| <?xml version="1.0" ?> |
| <!DOCTYPE translationbundle> |
| <translationbundle lang="th"> |
| <translation id="101438888985615157">หมุนหน้าจอ 180 องศา</translation> |
| <translation id="1016912092715201525">กำหนดค่าการตรวจสอบเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตรวจสอบดังกล่าว |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจสอบทุกครั้งที่เริ่มต้นใช้งานว่าตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และจะลงทะเบียนตนเองโดยอัตโนมัติหากทำได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจสอบว่าตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และจะปิดใช้การควบคุมโดยผู้ใช้สำหรับการตั้งค่าตัวเลือกนี้ |
| |
| หากไม่กำหนดการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมได้ว่าจะให้ตนเองเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และควรแสดงการแจ้งเตือนผู้ใช้หรือไม่เมื่อตนเองไม่ได้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น |
| |
| หมายเหตุสำหรับผู้ดูแลระบบ <ph name="MS_WIN_NAME" />: การเปิดใช้การตั้งค่านี้ใช้ได้กับเครื่องที่ใช้ Windows 7 เท่านั้น สำหรับเครื่องที่ใช้ Windows 8 ขึ้นไป คุณต้องใช้ไฟล์ "การเชื่อมโยงแอปพลิเคชันเริ่มต้น" ที่ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเครื่องจัดการของโปรโตคอล <ph name="HHTPS_PROTOCOL" /> และ <ph name="HTTP_PROTOCOL" /> (และอาจเลือกให้เป็นเครื่องจัดการของโปรโตคอล <ph name="FTP_PROTOCOL" /> รวมถึงรูปแบบไฟล์ เช่น <ph name="HTML_EXTENSION" />, <ph name="HTM_EXTENSION" />, <ph name="PDF_EXTENSION" />, <ph name="SVG_EXTENSION" />, <ph name="WEBP_EXTENSION" /> ฯลฯ ก็ได้) ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ <ph name="SUPPORT_URL" /></translation> |
| <translation id="1017967144265860778">การจัดการพลังงานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="1019101089073227242">ตั้งค่าไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1022361784792428773">รหัสส่วนขยายที่ผู้ใช้ควรป้องกันไม่ให้มีการติดตั้ง (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation> |
| <translation id="102492767056134033">ตั้งสถานะเริ่มต้นของแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="1027000705181149370">ระบุว่าควรโอนคุกกี้การตรวจสอบสิทธิ์ที่กำหนดโดย SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้ไหม |
| |
| เมื่อผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเขียนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ลงในโปรไฟล์ชั่วคราวก่อน ซึ่งคุกกี้เหล่านี้สามารถโอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้เพื่อส่งต่อสถานะการตรวจสอบสิทธิ์ได้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ทุกครั้งที่ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์กับ SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น |
| |
| นโยบายนี้มีผลต่อผู้ใช้ที่มีโดเมนตรงกับโดเมนการลงทะเบียนของอุปกรณ์เท่านั้น สำหรับผู้ใช้คนอื่นๆ ทั้งหมด ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น</translation> |
| <translation id="1030120600562044329">เปิดใช้การรายงานแบบไม่ระบุชื่อของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและข้อขัดข้องเกี่ยวกับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้แก่ Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ จะมีการส่งการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและข้อขัดข้องไปยัง Google แบบไม่ระบุชื่อ หากปิดใช้ จะไม่มีการส่งข้อมูลดังกล่าวไปยัง Google ในทั้ง 2 กรณี ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ค่าจะยังคงเป็นสิ่งที่ผู้ใช้เลือกไว้ตอนติดตั้ง/เรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์ |
| (สำหรับ Chrome OS โปรดดู DeviceMetricsReportingEnabled)</translation> |
| <translation id="1035385378988781231">นโยบายนี้ควบคุมว่าฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ NTLM เพื่อการตรวจสอบสิทธิ์หรือไม่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีการใช้ NTLM เพื่อการตรวจสอบสิทธิ์กับพื้นที่แชร์ของ SMB หากจำเป็น |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ด้วย NTLM กับพื้นที่แชร์ของ SMB |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะปิดใช้ค่าเริ่มต้นไว้สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรและเปิดใช้สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="1040446814317236570">เปิดใช้การตัด PAC URL (สำหรับ https://)</translation> |
| <translation id="1044878202534415707">รายงานสถิติฮาร์ดแวร์ เช่น การใช้ CPU/RAM |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น False จะไม่มีการรายงานสถิติ |
| หากตั้งค่าเป็น True หรือไม่ตั้งค่า จะมีการรายงานสถิติ</translation> |
| <translation id="1046484220783400299">เปิดใช้ฟีเจอร์แพลตฟอร์มของเว็บที่เลิกใช้แล้วเป็นเวลาจำกัด</translation> |
| <translation id="1047128214168693844">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1049138910114524876">กำหนดค่าภาษาที่จะบังคับใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ได้มาจากค่าแรกของนโยบายนี้ทุกครั้ง (นโยบายได้รับการกำหนดค่าเป็นรายการเพื่อความเข้ากันได้ในอนาคต) หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ผู้ใช้ใช้ในเซสชันล่าสุด หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าภาษาไม่ถูกต้อง หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาสำรอง (ปัจจุบันคือ en-US)</translation> |
| <translation id="1062011392452772310">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1062407476771304334">แทนที่</translation> |
| <translation id="1079801999187584280">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="1093082332347834239">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะเรียกใช้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลในการดำเนินการที่มีสิทธิ์ <ph name="UIACCESS_PERMISSION_NAME" /> ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่บนเดสก์ท็อปของผู้ใช้ในเครื่องได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลจะทำงานในบริบทของผู้ใช้และผู้ใช้ระยะไกลจะไม่สามารถโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่บนเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="1096105751829466145">ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1099282607296956954">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับทุกเว็บไซต์</translation> |
| <translation id="1100570158310952027"> |
| นโยบายนี้ระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ |
| (เช่น *.example.com) ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย |
| กับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย |
| |
| นโยบายนี้มีไว้ให้องค์กรกำหนดต้นทางที่อนุญาตพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันเดิม |
| ที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว |
| สำหรับการพัฒนาเว็บภายใน เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์ |
| ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว |
| นโยบายจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า |
| "ไม่ปลอดภัย" ในแถบอเนกประสงค์ |
| |
| การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า |
| สถานะบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure |
| เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยจุลภาค หากตั้งค่านโยบายนี้ |
| นโยบายจะลบล้างสถานะบรรทัดคำสั่ง |
| |
| นโยบายนี้จะลบล้าง UnsafelyTreatInsecureOriginAsSecure หากมี |
| |
| สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัย โปรดดูที่ |
| https://www.w3.org/TR/secure-contexts/ |
| </translation> |
| <translation id="1107764601871839136">ระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคช Group Policy Object (GPO) ระบบอาจใช้ GPO ที่แคชไว้ซ้ำ (ตราบใดที่ยังเป็นเวอร์ชันเดิม) แทนการดาวน์โหลด GPO ซ้ำในการเรียกนโยบายทุกครั้ง นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาสูงสุดที่จะใช้ซ้ำ GPO ที่แคชได้ก่อนที่จะดาวน์โหลดอีกครั้ง การรีบูตและการออกจากระบบจะล้างแคช |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย GPO ที่แคชจะนำมาใช้ซ้ำได้สูงสุด 25 ชั่วโมง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 ระบบจะปิดใช้การแคช GPO โปรดทราบว่าการปิดใช้แคชจะเพิ่มการโหลดเซิร์ฟวอร์เนื่องจากต้องดาวน์โหลด GPO ใหม่ทุกครั้งที่เรียกใช้นโยบายแม้ว่านโยบายจะเป็นเวอร์ชันเดิมก็ตาม</translation> |
| <translation id="1117535567637097036">ไม่มีการใช้เครื่องจัดการโปรโตคอลที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ระหว่างการจัดการ Intent ของ Android</translation> |
| <translation id="1118093128235245168">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์จากผู้ใช้เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่</translation> |
| <translation id="1128903365609589950">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการจัดเก็บไฟล์แคชบนดิสก์ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้มีการระบุสถานะ "--disk-cache-dir" หรือไม่ คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีรากของรุ่นหรือไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียข้อมูลหรือข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดอื่นๆ เพราะ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของตัวเอง |
| |
| ดูรายการตัวแปรที่สามารถนำมาใช้ได้ที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างไดเรกทอรีนี้ได้ด้วยการตั้งสถานะโดยใช้บรรทัดคำสั่ง "--disk-cache-dir"</translation> |
| <translation id="113521240853905588">กำหนดค่าภาษาที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้เป็นภาษาที่ต้องการได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเพิ่มภาษาที่แสดงอยู่ในนโยบายนี้ลงในรายการภาษาที่ต้องการได้ 1 ภาษาเท่านั้น หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะระบุภาษาใดเป็นภาษาที่ต้องการก็ได้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่มีค่าไม่ถูกต้อง ระบบจะไม่สนใจค่าไม่ถูกต้องทั้งหมด หากผู้ใช้เคยเพิ่มภาษาที่นโยบายนี้ไม่อนุญาตลงในรายการภาษาที่ต้องการ ระบบจะนำภาษาเหล่านี้ออก หากผู้ใช้เคยกำหนดค่าให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แสดงเป็นภาษาใดที่นโยบายนี้ไม่อนุญาต ระบบจะเปลี่ยนภาษาที่แสดงเป็นภาษา UI ที่อนุญาตเมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ครั้งต่อไป มิเช่นนั้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปลี่ยนเป็นค่าที่ถูกต้องค่าแรกที่นโยบายนี้ระบุ หรือเปลี่ยนเป็นภาษาทางเลือก (ปัจจุบันคือ en-US) หากนโยบายนี้มีแต่รายการที่ไม่ถูกต้อง</translation> |
| <translation id="1135264353752122851">กำหนดค่ารูปแบบแป้นพิมพ์ที่อนุญาตให้ใช้ในเซสชันผู้ใช้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลที่นโยบายนี้ระบุไว้ได้เพียง 1 วิธี หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลที่รองรับทั้งหมดได้ หากนโยบายนี้ไม่อนุญาตให้ใช้วิธีการป้อนข้อมูลที่ใช้อยู่ ระบบจะเปลี่ยนวิธีการป้อนข้อมูลนั้นไปเป็นรูปแบบแป้นพิมพ์ของฮาร์ดแวร์ (หากอนุญาต) หรือวิธีที่ถูกต้องวิธีแรกในรายการนี้ ระบบจะเพิกเฉยต่อวิธีการป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือไม่รองรับทั้งหมดในรายการนี้</translation> |
| <translation id="1138294736309071213">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| กำหนดระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้สำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="1151353063931113432">อนุญาตให้แสดงภาพบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1152117524387175066">รายงานสถานะของสวิตช์นักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์เมื่อบูตเครื่อง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่มีการรายงานสถานะของสวิตช์นักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="1160479894929412407">อนุญาตโปรโตคอล QUIC</translation> |
| <translation id="1160939557934457296">ปิดใช้งานการดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือน Safe Browsing</translation> |
| <translation id="1189817621108632689">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงรูปภาพ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultImagesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| โปรดทราบว่าการเปิดใช้นโยบายนี้ใน Android ก่อนหน้านี้เกิดจากความผิดพลาด ไม่มีการรองรับฟังก์ชันนี้ใน Android อย่างสมบูรณ์</translation> |
| <translation id="1198465924256827162">ความถี่ในการส่งการอัปโหลดสถานะของอุปกรณ์ หน่วยเป็นมิลลิวินาที |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ความถี่เริ่มต้นคือ 3 ชั่วโมง ค่าความถี่ต่ำสุด |
| ที่อนุญาตคือ 60 วินาที</translation> |
| <translation id="1204263402976895730">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation> |
| <translation id="1219695476179627719">ระบุว่าอุปกรณ์ควรย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันที่ <ph name="DEVICE_TARGET_VERSION_PREFIX_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าไว้หรือไม่ หากใช้เวอร์ชันที่ใหม่กว่าอยู่ |
| |
| ค่าเริ่มต้นคือ RollbackDisabled</translation> |
| <translation id="1221359380862872747">โหลด URL ที่ระบุเมื่อลงชื่อเข้าใช้การสาธิต</translation> |
| <translation id="1223789468190631420">สถานะการเปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation> |
| <translation id="122899932962115297">รายการที่อนุญาตพิเศษซึ่งควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ผู้ใช้กำหนดค่าและใช้เพื่อปลดล็อกหน้าจอล็อกได้ |
| |
| ค่านี้คือรายการสตริง รายการย่อยที่ใช้ได้ ได้แก่ "all" "PIN" "FINGERPRINT" การเพิ่ม "all" ลงในรายการจะทำให้ผู้ใช้ใช้โหมดปลดล็อกด่วนได้ทุกโหมด ซึ่งรวมถึงโหมดที่จะติดตั้งใช้งานในอนาคตด้วย มิเช่นนั้นผู้ใช้จะใช้ได้เฉพาะโหมดปลดล็อกด่วนที่แสดงอยู่ในรายการเท่านั้น |
| |
| เช่น หากต้องการอนุญาตโหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] หากต้องการอนุญาตเฉพาะการปลดล็อกด้วย PIN ให้ใช้ ["PIN"] หากต้องการอนุญาตให้ใช้ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"] หากต้องการปิดใช้โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ [] |
| |
| โดยค่าเริ่มต้น อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย</translation> |
| <translation id="123081309365616809">เปิดใช้การแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1231349879329465225">อนุญาตให้เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว |
| การตั้งค่านี้จะมีผลต่อผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์ |
| คุณต้องเปิดใช้ทั้งการตั้งค่านี้และพร็อพเพอร์ตี้ ONC ต่อเครือข่าย เพื่อให้ระบบใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว |
| เมื่อตั้งค่าแล้ว ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจะยังคงเปิดใช้อยู่จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อปิดใช้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อจุดเข้าใช้งานระบบไร้สายรองรับฟีเจอร์นี้</translation> |
| <translation id="1243570869342663665">ควบคุมการกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ของ SafeSites</translation> |
| <translation id="1257550411839719984">ตั้งค่าไดเรกทอรีเริ่มต้นสำหรับดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="1265053460044691532">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML สามารถเข้าสู่ระบบในแบบออฟไลน์</translation> |
| <translation id="1291880496936992484">คำเตือน: ระบบจะนำ RC4 ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดการเข้ารหัสของ RC4 ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์อีกครั้ง</translation> |
| <translation id="1297182715641689552">ใช้สคริปต์พร็อกซี .pac</translation> |
| <translation id="1304973015437969093">รหัสส่วนขยาย/แอปและ URL การอัปเดตจะติดตั้งอยู่ในพื้นหลัง</translation> |
| <translation id="1307415922184340052">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมพร้อมด้วยงานพิมพ์ทั้งหมด ค่าเริ่มต้นคือไม่ส่ง</translation> |
| <translation id="1307454923744766368">ต้นทางหรือรูปแบบชื่อโฮสต์ที่ไม่ควรใช้ข้อจำกัด |
| เกี่ยวกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย</translation> |
| <translation id="1313457536529613143">ระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อสังเกตพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป |
| |
| หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อสังเกตพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัว การปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาการไม่ใช้งานจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แฟกเตอร์การปรับระดับเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้ |
| |
| แฟกเตอร์การปรับระดับต้องเป็น 100% หรือมากกว่า</translation> |
| <translation id="131353325527891113">แสดงชื่อผู้ใช้บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="1327466551276625742">เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์</translation> |
| <translation id="1330145147221172764">เปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ</translation> |
| <translation id="13356285923490863">ชื่อนโยบาย</translation> |
| <translation id="1352174694615491349">นโยบายนี้อนุญาตให้มีการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 เมื่อใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อยู่ โดยทั้งชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อใหม่ที่เป็นไปได้และชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อเดิมต้องตรงกับรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งที่อธิบายไว้ในนโยบายนี้ จึงจะรวมการเชื่อมต่อได้ นโยบายนี้คือรายการโฮสต์ที่ใช้รูปแบบตัวกรอง URLBlacklist ดังต่อไปนี้ example.com ตรงกับ example.com และโดเมนย่อยทั้งหมด (เช่น sub.example.com) ขณะที่ .example.net ตรงกับ example.net ทุกประการ |
| |
| คำขอรวมกับโฮสต์อื่นผ่านการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อาจสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากผู้ออกใบรับรองแวดล้อมจะได้รับคำขอทั้งหมด แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ให้สิทธิ์อย่างชัดแจ้ง นโยบายนี้เป็นแบบชั่วคราวและระบบจะนำออกในรุ่นต่อไป โปรดดู https://crbug.com/855690 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นที่ไม่อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 ในการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation> |
| <translation id="1353966721814789986">หน้าเริ่มต้นใช้งาน</translation> |
| <translation id="1354424209129232709">สูงสุด:</translation> |
| <translation id="1359553908012294236">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชม การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชมเป็นโปรไฟล์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งหน้าต่างทุกบานจะอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มต้นโปรไฟล์ผู้เยี่ยมชม</translation> |
| <translation id="1363275621236827384">เปิดใช้คำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks สำหรับโปรไฟล์ฮาร์ดแวร์</translation> |
| <translation id="1384459581748403878">การอ้างอิง: <ph name="REFERENCE_URL" /></translation> |
| <translation id="1387596372902085462">เลือกว่าจะเปิดใช้การเชื่อถือโครงสร้างพื้นฐานคีย์สาธารณะเดิมของ Symantec Corporation หรือไม่</translation> |
| <translation id="1393485621820363363">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation> |
| <translation id="1397855852561539316">URL ที่แนะนำโดยผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1413936351612032792">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป Linux</translation> |
| <translation id="142346659686073702">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ Crostini</translation> |
| <translation id="1426410128494586442">ยอมรับ</translation> |
| <translation id="1427655258943162134">ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation> |
| <translation id="1431272318313028342">เปิดใช้ฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ <ph name="PRODUCT_NAME" />และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะทำงานอยู่เสมอ |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า "เปิดใช้ป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ การดำเนินการนี้จะเปิดใช้ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงได้ |
| |
| ไปที่ https://developers.google.com/safe-browsing เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1435659902881071157">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1438739959477268107">การตั้งค่าการสร้างคีย์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1454846751303307294">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นของทั่วโลกสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultJavaScriptSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1456822151187621582">Windows (ไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />):</translation> |
| <translation id="1464848559468748897">ควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์บนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักหรือผู้ใช้รองในเซสชันหลายโปรไฟล์ได้ |
| |
| หากกำหนดนโยบายเป็น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักได้เท่านั้นในเซสชันหลายโปรไฟล์ |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorNotAllowed" ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าร่วมเซสชันหลายโปรไฟล์ |
| |
| หากคุณทำการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแทนที่ได้ |
| |
| หากการตั้งค่ามีการเปลี่ยนแปลงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เซสชันหลายโปรไฟล์ ผู้ใช้ทั้งหมดในเซสชันจะได้รับการตรวจสอบเทียบกับการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องของพวกเขา เซสชันจะปิดลงหากมีผู้ใช้รายใดรายหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเซสชันอีกต่อไป |
| |
| หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการโดยองค์กรและ "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ</translation> |
| <translation id="1465619815762735808">คลิกเพื่อเล่น</translation> |
| <translation id="1468307069016535757">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานโหมดคอนทราสต์สูง อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานโหมดคอนทราสต์สูงได้ตลอดเวลา และสถานะบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานในระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ</translation> |
| <translation id="1468707346106619889">หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นจริง ระบบจะอนุญาตเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอ รวมถึง |
| เปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งจะอนุญาตให้แอปพลิเคชันต่างๆ ขยายไปยังหลายหน้าจอได้ |
| ผู้ใช้อาจปิดใช้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอสำหรับหน้าจอบางหน้าได้โดยยกเลิกการทำเครื่องหมาย |
| หน้าจอนั้นๆ ในการตั้งค่าการแสดงผล |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้ตั้งค่า เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอจะ |
| ปิดใช้งาน ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ใช้จะเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="1474273443907024088">ปิดใช้ TLS False Start</translation> |
| <translation id="1477934438414550161">TLS 1.2</translation> |
| <translation id="1484146587843605071"><ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้ามพร็อกซีของของโฮสต์ในรายการที่ให้ไว้ในที่นี้ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลในกรณีที่คุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น |
| |
| คุณควรปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าหากคุณได้เลือกโหมดอื่นใดแล้วสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี |
| |
| สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่: |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /></translation> |
