้วย
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ บัญช่ี Google ทั้งหมดในอุปกรณ์จะแสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="436581050240847513">รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4372704773119750918">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของหลายโปรไฟล์ (หลักหรือรอง)</translation>
<translation id="4377599627073874279">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงภาพทั้งหมด</translation>
<translation id="437791893267799639">ไม่ได้ตั้งนโยบาย ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="4389091865841123886">กำหนดค่าการยืนยันระยะไกลกับกลไก TPM</translation>
<translation id="4408428864159735559">รายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า</translation>
<translation id="4410236409016356088">เปิดใช้การควบคุมปริมาณแบนด์วิดท์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="441217499641439905">ปิดใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือในแอป "ไฟล์" ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4418726081189202489">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> จากการส่งคำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เป็นครั้งคราวเพื่อดึงการประทับเวลาที่ถูกต้อง จะมีการเปิดใช้คำค้นหาเหล่านี้ถ้านโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้</translation>
<translation id="4423597592074154136">ระบุการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง</translation>
<translation id="4429220551923452215">เปิดหรือปิดใช้ทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกแสดงหรือซ่อนทางลัดของแอปจากเมนูบริบทของแถบบุ๊กมาร์ก
หากมีการกำหนดค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทางลัดของแอปจะแสดงเสมอหรือไม่แสดงเลย</translation>
<translation id="4432762137771104529">เปิดใช้การรายงานแบบขยายของ Safe Browsing</translation>
<translation id="443454694385851356">แบบเดิม (ไม่ปลอดภัย)</translation>
<translation id="443665821428652897">ล้างข้อมูลไซต์เมื่อปิดเบราว์เซอร์ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="4439336120285389675">ระบุรายชื่อฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วเพื่อเปิดใช้ใหม่ชั่วคราว
นโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มซึ่งเลิกใช้ไปแล้วได้ใหม่อีกครั้งครั้งในเวลาจำกัด ฟีเจอร์เหล่านี้จะระบุโดยสตริงแท็ก ซึ่งฟีเจอร์ที่สอดคล้องกับแท็กที่มีอยู่ในรายการที่นโยบายนี้กำหนดจะถูกเปิดใช้อีกครั้ง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ไม่มีข้อมูลในรายการ หรือไม่ตรงกับสตริงแท็กที่สนับสนุนใดๆ ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วทั้งหมดจะยังถูกปิดใช้
แม้ตัวนโยบายจะได้รับการสนับสนุนบนแพลตฟอร์มข้างต้น แต่ฟีเจอร์ที่นโยบายเปิดใช้อาจใช้ได้บนแพลตฟอร์มไม่กี่แห่ง ฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วบางรายการอาจไม่สามารถเปิดใช้ได้อีก เฉพาะฟีเจอร์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนด้านล่างเท่านั้นที่สามารถเปิดใช้ได้อีกภายในช่วงเวลาจำกัด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์ รูปแบบของสตริงแท็กทั่วไปคือ [DeprecatedFeatureName]_EffectiveUntil[yyyymmdd] ตามข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถค้นหาเจตนาในการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มได้ที่ https://bit.ly/blinkintents
</translation>
<translation id="4442582539341804154">เปิดใช้งานการล็อกเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือระงับใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="4449545651113180484">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 270 องศา</translation>
<translation id="4454820008017317557">แสดงไอคอนแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="4467952432486360968">ปิดกั้นคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="4474167089968829729">เปิดการบันทึกรหัสผ่านไปยังโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="4476769083125004742">หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> แอป Android จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง แต่หากตั้งค่าเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขอการยินยอมจากผู้ใช้หากแอป Android ต้องการเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง</translation>
<translation id="4480694116501920047">บังคับใช้ค้นหาปลอดภัย</translation>
<translation id="4482640907922304445">แสดงปุ่มหน้าแรกบนแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปุ่มหน้าแรกจะปรากฏเสมอ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปุ่มหน้าแรกจะไม่แสดง หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> การปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะแสดงปุ่มหน้าแรกหรือไม่</translation>
<translation id="4483649828988077221">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4485425108474077672">กำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="4492287494009043413">ปิดใช้งานการจับภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="449423975179525290">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="450537894712826981">กำหนดค่าขนาดของแคชที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการเก็บไฟล์สื่อที่แคชบนดิสก์
หากคุณตั้งนโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดของแคชที่ระบุไว้โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้ได้ระบุธง '--media-cache-size' ไว้หรือไม่ ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นคำแนะนำสำหรับระบบการแคช ค่าใดก็ตามที่ต่ำกว่าไม่กี่เมกะไบต์จะถือว่าเล็กเกินไปและจะปัดให้เป็นค่าต่ำสุดที่รับได้
หากค่าของนโยบายนี้คือ 0 จะมีการใช้ขนาดของแคชเริ่มต้นแต่ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ขนาดเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างด้วยค่าสถานะ --media-cache-size</translation>
<translation id="4508686775017063528">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะเปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และผู้ใช้จะสามารถเปิดจากเมนูแอป เมนูตามบริบทของหน้า ส่วนควบคุมสื่อในเว็บไซต์ที่พร้อมใช้งาน Cast และไอคอนแถบเครื่องมือ Cast (หากปรากฏ) ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ระบบจะปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="4515404363392014383">เปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="4518251772179446575">ถามเมื่อไซต์ต้องการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="4519046672992331730">เปิดใช้งานคำแนะนำการค้นหาในแถบอเนกประสงค์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะมีการใช้คำแนะนำการค้นหา
หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะไม่มีการใช้คำแนะนำการค้นหา
หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="4531706050939927436">สามารถบังคับการติดตั้งแอป Android ได้จากคอนโซล Google Admin ผ่าน Google Play แอปดังกล่าวไม่ได้ใช้นโยบายนี้</translation>
<translation id="4534500438517478692">ชื่อการจำกัด Android:</translation>
<translation id="4541530620466526913">บัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="4544079461524242527">กำหนดการตั้งค่าการจัดการส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้จะควบคุมการตั้งค่าหลายรายการ รวมถึงการตั้งค่าที่ควบคุมโดยนโยบายปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยาย นโยบายนี้จะลบล้างนโยบายเดิมหากมีการตั้งค่าทั้ง 2 นโยบาย
นโยบายนี้จะจับคู่รหัสส่วนขยายหรือ URL การอัปเดตกับการกำหนดค่าของรายการนั้นๆ เมื่อใช้รหัสส่วนขยาย ระบบจะใช้การกำหนดค่ากับส่วนขยายที่ระบุไว้เท่านั้น คุณกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับรหัสพิเศษ <ph name="DEFAULT_SCOPE" /> ได้ ซึ่งระบบจะใช้กับส่วนขยายทั้งหมดที่คุณไม่ได้กำหนดค่าเองในนโยบายนี้ เมื่อใช้ URL การอัปเดต ระบบจะใช้การกำหนดค่ากับส่วนขยายทั้งหมดที่มี URL การอัปเดตตรงกับที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยายนี้ ตามที่อธิบายไว้ใน <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC1" />
หากต้องการดูคำอธิบายแบบเต็มของการตั้งค่าที่เป็นไปได้และโครงสร้างของนโยบายนี้ โปรดไปที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/extension-settings-full
</translation>
<translation id="4554651132977135445">โหมดประมวลผล Loopback ของนโยบายด้านผู้ใช้</translation>
<translation id="4554841826517980623">นโยบายนี้ใช้กำหนดว่าฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรใช้ <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อค้นหาการแชร์ในเครือข่ายหรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" การค้นหาการแชร์จะใช้โปรโตคอล <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อค้นหาการแชร์ในเครือข่าย
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" การค้นหาการแชร์จะไม่ใช้โปรโตคอล <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อค้นหาการแชร์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่จัดการโดยองค์กร แต่จะเปิดใช้สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="4555850956567117258">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4557134566541205630">URL หน้าแท็บใหม่ของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="4567137030726189378">อนุญาตการใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="4600786265870346112">เปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่</translation>
<translation id="4604931264910482931">กำหนดค่าบัญชีดำการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="4613508646038788144">หากตั้งค่านโยบายเป็น False ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามจะสามารถแทรกโค้ดที่สั่งการได้ลงในการประมวลผลของ Chrome หากไม่มีการตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น True ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามจะถูกบล็อกไม่ให้แทรกโค้ดที่สั่งการได้ลงในการประมวลผลของ Chrome</translation>
<translation id="4617338332148204752">ข้ามการตรวจสอบเมตาแท็กใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="4625915093043961294">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="4632343302005518762">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาตามที่แสดงในรายการ</translation>
<translation id="4632566332417930481">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กร อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในบริบทอื่นๆ</translation>
<translation id="4633786464238689684">เปลี่ยนการทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้นของแป้นแถวบนสุดเป็นแป้นฟังก์ชัน
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "จริง" แป้นแถวบนสุดของแป้นพิมพ์จะให้ผลการทำงานเป็นคำสั่งของแป้นฟังก์ชันตามค่าเริ่มต้น โดยจะต้องกดแป้นค้นหาเพื่อเปลี่ยนการทำงานกลับไปเป็นแป้นสื่อ
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์จะให้ผลการทำงานเป็นคำสั่งของแป้นสื่อตามค่าเริ่มต้นและคำสั่งของแป้นฟังก์ชันเมื่อกดแป้นค้นหาค้างไว้</translation>
<translation id="4639407427807680016">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่จะยกเว้นจากบัญชีดำ</translation>
<translation id="4650759511838826572">ปิดใช้งานสกีมโปรโตคอล URL</translation>
<translation id="465099050592230505">URL เว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="4665897631924472251">การตั้งค่าการจัดการส่วนขยาย</translation>
<translation id="4668325077104657568">การตั้งค่าภาพเริ่มต้น</translation>
<translation id="4670865688564083639">ต่ำสุด:</translation>
<translation id="4671708336564240458">ช่วยให้คุณกำหนดว่าควรป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่
อย่างไรก็ตาม ลักษณะการทำงานนี้จะไม่เริ่มต้นขึ้นหากคุณตั้งค่านโยบาย SafeBrowsingEnabled ไว้เป็น False
หากตั้งค่านโยบายเป็น False ระบบจะอนุญาตให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ ระบบจะใช้การตั้งค่า True</translation>
<translation id="467236746355332046">ฟีเจอร์ที่ได้รับการสนับสนุน:</translation>
<translation id="4674167212832291997">กำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ทุกครั้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings"
สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation>
<translation id="467449052039111439">เปิดรายการ URL</translation>
<translation id="4680936297850947973">เลิกใช้งานไปแล้วใน M68 โปรดใช้ DefaultPopupsSetting แทน
ดูคำอธิบายฉบับเต็มได้ที่ https://www.chromestatus.com/features/5675755719622656
หากเปิดใช้นโยบายนี้ เว็บไซต์จะมีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกันได้
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เว็บไซต์จะไม่มีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกัน</translation>
<translation id="4680961954980851756">เปิดใช้งานการป้อนอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4703402283970867140">เปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะเพื่อขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง</translation>
<translation id="4722122254122249791">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจง</translation>
<translation id="4722399051042571387">หากเป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถตั้งค่า PIN ที่หละหลวมและเดาได้ง่าย
ตัวอย่าง PIN ที่หละหลวมได้แก่ PIN ที่มีตัวเลขเดียวกันทั้งหมด (1111), PIN ที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นทีละ 1 (1234), PIN ที่ตัวเลขลดลงทีละ 1 (4321) และ PIN ที่ใช้กันทั่วไป
โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะได้รับคำเตือน ซึ่งไม่ใช่ข้อผิดพลาด ถ้าระบบมองว่า PIN นั้นหละหลวม</translation>
<translation id="4723829699367336876">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากไคลเอ็นต์ที่เข้าถึงจากระยะไกล</translation>
<translation id="4725528134735324213">เปิดใช้ Android Backup Service</translation>
<translation id="4725801978265372736">กำหนดให้ชื่อผู้ใช้ในเครื่องและเจ้าของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องตรงกัน</translation>
<translation id="4733471537137819387">นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ในตัว</translation>
<translation id="4744190513568488164">เซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจมอบสิทธิ์ให้
คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค อนุญาตให้ใช้อักขระตัวแทน (*)
หากคุณปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่มอบสิทธิ์ข้อมูลรับรองผู้ใช้ แม้จะตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินทราเน็ตก็ตาม</translation>
<translation id="4752880493649142945">ใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับการเชื่อมต่อกับ RemoteAccessHostTokenValidationUrl</translation>
<translation id="4757671984625088193">หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแนะนำหน้าที่เกี่ยวข้องกับหน้าปัจจุบัน
รายการแนะนำเหล่านี้จะดึงข้อมูลแบบระยะไกลจากเซิร์ฟเวอร์ Google
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ดึงข้อมูลหรือแสดงรายการแนะนำ</translation>
<translation id="4788252609789586009">เปิดใช้ฟีเจอร์ข้อความป้อนอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลบัตรเครดิตในเว็บฟอร์มโดยอัตโนมัติด้วยข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลบัตรเครดิตให้โดยอัตโนมัติ และจะไม่บันทึกข้อมูลบัตรเครดิตที่ผู้ใช้อาจส่งมาขณะเรียกดูเว็บ
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะควบคุมฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับบัตรเครดิตได้ใน UI</translation>
<translation id="4791031774429044540">เปิดใช้งานฟีเจอร์การเข้าถึงเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกเปิดใช้งานเสมอ
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่จะสามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4802905909524200151">กำหนดค่าพฤติกรรมอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /></translation>
<translation id="4807950475297505572">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดจะถูกลบจนกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation>
<translation id="4815725774537609998">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ให้ใช้ ProxyMode แทน
ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง คุณสามารถระบุตัวเลือกอื่นๆ ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์", "URL ไปยังไฟล์พร็อกซี .pac" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นจึงจะพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="4816674326202173458">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นทั้งผู้ใช้หลักและรอง (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ)</translation>
<translation id="4826326557828204741">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="4834526953114077364">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบภายใน 3 เดือนที่ผ่านมาจะถูกลบจากกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation>
<translation id="4858735034935305895">อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="4861767323695239729">กำหนดค่าวิธีการป้อนข้อมูลที่อนุญาตในเซสชันผู้ใช้</translation>
<translation id="487460824085252184">ย้ายข้อมูลอัตโนมัติโดยไม่ขอคำยินยอมจากผู้ใช้</translation>
<translation id="4874982543810021567">บล็อก WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="4876805738539874299">เปิดใช้เวอร์ชันสูงสุดของ SSL ไว้</translation>
<translation id="4897928009230106190">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาตามคำแนะนำด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง
นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนดไว้ คำขอการแนะนำการค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET
นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled 'ถูกเปิดใช้งาน</translation>
<translation id="489803897780524242">พารามิเตอร์ที่ควบคุมตำแหน่งข้อความค้นหาสำหรับผู้ให้บริการค้นหาในค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="4899708173828500852">เปิดใช้งาน Safe Browsing</translation>
<translation id="4899802251198446659">ให้คุณควบคุมว่าวิดีโอจะเล่นโดยอัตโนมัติ (ผู้ใช้ไม่ต้องให้คำยินยอม) พร้อมด้วยเนื้อหาเสียงได้หรือไม่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น True <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเล่นสื่อโดยอัตโนมัติได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเล่นสื่อโดยอัตโนมัติไม่ได้ คุณใช้นโยบาย AutoplayWhitelist ลบล้างการดำเนินการข้างต้นได้สำหรับ URL บางรูปแบบ
โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นสื่อโดยอัตโนมัติ คุณใช้นโยบาย AutoplayWhitelist ลบล้างการดำเนินการข้างต้นได้สำหรับ URL บางรูปแบบ
โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ แล้วนโยบายนี้มีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น ดังนั้นบางแท็บอาจยังทำงานในลักษณะเดิมอยู่
</translation>
<translation id="4906194810004762807">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายอุปกรณ์</translation>
<translation id="4917385247580444890">แรง</translation>
<translation id="4923806312383904642">อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation>
<translation id="494613465159630803">Cast Receiver</translation>
<translation id="4962262530309732070">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เพิ่มบุคคลจากการจัดการผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้สร้างโปรไฟล์ใหม่จากการจัดการผู้ใช้</translation>
<translation id="4970855112942626932">ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="4971529314808359013">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์ให้โดยอัตโนมัติ หากเว็บไซต์ดังกล่าวขอใบรับรอง
ค่าต้องเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ซึ่งมีรูปแบบเป็นสตริง พจนานุกรมแต่ละรายการต้องอยู่ในรูปแบบ { "pattern": "$URL_PATTERN", "filter" : $FILTER } โดยที่ $URL_PATTERN เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา ส่วน $FILTER จะจำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง หาก $FILTER อยู่ในรูปแบบ { "ISSUER": { "CN": "$ISSUER_CN" } } ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName $ISSUER_CN เพิ่มเข้ามา หาก $FILTER คือพจนานุกรมเปล่า {} การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม
หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มีการเลือกใบรับรองโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม</translation>
<translation id="4978405676361550165">หากตั้งค่านโยบาย "OffHours" ไว้ ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายอุปกรณ์ที่ระบุไว้ (ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเหล่านี้) ในช่วงเวลาที่กำหนด Chrome จะใช้นโยบายอุปกรณ์ต่างๆ อีกครั้งในทุกๆ กรณีเมื่อเวลาของ "OffHours" เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลง ผู้ใช้จะได้รับแจ้งและถูกบังคับให้ออกจากระบบเมื่อเวลาของ "OffHours" สิ้นสุดลงและมีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ (เช่น เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาต)</translation>
<translation id="4980635395568992380">ประเภทข้อมูล:</translation>
<translation id="4983201894483989687">อนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอินที่เก่าแล้ว</translation>
<translation id="4988291787868618635">การทำงานที่ต้องทำเมื่อถึงระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="4995548127349206948">มีการเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ NTLMv2 หรือไม่</translation>
<translation id="5047604665028708335">อนุญาตการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อยู่นอกชุดเนื้อหา</translation>
<translation id="5052081091120171147">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าประวัติการเรียกดู หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5056708224511062314">ปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ</translation>
<translation id="5058573563327660283">เลือกกลยุทธ์ที่ใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างของดิสก์ระหว่างการล้างข้อมูลอัตโนมัติ (เลิกใช้แล้ว)</translation>
<translation id="5067143124345820993">ลงชื่อเข้าใช้รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาต</translation>
<translation id="5068140065960598044">นโยบายระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ลบล้างนโยบายของเครื่อง</translation>
<translation id="5076274878326940940">เปิดใช้การใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ การค้นหาเริ่มต้นจะดำเนินการเมื่อผู้ใช้พิมพ์ข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบอเนกประสงค์
คุณจะระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่จะใช้ได้โดยการตั้งค่านโยบายการค้นหาเริ่มต้นส่วนที่เหลือ หากเว้นว่างไว้ ผู้ใช้จะเลือกผู้ให้บริการเริ่มต้นได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ การค้นหาจะดำเนินการไม่ได้เมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบอเนกประสงค์
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />ไม่ได้
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นและผู้ใช้จะกำหนดรายการผู้ให้บริการการค้นหาได้
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="5085647276663819155">ปิดใช้งานหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="5090209345759901501">ขยายการตั้งค่าเนื้อหา Flash ไปยังเนื้อหาทั้งหมด</translation>
<translation id="5093540029655764852">ระบุอัตรา (เป็นวัน) ที่ไคลเอ็นต์เปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง ไคลเอ็นต์จะสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มและผู้ใช้จะไม่เห็นรหัสผ่านนี้
ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของเครื่องเป็นประจำเช่นเดียวกับรหัสผ่านของผู้ใช้ การปิดใช้นโยบายนี้หรือกำหนดระยะเวลาที่นานมากจะส่งผลเสียต่อการรักษาความปลอดภัย เพราะเป็นการยืดเวลาให้ผู้โจมตีค้นหารหัสผ่านบัญชีของเครื่องและใช้รหัสนั้น
หากไม่ตั้งค่านโยบาย รหัสผ่านบัญชีของเครื่องจะเปลี่ยนทุก 30 วัน
หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 ระบบจะปิดใช้การเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง
โปรดทราบว่ารหัสผ่านอาจมีอายุนานกว่าจำนวนวันที่ระบุไว้หากไคลเอ็นต์ออฟไลน์เป็นเวลานาน</translation>
<translation id="5105313908130842249">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="5108031557082757679">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation>
<translation id="5113732180192599620">นโยบายนี้ควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะไม่ทำให้มีการเปลี่ยนเบราว์เซอร์
โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย<ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎ ซึ่งคล้ายกับนโยบาย <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" /> แต่ตรรกะนั้นกลับกัน นั่นคือ กฎที่ตรงกันจะไม่เปิดเบราว์เซอร์สำรอง
สิ่งที่ต่างจาก <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" />คือกฎต่างๆ จะใช้กับทั้ง 2 ทาง นั่นคือ เมื่อ Internet Explorer มีและเปิดใช้ส่วนเสริม ส่วนเสริมก็จะเป็นตัวควบคุมด้วยว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ควรเปิด URL เหล่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่</translation>
<translation id="5130288486815037971">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส RC4 ใน TLS อยู่ไหม</translation>
<translation id="5141670636904227950">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอเริ่มต้นที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5142301680741828703">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้ใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="5148753489738115745">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่จะนำมาใช้เมื่อ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> เปิดใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ คำสั่งที่เป็นค่าเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้</translation>
<translation id="5159469559091666409">ความถี่ในการส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่ายเป็นมิลลิวินาที
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ช่วงเวลาเริ่มต้นคือทุก 3 นาที