| <translation id="1502843533062797703">เปิดใช้การบล็อกการแทรกซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม</translation> |
| <translation id="1504431521196476721">การยืนยันระยะไกล</translation> |
| <translation id="1507957856411744193">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193 |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193 เท่านั้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193 เท่านั้น ยกเว้นว่าจะเปิดใช้ฟีเจอร์ CastAllowAllIPs |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย "EnableMediaRouter" เป็น "เท็จ" ค่าของนโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้</translation> |
| <translation id="1509692106376861764">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29</translation> |
| <translation id="1514888685242892912">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="1522425503138261032">อนุญาตให้ไซต์ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1523774894176285446">เบราว์เซอร์สำรองที่จะเปิดสำหรับเว็บไซต์ที่กำหนดค่า</translation> |
| <translation id="152657506688053119">รายการ URL สำรองของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1530812829012954197">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้เสมอในเบราว์เซอร์โฮสต์</translation> |
| <translation id="1541170838458414064">จำกัดขนาดหน้าที่พิมพ์</translation> |
| <translation id="1553684822621013552">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะเปิดใช้ ARC สำหรับผู้ใช้ |
| (ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบการตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม ARC จะยังไม่พร้อมใช้งานถ้าเปิดใช้โหมดชั่วคราวหรือการลงชื่อเข้าสู่ระบบพร้อมกันหลายบัญชีในเซสชันของผู้ใช้ปัจจุบัน) |
| |
| หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้ในองค์กรจะไม่สามารถใช้ ARC</translation> |
| <translation id="1559980755219453326">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอินหรือไม่ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation> |
| <translation id="1561424797596341174">การลบล้างนโยบายสำหรับเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="1561967320164410511">U2F พร้อมส่วนขยายสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation> |
| <translation id="1574554504290354326">เราเลิกใช้งานการตั้งค่านี้แล้ว ให้ใช้ SafeBrowsingExtendedReportingEnabled แทน การเปิดหรือปิดใช้ SafeBrowsingExtendedReportingEnabled จะเทียบเท่าการตั้งค่า SafeBrowsingExtendedReportingOptInAllowed เป็น "เท็จ" |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะทำให้ผู้ใช้เลือกส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ Google ไม่ได้ หากการตั้งค่านี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยัง Safe Browsing เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้ |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="1583248206450240930">ใช้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1599424828227887013">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจงในอุปกรณ์ Android</translation> |
| <translation id="1608755754295374538">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่ต้องแจ้ง</translation> |
| <translation id="1615221548356595305">อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 สำหรับโฮสต์เหล่านี้แม้จะมีการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation> |
| <translation id="1617235075406854669">เปิดใช้งานการนำออกเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="163200210584085447">รูปแบบในรายการนี้จะได้รับการจับคู่กับต้นทาง |
| การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบว่าตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้ |
| เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML หากไม่พบว่าตรงกัน |
| ระบบจะปฏิเสธการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ และไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบสัญลักษณ์แทน</translation> |
| <translation id="1634989431648355062">อนุญาตปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1655229863189977773">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์เป็นไบต์</translation> |
| <translation id="166427968280387991">พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation> |
| <translation id="1668836044817793277">การเลือกว่าจะอนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หรือไม่ |
| |
| นโยบายนี้ควบคุมการอนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ด้วยการประกาศ required_platform_version ในไฟล์ Manifest และใช้เป็นคำนำหน้าเวอร์ชันเป้าหมายการอัปเดตอัตโนมัติ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ระบบจะใช้ค่าของคีย์ไฟล์ Manifest required_platform_version ของแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เป็นคำนำหน้าเวอร์ชันเป้าหมายการอัปเดตอัตโนมัติ |
| |
| หากกำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ระบบจะไม่สนใจคีย์ไฟล์ Manifest required_platform_version และการอัปเดตอัตโนมัติจะดำเนินการไปตามปกติ |
| |
| คำเตือน: เราไม่แนะนำให้มอบสิทธิ์การควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ให้แก่แอปคีออสก์เพราะอาจทำให้อุปกรณ์ไม่สามารถรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญได้ การมอบสิทธิ์การควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation> |
| <translation id="1675002386741412210">ได้รับการสนับสนุนบน:</translation> |
| <translation id="1689963000958717134">อนุญาตให้ใช้การกำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิดซึ่งอธิบายไว้ที่ <ph name="ONC_SPEC_URL" /></translation> |
| <translation id="1708496595873025510">ตั้งค่าข้อจำกัดการเรียกเมล็ดรูปแบบ</translation> |
| <translation id="1717817358640580294">หากไม่ได้ตั้งค่า เมื่อการทำความสะอาด Chrome ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ระบบอาจรายงานข้อมูลเมตาเกี่ยวกับการสแกนไปยัง Google เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายซึ่งกำหนดโดย SafeBrowsingExtendedReportingEnabled จากนั้นการทำความสะอาด Chrome จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ออกไหม ผู้ใช้มีสิทธิ์เลือกแชร์ผลการทำความสะอาดกับ Google เพื่อช่วยในการตรวจจับซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในอนาคต ผลลัพธ์จะมีข้อมูลเมตาของไฟล์ ส่วนขยายที่ติดตัั้งอัตโนมัติ และคีย์รีจิสทรีตามที่อธิบายไว้ในสมุดปกขาวเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Chrome |
| |
| หากปิดใช้ เมื่อการทำความสะอาด Chrome ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ระบบจะไม่รายงานข้อมูลเมตาเกี่ยวกับการสแกนไปยัง Google โดยจะลบล้างนโยบายใดๆ ที่ตั้งค่าไว้โดย SafeBrowsingExtendedReportingEnabled การทำความสะอาด Chrome จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ออกไหม ระบบจะไม่รายงานผลลัพธ์ของการทำความสะอาดไปยัง Google และผู้ใช้ก็จะไม่มีตัวเลือกในการรายงานด้วย |
| |
| หากเปิดใช้ เมื่อการทำความสะอาด Chrome ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ระบบอาจรายงานข้อมูลเมตาเกี่ยวกับการสแกนไปยัง Google เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายซึ่งกำหนดโดย SafeBrowsingExtendedReportingEnabled การทำความสะอาด Chrome จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ออกไหม ระบบจะรายงานผลการทำความสะอาดไปยัง Google และผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกในการระงับการรายงานนี้ |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="172374442286684480">อนุญาตให้ทุกไซต์ตั้งค่าข้อมูลภายในเครื่อง</translation> |
| <translation id="1734716591049455502">กำหนดค่าตัวเลือกการเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="1736269219679256369">อนุญาตให้ดำเนินการจากหน้าคำเตือน SSL</translation> |
| <translation id="1745780278307622857">กำหนดว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตการดาวน์โหลดโดยปราศจากการตรวจสอบโดย Google Safe Browsing ได้หรือไม่ เมื่อไฟล์มาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ |
| |
| เมื่อเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ เมื่อมาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่า (หรือตั้งค่าเป็น "จริง") ระบบจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ แม้ว่าจะมาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือก็ตาม |
| |
| โปรดทราบว่าข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่ทริกเกอร์จากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนูตามบริบท "ดาวน์โหลดลิงก์..." ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่มีผลกับการบันทึก/ดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์ |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1749815929501097806">ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการที่ผู้ใช้ต้องยอมรับก่อนเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ |
| |
| หากนโนบายนี้ถูกตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการและแสดงต่อผู้ใช้เมื่อใดก็ตามที่กำลังจะเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้เข้าเซสชันได้หลังจากที่ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการแล้วเท่านั้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการแสดงข้อกำหนดในการให้บริการ |
| |
| นโยบายควรที่จะถูกติดตั้งลงใน URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการได้ โดยข้อกำหนดในการให้บริการจะต้องเป็นข้อความล้วน ซึ่งทำงานเป็นข้อความ/ล้วนชนิด MIME ไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation> |
| <translation id="1750315445671978749">บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด</translation> |
| <translation id="1781356041596378058">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ หากตั้งเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการแตะหมายเลขบิวด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation> |
| <translation id="1797233582739332495">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation> |
| <translation id="1798559516913615713">อายุการใช้งานแคช GPO</translation> |
| <translation id="1803646570632580723">รายชื่อของแอปพลิเคชันที่ตรึงจะแสดงในตัวเรียกใช้งาน</translation> |
| <translation id="1808715480127969042">ปิดกั้นคุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1810261428246410396">อนุญาตให้ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือแบบด่วน</translation> |
| <translation id="1817685358399181673">นโยบายนี้ระบุรูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ ตั้งค่านโยบายนี้ได้โดยการระบุ URL ที่อุปกรณ์จะใช้ดาวน์โหลดรูปภาพได้และแฮช SHA-256 ที่ใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด |
| |
| ควรระบุนโยบายเป็นสตริงที่แสดง URL และแฮชในรูปแบบ JSON</translation> |
| <translation id="1827523283178827583">ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่</translation> |
| <translation id="1831495419375964631">นโยบายนี้คือ URL ที่ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกันกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ Internet Explorer |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น URL ที่ถูกต้อง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="SITELIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer โปรดไปที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation> |
| <translation id="1843117931376765605">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1844620919405873871">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับการปลดล็อกด่วน</translation> |
| <translation id="1847960418907100918">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาทันใจด้วย POST. ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าก็จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง |
| |
| นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาทันใจจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET |
| |
| นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="1852294065645015766">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="1859859319036806634">คำเตือน: TLS เวอร์ชันสำรองจะถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) และนโยบายนี้จะหยุดทำงานหลังจากนั้น |
| |
| เมื่อแฮนด์เชคของ TLS ล้มเหลว ก่อนหน้านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อใหม่กับ TLS เวอร์ชันต่ำลงมาเพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราวในเซิร์ฟเวอร์ HTTPS การตั้งค่านี้จะกำหนดค่าเวอร์ชันที่ขั้นตอนสำรองจะหยุดทำงาน หากเซิร์ฟเวอร์ต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้อง (กล่าวคือ โดยไม่ทำให้การเชื่อมต่อถูกตัด) ระบบจะไม่นำการตั้งค่านี้ไปใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อที่ได้มายังจะต้องสอดคล้องกับ SSLVersionMin |
| |
| หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้หรือหากกำหนดเป็น "tls1.2" ผลก็คือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้ขั้นตอนสำรองอีกต่อไป โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้ไม่ได้ปิดการสนับสนุน TLS เวอร์ชันเก่ากว่า เพียงแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่องชั่วคราวซึ่งต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้องไม่ได้หรือไม่เท่านั้น |
| |
| หรือคุณอาจตั้งค่านโยบายเป็น "tls1.1" หากต้องรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรมีการแก้ไขเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว</translation> |
| <translation id="1864269674877167562">หากตั้งค่านโนบายนี้เป็นสตริงเปล่าหรือไม่กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในระหว่างขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดงชื่อโดเมน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ ทำให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์เฉพาะชื่อผู้ใช้โดยไม่ต้องมีส่วนขยายชื่อโดเมน ผู้ใช้สามารถเขียนทับส่วนขยายชื่อโดเมนนี้ได้</translation> |
| <translation id="1864382791685519617">เปิดใช้การคาดการณ์เครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| วิธีนี้จะควบคุมการโหลด DNS ล่วงหน้า, การเชื่อมต่อ TCP และ SSL ล่วงหน้า และการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้า |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะปิดใช้การคาดการณ์เครือข่าย แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้</translation> |
| <translation id="1865417998205858223">สิทธิ์ของคีย์</translation> |
| <translation id="186719019195685253">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC</translation> |
| <translation id="187819629719252111">อนุญาตให้เข้าถึงไฟล์ในเครื่องโดยการอนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปิดช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ตามปกติ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ เมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ดำเนินการที่อาจกระตุ้นให้ช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ปรากฏขึ้น (เช่น การนำเข้าบุ๊กมาร์ก การอัปโหลดไฟล์ การบันทึกลิงก์ ฯลฯ) ข้อความจะปรากฏขึ้นแทนโดยถือว่าผู้ใช้ได้คลิก "ยกเลิก" ในช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านี้ ผู้ใช้สามารถเปิดช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ตามปกติ</translation> |
| <translation id="1879485426724769439">ระบุเขตเวลาที่จะใช้บนอุปกรณ์ ผู้ใช้สามารถลบล้างเขตเวลาที่ระบุสำหรับเซสชันปัจจุบัน แต่เขตเวลาจะเปลี่ยนกลับไปเป็นเขตเวลาที่กำหนดเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ หากระบุค่าที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะยังเปิดใช้งานนโยบายโดยใช้ "GMT" แทน หากระบุสตริงเป็นค่าว่าง ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้ |
| |
| หากไม่ใช้นโยบายนี้ ระบบจะยังคงใช้เขตเวลาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนเขตเวลาและการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นแบบถาวร ดังนั้นเมื่อผู้ใช้คนหนึ่งเปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบต่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบและผู้ใช้คนอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| อุปกรณ์ใหม่จะมีเขตเวลาเริ่มต้นเป็น "สหรัฐอเมริกา/แปซิฟิก" |
| |
| รูปแบบของค่าจะเป็นไปตามชื่อของเขตเวลาใน "ฐานข้อมูลเขตเวลาของ IANA" (ดู "https://en.wikipedia.org/wiki/Tz_database") โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขตเวลาส่วนใหญ่จะอ้างอิงตาม "continent/large_city" หรือ "ocean/large_city" |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะปิดใช้การค้นหาเขตเวลาอัตโนมัติตามตำแหน่งของอุปกรณ์โดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังเป็นการลบล้างนโยบาย SystemTimezoneAutomaticDetection</translation> |
| <translation id="1885782360784839335">เปิดใช้การแสดงเนื้อหาโปรโมตแบบเต็มแท็บ</translation> |
| <translation id="1888871729456797026">โทเค็นการลงทะเบียนของนโยบายระบบคลาวด์ในเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="1897365952389968758">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดเรียกใช้ JavaScript</translation> |
| <translation id="1906888171268104594">ควบคุมว่าจะรายงานเมตริกการใช้งานและข้อมูลการวินิจฉัย ซึ่งรวมถึงรายงานข้อขัดข้องกลับไปที่ Google หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะรายงานเมตริกการใช้งานและข้อมูลการวินิจฉัย |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะมีการปิดใช้การรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัย |
| |
| หากไม่กำหนดค่า จะมีการปิดใช้การรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัยในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ และเปิดใช้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="1907431809333268751">กำหนดค่ารายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กร (รูปแบบ HTTP และ HTTPS เท่านั้น) ระบบจะบันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านใน URL เหล่านี้และใช้เพื่อตรวจหาการใช้รหัสผ่านซ้ำ |
| โปรดตรวจสอบว่าหน้าสำหรับเข้าสู่ระบบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใน https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านได้อย่างถูกต้อง |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ บริการปกป้องรหัสผ่านก็จะบันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านใน URL เหล่านี้เพื่อตรวจหาการใช้รหัสผ่านซ้ำ |
| หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า บริการปกป้องรหัสผ่านก็จะบันทึกลายนิ้วมือของรหัสผ่านใน https://accounts.google.com เท่านั้น |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1920046221095339924">อนุญาตเซสชันที่จัดการในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1929709556673267855">ระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์ขององค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ต่างๆ |
| |
| นโยบายนี้ให้คุณระบุการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รูปแบบจะเหมือนกับพจนานุกรม NativePrinters ซึ่งมีช่องเพิ่มเติมที่จำเป็นอย่าง "ID" หรือ "GUID" ต่อเครื่องพิมพ์สำหรับการอนุญาตพิเศษหรือการทำบัญชีดำ |
| |
| ขนาดของไฟล์ต้องไม่เกิน 5 MB และต้องเข้ารหัสเป็น JSON ซึ่งคาดว่าเมื่อเข้ารหัสไฟล์ที่มีเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่อง จะได้ไฟล์ขนาด 5 MB ระบบจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด |
| |
| ระบบจะดาวน์โหลดและแคชไฟล์ และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| ถ้าตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งาน โดยสอดคล้องกับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_WHITELIST" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLACKLIST" /> |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์ใดๆ แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย |
| |
| นโยบายนี้เป็นส่วนเสริมของ <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" /> |
| |
| ถ้าไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ เครื่องพิมพ์และนโยบาย <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ จะไม่ปฏิเสธอุปกรณ์ใด |
| </translation> |
| <translation id="193259052151668190">รายการที่อนุญาตพิเศษของอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้</translation> |
| <translation id="1933378685401357864">รูปภาพวอลเปเปอร์</translation> |
| <translation id="1956493342242507974">กำหนดค่าการจัดการพลังงานบนหน้าจอเข้าสู่ระบบใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้ให้คุณกำหนดค่าวิธีการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งๆ ขณะที่กำลังแสดงหน้าจอเข้าสู่ระบบ นโยบายจะควบคุมการตั้งค่าหลายอย่าง สำหรับอรรถศาสตร์ส่วนบุคคลและช่วงค่า โปรดดูนโยบายที่เกี่ยวข้องซึ่งควบคุมการจัดการพลังงานภายในเซสชัน ความคลาดเคลื่อนเดียวจากนโยบายดังกล่าวได้แก่ |
| * การดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานหรือเมื่อปิดฝาเครื่องไม่สามารถเป็นการปิดเซสชัน |
| * การดำเนินการเริ่มต้นเมื่อไม่มีการใช้งานขณะใช้ไฟ AC คือการปิดระบบ |
| |
| หากไม่ได้ระบุการตั้งค่า ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับการตั้งค่าทั้งหมด</translation> |
| <translation id="1958138414749279167">เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลที่อยู่ในเว็บฟอร์มโดยอัตโนมัติด้วยข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลที่อยู่ให้โดยอัตโนมัติ และจะไม่บันทึกข้อมูลที่อยู่เพิ่มเติมที่ผู้ใช้อาจส่งมาขณะเรียกดูเว็บ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะควบคุมฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่ได้ใน UI</translation> |
| <translation id="1960840544413786116">จะอนุญาตใบรับรองที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName หรือไม่</translation> |
| <translation id="1962273523772270623">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google</translation> |
| <translation id="1964634611280150550">ปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="1964802606569741174">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป YouTube ของ Android หากมีการใช้โหมดปลอดภัยใน YouTube ควรยกเลิกการอนุญาตการติดตั้งแอป YouTube ใน Android</translation> |
| <translation id="1969212217917526199">ลบล้างนโยบายในเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล |
| |
| ค่านี้จะได้รับการแยกวิเคราะห์เป็นพจนานุกรม JSON ของชื่อนโยบายไปยังการจับคู่ค่านโยบาย</translation> |
| <translation id="1969808853498848952">เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์เสมอ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="1988371335297483117">การอัปเดตรายได้อัตโนมัติบน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถดาวน์โหลดผ่าน HTTP แทน HTTPS ได้ ซึ่งจะทำให้การแคชการดาวน์โหลดของ HTTP เป็นแบบโปร่งใส |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> พยายามดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติผ่าน HTTP หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งเลย จะมีการใช้ HTTPS สำหรับการดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="199764499252435679">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2006530844219044261">การจัดการพลังงาน</translation> |
| <translation id="201557587962247231">ความถี่ในการอัปโหลดรายงานสถานะของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="2017301949684549118">URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้งแบบเงียบ</translation> |
| <translation id="2018836497795982119">ระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการสอบถามข้อมูลนโยบายผู้ใช้จากบริการจัดการอุปกรณ์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างค่าเริ่มต้นซึ่งอยู่ที่ 3 ชั่วโมง ค่าที่ใช้ได้สำหรับนโยบายนี้ต้องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1800000 (30 นาที) ถึง 86400000 (1 วัน) ค่าใดๆ ที่ไม่อยู่ในช่วงนี้จะถูกจำกัดตามขอบเขตที่เกี่ยวข้อง หากแพลตฟอร์มสนับสนุนการแจ้งเตือนตามนโยบาย การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะตั้งค่าเป็น 24 ชั่วโมงเพราะคาดการณ์ว่าการแจ้งเตือนตามนโยบายจะบังคับให้รีเฟรชโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนโยบาย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ค่าเริ่มต้นที่ 3 ชั่วโมง |