ช่วงเวลาต่ำสุดคือทุก 30 วินาที และช่วงเวลาสูงสุดคือทุก 24 ชั่วโมง
ค่าที่ไม่อยู่ในช่วงดังกล่าวจะถูกจำกัดตามช่วงนี้</translation>
<translation id="5163002264923337812">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า</translation>
<translation id="5182055907976889880">กำหนดค่า Google ไดรฟ์ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5183383917553127163">ช่วยให้คุณระบุได้ว่าส่วนขยายใดที่ไม่ขึ้นอยู่กับรายการที่ไม่อนุญาต ค่ารายการที่ไม่อนุญาต * แสดงว่าส่วนขยายทั้งหมดจัดอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาต และผู้ใช้สามารถติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่อยู่ในรายการที่อนุญาต ตามค่าเริ่มต้น ส่วนขยายทั้งหมดจะอยู่ในรายการที่อนุญาต แต่หากส่วนขยายทั้งหมดถูกจัดอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาตตามนโยบาย คุณสามารถใช้รายการที่อนุญาตเพื่อแทนที่นโยบายดังกล่าวได้</translation>
<translation id="519247340330463721">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Safe Browsing</translation>
<translation id="5192837635164433517">เปิดใช้งานการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรองอื่นๆ ที่มีการสร้างไว้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> (เช่น "ไม่พบหน้าเว็บ") และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะมีการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรอง หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะไม่มีการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรอง หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="5196805177499964601">บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์บูตเข้าสู่โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ระบบจะปฏิเสธการบูตและแสดงหน้าจอข้อผิดพลาดเมื่อมีการเปิดโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์
หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งเป็น False จะสามารถใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="520403427390290017">ฟีเจอร์วงจรชีวิตแท็บจะอ้างสิทธิ์ CPU ซ้ำ รวมถึงหน่วยความจำที่เกี่ยวข้องกับการเรียกใช้แท็บที่ไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว โดยจะควบคุมการใช้งานก่อน จากนั้นจึงหยุดการใช้งาน และยกเลิกไป
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้วงจรชีวิตแท็บ และแท็บทั้งหมดจะทำงานตามปกติ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ระบุค่า ระบบจะเปิดใช้วงจรชีวิตแท็บ</translation>
<translation id="5207823059027350538">กำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่เริ่มต้นและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าดังกล่าว
หน้าแท็บใหม่คือหน้าเว็บที่เปิดขึ้นเมื่อมีการสร้างแท็บใหม่ (รวมถึงหน้าที่เปิดในหน้าต่างใหม่)
นโยบายนี้ไม่ได้กำหนดหน้าที่จะเปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มต้น นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" />จะเป็นตัวควบคุมหน้าเหล่านั้น แต่นโยบายนี้จะส่งผลต่อหน้าแรก หากมีการตั้งค่าให้หน้าแรกเปิดหน้าแท็บใหม่ รวมไปถึงหน้าเริ่มต้นใช้งาน หากกำหนดให้หน้าดังกล่าวเปิดหน้าแท็บใหม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้ ระบบจะใช้หน้าแท็บใหม่เริ่มต้น
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="5208240613060747912">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือน หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultNotificationsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation>
<translation id="5213038356678567351">เว็บไซต์ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="5219844027738217407">สำหรับแอป Android นโยบายนี้จะส่งผลต่อไมโครโฟนเท่านั้น เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ไมโครโฟนจะปิดเสียงสำหรับแอป Android ทุกแอปโดยไม่มีข้อยกเว้น</translation>
<translation id="5228316810085661003">การเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์ล่าช้า
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้
หากกำหนดค่านโยบายนี้ไว้ นโยบายจะกำหนดระยะเวลาที่ไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้ที่ควรล่วงเลยไปก่อนการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์ที่นโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| ระบุไว้
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ระยะหมดเวลาจะเป็น 0 มิลลิวินาที
นโยบายนี้จะระบุเวลาเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="523505283826916779">การตั้งค่าสำหรับการเข้าถึง</translation>
<translation id="5247006254130721952">บล็อกการดาวน์โหลดที่อันตราย</translation>
<translation id="5248863213023520115">ตั้งค่าประเภทการเข้ารหัสที่ได้รับอนุญาต หากมีการส่งคำขอตั๋ว Kerberos จากเซิร์ฟเวอร์ <ph name="MS_AD_NAME" />
หากกำหนดนโยบายไว้เป็น "ทั้งหมด" ระบบจะอนุญาตทั้งการเข้ารหัส AES ประเภท "aes256-cts-hmac-sha1-96" และ "aes128-cts-hmac-sha1-96" และการเข้ารหัส RC4 ประเภท "rc4-hmac" แต่ระบบจะเลือกการเข้ารหัส AES หากเซิร์ฟเวอร์รองรับทั้ง 2 ประเภท โปรดทราบว่า RC4 เป็นการเข้ารหัสที่ไม่ปลอดภัยและต้องกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์อีกครั้งหากเป็นไปได้ เพื่อให้รองรับการเข้ารหัส AES
หากกำหนดนโยบายให้เป็น "เดารหัสได้ยาก" หรือหากยังไม่มีการตั้งค่า ระบบจะอนุญาตเฉพาะประเภทการเข้ารหัส AES เท่านั้น
หากกำหนดนโยบายให้เป็น "เดารหัสได้ยาก" หรือหากยังไม่มีการตั้งค่า ระบบจะอนุญาตเฉพาะประเภทการเข้ารหัส AES เท่านั้น หากกำหนดนโยบายให้เป็น "เดิม" ระบบจะอนุญาตเฉพาะประเภทการเข้ารหัส RC4 เท่านั้น ตัวเลือกนี้ไม่ปลอดภัยและต้องใช้ในกรณีที่เฉพาะเจาะจงเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://wiki.samba.org/index.php/Samba_4.6_Features_added/changed#Kerberos_client_encryption_types</translation>
<translation id="5255162913209987122">สามารถรับคำแนะนำได้</translation>
<translation id="527237119693897329">ช่วยให้คุณสามารถระบุว่าโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมใดที่ไม่ควรโหลด
ค่า "*" ของบัญชีดำหมายถึงโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับการระบุอย่างชัดแจ้งให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ
หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะโหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดที่ติดตั้งไว้</translation>
<translation id="5272684451155669299">หากค่าเป็น True ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ในอุปกรณ์ Chrome เพื่อยืนยันข้อมูลประจำตัวจากระยะไกลไปยัง CA ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> โดยใช้ <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" />
หากตั้งค่าเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า การเรียกใช้ API จะล้มเหลวและแสดงรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="5277806246014825877">อนุญาตให้ผู้ใช้นี้เรียกใช้ Crostini ได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" Crostini จะปิดใช้งานสำหรับผู้ใช้นี้
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ Crostini จะเปิดใช้งานสำหรับผู้ใช้นี้ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้ใช้งานเช่นกัน
นโยบายทั้งสามไม่ว่าจะเป็น VirtualMachinesAllowed, CrostiniAllowed และ DeviceUnaffiliatedCrostiniAllowed ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" หากต้องการอนุญาตให้ Crostini ทำงานได้
หากนโยบายนี้เปลี่ยนการตั้งค่าเป็น "เท็จ" การตั้งค่านี้จะมีผลกับคอนเทนเนอร์ Crostini ใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานแต่ไม่หยุดการทำงานของคอนเทนเนอร์ซึ่งกำลังทำงานอยู่</translation>
<translation id="5283457834853986457">ปิดใช้เครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="5288772341821359899">หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ WebRTC จะใช้งานพอร์ต UDP ตามช่วงพอร์ตที่ระบุ (รวมจุดสิ้นสุดด้วย)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ หรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างหรือช่วงพอร์ตที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นการอนุญาตให้ WebRTC ใช้พอร์ต UDP ที่ว่างอยู่พอร์ตใดก็ได้ในเครื่อง</translation>
<translation id="5290940294294002042">ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งาน</translation>
<translation id="5304269353650269372">ระบุระยะเวลาที่ไม่มีอินพุตของผู้ใช้หลังจากที่ช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้นเมื่อใช้งานบนกำลังแบตเตอรีที่ต่ำ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงช่องโต้ตอบคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่าการดำเนินการแบบไม่ใช้งานกำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้น
ค่าของนโยบายควรระบุในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับความล่าช้าของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="5307432759655324440">ความพร้อมใช้งานของโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="5318185076587284965">เปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="5323128137188992869">อนุญาตให้แคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์โดยใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น True ผู้ใช้จะแคสต์เนื้อหาได้ และหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome OS ที่ลงทะเบียนไว้ แต่จะแคสต์ไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนได้</translation>
<translation id="5329007337159326804">คำเตือน: เราจะนำนโยบาย TLS เวอร์ชันสูงสุดออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทั้งหมดประมาณเวอร์ชัน 75 (ช่วงเดือนมิถุนายน 2019)
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เวอร์ชันสูงสุดเริ่มต้น
มิฉะนั้น อาจตั้งค่านโยบายเป็นค่าใดค่าหนึ่งระหว่าง "tls1.2" หรือ "tls1.3" เมื่อตั้งค่าแล้ว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้เวอร์ชัน SSL/TLS ที่สูงกว่าเวอร์ชันที่ระบุไว้ และระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก</translation>
<translation id="5330684698007383292">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation>
<translation id="5365476955714838841">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="5365946944967967336">แสดงปุ่ม "หน้าแรก" บนแถบเครื่องมือ</translation>
<translation id="5366745336748853475">ช่วยให้คุณระบุรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่มีการเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์โดยอัตโนมัติในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในเฟรมที่โฮสต์ขั้นตอน SAML หากเว็บไซต์นั้นขอใบรับรอง ตัวอย่างการใช้งานคือเพื่อกำหนดค่าใบรับรองสำหรับทั้งอุปกรณ์เพื่อแสดงต่อ SAML IdP
ค่าต้องเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ซึ่งมีรูปแบบเป็นสตริง พจนานุกรมแต่ละรายการต้องอยู่ในรูปแบบ { "pattern": "$URL_PATTERN", "filter" : $FILTER } โดยที่ $URL_PATTERN เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา ส่วน $FILTER จะจำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง หาก $FILTER อยู่ในรูปแบบ { "ISSUER": { "CN": "$ISSUER_CN" } } ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName $ISSUER_CN เพิ่มเข้ามา หาก $FILTER คือพจนานุกรมเปล่า {} การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม
หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มีการเลือกใบรับรองโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม</translation>
<translation id="5366977351895725771">หากตั้งค่าเป็นเท็จ การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลโดยผู้ใช้รายนี้จะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลใดๆ ที่มีอยู่แล้วจะยังคงมีอยู่
หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้รายนี้จะสามารถสร้างและจัดการผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้</translation>
<translation id="5369937289900051171">การพิมพ์สีเท่านั้น</translation>
<translation id="5370279767682621504">เปิดใช้การรองรับ HTTP/0.9 บนพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5378985487213287085">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อปหรือไม่ การแสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อปอาจจะได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น ปฏิเสธโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้อาจได้รับคำถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการจะแสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อป หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AskNotifications" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="538108065117008131">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation>
<translation id="5391388690191341203">บัญชีภายในอุปกรณ์สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5392172595902933844">ระบบส่งข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของ Android กลับไปยัง
เซิร์ฟเวอร์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลสถานะใดๆ
หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะรายงานข้อมูลสถานะ
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้แอป Android เท่านั้น</translation>
<translation id="5395271912574071439">เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลในขณะอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อ
หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้อยู่ ตัวอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตของโฮสต์จะถูกปิดการใช้งานในขณะอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระยะไกล
หากปิดการใช้งานการตั้งค่านี้อยู่หรือไม่ได้ตั้งค่าเอาไว้ ทั้งผู้ใช้ในท้องถิ่นและผู้ใช้จากระยะไกลจะสามารถโต้ตอบกับโฮสต์ได้เมื่อโฮสต์ถูกใช้งานร่วมกัน</translation>
<translation id="5396049152026347991">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้อินเทอร์เฟซผู้ใช้ทั้งหมดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ผู้ใช้จะยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN ได้ตามปกติ
หากการเชื่อมต่อ VPN สร้างผ่านแอป VPN นโยบายนี้จะไม่ส่งผลต่อ UI ภายในแอป ผู้ใช้จึงอาจยังใช้แอปเพื่อแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN ได้
นโยบายนี้ควรใช้ร่วมกับฟีเจอร์ "การเชื่อมต่อ VPN ตลอดเวลา" ซึ่งให้ผู้ดูแลระบบเลือกที่จะสร้างการเชื่อมต่อ VPN เมื่อเปิดเครื่องได้</translation>
<translation id="5405289061476885481">กำหนดค่ารูปแบบแป้นพิมพ์ที่อนุญาตให้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูล วิธีการป้อนข้อมูลที่ระบุจะพร้อมใช้งานในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลแรกที่ระบุไว้ล่วงหน้า เมื่อมีการทำงานบนพ็อดผู้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ วิธีการป้อนข้อมูลที่ผู้ใช้ใช้ล่าสุดจะพร้อมใช้งานนอกเหนือจากวิธีการป้อนข้อมูลที่ได้จากนโยบายนี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ วิธีการป้อนข้อมูลในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะได้รับมาจากภาษาที่หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้แสดง ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่ใช่ตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="5423001109873148185">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งานอยู่ หากมีการเปิดใช้งาน นโยบายนี้จะมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5423197884968724595">ชื่อข้อจำกัดของ Android WebView:</translation>
<translation id="5424147596523390018">อนุญาตโหมดสีทั้งหมด</translation>
<translation id="5442026853063570579">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ หากตั้งค่านโยบายเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ด้วยการแตะหมายเลขบิวด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation>
<translation id="5447306928176905178">เปิดการรายงานข้อมูลหน่วยความจำ (JS ขนาดใหญ่) บนหน้า (กำหนดให้เลิกใช้แล้ว)</translation>
<translation id="5457065417344056871">เปิดใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="5457924070961220141">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าตัวแสดงผล HTML เริ่มต้นเมื่อทำการติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> การตั้งค่าเริ่มต้นที่ใช้เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้คือการอนุญาตให้เบราว์เซอร์ของโฮสต์ทำการแสดงผล แต่คุณสามารถเลือกที่จะแทนที่การตั้งค่านี้และทำให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5464816904705580310">กำหนดการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="546726650689747237">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="5469143988693423708">อนุญาตให้ผู้ใช้เรียกใช้ Crostini ได้</translation>
<translation id="5469825884154817306">ปิดกั้นภาพบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5472668698895343595">นโยบายนี้ควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง
โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย<ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎเพื่อให้รายการบางอย่างเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎเหล่านั้นเมื่อเลือกว่า URL ควรเปิดในเบราว์เซอร์สำรองหรือไม่
เมื่อ Internet Explorer มีและเปิดใช้ส่วนเสริม Internet Explorer จะเปลี่ยนกลับไปใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อกฎไม่ตรงกัน
หากกฎขัดแย้งกัน <ph name="PRODUCT_NAME" />จะใช้กฎที่เจาะจงที่สุด</translation>
<translation id="5475361623548884387">เปิดใช้งานการพิมพ์</translation>
<translation id="547601067149622666">ไม่อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="5499375345075963939">นโยบายนี้มีการใช้งานในโหมดปลีกเท่านั้น
เมื่อค่าในนโยบายนี้มีการตั้งค่าและไม่เท่ากับ 0 ผู้ใช้การสาธิตที่เข้าสู่ระบบอยู่ในปัจจุบันจะออกจากระบบโดยอัตโนมัติหลังจากระยะเวลาที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเลยช่วงเวลาที่ได้ระบุไว้
ค่าในนโยบายควรระบุด้วยหน่วยมิลลิวินาที</translation>
<translation id="5511702823008968136">เปิดใช้งานแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="5512418063782665071">URL ของหน้าแรก</translation>
<translation id="551639594034811656">นโยบายนี้จะกำหนดรายการเปอร์เซ็นต์ที่จะแบ่งส่วนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใน OU ที่จะอัปเดตต่อวันโดยเริ่มจากวันที่พบอัปเดตเป็นครั้งแรก เวลาที่พบจะมาทีหลังเวลาเผยแพร่อัปเดตเพราะอาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าอุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตหลังจากที่มีการเผยแพร่
คู่รายการ (วัน, เปอร์เซ็นต์) แต่ละคู่จะบอกจำนวนเปอร์เซ็นต์ของอุปกรณ์ที่จะต้องอัปเดตภายในจำนวนวันที่ระบุนับจากที่พบอัปเดต เช่น คู่รายการ [(4, 40), (10, 70), (15, 100)] หมายความว่า 40% ของอุปกรณ์ควรต้องอัปเดตภายใน 4 วันนับจากที่พบอัปเดตและ 70% ของอุปกรณ์ควรจะต้องอัปเดตภายใน 10 วัน คู่รายการต่อไปก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
หากมีการกำหนดค่าไว้ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่ใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_UPDATE_SCATTER_FACTOR_POLICY_NAME" /> ในการอัปเดต แต่จะใช้นโยบายนี้แทน
หากรายการนี้ว่างเปล่า จะไม่มีการกำหนดแบบทีละขั้นและระบบจะทำการอัปเดตตามนโยบายอื่นๆ ของอุปกรณ์
นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเปลี่ยนช่อง</translation>
<translation id="5526701598901867718">ทั้งหมด (ไม่ปลอดภัย)</translation>
<translation id="5529037166721644841">ระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการสอบถามข้อมูลนโยบายผู้ใช้จากบริการจัดการอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างค่าเริ่มต้นซึ่งอยู่ที่ 3 ชั่วโมง ค่าที่ใช้ได้สำหรับนโยบายนี้ต้องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1800000 (30 นาที) ถึง 86400000 (1 วัน) ค่าใดๆ ที่ไม่อยู่ในช่วงนี้จะถูกจำกัดตามขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ค่าเริ่มต้น 3 ชั่วโมง
โปรดทราบว่าหากแพลตฟอร์มสนับสนุนการแจ้งเตือนนโยบาย ระบบจะตั้งค่าการหน่วงเวลาการรีเฟรชเป็น 24 ชั่วโมง (โดยไม่คำนึงถึงค่าเริ่มต้นทั้งหมดและค่าของนโยบายนี้) เพราะคาดการณ์ว่าการแจ้งเตือนนโยบายจะบังคับให้รีเฟรชโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งทำให้ระบบรีเฟรชบ่อยเกินไปโดยไม่จำเป็น</translation>
<translation id="5530347722229944744">บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย</translation>
<translation id="5535973522252703021">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos</translation>
<translation id="555077880566103058">อนุญาตให้ทุกเว็บไซต์เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5559079916187891399">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Android</translation>
<translation id="5560039246134246593">เพิ่มพารามิเตอร์ไปยังการเรียกเมล็ดรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากระบุ จะเป็นการเพิ่มพารามิเตอร์ข้อความค้นหาที่เรียกว่า "restrict" ไปยัง URL ที่ใช้เพื่อเรียกเมล็ดรูปแบบ ค่าของพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้
หากไม่ระบุ จะไม่แก้ไข URL เมล็ดรูปแบบ</translation>
<translation id="5561811616825571914">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับเว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในหน้าลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="556941986578702361">ควบคุมการซ่อนอัตโนมัติสำหรับชั้นวางของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "AlwaysAutoHideShelf" ชั้นวางจะซ่อนอัตโนมัติทุกครั้ง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "NeverAutoHideShelf" ชั้นวางจะไม่ซ่อนอัตโนมัติเลย
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะซ่อนชั้นวางอัตโนมัติหรือไม่</translation>
<translation id="557360560705413259">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ commonName ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์เพื่อจับคู่ชื่อโฮสต์หากใบรับรองไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ตราบใดที่การตรวจสอบความถูกต้องและการเชื่อมโยงกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่องสำเร็จ
โปรดทราบว่าเราไม่แนะนำวิธีดังกล่าว เนื่องจากวิธีนี้อาจทำให้สามารถข้ามผ่านส่วนขยาย nameConstraints ซึ่งจำกัดชื่อโฮสต์ที่ใบรับรองได้รับสิทธิ์ให้ใช้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะไม่เชื่อถือใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ที่มีชื่อ DNS หรือที่อยู่ IP</translation>
<translation id="5581292529942108810">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายการรายงานของ Chrome
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation>
<translation id="5584132346604748282">ควบคุมบริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation>
<translation id="5586942249556966598">ไม่ดำเนินการใดๆ</translation>
<translation id="5592242031005200087">
หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อ
ในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในโปรเซสของตัวเอง ซึ่งจะเป็นการแยก
ต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อยด้วย เช่น การระบุ https://example.com/
จะทำให้มีการแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ
เว็บไซต์ https://example.com/
หากปิดใช้นโยบาย จะไม่มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดเจนและระบบจะปิดใช้การทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
หมายเหตุ: ใน Android การแยกเว็บไซต์ยังเป็นฟีเจอร์ทดสอบอยู่และจะได้รับการปรับปรุงเมื่อเวลาผ่านไป ในปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้อาจทำให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ
หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้กับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ซึ่งมี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายในแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ IsolateOrigins
</translation>
<translation id="5630352020869108293">คืนค่าเซสชันล่าสุด</translation>
<translation id="5645779841392247734">อนุญาตให้ใช้คุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5689430183304951538">ขนาดหน้าของการพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="5693469654327063861">อนุญาตให้ย้ายข้อมูล</translation>
<translation id="5694594914843889579">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น True คุณจะไม่สามารถใช้งานที่เก็บข้อมูลภายนอกในเบราว์เซอร์ของไฟล์
นโยบายนี้มีผลกับสื่อเก็บข้อมูลทุกประเภท ตัวอย่างเช่น แฟลชไดรฟ์ USB, ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก, การ์ด SD และการ์ดหน่วยความจำอื่นๆ, ที่เก็บข้อมูลออปติคอล ฯลฯ ที่เก็บข้อมูลภายในจะไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นไฟล์ที่บันทึกไว้ในโฟลเดอร์ดาวน์โหลดจะยังสามารถเข้าถึงได้อยู่ และนโยบายนี้ก็ไม่ส่งผลต่อ Google ไดรฟ์ด้วย
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถใช้ที่เก็บข้อมูลภายนอกทุกประเภทที่รองรับในอุปกรณ์ของตน</translation>
<translation id="5697306356229823047">รายงานผู้ใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="5699487516670033016">ระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ เราใช้แคชนี้เพื่อทำให้การลงชื่อเข้าใช้รวดเร็วขึ้น แคชนี้มีข้อมูลทั่วไป (เช่น ชื่อกลุ่มงาน) เกี่ยวกับขอบเขตที่เชื่อมโยง กล่าวคือขอบเขตที่ขอบเขตของเครื่องเชื่อถือ จะไม่มีการแคชข้อมูลที่ระบุตัวผู้ใช้และข้อมูลสำหรับขอบเขตที่ไม่เชื่อมโยง การรีบูตอุปกรณ์จะล้างแคช
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่แคชจะนำมาใช้ซ้ำได้สูงสุด 73 ชั่วโมง
หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 ระบบจะปิดใช้การแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ การปิดแคชอาจทำให้การลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้ที่เชื่อมโยงช้าลงอย่างมากเนื่องจากต้องเรียกข้อมูลที่เจาะจงขอบเขตทุกครั้งที่มีการลงชื่อเข้าใช้
โปรดทราบว่าจะมีการแคชข้อมูลขอบเขตสำหรับผู้ใช้ชั่วคราวด้วย คุณควรปิดแคชหากไม่ต้องการให้มีการติดตามขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="570062449808736508">หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า WebView จะอ่านข้อจำกัด URL จากผู้ให้บริการเนื้อหาที่มีชื่อผู้ออกใบรับรองที่ระบุ</translation>
<translation id="5701714006401683963">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เซสชันผู้เยี่ยมชมที่จัดการจะทำงานตามที่ระบุไว้ในเอกสารที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/3017014 ซึ่งเกี่ยวกับเซสชันสาธารณะมาตรฐาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เซสชันผู้เยี่ยมชมที่จัดการจะมีลักษณะการทำงานแบบเซสชันที่จัดการ ซึ่งยกเลิกข้อจำกัดหลายรายการที่มีไว้สำหรับเซสชันสาธารณะปกติ
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้</translation>
<translation id="5722934961007828462">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองโดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในตัวเครื่องอยู่เสมอ
หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่สามารถรับข้อมูลสถานะการเพิกถอน จะถือว่าใบรับรองดังกล่าวถูกเพิกถอน ("hard-fail")
หากไม่ได้กำหนดนโยบายนี้ หรือกำหนดเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ที่มีอยู่</translation>
<translation id="5728154254076636808">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="5732972008943405952">นำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="5765780083710877561">คำอธิบาย:</translation>
<translation id="5770738360657678870">เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา (อาจไม่เสถียร)</translation>
<translation id="5774856474228476867">URL การค้นหาของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="5776485039795852974">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการแสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="5781412041848781654">ระบุไลบรารี GSSAPI ที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP คุณสามารถกำหนดเฉพาะชื่อไลบรารีหรือเส้นทางแบบเต็ม
หากคุณไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะกลับไปใช้ชื่อไลบรารีเริ่มต้น</translation>
<translation id="5781806558783210276">ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีการใช้งานเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่า จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่มีการใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกกันได้
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที</translation>
<translation id="5783009211970309878">ส่วนหัวและส่วนท้ายของการพิมพ์</translation>
<translation id="5809728392451418079">ตั้งชื่อสำหรับแสดงสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="5814301096961727113">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5815129011704381141">รีบูตอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต</translation>
<translation id="5815353477778354428">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้
ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้
หากไม่มีการตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีโปรไฟล์เริ่มต้น</translation>
<translation id="5826047473100157858">กำหนดว่าผู้ใช้สามารถจะเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้หรือไม่ หากเลือก "เปิดใช้งาน" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากเลือก "ปิดใช้งาน" ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากเลือก "บังคับ" หน้าเว็บจะเปิดขึ้นได้ในโหมดไม่ระบุตัวตนเท่านั้น</translation>
<translation id="582857022372205358">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านสั้น</translation>
<translation id="583091600226586337">
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกแต่ละไฟล์ไว้ที่ใดก่อนดาวน์โหลด
หากปิดใช้นโยบาย การดาวน์โหลดจะเริ่มทันทีและระบบจะไม่ถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ใด
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
</translation>
<translation id="5832274826894536455">นโยบายที่เลิกใช้งาน</translation>
<translation id="5835124959204887277">ระบุ URL และโดเมนที่จะไม่แสดงข้อความแจ้งเมื่อมีการขอใบรับรองการยืนยันจากกุญแจรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ จะมีการส่งสัญญาณไปยังกุญแจรักษาความปลอดภัยเพื่อแจ้งว่าอาจมีการใช้การยืนยันแยกทีละรายการ หากไม่มี ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งใน Chrome 65 ขึ้นไป เมื่อเว็บไซต์ขอการยืนยันของกุญแจรักษาความปลอดภัย
URL (เช่น https://example.com/some/path) จะจับคู่เป็น U2F AppID เท่านั้น โดเมน (เช่น example.com) จะจับคู่เป็น Webauthn RP ID ดังนั้นเพื่อให้ครอบคลุมทั้ง U2F และ Webauthn API สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการ คุณต้องใส่ทั้ง URL และโดเมนของ AppID</translation>
<translation id="5836064773277134605">จำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่ใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="5861856285460256766">การกำหนดค่ารหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง</translation>
<translation id="5862253018042179045">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เสียงพูดตอบรับจะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดง
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดง
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานเสียงพูดตอบรับ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงอีกครั้งหรือผู้ใช้ยังคงไม่ได้ใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที
หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่า เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานเสียงพูดตอบรับได้ตลอดเวลา และสถานะของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงอยู่ระหว่างผู้ใช้</translation>
<translation id="5868414965372171132">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับผู้ใช้</translation>
<translation id="5879014913445067283">ควบคุมการค้นหาพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายผ่าน <ph name="NETBIOS_NAME" /></translation>
<translation id="5883015257301027298">การตั้งค่าคุกกี้เริ่มต้น</translation>
<translation id="5887414688706570295">กำหนดค่าส่วนนำหน้าของ TalkGadget ที่จะถูกใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง
หากมีการระบุไว้ ส่วนนำหน้านี้จะถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าชื่อ TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักเพื่อสร้างชื่อโดเมนเต็มสำหรับ TalkGadget ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักนี้คือ '.talkgadget.google.com'
หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ โฮสต์จะใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองเมื่อเข้าถึง TalkGadget แทนการใช้ชื่อโดเมนค่าเริ่มต้น
หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นค่าเริ่มต้น ('chromoting-host.talkgadget.google.com') จะถูกใช้สำหรับโฮสต์ทั้งหมด
ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งค่านโยบายนี้ โดยจะใช้ 'chromoting-client.talkgadget.google.com' เพื่อเข้าถึง TalkGadget เสมอ</translation>
<translation id="5893553533827140852">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ คำขอตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby จะส่งผ่านพร็อกซีโดยใช้การเชื่อมต่อโฮสต์ระยะไกล
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่า คำขอตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby จะไม่ส่งผ่านพร็อกซี</translation>
<translation id="5898486742390981550">เมื่อมีผู้ใช้หลายคนอยู่ในระบบ จะมีเพียงผู้ใช้หลักเท่านั้นที่ใช้แอป Android ได้</translation>
<translation id="5900196529149231477">
นโยบายนี้ใช้กับหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> ซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ด้วย ขอแนะนำให้ตั้งทั้ง 2 นโยบายเป็นค่าเดียวกัน ค่าที่ไม่ตรงกันอาจทำให้เกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ
หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในโปรเซสของตัวเอง และยังเป็นการแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อย เช่น การระบุ https://example.com/ จะแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้การตั้งค่าการแยกเว็บไซต์ที่เป็นค่าเริ่มต้นของแพลตฟอร์มกับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้
</translation>
<translation id="5901427587865226597">การพิมพ์ 2 ด้านเท่านั้น</translation>
<translation id="5906199912611534122">อนุญาตการเปิดหรือปิดใช้การควบคุมการใช้งานเครือข่าย
การเลือกจะมีผลต่อผู้ใช้ทุกคนและกับทุกอินเทอร์เฟซในอุปกรณ์ เมื่อตั้งค่าแล้ว
การควบคุมการใช้งานเครือข่ายจะเปิดใช้จนกว่าจะเปลี่ยนนโยบายเพื่อปิดใช้
หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการควบคุมการใช้งานเครือข่าย
หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะถูกควบคุมการใช้งานเครือข่ายเพื่อให้ได้อัตราการอัปโหลดและดาวน์โหลดที่ระบุไว้ (หน่วยเป็น kbits/s)</translation>
<translation id="5921713479449475707">อนุญาตการดาวน์โหลดการอัปเดตอัตโนมัติผ่านทาง HTTP</translation>
<translation id="5921888683953999946">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "จริง" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที
หากนโยบายไม่มีการตั้งค่า เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ได้ตลอดเวลา และสถานะของเคอร์เซอร์บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ</translation>
<translation id="5929855945144989709">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน Chrome OS ได้</translation>
<translation id="5932767795525445337">นโยบายนี้ใช้เพื่อตรึงแอป Android ได้</translation>
<translation id="5936622343001856595">บังคับให้ทำการค้นหาใน Google ค้นเว็บด้วยค้นหาปลอดภัย และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดการตั้งค่านี้ ค้นหาปลอดภัยใน Google Search จะทำงานตลอดเวลา
หากคุณปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ค้นหาปลอดภัยใน Google Search จะไม่ทำงาน</translation>
<translation id="5946082169633555022">เวอร์ชันเบต้า</translation>
<translation id="5950205771952201658">ด้วยข้อเท็จจริงที่การตรวจสอบการเพิกถอนออนไลน์แบบ Soft-fail ไม่มีประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างชัดเจน จึงมีการปิดใช้ไว้โดยค่าเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 19 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True จะมีการนำลักษณะการทำงานก่อนหน้านี้มาใช้และการตรวจสอบ OCSP/CRL แบบออนไลน์จะมีการทำงาน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็น False จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ตรวจสอบการเพิกถอนแบบออนไลน์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 19 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า</translation>
<translation id="5966615072639944554">ส่วนขยายได้รับอนุญาตให้ใช้ API การยืนยันระยะไกล</translation>
<translation id="5983708779415553259">ลักษณะการทำงานเริ่มต้นสำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ได้อยู่ในชุดเนื้อหาใดๆ</translation>
<translation id="5997543603646547632">ใช้เวลารูปแบบ 24 ชั่วโมงโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5997846976342452720">ระบุว่าควรปิดเครื่องมือค้นหาปลั๊กอินไหม (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="6017568866726630990">แสดงกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนหน้าตัวอย่างการพิมพ์
เมื่อเปิดการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนหน้าตัวอย่างการพิมพ์ในตัวเมื่อผู้ใช้ขอให้พิมพ์หน้าเว็บ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเท็จ คำสั่งพิมพ์จะเรียกหน้าตัวอย่างการพิมพ์ขึ้นมา</translation>
<translation id="6022948604095165524">การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation>
<translation id="6023030044732320798">ระบุชุดนโยบายที่จะส่งไปยังรันไทม์ของ ARC โดยค่าต้องเป็น JSON ที่ถูกต้อง
นโยบายนี้ใช้กำหนดแอป Android ที่อนุญาตให้ติดตั้งในอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ:
{
"type": "object",
"properties": {
"applications": {
"type": "array",
"items": {
"type": "object",
"properties": {
"packageName": {
"description": "ตัวระบุแอป Android เช่น "com.google.android.gm" สำหรับ Gmail",
"type": "string"
},
"installType": {
"description": "ระบุวิธีติดตั้งแอป OPTIONAL: หากไม่มีการระบุนโยบาย ค่าเริ่มต้นคือระบบจะไม่ติดตั้งแอปโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้ติดตั้งเองได้ PRELOAD: ระบบติดตั้งแอปโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้ถอนการติดตั้งได้ FORCE_INSTALLED: ระบบติดตั้งแอปโดยอัตโนมัติและผู้ใช้ถอนการติดตั้งไม่ได้ BLOCKED: แอปถูกบล็อกและติดตั้งไม่ได้ แอปที่ติดตั้งมาตั้งแต่นโยบายก่อนหน้านี้จะถูกถอนการติดตั้ง",
"type": "string",
"enum": [
"OPTIONAL",
"PRELOAD",
"FORCE_INSTALLED",
"BLOCKED"
]
},
"defaultPermissionPolicy": {
"description": "นโยบายสำหรับการอนุมัติคำขอสิทธิ์เข้าถึงแอป PERMISSION_POLICY_UNSPECIFIED: ไม่มีการระบุนโยบายสำหรับสิทธิ์ในทุกระดับ จึงใช้การทำงาน `PROMPT` โดยค่าเริ่มต้น PROMPT: แจ้งให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์ GRANT: ให้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ DENY: ปฏิเสธสิทธิ์โดยอัตโนมัติ",
"type": "string",
"enum": [
"PERMISSION_POLICY_UNSPECIFIED",
"PROMPT",
"GRANT",
"DENY"
]
},
"managedConfiguration": {
"description": "อ็อบเจกต์การกำหนดค่า JSON เฉพาะแอปที่มีชุดของคู่คีย์-ค่า เช่น "'managedConfiguration": { "key1": value1, "key2": value2 }' คียต่างๆ มีการกำหนดไว้ในไฟล์ Manifest ของแอป",
"type": "object"
}
}
}
}
}
}
หากต้องการตรึงแอปไว้ที่ Launcher โปรดดู PinnedLauncherApps</translation>
<translation id="602728333950205286">URL ค้นหาทันใจของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="603410445099326293">พารามิเตอร์สำหรับการแนะนำ URL ที่ใช้ POST</translation>
<translation id="6036523166753287175">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากโฮสต์สำหรับการเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="6070667616071269965">รูปแบบแป้นพิมพ์ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="6074963268421707432">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="6074964551275531965">กำหนดระยะเวลาสำหรับการแจ้งเตือนการอัปเดต</translation>
<translation id="6076099373507468537">กำหนดรายการอุปกรณ์ USB ที่ได้รับอนุญาตให้ถอดออกจากไดรเวอร์ Kernel เพื่อที่จะใช้งานผ่าน chrome.usb API ภายในเว็บแอปพลิเคชันโดยตรง รายการต่างๆ เป็นการจับคู่ระหว่างตัวระบุผู้ให้บริการ USB และตัวระบุผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะระบุฮาร์ดแวร์ที่เจาะจง
หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้ รายการอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้นั้นจะว่างเปล่า</translation>
<translation id="6083631234867522991">Windows (ไคลเอ็นต์ของ Windows):</translation>
<translation id="6091233616732024397">บังคับให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เพื่อใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="6093156968240188330">ให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเซสชันความช่วยเหลือระยะไกล</translation>
<translation id="6095999036251797924">ระบุระยะเวลาที่ต้องการให้ล็อกหน้าจอหากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะที่กำลังใช้ไฟ AC หรือแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่าระยะเวลาเป็นค่าที่มากกว่าศูนย์ ค่าดังกล่าวจะแสดงถึงระยะเวลาที่ผู้ใช้ไม่มีการใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ
เมื่อตั้งค่าระยะเวลาเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน
เมื่อไม่มีการตั้งค่าระยะเวลา ระบบจะใช้ระยะเวลาที่เป็นค่าเริ่มต้น
วิธีที่แนะนำในการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการใช้งานคือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อระงับการใช้งานและให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากการหน่วงเวลาเมื่อไม่มีการใช้งาน นโยบายนี้ควรนำมาใช้เฉพาะเมื่อการล็อกหน้าจอเกิดขึ้นนานแล้วก่อนที่จะมีการระงับการใช้งานหรือเมื่อไม่ต้องการให้ระงับการใช้งานเลยเมื่อไม่มีการใช้งาน
ควรระบุค่าของนโยบายโดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าการหน่วงเวลาเมื่อไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="6097601282776163274">เปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL</translation>
<translation id="6099853574908182288">โหมดสีการพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="6111936128861357925">อนุญาตให้เล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ได้</translation>
<translation id="6114416803310251055">ถูกกำหนดให้เลิกใช้</translation>
<translation id="6133088669883929098">อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์</translation>
<translation id="6145799962557135888">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultJavaScriptSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation>
<translation id="614662973812186053">นโยบายนี้จะยังควบคุมการใช้งาน Android และการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยด้วยเช่นกัน</translation>
<translation id="6153048425064249648">นโยบายนี้ควบคุมการรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งจะอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเบราว์เซอร์ไปยังคอนโซล Google Admin
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการเก็บรวบรวมหรืออัปโหลดข้อมูล
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเก็บรวบรวมและอัปโหลดข้อมูลไปยังคอนโซล Google Admin
ในการควบคุมประเภทข้อมูลที่จะอัปโหลด โปรดใช้นโยบายต่างๆ ในกลุ่ม "ส่วนขยายการรายงานของ Chrome"
นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อมีการลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้บังคับให้ติดตั้ง <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> สำหรับการรายงานและลบล้างนโยบายส่วนขยายใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายดังกล่าว</translation>
<translation id="6155247658847899816">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ความละเอียดและปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผลของจอแสดงผลแต่ละจอ
จะตั้งเป็นค่าที่เจาะจง การตั้งค่าจอแสดงผลภายนอก
จะใช้กับจอแสดงผลภายนอกทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่
คุณต้องระบุค่าของ "external_width" และ "external_height" เป็นพิกเซล
และต้องระบุค่าของ "external_scale_percentage" และ
"internal_scale_percentage" เป็นเปอร์เซ็นต์
หากตั้งค่า "external_use_native" เป็น "จริง" นโยบายจะเพิกเฉยต่อค่าของ
"external_height" และ "external_width" และตั้งค่าความละเอียดของจอแสดงผลภายนอก
เป็นความละเอียดของระบบ
หาก "external_use_native" เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ระบุไว้
และไม่ได้ระบุ "external_height" หรือ "external_width" ไว้เช่นกัน
นโยบายจะไม่มีผลกับการตั้งค่าจอแสดงผลภายนอก หากจอแสดงผลบางจอไม่รองรับ
ความละเอียดหรือปัจจัยที่มีผลต่อขนาดที่ระบุ ระบบจะไม่ใช้นโยบายนี้
กับจอแสดงผลดังกล่าว
หากตั้งค่าธงสถานะ "แนะนำ" เป็น "จริง" ผู้ใช้จะเปลี่ยนความละเอียด
และปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผลได้ผ่านหน้าการตั้งค่าหลังจากการลงชื่อเข้าสู่ระบบ
แต่ค่าของนโยบายจะลบล้างการตั้งค่าดังกล่าวเมื่อมีการรีบูตครั้งถัดไป
หากตั้งค่าธงสถานะ "แนะนำ" เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่า
การแสดงผลไม่ได้</translation>
<translation id="6155936611791017817">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6157537876488211233">รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation>
<translation id="6158324314836466367">ชื่อเว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="6181608880636987460">อนุญาตให้คุณกำหนดรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPluginsSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้</translation>
<translation id="6190022522129724693">การตั้งค่าป๊อปอัปเริ่มต้น</translation>
<translation id="6190367314942602985">รายงานข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้</translation>
<translation id="6197453924249895891">มอบสิทธิ์การเข้าถึงคีย์ขององค์กรให้แก่ส่วนขยาย
คีย์ถูกกำหนดไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรหากสร้างขึ้นโดยใช้ API chrome.enterprise.platformKeys บนบัญชีที่มีการจัดการ คีย์ที่นำเข้าหรือสร้างด้วยวิธีอื่นไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กร
การเข้าถึงคีย์ที่มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรจะได้รับการควบคุมโดยนโยบายนี้เพียงอย่างเดียว ผู้ใช้ไม่สามารถมอบสิทธิ์เข้าถึงคีย์หรือเพิกถอนสิทธิ์จากส่วนขยาย
โดยค่าเริ่มต้นแล้ว ส่วนขยายจะไม่สามารถใช้คีย์ที่มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กร ซึ่งเทียบเท่ากับการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น False สำหรับส่วนขยายดังกล่าว
หากตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น True สำหรับส่วนขยาย ส่วนขยายดังกล่าวจะสามารถใช้คีย์ของแพลตฟอร์มใดก็ตามที่มีการทำเครื่องหมายสำหรับการใช้งานขององค์กรเพื่อลงนามข้อมูลที่กำหนดเองได้ ควรมอบสิทธิ์นี้ให้แก่ส่วนขยายในกรณีที่ไว้วางใจได้ว่าส่วนขยายมีการป้องกันผู้โจมตีจากการเข้าถึงคีย์เท่านั้น</translation>
<translation id="6208896993204286313">รายงานข้อมูลนโยบายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6210259502936598222">รายงานข้อมูลระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6211428344788340116">รายงานเวลากิจกรรมของอุปกรณ์
หากไม่มีการตั้งค่านี้หรือตั้งค่าเป็น True อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนจะรายงานระยะเวลาที่ผู้ใช้มีการใช้งานบนอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการบันทึกหรือรายงานเวลากิจกรรมของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6212868225782276239">เครื่องพิมพ์ทั้งหมดยกเว้นที่อยู่ในบัญชีดำจะปรากฏ</translation>
<translation id="6219965209794245435">นโยบายนี้จะบังคับให้นำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าหากเปิดใช้ และหากเปิดใช้ นโยบายนี้จะส่งผลต่อกล่องโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย
หากปิดใช้ จะไม่มีการนำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติ
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบอาจถามผู้ใช้ว่าจะนำเข้าข้อมูลดังกล่าวไหม หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6224304369267200483">URL/โดเมนอนุญาตการยืนยันกุญแจรักษาความปลอดภัยโดยตรงโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6233173491898450179">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="6244210204546589761">URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation>
<translation id="6258193603492867656">ระบุว่า Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นควรจะรวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานไว้หรือไม่ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้และป้อนพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐาน (เช่น พอร์ตอื่นๆ นอกจาก 80 หรือ 443) เข้าไป พอร์ตดังกล่าวจะถูกรวมไว้ใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้น หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือปล่อยให้ไม่มีการตั้งค่า Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นจะไม่รวมพอร์ตไม่ว่าในกรณีใดๆ</translation>
<translation id="6261643884958898336">รายงานข้อมูลการระบุเครื่อง</translation>
<translation id="6281043242780654992">กำหนดค่านโยบายสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในบัญชีดำจะไม่ได้รับอนุญาตเว้นเสียแต่ว่าจะถูกกำหนดให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ</translation>
<translation id="6282799760374509080">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับเสียง</translation>
<translation id="6284362063448764300">TLS 1.1</translation>
<translation id="6310223829319187614">เปิดใช้การเติมชื่อโดเมนอัตโนมัติระหว่างการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้</translation>
<translation id="6315673513957120120">Chrome จะแสดงหน้าคำเตือนเมื่อผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีข้อผิดพลาด SSL ทั้งนี้โดยค่าเริ่มต้นหรือเมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ผู้ใช้สามารถคลิกผ่านหน้าคำเตือนเหล่านี้ได้
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนใดๆ</translation>
<translation id="6352543686437322588">บัญชีภายในอุปกรณ์สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติหลังจากความล่าช้า
หากตั้งค่านโยบายนี้ เซสชันที่ระบุจะเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติหลังจากเวลาล่วงเลยไประยะหนึ่งโดยไม่มีการดำเนินการของผู้ใช้บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ต้องกำหนดค่าบัญชีภายในอุปกรณ์ไว้แล้ว (ดู |DeviceLocalAccounts|)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6353901068939575220">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อค้นหา URL ด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง
นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET
นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน</translation>
<translation id="6367755442345892511">ควรจะอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าช่องสำหรับเปิดตัวการอัปเดตหรือไม่</translation>
<translation id="6368011194414932347">กำหนดค่า URL ของหน้าแรก</translation>
<translation id="6368403635025849609">อนุญาตให้ใช้ JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6376659517206731212">อาจเป็นข้อบังคับ</translation>
<translation id="6377355597423503887">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน
อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้ คุณกำหนดค่าได้ว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะเป็นการป้องกันแอปและส่วนขยายที่ใช้ chrome.identity API ไม่ให้ทำงาน คุณจึงอาจต้องใช้ SyncDisabled แทน</translation>
<translation id="6378076389057087301">ระบุว่ากิจกรรมเสียงมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation>
<translation id="637934607141010488">รายงานรายชื่อผู้ใช้อุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบเมื่อเร็วๆ นี้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่มีการรายงานผู้ใช้</translation>
<translation id="6394350458541421998">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 29 โปรดใช้นโยบาย PresentationScreenDimDelayScale แทน</translation>
<translation id="6401669939808766804">ออกจากระบบให้ผู้ใช้</translation>
<translation id="6406448383934634215">หากเลือก "เปิดรายการ URL" เป็นการดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน ตัวเลือกนี้จะช่วยให้คุณระบุรายการ URL ที่จะเปิดได้ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิด URL ขึ้นมาเมื่อเริ่มต้น
นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะในกรณีที่นโยบาย "RestoreOnStartup" ตั้งค่าเป็น "RestoreOnStartupIsURLs" เท่านั้น