| |
| โปรดทราบว่าหากแพลตฟอร์มสนับสนุนการแจ้งเตือนนโยบาย ระบบจะตั้งค่าการหน่วงเวลาการรีเฟรชเป็น 24 ชั่วโมง (โดยไม่คำนึงถึงค่าเริ่มต้นทั้งหมดและค่าของนโยบายนี้) เพราะคาดการณ์ว่าการแจ้งเตือนนโยบายจะบังคับให้รีเฟรชโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งทำให้ระบบรีเฟรชบ่อยเกินไปโดยไม่จำเป็น</translation> |
| <translation id="2024476116966025075">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="2030905906517501646">คีย์เวิร์ดของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="203096360153626918">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป Android โดยแอปยังสามารถเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอได้แม้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="FALSE" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="2043770014371753404">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation> |
| <translation id="2057317273526988987">อนุญาตให้เข้าถึงรายการ URL</translation> |
| <translation id="206623763829450685">ระบุว่าการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP รูปแบบใดที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> สนับสนุน |
| |
| ค่าที่เป็นไปได้คือ "basic", "digest", "ntlm" และ "negotiate" แยกค่าหลายค่าด้วยเครื่องหมายจุลภาค |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะมีการใช้ทั้ง 4 รูปแบบ</translation> |
| <translation id="2067011586099792101">บล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อยู่นอกชุดเนื้อหา</translation> |
| <translation id="2073552873076775140">อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2077129598763517140">ใช้การเร่งฮาร์ดแวร์เมื่อสามารถใช้ได้</translation> |
| <translation id="2077273864382355561">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="2082205219176343977">กำหนดค่าเวอร์ชัน Chrome ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation> |
| <translation id="209586405398070749">เวอร์ชันเสถียร</translation> |
| <translation id="2098658257603918882">เปิดใช้งานการรายงานการใช้และข้อมูลเกี่ยวกับการขัดข้อง</translation> |
| <translation id="2104418465060359056">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน</translation> |
| <translation id="2107601598727098402"> |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M72 โปรดใช้ CloudManagementEnrollmentToken แทน |
| </translation> |
| <translation id="2111016292707172233">เปิดใช้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหาในมุมมองเนื้อหาของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ แตะเพื่อค้นหาจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ โดยผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะปิดใช้แตะเพื่อค้นหาโดยสมบูรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะเทียบเท่ากับการเปิดใช้การตั้งค่า โปรดดูรายละเอียดข้างต้น</translation> |
| <translation id="2113068765175018713">จำกัดเวลาใช้งานของอุปกรณ์โดยการรีบูตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="2116790137063002724">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุผู้ใช้หรือไม่ เช่น ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ชื่อโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เส้นทางโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเส้นทางที่สั่งการได้ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation> |
| <translation id="2127599828444728326">อนุญาตการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="2131902621292742709">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="2132732175597591362">ควบคุมรายการรูปแบบ URL ที่อนุญาตพิเศษ ซึ่งจะเปิดใช้การเล่นอัตโนมัติเสมอ |
| |
| หากเปิดใช้การเล่นอัตโนมัติ วิดีโอจะเล่นโดยอัตโนมัติ (ผู้ใช้ไม่ต้องให้คำยินยอม) พร้อมด้วยเนื้อหาเสียงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| รูปแบบ URL ต้องมีรูปแบบตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format |
| |
| หากนโยบาย AutoplayAllowed ตั้งค่าเป็น True นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ |
| |
| หากนโยบาย AutoplayAllowed ตั้งค่าเป็น False รูปแบบ URL ใดก็ตามที่ตั้งค่าไว้ในนโยบายนี้จะยังคงเล่นได้ต่อไป |
| |
| โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ แล้วนโยบายนี้มีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น ดังนั้นบางแท็บอาจยังทำงานในลักษณะเดิมอยู่</translation> |
| <translation id="2134437727173969994">อนุญาตให้ล็อกหน้าจอ</translation> |
| <translation id="2137064848866899664">หากตั้งค่านโยบายนี้ จอแสดงผลแต่ละเครื่องจะ |
| หมุนไปตามแนวที่กำหนดทุกครั้งที่เริ่มต้นระบบใหม่ และเมื่อเชื่อมต่อเป็นครั้งแรก |
| หลังจากเปลี่ยนค่าของนโยบาย ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการหมุนหน้าจอ |
| ผ่านหน้าการตั้งค่าหลังจากลงชื่อเข้าสู่ระบบ แต่ |
| การตั้งค่าจะถูกเขียนทับด้วยค่านโยบายเมื่อเริ่มต้นระบบครั้งถัดไป |
| |
| นโยบายนี้จะใช้กับจอแสดงผลหลักและจอแสดงผลรองทั้งหมด |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นคือ 0 องศา และผู้ใช้ |
| สามารถเปลี่ยนค่าได้ตามต้องการ และในกรณีนี้ ระบบจะไม่นำค่าเริ่มต้นมาใช้ซ้ำ |
| เมื่อรีสตาร์ท</translation> |
| <translation id="214901426630414675">จำกัดโหมดพิมพ์ 2 ด้าน</translation> |
| <translation id="2149330464730004005">เปิดใช้การพิมพ์สี</translation> |
| <translation id="2156132677421487971">กำหนดค่านโยบายต่างๆ สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ส่งเนื้อหาในแท็บ ไซต์ หรือเดสก์ท็อปจากเบราว์เซอร์ไปยังจอแสดงผลและระบบเสียงระยะไกลได้</translation> |
| <translation id="2166472654199325139">ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation> |
| <translation id="2168397434410358693">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="2170233653554726857">เปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD</translation> |
| <translation id="2176565653304920879">เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ ขั้นตอนการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้โดยขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า |
| |
| หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionUsersDecide ผู้ใช้จะสามารถควบคุมการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติโดยใช้ส่วนควบคุมทั่วไปใน chrome://settings |
| |
| หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionDisabled ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาอัตโนมัติใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะปิดอยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionIPOnly ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะเปิดอยู่เสมอ การตรวจหาเขตเวลาจะใช้เมธอดแบบ IP เท่านั้นเพื่อค้นหาตำแหน่ง |
| |
| หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionSendWiFiAccessPoints ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะเปิดอยู่เสมอ ระบบจะส่งรายชื่อจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ที่มองเห็นไปยังเซิร์ฟเวอร์ Geolocation API ทุกครั้งเพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด |
| |
| หากตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionSendAllLocationInfo ระบบจะปิดใช้ส่วนควบคุมเขตเวลาใน chrome://settings การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติจะเปิดอยู่เสมอ ระบบจะส่งข้อมูลตำแหน่ง (เช่น จุดเข้าใช้งาน Wi-Fi, เสาสัญญาณมือถือที่เข้าถึงได้, GPS) ไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะทำงานเหมือนมีการตั้งค่าเป็น TimezoneAutomaticDetectionUsersDecide |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบาย SystemTimezone จะเป็นการลบล้างนโยบายนี้ ในกรณีนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติโดยสมบูรณ์</translation> |
| <translation id="2178899310296064282">บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เป็นอย่างน้อย</translation> |
| <translation id="2182291258410176649">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้การสำรองข้อมูลและการกู้คืนหรือไม่</translation> |
| <translation id="2183294522275408937">การตั้งค่าเป็นการกำหนดว่าหน้าจอล็อกจะขอให้ป้อนรหัสผ่านบ่อยเพียงใดเพื่อให้สามารถใช้การปลดล็อกด่วนต่อไปได้ ทุกครั้งที่มีการเข้าสู่หน้าจอล็อก หากการป้อนรหัสผ่านครั้งสุดท้ายเกินระยะเวลาที่ระบุไว้ในการตั้งค่านี้ คุณจะใช้การปลดล็อกด่วนเพื่อเข้าถึงหน้าจอล็อกไม่ได้ หากผู้ใช้อยู่ในหน้าจอล็อกเลยช่วงเวลานี้ ระบบจะขอให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่านในครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่านผิด หรือเข้าสู่หน้าจอล็อกใหม่อีกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน |
| |
| หากกำหนดค่านี้แล้ว ระบบจะขอให้ผู้ใช้ที่ใช้การปลดล็อกด่วนป้อนรหัสผ่านในหน้าจอล็อก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าดังกล่าว |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านี้ไว้ ระบบจะขอให้ผู้ใช้ที่ใช้การปลดล็อกด่วนป้อนรหัสผ่านบนหน้าจอล็อกทุกวัน</translation> |
| <translation id="2194470398825717446">นโยบายนี้เลิกใช้งานใน M61 แล้ว โปรดใช้ EcryptfsMigrationStrategy แทน |
| |
| ระบุลักษณะการทำงานของอุปกรณ์ที่มาพร้อม eCryptfs และต้องเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส Ext4 |
| |
| หากคุณตั้งนโยบายนี้เป็น "ไม่อนุญาต ARC" ระบบจะปิดใช้แอป Android ให้กับผู้ใช้ทั้งหมดในอุปกรณ์ (รวมทั้งผู้ใช้ที่มีการเข้ารหัส Ext4 อยู่แล้ว) และจะไม่เสนอการย้ายข้อมูลจาก eCryptfs ไปใช้การเข้ารหัส Ext4 แก่ผู้ใช้คนใดทั้งสิ้น |
| |
| หากคุณตั้งนโยบายนี้เป็น "อนุญาตให้ย้ายข้อมูล" ระบบจะเสนอผู้ใช้ที่มีไดเรกทอรีหน้าแรกแบบ eCryptfs ให้ย้ายข้อมูลเหล่านี้ไปใช้การเข้ารหัส Ext4 ตามความจำเป็น (ปัจจุบันคือเมื่อสามารถใช้ Android N ในอุปกรณ์ได้) |
| |
| นโยบายนี้ไม่ใช้กับแอปคีออสก์เพราะมีการย้ายข้อมูลแอปเหล่านี้โดยอัตโนมัติ หากไม่ตั้งนโยบายนี้ อุปกรณ์จะทำงานเหมือนว่าเลือก "ไม่อนุญาต ARC" ไว้</translation> |
| <translation id="2195032660890227692">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_BR_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="2201555246697292490">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตพิเศษสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="2204753382813641270">ควบคุมการซ่อนชั้นวางอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="2208976000652006649">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="2214880135980649323">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายขององค์กรจะใช้ Enterprise Hardware Platform API ได้ |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีส่วนขยายใดใช้ Enterprise Hardware Platform API ได้ |
| นโยบายนี้มีผลกับส่วนขยายคอมโพเนนต์ด้วย เช่น ส่วนขยายบริการ Hangouts</translation> |
| <translation id="2223598546285729819">การตั้งค่าการแจ้งเตือนเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2231817271680715693">นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="2236488539271255289">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่อง</translation> |
| <translation id="2240879329269430151">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงป๊อปอัปหรือไม่ การแสดงป๊อปอัปสามารถจะได้รับอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "BlockPopups" และผู้ใช้สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="2269319728625047531">เปิดใช้การแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์ในระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="2274864612594831715">นโยบายนี้กำหนดค่าการเปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนเป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลใน ChromeOS ผู้ใช้ไม่สามารถแทนที่นโยบายนี้ได้ |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น True แป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอจะเปิดใช้อยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่าเป็น False แป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอจะปิดใช้อยู่เสมอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่นโยบายได้ แต่ผู้ใช้จะยังสามารถเปิด/ปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอสำหรับการเข้าถึง ซึ่งสำคัญกว่าแป้นพิมพ์เสมือนที่นโยบายนี้ควบคุมอยู่ โปรดดูนโยบาย |VirtualKeyboardEnabled| สำหรับการควบคุมแป้นพิมพ์บนหน้าจอสำหรับการเข้าถึง |
| |
| หากปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะถูกปิดใช้ในเบื้องต้น แต่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังอาจใช้กฎที่ช่วยแก้ปัญหาเพื่อตัดสินว่าจะแสดงแป้นพิมพ์เมื่อใดได้ด้วย</translation> |
| <translation id="228659285074633994">ระบุระยะเวลาที่ไม่มีอินพุตของผู้ใช้หลังจากที่ช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้นเมื่อทำงานด้วยไฟ AC |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงช่องโต้ตอบคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่าการดำเนินการแบบไม่ใช้งานกำลังจะเกิดขึ้น |
| |
| เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้น |
| |
| ค่าของนโยบายควรระบุในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับความล่าช้าของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="2292084646366244343"><ph name="PRODUCT_NAME" /> สามารถใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในการสะกดผิด หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ไว้ บริการนี้จะถูกใช้อยู่เสมอ หากปิดใช้งานการตั้งค่า บริการนี้จะไม่ถูกใช้เลย |
| |
| การตรวจสอบการสะกดยังสามารถทำงานได้โดยใช้พจนานุกรมที่ดาวน์โหลดมา แต่นโยบายนี้จะควบคุมเฉพาะการใช้งานบริการออนไลน์เท่านั้น |
| |
| หากการตั้งค่านี้ไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกว่าจะใช้บริการตรวจสอบการสะกดหรือไม่</translation> |
| <translation id="2294382669900758280">ไม่มีการพิจารณาการเล่นวิดีโอในแอป Android แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="2298647742290373702">กำหนดค่าหน้าแท็บใหม่เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2299220924812062390">ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="2303795211377219696">เปิดใช้ "ป้อนข้อความอัตโนมัติ" สำหรับบัตรเครดิต</translation> |
| <translation id="2309390639296060546">การตั้งค่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2312134445771258233">ช่วยให้คุณกำหนดค่าหน้าเว็บที่จะโหลดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน เนื้อหาของรายการ "URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน" จะถูกข้ามไปจนกว่าคุณจะเลือก "เปิดรายการ URL" ใน "การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน"</translation> |
| <translation id="2327252517317514801">กำหนดโดเมนที่อนุญาตให้เข้าถึง G Suite</translation> |
| <translation id="237494535617297575">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือน หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultNotificationsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation> |
| <translation id="2386362615870139244">อนุญาตล็อกปลุกหน้าจอ</translation> |
| <translation id="2411817661175306360">การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านปิดอยู่</translation> |
| <translation id="2411919772666155530">บล็อกการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="2418507228189425036">ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน ประวัติการเรียกดูจะไม่ได้รับการบันทึก การตั้งค่านี้ยังปิดการซิงค์แท็บอีกด้วย |
| |
| หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่า จะมีการบันทึกประวัติการเรียก</translation> |
| <translation id="2426782419955104525">เปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาทันใจของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการเปิดใช้ "ค้นหาทันใจ" |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการปิดใช้ "ค้นหาทันใจ" |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันนี้ |
| |
| การตั้งค่านี้ได้ถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 29 และเวอร์ชันที่สูงกว่าแล้ว</translation> |
| <translation id="2433412232489478893">นโยบายนี้ใช้กำหนดว่าผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ |
| |
| ถ้าไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายได้ |
| |
| ถ้าตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายไม่ได้</translation> |
| <translation id="2438609638493026652">เปิดใช้การรายงานเหตุการณ์สำคัญระหว่างการติดตั้งแอป Android ไปยัง Google รายงานจะบันทึกเหตุการณ์ของแอปที่มีการเรียกใช้การติดตั้งผ่านนโยบายเท่านั้น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ระบบจะบันทึกเหตุการณ์ |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่บันทึกเหตุการณ์</translation> |
| <translation id="244317009688098048">เปิดใช้งานทางลัดแป้นพิมพ์ bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น True และบัญชีภายในอุปกรณ์ได้รับการกำหนดค่าสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบมีความล่าช้าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ทางลัดแป้นพิมพ์ Ctrl+Alt+S สำหรับข้ามการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติและแสดงหน้าจอเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็น False จะไม่สามารถข้ามการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบมีความล่าช้าเป็นศูนย์ได้ (หากมีการกำหนดค่า)</translation> |
| <translation id="2463365186486772703">ภาษาของแอปพลิเคชัน</translation> |
| <translation id="2466131534462628618">การตรวจสอบสิทธิ์ของแคพทีฟพอร์ทัลจะข้ามพร็อกซีไป</translation> |
| <translation id="2482676533225429905">การรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="2483146640187052324">คาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ</translation> |
| <translation id="2484208301968418871">นโยบายนี้ควบคุมการใช้ตัวกรอง URL ของ SafeSites |
| ตัวกรองนี้ใช้ Google Safe Search API เพื่อจำแนก URL ว่าเป็นประเภทลามกอนาจารหรือไม่ |
| |
| เมื่อไม่ได้กำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" ระบบจะไม่กรองเว็บไซต์ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "กรองเว็บไซต์ระดับบนสุดที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" ระบบจะกรองเว็บไซต์ที่อยู่ในประเภทลามกอนาจารออก</translation> |
| <translation id="2486371469462493753">ปิดการบังคับใช้ข้อกำหนดความโปร่งใสของใบรับรองใน URL ที่แสดงรายการ |
| |
| นโยบายนี้อนุญาตให้ใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์ใน URL ที่ระบุไม่ต้องเปิดเผยผ่านความโปร่งใสของใบรับรอง ซึ่งช่วยให้ใบอนุญาตที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะให้สามารถใช้งานได้ แต่จะทำให้โฮสต์ตรวจหาใบรับรองที่ออกอย่างไม่ถูกต้องได้ยากขึ้น |
| |
| การจัดรูปแบบ URL จะเป็นไปตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format แต่เนื่องจากใบรับรองที่ถูกต้องต้องมาจากชื่อโฮสต์ที่ขึ้นอยู่กับรูปแบบ พอร์ต หรือเส้นทาง จึงพิจารณาเพียงแค่ส่วนชื่อโฮสต์ของ URL เท่านั้น ทั้งนี้ไม่สนับสนุนโฮสต์ที่ใช้สัญลักษณ์แทน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้ไว้ ใบรับรองที่ถูกกำหนดให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านความโปร่งใสของใบรับรองที่ไม่ได้เปิดเผยตามข้อกำหนดจะถือว่าเป็นใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือตามนโยบายความโปร่งใสของใบรับรอง</translation> |
| <translation id="2488010520405124654">เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือมีการตั้งค่าเป็น "จริง" และบัญชีในตัวอุปกรณ์ได้รับการกำหนดค่าสำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติแบบไม่ล่าช้า และอุปกรณ์ไม่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงพรอมต์การกำหนดค่าเครือข่าย |
| |
| หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" ข้อความแสดงข้อผิดพลาดจะปรากฏขึ้นแทนพรอมต์การกำหนดค่าเครือข่าย</translation> |
| <translation id="2498238926436517902">ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเสมอ</translation> |
| <translation id="2514328368635166290">ระบุ URL ไอคอนที่ชื่นชอบของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการแสดงไอคอนสำหรับผู้ให้บริการการค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation> |
| <translation id="2516600974234263142">ช่วยให้สามารถพิมพ์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากมีการเปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ได้ |
| |
| หากปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถพิมพ์จาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> การพิมพ์จะถูกปิดใช้งานไว้ในเมนูเครื่องมือ ส่วนขยาย แอปพลิเคชัน JavaScript เป็นต้น แต่คุณสามารถพิมพ์จากปลั๊กอินที่ข้าม <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขณะพิมพ์ได้ ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชัน Flash บางรายการมีตัวเลือกการพิมพ์ในเมนูตามบริบท ซึ่งนโยบายนี้ไม่ได้ครอบคลุม</translation> |
| <translation id="2518231489509538392">อนุญาตให้เล่นเสียง</translation> |
| <translation id="2521581787935130926">แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="2529659024053332711">ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมได้ในขณะที่เริ่มต้น |
| |
| หากคุณเลือก "เปิดหน้าแท็บใหม่" หน้าแท็บใหม่จะเปิดขึ้นเสมอเมื่อคุณเริ่มใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากคุณเลือก "คืนค่าเซสชันล่าสุด" URL ที่เปิดในครั้งล่าสุดที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ถูกปิดจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง และระบบจะคืนค่าเซสชันการเรียกดูให้เหมือนกับตอนที่ปิดไป |
| การเลือกตัวเลือกนี้จะปิดใช้การตั้งค่าบางอย่างที่ต้องอาศัยเซสชัน หรือที่ปฏิบัติตามคำสั่งในขณะออกจากระบบ (เช่น ล้างข้อมูลการท่องเว็บในขณะออกจากระบบหรือคุกกี้เฉพาะเซสชัน) |
| |
| หากคุณเลือก "เปิดรายการ URL" รายการของ "URL ที่จะเปิดในขณะที่เริ่มต้น" จะเปิดขึ้นมาเมื่อผู้ใช้เริ่มใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| การปิดใช้การตั้งค่านี้เปรียบเสมือนการไม่ได้กำหนดค่าการตั้งค่า ผู้ใช้จะยังคงเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="2529880111512635313">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่บังคับให้ติดตั้ง</translation> |
| <translation id="253135976343875019">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="2536525645274582300">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่</translation> |
| <translation id="254653220329944566">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2548572254685798999">รายงานข้อมูล Google Safe Browsing</translation> |
| <translation id="2550593661567988768">การพิมพ์ด้านเดียวเท่านั้น</translation> |
| <translation id="2552966063069741410">เขตเวลา</translation> |
| <translation id="2562339630163277285">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ URL ควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา |
| |
| นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ |
| |
| URL ผลการค้นหาแบบทันใจของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_INSTANT_SEARCH_URL" /> |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation> |
| <translation id="2569647487017692047">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดใช้บลูทูธและผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดใช้ได้อีกครั้ง |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถเปิดหรือปิดใช้บลูทูธได้ตามต้องการ |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ |
| |
| หลังจากเปิดใช้บลูทูธแล้ว ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบและลงชื่อเข้าใช้ใหม่เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงมีผล (ไม่จำเป็นหากมีการปิดใช้บลูทูธ)</translation> |
| <translation id="2571066091915960923">เปิดใช้หรือปิดใช้พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| หากคุณเปิดใช้หรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือโอเวอร์ไรด์การตั้งค่านี้ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่า ฟีเจอร์พร็อกซีการบีบอัดข้อมูลจะพร้อมใช้งานสำหรับให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้</translation> |
| <translation id="2587719089023392205">ตั้ง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2592091433672667839">ระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation> |
| <translation id="2596260130957832043">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ NTLMv2 ไหม |
| |
| เซิร์ฟเวอร์ Samba และ Windows เวอร์ชันล่าสุดทั้งหมดจะรองรับ NTLMv2 ควรปิดใช้การตั้งค่านี้เฉพาะเมื่อต้องการให้ใช้งานได้กับเวอร์ชันก่อนหน้าเท่านั้น เพราะการปิดใช้จะลดความปลอดภัยในการตรวจสอบสิทธิ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าใช้นโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นจะเป็น True และมีการเปิดใช้ NTLMv2</translation> |
| <translation id="2604182581880595781">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation> |
| <translation id="2623014935069176671">รอกิจกรรมเริ่มต้นของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="262740370354162807">เปิดใช้งานการส่งเอกสารไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2627554163382448569">ระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์ขององค์กร |
| |
| นโยบายนี้ให้คุณระบุการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รูปแบบจะเหมือนกับพจนานุกรม NativePrinters ซึ่งมีช่องเพิ่มเติมที่จำเป็นอย่าง "ID" หรือ "GUID" ต่อเครื่องพิมพ์สำหรับการอนุญาตพิเศษหรือการทำบัญชีดำ |
| |
| ขนาดของไฟล์ต้องไม่เกิน 5 MB และต้องเข้ารหัสเป็น JSON ซึ่งคาดว่าเมื่อเข้ารหัสไฟล์ที่มีเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่อง จะได้ไฟล์ขนาด 5 MB ระบบจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด |
| |
| ระบบจะดาวน์โหลดและแคชไฟล์ และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| ถ้าตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งาน โดยสอดคล้องกับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE" />, <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> และ <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" /> |
| |
| ถ้าตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์ใดๆ แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย |
| </translation> |
| <translation id="2633084400146331575">เปิดใช้งานการตอบสนองด้วยเสียง</translation> |
| <translation id="2646290749315461919">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้หรือไม่ การติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้สามารถได้รับอนุญาตตามค่าเริ่มต้น ปฏิเสธโดยค่าเริ่มต้น หรือระบบสามารถถามผู้ใช้ทุกครั้งที่เว็บไซต์ขอตำแหน่งทางกายภาพ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AskGeolocation" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="2647069081229792812">เปิดหรือปิดใช้การแก้ไขบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="2650049181907741121">การทำงานของอุปกรณ์เมื่อผู้ใช้ปิดฝา</translation> |
| <translation id="2655233147335439767">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้เมื่อดำเนินการค้นหาตามค่าเริ่มต้น URL ควรมีสตริง "<ph name="SEARCH_TERM_MARKER" />" ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยค่าที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา |
| |
| URL การค้นหาของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_SEARCH_URL" />. |
| |
| นโยบายนี้จะต้องมีการตั้งค่าเมื่อมีการเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" และจะมีการใช้งานเฉพาะในกรณีนี้เท่านั้น</translation> |
| <translation id="2659019163577049044">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะตั้งค่าอุปกรณ์เพื่อซิงค์ข้อความ SMS ระหว่างโทรศัพท์กับ Chromebook ได้ โปรดทราบว่าหากอนุญาตให้มีนโยบายนี้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดเจนด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าจนสมบูรณ์ เมื่อเสร็จแล้ว ผู้ใช้จะส่งและรับข้อความ SMS ใน Chromebook ได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะตั้งค่าการซิงค์ SMS ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการ แต่จะอนุญาตสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="2660846099862559570">ไม่ใช้พร็อกซี</translation> |
| <translation id="2663739737868438950"> |
| นโยบายนี้ใช้กับหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ด้วย ขอแนะนำให้ตั้งทั้ง 2 นโยบายเป็นค่าเดียวกัน ค่าที่ไม่ตรงกันอาจทำให้เกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ |
| ขอแนะนำให้ดูการตั้งค่านโยบาย IsolateOrigins เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการแยกและการจำกัดผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้ด้วยการใช้ IsolateOrigins กับรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก การตั้งค่า SitePerProcess นี้จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด |
| หากเปิดใช้นโยบาย แต่ละเว็บไซต์จะทำงานในโปรเซสของตัวเอง |
| หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ SitePerProcess ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| </translation> |
| <translation id="2672012807430078509">ควบคุมการเปิดใช้ NTLM เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการต่อเชื่อม SMB</translation> |
| <translation id="267596348720209223">กำหนดการเข้ารหัสตัวอักษรที่สนับสนุนโดยผู้ให้บริการการค้นหา การเข้ารหัสหมายถึงชื่อหน้ารหัสอย่างเช่น UTF-8, GB2312 และ ISO-8859-1 โดยมีการนำมาใช้ตามลำดับที่ให้มา นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ UTF-8 นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation> |
| <translation id="268577405881275241">เปิดใช้ฟีเจอร์พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล</translation> |
| <translation id="2693108589792503178">กำหนดค่า URL การเปลี่ยนรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="2696531058295423290">อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="2731627323327011390">ปิดการใช้งานใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation> |
| <translation id="2742843273354638707">ซ่อนแอป Chrome เว็บสโตร์ และลิงก์ส่วนท้ายจากหน้าแท็บใหม่ และเครื่องเรียกใช้งานแอป <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True จะมีการซ่อนไอคอนไป |
| เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น False หรือไม่มีการกำหนดค่า จะสามารถมองเห็นไอคอนได้</translation> |
| <translation id="2744751866269053547">ลงทะเบียนเครื่องจัดการโปรโตคอล</translation> |
| <translation id="2746016768603629042">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ DefaultJavaScriptSetting แทน |
| |
| สามารถใช้เพื่อปิดใช้งาน JavaScript ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ |
| |
| หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้ หน้าเว็บจะไม่สามารถใช้ JavaScript และผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้ |
| |
| หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าเว็บจะสามารถใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้</translation> |
| <translation id="2753637905605932878">จำกัดช่วงของพอร์ต UDP ในเครื่องที่ WebRTC ใช้งาน</translation> |
| <translation id="2755385841634849932">นโยบายนี้ควบคุมความพร้อมใช้งานของการสำรองและกู้คืนข้อมูลของ Android |
| |
| เมื่อไม่ได้กำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BR_DISABLED" /> ระบบจะปิดใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูลของ Android และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BR_UNDER_USER_CONTROL" /> ระบบจะขอให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูลของ Android หรือไม่ หากผู้ใช้เปิดใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูล ระบบจะอัปโหลดข้อมูลแอป Android ไปยังเซิร์ฟเวอร์สำรองของ Android และกู้คืนข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์สำรองเมื่อมีการติดตั้งแอปที่รองรับอีกครั้ง</translation> |
| <translation id="2757054304033424106">ประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้ง</translation> |
| <translation id="2759224876420453487">ควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์</translation> |
| <translation id="2761483219396643566">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้กำลังแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="2762164719979766599">ระบุรายการบัญชีภายในอุปกรณ์ที่จะแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| แต่ละข้อมูลในรายการจะระบุตัวชี้ ซึ่งใช้ภายในสำหรับการแยกบัญชีภายในอุปกรณ์จากกัน</translation> |
| <translation id="2769952903507981510">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="2787173078141616821">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของ Android</translation> |
| <translation id="2799297758492717491">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติในรายการรูปแบบ URL ที่อนุญาตพิเศษ</translation> |
| <translation id="2801230735743888564">อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ขณะที่อุปกรณ์ออฟไลน์ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถเล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ขณะที่อุปกรณ์ออฟไลน์ แต่หากตั้งค่าเป็น True ผู้ใช้จะสามารถเล่นเกมไดโนเสาร์ได้ หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไม่สามารถเล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้บน Chrome OS ที่ลงทะเบียนไว้ แต่จะสามารถเล่นเกมนี้ในกรณีอื่นๆ ได้</translation> |
| <translation id="2802085784857530815">ให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้ไหม |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าใดเลย ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมของตนเองได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ดั้งเดิมของตนไม่ได้ รวมถึงจะไม่สามารถพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมที่เคยกำหนดค่าไว้แล้วด้วย |
| </translation> |
| <translation id="2805707493867224476">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงป๊อปอัป</translation> |
| <translation id="2808013382476173118">เปิดใช้เซิร์ฟเวอร์ STUN เมื่อไคลเอ็นต์ระยะไกลพยายามสร้างการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้ |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ไคลเอ็นต์ระยะไกลจะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องนี้แม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้และไฟร์วอลล์กรองการเชื่อมต่อ UDP ขาออก เครื่องนี้จะอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครื่องไคลเอ็นต์ภายใน LAN เท่านั้น |
| |
| หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้การตั้งค่า</translation> |
| <translation id="2823870601012066791">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> คือ</translation> |
| <translation id="2824715612115726353">เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="2838830882081735096">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation> |
| <translation id="2839294585867804686">การตั้งค่าพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation> |
| <translation id="2840269525054388612">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานได้ |
| |
| ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> สำหรับโหมด <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น |
| |
| ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้งานได้เฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบาย รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY" /> |
| </translation> |
| <translation id="285480231336205327">เปิดใช้งานโหมดความคมชัดสูง</translation> |
| <translation id="2854919890879212089">เป็นสาเหตุให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นทางเลือกเริ่มต้นในหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์ แทนเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานล่าสุด |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่กำหนดค่า หน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์จะใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้งานล่าสุดเป็นทางเลือกปลายทางเริ่มต้น |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์จะใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการเป็นทางเลือกปลายทางเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2856674246949497058">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ทำ Powerwash ในขั้นตอนนี้</translation> |
| <translation id="2872961005593481000">ปิด</translation> |
| <translation id="2873651257716068683">ลบล้างขนาดหน้าการพิมพ์เริ่มต้น ระบบจะเพิกเฉยนโยบายนี้หากไม่มีขนาดหน้าให้เลือก</translation> |
| <translation id="2874209944580848064">หมายเหตุสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่รองรับแอป Android:</translation> |
| <translation id="2877225735001246144">ปิดใช้งานการค้นหา CNAME เมื่อมีการเจรจาตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation> |
| <translation id="2890645751406497668">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุ</translation> |
| <translation id="2892414556511568464">จำกัดโหมดการพิมพ์ 2 ด้าน ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือค่าว่างเปล่า</translation> |
| <translation id="2893546967669465276">ส่งบันทึกของระบบไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการ</translation> |
| <translation id="2899002520262095963">แอป Android สามารถใช้การกำหนดค่าเครือข่ายและใบรับรอง CA ที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ได้ แต่จะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงตัวเลือกการตั้งค่าบางอย่าง</translation> |
| <translation id="290002216614278247">ให้คุณล็อกเซสชันของผู้ใช้ตามเวลาของไคลเอ็นต์หรือโควตาการใช้งานประจำวัน |
| |
| |time_window_limit| ระบุกรอบเวลารายวันที่ควรล็อกเซสชันของผู้ใช้ เรารองรับ 1 กฎต่อแต่ละวันในสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นอาร์เรย์ |entries| จึงอาจมีขนาดต่างกันไปตั้งแต่ 0-7 |starts_at| และ |ends_at| คือจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของขีดจำกัดกรอบเวลา เมื่อ |ends_at| น้อยกว่า |starts_at| หมายความว่า |time_limit_window| สิ้นสุดในวันต่อมา |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม |
| |
| |time_usage_limit| ระบุโควตาการอยู่หน้าจอรายวัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ใช้งานถึงระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ระบบจะล็อกเซสชันของผู้ใช้ มีคุณสมบัติ 1 รายการสำหรับแต่ละวันในสัปดาห์ ซึ่งควรตั้งค่าเฉพาะเมื่อมีโควตาที่ใช้งานอยู่ของวันนั้นๆ |usage_quota_mins| คือระยะเวลาในแต่ละวันที่ผู้ใช้จะใช้อุปกรณ์ที่มีการจัดการได้ และ |reset_at| คือเวลาที่มีการต่ออายุโควตาการใช้งาน ค่าเริ่มต้นของ |reset_at| คือเที่ยงคืน ({'hour': 0, 'minute': 0}) |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม |
| |
| |overrides| มีไว้เพื่อทำให้กฎก่อนหน้าอย่างน้อย 1 ข้อใช้งานไม่ได้ชั่วคราว |
| * หากทั้ง time_window_limit และ time_usage_limit ไม่ได้ทำงานอยู่ ระบบอาจใช้ |LOCK| เพื่อล็อกอุปกรณ์ |
| * |LOCK| จะล็อกเซสชันของผู้ใช้ชั่วคราวจนกว่าจะถึง time_window_limit ครั้งต่อไป หรือ time_usage_limit เริ่มต้นขึ้น |
| * |UNLOCK| จะปลดล็อกเซสชันของผู้ใช้ที่ล็อกด้วย time_window_limit หรือ time_usage_limit |
| |created_time_millis| คือการประทับเวลาการสร้างการลบล้างตามเขตเวลา UTC ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม และใช้เพื่อตัดสินว่ายังควรใช้การลบล้างนี้อยู่หรือไม่ หากฟีเจอร์ขีดจำกัดเวลาใช้งานปัจจุบัน (ขีดจำกัดการใช้เวลาหรือขีดจำกัดกรอบเวลา) เริ่มต้นหลังจากที่สร้างการลบล้าง ก็จะไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ หากมีการสร้างการลบล้างก่อนการเปลี่ยนแปลง time_window_limit หรือ time_usage_window ซึ่งใช้อยู่ครั้งล่าสุด ระบบจะไม่ใช้การลบล้างนี้ |
| |
| ส่งการลบล้างหลายรายการได้แต่ระบบจะใช้รายการล่าสุดที่ถูกต้อง</translation> |
| <translation id="2905984450136807296">อายุการใช้งานของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="2906874737073861391">รายการส่วนขยายของ AppPack</translation> |
| <translation id="2907992746861405243">ควบคุมว่าผู้ใช้จะใช้งานเครื่องพิมพ์จาก <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" /> เครื่องใดได้บ้าง |
| |
| กำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก ถ้าเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> ระบบจะแสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด ถ้าเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ระบบจะใช้ <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" /> เพื่อจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ในนั้น ถ้าเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ระบบจะใช้ <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> ซึ่งระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้ |
| |
| ถ้าไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะถือว่าเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> |
| </translation> |
| <translation id="2908277604670530363">จำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน</translation> |
| <translation id="2952347049958405264">ข้อจำกัด:</translation> |
| <translation id="2956777931324644324">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 36 |
| |
| ระบุว่าควรเปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS ไหม |
| |
| ใช้การตั้งค่านี้เพื่อเปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS สำหรับการทดสอบ ระบบจะลบการตั้งค่าเวอร์ชันทดลองนี้ในอนาคต</translation> |
| <translation id="2957506574938329824">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธผ่าน Web Bluetooth API</translation> |
| <translation id="2957513448235202597">ประเภทบัญชีสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /></translation> |
| <translation id="2959898425599642200">กฎการข้ามพร็อกซี</translation> |
| <translation id="2960128438010718932">กำหนดการใช้อัปเดตใหม่แบบทีละขั้น</translation> |
| <translation id="2960691910306063964">เปิดหรือปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ใช้ PIN สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="2976002782221275500">ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ |
| |
| เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน |
| |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="2987155890997901449">เปิดใช้ ARC</translation> |
| <translation id="2987227569419001736">ควบคุมการใช้ Web Bluetooth API</translation> |
| <translation id="3016255526521614822">อนุญาตพิเศษให้แอปสำหรับจดโน้ตแสดงในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="3021562480854470924">อนุญาตให้มีจุดการย้อนกลับ</translation> |
| <translation id="3023572080620427845">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่จะโหลดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation> |
| <translation id="3030000825273123558">เปิดใช้งานการรายงานเมตริก</translation> |
| <translation id="3034580675120919256">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หรือไม่ การเรียกใช้ JavaScript อาจจะได้รับอนุญาตสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดหรือปฏิเสธสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดก็ได้ หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AllowJavaScript" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="3038323923255997294">เรียกใช้แอปพลิเคชันพื้นหลังต่อไปเมื่อปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3046192273793919231">ส่งแพ็กเก็ตเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อติดตามดูสถานะการออนไลน์</translation> |
| <translation id="3047732214002457234">ควบคุมวิธีที่การทำความสะอาด Chrome รายงานข้อมูลไปยัง Google</translation> |
| <translation id="304775240152542058">นโยบายนี้ควบคุมพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งที่จะเปิดไปยังเบราว์เซอร์สำรอง |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะส่งเฉพาะ URL ดังกล่าวเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริง ระบบจะส่งแต่ละสตริงไปยังเบราว์เซอร์สำรองเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งที่แยกจากกัน ใน Windows พารามิเตอร์ต่างๆ จะรวมกันโดยใช้การเว้นวรรค ส่วนใน Mac OS X และ Linux พารามิเตอร์หนึ่งๆ อาจมีการเว้นวรรคและระบบจะยังถือว่าเป็นพารามิเตอร์เดียว |
| |
| หากเอลิเมนต์มี ${url} จะมีการแทนที่ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด |
| |
| หากเอลิเมนต์ไม่มี ${url} จะมีการใส่ URL ต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง |
| |
| ระบบจะขยายตัวแปรของสภาพแวดล้อม โดยใน Windows จะแทนที่ %ABC% ด้วยค่าตัวแปรของสภาพแวดล้อม ABC ส่วนใน Mac OS X และ Linux จะแทนที่ ${ABC} ด้วยค่าตัวแปรของสภาพแวดล้อม ABC</translation> |
| <translation id="3048744057455266684">หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้และ URL ค้นหาที่แถบอเนกประสงค์แนะนำมีพารามิเตอร์นี้ในสตริงข้อความค้นหาหรือในตัวระบุชิ้นส่วน คำแนะนำจะแสดงคำค้นหาและผู้ให้บริการค้นหาแทน URL ค้นหาดิบ |
| |
| นโยบายนี้ไม่บังคับ หากไม่ตั้งค่านโยบาย จะไม่มีการแทนที่คำค้นหา |
| |
| นโยบายนี้มีผลต่อเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled"</translation> |
| <translation id="306887062252197004">นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ใช้ฟีเจอร์ WebDriver ลบล้าง |
| นโยบายที่อาจรบกวนการทำงานได้ |
| |
| ปัจจุบันนโยบายนี้ปิดใช้นโยบาย SitePerProcess และ IsolateOrigins |
| |
| หากเปิดใช้นโยบาย WebDriver จะสามารถลบล้างนโยบายที่ |
| ใช้งานร่วมกันไม่ได้ |
| หากปิดใช้หรือไม่กำหนดค่านโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ WebDriver |
| ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation> |
| <translation id="3069958900488014740">อนุญาตให้ปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD (การค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ) ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะเป็นการปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ซึ่งทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องใช้เวลาในการรอเซิร์ฟเวอร์ WPAD แบบ DNS นานขึ้น หากไม่ได้ตั้งค่าหรือไม่ได้เปิดใช้นโยบาย จะมีการเปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD |
| |
| ไม่ว่าจะมีการกำหนดนโยบายนี้อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ได้</translation> |
| <translation id="3072045631333522102">โปรแกรมรักษาหน้าจอที่จะใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation> |
| <translation id="3072847235228302527">ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="3077183141551274418">เปิดหรือปิดใช้วงจรชีวิตแท็บ</translation> |
| <translation id="3086995894968271156">กำหนดค่า Cast Receiver ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3088796212846734853">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งได้รับอนุญาตให้แสดงรูปภาพ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultImagesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| โปรดทราบว่าการเปิดใช้นโยบายนี้ใน Android ก่อนหน้านี้เกิดจากความผิดพลาด ไม่มีการรองรับฟังก์ชันนี้ใน Android อย่างสมบูรณ์</translation> |
| <translation id="3096595567015595053">รายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="3101501961102569744">เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation> |