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="6426205278746959912">คุณไม่สามารถบังคับให้แอป Android ใช้พร็อกซี แต่จะมีการตั้งค่าพร็อกซีชุดย่อยชุดหนึ่งที่ใช้ได้กับแอป Android ซึ่งแอปอาจเลือกที่จะปฏิบัติตาม:
หากคุณเลือกที่จะไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ ระบบจะแจ้งแอป Android ว่าไม่มีการกำหนดค่าพร็อกซี
หากคุณเลือกที่จะใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์คงที่ แอป Android จะได้รับที่อยู่และพอร์ตพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP
หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ แอป Android จะได้รับ URL สคริปต์ "http://wpad/wpad.dat" โดยจะไม่มีการใช้โปรโตคอลการตรวจหาพร็อกซีโดยอัตโนมัติอื่นๆ
หากคุณเลือกที่จะใช้สคริปต์พร็อกซี .pac แอป Android จะได้รับ URL สคริปต์ดังกล่าว</translation>
<translation id="6430366557948788869">Chrome Reporting Extension</translation>
<translation id="6440051664870270040">อนุญาตให้เว็บไซต์นำทางและเปิดป๊อปอัปพร้อมกันได้</translation>
<translation id="6447948611083700881">การสำรองและกู้คืนข้อมูลปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="645425387487868471">เปิดใช้การบังคับลงชื่อเข้าใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6464074037294098618">เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่</translation>
<translation id="6473623140202114570">กำหนดค่ารายการโดเมนที่ Safe Browsing จะไม่เรียกให้คำเตือนแสดง</translation>
<translation id="6488627892044759800">กำหนดประเภทหน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนค่ากำหนดหน้าแรก ตั้งค่าหน้าแรกเป็น URL ที่คุณระบุหรือตั้งค่าเป็นหน้าแท็บใหม่
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกเสมอ และจะเพิกเฉยต่อตำแหน่ง URL หน้าแรก
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าแรกของผู้ใช้จะไม่เป็นหน้าแท็บใหม่ เว้นว่าจะตั้งค่า URL เป็น "chrome://newtab"
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนประเภทหน้าแรกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะเป็นการอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้เองว่าจะใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกไหม
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="6491139795995924304">อนุญาตบลูทูธบนอุปกรณ์</translation>
<translation id="6495328383950074966">กำหนดค่ารายการโดเมนที่ Google Safe Browsing จะเชื่อถือ ซึ่งหมายถึง
Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย (เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์) หาก URL ของทรัพยากรตรงกับโดเมนเหล่านี้
บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้
บริการปกป้องรหัสผ่านของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำหาก URL ของหน้าเว็บตรงกับโดเมนเหล่านี้
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนเหล่านี้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้การปกป้องด้วย Google Safe Browsing ที่เป็นค่าเริ่มต้นกับทรัพยากรทั้งหมด
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="6520802717075138474">นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="6525955212636890608">หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ จะมีการทำงานของเนื้อหา Flash ทั้งหมดที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่ผู้ใช้หรือนโยบายขององค์กรตั้งค่าให้อนุญาต Flash ในการตั้งค่าเนื้อหา รวมทั้งเนื้อหาจากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก
หากต้องการควบคุมเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ Flash ทำงาน ให้ดูนโยบาย "DefaultPluginsSetting", "PluginsAllowedForUrls" และ "PluginsBlockedForUrls"
หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ระบบอาจบล็อกเนื้อหา Flash จากแหล่งที่มาอื่นหรือเนื้อหาขนาดเล็ก</translation>
<translation id="6532769014584932288">อนุญาตการทำงานขณะล็อก</translation>
<translation id="653608967792832033">ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้ด้วยค่าที่มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ
เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
วิธีล็อกหน้าจอที่แนะนำในขณะที่ไม่ใช้งานคือ เปิดใช้งานการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น
ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="6536600139108165863">เริ่มต้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ปิดเครื่อง</translation>
<translation id="6539246272469751178">นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อแอป Android โดยแอป Android จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้นเสมอ และไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ใดๆ ที่ดาวน์โหลดโดย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ลงในไดเรกทอรีการดาวน์โหลดที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="654303922206238013">กลยุทธ์การย้ายข้อมูลสำหรับ eCryptfs</translation>
<translation id="6544897973797372144">หากนโยบายนี้มีการกำหนดค่าเป็น "จริง" และไม่ได้ระบุนโยบาย ChromeOsReleaseChannel ไว้ ผู้ใช้ในโดเมนที่ลงทะเบียนจะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงช่องสำหร้บเปิดตัวการอัปเดตของอุปกรณ์ได้ หากนโยบายถูกกำหนดค่าเป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะถูกล็อกในช่องใดก็ตามที่ถูกตั้งค่าไว้ล่าสุด
ช่องที่ผู้ใช้เลือกจะถูกแทนที่โดยนโยบาย ChromeOsReleaseChannel แต่ถ้าช่องนโยบายมีความเสถียรมากกว่าช่องที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ ช่องดังกล่าวจะเปิด/ปิดใช้งานหลังจากที่ช่องที่เสถียรมากกว่าอัปเกรดไปจนถึงรุ่นที่สูงกว่าช่องที่ติดตั้งบนอุปกรณ์</translation>
<translation id="6553143066970470539">เปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ</translation>
<translation id="6559057113164934677">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เข้าถึงกล้องและไมโครโฟน</translation>
<translation id="6561396069801924653">แสดงตัวเลือกการเข้าถึงในเมนูถาดระบบ</translation>
<translation id="6563458316362153786">เปิดใช้การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว 802.11r</translation>
<translation id="6565312346072273043">ตั้งสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถลบล้างการตั้งค่าชั่วคราวได้โดยการเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกของผู้ใช้จะไม่คงอยู่ตลอดไป และระบบจะนำค่าเริ่มต้นกลับมาใช้ทุกครั้งที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ หรือผู้ใช้ไม่มีการใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที
หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะถูกปิดเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏขึ้นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อใดก็ได้ และสถานะของแป้นพิมพ์นั้นบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน</translation>
<translation id="6573305661369899995">ตั้งค่าแหล่งที่มาภายนอกของข้อจำกัด URL</translation>
<translation id="6598235178374410284">รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="6603004149426829878">ส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งใดก็ตามที่มีอยู่ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation>
<translation id="6628646143828354685">อนุญาตให้คุณกำหนดได้ว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียงหรือไม่ คุณสามารถเลือกที่จะบล็อกการเข้าถึงโดยสิ้นเชิง หรือให้เว็บไซต์หนึ่งๆ ขออนุญาตจากผู้ใช้ทุกครั้งที่ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียง
หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ "3" และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="663685822663765995">จำกัดโหมดสีการพิมพ์</translation>
<translation id="6641981670621198190">ปิดใช้งานการสนับสนุน API ของกราฟิก 3 มิติ</translation>
<translation id="6647965994887675196">หากตั้งค่าเป็นจริง จะสามารถสร้างและใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้
หากตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้กำหนดค่า การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลและการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้
หมายเหตุ: การทำงานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคและอุปกรณ์ขององค์กรจะแตกต่างกัน: บนอุปกรณ์ของผู้บริโภค ผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น แต่จะปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ขององค์กร</translation>
<translation id="6649397154027560979">นโยบายนี้ได้ถูกเลิกใช้งาน โปรดใช้ URLBlacklist แทน
ปิดใช้งานรูปแบบโปรโตคอลที่ระบุไว้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
URL ที่ใช้รูปแบบจากรายการนี้จะไม่โหลดและจะไม่สามารถไปยัง URL นั้นได้
หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่าหรือรายการว่างเปล่า รูปแบบทั้งหมดจะสามารถเข้าถึงได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6652197835259177259">การตั้งค่าผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการในเครื่อง</translation>
<translation id="6658245400435704251">ระบุจำนวนวินาทีสูงสุดที่อุปกรณ์อาจสุ่มหน่วงเวลาการดาวโหลดการอัปเดตนับตั้งแต่ที่มีการส่งการอัปเดตไปยังเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์อาจใช้เวลาส่วนหนึ่งรอขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มทำงานจนกระทั่งเสร็จสิ้นและใช้เวลาส่วนที่เหลือสำหรับการตรวจสอบการอัปเดตจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าในกรณีใด การกระจายจะเข้าใกล้ขอบเขตบนของระยะเวลาคงที่ อุปกรณ์จึงไม่ต้องค้างรอการดาวน์โหลดการอัปเดตอย่างไม่สิ้นสุด</translation>
<translation id="6665670272107384733">กำหนดความถี่ที่ผู้ใช้ต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อใช้การปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="6681229465468164801">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งมีการป้องกันไม่ให้ขอผู้ใช้ให้มอบสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultWebUsbGuardSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน WebUsbAskForUrls ไม่มีการระบุว่าระบบจะใช้นโยบายใดหาก URL ตรงกับรูปแบบทั้งสอง</translation>
<translation id="6689792153960219308">รายงานสถานะของฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="6698632841807204978">เปิดใช้การพิมพ์ขาวดำ</translation>
<translation id="6699880231565102694">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="6731757988219967594">กรองเว็บไซต์ระดับบนสุด (แต่ไม่กรอง iframe ที่ฝังไว้) ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation>
<translation id="6734521799274931721">ควบคุมพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายเพื่อความพร้อมใช้งานของ ChromeOS</translation>
<translation id="6735701345096330595">บังคับให้เปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation>
<translation id="673699536430961464">การตั้งค่านี้ทำให้ผู้ใช้สลับการใช้งานระหว่างบัญชี Google ได้ภายในพื้นที่เนื้อหาของหน้าต่างเบราว์เซอร์หลังจากที่ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น False คุณจะไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์ที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น True ระบบจะใช้การดำเนินการเริ่มต้น ซึ่งก็คือ อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์ ยกเว้นบัญชีบุตรหลานซึ่งระบบจะบล็อกสำหรับพื้นที่เนื้อหาที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน
ในกรณีที่ไม่ต้องการอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นผ่านโหมดไม่ระบุตัวตน ให้บล็อกโหมดดังกล่าวโดยใช้นโยบาย IncognitoModeAvailability
โปรดทราบว่าผู้ใช้จะยังเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Google ในสถานะที่ไม่ผ่านการรับรองได้ด้วยการบล็อกคุกกี้</translation>
<translation id="6738326937072482736">กำหนดค่าความพร้อมใช้งานและลักษณะการทำงานของฟังก์ชันอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" />
ระบุการตั้งค่าแต่ละรายการในคุณสมบัติ JSON ได้ดังนี้
<ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH" />: หากกำหนดไว้เป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอน Powerwash เพื่อติดตั้งอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ได้
<ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE" />: หากกำหนดไว้เป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอนอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่รักษาสถานะของทั้งอุปกรณ์ (รวมถึงการลงทะเบียนองค์กร) ไว้ได้แต่จะเสียข้อมูลผู้ใช้ ขั้นตอนอัปเดตนี้ใช้ได้กับเวอร์ชัน 68 เป็นต้นไป
หากไม่ได้กำหนดนโยบาย ฟังก์ชันอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะใช้งานไม่ได้</translation>
<translation id="6757438632136860443">อนุญาตให้คุณกำหนดรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPluginsSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้</translation>
<translation id="6762235610019366960">ให้คุณควบคุมการนำเสนอเนื้อหาโปรโมตและ/หรือเนื้อหาด้านการศึกษาใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> แบบเต็มแท็บ
หากไม่ได้กำหนดค่าหรือเปิดใช้ (ตั้งค่าเป็นจริง) <ph name="PRODUCT_NAME" /> สามารถแสดงเนื้อหาแบบเต็มแท็บต่อผู้ใช้เพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์
หากปิดใช้ (ตั้งค่าเป็นเท็จ) <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่แสดงเนื้อหาแบบเต็มแท็บต่อผู้ใช้เพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์
การตั้งค่านี้จะควบคุมการนำเสนอหน้าต้อนรับที่ช่วยให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เลือกผลิตภัณฑ์นี้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์</translation>
<translation id="6766216162565713893">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียงจากผู้ใช้</translation>
<translation id="6770454900105963262">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเซสชันคีออสก์ที่ใช้งาน</translation>
<translation id="6786747875388722282">ส่วนขยาย</translation>
<translation id="6786967369487349613">ตั้งค่าไดเรกทอรีโปรไฟล์โรมมิ่ง</translation>
<translation id="6810445994095397827">ปิดกั้น JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="681446116407619279">สกีมการตรวจสอบสิทธิ์ที่ได้รับการสนับสนุน</translation>
<translation id="6816212867679667972">ระบุชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ที่ใช้ในคำขอ DHCP
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า ระบบจะใช้สตริงนั้นเป็นชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ในระหว่างที่ขอ DHCP
สตริงมีตัวแปร ${ASSET_ID}, ${SERIAL_NUM}, ${MAC_ADDR}, ${MACHINE_NAME} ได้ ซึ่งจะแทนที่ด้วยค่าในอุปกรณ์ก่อนที่จะใช้เป็นชื่อโฮสต์ ชื่อทดแทนที่ได้จะต้องเป็นชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง (ตาม RFC 1035 ส่วน 3.1)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือค่าหลังการแทนที่ไม่ใช่ชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีการกำหนดชื่อโฮสต์ในคำขอ DHCP </translation>
<translation id="6835883744948188639">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าควรเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation>
<translation id="6837480141980366278">ควบคุมว่าจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว (หากมี)
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่มีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน MacOS, Android (เมื่อปิดใช้ทั้ง DNS ส่วนตัวและ VPN) และ ChromeOS และผู้ใช้จะเปลี่ยนได้ว่าจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวหรือไม่ ด้วยการแก้ไข chrome://flags หรือระบุการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง</translation>
<translation id="6838056959556423778">ลบล้างกฎการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้กำหนดกฎในการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งเกิดขึ้นในครั้งแรกที่มีการใช้ฟังก์ชันการพิมพ์กับโปรไฟล์ใดโปรไฟล์หนึ่ง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามหาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกับแอตทริบิวต์ทั้งหมดที่ระบุไว้ และเลือกเครื่องพิมพ์นั้นเป็นค่าเริ่มต้น ระบบจะเลือกเครื่องพิมพ์แรกที่พบว่าตรงกับนโยบายในกรณีที่มีเครื่องพิมพ์ตรงกันที่สามารถเลือกได้หลายเครื่อง โดยขึ้นอยู่กับลำดับของเครื่องพิมพ์ที่พบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่พบเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันก่อนหมดเวลา ระบบจะตั้งค่าเครื่องพิมพ์เริ่มต้นเป็นเครื่องพิมพ์ PDF ในตัว หรือหากไม่มีเครื่องพิมพ์ PDF ก็จะไม่เลือกเครื่องพิมพ์ใดๆ
จะมีการแยกวิเคราะห์ค่าเป็นออบเจ็กต์ JSON โดยเป็นไปตามสคีมาต่อไปนี้
{
"type": "object",
"properties": {
"kind": {
"description": "ต้องการจำกัดการค้นหาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันเป็นชุดเครื่องพิมพ์ที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่",
"type": "string",
"enum": [ "local", "cloud" ]
},
"idPattern": {
"description": "นิพจน์ทั่วไปที่ใช้จับคู่ id เครื่องพิมพ์",
"type": "string"
},
"namePattern": {
"description": "นิพจน์ทั่วไปที่ใช้จับคู่ชื่อที่แสดงของเครื่องพิมพ์",
"type": "string"
}
}
}
เครื่องพิมพ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จะถือว่าเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_CLOUD" /> เครื่องพิมพ์ที่เหลือจะจัดประเภทเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_LOCAL" />
การข้ามช่องใดช่องหนึ่งไปแสดงว่าค่าทั้งหมดตรง ตัวอย่างเช่น การไม่ระบุการเชื่อมต่อจะทำให้การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์เริ่มการค้นหาเครื่องพิมพ์ทุกประเภท ทั้งเครื่องพิมพ์ที่ต่อกับระบบและในระบบคลาวด์
รูปแบบนิพจน์ทั่วไปต้องเป็นไปตามไวยากรณ์ JavaScript RegExp และการจับคู่จะคำนึงถึงอักษรตัวพิมพ์เล็กและใหญ่</translation>
<translation id="6843296367238757293">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว เราไม่แนะนำให้ใช้นโยบายนี้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation>
<translation id="684856667300805181">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_GLS_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="6856743875250214792">เราเลิกใช้นโยบายนี้และนำออกแล้วใน M66 เพราะมีไว้เพื่อใช้ทดสอบภายในเท่านั้นและไม่เหมาะสำหรับการรักษาความปลอดภัย
ระบุการแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ควรนำไปใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเริ่มใช้งาน ระบบจะใช้การแจ้งที่ระบุนี้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเท่านั้น การแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ตั้งผ่านนโยบายนี้จะไม่เผยแพร่ในเซสชันผู้ใช้</translation>
<translation id="685769593149966548">บังคับใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube</translation>
<translation id="6857824281777105940">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูล Google Safe Browsing รวมถึงจำนวนคำเตือนของ Google Safe Browsing และจำนวนการคลิกผ่านคำเตือนของ Google Safe Browsing หรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation>
<translation id="686079137349561371">Microsoft Windows 7 ขึ้นไป</translation>
<translation id="687046793986382807">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วนับตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 35
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลหน่วยความจำจะได้รับการรายงานบนหน้า ไม่ว่าค่าของตัวเลือกจะเป็นอย่างไร แต่ขนาดที่รายงาน
จะได้รับการแบ่งนับและมีการจำกัดอัตราของการอัปเดตเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หากต้องการได้ข้อมูลที่แม่นยำแบบเรียลไทม์
โปรดใช้เครื่องมืออย่างเช่น การวัดและส่งข้อมูลทางไกล</translation>
<translation id="6894178810167845842">URL หน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6899705656741990703">ตรวจหาการตั้งค่าพร็อกซีอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6903814433019432303">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนดชุด URL ที่จะโหลดเมื่อเริ่มเซสชันการสาธิต นโยบายนี้จะลบล้างกลไกใดๆ ที่ใช้ในการตั้งค่า URL เริ่มต้น และจะสามารถใช้ได้กับเซสชันที่ไม่เชื่อมโยงกับผู้ใช้ใดเป็นการเฉพาะเท่านั้น</translation>
<translation id="6908640907898649429">กำหนดค่าผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น คุณสามารถระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่ผู้ใช้จะใช้หรือเลือกปิดใช้งานการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="6913068954484253496">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด</translation>
<translation id="6915442654606973733">เปิดใช้งานฟีเจอร์การเข้าถึงเสียงพูดตอบรับ
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เสียงพูดตอบรับจะถูกเปิดใช้งานเสมอ
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้
หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่า เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่จะสามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="6916507170737609563">
ขอแนะนำให้ดูการตั้งค่านโยบาย IsolateOriginsAndroid เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการแยกและการจำกัดผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้ด้วยการใช้ IsolateOriginsAndroid กับรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก การตั้งค่า SitePerProcessAndroid นี้จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด
หากเปิดใช้นโยบาย แต่ละเว็บไซต์จะทำงานในโปรเซสของตัวเอง
หากปิดใช้นโยบาย จะไม่มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดเจนและระบบจะปิดใช้การทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ SitePerProcess ด้วยตนเองได้อยู่
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
หมายเหตุ: ใน Android การแยกเว็บไซต์ยังเป็นฟีเจอร์ทดสอบอยู่และจะได้รับการปรับปรุงเมื่อเวลาผ่านไป ในปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ
หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้กับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ซึ่ง RAM มีความจุมากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายในแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ SitePerProcess
</translation>
<translation id="6922884955650325312">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation>
<translation id="6923366716660828830">ระบุชื่อของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น หากปล่อยว่างหรือไม่ได้กำหนดไว้ จะใช้ชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้โดย URL ค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="6926703471186170050">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านยาว</translation>
<translation id="6931242315485576290">ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลกับ Google</translation>
<translation id="6936894225179401731">ระบุจำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อไปยังพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน
พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์บางตัวไม่สามารถจัดการกับการเชื่อมต่อพร้อมกันต่อหนึ่งไคลเอ็นต์ในจำนวนมากได้ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยตั้งค่านโยบายนี้ให้มีค่าที่ต่ำลง
ค่าของนโยบายนี้ควรจะต่ำกว่า 100 และสูงกว่า 6 และค่าเริ่มต้นเป็น 32
เป็นที่ทราบกันดีว่าแอปพลิเคชันเว็บบางตัวต้องใช้การเชื่อมต่อจำนวนมากเนื่องจากใช้ Hanging GET ดังนั้นการลดค่าให้ต่ำกว่า 32 อาจส่งผลให้​การเชื่อมโยง​เครือข่ายของเบราว์เซอร์ค้างได้หากเปิดแอปพลิเคชันเว็บเป็นจำนวนมากเกินไป การลดค่าให้ต่ำลงดังกล่าวจึงเป็นความเสี่ยงของคุณเอง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ 32</translation>
<translation id="6943577887654905793">ชื่อค่ากำหนด Mac/Linux:</translation>
<translation id="6944167205014013774">ระบบส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป Linux กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลการใช้งานใดๆ หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานข้อมูลการใช้งาน
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้การสนับสนุนสำหรับแอป Linux เท่านั้น</translation>
<translation id="69525503251220566">พารามิเตอร์ที่ให้ฟีเจอร์การค้นหาโดยภาพสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="6956272732789158625">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ใช้การสร้างคีย์</translation>
<translation id="6965859329738616662">ระบุว่าจะอนุญาตให้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสงหรือไม่
เมื่อหน้าจอกำลังจะหรี่แสง รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะจะประเมินว่าควรเลื่อนการหรี่แสงหน้าจอออกไปก่อนหรือไม่ หากรูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะเลื่อนการหรี่แสง จะมีการขยายเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจนกว่าแสงหน้าจอจะหรี่ลง ในกรณีนี้ ระบบจะปรับการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน เพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะและอนุญาตให้ขยายเวลาจนกว่าแสงหน้าจอจะหรี่ลง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะจะไม่มีผลต่อการหรี่แสงหน้าจอ</translation>
<translation id="6994082778848658360">ระบุวิธีที่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์องค์ประกอบความปลอดภัยในเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สอง หากขั้นตอนดังกล่าวใช้ได้กับฟีเจอร์นี้ จะมีการใช้ปุ่มเปิด/ปิดของเครื่องในการตรวจหาตัวตนจริงของผู้ใช้
หากเลือก "ปิดใช้" จะไม่มีการแจ้งปัจจัยที่ 2
หากเลือก "U2F" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะดำเนินการตามข้อกำหนดของ FIDO U2F
หากเลือก "U2F_EXTENDED" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะแจ้งฟังก์ชัน U2F พร้อมส่วนขยายบางอย่างสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation>
<translation id="6997592395211691850">การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์จำเป็นสำหรับ Anchors ความเชื่อถือได้ในตัว</translation>
<translation id="7003334574344702284">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าหากเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้ หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7003746348783715221">ค่ากำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7006788746334555276">การตั้งค่าเนื้อหา</translation>