| <translation id="3117676313396757089">คำเตือน: ระบบจะนำ DHE ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 57 (ประมาณเดือนกันยายน 2017) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE และรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์เวอร์อีกครั้ง |
| |
| ควรย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังชุดเข้ารหัส ECDHE แต่หากไม่มี ให้ตรวจสอบว่าเปิดใช้ชุดเข้ารหัสที่ใช้กลไกการแลกเปลี่ยนคีย์ RSA อยู่</translation> |
| <translation id="3117706142826400449">หากปิดใช้ จะป้องกันไม่ให้การทำความสะอาด Chrome สแกนระบบเพื่อหาซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์และทำความสะอาด ระบบจะปิดการเรียกใช้การทำความสะอาด Chrome ด้วยตนเองจาก chrome://settings/cleanup |
| |
| หากเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า การทำความสะอาด Chrome จะสแกนหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในระบบอยู่เป็นระยะ และหากพบ ก็จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ดังกล่าวออกไหม ระบบจะเปิดการเรียกใช้การทำความสะอาด Chrome ด้วยตนเองจาก chrome://settings |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="3165808775394012744">เรารวมนโยบายเหล่านี้ไว้ที่นี่เพื่อให้นำออกได้ง่ายๆ</translation> |
| <translation id="316778957754360075">การตั้งค่านี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29 วิธีที่แนะนำในการตั้งค่าคอลเล็กชันส่วนขยาย/แอปที่โฮสต์โดยองค์กรคือการรวมไซต์ที่โฮสต์แพ็กเกจ CRX ใน ExtensionInstallSources และการวางลิงก์ดาวน์โหลดโดยตรงไปยังแพ็กเกจบนหน้าเว็บ ตัวเรียกใช้งานสำหรับหน้าเว็บนั้นสามารถถูกสร้างขึ้นโดยใช้นโยบาย ExtensionInstallForcelist</translation> |
| <translation id="3171369832001535378">เทมเพลตชื่อโฮสต์เครือข่ายของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="3185009703220253572">ตั้งแต่รุ่น <ph name="SINCE_VERSION" /></translation> |
| <translation id="3187220842205194486">แอป Android ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกุญแจขององค์กร นโยบายนี้ไม่มีผลต่อกุญแจเหล่านั้น</translation> |
| <translation id="3201273385265130876">ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกโหมดพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ตายตัว คุณสามารถระบุตัวเลือกอื่นๆ ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นจึงจะพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC |
| |
| หากคุณเลือกใช้สคริปต์พร็อกซี .pac คุณต้องระบุ URL ไปยังสคริปต์ใน "URL ไปยังไฟล์พร็อกซี .pac" |
| |
| สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่: |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และแอป ARC จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation> |
| <translation id="3205825995289802549">ขยายขนาดหน้าต่างเบราว์เซอร์บานแรกให้ใหญ่ที่สุดเมื่อเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="3211426942294667684">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="3214164532079860003">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งานไว้ แต่หากปิดใช้งานอยู่ จะไม่มีการนำเข้าหน้าแรก หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติก็ได้</translation> |
| <translation id="3219421230122020860">โหมดไม่ระบุตัวตนพร้อมใช้งาน</translation> |
| <translation id="3220624000494482595">หากแอปคีออสก์เป็นแอป Android แอปจะไม่มีสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แม้ว่าจะตั้งนโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="3236046242843493070">รูปแบบ URL ที่อนุญาตส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และการติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้จาก</translation> |
| <translation id="3240609035816615922">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์</translation> |
| <translation id="3243309373265599239">ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ |
| |
| เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน |
| |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="3251500716404598358">กำหนดค่านโยบายเพื่อสลับระหว่างเบราว์เซอร์ |
| |
| เว็บไซต์ที่กำหนดค่าไว้จะเปิดในเบราว์เซอร์อื่นแทน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="3264793472749429012">การเข้ารหัสของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3273221114520206906">การตั้งค่า JavaScript เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3284094172359247914">ควบคุมการใช้ WebUSB API</translation> |
| <translation id="3288595667065905535">ช่องเผยแพร่</translation> |
| <translation id="3292147213643666827">ช่วยให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีระหว่าง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> และเครื่องพิมพ์แบบดั้งเดิมที่เชื่อมต่อกับเครื่อง |
| |
| หากมีการเปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดใช้งานพร็อกซี Cloud Print โดยการตรวจสอบสิทธิ์กับบัญชี Google ของตน |
| |
| หากปิดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดใช้งานพร็อกซีและเครื่องจะไม่ได้รับอนุญาตให้แชร์เครื่องพิมพ์กับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3307746730474515290">ควบคุมประเภทแอป/ส่วนขยายที่อนุญาตให้ติดตั้งและจำกัดการเข้าถึงรันไทม์ |
| |
| การตั้งค่านี้ให้การอนุญาตเป็นพิเศษกับส่วนขยาย/แอปทุกประเภทที่ติดตั้งได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และกำหนดโฮสต์ที่ส่วนขยาย/แอปสามารถโต้ตอบได้ ค่าคือรายการสตริงซึ่งแต่ละสตริงควรเป็นค่าใดค่าหนึ่งต่อไปนี้ "extension", "theme", "user_script", "hosted_app", "legacy_packaged_app", "platform_app" ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเหล่านี้ในเอกสารประกอบเกี่ยวกับส่วนขยาย <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ส่งผลต่อส่วนขยายและแอปที่จะบังคับให้ติดตั้งผ่าน ExtensionInstallForcelist ด้วย |
| |
| หากกำหนดการตั้งค่านี้ไว้ ระบบจะไม่ติดตั้งประเภทส่วนขยาย/แอปที่ไม่ได้อยู่ในรายการ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ จะไม่มีการบังคับใช้ข้อจำกัดประเภทส่วนขยาย/แอปที่ยอมรับ</translation> |
| <translation id="3322771899429619102">ช่วยให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากรูปแบบ URL อยู่ใน "KeygenBlockedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้เอง</translation> |
| <translation id="332771718998993005">กำหนดชื่อที่โฆษณาเป็นปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า ระบบจะใช้สตริงนั้นเป็นชื่อปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> มิเช่นนั้นชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ และเจ้าของอุปกรณ์ (หรือผู้ใช้จากโดเมนที่จัดการอุปกรณ์) จะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อ ชื่อต้องมีความยาวไม่เกิน 24 อักขระ</translation> |
| <translation id="3335468714959531450">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง |
| |
| ดูนโยบาย "CookiesBlockedForUrls" และ "CookiesSessionOnlyForUrls" ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า</translation> |
| <translation id="3373364525435227558">กำหนดภาษาที่แนะนำอย่างน้อย 1 ภาษาสำหรับเซสชันที่มีการจัดการ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกภาษาหนึ่งในนั้นได้อย่างง่ายดาย |
| |
| ผู้ใช้เลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ได้ก่อนเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ โดยค่าเริ่มต้นทุกภาษาที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รองรับจะแสดงตามลำดับตัวอักษร คุณใช้นโยบายนี้เพื่อย้ายชุดภาษาที่แนะนำไปที่ด้านบนของรายการได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ภาษาของ UI ในปัจจุบันจะมีการเลือกไว้ล่วงหน้า |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ภาษาที่แนะนำจะย้ายไปอยู่ด้านบนของรายการและจะแสดงแยกจากภาษาอื่นๆ ทั้งหมด โดยจะแสดงตามลำดับที่ปรากฏในนโยบาย ทั้งนี้ภาษาที่แนะนำเป็นลำดับแรกจะมีการเลือกไว้ล่วงหน้า |
| |
| หากมีภาษาที่แนะนำมากกว่า 1 ภาษา ระบบจะถือว่าผู้ใช้ต้องการเลือกภาษาหนึ่งในนี้ การเสนอให้เลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์จะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดเมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ มิเช่นนั้น ระบบจะถือว่าผู้ใช้โดยส่วนใหญ่ต้องการใช้ภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้า การเสนอให้เลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์จะมีความเด่นชัดน้อยกว่าเมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้และเปิดใช้การเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ (ดูนโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| และ |DeviceLocalAccountAutoLoginDelay|) เซสชันที่มีการจัดการซึ่งเริ่มโดยอัตโนมัติจะใช้ภาษาที่แนะนำเป็นลำดับแรกและใช้รูปแบบแป้นพิมพ์ที่นิยมกันมากที่สุดซึ่งตรงกับภาษานี้ |
| |
| รูปแบบแป้นพิมพ์ที่เลือกไว้ล่วงหน้าจะเป็นรูปแบบที่นิยมกันมากที่สุดเสมอและตรงกับภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้า |
| |
| นโยบายนี้ตั้งค่าเป็นแบบแนะนำได้เท่านั้น คุณใช้นโยบายนี้ในการย้ายชุดภาษาที่แนะนำไปที่ด้านบนสุดได้ แต่ผู้ใช้จะเลือกภาษาใดก็ได้ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รองรับสำหรับเซสชันของตนได้เสมอ |
| </translation> |
| <translation id="3381968327636295719">ใช้เบราว์เซอร์โฮสต์โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3388153794103186066">อนุญาตให้คุณตั้งค่ารายการ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB โดยอัตโนมัติ พร้อมรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่กำหนด รายการย่อยในรายการจะต้องมีทั้งอุปกรณ์และ URL เพื่อให้นโยบายมีผล แต่ละรายการในอุปกรณ์อาจมีช่องรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ รหัสที่ไม่รวมอยู่ในรายการจะถือว่าเป็นสัญลักษณ์แทนโดยมีข้อยกเว้นข้อเดียว นั่นก็คือคุณจะระบุรหัสผลิตภัณฑ์ได้เฉพาะเมื่อระบุรหัสผู้ให้บริการด้วยเท่านั้น มิเช่นนั้น ระบบจะถือว่านโยบายไม่มีผลและจะเพิกเฉยต่อนโยบาย |
| |
| รูปแบบสิทธิ์ USB ใช้ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอ ("URL ที่ส่งคำขอ") และ URL ของเว็บไซต์กรอบระดับบนสุด ("URL ที่มีการฝัง") เพื่อให้สิทธิ์ URL ที่ส่งคำขอในการเข้าถึงอุปกรณ์ USB โดย URL ที่ส่งคำขออาจต่างจาก URL ที่มีการฝังเมื่อมีการโหลดเว็บไซต์ที่ส่งคำขอใน iframe ดังนั้นช่อง "urls" อาจมีสตริง URL ได้ถึง 2 สตริงโดยคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาคเพื่อระบุ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังตามลำดับ หากมีการระบุ URL เพียงรายการเดียว ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เกี่ยวข้องเมื่อ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอตรงกับ URL นี้ไม่ว่าสถานะการฝังจะเป็นอย่างไร URL ในช่อง "urls" ต้องเป็น URL ที่ถูกต้อง มิเช่นนั้น ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด ไม่ว่าจะมาจากนโยบาย "DefaultWebUsbGuardSetting" (หากตั้งค่าไว้) หรือการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ (หากไม่ได้ตั้งค่าไว้) |
| |
| รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน WebUsbBlockedForUrls หากขัดแย้งกัน ระบบจะใช้นโยบายนี้แทน WebUsbBlockedForUrls และ WebUsbAskForUrls</translation> |
| <translation id="3414260318408232239">หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เวอร์ชันขั้นต่ำที่เป็นค่าเริ่มต้น ซึ่งก็คือ TLS 1.0 |
| |
| ทั้งนี้คุณตั้งค่านโยบายเป็นค่าใดค่าหนึ่งได้ระหว่าง "tls1", "tls1.1" หรือ "tls1.2" เมื่อตั้งค่าแล้ว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้ SSL/TLS ในเวอร์ชันที่ต่ำกว่าเวอร์ชันที่ระบุ และจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก</translation> |
| <translation id="3417418267404583991">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปิดใช้งานการลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือน การลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือนจะเป็นเซสชันผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนและไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มเซสชันของผู้มาเยือน</translation> |
| <translation id="3418871497193485241">บังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ |
| เลือกโหมดที่จำกัดต่ำกว่านี้ |
| |
| หากตั้งค่านี้เป็นเข้มงวด ระบบจะใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านี้เป็นปานกลาง ผู้ใช้อาจเลือกได้เฉพาะโหมดที่จำกัดปานกลาง |
| และโหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube แต่ไม่สามารถปิดใช้โหมดที่จำกัด |
| |
| หากตั้งค่านี้เป็นปิดหรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation> |
| <translation id="3428247105888806363">เปิดใช้งานการคาดการณ์เครือข่าย</translation> |
| <translation id="3437924696598384725">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN</translation> |
| <translation id="3449886121729668969">กำหนดการตั้งค่าพร็อกซีสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่าพร็อกซีเหล่านี้จะพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC ด้วย |
| |
| นโยบายนี้ยังไม่พร้อมใช้งาน โปรดอย่าเพิ่งใช้นโยบายนี้</translation> |
| <translation id="3460784402832014830">ระบุ URL ที่เครื่องมือค้นหาจะใช้เพื่อให้บริการหน้าแท็บใหม่ |
| |
| นโยบายนี้เป็นตัวเลือกที่ไม่บังคับ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีหน้าแท็บใหม่ให้บริการ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลใช้เฉพาะเมื่อนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้</translation> |
| <translation id="346731943813722404">ระบุว่าจะหน่วงเวลาการจัดการพลังงานไหม และการจำกัดความยาวเซสชันควรเริ่มทำงานหลังจากสังเกตพบกิจกรรมแรกของผู้ใช้ในเซสชันเท่านั้นไหม |
| |
| หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็นจริง การจัดการพลังงานจะหน่วงเวลาและการจำกัดความยาวเซสชันจะไม่เริ่มทำงานหลังจากสังเกตพบกิจกรรมแรกของผู้ใช้ในเซสชัน |
| |
| หากนโยบายนี้ได้รับการตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้ตั้งค่า การจัดการพลังงานจะหน่วงเวลาและการจำกัดความยาวเซสชันจะเริ่มทำงานทันทีที่เริ่มเซสชัน</translation> |
| <translation id="3478024346823118645">ล้างข้อมูลผู้ใช้เมื่อออกจากระบบ</translation> |
| <translation id="348495353354674884">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์เสมือน</translation> |
| <translation id="3487623755010328395"> |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามลงทะเบียนตนเองและใช้นโยบายระบบคลาวด์ที่เกี่ยวข้องกับโปรไฟล์ทั้งหมด |
| |
| ค่าของนโยบายนี้คือโทเค็นการลงทะเบียนที่ดึงได้จากคอนโซลผู้ดูแลระบบ Google</translation> |
| <translation id="3496296378755072552">ตัวจัดการรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="3500732098526756068">อนุญาตให้คุณควบคุมการทริกเกอร์คำเตือนการปกป้องรหัสผ่าน การปกป้องรหัสผ่านจะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่น่าสงสัย |
| |
| คุณใช้นโยบาย "PasswordProtectionLoginURLs" และ "PasswordProtectionChangePasswordURL" เพื่อกำหนดค่ารหัสผ่านที่จะปกป้องได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "PasswordProtectionWarningOff" ระบบจะไม่แสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่าน |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "PasswordProtectionWarningOnPasswordReuse" ระบบจะแสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่านเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่ไม่ได้อยู่ในรายการอนุญาตพิเศษ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "PasswordProtectionWarningOnPhishingReuse" ระบบจะแสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่านเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ฟิชชิง |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ บริการปกป้องรหัสผ่านจะปกป้องเฉพาะรหัสผ่าน Google แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="3502555714327823858">อนุญาตโหมดพิมพ์ 2 ด้านทั้งหมด</translation> |
| <translation id="350443680860256679">กำหนดค่า ARC</translation> |
| <translation id="3504791027627803580">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้การค้นหาภาพ คำขอค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET หากนโยบาย DefaultSearchProviderImageURLPostParams ถูกกำหนด คำขอค้นหาภาพจะใช้วิธีการ POST แทน |
| |
| นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด จะไม่มีการใช้คำขอค้นหาภาพใดๆ |
| |
| นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้</translation> |
| <translation id="350797926066071931">เปิดใช้งานแปลภาษา</translation> |
| <translation id="3512226956150568738">หากรุ่นอุปกรณ์ของไคลเอ็นต์รองรับ ARC มาก่อน จะต้องเรียกใช้ ARC ในการย้ายข้อมูลไปที่ ext4 และหากตั้งนโยบาย ArcEnabled ให้เป็นจริง ตัวเลือกนี้จะทำหน้าที่เป็น AskUser (ค่า 3) ในกรณีอื่นๆ ทั้งหมด (หากรุ่นอุปกรณ์ไม่ได้รองรับ ARC อยู่ หรือหากตั้งนโยบาย ArcEnabled เป็นเท็จ) ค่านี้จะเทียบเท่ากับ DisallowArc (ค่า 0)</translation> |
| <translation id="3524204464536655762">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน WebUSB API</translation> |
| <translation id="3526752951628474302">การพิมพ์ขาวดำเท่านั้น</translation> |
| <translation id="3528000905991875314">เปิดใช้งานหน้าเว็บแสดงข้อผิดพลาดสำรอง</translation> |
| <translation id="3545457887306538845">ให้คุณควบคุมว่าจะใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ที่ใดบ้าง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowedForForceInstalledExtensions" (ค่า 0 ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น) คุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้โดยทั่วไป แต่จะเข้าถึงไม่ได้ในบริบทส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กร |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "DeveloperToolsAllowed" (ค่า 1) คุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ และยังใช้ได้ในทุกบริบท รวมถึงในบริบทส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กรด้วย |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) คุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และตรวจสอบองค์ประกอบในเว็บไซต์ไม่ได้อีกต่อไป และจะมีการปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดและเมนูหรือรายการเมนูตามบริบทที่ใช้เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript</translation> |
| <translation id="3547954654003013442">การตั้งค่าพร็อกซี</translation> |
| <translation id="355118380775352753">เว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation> |
| <translation id="3577251398714997599">เครื่องมือตั้งค่าโฆษณาสำหรับเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation> |
| <translation id="3591584750136265240">กำหนดค่าลักษณะการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="3624171042292187668"> |
| ขอแนะนำให้ดูการตั้งค่านโยบาย IsolateOrigins เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการแยกและการจำกัดผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้ด้วยการใช้ IsolateOrigins กับรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก การตั้งค่า SitePerProcess นี้จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด |
| หากเปิดใช้นโยบาย แต่ละเว็บไซต์จะทำงานในโปรเซสของตัวเอง |
| หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ SitePerProcess ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> เป็นค่าเดียวกันด้วย หากค่าที่ระบุในทั้ง 2 นโยบายไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้ไม่ได้กับ Android หากต้องการเปิดใช้ SitePerProcess ใน Android ให้ใช้การตั้งค่านโยบาย SitePerProcessAndroid |
| </translation> |
| <translation id="3627678165642179114">เปิดหรือปิดใช้งานบริการเว็บสำหรับการตรวจสอบการสะกด</translation> |
| <translation id="3628480121685794414">เปิดใช้การพิมพ์แบบด้านเดียว</translation> |
| <translation id="3646859102161347133">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอ</translation> |
| <translation id="3653237928288822292">ไอคอนของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3660562134618097814">โอนคุกกี้ SAML IdP ขณะลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="3702647575225525306"><ph name="POLICY_NAME" /> (เราเลิกใช้งานช่องบรรทัดเดียวแล้วและจะนำออกในเร็วๆ นี้ โปรดเริ่มใช้กล่องข้อความหลายบรรทัดด้านล่างนี้)</translation> |
| <translation id="3709266154059827597">กำหนดค่ารายการที่ไม่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="3711895659073496551">ระงับการใช้งาน</translation> |
| <translation id="3715569262675717862">การตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation> |
| <translation id="3736879847913515635">เปิดใช้การเพิ่มบุคคลในการจัดการผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3748900290998155147">ระบุว่าอนุญาตการทำงานขณะล็อกหรือไม่ ส่วนขยายและแอป ARC อาจขอการทำงานขณะล็อก โดยส่วนขยายจะขอผ่าน Power Management Extension API |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะยอมรับการทำงานขณะล็อกสำหรับการจัดการพลังงาน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่สนใจคำขอการทำงานขณะล็อก</translation> |
| <translation id="3750220015372671395">บล็อกการสร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="3756011779061588474">บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="3758089716224084329">ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่: |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และแอป ARC จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation> |
| <translation id="3758249152301468420">ปิดใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="3764248359515129699">ปิดการบังคับใช้ข้อกำหนดความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการผู้ออกใบรับรองเดิม |
| |
| นโยบายจะอนุญาตการปิดใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับกลุ่มใบรับรองที่มีใบรับรองซึ่งมีแฮช subjectPublicKeyInfo ที่ระบุ ซึ่งช่วยให้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสมสามารถใช้งานได้ต่อไปกับโฮสต์ที่เป็นองค์กร |
| |
| เพื่อให้ปิดใช้การบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองได้เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ แฮชต้องมาจาก subjectPublicKeyInfo ที่แสดงในใบรับรอง CA ซึ่งถือว่าเป็นผู้ออกใบรับรอง (CA) เดิม โดย CA เดิม คือ CA ที่ได้รับความเชื่อถือต่อสาธารณะจากระบบปฏิบัติการอย่างน้อย 1 ระบบซึ่งรองรับโดย <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ไม่ได้รับความเชื่อถือจากโครงการโอเพนซอร์ส Android หรือ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| แฮช subjectPublicKeyInfo จะบ่งชี้ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช อักขระ "/" และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ subjectPublicKeyInfo ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ตามที่ระบุไว้ใน RFC 7469 มาตรา 2.4 ระบบจะเพิกเฉยต่ออัลกอริทึมของแฮชที่ไม่รู้จัก อัลกอริทึมของแฮชที่ได้รับการรองรับตอนนี้คือ "sha256" เพียงรายการเดียว |
| |
| หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้ไว้ ใบรับรองที่ถูกกำหนดให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านความโปร่งใสของใบรับรองที่ไม่ได้เปิดเผยตามข้อกำหนดจะถือว่าเป็นใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือตามนโยบายความโปร่งใสของใบรับรอง</translation> |
| <translation id="3765260570442823273">ระยะเวลาของข้อความเตือนการออกจากระบบจากการไม่มีการใช้งาน</translation> |
| <translation id="377044054160169374">การบังคับใช้การแทรกแซงเมื่อเกิดประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสม</translation> |
| <translation id="3780152581321609624">รวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานใน Kerberos SPN</translation> |
| <translation id="3780319008680229708">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ไอคอนแถบเครื่องมือ Cast จะแสดงในแถบเครื่องมือหรือเมนูรายการเพิ่มเติมเสมอ และผู้ใช้จะไม่สามารถนำออกได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะตรึงไอคอนหรือนำไอคอนออกผ่านเมนูตามบริบทได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย "EnableMediaRouter" เป็น False ค่าของนโยบายนี้จะไม่มีผลใช้งาน และไอคอนแถบเครื่องมือจะไม่แสดง</translation> |
| <translation id="3788662722837364290">การตั้งค่าการจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน</translation> |
| <translation id="3790085888761753785">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตนด้วย Smart Lock ลักษณะการทำงานโดยทั่วไปของ Smart Lock จะอนุญาตให้ผู้ใช้ปลดล็อกหน้าจอได้เพียงเท่านั้น การอนุญาตนี้จึงถือว่าให้สิทธิ์มากกว่าปกติ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรและอนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="379602782757302612">ช่วยให้คุณระบุส่วนขยายที่ห้ามผู้ใช้ติดตั้ง ระบบจะปิดใช้ส่วนขยายที่ติดตั้งไว้แล้วหากมีชื่ออยู่ในบัญชีดำโดยผู้ใช้ไม่สามารถเปิดใช้ได้ หลังจากนำส่วนขยายที่ปิดใช้เนื่องจากอยู่ในบัญชีดำออกแล้ว ระบบจะเปิดใช้ให้ใหม่โดยอัตโนมัติ |
| |
| ค่า "*" ในบัญชีดำหมายความว่าส่วนขยายทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ เว้นแต่จะใส่ชื่อไว้ในรายการที่อนุญาตพิเศษเป็นการเฉพาะ |
| |
| ถ้าไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3800626789999016379">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ในการดาวน์โหลดไฟล์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุหรือเปิดใช้งานการตั้งค่าสถานะให้แจ้งตำแหน่งการดาวน์โหลดทุกครั้งหรือไม่ก็ตาม |
| |
| ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้น ซึ่งผู้ใช้สามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้</translation> |
| <translation id="3805659594028420438">เปิดใช้ส่วนขยายใบรับรองที่ผูกกับโดเมน TLS (เลิกใช้แล้ว)</translation> |
| <translation id="3808945828600697669">ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="3811562426301733860">อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="3816312845600780067">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์ลัด bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="3820526221169548563">เปิดใช้ฟีเจอร์การเข้าถึงแป้นพิมพ์บนหน้าจอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เสมอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้ แต่ผู้ใช้สามารถเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="382476126209906314">กำหนดค่าส่วนนำหน้า TalkGadget สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="3831376478177535007">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เชื่อถือใบรับรองที่ได้รับจากการดำเนินการสำหรับ PKI แบบเดิมของ Symantec Corporation หากการดำเนินการดังกล่าวผ่านการตรวจสอบและอยู่ในห่วงโซ่ของใบรับรอง CA ที่เป็นที่ยอมรับ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับว่าระบบปฏิบัติการยังยอมรับใบรับรองจากโครงสร้างพื้นฐานเดิมของ Symantec อยู่หรือไม่ หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การจัดการใบรับรองดังกล่าวของระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงไป นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังใช้แก้ปัญหาเป็นการชั่วคราวเพื่อให้องค์กรมีเวลามากขึ้นในการเปลี่ยนจากการใช้ใบรับรองแบบเดิมของ Symantec นโยบายนี้จะถูกนำออกไปประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดำเนินการตามกำหนดการเลิกใช้งานที่ประกาศต่อสาธารณะ |
| |
| ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกใช้งานข้างต้นใน https://g.co/chrome/symantecpkicerts</translation> |
| <translation id="383466854578875212">ช่วยให้คุณสามารถระบุว่าโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมใดที่ไม่ควรอยู่ภายใต้บัญชีดำ |
| |
| ค่า * ของบัญชีดำหมายถึงโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ และจะโหลดเฉพาะโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษเท่านั้น |
| |
| โดยค่าเริ่มต้น โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดจะอยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ แต่หากโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำตามนโยบาย ก็สามารถใช้รายการที่อนุญาตพิเศษลบล้างนโยบายนั้นได้</translation> |
| <translation id="384743459174066962">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดป๊อปอัป หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPopupsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation> |
| <translation id="3851039766298741586">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเซสชันคีออสก์ที่ใช้งาน เช่น |
| รหัสและเวอร์ชันของแอปพลิเคชัน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น False จะไม่มีการรายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์ |
| หากตั้งค่าเป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการรายงานข้อมูล |
| เซสชัน</translation> |
| <translation id="3858658082795336534">โหมดพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3859780406608282662">เพิ่มพารามิเตอร์เพื่อเรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากมีการระบุ จะมีการเพิ่มพารามิเตอร์การค้นหาชื่อ "ข้อจำกัด" ลงใน URL ที่ใช้เรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ ค่าพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้ |
| |
| หากไม่มีการระบุ จะไม่มีการแก้ไข URL ข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ</translation> |
| <translation id="3863409707075047163">เวอร์ชัน SSL ขั้นต่ำที่เปิดใช้</translation> |
| <translation id="3864020628639910082">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้คำแนะนำการค้นหา URL ควรมีสตริง "<ph name="SEARCH_TERM_MARKER" />" ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา |
| |
| นโยบายนี้เป็นตัวเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการใช้ URL ที่แนะนำ |
| |
| URL ที่แนะนำของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_SUGGEST_SEARCH_URL" /> |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled"</translation> |
| <translation id="3864129983143201415">กำหนดค่าภาษาที่อนุญาตในเซสชันของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3866249974567520381">คำอธิบาย</translation> |
| <translation id="3868347814555911633">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| แสดงรายการส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้การสาธิตสำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก ส่วนขยายเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์และติดตั้งขณะที่ออฟไลน์ได้หลังจากการติดตั้ง |
| |
| แต่ละรายการจะมีพจนานุกรมที่ต้องมี ID ส่วนขยายในฟิลด์ "extension-id" และ URL การอัปเดตในฟิลด์ "update-url"</translation> |
| <translation id="3874773863217952418">เปิดใช้การแตะเพื่อค้นหา</translation> |
| <translation id="3877517141460819966">โหมดการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สองที่ผสานรวม</translation> |
| <translation id="3879208481373875102">กำหนดค่ารายการเว็บแอปที่บังคับติดตั้งแล้ว</translation> |
| <translation id="388237772682176890">นโยบายนี้เลิกใช้งานใน M53 และนำออกจาก M54 เนื่องจากไม่มีการสนับสนุน SPDY/3.1 อีกต่อไป |
| |
| ปิดใช้โปรโตคอล SPDY ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ โปรโตคอล SPDY จะไม่สามารถใช้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| การปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้สามารถใช้ SPDY ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะสามารถใช้ SPDY ได้</translation> |
| <translation id="3890999316834333174">นโยบายปลดล็อกด่วน</translation> |
| <translation id="3891357445869647828">เปิดใช้งาน JavaScript</translation> |
| <translation id="3895557476567727016">กำหนดค่าไดเรกทอรีเริ่มต้นที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้ นโยบายจะเปลี่ยนไดเรกทอรีเริ่มต้นที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ไป นโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ ผู้ใช้จึงเปลี่ยนไดเรกทอรีได้ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดนโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีเริ่มต้นปกติของตน (เฉพาะแพลตฟอร์ม) |
| |
| ไปที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables เพื่อดูตัวแปรที่สามารถใช้ได้</translation> |
| <translation id="3904459740090265495">นโยบายนี้ควบคุมลักษณะการทำงานในการลงชื่อเข้าใช้ของเบราว์เซอร์ โดยให้คุณระบุว่าผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยบัญชีของตนและใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น การซิงค์ของ Chrome ได้หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชีไม่ได้ ในกรณีนี้ฟีเจอร์ระดับเบราว์เซอร์อย่างเช่น การซิงค์ของ Chrome จะใช้งานไม่ได้และไม่มีให้ใช้งาน หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบในครั้งถัดไปที่เรียกใช้ Chrome แต่ข้อมูลโปรไฟล์ในเครื่องของผู้ใช้ เช่น บุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน ฯลฯ จะยังคงอยู่ ผู้ใช้จะยังคงลงชื่อเข้าใช้และใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail ได้ต่อไป |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และจะมีการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หมายถึงเบราว์เซอร์จะเก็บข้อมูลบัญชีของผู้ใช้ไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าระบบจะเปิดใช้การซิงค์ของ Chrome ไว้โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้แยกต่างหาก การเปิดใช้นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปิดการตั้งค่าที่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์ หากต้องการควบคุมความพร้อมให้บริการของฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome ให้ใช้นโยบาย "SyncDisabled" |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บังคับให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการเลือกบัญชีและบังคับให้ผู้ใช้ต้องเลือกลงชื่อเข้าใช้บัญชีเพื่อที่จะใช้เบราว์เซอร์ ในกรณีของบัญชีที่จัดการ วิธีนี้ช่วยให้แน่ใจว่าจะมีการใช้งานและบังคับใช้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้น การตั้งค่าดังกล่าวจะเปิดฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome สำหรับบัญชีนั้นไว้โดยค่าเริ่มต้น ยกเว้นกรณีที่ผู้ดูแลระบบโดเมนปิดใช้การซิงค์หรือการซิงค์ถูกปิดผ่านทางนโยบาย "SyncDisabled" ค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled จะตั้งไว้เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7572556 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะตัดสินใจเองได้ว่าจะเปิดใช้ตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หรือไม่และใช้งานได้ตามที่เห็นสมควร</translation> |
| <translation id="3911737181201537215">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการบันทึกที่ดำเนินการโดย Android</translation> |
| <translation id="391531815696899618">ปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อตั้งค่าเป็น True ในกรณีดังกล่าวจะไม่มีการอัปโหลดข้อมูลไปยัง Google ไดรฟ์ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น False ผู้ใช้จะสามารถโอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์</translation> |
| <translation id="3915395663995367577">URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี</translation> |
| <translation id="3925020515212192040">ระบุรายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า |
| |
| รายการย่อยแต่ละรายการของนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มีสมาชิก 2 รายการ ได้แก่ "share_url" และ "mode" โดยที่ "share_url" ควรเป็น URL ของพื้นที่แชร์และ "mode" ควรเป็น "drop_down" ซึ่งบ่งชี้ว่าจะมีการเพิ่ม "share_url" ลงในรายการแบบเลื่อนลงของการสำรวจพื้นที่แชร์</translation> |
| <translation id="3925377537407648234">ตั้งค่าความละเอียดและปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผล</translation> |
| <translation id="3939893074578116847">ส่งแพ็กเก็ตเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อติดตามดูสถานะการออนไลน์ เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบว่าอุปกรณ์กำลังออฟไลน์หรือไม่ หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่จริง ระบบจะส่งการติดตามดูแพ็กเก็ตเครือข่าย (ที่เรียกว่า <ph name="HEARTBEATS_TERM" /> ) หากตั้งค่าไว้ที่เท็จหรือไม่มีการตั้งค่า ระบบจะไม่มีส่งแพ็กเก็ต</translation> |
| <translation id="3950239119790560549">อัปเดตการจำกัดเวลา</translation> |
| <translation id="3956686688560604829">ใช้นโยบาย SiteList ของ Internet Explorer กับการรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation> |
| <translation id="3958586912393694012">อนุญาตให้ใช้ Smart Lock</translation> |
| <translation id="3963602271515417124">หากค่าเป็น True ระบบจะอนุญาตการรับรองจากระยะไกลให้กับอุปกรณ์ และจะสร้างใบรับรองแล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ |
| |
| หากตั้งค่าเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่สร้างใบรับรองและการเรียกใช้ API ส่วนขยาย enterprise.platformKeys จะล้มเหลว</translation> |
| <translation id="3965339130942650562">หมดเวลาจนกว่าจะดำเนินการออกจากระบบของผู้ใช้ที่ไม่มีการใช้งาน</translation> |
| <translation id="3973371701361892765">ไม่ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเลย</translation> |
| <translation id="3984028218719007910">กำหนดว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เก็บข้อมูลบัญชีในตัวเครื่องหลังจากที่ออกจากระบบหรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เก็บบัญชีใดๆ ไว้อย่างถาวร และข้อมูลทั้งหมดจากเซสชันผู้ใช้จะถูกยกเลิกหลังจากที่ออกจากระบบ ถ้านโยบายนี้ถูกกำหนดเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า อุปกรณ์อาจเก็บข้อมูลผู้ใช้ในตัวเครื่องไว้ (โดยที่เข้ารหัส)</translation> |
| <translation id="3997519162482760140">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML</translation> |
| <translation id="4001275826058808087">ผู้ดูแลระบบ IT สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรสามารถใช้การตั้งสถานะนี้เพื่อควบคุมว่าจะอนุญาตผู้ใช้ให้แลกรับข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS ไหม |
| |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่มีการตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถแลกรับข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS ได้ |
| |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็นเท็จ ผู้ใช้จะไม่สามารถแลกรับข้อเสนอพิเศษได้</translation> |
| <translation id="4008507541867797979">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้เลือกได้ 1 รายการ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่จะแสดงหน้าจอการเข้าสู่ระบบตามปกติ (แจ้งให้ผู้ใช้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านหรือหมายเลขโทรศัพท์) หรือหน้าจอโฆษณาคั่นระหว่างหน้า SAML (หากเปิดใช้ผ่านนโยบาย <ph name="LOGIN_AUTHENTICATION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" />) ยกเว้นว่าจะมีการกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการ เมื่อกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการแล้ว ระบบจะแสดงเฉพาะบัญชีของเซสชันที่มีการจัดการเท่านั้นและอนุญาตให้เลือกบัญชีหนึ่งในนั้นได้ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อการที่อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่องหรือไม่</translation> |
| <translation id="4010738624545340900">อนุญาตให้เรียกดูช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้</translation> |
| <translation id="4012737788880122133">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติเมื่อตั้งค่าเป็น True |
| |
| อุปกรณ์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจหาการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False |
| |
| คำเตือน: เราขอแนะนำให้เปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติไว้เสมอเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การปิดการอัปเดตอัตโนมัติอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation> |
| <translation id="4020682745012723568">แอป Android ไม่สามารถเข้าถึงคุกกี้ที่โอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="402759845255257575">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เรียกใช้ JavaScript</translation> |
| <translation id="4027608872760987929">เปิดใช้งานผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4039085364173654945">ควบคุมว่าจะให้เนื้อหาย่อยของบุคคลที่สามบนหน้าเว็บได้รับอนุญาตให้ป๊อปอัปช่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP หรือไม่ ซึ่งโดยปกติจะถูกปิดใช้งานเพื่อป้องกันฟิชชิง หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะถูกปิดใช้งานและเนื้อหาย่อยของบุคคลที่สามจะไม่ได้รับอนุญาตให้ป๊อปอัปช่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP</translation> |
| <translation id="4056910949759281379">ปิดใช้งานโปรโตคอล SPDY</translation> |
| <translation id="4059515172917655545">นโยบายนี้ควบคุมความพร้อมใช้งานของบริการตำแหน่งของ Google |
| |
| เมื่อไม่ได้กำหนดค่าหรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="GLS_DISABLED" /> ระบบจะปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="GLS_UNDER_USER_CONTROL" /> ระบบจะขอให้ผู้ใช้เลือกว่าจะใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่ ซึ่งจะอนุญาตให้แอป Android ใช้บริการนี้ในการขอทราบตำแหน่งของอุปกรณ์ รวมถึงเปิดใช้การส่งข้อมูลตำแหน่งที่ไม่ระบุตัวตนไปยัง Google ด้วย |
| |
| โปรดทราบว่าระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้และปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google เสมอเมื่อมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="DEFAULT_GEOLOCATION_SETTING_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /></translation> |
| <translation id="408029843066770167">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังบริการเวลาของ Google</translation> |
| <translation id="408076456549153854">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="4088589230932595924">บังคับใช้โหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="4088983553732356374">ให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ตั้งค่าข้อมูลในเครื่องไหม โดยสามารถอนุญาตทุกเว็บไซต์หรือปฏิเสธทุกเว็บไซต์ในการตั้งค่าข้อมูลในเครื่อง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เก็บคุกกี้ไว้ภายในช่วงเวลาของเซสชัน" ระบบจะล้างคุกกี้เมื่อเซสชันปิดลง โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานใน "โหมดพื้นหลัง" เซสชันอาจไม่ปิดเมื่อคุณปิดหน้าต่างบานสุดท้าย โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้ได้จากนโยบาย "BackgroundModeEnabled" |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะนำ "AllowCookies" มาใช้ และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงค่าได้</translation> |
| <translation id="4103289232974211388">เปลี่ยนเส้นทางไปยัง SAML IdP หลังจากผู้ใช้ยืนยัน</translation> |
| <translation id="410478022164847452">ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีการใช้งานเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะใช้ไฟ AC |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่า จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่มีการใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกกันได้ |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="4105989332710272578">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการ URL</translation> |
| <translation id="4121350739760194865">ป้องกันไม่ให้การส่งเสริมของแอปพลิเคชันไปปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="412697421478384751">ยอมให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่คาดเดาง่ายเป็น PIN หน้าจอล็อก</translation> |
| <translation id="4138655880188755661">การจำกัดเวลา</translation> |
| <translation id="4157003184375321727">รายงานรุ่นของระบบปฏิบัติการและเฟิร์มแวร์</translation> |
| <translation id="4157594634940419685">อนุญาตให้เข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS ดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="4183229833636799228">การตั้งค่าเริ่มต้นของ <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation> |
| <translation id="4192388905594723944">URL สำหรับตรวจสอบความถูกต้องโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="4203389617541558220">จำกัดเวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์โดยการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติ |
| |
| เมื่อนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุระยะเวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์ ซึ่งอยู่ก่อนเวลาที่กำหนดการรีบูตอัตโนมัติไว้ |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ไม่ได้ถูกตั้งค่า เวลาพร้อมทำงานของอุปกรณ์จะไม่ถูกจำกัด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าได้ |
| |
| การรีบูตอัตโนมัติถูกกำหนดที่เวลาที่เลือกไว้ แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้กำลังใช้อุปกรณ์ในขณะนั้น |
| |
| หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงอยู่หรือเซสชันแอปคีออสก์ดำเนินการอยู่เท่านั้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตและนโยบายจะมีการนำไปใช้เสมอ โดยไม่คำนึงว่ามีเซสชันประเภทใดดำเนินการอยู่หรือไม่ |
| |
| ควรมีการระบุค่านโยบายเป็นวินาที ค่าถูกกำหนดไว้ที่อย่างน้อย 3,600 (หนึ่งชั่วโมง)</translation> |
| <translation id="4203879074082863035">มีเฉพาะเครื่องพิมพ์ในรายการที่อนุญาตพิเศษที่จะแสดงต่อผู้ใช้</translation> |
| <translation id="420512303455129789">URL การจับคู่พจนานุกรมเข้ากับธงบูลีนที่ระบุว่าการเข้าถึงโฮสต์ต้องได้รับอนุญาต (True) หรือถูกบล็อก (False) |
| |
| นโยบายนี้ใช้สำหรับการใช้งานภายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เอง</translation> |
| <translation id="4224610387358583899">การหน่วงเวลาในการล็อกหน้าจอ</translation> |
| <translation id="423797045246308574">ช่วยให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากรูปแบบ URL อยู่ใน "KeygenBlockedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้เอง</translation> |
| <translation id="4239720644496144453">ไม่มีการใช้แคชสำหรับแอป Android หากมีผู้ใช้หลายคนติดตั้งแอป Android เดียวกัน จะมีการดาวน์โหลดแอปใหม่สำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation> |
| <translation id="4243336580717651045">เปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะส่ง URL ของหน้าที่ผู้ใช้เข้าชมไปให้ Google เพื่อปรับปรุงการค้นหาและการท่องเว็บให้ดีขึ้น |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะทำงานอยู่เสมอ |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้ การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะไม่ทำงานเลย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation> |
| <translation id="4250680216510889253">ไม่มี</translation> |
| <translation id="4261820385751181068">ภาษาในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="427220754384423013">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานได้ |
| |
| ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> สำหรับโหมด <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น |
| |
| ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้งานได้เฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบาย รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" /> |
| </translation> |
| <translation id="427632463972968153">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาภาพด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {imageThumbnail} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลภาพขนาดย่อที่แท้จริง |
| |
| นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาภาพจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET |
| |
| นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" ถูกเปิดใช้</translation> |
| <translation id="4285674129118156176">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ ARC</translation> |