<translation id="7007671350884342624">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้มีการระบุสถานะ "--user-data-dir" หรือไม่ คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีรากของรุ่นหรือไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียข้อมูลหรือข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดอื่นๆ เพราะ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของตัวเอง
ดูรายการตัวแปรที่สามารถนำมาใช้ได้ที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์เริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างเส้นทางนี้ได้ด้วยการตั้งสถานะโดยใช้บรรทัดคำสั่ง "--user-data-dir"</translation>
<translation id="7027785306666625591">กำหนดค่าการจัดการพลังงานใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
นโยบายเหล่านี้ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้</translation>
<translation id="7040229947030068419">ค่าตัวอย่าง:</translation>
<translation id="7044883996351280650">ควบคุมบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลใน Android</translation>
<translation id="7049373494483449255">เปิดใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้ทำการส่งเอกสารไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> สำหรับการพิมพ์ หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับการสนับสนุน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยไม่ได้ป้องกันผู้ใช้จากการส่งงานพิมพ์บนเว็บไซต์ หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ไป <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากช่องโต้ตอบการพิมพ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ไม่สามารถพิมพ์ไป <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากช่องโต้ตอบการพิมพ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7053678646221257043">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าบุ๊กมาร์ก หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7063895219334505671">อนุญาตให้แสดงป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="706568410943497889">
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะได้รับอนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google (เช่น Google Meet) และอัปโหลดบันทึกไปยัง Google
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกเช่นนี้ไม่ได้
บันทึกเหล่านี้มีข้อมูลการวินิจฉัยซึ่งเป็นประโยชน์เมื่อแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการโทรด้วยเสียงหรือการโทรแบบวิดีโอคอลใน Chrome เช่น เวลาและขนาดของแพ็กเก็ต RTP ที่ส่งและได้รับ ผลป้อนกลับเกี่ยวกับความหนาแน่นในเครือข่าย ตลอดจนข้อมูลเมตาเกี่ยวกับระยะเวลาและคุณภาพของเสียงและเฟรมของวิดีโอ บันทึกเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาเสียงหรือวิดีโอจากการโทร
มีเฉพาะบริการผ่านเว็บของ Google อย่างเช่น Google Hangouts หรือ Google Meet ที่จะเรียกใช้การรวบรวมข้อมูลนี้ได้
Google อาจเชื่อมโยงบันทึกเหล่านี้ (โดยใช้รหัสเซสชัน) กับบันทึกอื่นๆ ที่บริการของ Google รวบรวมไว้เอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ง่ายขึ้น
</translation>
<translation id="706669471845501145">อนุญาตให้ไซต์แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="7072208053150563108">อัตราการเปลี่ยนรหัสผ่านโดยเครื่อง</translation>
<translation id="7079519252486108041">ปิดกั้นป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7085803328069945025">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ขอผู้ใช้ให้มอบสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultWebUsbGuardSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน WebUsbBlockedForUrls ไม่มีการระบุว่าระบบจะใช้นโยบายใดหาก URL ตรงกับรูปแบบทั้งสอง</translation>
<translation id="7106631983877564505">เปิดใช้การล็อกเมื่ออุปกรณ์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ไม่มีการใช้งานหรือถูกระงับใช้งาน
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับแจ้งให้ป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งให้ป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าเขาต้องการให้มีการสอบถามรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์หรือไม่</translation>
<translation id="7115494316187648452">กำหนดว่าการดำเนินการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเริ่มต้นบนการเข้าสู่ระบบของระบบปฏิบัติการและทำงานต่อเมื่อหน้าต่างเบราว์เซอร์สุดท้ายปิดลงไหม เพื่อให้แอปพื้นหลังและเซสชันการเรียกดูปัจจุบันยังคงใช้งานได้อยู่ ซึ่งรวมถึงคุกกี้เซสชันทั้งหมด การดำเนินการในพื้นหลังจะแสดงไอคอนในถาดระบบและสามารถปิดได้จากตรงนั้น
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True โหมดพื้นหลังจะเปิดใช้และผู้ใช้จะควบคุมไม่ได้ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์
หากนโยบายตั้งค่าเป็น False โหมดพื้นหลังจะปิดใช้และผู้ใช้จะควบคุมไม่ได้ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ โหมดพื้นหลังจะปิดใช้ในตอนแรกและผู้ใช้สามารถควบคุมได้ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7126716959063786004">เปิดใช้การหยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน</translation>
<translation id="7127892035367404455">ย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมาย</translation>
<translation id="7128918109610518786">แสดงรายการตัวระบุแอปพิเคชันที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แสดงเป็นแอปพลิเคชันที่ตรึงในแถบตัวเรียกใช้งาน
หากมีการกำหนดค่านโยบายนี้เอาไว้ ชุดแอปพลิเคชันจะถูกกำหนดตายตัวและผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ ผู้ใช้อาจสามารถเปลี่ยนแปลงรายการของแอปพลิเคัชที่ตรึงในตัวเรียกใช้งาน</translation>
<translation id="7132877481099023201">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่ต้องแจ้ง</translation>
<translation id="7158064522994309072">นโยบายนี้ควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรอง
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนั้นๆ นั่นคือใช้ Internet Explorer ใน Windows หรือใช้ Safari ใน Mac OS X ส่วนใน Linux การไม่ตั้งค่านี้จะทำให้การเปิดเบราว์เซอร์สำรองล้มเหลว
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น ${ie}, ${firefox}, ${safari} หรือ
${opera} เบราว์เซอร์นั้นจะเปิดหากมีการติดตั้งไว้ ${ie} ใช้ได้เฉพาะใน
Windows และ ${safari} ใช้ได้เฉพาะใน Windows และ Mac
OS X
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเส้นทางของไฟล์ ระบบจะใช้ไฟล์นั้นเป็นไฟล์ที่สั่งการได้</translation>
<translation id="7167436895080860385">อนุญาตให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านในตัวจัดการรหัสผ่าน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="7173856672248996428">โปรไฟล์ชั่วคราว</translation>
<translation id="717630378807352957">อนุญาตเครื่องพิมพ์ทั้งหมดจากไฟล์การกำหนดค่า</translation>
<translation id="7176721759719212761">ระบุว่าอนุญาตการทำงานขณะล็อกหน้าจอหรือไม่ ส่วนขยายและแอป ARC อาจขอการทำงานขณะล็อกหน้าจอ โดยส่วนขยายจะขอผ่าน Power Management Extension API
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะยอมรับการทำงานขณะล็อกหน้าจอสำหรับการจัดการพลังงาน เว้นแต่มีการตั้งค่า AllowWakeLocks เป็น "เท็จ"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะลดระดับคำขอการทำงานขณะล็อกหน้าจอเป็นคำขอการทำงานขณะล็อกระบบ</translation>
<translation id="7185078796915954712">TLS 1.3</translation>
<translation id="718956142899066210">ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตสำหรับการอัปเดต</translation>
<translation id="7194407337890404814">ชื่อผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="7202925763179776247">อนุญาตข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7207095846245296855">บังคับใช้ Google ค้นหาปลอดภัย</translation>
<translation id="7216442368414164495">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกใช้การรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing</translation>
<translation id="7221822638060296742">ช่วยให้ตั้งค่าว่าจะให้เว็บไซต์เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้โดยอัตโนมัติหรือไม่ โดยเลือกได้ว่าจะปฏิเสธหรือเรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติกับทุกเว็บไซต์
"คลิกเพื่อเล่น" จะเรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> แต่ผู้ใช้ต้องคลิกตัวยึดตำแหน่งเพื่อเริ่มการทำงาน
การเล่นอัตโนมัติจะใช้ได้กับโดเมนที่แสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในนโยบาย <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากต้องการเปิดใช้การเล่นอัตโนมัติสำหรับทุกเว็บไซต์ โปรดเพิ่ม http://* และ https://* ลงในรายการนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="7229876938563670511">กำหนดค่า URL ของหน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าดังกล่าว
หน้าแรกคือหน้าที่เปิดโดยปุ่ม "หน้าแรก" หน้าต่างๆ ที่เปิดขึ้นเมื่อเริ่มต้นจะควบคุมด้วยนโยบาย RestoreOnStartup
คุณตั้งค่าประเภทหน้าแรกเป็น URL ตามที่ระบุไว้ที่นี่หรือตั้งค่าเป็น "หน้าแท็บใหม่" ก็ได้ หากคุณเลือก "หน้าแท็บใหม่" นโยบายนี้จะไม่มีผล
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยน URL หน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ แต่จะยังเลือกหน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกหน้าแรกได้เองหากไม่ได้ตั้งค่า HomepageIsNewTabPage ไว้ด้วย
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="7229975860249300121">มีนิพจน์ทั่วไปซึ่งใช้เพื่อกำหนดบัญชี Google ที่ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ (นั่นคือ บัญชีที่เลือกระหว่างขั้นตอนการเลือกใช้การซิงค์)
ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องจะแสดงขึ้นหากผู้ใช้พยายามตั้งค่าบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ด้วยชื่อผู้ใช้ที่ไม่ตรงกับรูปแบบนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือเว้นว่างไว้ ผู้ใช้จะตั้งค่าบัญชี Google ใดก็ได้ให้เป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="723103540848640830">ตั้งค่าความยาวขั้นต่ำของ PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="7232816984286843471">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ Crostini
หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ผู้ใช้ทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ใช้ Crostini ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้ใช้เช่นกัน
นโยบายทั้งสามไม่ว่าจะเป็น VirtualMachinesAllowed, CrostiniAllowed และ DeviceUnaffiliatedCrostiniAllowed ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" หากต้องการอนุญาตให้ Crostini ทำงานได้
หากนโยบายนี้เปลี่ยนการตั้งค่าเป็น "เท็จ" การตั้งค่านี้จะมีผลกับคอนเทนเนอร์ Crostini ใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานแต่ไม่หยุดการทำงานของคอนเทนเนอร์ซึ่งกำลังทำงานอยู่</translation>
<translation id="7234280155140786597">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมต้องห้าม (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation>
<translation id="7236775576470542603">ตั้งค่าประเภทเริ่มต้นของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะควบคุมประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แว่นขยายหน้าจอจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอได้ตลอดเวลาและสถานะบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานในระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ</translation>
<translation id="7249828445670652637">เปิดใช้ใบรับรอง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="7258823566580374486">เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7260277299188117560">เปิดใช้การอัปเดต p2p อัตโนมัติแล้ว</translation>
<translation id="7261252191178797385">รูปภาพวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7264704483008663819">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M68 โปรดใช้ DeveloperToolsAvailability แทน
ปิดใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ และองค์ประกอบในเว็บไซต์จะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกต่อไป ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดและเมนูใดๆ หรือรายการเมนูตามบริบทที่ใช้เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript
การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ตั้งค่าเลยทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้
หากมีการตั้งค่านโยบาย DeveloperToolsAvailability ระบบจะเพิกเฉยต่อค่าของนโยบาย DeveloperToolsDisabled</translation>
<translation id="7266471712301230894">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 64
ไม่รองรับการค้นหาอัตโนมัติและการติดตั้งปลั๊กอินที่ขาดหายไปแล้ว</translation>
<translation id="7267809745244694722">แป้นสื่อมีค่าเริ่มต้นเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation>
<translation id="7271085005502526897">การนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="7273823081800296768">หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะจับคู่ลูกค้าและโฮสต์ในเวลาเชื่อมต่อ โดยไม่จำเป็นต้องป้อน PIN ทุกครั้ง
หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ฟีเจอร์นี้จะไม่สามารถใช้ได้</translation>
<translation id="7275334191706090484">บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7295019613773647480">เปิดใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation>
<translation id="7301543427086558500">ระบุรายการ URL สำรองที่สามารถใช้ในการดึงข้อความค้นหาจากเครื่องมือค้นหา URL ควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งจะใช้ในการดึงข้อความค้นหา
นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่มีการตั้งค่า จะไม่มีการใช้ URL สำรองใดๆ ในการดึงข้อความค้นหา
นโยบายนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="7302043767260300182">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="7311458740754205918">หากตั้งค่าเป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้า "แท็บใหม่" อาจแสดงคำแนะนำเนื้อหาโดยอิงจากประวัติการท่องเว็บ ความสนใจ หรือสถานที่ของผู้ใช้
หากตั้งค่าเป็น False คำแนะนำเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติจะไม่แสดงในหน้า "แท็บใหม่"</translation>
<translation id="7313793931637495417">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลเวอร์ชันหรือไม่ เช่น เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ สถาปัตยกรรมระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และช่องของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation>
<translation id="7323896582714668701">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเพิ่มเติมสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7326394567531622570">เหมือนกับ Wipe (ค่า 2) แต่ให้ลองเก็บโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง</translation>
<translation id="7329842439428490522">ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
 เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ
เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ใช้งาน
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="7329968046053403405">ระบุประเภทบัญชีของบัญชีที่มาจากแอปการตรวจสอบสิทธิ์ของ Android ที่สนับสนุนการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos) โดยผู้จัดหาแอปการตรวจสอบสิทธิ์ควรจัดเตรียมข้อมูลนี้ไว้ให้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://goo.gl/hajyfN
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> บน Android</translation>
<translation id="7331962793961469250">เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์จะไม่ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็น "เท็จ" หรือการปล่อยไว้แบบไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="7332963785317884918">นโยบายนี้ถูกกำหนดให้เลิกใช้แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้กลยุทธ์ในการล้างข้อมูลแบบ "RemoveLRU" เสมอ
ควบคุมพฤติกรรมการล้างข้อมูลอัตโนมัติบนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะเริ่มขึ้นเมื่อพื้นที่ว่างของดิสก์ลดลงถึงระดับวิกฤตเพื่อกู้คืนพื้นที่บางส่วนของดิสก์
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRU" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้จากอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRUIfDormant" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบอย่างน้อย 3 เดือนไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะใช้กลยุทธ์เริ่มต้นที่มีในตัว ซึ่งปัจจุบันคือกลยุทธ์ "RemoveLRUIfDormant"</translation>
<translation id="7336878834592315572">เก็บคุกกี้ไว้ในระหว่างช่วงเวลาของเซสชัน</translation>
<translation id="7337967786223261174">กำหนดค่ารายการเครื่องพิมพ์
นโยบายนี้อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ให้ผู้ใช้ได้
<ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> เป็นสตริงรูปแบบอิสระที่ปรับแต่งได้เพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" /> ช่วยให้ผู้ใช้ปลายทางระบุเครื่องพิมพ์ได้ง่ายๆ โดยการแสดงชื่อผู้ผลิตและรุ่นของเครื่องพิมพ์ <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากคอมพิวเตอร์ของลูกค้า รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" /> ส่วน <ph name="PRINTER_UUID" /> นั้นจะระบุหรือไม่ก็ได้ หากระบุ ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก
<ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> ต้องตรงกับสตริงใดสตริงหนึ่งที่แสดงถึงเครื่องพิมพ์ที่รองรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะใช้สตริงนี้เพื่อระบุและติดตั้ง PPD ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องพิมพ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome?p=noncloudprint
การตั้งค่าเครื่องพิมพ์จะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใช้เครื่องพิมพ์เป็นครั้งแรก จะไม่มีการดาวน์โหลด PPD จนกว่าจะมีการใช้เครื่องพิมพ์ หลังจากนั้น ระบบจะเก็บ PPD ที่ใช้บ่อยไว้ในแคช
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์ใดๆ แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย Active Directory นโยบายนี้รองรับส่วนขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> ในชื่อเครื่อง Active Directory หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบก็จะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> โปรดทราบว่าตำแหน่งจะเริ่มนับจาก 0
เราจะเลิกใช้งาน <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_LOWERCASE" /> (ตัวพิมพ์เล็ก) ใน M71 และจะนำออกใน M72
</translation>
<translation id="7340034977315324840">รายงานจำนวนครั้งของกิจกรรมบนอุปกรณ์</translation>
<translation id="7343497214039883642">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กรสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="7349338075015720646">ระบุรายชื่อเว็บไซต์ที่ติดตั้งแบบเงียบ (ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ) ซึ่งผู้ใช้ถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้
รายการแต่ละรายการในนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มีสมาชิก 2 อย่างคือ "url" และ "launch_container" โดย "url" ควรเป็น URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้งและ "launch_container" ควรเป็น "หน้าต่าง" หรือ "แท็บ" ซึ่งแสดงลักษณะที่เว็บแอปนั้นจะเปิดขึ้นเมื่อติดตั้งแล้ว หากไม่ระบุ "launch_container" แอปจะเปิดขึ้นในหน้าต่างในกรณีที่ Chrome พิจารณาว่าเป็น Progressive Web App และเปิดในแท็บหากพิจารณาว่าเป็นอย่างอื่น</translation>
<translation id="735902178936442460">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุเครื่องหรือไม่ เช่น ชื่อเครื่องและที่อยู่เครือข่าย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation>
<translation id="7367028210010532881">บริการ Safe Browsing จะแสดงหน้าคำเตือนเมื่อผู้ใช้กำลังไปยังเว็บไซต์ที่ถูกแจ้งว่าอาจเป็นอันตราย การเปิดใช้การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือนไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะเลือกไปต่อยังเว็บไซต์ที่ถูกแจ้งหลังจากเห็นคำเตือนได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="737655323154569539">จำกัดขนาดหน้าของการพิมพ์ ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือค่าว่างเปล่า</translation>
<translation id="7417972229667085380">เปอร์เซ็นต์สำหรับการปรับการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานในโหมดการนำเสนอ (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="7421483919690710988">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อเป็นไบต์</translation>
<translation id="7424751532654212117">รายการยกเว้นสำหรับรายการของปลั๊กอินที่ถูกปิดใช้งาน</translation>
<translation id="7426112309807051726">ระบุว่าควรปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ <ph name="TLS_FALSE_START" /> ไหม ด้วยเหตุผลในอดีต นโยบายนี้มีชื่อว่า DisableSSLRecordSplitting
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะเปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /> หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /></translation>
<translation id="7433714841194914373">เปิดใช้งานค้นหาทันใจ</translation>
<translation id="7443061725198440541">หากไม่ได้ตั้งค่าหรือเปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้การตรวจการสะกดได้
หากปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้การตรวจการสะกดไม่ได้ ระบบจะยังเพิกเฉยต่อนโยบาย SpellcheckLanguage ด้วยหากปิดใช้นโยบายนี้
</translation>
<translation id="7443616896860707393">ข้อความแจ้งการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP ข้ามจุด</translation>
<translation id="7458437477941640506">อย่าย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมายหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า การอัปเดตต่างๆ จะถูกปิดการใช้งานเช่นกัน</translation>
<translation id="7464991223784276288">จำกัดคุกกี้จาก URL ที่ตรงกันให้อยู่ในเซสชันปัจจุบัน</translation>
<translation id="7469554574977894907">เปิดใช้งานคำแนะนำในการค้นหา</translation>
<translation id="7474249562477552702">อนุญาตใบรับรองที่มีการลงชื่อของ SHA-1 ไม่ว่าจะออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่หรือไม่</translation>
<translation id="7485481791539008776">กฎการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="749556411189861380">รายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ที่ลงทะเบียน
หากไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น True อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนจะรายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์เป็นระยะๆ หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการรายงานข้อมูลเวอร์ชัน</translation>
<translation id="7498946151094347510">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานไม่ได้
ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> สำหรับโหมด <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น
ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้เครื่องพิมพ์ได้ทุกเครื่องยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY" />
</translation>
<translation id="7511361072385293666">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตให้ใช้โปรโตคอล QUIC ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น False ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้โปรโตคอล QUIC</translation>
<translation id="7517845714620372896">ระบุเปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ความสว่างหน้าจอเริ่มต้นจะปรับไปตามค่าของนโยบาย แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่านี้ได้ในภายหลัง ทั้งนี้ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ส่วนควบคุมหน้าจอของผู้ใช้และฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติจะไม่ได้รับผลกระทบ
ค่าของนโยบายจะต้องระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ในช่วง 0-100</translation>
<translation id="7519251620064708155">อนุญาตให้สร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7529100000224450960">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดป๊อปอัป หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPopupsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation>
<translation id="7529144158022474049">ปัจจัยการกระจายการอัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7534199150025803530">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันการใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ คุณต้องยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation>
<translation id="7547549430720182663">รวม</translation>
<translation id="7553535237300701827">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบจะเป็นวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า:
หากตั้งค่าเป็น GAIA การเข้าสู่ระบบจะดำเนินการผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ GAIA ทั่วไป
หากตั้งค่าเป็น SAML_INTERSTITIAL การเข้าสู่ระบบจะแสดงหน้าจอคั่นระหว่างหน้าซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ของโดเมนที่อุปกรณ์ลงทะเบียนไว้ หรือกลับไปใช้ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบทั่วไปของ GAIA</translation>
<translation id="755951849901630953">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์สำหรับคอมโพเนนต์ทั้งหมดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "จริง"
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ แต่คอมโพเนนต์บางอย่างจะได้รับการยกเว้นจากนโยบายนี้ กล่าวคือระบบจะไม่ปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ที่ไม่มีโค้ดสั่งการ หรือที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนลักษณะการทำงานของเบราว์เซอร์มากนัก ตลอดจนคอมโพเนนต์ที่มีความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัย
ตัวอย่างของคอมโพเนนต์ดังกล่าว ได้แก่ รายการยกเลิกใบรับรองและข้อมูล Safe Browsing
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="7566878661979235378">ประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML</translation>
<translation id="757395965347379751">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตใบรับรองที่มีการลงชื่อของ SHA-1 ตราบใดที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและอยู่ในห่วงโซ่เดียวกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่อง
โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มการตรวจสอบใบรับรองระบบปฏิบัติการที่อนุญาตลายเซ็นของ SHA-1 หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงการจัดการใบรับรอง SHA-1 ของระบบปฏิบัติการ นโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อให้องค์กรต่างๆ มีเวลามากขึ้นในการเลิกใช้งาน SHA-1 การถอดนโยบายนี้ออกจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปฏิบัติตามกำหนดเวลาเลิกใช้งาน SHA-1 ที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะ</translation>
<translation id="7593523670408385997">กำหนดค่าขนาดของแคชที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการเก็บไฟล์แคชบนดิสก์
หากคุณตั้งนโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดของแคชที่ระบุไว้โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้ได้ระบุค่าสถานะ '--disk-cache-size' ไว้ไหม ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นคำแนะนำสำหรับระบบการแคช ค่าใดก็ตามที่น้อยกว่าสองสามเมกะไบต์จะถือว่าน้อยเกินไปและจะปัดให้เป็นค่าต่ำสุดที่รับได้
หากค่าของนโยบายนี้คือ 0 จะมีการใช้ขนาดของแคชเริ่มต้นแต่ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ขนาดเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างด้วยธง --disk-cache-size</translation>
<translation id="759957074386651883">การตั้งค่า Safe Browsing</translation>
<translation id="7604169113182304895">แอป Android อาจเลือกใช้รายการด้วยความสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับแอปให้เลือกได้</translation>
<translation id="7612157962821894603">การตั้งค่าสถานะที่ใช้ทั้งระบบที่จะนำไปใช้กับการเริ่มต้นใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7614663184588396421">รายการสกีมของโปรโตคอลที่ถูกปิดใช้งาน</translation>
<translation id="7617319494457709698">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ใช้ฟังก์ชัน <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" /> ของ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับการยืนยันจากระยะไกล โดยต้องเพิ่มส่วนขยายลงในรายการนี้เพื่อใช้ API
หากส่วนขยายไม่อยู่ในรายการ หรือไม่มีการตั้งค่ารายการ การเรียกใช้ API จะล้มเหลวโดยมีรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="7618907117929117943">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า และจะยังใช้ค่ากำหนดระดับอุปกรณ์ต่อไปได้ (รวมถึงข้อมูลรับรองเครือข่าย) ผ่านการย้อนกลับเวอร์ชัน รวมถึงการข้าม OOBE หลังการย้อนกลับเวอร์ชัน อย่าย้อนกลับหรือยกเลิกการย้อนกลับเวอร์ชันหากเป็นไปไม่ได้ (เนื่องจากเวอร์ชันเป้าหมายไม่รองรับการกู้คืนข้อมูลหรือมีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังที่เข้ากันไม่ได้)
รองรับใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 70 ขึ้นไป สำหรับไคลเอ็นต์เก่า ค่านี้หมายความว่าการย้อนกลับเวอร์ชันปิดอยู่</translation>
<translation id="7620869951155758729">นโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าที่ใช้เพื่อสร้างและยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง
|current_config| จะใช้เพื่อสร้างรหัสการเข้าถึงทุกครั้ง และควรใช้เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| ไม่ได้เท่านั้น
|future_config| คือการกำหนดค่าหลักที่ใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึง
|old_configs| ควรใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| หรือ |current_config| ไม่ได้เท่านั้น
การใช้นโยบายนี้ตามที่คาดไว้จะค่อยๆ ช่วยหมุนเวียนการกำหนดค่ารหัสการเข้าถึง การกำหนดค่าใหม่จะเพิ่มไว้ใน |future_config| ทุกครั้ง
และในขณะเดียวกันระบบจะย้ายค่าที่มีอยู่ไปยัง |current_config| ส่วนค่าก่อนหน้าของ |current_config| จะย้ายไปยัง |old_configs| และจะถูกนำออกหลังจากสิ้นสุดรอบการหมุนเวียน
นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กไม่ได้</translation>
<translation id="7625444193696794922">ระบุช่องทางแสดงผลที่ควรจะล็อกเข้ากับอุปกรณ์นี้</translation>
<translation id="7632724434767231364">ชื่อไลบรารี GSSAPI</translation>
<translation id="7635471475589566552">กำหนดค่าภาษาแอปพลิเคชันใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนภาษาดังกล่าว หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ภาษาที่ระบุ หากภาษาที่กำหนดค่าไว้ไม่ได้รับการสนับสนุน "en-US" จะถูกนำมาใช้แทน หากคุณปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจใช้ภาษาที่ต้องการตามที่ผู้ใช้ระบุ (หากกำหนดค่าไว้) ภาษาของระบบ หรือภาษาทางเลือก "en-US"</translation>
<translation id="7641363659597330616">กำหนดค่าประเภทการดาวน์โหลดที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะบล็อกโดยสมบูรณ์ โดยไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลบล้างตัวเลือกเพื่อความปลอดภัย
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะป้องกันการดาวน์โหลดบางประเภท และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ข้ามคำเตือนด้านความปลอดภัย
เมื่อเลือกตัวเลือก "บล็อกการดาวน์โหลดที่อันตราย" ระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนของ Safe Browsing
เมื่อเลือกตัวเลือก "บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย" ระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนของ Safe Browsing ว่าเป็นการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย
เมื่อเลือกตัวเลือก "บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด" ระบบจะบล็อกการดาวน์โหลดทุกรายการ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ (หรือเลือกตัวเลือก "ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ") การดาวน์โหลดจะต้องผ่านข้อจำกัดด้านความปลอดภัยทั่วไปโดยอิงจากผลการวิเคราะห์ของ Safe Browsing
โปรดทราบว่าข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่ทริกเกอร์จากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนูตามบริบท "ดาวน์โหลดลิงก์..." ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่มีผลกับการบันทึก/ดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="7642803091923523695">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้ PluginVm ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์ ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดใช้ได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องมีค่าเป็น "จริง" และต้องมีการตั้งค่า <ph name="PLUGIN_VM_IMAGE_POLICY_NAME" /> เพื่ออนุญาตให้เรียกใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="7643883929273267746">จำกัดบัญชีที่แสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7651739109954974365">กำหนดว่าควรจะเปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูลสำหรับอุปกรณ์หรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" การโรมมิ่งข้อมูลจะได้รับอนุญาต หากไม่กำหนดค่าหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่สามารถใช้การโรมมิ่งข้อมูลได้</translation>
<translation id="7673194325208122247">ระยะเวลา (มิลลิวินาที)</translation>
<translation id="7676708657861783864">ระบบจะจำกัดคุกกี้ซึ่งกำหนดโดยหน้าเว็บที่ตรงกับรูปแบบ URL เหล่านี้ให้อยู่ในเซสชันปัจจุบัน หมายความว่าระบบจะลบคุกกี้เมื่อมีการออกจากเบราว์เซอร์
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ได้ระบุไว้ที่นี่ หรือสำหรับ URL ทั้งหมดในกรณีที่ไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ใน "โหมดการทำงานเบื้องหลัง" ระบบจะไม่ปิดเซสชันเมื่อมีการปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ล่าสุด แต่เซสชันจะยังทำงานอยู่จนกว่าจะมีการออกจากเบราว์เซอร์ โปรดดูนโยบาย "BackgroundModeEnabled" สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้
ดูนโยบาย "CookiesAllowedForUrls" และ "CookiesBlockedForUrls" ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า
ถ้าตั้งค่านโยบาย "RestoreOnStartup" ให้คืนค่า URL จากเซสชันก่อนหน้า ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้และจะเก็บคุกกี้ของเว็บไซต์เหล่านั้นไว้ถาวร</translation>
<translation id="7683777542468165012">การรีเฟรชนโยบายแบบไดนามิก</translation>
<translation id="7694807474048279351">กำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" การรีบูตอัตโนมัติจะถูกกำหนดเวลาเมื่อมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจำเป็นต้องมีการรีบูตเพื่อดำเนินการขั้นตอนการอัปเดตให้เสร็จสมบูรณ์ การรีบูตถูกกำหนดเวลาไว้ทันที แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากในขณะนั้นมีผู้ใช้ใช้อุปกรณ์อยู่
........เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขั้นตอนการอัปเดตจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อผู้ใช้รีบูตอุปกรณ์ในครั้งถัดไป
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้
หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานเฉพาะในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบกำลังแสดงหรือเซสชันแอปคีออสก์กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และนโยบายจะบังคับใช้อยู่เสมอ โดยไม่คำนึงว่าจะมีเซสชันประเภทใดๆ กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่</translation>
<translation id="7701341006446125684">ตั้งค่าขนาดแคชของแอปและส่วนขยาย (เป็นไบต์)</translation>
<translation id="7709537117200051035">ชื่อโฮสต์การจับคู่พจนานุกรมเข้ากับธงบูลีนที่ระบุว่าการเข้าถึงโฮสต์ต้องได้รับอนุญาต (True) หรือถูกบล็อก (False)
นโยบายนี้ใช้สำหรับการใช้งานภายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เอง</translation>
<translation id="7712109699186360774">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการเข้าถึงกล้องและ/หรือไมโครโฟน</translation>
<translation id="7713608076604149344">ข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7715711044277116530">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอ</translation>
<translation id="7717938661004793600">กำหนดค่าฟีเจอร์การเข้าถึงของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7724994675283793633">นโยบายนี้เปิดใช้ HTTP/0.9 บนพอร์ตอื่นนอกเหนือจากพอร์ต 80 สำหรับ HTTP และพอร์ต 443 สำหรับ HTTPS
ระบบปิดใช้นโยบายนี้ไว้โดยค่าเริ่มต้น และหากเปิดใช้จะทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัย https://crbug.com/600352
นโยบายนี้มีไว้เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ ย้ายข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่ออกจาก HTTP/0.9 และจะมีการนำออกในอนาคต
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ HTTP/0.9 บนพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7749402620209366169">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลแทนการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้
หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้จะต้องระบุรหัสแบบสองปัจจัยที่ถูกต้องเมื่อเข้าถึงโฮสต์
หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่สามารถใช้สองปัจจัยดังกล่าวได้และจะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งเป็นการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้แทน</translation>
<translation id="7750991880413385988">เปิดหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="7754704193130578113">สอบถามที่เก็บไฟล์ก่อนดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7761446981238915769">กำหนดค่ารายการแอปที่ติดตั้งบนหน้าจอล็อกอิน</translation>
<translation id="7763479091692861127"> ประเภทของการเชื่อมต่อที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สำหรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ การอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การเชื่อมต่อต้องทำงานหนักมากเนื่องจากขนาดของการอัปเดตและอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น การอัปเดตระบบดังกล่าวจะไม่ถูกเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นสำหรับประเภทการเชื่อมต่อที่มีราคาแพง ซึ่งรวมถึง WiMax, บลูทูธ และการเชื่อมต่อมือถือในปัจจุบัน
ตัวระบุประเภทการเชื่อมต่อที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ "อีเทอร์เน็ต", "Wi-Fi", "WiMax", "บลูทูธ" และ "การเชื่อมต่อมือถือ"</translation>
<translation id="7763614521440615342">แสดงคำแนะนำเนื้อหาบนหน้า "แท็บใหม่"</translation>
<translation id="7765879851993224640">อนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock</translation>
<translation id="7774768074957326919">ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ</translation>
<translation id="7775831859772431793">คุณสามารถระบุ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ได้ที่นี่
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อคุณได้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น
คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้หากคุณเลือกโหมดอื่นๆ สำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี
สำหรับตัวเลือกเพิ่มเติมและตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" /></translation>
<translation id="7781069478569868053">หน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="7788511847830146438">ต่อโปรไฟล์</translation>
<translation id="780603170519840350">ปิดการบังคับใช้ข้อกำหนดความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช subjectPublicKeyInfo
นโยบายนี้จะอนุญาตการปิดใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับกลุ่มใบรับรองที่มีใบรับรองซึ่งมีแฮช subjectPublicKeyInfo ที่ระบุ ซึ่งช่วยให้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสมสามารถใช้งานได้ต่อไปกับโฮสต์ที่เป็นองค์กร
โปรดทำตามเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เพื่อให้ปิดใช้การบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองได้เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ได้
1. แฮชมาจาก subjectPublicKeyInfo ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์
2. แฮชมาจาก subjectPublicKeyInfo ซึ่งแสดงในใบรับรอง CA ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA ดังกล่าวถูกจำกัดผ่านส่วนขยาย X.509v3 nameConstraints มี directoryName nameConstraints อย่างน้อย 1 รายการใน permittedSubtrees และ directoryName มีแอตทริบิวต์ organizationName
3. แฮชมาจาก subjectPublicKeyInfo ที่แสดงในใบรับรอง CA ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA มีแอตทริบิวต์ organizationName อย่างน้อย 1 รายการในชื่อใบรับรอง และใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์มีจำนวนแอตทริบิวต์ organizationName เท่ากัน ในลำดับเดียวกัน และมีค่าเท่ากันแบบไบต์ต่อไบต์
แฮช subjectPublicKeyInfo จะบ่งชี้ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช อักขระ "/" และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ subjectPublicKeyInfo ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ตามที่ระบุไว้ใน RFC 7469 มาตรา 2.4 ระบบจะเพิกเฉยต่ออัลกอริทึมของแฮชที่ไม่รู้จัก อัลกอริทึมของแฮชที่ได้รับการรองรับตอนนี้คือ "sha256" เพียงรายการเดียว
หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้ไว้ ใบรับรองที่ถูกกำหนดให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านความโปร่งใสของใบรับรองที่ไม่ได้เปิดเผยตามข้อกำหนดจะถือว่าเป็นใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือตามนโยบายความโปร่งใสของใบรับรอง</translation>
<translation id="7818131573217430250">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7822837118545582721">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ผู้ใช้จะไม่สามารถเขียนข้อมูลใดๆ ลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอก
หากการตั้งค่านี้เป็น False หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้ก็จะสามารถสร้างและแก้ไขไฟล์ของอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกซึ่งเป็นแบบเขียนข้อมูลลงไปได้
นโยบาย ExternalStorageDisabled จะมีผลใช้งานเหนือนโยบายนี้ หากตั้งค่า ExternalStorageDisabled เป็น True การเข้าถึงพื้นที่เก็บข้อมูลภายนอกจะถูกปิดใช้และจะไม่มีการใช้นโยบายนี้
M56 ขึ้นไปรองรับการรีเฟรชแบบไดนามิกของนโยบายนี้</translation>
<translation id="7831595031698917016">ระบุความการหน่วงเวลาสูงสุดเป็นมิลลิวินาทีระหว่างการรับการลบล้างนโยบายและการเรียกนโยบายใหม่จากบริการจัดการอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายนี้จะแทนที่ค่าเริ่มต้นที่ 5000 มิลลิวินาที ค่าที่ถูกต้องสำหรับนโยบายนี้จะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1000 (1 วินาที) ถึง 300000 (5 นาที) ค่าใดๆ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้เข้าขอบเขตตามลำดับ
การละทิ้งนโยบายนี้ไม่ได้ถูกกำหนดจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นที่ 5000 มิลลิวินาที</translation>
<translation id="7841880500990419427">TLS เวอร์ชันต่ำสุดที่ใช้สำรอง</translation>
<translation id="7842869978353666042">กำหนดค่าตัวเลือก Google ไดรฟ์</translation>
<translation id="787125417158068494">หากตั้งค่าเป็น SyncDisabled หรือไม่ได้กำหนดค่า ใบรับรองของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่สามารถใช้ได้กับแอป ARC
หากตั้งค่าเป็น CopyCaCerts ใบรับรอง CA ทั้งหมดที่ ONC ติดตั้งซึ่งมี <ph name="WEB_TRUSTED_BIT" /> จะสามารถใช้ได้กับแอป ARC</translation>
<translation id="7882585827992171421">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนด ID ของส่วนขยายที่จะใช้เป็นโปรแกรมรักษาหน้าจอบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ส่วนขยายนี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของ AppPack ซึ่งได้รับการกำหนดค่าสำหรับโดเมนนี้ผ่านทางนโยบาย DeviceAppPack</translation>
<translation id="7882857838942884046">การปิดใช้ Google Sync จะทำให้การสำรองข้อมูลและการคืนค่าของ Android ทำงานได้อย่างไม่สมบูรณ์</translation>
<translation id="7882890448959833986">ระงับคำเตือนระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุน</translation>
<translation id="7902255855035461275">รูปแบบในรายการนี้จะจับคู่กับต้นทาง
การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบต้นทางที่ตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้
เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่แจ้งเตือน
หมายเหตุ: ใช้นโยบายนี้ได้ในโหมดคีออสก์เท่านั้นจนถึงเวอร์ชัน 45</translation>
<translation id="7912255076272890813">กำหนดค่าประเภทแอปพลิเคชัน/ส่วนขยายที่อนุญาต</translation>
<translation id="7915236031252389808">คุณสามารถระบุ URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซีได้ที่นี่
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อคุณได้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น
คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้หากคุณเลือกโหมดอื่นๆ สำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี
สำหรับตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" /></translation>
<translation id="793134539373873765">ระบุว่าจะใช้ p2p สำหรับส่วนข้อมูลการอัปเดต OS ไหม หากตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์จะแชร์และพยายามรับส่วนข้อมูลการอัปเดตบน LAN ซึ่งอาจลดแบนด์วิดท์และความคับคั่งในอินเทอร์เน็ต หากส่วนข้อมูลการอัปเดตไม่พร้อมใช้งานบน LAN อุปกรณ์จะกลับไปใช้การดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์การอัปเดต หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า p2p จะไม่ถูกใช้งาน</translation>
<translation id="7933141401888114454">เปิดใช้งานการสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation>
<translation id="793473937901685727">ตั้งค่าความพร้อมใช้งานของใบรับรองสำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="7937766917976512374">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับวิดีโอ</translation>
<translation id="7941975817681987555">อย่าคาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ</translation>
<translation id="7952002811557367112">นโยบายนี้จะป้องกันมิให้ผู้ใช้โหลดหน้าเว็บจาก URL ที่ติดบัญชีดำ โดยบัญชีดำจะมีรายการของรูปแบบ URL ที่กำหนดว่า URL ใดควรอยู่ในบัญชีดำ
รูปแบบ URL ต้องมีรูปแบบตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format
คุณกำหนดข้อยกเว้นในนโยบายรายการ URL ที่อนุญาตพิเศษได้ โดยจำกัดจำนวนนโยบายสูงสุดไม่เกิน 1,000 รายการ โดยระบบจะไม่สนใจรายการหลังจากนั้น
โปรดทราบว่าเราไม่แนะนำให้คุณบล็อก URL ภายใน "chrome://*" เนื่องจากอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด
โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้หน้าอัปเดตแบบไดนามิกผ่าน JavaScript เช่น หากคุณบล็อก "example.com/abc" ผู้ใช้อาจยังไปที่ "example.com" ได้อยู่ และคลิกลิงก์เพื่อไปที่ "example.com/abc" ได้ ตราบเท่าที่ไม่มีการรีเฟรชหน้า
หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มี URL ใดที่ติดบัญชีดำในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7953256619080733119">โฮสต์ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="7961779417826583251">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการผู้ออกใบรับรองเดิม</translation>
<translation id="7974114691960514888">นโยบายนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป เปิดใช้งานการใช้ STUN และเซิร์ฟเวอร์ถ่ายทอดเมื่อเชื่อมต่อกับไคลเอ็นต์ระยะไกล หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน เครื่องนี้จะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องโฮสต์ระยะไกลแม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานและการเชื่อมต่อ UDP ขาออกถูกกรองโดยไฟร์วอลล์ เครื่องนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องโฮสต์ภายในเครือข่ายท้องถิ่นเท่านั้น</translation>
<translation id="7976157349247117979">ชื่อของปลายทาง <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7980227303582973781">ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ</translation>
<translation id="7985242821674907985"><ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7992136759457836904">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าจะอนุญาตให้เครื่องเสมือนทำงานบน Chrome OS หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ระบบจะอนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน
นโยบายทั้งสามไม่ว่าจะเป็น VirtualMachinesAllowed, CrostiniAllowed และ DeviceUnaffiliatedCrostiniAllowed ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" หากต้องการอนุญาตให้ Crostini ทำงานได้
หากนโยบายนี้เปลี่ยนการตั้งค่าเป็น "เท็จ" การตั้งค่านี้จะมีผลกับเครื่องเสมือนใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานแต่ไม่หยุดการทำงานของเครื่องเสมือนที่กำลังทำงานอยู่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ ระบบจะไม่อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน
อุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการจะได้รับอนุญาตให้เรียกใช้เครื่องเสมือน</translation>
<translation id="8001701200415781021">จำกัดบัญชี Google ที่อนุญาตให้ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8009554972280451023">หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบันทึกการตั้งค่าที่เก็บไว้ในโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น บุ๊กมาร์ก ข้อมูลการป้อนอัตโนมัติ รหัสผ่าน ไปยังไฟล์ที่เก็บไว้ในโฟลเดอร์โปรไฟล์ผู้ใช้โรมมิ่งหรือตำแหน่งที่ผู้ดูแลระบบระบุไว้ผ่านนโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_LOCATION_POLICY_NAME" /> ด้วย การเปิดใช้นโยบายนี้จะปิดใช้คลาวด์ซิงค์
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เฉพาะโปรไฟล์ปกติในเครื่องเท่านั้น
นโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> จะปิดใช้การซิงค์ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งจะลบล้าง <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="802147957407376460">หมุนหน้าจอ 0 องศา</translation>
<translation id="8033913082323846868">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M70 โปรดใช้ AutofillAddressEnabled และ AutofillCreditCardEnabled แทน
เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้เติมคำอัตโนมัติในเว็บฟอร์มโดยใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลบัตรเครดิต
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติไม่ได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะยังคงเป็นผู้ควบคุมฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้กำหนดค่าโปรไฟล์ป้อนอัตโนมัติและเปิดหรือปิดป้อนอัตโนมัติได้ตามที่เห็นสมควร</translation>
<translation id="8044493735196713914">รายงานโหมดการบูตอุปกรณ์</translation>
<translation id="8050080920415773384">การพิมพ์ดั้งเดิม</translation>
<translation id="8053580360728293758">ลบล้างโหมดสีการพิมพ์เริ่มต้น ระบบจะเพิกเฉยนโยบายนี้หากไม่มีโหมด</translation>
<translation id="8059164285174960932">URL ที่ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลควรรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="8078366200175825572">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
ดูนโยบาย "CookiesAllowedForUrls" และ "CookiesSessionOnlyForUrls" ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า</translation>
<translation id="8099880303030573137">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="8102913158860568230">การตั้งค่า mediastream เริ่มต้น</translation>
<translation id="8104186956182795918">ให้คุณกำหนดได้ว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงภาพหรือไม่ โดยจะอนุญาตให้แสดงรูปภาพในทุกเว็บไซต์หรือปฏิเสธการแสดงภาพในทุกเว็บไซต์ก็ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ "AllowImages" และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงได้
โปรดทราบว่าการเปิดใช้นโยบายนี้ใน Android ก่อนหน้านี้เกิดจากความผิดพลาด ไม่มีการรองรับฟังก์ชันนี้ใน Android อย่างสมบูรณ์</translation>
<translation id="8104962233214241919">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="8112122435099806139">ระบุรูปแบบนาฬิกาที่จะใช้สำหรับอุปกรณ์นี้
นโยบายนี้กำหนดค่ารูปแบบนาฬิกาที่จะใช้บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ และใช้เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับเซสชันผู้ใช้ ผู้ใช้ยังสามารถแทนที่รูปแบบนาฬิกาสำหรับบัญชีของตนได้อยู่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True อุปกรณ์จะใช้รูปแบบนาฬิกา 24 ชั่วโมง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False อุปกรณ์จะใช้รูปแบบนาฬิกา 12 ชั่วโมง
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ อุปกรณ์จะมีค่าเริ่มต้นเป็นรูปแบบนาฬิกา 24 ชั่วโมง</translation>
<translation id="8114382167597081590">ไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube</translation>
<translation id="8118665053362250806">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อ</translation>
<translation id="8124468781472887384">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="8135937294926049787">ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC
 เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ
เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ใช้งาน
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="8138009212169037227">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลนโยบายและเวลาที่เรียกนโยบายหรือไม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาที่เรียกนโยบาย
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาที่เรียกนโยบาย
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation>
<translation id="8140204717286305802">รายงานรายการอินเทอร์เฟซเครือข่ายพร้อมด้วยประเภทและที่อยู่ฮาร์ดแวร์ไปยังเซิร์ฟเวอร์
หากตั้งนโยบายเป็น False จะไม่มีการรายงานรายการอินเทอร์เฟซ</translation>
<translation id="8141795997560411818">นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันเข้าถึง Google ไดรฟ์ คุณควรยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation>
<translation id="8142894094385450823">กำหนดภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="8146727383888924340">อนุญาตให้ผู้ใช้แลกข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS</translation>
<translation id="8148785525797916822">ระงับคำเตือนที่ปรากฏขึ้นเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานบนคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป</translation>
<translation id="8148901634826284024">เปิดใช้งานฟีเจอร์การเข้าถึงโหมดคอนทราสต์สูง
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกเปิดใช้งานเสมอ
หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่สามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="815061180603915310">หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้นโยบาย นโยบายนี้จะบังคับให้โปรไฟล์เปลี่ยนเป็นโหมดชั่วคราว หากระบุนโยบายนี้เป็นนโยบาย OS (เช่น GPO ใน Windows) นโยบายจะใช้กับทุกโปรไฟล์บนระบบ หากตั้งค่านโยบายเป็นนโยบายระบบคลาวด์ นโยบายจะใช้กับโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีการจัดการเท่านั้น
ในโหมดนี้ ข้อมูลโปรไฟล์จะยังอยู่ในดิสก์เป็นเวลาเท่ากับเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น จะไม่มีการเก็บฟีเจอร์ต่างๆ หลังปิดเบราว์เซอร์ เช่น ประวัติการเข้าชมของเบราว์เซอร์ ส่วนขยายและข้อมูลของส่วนขยาย ข้อมูลเว็บ เช่น คุกกี้และฐานข้อมูลเว็บ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ลงในดิสก์ บันทึกหน้าหรือพิมพ์หน้าดังกล่าวด้วยตนเอง
หากผู้ใช้ได้เปิดใช้การซิงค์ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะเก็บไว้ในโปรไฟล์การซิงค์ของพวกเขาเหมือนกับโปรไฟล์ทั่วไป ทั้งนี้โหมดไม่ระบุตัวตนยังสามารถใช้งานได้หากไม่ได้ปิดใช้ตามนโยบาย
หากตั้งค่าปิดใช้นโยบายหรือไม่ตั้งค่า การลงชื่อเข้าใช้จะนำไปสู่โปรไฟล์ทั่วไป</translation>
<translation id="8158758865057576716">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="817455428376641507">อนุญาตให้เข้าถึง URL ในรายการ โดยเป็นข้อยกเว้นสำหรับ URL ในรายการที่ไม่อนุญาต
ดูคำอธิบายของนโยบาย URL ในรายการที่ไม่อนุญาตสำหรับรูปแบบข้อมูลของรายการนี้
นโยบายนี้สามารถใช้เพื่อเปิดข้อยกเว้นสำหรับรายการที่ไม่อนุญาตซึ่งมีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น "*" สามารถอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาตเพื่อบล็อกคำขอทั้งหมด และนโยบายนี้สามารถใช้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดได้ และสามารถใช้เพื่อเปิดข้อยกเว้นของสกีมบางอย่าง โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ด หรือเส้นทางเฉพาะได้
ตัวกรองที่มีความเฉพาะที่สุดจะพิจารณาว่าจะบล็อกหรืออนุญาต URL รายการที่อนุญาตจะมีความสำคัญเหนือรายการที่ไม่อนุญาต
นโยบายนี้ถูกจำกัดที่ 1000 รายการ โดยรายการที่อยู่หลังจากนั้นจะถูกเพิกเฉย
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ในรายการที่ไม่อนุญาตจากนโยบาย "URLBlacklist"</translation>
<translation id="8176035528522326671">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นผู้ใช้หลักแบบหลายโปรไฟล์เท่านั้น (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการ)</translation>
<translation id="8214600119442850823">กำหนดค่าตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8244525275280476362">การหน่วงเวลาสูงสุดในการดึงข้อมูลภายหลังการลบล้างนโยบาย</translation>
<translation id="8256688113167012935">ควบคุมชื่อบัญชี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้สำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกัน
หากตั้งค่านโยบายนี้ หน้าลงชื่อเข้าใช้จะใช้ข้อมูลที่ระบุในตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้แบบรูปภาพสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ ID บัญชีอีเมลของบัญชีภายในอุปกรณ์เป็นชื่อสำหรับแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้
นโยบายนี้จะไม่มีผลกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไป</translation>
<translation id="8259375588339409826">ทั้ง Chromium และ Google Chrome รองรับนโยบายชุดเดียวกัน โปรดทราบว่าเอกสารนี้อาจมีนโยบายที่ยังไม่ได้เผยแพร่ (รายการ "รองรับใน" หมายถึงเวอร์ชันที่ยังไม่เปิดตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือนำออกโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีการรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่มีการรับประกันในแง่คุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผลิตภัณฑ์
นโยบายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการกำหนดค่าอินสแตนซ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ภายในองค์กรของคุณเท่านั้น การใช้นโยบายภายนอกองค์กร (ตัวอย่างเช่น ในโปรแกรมที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ) จะถือว่าเป็นมัลแวร์และมีแนวโน้มที่ Google และผู้ให้บริการป้องกันไวรัสจะติดป้ายว่าเป็นมัลแวร์
คุณไม่ต้องกำหนดการตั้งค่าเหล่านี้ด้วยตนเอง เพราะมีเทมเพลตที่ใช้งานง่ายสำหรับ Windows, Mac และ Linux ให้ดาวน์โหลดจาก <ph name="POLICY_TEMPLATE_DOWNLOAD_URL" />
วิธีกำหนดค่านโยบายใน Windows ที่แนะนำคือผ่าน GPO แม้จะยังคงมีการรองรับการจัดสรรนโยบายผ่านรีจิสทรีสำหรับอินสแตนซ์ Windows ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="8264653492961233132">ระบุรายการแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบ
โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้ง
หรือปิดใช้ไม่ได้ ระบบจะให้สิทธิ์ทั้งหมดที่
แอป/ส่วนขยายขอโดยปริยาย โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ
ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายเวอร์ชันใหม่ๆ ในอนาคต
จะขอเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ระบบยังให้สิทธิ์แก่ API ส่วนขยาย
enterprise.deviceAttributes และ enterprise.platformKeys
(API ทั้ง 2 รายการนี้ไม่มีให้ใช้งานสำหรับแอป/ส่วนขยาย
ที่ผู้ใช้ติดตั้งเอง)
นโยบายนี้มีผลเหนือนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> ที่อาจมีข้อขัดแย้ง หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายการนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งรายการดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
สำหรับอินสแตนซ์ Windows ที่ไม่ได้เข้าร่วมในโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> การติดตั้งที่บังคับจะจำกัดอยู่ที่แอปและส่วนขยายที่แสดงอยู่ใน Chrome เว็บสโตร์เท่านั้น
โปรดทราบว่าผู้ใช้จะแก้ไขซอร์สโค้ดของส่วนขยายใดๆ ผ่านเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ (ซึ่งอาจทำให้ส่วนขยายทำงานผิดปกติ) หากกังวลว่าจะเกิดปัญหานี้ขึ้น คุณควรตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_POLICY_NAME" />
แต่ละรายการของนโยบายมีลักษณะเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยายและอาจมี URL "อัปเดต" ที่คั่นด้วยเครื่องหมายอัฒภาค (<ph name="SEMICOLON" />) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว ที่พบใน <ph name="CHROME_EXTENSIONS_LINK" /> เป็นต้น เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL "อัปเดต" (หากระบุไว้) ต้องชี้ไปที่เอกสาร XML ของไฟล์ Manifest อัปเดตตามที่อธิบายไว้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC1" /> โดยค่าเริ่มต้นระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์ (ปัจจุบันคือ https://clients2.google.com/service/update2/crx) โปรดทราบว่า URL "อัปเดต" ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น อัปเดตส่วนขยายที่ตามมาจะใช้ URL อัปเดตที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องระบุ URL "อัปเดต" อย่างชัดเจนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตั้งแต่เวอร์ชัน 67 ลงไปด้วย
ตัวอย่างเช่น <ph name="EXTENSION_POLICY_EXAMPLE" /> ติดตั้งแอป <ph name="EXTENSION_POLICY_EXAMPLE_EXTENSION_NAME" /> จาก URL "อัปเดต" มาตรฐานใน Chrome เว็บสโตร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยายได้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC2" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายใดๆ โดยอัตโนมัติ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายต่างๆ ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่มีผลกับโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="8274603902181597201">ล้างข้อมูลไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัสของผู้ใช้และเริ่มด้วยไดเรกทอรีหลักใหม่แบบ ext4 ที่เข้ารหัส</translation>
<translation id="8285435910062771358">เปิดใช้งานแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="8288199156259560552">เปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation>
<translation id="8290453559005611000">รูปภาพ PluginVm</translation>
<translation id="8294750666104911727">ตามปกติหน้าที่มีการตั้งค่า X-UA-Compatible เป็น Chrome=1 จะได้รับการแสดงผลใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ไม่ว่านโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" จะเป็นเช่นไร
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะไม่ได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก
หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก</translation>
<translation id="8300455783946254851">เมื่อตั้งค่าเป็น True จะปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ ในกรณีดังกล่าว ข้อมูลจะซิงค์กับ Google ไดรฟ์เมื่อเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตเท่านั้น
หากไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น False ผู้ใช้จะสามารถโอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ</translation>
<translation id="8300992833374611099">ควบคุมว่าเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะใช้ในที่ใดได้บ้าง</translation>
<translation id="8312129124898414409">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์หรือไม่ โดยสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ "BlockKeygen" และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8329984337216493753">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
เมื่อมีการระบุค่า DeviceIdleLogoutTimeout นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาของช่องเตือนที่มีตัวเลขนับถอยหลังซึ่งจะแสดงให้ผู้ใช้เห็นก่อนที่จะดำเนินการออกจากระบบ
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="8339420913453596618">ปิดใช้งานปัจจัยที่ 2 แล้ว</translation>
<translation id="8344454543174932833">นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="8359734107661430198">เปิดใช้ ExampleDeprecatedFeature API ได้ถึง 02/09/2008</translation>
<translation id="8367209241899435947">เปิดใช้การทำความสะอาด Chrome ใน Windows</translation>
<translation id="8369602308428138533">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="8371178326720637170">อนุญาตให้ส่วนขยายที่มีการจัดการใช้ Enterprise Hardware Platform API</translation>
<translation id="8377433219608936819">
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" นโยบายระบบคลาวด์จะมีความสำคัญสูงกว่าหากขัดแย้งกับนโยบายเครื่อง
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า นโยบายเครื่องจะมีความสำคัญสูงกว่าหากขัดแย้งกับนโยบายระบบคลาวด์
หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของนโยบาย โปรดไปที่ https://support.google.com/chrome?p=set_chrome_policies_for_devices
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="8382184662529825177">เปิดใช้การใช้งานการรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="838870586332499308">เปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูล</translation>
<translation id="8390049129576938611">ปิดใช้โปรแกรมดู PDF ภายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะปฏิบัติต่อไฟล์ PDF เป็นไฟล์ที่ดาวน์โหลดแทนและอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดไฟล์ PDF ด้วยแอปพลิเคชันเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือปิดใช้อยู่ ระบบจะใช้ปลั๊กอิน PDF เพื่อเปิดไฟล์ PDF เว้นแต่ผู้ใช้ปิดใช้ปลั๊กอินไว้</translation>
<translation id="8396145449084377015">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะโหลดกฎจากนโยบาย SiteList ของ Internet Explorer หรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer เป็นแหล่งที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอ่าน <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer เพื่อรับ URL ของรายการเว็บไซต์ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนว่าได้กำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="SITELIST_POLICY_NAME" /> แล้ว
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="8402079500086185021">เปิดไฟล์ PDF จากภายนอกทุกครั้ง</translation>
<translation id="8412312801707973447">ดำเนินการตรวจสอบ OCSP/CRL แบบออนไลน์หรือไม่</translation>
<translation id="8417305981081876834">ตั้งค่าความยาวสูงสุดของ PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="841977920223099909">ทริกเกอร์การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8424255554404582727">ตั้งค่าการหมุนหน้าจอเริ่มต้น ใช้การตั้งค่านี้ซ้ำทุกครั้งที่เริ่มระบบใหม่</translation>
<translation id="8426231401662877819">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 90 องศา</translation>
<translation id="8433423491036718210">กำหนดค่ารายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กรที่บริการป้องกันด้วยรหัสผ่านควรจับภาพลายนิ้วมือของรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8451988835943702790">ใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรก</translation>
<translation id="8459216513698220096">ระบุว่าจะมีการดำเนินการนโยบายด้านผู้ใช้จาก GPO ของคอมพิวเตอร์หรือไม่และอย่างไร
หากกำหนดนโยบายเป็น "ค่าเริ่มต้น" หรือหากยังไม่มีการตั้งค่า นโยบายด้านผู้ใช้จะเป็น "อ่านอย่างเดียว" จาก GPO ของผู้ใช้ (โดยไม่สนใจ GPO ของคอมพิวเตอร์)
หากกำหนดนโยบายเป็น "รวม" ระบบจะรวมนโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้กับนโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ (โดยจะเลือก GPO ของคอมพิวเตอร์ก่อน)
หากกำหนดนโยบายเป็น "แทนที่" ระบบจะแทนที่นโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้ด้วยนโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ (โดยไม่สนใจ GPO ของผู้ใช้)</translation>
<translation id="8465065632133292531">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาทันใจที่ใช้ POST</translation>
<translation id="847472800012384958">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงป๊อปอัป</translation>
<translation id="8477885780684655676">TLS 1.0</translation>
<translation id="8483004350080020634">ตัดส่วนที่ละเอียดอ่อนต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยใน URL แบบ https:// ก่อนส่งต่อไปยังสคริปต์ PAC (การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ) ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ระหว่างการแก้ปัญหาพร็อกซี
เมื่อมีค่าเป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยและตัด URL แบบ https://
ออกก่อนส่งไปยังสคริปต์ PAC เมื่อดำเนินการแบบนี้ สคริปต์ PAC
จะดูข้อมูลที่ปกป้องไว้ตามปกติโดยช่องทางที่เข้ารหัส
(เช่น เส้นทางและคำค้นหาของ URL) ไม่ได้
เมื่อมีค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย และสคริปต์ PAC
จะดูคอมโพเนนต์ทั้งหมดของ URL แบบ https:// ได้โดยปริยาย
การตั้งค่านี้มีผลกับสคริปต์ PAC ทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากที่ใด
(ซึ่งรวมถึงสคริปต์ที่ที่ดึงผ่านการขนส่งที่ไม่ปลอดภัย หรือค้นพบ
อย่างไม่ปลอดภัยผ่าน WPAD)
นโยบายนี้มีค่าเริ่มต้นเป็น "จริง" (เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย)
ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" และตั้งค่าเป็น "เท็จ"
เฉพาะในกรณีที่นโยบายนี้ก่อให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับสคริปต์ PAC ที่มีอยู่เท่านั้น
นโยบายนี้จะถูกนำออกในรุ่น M75</translation>
<translation id="8484458986062090479">กำหนดค่ารายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลด้วยเบราว์เซอร์โฮสต์ทุกครั้ง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้ระบุไว้โดยนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings"
สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation>
<translation id="8489964335640955763">PluginVm</translation>
<translation id="8493645415242333585">ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="8499172469244085141">การตั้งค่าเริ่มต้น (ผู้ใช้แทนที่ได้)</translation>
<translation id="8507835864888987300">ตั้งค่าเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดตอัตโนมัติ
กำหนดส่วนนำของเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หากอุปกรณ์กำลังเรียกใช้เวอร์ชันที่ออกมาก่อนส่วนนำที่กำหนด อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดพร้อมส่วนนำที่ระบุนั้นๆ หากอุปกรณ์เป็นเวอร์ชันใหม่กว่าอยู่แล้ว ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับค่าของ <ph name="DEVICE_ROLLBACK_TO_TARGET_VERSION_POLICY_NAME" /> รูปแบบของส่วนนำทำงานได้อย่างชาญฉลาดร่วมกับส่วนประกอบดังเช่นที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้
"" (หรือที่ไม่ได้กำหนดค่า): อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีให้บริการ
"1412.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412 (เช่น 1412.24.34 หรือ 1412.60.2)
"1412.2.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412.2 (เช่น 1412.2.34 หรือ 1412.2.2)
"1412.24.34": อัปเดตเป็นเวอร์ชันนี้เท่านั้น
คำเตือน: เราไม่แนะนำให้กำหนดค่าข้อจำกัดของเวอร์ชันเพราะอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การจำกัดการอัปเดตเป็นส่วนนำเวอร์ชันที่เจาะจงอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="8519264904050090490">URL ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="8538235451413605457">กำหนดค่าข้อกำหนดของเวอร์ชันขั้นต่ำที่อนุญาตของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะถือว่าเวอร์ชันที่แสดงอยู่ด้านล่างนี้ล้าสมัยและอุปกรณ์จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้จนกว่าจะอัปเดตระบบปฏิบัติการ
หากเวอร์ชันปัจจุบันไม่ใช่เวอร์ชันที่อนุญาตในขณะที่ผู้ใช้อยู่ในเซสชัน ระบบจะนำผู้ใช้ออกจากระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ จะไม่มีการจำกัดและผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่าจะใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันใดก็ตาม
ในที่นี้ "เวอร์ชัน" เป็นได้ทั้งเวอร์ชันที่เจาะจงอย่าง "61.0.3163.120" หรือเลขนำหน้าเวอร์ชันอย่าง "61.0" ก็ได้ </translation>
<translation id="8544375438507658205">โปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นสำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8544465954173828789">อนุญาตให้ซิงค์ข้อความ SMS จากโทรศัพท์ไปยัง Chromebook</translation>
<translation id="8548832052135586762">ตั้งค่าการพิมพ์เป็นสีเท่านั้น ขาวดำเท่านั้น หรือไม่มีข้อจำกัดโหมดสี ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้</translation>
<translation id="8549772397068118889">เตือนเมื่อไปที่เว็บไซต์ภายนอกชุดเนื้อหา</translation>
<translation id="8566842294717252664">ซ่อนเว็บสโตร์จากหน้าแท็บใหม่และเครื่องเรียกใช้งานแอป</translation>
<translation id="857369585509260201">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ผู้ใช้ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยโปรไฟล์ของตนก่อนใช้เบราว์เซอร์ และระบบจะตั้งค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8586528890725660268">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานไม่ได้
ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> สำหรับโหมด <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น
ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้เครื่องพิมพ์ได้ทุกเครื่องยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" />
</translation>
<translation id="8587229956764455752">อนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่</translation>
<translation id="8598350264853261122">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ ARC
หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้หรือตั้งเป็น True ผู้ใช้ทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ใช้ ARC (เว้นเสียแต่จะมีการปิดใช้ ARC ด้วยวิธีอื่น)
การเปลี่ยนแปลงในนโยบายนี้จะใช้ในขณะที่ ARC ไม่ได้ทำงานอยู่เท่านั้น เช่น ขณะที่ Chrome OS กำลังเริ่ม</translation>
<translation id="8615400197788843468">เปิดใช้ฟีเจอร์การลงชื่อเข้าสู่ระบบที่จำกัดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใน G Suite และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณกำหนดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึง Google Apps ได้
โดยใช้บัญชีจากโดเมนที่ระบุเท่านั้น (โปรดทราบว่าหากต้องการอนุญาตบัญชี
gmail.com/googlemail.com คุณควรเพิ่ม "consumer_accounts"
(ไม่ต้องใส่เครื่องหมายอัญประกาศ) ลงในรายการโดเมน)
การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบ และเพิ่มบัญชีรอง
ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการที่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์จาก Google
หากบัญชีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในรายการโดเมนที่อนุญาตซึ่งกล่าวถึงไปก่อนหน้านี้
หากปล่อยการตั้งค่านี้ให้ว่างไว้/ไม่กำหนดค่า ผู้ใช้จะเข้าถึง
G Suite ด้วยบัญชีใดก็ได้
นโยบายนี้ส่งผลให้ต้องเติมส่วนหัว X-GoogApps-Allowed-Domains
ในคำขอ HTTP และ HTTPS ทั้งหมดที่ส่งไปยังโดเมน google.com ทั้งหมดตามที่อธิบายไว้ใน
https://support.google.com/a/answer/1668854
ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="8631434304112909927">จนถึงรุ่น <ph name="UNTIL_VERSION" /></translation>
<translation id="863319402127182273">สำหรับแอป Android นโยบายนี้มีผลต่อกล้องถ่ายรูปในตัวเท่านั้น เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น True กล้องจะถูกปิดใช้สำหรับแอป Android ทุกแอปโดยไม่มีข้อยกเว้น</translation>
<translation id="8649763579836720255">อุปกรณ์ Chrome OS สามารถใช้การรับรองจากระยะไกล (การเข้าถึงที่ยืนยันแล้ว) เพื่อรับใบรับรองที่ออกโดย Chrome OS CA ที่รับรองว่าอุปกรณ์มีสิทธิ์เล่นเนื้อหาที่ได้รับความคุ้มครอง ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลการรับรองฮาร์ดแวร์ไปยัง Chrome OS CA ที่ระบุอุปกรณ์โดยไม่ซ้ำกัน
หากการตั้งค่านี้เป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะไม่ใช้การรับรองจากระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาและอุปกรณ์อาจไม่สามารถเล่นเนื้อหาที่ได้รับความคุ้มครองได้
หากการตั้งค่านี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า การรับรองจากระยะไกลอาจถูกใช้สำหรับการปกป้องเนื้อหา</translation>
<translation id="8650974590712548439">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ Windows คือ</translation>
<translation id="8654286232573430130">ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดควรอยู่ในรายการที่อนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผนวกรวม โดยจะมีการเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบผนวกรวมต่อเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้รับการขอตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ซึ่งอยู่ในรายการที่อนุญาตนี้เท่านั้น
คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค อนุญาตให้ใช้อักขระตัวแทน (*)
หากคุณปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตไหม และจะตอบรับคำขอ IWA หลังจากนั้นเท่านั้น หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเพิกเฉยต่อคำขอ IWA</translation>
<translation id="8672321184841719703">กำหนดเป้าหมายรุ่นที่อัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="867410340948518937">U2F (Universal Second Factor)</translation>
<translation id="8682611302223077049">อนุญาตให้คุณตั้งค่าระยะเวลา (หน่วยเป็นมิลลิวินาที) ที่จะแสดงการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้
ระหว่างช่วงเวลานี้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนอยู่เรื่อยๆ ว่าต้องอัปเดต สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การแจ้งเตือนให้รีสตาร์ทจะปรากฏในถาดระบบเมื่อพบการอัปเกรด สำหรับเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมนูแอปจะเปลี่ยนไปเพื่อบ่งชี้ว่าผู้ใช้ต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่เมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 1 ใน 3 จากนั้น การแจ้งเตือนจะเปลี่ยนสีเมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 2 ใน 3 ของระยะเวลาทั้งหมด และเปลี่ยนสีอีกครั้งเมื่อการแจ้งเตือนครบกำหนด การแจ้งเตือนอื่นๆ ที่เปิดใช้โดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_POLICY_NAME" /> จะเป็นไปตามกำหนดเวลานี้
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้นที่ 345,600,000 มิลลิวินาที (4 วัน) สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และ 604,800,000 มิลลิวินาที (1 สัปดาห์) สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8685024486845674965">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำ</translation>
<translation id="8693243869659262736">ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว</translation>
<translation id="8704831857353097849">รายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation>
<translation id="8711086062295757690">กำหนดคีย์เวิร์ดซึ่งเป็นทางลัดที่ใช้ในแถบอเนกประสงค์เพื่อเริ่มการค้นหาสำหรับผู้ให้บริการนี้ นโยบายนี้จะเป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ คีย์เวิร์ดจะไม่สั่งการผู้ให้บริการการค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="8731693562790917685">การตั้งค่าเนื้อหาช่วยให้คุณระบุวิธีจัดการเนื้อหาบางประเภท (เช่น คุกกี้ รูปภาพ หรือ JavaScript)</translation>