| <translation id="4298509794364745131">ระบุรายชื่อแอปที่เปิดใช้เป็นแอปสำหรับจดโน้ตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ |
| |
| ถ้าคุณเปิดใช้แอปสำหรับจดโน้ตที่ต้องการในหน้าจอล็อก หน้าจอล็อกจะมีองค์ประกอบ UI สำหรับเปิดแอปสำหรับจดโน้ตดังกล่าว |
| เมื่อเปิดขึ้นมา แอปจะสามารถสร้างหน้าต่างแอปที่ด้านบนของหน้าจอล็อกและสร้างรายการข้อมูล (โน้ต) ในบริบทของหน้าจอล็อกได้ แอปจะนำเข้าโน้ตที่สร้างไปยังเซสชันหลักของผู้ใช้ได้เมื่อเซสชันนั้นไม่ได้ล็อก ปัจจุบันมีเฉพาะแอปสำหรับจดโน้ตของ Chrome เท่านั้นที่ใช้ในหน้าจอล็อกได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดใช้แอปในหน้าจอล็อกได้เฉพาะเมื่อมีรหัสส่วนขยายของแอปอยู่ในค่ารายการนโยบาย |
| ดังนั้น การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่ว่างเปล่าจะเป็นการปิดใช้การจดโน้ตในหน้าจอล็อกไปทั้งหมด |
| โปรดทราบว่านโยบายที่มีรหัสแอปไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้จะเปิดใช้แอปนั้นเป็นแอปสำหรับจดโน้ตในหน้าจอล็อกได้เสมอไป เช่น ใน Chrome 61 ชุดของแอปที่ใช้งานได้จะมีข้อจำกัดเพิ่มเติมจากแพลตฟอร์ม |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปิดใช้ชุดแอปในหน้าจอล็อกได้โดยไม่มีข้อจำกัดจากนโยบาย</translation> |
| <translation id="4309640770189628899">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส DHE ใน TLS อยู่ไหม</translation> |
| <translation id="4322842393287974810">อนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="4325690621216251241">เพิ่มปุ่มออกจากระบบลงในถาดระบบ</translation> |
| <translation id="4332177773549877617">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งแอป Android</translation> |
| <translation id="4346674324214534449">อนุญาตให้คุณตั้งค่าได้ว่าจะบล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรกหรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 2 ระบบจะบล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก |
| อย่างไรก็ตาม การทำงานนี้จะไม่เกิดขึ้นหากตั้งค่านโยบาย SafeBrowsingEnabled เป็น False |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 1 ระบบจะไม่บล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่า 2</translation> |
| <translation id="4347908978527632940">หากเป็น True และผู้ใช้เป็นผู้ใช้ภายใต้การดูแล แอป Android อื่นๆ จะสามารถสืบค้นข้อจำกัดด้านเว็บของผู้ใช้คนดังกล่าวผ่านผู้ให้บริการเนื้อหาได้ |
| |
| หากเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ให้บริการเนื้อหาจะไม่แสดงข้อมูลใดๆ</translation> |
| <translation id="435461861920493948">มีรายการของรูปแบบที่ใช้ในการควบคุมการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| บัญชี Google แต่ละบัญชีในอุปกรณ์จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบที่จัดเก็บไว้ในนโยบายนี้ เพื่อกำหนดการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะเปิดเผยบัญชีหากชื่อบัญชีตรงกับรูปแบบใดๆ ในหน้ารายการ แต่หากไม่ตรงกัน ระบบจะซ่อนบัญชีไว้ |
| |
| ใช้อักขระ "*" ที่เป็นสัญลักษณ์แทนเพื่อจับคู่อักขระ 0 หรืออักขระอื่นๆ ที่กำหนดเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นหากต้องการจับคู่อักขระ "*" หรือ "\" จริง ต้องใส่ "\" ไว้หน้าอักขระเหล่านั้นด้วย |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ บัญช่ี Google ทั้งหมดในอุปกรณ์จะแสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="436581050240847513">รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4372704773119750918">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของหลายโปรไฟล์ (หลักหรือรอง)</translation> |
| <translation id="4377599627073874279">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงภาพทั้งหมด</translation> |
| <translation id="437791893267799639">ไม่ได้ตั้งนโยบาย ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation> |
| <translation id="4389091865841123886">กำหนดค่าการยืนยันระยะไกลกับกลไก TPM</translation> |
| <translation id="4408428864159735559">รายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า</translation> |
| <translation id="4410236409016356088">เปิดใช้การควบคุมปริมาณแบนด์วิดท์ของเครือข่าย</translation> |
| <translation id="441217499641439905">ปิดใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือในแอป "ไฟล์" ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="4418726081189202489">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> จากการส่งคำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เป็นครั้งคราวเพื่อดึงการประทับเวลาที่ถูกต้อง จะมีการเปิดใช้คำค้นหาเหล่านี้ถ้านโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้</translation> |
| <translation id="4423597592074154136">ระบุการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง</translation> |
| <translation id="4429220551923452215">เปิดหรือปิดใช้ทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกแสดงหรือซ่อนทางลัดของแอปจากเมนูบริบทของแถบบุ๊กมาร์ก |
| |
| หากมีการกำหนดค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และทางลัดของแอปจะแสดงเสมอหรือไม่แสดงเลย</translation> |
| <translation id="4432762137771104529">เปิดใช้การรายงานแบบขยายของ Safe Browsing</translation> |
| <translation id="443454694385851356">แบบเดิม (ไม่ปลอดภัย)</translation> |
| <translation id="443665821428652897">ล้างข้อมูลไซต์เมื่อปิดเบราว์เซอร์ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="4439336120285389675">ระบุรายชื่อฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วเพื่อเปิดใช้ใหม่ชั่วคราว |
| |
| นโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มซึ่งเลิกใช้ไปแล้วได้ใหม่อีกครั้งครั้งในเวลาจำกัด ฟีเจอร์เหล่านี้จะระบุโดยสตริงแท็ก ซึ่งฟีเจอร์ที่สอดคล้องกับแท็กที่มีอยู่ในรายการที่นโยบายนี้กำหนดจะถูกเปิดใช้อีกครั้ง |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ไม่มีข้อมูลในรายการ หรือไม่ตรงกับสตริงแท็กที่สนับสนุนใดๆ ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วทั้งหมดจะยังถูกปิดใช้ |
| |
| แม้ตัวนโยบายจะได้รับการสนับสนุนบนแพลตฟอร์มข้างต้น แต่ฟีเจอร์ที่นโยบายเปิดใช้อาจใช้ได้บนแพลตฟอร์มไม่กี่แห่ง ฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วบางรายการอาจไม่สามารถเปิดใช้ได้อีก เฉพาะฟีเจอร์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนด้านล่างเท่านั้นที่สามารถเปิดใช้ได้อีกภายในช่วงเวลาจำกัด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์ รูปแบบของสตริงแท็กทั่วไปคือ [DeprecatedFeatureName]_EffectiveUntil[yyyymmdd] ตามข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถค้นหาเจตนาในการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มได้ที่ https://bit.ly/blinkintents |
| </translation> |
| <translation id="4442582539341804154">เปิดใช้งานการล็อกเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือระงับใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4449545651113180484">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 270 องศา</translation> |
| <translation id="4454820008017317557">แสดงไอคอนแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="4467952432486360968">ปิดกั้นคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation> |
| <translation id="4474167089968829729">เปิดการบันทึกรหัสผ่านไปยังโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="4476769083125004742">หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> แอป Android จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง แต่หากตั้งค่าเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขอการยินยอมจากผู้ใช้หากแอป Android ต้องการเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง</translation> |
| <translation id="4480694116501920047">บังคับใช้ค้นหาปลอดภัย</translation> |
| <translation id="4482640907922304445">แสดงปุ่มหน้าแรกบนแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปุ่มหน้าแรกจะปรากฏเสมอ หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ปุ่มหน้าแรกจะไม่แสดง หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> การปล่อยให้นโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะแสดงปุ่มหน้าแรกหรือไม่</translation> |
| <translation id="4483649828988077221">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="4485425108474077672">กำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="4492287494009043413">ปิดใช้งานการจับภาพหน้าจอ</translation> |
| <translation id="449423975179525290">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="450537894712826981">กำหนดค่าขนาดของแคชที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการเก็บไฟล์สื่อที่แคชบนดิสก์ |
| |
| หากคุณตั้งนโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดของแคชที่ระบุไว้โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้ได้ระบุธง '--media-cache-size' ไว้หรือไม่ ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นคำแนะนำสำหรับระบบการแคช ค่าใดก็ตามที่ต่ำกว่าไม่กี่เมกะไบต์จะถือว่าเล็กเกินไปและจะปัดให้เป็นค่าต่ำสุดที่รับได้ |
| |
| หากค่าของนโยบายนี้คือ 0 จะมีการใช้ขนาดของแคชเริ่มต้นแต่ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ขนาดเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างด้วยค่าสถานะ --media-cache-size</translation> |
| <translation id="4508686775017063528">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะเปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และผู้ใช้จะสามารถเปิดจากเมนูแอป เมนูตามบริบทของหน้า ส่วนควบคุมสื่อในเว็บไซต์ที่พร้อมใช้งาน Cast และไอคอนแถบเครื่องมือ Cast (หากปรากฏ) ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ระบบจะปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="4515404363392014383">เปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation> |
| <translation id="4518251772179446575">ถามเมื่อไซต์ต้องการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4519046672992331730">เปิดใช้งานคำแนะนำการค้นหาในแถบอเนกประสงค์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะมีการใช้คำแนะนำการค้นหา |
| |
| หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะไม่มีการใช้คำแนะนำการค้นหา |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="4531706050939927436">สามารถบังคับการติดตั้งแอป Android ได้จากคอนโซล Google Admin ผ่าน Google Play แอปดังกล่าวไม่ได้ใช้นโยบายนี้</translation> |
| <translation id="4534500438517478692">ชื่อการจำกัด Android:</translation> |
| <translation id="4541530620466526913">บัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4544079461524242527">กำหนดการตั้งค่าการจัดการส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้จะควบคุมการตั้งค่าหลายรายการ รวมถึงการตั้งค่าที่ควบคุมโดยนโยบายปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยาย นโยบายนี้จะลบล้างนโยบายเดิมหากมีการตั้งค่าทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| นโยบายนี้จะจับคู่รหัสส่วนขยายหรือ URL การอัปเดตกับการกำหนดค่าของรายการนั้นๆ เมื่อใช้รหัสส่วนขยาย ระบบจะใช้การกำหนดค่ากับส่วนขยายที่ระบุไว้เท่านั้น คุณกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับรหัสพิเศษ <ph name="DEFAULT_SCOPE" /> ได้ ซึ่งระบบจะใช้กับส่วนขยายทั้งหมดที่คุณไม่ได้กำหนดค่าเองในนโยบายนี้ เมื่อใช้ URL การอัปเดต ระบบจะใช้การกำหนดค่ากับส่วนขยายทั้งหมดที่มี URL การอัปเดตตรงกับที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยายนี้ ตามที่อธิบายไว้ใน <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC1" /> |
| |
| หากต้องการดูคำอธิบายแบบเต็มของการตั้งค่าที่เป็นไปได้และโครงสร้างของนโยบายนี้ โปรดไปที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/extension-settings-full |
| </translation> |
| <translation id="4554651132977135445">โหมดประมวลผล Loopback ของนโยบายด้านผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4554841826517980623">นโยบายนี้ใช้กำหนดว่าฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรใช้ <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อค้นหาการแชร์ในเครือข่ายหรือไม่ |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" การค้นหาการแชร์จะใช้โปรโตคอล <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อค้นหาการแชร์ในเครือข่าย |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" การค้นหาการแชร์จะไม่ใช้โปรโตคอล <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อค้นหาการแชร์ |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่จัดการโดยองค์กร แต่จะเปิดใช้สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="4555850956567117258">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4557134566541205630">URL หน้าแท็บใหม่ของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4567137030726189378">อนุญาตการใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="4600786265870346112">เปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่</translation> |
| <translation id="4604931264910482931">กำหนดค่าบัญชีดำการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="4613508646038788144">หากตั้งค่านโยบายเป็น False ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามจะสามารถแทรกโค้ดที่สั่งการได้ลงในการประมวลผลของ Chrome หากไม่มีการตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น True ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามจะถูกบล็อกไม่ให้แทรกโค้ดที่สั่งการได้ลงในการประมวลผลของ Chrome</translation> |
| <translation id="4617338332148204752">ข้ามการตรวจสอบเมตาแท็กใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="4625915093043961294">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="4632343302005518762">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาตามที่แสดงในรายการ</translation> |
| <translation id="4632566332417930481">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กร อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในบริบทอื่นๆ</translation> |
| <translation id="4633786464238689684">เปลี่ยนการทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้นของแป้นแถวบนสุดเป็นแป้นฟังก์ชัน |
| |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "จริง" แป้นแถวบนสุดของแป้นพิมพ์จะให้ผลการทำงานเป็นคำสั่งของแป้นฟังก์ชันตามค่าเริ่มต้น โดยจะต้องกดแป้นค้นหาเพื่อเปลี่ยนการทำงานกลับไปเป็นแป้นสื่อ |
| |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์จะให้ผลการทำงานเป็นคำสั่งของแป้นสื่อตามค่าเริ่มต้นและคำสั่งของแป้นฟังก์ชันเมื่อกดแป้นค้นหาค้างไว้</translation> |
| <translation id="4639407427807680016">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่จะยกเว้นจากบัญชีดำ</translation> |
| <translation id="4650759511838826572">ปิดใช้งานสกีมโปรโตคอล URL</translation> |
| <translation id="465099050592230505">URL เว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation> |
| <translation id="4665897631924472251">การตั้งค่าการจัดการส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="4668325077104657568">การตั้งค่าภาพเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4670865688564083639">ต่ำสุด:</translation> |
| <translation id="4671708336564240458">ช่วยให้คุณกำหนดว่าควรป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่ |
| อย่างไรก็ตาม ลักษณะการทำงานนี้จะไม่เริ่มต้นขึ้นหากคุณตั้งค่านโยบาย SafeBrowsingEnabled ไว้เป็น False |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น False ระบบจะอนุญาตให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่ |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ ระบบจะใช้การตั้งค่า True</translation> |
| <translation id="467236746355332046">ฟีเจอร์ที่ได้รับการสนับสนุน:</translation> |
| <translation id="4674167212832291997">กำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ทุกครั้ง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" |
| |
| สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation> |
| <translation id="467449052039111439">เปิดรายการ URL</translation> |
| <translation id="4680936297850947973">เลิกใช้งานไปแล้วใน M68 โปรดใช้ DefaultPopupsSetting แทน |
| |
| ดูคำอธิบายฉบับเต็มได้ที่ https://www.chromestatus.com/features/5675755719622656 |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ เว็บไซต์จะมีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกันได้ |
| หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เว็บไซต์จะไม่มีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกัน</translation> |
| <translation id="4680961954980851756">เปิดใช้งานการป้อนอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="4703402283970867140">เปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะเพื่อขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง</translation> |
| <translation id="4722122254122249791">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจง</translation> |
| <translation id="4722399051042571387">หากเป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถตั้งค่า PIN ที่หละหลวมและเดาได้ง่าย |
| |
| ตัวอย่าง PIN ที่หละหลวมได้แก่ PIN ที่มีตัวเลขเดียวกันทั้งหมด (1111), PIN ที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นทีละ 1 (1234), PIN ที่ตัวเลขลดลงทีละ 1 (4321) และ PIN ที่ใช้กันทั่วไป |
| |
| โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะได้รับคำเตือน ซึ่งไม่ใช่ข้อผิดพลาด ถ้าระบบมองว่า PIN นั้นหละหลวม</translation> |
| <translation id="4723829699367336876">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากไคลเอ็นต์ที่เข้าถึงจากระยะไกล</translation> |
| <translation id="4725528134735324213">เปิดใช้ Android Backup Service</translation> |
| <translation id="4725801978265372736">กำหนดให้ชื่อผู้ใช้ในเครื่องและเจ้าของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องตรงกัน</translation> |
| <translation id="4733471537137819387">นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ในตัว</translation> |
| <translation id="4744190513568488164">เซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจมอบสิทธิ์ให้ |
| |
| คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค อนุญาตให้ใช้อักขระตัวแทน (*) |
| |
| หากคุณปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่มอบสิทธิ์ข้อมูลรับรองผู้ใช้ แม้จะตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินทราเน็ตก็ตาม</translation> |
| <translation id="4752880493649142945">ใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับการเชื่อมต่อกับ RemoteAccessHostTokenValidationUrl</translation> |
| <translation id="4757671984625088193">หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแนะนำหน้าที่เกี่ยวข้องกับหน้าปัจจุบัน |
| รายการแนะนำเหล่านี้จะดึงข้อมูลแบบระยะไกลจากเซิร์ฟเวอร์ Google |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ดึงข้อมูลหรือแสดงรายการแนะนำ</translation> |
| <translation id="4788252609789586009">เปิดใช้ฟีเจอร์ข้อความป้อนอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลบัตรเครดิตในเว็บฟอร์มโดยอัตโนมัติด้วยข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลบัตรเครดิตให้โดยอัตโนมัติ และจะไม่บันทึกข้อมูลบัตรเครดิตที่ผู้ใช้อาจส่งมาขณะเรียกดูเว็บ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะควบคุมฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับบัตรเครดิตได้ใน UI</translation> |
| <translation id="4791031774429044540">เปิดใช้งานฟีเจอร์การเข้าถึงเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกเปิดใช้งานเสมอ |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเสมอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่จะสามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="4802905909524200151">กำหนดค่าพฤติกรรมอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /></translation> |
| <translation id="4807950475297505572">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดจะถูกลบจนกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation> |
| <translation id="4815725774537609998">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ให้ใช้ ProxyMode แทน |
| |
| ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง คุณสามารถระบุตัวเลือกอื่นๆ ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์", "URL ไปยังไฟล์พร็อกซี .pac" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นจึงจะพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC |
| |
| สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่: |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation> |
| <translation id="4816674326202173458">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นทั้งผู้ใช้หลักและรอง (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ)</translation> |
| <translation id="4826326557828204741">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="4834526953114077364">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบภายใน 3 เดือนที่ผ่านมาจะถูกลบจากกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation> |
| <translation id="4858735034935305895">อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอ</translation> |
| <translation id="4861767323695239729">กำหนดค่าวิธีการป้อนข้อมูลที่อนุญาตในเซสชันผู้ใช้</translation> |
| <translation id="487460824085252184">ย้ายข้อมูลอัตโนมัติโดยไม่ขอคำยินยอมจากผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4874982543810021567">บล็อก WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="4876805738539874299">เปิดใช้เวอร์ชันสูงสุดของ SSL ไว้</translation> |
| <translation id="4897928009230106190">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาตามคำแนะนำด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง |
| |
| นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนดไว้ คำขอการแนะนำการค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET |
| |
| นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled 'ถูกเปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="489803897780524242">พารามิเตอร์ที่ควบคุมตำแหน่งข้อความค้นหาสำหรับผู้ให้บริการค้นหาในค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4899708173828500852">เปิดใช้งาน Safe Browsing</translation> |
| <translation id="4899802251198446659">ให้คุณควบคุมว่าวิดีโอจะเล่นโดยอัตโนมัติ (ผู้ใช้ไม่ต้องให้คำยินยอม) พร้อมด้วยเนื้อหาเสียงได้หรือไม่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น True <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเล่นสื่อโดยอัตโนมัติได้ |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเล่นสื่อโดยอัตโนมัติไม่ได้ คุณใช้นโยบาย AutoplayWhitelist ลบล้างการดำเนินการข้างต้นได้สำหรับ URL บางรูปแบบ |
| โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นสื่อโดยอัตโนมัติ คุณใช้นโยบาย AutoplayWhitelist ลบล้างการดำเนินการข้างต้นได้สำหรับ URL บางรูปแบบ |
| |
| โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ แล้วนโยบายนี้มีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น ดังนั้นบางแท็บอาจยังทำงานในลักษณะเดิมอยู่ |
| </translation> |
| <translation id="4906194810004762807">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4917385247580444890">แรง</translation> |
| <translation id="4923806312383904642">อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation> |
| <translation id="494613465159630803">Cast Receiver</translation> |
| <translation id="4962262530309732070">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เพิ่มบุคคลจากการจัดการผู้ใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้สร้างโปรไฟล์ใหม่จากการจัดการผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4970855112942626932">ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="4971529314808359013">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์ให้โดยอัตโนมัติ หากเว็บไซต์ดังกล่าวขอใบรับรอง |
| |