<translation id="8733448613597049197">เปิดใช้การรายงานแบบขยายของ Safe Browsing สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้
การรายงานแบบขยายจะส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ Google เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
หากมีการตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการสร้างและส่งรายงานในกรณีที่จำเป็น (เช่น เมื่อมีการแสดงการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย)
หากมีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการส่งรายงาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือ "เท็จ" ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าและเลือกได้ว่าจะส่งรายงานหรือไม่
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="8736538322216687231">บังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube</translation>
<translation id="8749370016497832113">เปิดใช้งานการลบประวัติเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้
โปรดทราบว่า แม้จะปิดใช้งานนโยบายนี้ก็ไม่เป็นการรับประกันว่าประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดจะถูกเก็บไว้ ผู้ใช้อาจสามารถแก้ไขหรือลบไฟล์ฐานข้อมูลประวัติโดยตรง และเบราว์เซอร์อาจหมดอายุหรือเก็บถาวรรายการประวัติทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้
หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่มีการตั้งค่า ประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดอาจถูกลบได้
หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน จะไม่สามารถลบประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดได้</translation>
<translation id="8758831693895931466">เปิดใช้การลงทะเบียนการจัดการระบบคลาวด์ที่บังคับ</translation>
<translation id="8759829385824155666">ประเภทของการเข้ารหัสลับ Kerberos ที่อนุญาต</translation>
<translation id="8764119899999036911">กำหนดว่า Kerberos SPN ที่สร้างจะอยู่บนพื้นฐานของชื่อ DNS มาตรฐานหรือชื่อเดิมที่ป้อนไว้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ การค้นหา CNAME จะถูกข้ามไปและจะใช้ชื่อเซิร์ฟเวอร์ตามที่ป้อน หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือปล่อยไว้ไม่ได้ตั้งค่า ชื่อมาตรฐานของเซิร์ฟเวอร์จะถูกกำหนดโดยผ่านการค้นหา CNAME</translation>
<translation id="8765776988041674792">กำหนดค่า URL การเปลี่ยนรหัสผ่าน (รูปแบบ HTTP และ HTTPS เท่านั้น) บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้มาที่ URL นี้เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านของตนหลังจากเห็นคำเตือนในเบราว์เซอร์
โปรดตรวจสอบว่าหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใน https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จับภาพลายนิ้วมือที่เป็นรหัสผ่านใหม่ได้อย่างถูกต้องในหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านนี้
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้มาที่ URL นี้เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านของตนหลังจากเห็นคำเตือนในเบราว์เซอร์
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้ไปที่ https://myaccounts.google.com เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="8782750230688364867">ระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดการนำเสนอ
หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดการนำเสนอ เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ การปิดหน้าจอปิด การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม
หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แฟกเตอร์การปรับระดับเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้
แฟกเตอร์การปรับระดับต้องเป็น 100% หรือมากกว่า ไม่อนุญาตให้ใช้ค่าที่จะทำให้การหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอสั้นกว่าการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอปกติ</translation>
<translation id="8798099450830957504">ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8801680448782904838">แจ้งผู้ใช้ว่าควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์</translation>
<translation id="8818173863808665831">รายงานตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ หรือตั้งค่าเป็นเท็จ ตำแหน่งจะไม่ถูกรายงาน</translation>
<translation id="8818768076343557335">คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนเครือข่ายต่างๆ ที่ไม่ใช่เครือข่ายมือถือ
(เลิกใช้งานใน 50, นำออกใน 52 หลังจาก 52 หากมีการกำหนดค่า 1 ระบบจะถือว่าเป็นค่า 0 - คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ)</translation>
<translation id="8825782996899863372">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำบนหน้าฟิชชิง</translation>
<translation id="8828766846428537606">กำหนดค่าหน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าดังกล่าว การตั้งค่าหน้าแรกของผู้ใช้จะถูกล็อกโดยสมบูรณ์ หากคุณเลือกหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ หรือตั้งค่าให้เป็น URL และระบุ URL ของหน้าแรก หากคุณไม่ได้ระบุ URL ของหน้าแรก ผู้ใช้จะยังสามารถตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่โดยระบุ "chrome://newtab"</translation>
<translation id="8833109046074170275">การตรวจสอบสิทธิ์ผ่านขั้นตอน GAIA เริ่มต้น</translation>
<translation id="8838303810937202360"><ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแคชแอปและส่วนขยายที่มีการติดตั้งโดยผู้ใช้บนอุปกรณ์เครื่องเดียวกันหลายคน เพื่อหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดซ้ำจากผู้ใช้แต่ละคน
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้หรือค่าต่ำกว่า 1 MB <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ขนาดแคชเริ่มต้น</translation>
<translation id="8858642179038618439">บังคับใช้โหมดปลอดภัยของ YouTube</translation>
<translation id="8860342862142842017">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช subjectPublicKeyInfo</translation>
<translation id="8864975621965365890">ระงับการแจ้งเรื่องการปฏิเสธ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อไซต์แสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8867464911288727016">เปิดใช้บริการ Google แปลภาษาที่อยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอฟังก์ชันแปลภาษาแก่ผู้ใช้ด้วยการแสดงแถบเครื่องมือแปลภาษา (ตามความเหมาะสม) และตัวเลือกการแปลเมื่อคลิกขวาที่เมนูตามบริบท
หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์แปลภาษาในตัวทั้งหมด
หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่กำหนดการตั้งค่านี้ไว้ ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่</translation>
<translation id="8870318296973696995">หน้าแรก</translation>
<translation id="8876188741456358123">ลบล้างโหมดการพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น ระบบจะเพิกเฉยนโยบายนี้หากไม่มีโหมด</translation>
<translation id="8882006618241293596">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="890403179930035128">บังคับเปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะเพิกเฉยต่อภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น
หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจการสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ เพิ่มเติมจากภาษาที่ผู้ใช้ได้เปิดใช้การตรวจการสะกดไปแล้ว
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในค่ากำหนดการตรวจการสะกดของผู้ใช้
หากมีการปิดใช้นโยบาย SpellcheckEnabled นโยบายนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ
ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation>
<translation id="8906768759089290519">เปิดใช้งานโหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="8908294717014659003">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงหรือไม่ การเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงอาจได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้สามารถรับข้อความสอบถามทุกๆ ครั้งที่เว็บไซต์ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ "PromptOnAccess" จะถูกใช้และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8909280293285028130">ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC
 เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ
เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน
เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น
 วิธีล็อกหน้าจอที่แนะนำในขณะที่ไม่ใช้งานคือ เปิดใช้งานการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น
ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าความล่าช้าของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="891435090623616439">เข้ารหัสเป็นสตริง JSON ดูรายละเอียดได้ที่ <ph name="COMPLEX_POLICIES_URL" /></translation>
<translation id="8934944553121392674">ควบคุมว่าจะให้เครื่องพิมพ์ใดจาก <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY" /> พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
กำหนดนโยบายการเข้าถึงที่จะนำมาใช้สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์แบบกลุ่ม หากเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> ระบบจะแสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด หากเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ระบบจะใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLACKLIST" /> ในการจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุ หากเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> <ph name="DEVICE_PRINTERS_WHITELIST" /> จะกำหนดเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกได้
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะถือว่าเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> ไว้
</translation>
<translation id="8938932171964587769">เลิกใช้งานแล้วใน M69 โปรดใช้
OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin แทน
นโยบายนี้จะระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์
(เช่น *.example.com) ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
กับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย
นโยบายนี้มีไว้ให้องค์กรกำหนดต้นทางที่อนุญาตพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันเดิม
ที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว สำหรับการพัฒนาเว็บภายใน
เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์
ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว
นโยบายจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า
"ไม่ปลอดภัย" ในแถบอเนกประสงค์
การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า
สถานะบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure
เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยจุลภาค หากตั้งค่านโยบายนี้
นโยบายจะลบล้างสถานะบรรทัดคำสั่งดังกล่าว
นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M69 เพื่อเริ่มใช้
OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin หากมีทั้ง 2 นโยบาย
OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin จะลบล้าง
นโยบายนี้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัย โปรดดูที่
https://www.w3.org/TR/secure-contexts/
</translation>
<translation id="8942616385591203339">นโยบายนี้ควบคุมว่าการขอคำยินยอมให้ซิงค์จะแสดงต่อผู้ใช้รายหนึ่งๆ ในระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้เป็นครั้งแรกได้หรือไม่ ตั้งค่านโยบายนี้เป็นเท็จหากไม่จำเป็นต้องขอคำยินยอมให้ซิงค์จากผู้ใช้
หากตั้งค่าเป็นเท็จ ระบบจะไม่แสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์
หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์</translation>
<translation id="8947415621777543415">รายงานตำแหน่งอุปกรณ์</translation>
<translation id="8951350807133946005">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับแคชของดิสก์</translation>
<translation id="8952317565138994125">ปิดใช้การซิงค์ข้อมูลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยใช้บริการการซิงค์ที่โฮสต์บน Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้ Google Sync ได้
หากต้องการปิดใช้ Google Sync โดยสมบูรณ์ ขอแนะนำให้ปิดใช้บริการ Google Sync ในคอนโซล Google Admin
ไม่ควรเปิดใช้นโยบายนี้เมื่อเปิดใช้นโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> อยู่เนื่องจากฟีเจอร์นั้นใช้ฟังก์ชันเดียวกันกับของฝั่งไคลเอ็นต์ ในกรณีนี้ระบบจะปิดใช้การซิงค์ที่โฮสต์บน Google ทั้งหมด</translation>
<translation id="8955719471735800169">กลับไปด้านบน</translation>
<translation id="8959992920425111821">การกำหนดค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8960850473856121830">รูปแบบในรายการนี้จะจับคู่กันกับต้นทาง
การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบว่าตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้
เข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่แจ้งเตือน
หมายเหตุ: ใช้นโยบายนี้ได้ในโหมดคีออสก์เท่านั้นจนถึงเวอร์ชัน 45</translation>
<translation id="8970205333161758602">ระงับการแจ้งเตือนการปฏิเสธของ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8976248126101463034">อนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="8976531594979650914">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8992176907758534924">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดแสดงภาพ</translation>
<translation id="9035964157729712237">รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่ไม่อนุญาต</translation>
<translation id="9042911395677044526">อนุญาตให้ใช้การกำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้แต่ละคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การกำหนดค่าอุปกรณ์จะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิดซึ่งอธิบายไว้ที่ <ph name="ONC_SPEC_URL" /></translation>
<translation id="906631898352326790">
หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อ
ในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในโปรเซสของตัวเอง ซึ่งจะเป็นการแยก
ต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อยด้วย เช่น การระบุ https://example.com/
จะทำให้มีการแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ
เว็บไซต์ https://example.com/
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> เป็นค่าเดียวกันด้วย หากค่าที่ระบุในทั้ง 2 นโยบายไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ
หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้ไม่ได้กับ Android หากต้องการเปิดใช้ IsolateOrigins ใน Android ให้ใช้การตั้งค่านโยบาย IsolateOriginsAndroid
</translation>
<translation id="9077227880520270584">ตัวจับเวลาการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="9084985621503260744">ระบุว่ากิจกรรมวิดีโอมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation>
<translation id="9088433379343318874">เปิดใช้ผู้ให้บริการเนื้อหาสำหรับผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation>
<translation id="9088444059179765143">กำหนดค่าวิธีการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation>
<translation id="9094064873808699479">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า พยายามใช้ค่ากำหนดระดับอุปกรณ์ต่อไป (รวมถึงข้อมูลรับรองเครือข่าย) ผ่านขั้นตอนการย้อนกลับเวอร์ชัน หากเป็นไปได้ แต่อย่าทำ Powerwash เต็มรูปแบบถ้ากู้คืนข้อมูลไม่ได้ (เพราะเวอร์ชันเป้าหมายไม่รองรับการกู้คืนข้อมูลหรือเพราะมีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังที่เข้ากันไม่ได้)
รองรับใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 70 ขึ้นไป สำหรับไคลเอ็นต์เก่า ค่านี้หมายความว่าการย้อนกลับเวอร์ชันปิดอยู่</translation>
<translation id="9096086085182305205">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="9098553063150791878">นโยบายสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP</translation>
<translation id="9105265795073104888">แอป Android สามารถใช้เพียงชุดย่อยของตัวเลือกการกำหนดค่าพร็อกซี โดยแอป Android อาจเลือกใช้พร็อกซีโดยสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับให้แอปใช้พร็อกซีได้</translation>
<translation id="9106865192244721694">อนุญาต WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="9112727953998243860">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร</translation>
<translation id="9112897538922695510">อนุญาตให้คุณลงทะเบียนรายชื่อเครื่องจัดการโปรโตคอล ซึ่งจะแนะนำได้โดยนโยบายเท่านั้น ต้องมีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ |protocol| ในรูปแบบ เช่น "mailto" และต้องมีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ |url| ในรูปแบบ URL ของแอปพลิเคชันที่จัดการรูปแบบดังกล่าว รูปแบบอาจมี "%s" ซึ่งจะแทนที่ด้วย URL ที่มีการจัดการหากปรากฏขึ้น
เครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนจะรวมเข้ากับเครื่องจัดการที่ผู้ใช้ลงทะเบียน และจะพร้อมใช้งานทั้งสองแบบ ผู้ใช้สามารถแทนที่เครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายติดตั้ง โดยการติดตั้งเครื่องจัดการเริ่มต้นใหม่ แต่จะไม่สามารถนำเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนออกได้</translation>
<translation id="9123211093995421438">กำหนดจุดขั้นต่ำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การย้อนกลับควรอนุญาตให้ย้อนได้ถึงเวอร์ชันที่เสถียรแล้วในช่วงเวลาใดก็ตาม
ค่าเริ่มต้นคือ 0 สำหรับผู้บริโภค และ 4 (ประมาณครึ่งปี) สำหรับอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนโดยองค์กร
การตั้งค่านโยบายนี้จะป้องกันให้การย้อนกลับย้อนไปอย่างน้อยที่จุดขั้นต่ำที่กำหนดไว้
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ค่าที่ต่ำกว่าจะมีผลกระทบอย่างถาวร อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปที่เวอร์ชันก่อนหน้าไม่ได้แม้ในภายหลังมีการรีเซ็ตนโยบายใหม่เป็นค่าที่สูงขึ้นแล้วก็ตาม
ความเป็นไปได้ของการย้อนกลับที่เกิดขึ้นจริงอาจขึ้นอยู่กับแพตช์ที่ยังมีช่องโหว่ที่กว้างและร้ายแรงอีกด้วย</translation>
<translation id="913195841488580904">บล็อกการเข้าถึงรายการ URL</translation>
<translation id="9135033364005346124">เปิดใช้งานพร็อกซี <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="9136399279941091445">ระยะเวลาปิดเครื่องเมื่อเผยแพร่นโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ</translation>
<translation id="9147029539363974059">ส่งบันทึกของระบบไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่ออนุญาต
ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบบันทึกของระบบ
หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True บันทึกของระบบจะถูกส่งไป หากตั้งค่า
เป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการส่งบันทึกของระบบ</translation>
<translation id="9150416707757015439">นโยบายนี้เลิกใช้แล้ว โปรดใช้ IncognitoModeAvailability แทน เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตน หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานและผู้ใช้จะสามารถใช้โหมดไม่ระบุตัวตนได้</translation>
<translation id="915194831143859291">หากนโยบายตั้งค่าเป็น False หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้ผู้ใช้ปิดอุปกรณ์
หากนโยบายตั้งค่าเป็น True <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะทริกเกอร์การเริ่มอุปกรณ์ใหม่เมื่อผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแทนรายการปุ่มปิดทั้งหมดใน UI ด้วยปุ่มเริ่มต้นใหม่ หากผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ด้วยปุ่มเปิด/ปิด เครื่องจะไม่เริ่มต้นใหม่โดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะเปิดใช้นโยบายก็ตาม</translation>
<translation id="9152473318295429890">เปิดใช้คำแนะนำตามบริบทของหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="9158929520101169054">อนุญาตการลงชื่อเข้าสู่ระบบพร้อมกันหลายบัญชีในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="9159126470527871268">แจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ท <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้
การตั้งค่านโยบายนี้จะเปิดใช้การแจ้งเตือนที่จะบอกว่าผู้ใช้ควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแจ้งผู้ใช้ว่าจำเป็นต้องมีการเปิดขึ้นมาใหม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเมนู ส่วน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแจ้งข้อความเช่นนี้ผ่านการแจ้งเตือนในถาดระบบ หากตั้งค่าเป็น "แนะนำ" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าขอแนะนำให้เปิดขึ้นมาใหม่ ผู้ใช้ปิดคำเตือนนี้เพื่อเลื่อนการเปิดใหม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จำเป็น" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าจะมีการบังคับเปิดเบราว์เซอร์ใหม่หลังจากสิ้นสุดระยะการแจ้งเตือน โดยค่าเริ่มต้น ระยะเวลาดังกล่าวคือ 7 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ 4 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แต่คุณกำหนดค่าผ่านการตั้งค่านโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" /> ได้
ระบบจะคืนค่าเซสชันของผู้ใช้หลังการเปิดใหม่/รีสตาร์ท</translation>
<translation id="9165792353046089850">ให้คุณกำหนดว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่ไหม คุณจะบล็อกการเข้าถึงโดยสิ้นเชิง หรือให้เว็บไซต์ขออนุญาตจากผู้ใช้ทุกครั้งที่ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่ก็ได้
คุณลบล้างนโยบายนี้สำหรับรูปแบบ URL บางรูปแบบได้โดยใช้นโยบาย "WebUsbAskForUrls" และ "WebUsbBlockedForUrls"
หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ "3" และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้</translation>
<translation id="9167719789236691545">ปิดใช้ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="9187743794267626640">ปิดใช้งานการต่อเชื่อมที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation>
<translation id="9197740283131855199">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ หากผู้ใช้มีการใช้งานหลังจากการสลัวหน้าจอ</translation>
<translation id="9200828125069750521">พารามิเตอร์สำหรับ URL รูปภาพที่ใช้ POST</translation>
<translation id="920209539000507585">บังคับเปิดหรือปิด "ส่วนหัวและส่วนท้าย" ในกล่องโต้ตอบการพิมพ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะพิมพ์หรือไม่พิมพ์ส่วนหัวและส่วนท้าย
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่เลือก "ส่วนหัวและส่วนท้าย" ในกล่องโต้ตอบตัวอย่างการพิมพ์ และผู้ใช้จะเปลี่ยนค่าไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ระบบจะเลือก "ส่วนหัวและส่วนท้าย" ในกล่องโต้ตอบตัวอย่างการพิมพ์ และผู้ใช้จะเปลี่ยนค่าไม่ได้</translation>
<translation id="9210953373038593554">กำหนดค่าประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าเริ่มต้น (ค่า 0) เบราว์เซอร์จะเป็นตัวกำหนดลักษณะการทำงานของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML ตามปัจจัยอื่นๆ ในกรณีพื้นฐานที่สุด การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ที่แคชไว้จะทำด้วยการใช้รหัสผ่านที่ป้อนด้วยตนเอง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น ClientCertificate (ค่า 1) ระบบจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับผู้ใช้ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ซึ่งลงชื่อเข้าสู่ระบบผ่าน SAML และจะไม่มีการใช้รหัสผ่านสำหรับผู้ใช้ประเภทนี้ ระบบจะปกป้องข้อมูลในเครื่องที่แคชไว้โดยใช้คีย์การเข้ารหัสที่สอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่น การตั้งค่านี้ช่วยให้กำหนดค่าการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ด้วยสมาร์ทการ์ดได้ (จะต้องติดตั้งแอปมิดเดิลแวร์สมาร์ทการ์ดผ่านนโยบาย DeviceLoginScreenAppInstallList)
นโยบายนี้ส่งผลกับผู้ใช้ที่ยืนยันตัวตนโดยใช้ SAML เท่านั้น</translation>
<translation id="9213347477683611358">กำหนดค่ารูปภาพวอลเปเปอร์ระดับอุปกรณ์ที่แสดงในหน้าจอเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ นโยบายตั้งค่าโดยการระบุ URL ที่อุปกรณ์ Chrome OS สามารถดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์และแฮชแบบเข้ารหัสซึ่งใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รูปภาพต้องมีรูปแบบเป็น JPEG ขนาดไฟล์ต้องไม่เกิน 16 MB และ URL ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ รูปภาพวอลเปเปอร์จะได้รับการดาวน์โหลดและแคช และจะมีการดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อใดก็ตามที่ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
ควรระบุนโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดง URL และแฮชในรูปแบบ JSON เช่น
{
"url": "https://example.com/device_wallpaper.jpg",
"hash": "examplewallpaperhash"
}
หากมีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ไว้ อุปกรณ์ Chrome OS จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์บนหน้าจอเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะทำงาน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะเป็นตัวกำหนดว่าจะแสดงสิ่งใดหากมีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="9217154963008402249">ความถี่ในการติดตามดูแพ็กเก็ตเครือข่าย</translation>
<translation id="922540222991413931">กำหนดค่าส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และแหล่งติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="924557436754151212">นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="930930237275114205">ตั้งไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="944817693306670849">ตั้งค่าขนาดแคชดิสก์</translation>
<translation id="981346395360763138">บริการตำแหน่งของ Google ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="982497069985795632">เปิดใช้การตรวจการสะกด</translation>
<translation id="988537626274109600">นโยบายนี้จะควบคุมกรอบเวลาที่อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ด้วยช่วงเวลาที่ไม่ใช่รายการที่ว่างเปล่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้
อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติไม่ได้ระหว่างช่วงเวลาที่ระบุ อุปกรณ์ที่ต้องย้อนกลับเวอร์ชันหรือมีเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่ำกว่าขั้นต่ำจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้เพราะอาจมีปัญหาความปลอดภัย นอกจากนี้ นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตที่ผู้ใช้หรือผู้ดูแลระบบขอ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ได้ใส่ช่วงเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้
นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตอัตโนมัติ แต่นโยบายอื่นๆ อาจบล็อกการตรวจหา</translation>
<translation id="991560005425213776">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเครื่องพิมพ์ดั้งเดิม</translation>
</translationbundle>