| ค่าต้องเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ซึ่งมีรูปแบบเป็นสตริง พจนานุกรมแต่ละรายการต้องอยู่ในรูปแบบ { "pattern": "$URL_PATTERN", "filter" : $FILTER } โดยที่ $URL_PATTERN เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา ส่วน $FILTER จะจำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง หาก $FILTER อยู่ในรูปแบบ { "ISSUER": { "CN": "$ISSUER_CN" } } ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName $ISSUER_CN เพิ่มเข้ามา หาก $FILTER คือพจนานุกรมเปล่า {} การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม |
| |
| หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มีการเลือกใบรับรองโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม</translation> |
| <translation id="4978405676361550165">หากตั้งค่านโยบาย "OffHours" ไว้ ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายอุปกรณ์ที่ระบุไว้ (ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเหล่านี้) ในช่วงเวลาที่กำหนด Chrome จะใช้นโยบายอุปกรณ์ต่างๆ อีกครั้งในทุกๆ กรณีเมื่อเวลาของ "OffHours" เริ่มต้นหรือสิ้นสุดลง ผู้ใช้จะได้รับแจ้งและถูกบังคับให้ออกจากระบบเมื่อเวลาของ "OffHours" สิ้นสุดลงและมีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ (เช่น เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบด้วยบัญชีที่ไม่ได้รับอนุญาต)</translation> |
| <translation id="4980635395568992380">ประเภทข้อมูล:</translation> |
| <translation id="4983201894483989687">อนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอินที่เก่าแล้ว</translation> |
| <translation id="4988291787868618635">การทำงานที่ต้องทำเมื่อถึงระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="4995548127349206948">มีการเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ NTLMv2 หรือไม่</translation> |
| <translation id="5047604665028708335">อนุญาตการเข้าถึงเว็บไซต์ที่อยู่นอกชุดเนื้อหา</translation> |
| <translation id="5052081091120171147">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าประวัติการเรียกดู หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="5056708224511062314">ปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ</translation> |
| <translation id="5058573563327660283">เลือกกลยุทธ์ที่ใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างของดิสก์ระหว่างการล้างข้อมูลอัตโนมัติ (เลิกใช้แล้ว)</translation> |
| <translation id="5067143124345820993">ลงชื่อเข้าใช้รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาต</translation> |
| <translation id="5068140065960598044">นโยบายระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ลบล้างนโยบายของเครื่อง</translation> |
| <translation id="5076274878326940940">เปิดใช้การใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ การค้นหาเริ่มต้นจะดำเนินการเมื่อผู้ใช้พิมพ์ข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบอเนกประสงค์ |
| |
| คุณจะระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่จะใช้ได้โดยการตั้งค่านโยบายการค้นหาเริ่มต้นส่วนที่เหลือ หากเว้นว่างไว้ ผู้ใช้จะเลือกผู้ให้บริการเริ่มต้นได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ การค้นหาจะดำเนินการไม่ได้เมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบอเนกประสงค์ |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />ไม่ได้ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นและผู้ใช้จะกำหนดรายการผู้ให้บริการการค้นหาได้ |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5085647276663819155">ปิดใช้งานหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation> |
| <translation id="5090209345759901501">ขยายการตั้งค่าเนื้อหา Flash ไปยังเนื้อหาทั้งหมด</translation> |
| <translation id="5093540029655764852">ระบุอัตรา (เป็นวัน) ที่ไคลเอ็นต์เปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง ไคลเอ็นต์จะสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มและผู้ใช้จะไม่เห็นรหัสผ่านนี้ |
| |
| ควรเปลี่ยนรหัสผ่านของเครื่องเป็นประจำเช่นเดียวกับรหัสผ่านของผู้ใช้ การปิดใช้นโยบายนี้หรือกำหนดระยะเวลาที่นานมากจะส่งผลเสียต่อการรักษาความปลอดภัย เพราะเป็นการยืดเวลาให้ผู้โจมตีค้นหารหัสผ่านบัญชีของเครื่องและใช้รหัสนั้น |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบาย รหัสผ่านบัญชีของเครื่องจะเปลี่ยนทุก 30 วัน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 ระบบจะปิดใช้การเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง |
| |
| โปรดทราบว่ารหัสผ่านอาจมีอายุนานกว่าจำนวนวันที่ระบุไว้หากไคลเอ็นต์ออฟไลน์เป็นเวลานาน</translation> |
| <translation id="5105313908130842249">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="5108031557082757679">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation> |
| <translation id="5113732180192599620">นโยบายนี้ควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะไม่ทำให้มีการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ |
| |
| โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย<ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎ ซึ่งคล้ายกับนโยบาย <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" /> แต่ตรรกะนั้นกลับกัน นั่นคือ กฎที่ตรงกันจะไม่เปิดเบราว์เซอร์สำรอง |
| |
| สิ่งที่ต่างจาก <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" />คือกฎต่างๆ จะใช้กับทั้ง 2 ทาง นั่นคือ เมื่อ Internet Explorer มีและเปิดใช้ส่วนเสริม ส่วนเสริมก็จะเป็นตัวควบคุมด้วยว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ควรเปิด URL เหล่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่</translation> |
| <translation id="5130288486815037971">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส RC4 ใน TLS อยู่ไหม</translation> |
| <translation id="5141670636904227950">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอเริ่มต้นที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="5142301680741828703">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้ใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="5148753489738115745">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่จะนำมาใช้เมื่อ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> เปิดใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ คำสั่งที่เป็นค่าเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้</translation> |
| <translation id="5159469559091666409">ความถี่ในการส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่ายเป็นมิลลิวินาที |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ช่วงเวลาเริ่มต้นคือทุก 3 นาที |
| ช่วงเวลาต่ำสุดคือทุก 30 วินาที และช่วงเวลาสูงสุดคือทุก 24 ชั่วโมง |
| ค่าที่ไม่อยู่ในช่วงดังกล่าวจะถูกจำกัดตามช่วงนี้</translation> |
| <translation id="5163002264923337812">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า</translation> |
| <translation id="5182055907976889880">กำหนดค่า Google ไดรฟ์ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="5183383917553127163">ช่วยให้คุณระบุได้ว่าส่วนขยายใดที่ไม่ขึ้นอยู่กับรายการที่ไม่อนุญาต ค่ารายการที่ไม่อนุญาต * แสดงว่าส่วนขยายทั้งหมดจัดอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาต และผู้ใช้สามารถติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่อยู่ในรายการที่อนุญาต ตามค่าเริ่มต้น ส่วนขยายทั้งหมดจะอยู่ในรายการที่อนุญาต แต่หากส่วนขยายทั้งหมดถูกจัดอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาตตามนโยบาย คุณสามารถใช้รายการที่อนุญาตเพื่อแทนที่นโยบายดังกล่าวได้</translation> |
| <translation id="519247340330463721">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Safe Browsing</translation> |
| <translation id="5192837635164433517">เปิดใช้งานการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรองอื่นๆ ที่มีการสร้างไว้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> (เช่น "ไม่พบหน้าเว็บ") และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะมีการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรอง หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ จะไม่มีการใช้หน้าข้อผิดพลาดสำรอง หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานแต่ผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="5196805177499964601">บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะป้องกันไม่ให้อุปกรณ์บูตเข้าสู่โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ระบบจะปฏิเสธการบูตและแสดงหน้าจอข้อผิดพลาดเมื่อมีการเปิดโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งเป็น False จะสามารถใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในอุปกรณ์ได้</translation> |
| <translation id="520403427390290017">ฟีเจอร์วงจรชีวิตแท็บจะอ้างสิทธิ์ CPU ซ้ำ รวมถึงหน่วยความจำที่เกี่ยวข้องกับการเรียกใช้แท็บที่ไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว โดยจะควบคุมการใช้งานก่อน จากนั้นจึงหยุดการใช้งาน และยกเลิกไป |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้วงจรชีวิตแท็บ และแท็บทั้งหมดจะทำงานตามปกติ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ระบุค่า ระบบจะเปิดใช้วงจรชีวิตแท็บ</translation> |
| <translation id="5207823059027350538">กำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่เริ่มต้นและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าดังกล่าว |
| |
| หน้าแท็บใหม่คือหน้าเว็บที่เปิดขึ้นเมื่อมีการสร้างแท็บใหม่ (รวมถึงหน้าที่เปิดในหน้าต่างใหม่) |
| |
| นโยบายนี้ไม่ได้กำหนดหน้าที่จะเปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มต้น นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" />จะเป็นตัวควบคุมหน้าเหล่านั้น แต่นโยบายนี้จะส่งผลต่อหน้าแรก หากมีการตั้งค่าให้หน้าแรกเปิดหน้าแท็บใหม่ รวมไปถึงหน้าเริ่มต้นใช้งาน หากกำหนดให้หน้าดังกล่าวเปิดหน้าแท็บใหม่ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้ ระบบจะใช้หน้าแท็บใหม่เริ่มต้น |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5208240613060747912">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือน หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultNotificationsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation> |
| <translation id="5213038356678567351">เว็บไซต์ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="5219844027738217407">สำหรับแอป Android นโยบายนี้จะส่งผลต่อไมโครโฟนเท่านั้น เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ไมโครโฟนจะปิดเสียงสำหรับแอป Android ทุกแอปโดยไม่มีข้อยกเว้น</translation> |
| <translation id="5228316810085661003">การเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์ล่าช้า |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้ |
| |
| หากกำหนดค่านโยบายนี้ไว้ นโยบายจะกำหนดระยะเวลาที่ไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้ที่ควรล่วงเลยไปก่อนการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์ที่นโยบาย |DeviceLocalAccountAutoLoginId| ระบุไว้ |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ระยะหมดเวลาจะเป็น 0 มิลลิวินาที |
| |
| นโยบายนี้จะระบุเวลาเป็นมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="523505283826916779">การตั้งค่าสำหรับการเข้าถึง</translation> |
| <translation id="5247006254130721952">บล็อกการดาวน์โหลดที่อันตราย</translation> |
| <translation id="5248863213023520115">ตั้งค่าประเภทการเข้ารหัสที่ได้รับอนุญาต หากมีการส่งคำขอตั๋ว Kerberos จากเซิร์ฟเวอร์ <ph name="MS_AD_NAME" /> |
| |
| หากกำหนดนโยบายไว้เป็น "ทั้งหมด" ระบบจะอนุญาตทั้งการเข้ารหัส AES ประเภท "aes256-cts-hmac-sha1-96" และ "aes128-cts-hmac-sha1-96" และการเข้ารหัส RC4 ประเภท "rc4-hmac" แต่ระบบจะเลือกการเข้ารหัส AES หากเซิร์ฟเวอร์รองรับทั้ง 2 ประเภท โปรดทราบว่า RC4 เป็นการเข้ารหัสที่ไม่ปลอดภัยและต้องกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์อีกครั้งหากเป็นไปได้ เพื่อให้รองรับการเข้ารหัส AES |
| |
| หากกำหนดนโยบายให้เป็น "เดารหัสได้ยาก" หรือหากยังไม่มีการตั้งค่า ระบบจะอนุญาตเฉพาะประเภทการเข้ารหัส AES เท่านั้น |
| |
| หากกำหนดนโยบายให้เป็น "เดารหัสได้ยาก" หรือหากยังไม่มีการตั้งค่า ระบบจะอนุญาตเฉพาะประเภทการเข้ารหัส AES เท่านั้น หากกำหนดนโยบายให้เป็น "เดิม" ระบบจะอนุญาตเฉพาะประเภทการเข้ารหัส RC4 เท่านั้น ตัวเลือกนี้ไม่ปลอดภัยและต้องใช้ในกรณีที่เฉพาะเจาะจงเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น |
| |
| อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://wiki.samba.org/index.php/Samba_4.6_Features_added/changed#Kerberos_client_encryption_types</translation> |
| <translation id="5255162913209987122">สามารถรับคำแนะนำได้</translation> |
| <translation id="527237119693897329">ช่วยให้คุณสามารถระบุว่าโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมใดที่ไม่ควรโหลด |
| |
| ค่า "*" ของบัญชีดำหมายถึงโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดอยู่ในบัญชีดำ เว้นเสียแต่ว่าจะได้รับการระบุอย่างชัดแจ้งให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะโหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดที่ติดตั้งไว้</translation> |
| <translation id="5272684451155669299">หากค่าเป็น True ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ในอุปกรณ์ Chrome เพื่อยืนยันข้อมูลประจำตัวจากระยะไกลไปยัง CA ข้อมูลส่วนบุคคลผ่านทาง <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> โดยใช้ <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" /> |
| |
| หากตั้งค่าเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า การเรียกใช้ API จะล้มเหลวและแสดงรหัสข้อผิดพลาด</translation> |
| <translation id="5277806246014825877">อนุญาตให้ผู้ใช้นี้เรียกใช้ Crostini ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" Crostini จะปิดใช้งานสำหรับผู้ใช้นี้ |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ Crostini จะเปิดใช้งานสำหรับผู้ใช้นี้ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้ใช้งานเช่นกัน |
| นโยบายทั้งสามไม่ว่าจะเป็น VirtualMachinesAllowed, CrostiniAllowed และ DeviceUnaffiliatedCrostiniAllowed ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" หากต้องการอนุญาตให้ Crostini ทำงานได้ |
| หากนโยบายนี้เปลี่ยนการตั้งค่าเป็น "เท็จ" การตั้งค่านี้จะมีผลกับคอนเทนเนอร์ Crostini ใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานแต่ไม่หยุดการทำงานของคอนเทนเนอร์ซึ่งกำลังทำงานอยู่</translation> |
| <translation id="5283457834853986457">ปิดใช้เครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="5288772341821359899">หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ WebRTC จะใช้งานพอร์ต UDP ตามช่วงพอร์ตที่ระบุ (รวมจุดสิ้นสุดด้วย) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ หรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างหรือช่วงพอร์ตที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นการอนุญาตให้ WebRTC ใช้พอร์ต UDP ที่ว่างอยู่พอร์ตใดก็ได้ในเครื่อง</translation> |
| <translation id="5290940294294002042">ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="5304269353650269372">ระบุระยะเวลาที่ไม่มีอินพุตของผู้ใช้หลังจากที่ช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้นเมื่อใช้งานบนกำลังแบตเตอรีที่ต่ำ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงช่องโต้ตอบคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่าการดำเนินการแบบไม่ใช้งานกำลังจะเกิดขึ้น |
| |
| เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีช่องโต้ตอบคำเตือนปรากฏขึ้น |
| |
| ค่าของนโยบายควรระบุในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับความล่าช้าของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="5307432759655324440">ความพร้อมใช้งานของโหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="5318185076587284965">เปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="5323128137188992869">อนุญาตให้แคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์โดยใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น True ผู้ใช้จะแคสต์เนื้อหาได้ และหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome OS ที่ลงทะเบียนไว้ แต่จะแคสต์ไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนได้</translation> |
| <translation id="5329007337159326804">คำเตือน: เราจะนำนโยบาย TLS เวอร์ชันสูงสุดออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทั้งหมดประมาณเวอร์ชัน 75 (ช่วงเดือนมิถุนายน 2019) |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เวอร์ชันสูงสุดเริ่มต้น |
| |
| มิฉะนั้น อาจตั้งค่านโยบายเป็นค่าใดค่าหนึ่งระหว่าง "tls1.2" หรือ "tls1.3" เมื่อตั้งค่าแล้ว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้เวอร์ชัน SSL/TLS ที่สูงกว่าเวอร์ชันที่ระบุไว้ และระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก</translation> |
| <translation id="5330684698007383292">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation> |
| <translation id="5365476955714838841">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับเบราว์เซอร์สำรอง</translation> |
| <translation id="5365946944967967336">แสดงปุ่ม "หน้าแรก" บนแถบเครื่องมือ</translation> |
| <translation id="5366745336748853475">ช่วยให้คุณระบุรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่มีการเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์โดยอัตโนมัติในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในเฟรมที่โฮสต์ขั้นตอน SAML หากเว็บไซต์นั้นขอใบรับรอง ตัวอย่างการใช้งานคือเพื่อกำหนดค่าใบรับรองสำหรับทั้งอุปกรณ์เพื่อแสดงต่อ SAML IdP |
| |
| ค่าต้องเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ซึ่งมีรูปแบบเป็นสตริง พจนานุกรมแต่ละรายการต้องอยู่ในรูปแบบ { "pattern": "$URL_PATTERN", "filter" : $FILTER } โดยที่ $URL_PATTERN เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา ส่วน $FILTER จะจำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง หาก $FILTER อยู่ในรูปแบบ { "ISSUER": { "CN": "$ISSUER_CN" } } ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName $ISSUER_CN เพิ่มเข้ามา หาก $FILTER คือพจนานุกรมเปล่า {} การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม |
| |
| หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มีการเลือกใบรับรองโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม</translation> |
| <translation id="5366977351895725771">หากตั้งค่าเป็นเท็จ การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลโดยผู้ใช้รายนี้จะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลใดๆ ที่มีอยู่แล้วจะยังคงมีอยู่ |
| |
| หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้รายนี้จะสามารถสร้างและจัดการผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้</translation> |
| <translation id="5369937289900051171">การพิมพ์สีเท่านั้น</translation> |
| <translation id="5370279767682621504">เปิดใช้การรองรับ HTTP/0.9 บนพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5378985487213287085">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อปหรือไม่ การแสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อปอาจจะได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น ปฏิเสธโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้อาจได้รับคำถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการจะแสดงการแจ้งเตือนเดสก์ท็อป หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่าไว้ จะมีการใช้ "AskNotifications" และผู้ใช้สามารถจะเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="538108065117008131">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation> |
| <translation id="5391388690191341203">บัญชีภายในอุปกรณ์สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="5392172595902933844">ระบบส่งข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของ Android กลับไปยัง |
| เซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลสถานะใดๆ |
| หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะรายงานข้อมูลสถานะ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้แอป Android เท่านั้น</translation> |
| <translation id="5395271912574071439">เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลในขณะอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อ |
| |
| หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้อยู่ ตัวอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตของโฮสต์จะถูกปิดการใช้งานในขณะอยู่ระหว่างการเชื่อมต่อระยะไกล |
| |
| หากปิดการใช้งานการตั้งค่านี้อยู่หรือไม่ได้ตั้งค่าเอาไว้ ทั้งผู้ใช้ในท้องถิ่นและผู้ใช้จากระยะไกลจะสามารถโต้ตอบกับโฮสต์ได้เมื่อโฮสต์ถูกใช้งานร่วมกัน</translation> |
| <translation id="5396049152026347991">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้อินเทอร์เฟซผู้ใช้ทั้งหมดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่จะอนุญาตให้ผู้ใช้ยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ผู้ใช้จะยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN ได้ตามปกติ |
| |
| หากการเชื่อมต่อ VPN สร้างผ่านแอป VPN นโยบายนี้จะไม่ส่งผลต่อ UI ภายในแอป ผู้ใช้จึงอาจยังใช้แอปเพื่อแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN ได้ |
| |
| นโยบายนี้ควรใช้ร่วมกับฟีเจอร์ "การเชื่อมต่อ VPN ตลอดเวลา" ซึ่งให้ผู้ดูแลระบบเลือกที่จะสร้างการเชื่อมต่อ VPN เมื่อเปิดเครื่องได้</translation> |
| <translation id="5405289061476885481">กำหนดค่ารูปแบบแป้นพิมพ์ที่อนุญาตให้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูล วิธีการป้อนข้อมูลที่ระบุจะพร้อมใช้งานในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลแรกที่ระบุไว้ล่วงหน้า เมื่อมีการทำงานบนพ็อดผู้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ วิธีการป้อนข้อมูลที่ผู้ใช้ใช้ล่าสุดจะพร้อมใช้งานนอกเหนือจากวิธีการป้อนข้อมูลที่ได้จากนโยบายนี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ วิธีการป้อนข้อมูลในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะได้รับมาจากภาษาที่หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้แสดง ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่ใช่ตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง</translation> |
| <translation id="5423001109873148185">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งานอยู่ หากมีการเปิดใช้งาน นโยบายนี้จะมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="5423197884968724595">ชื่อข้อจำกัดของ Android WebView:</translation> |
| <translation id="5424147596523390018">อนุญาตโหมดสีทั้งหมด</translation> |
| <translation id="5442026853063570579">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ หากตั้งค่านโยบายเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ด้วยการแตะหมายเลขบิวด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation> |
| <translation id="5447306928176905178">เปิดการรายงานข้อมูลหน่วยความจำ (JS ขนาดใหญ่) บนหน้า (กำหนดให้เลิกใช้แล้ว)</translation> |
| <translation id="5457065417344056871">เปิดใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="5457924070961220141">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าตัวแสดงผล HTML เริ่มต้นเมื่อทำการติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> การตั้งค่าเริ่มต้นที่ใช้เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้คือการอนุญาตให้เบราว์เซอร์ของโฮสต์ทำการแสดงผล แต่คุณสามารถเลือกที่จะแทนที่การตั้งค่านี้และทำให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5464816904705580310">กำหนดการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation> |
| <translation id="546726650689747237">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="5469143988693423708">อนุญาตให้ผู้ใช้เรียกใช้ Crostini ได้</translation> |
| <translation id="5469825884154817306">ปิดกั้นภาพบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="5472668698895343595">นโยบายนี้ควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง |
| |
| โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย<ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎเพื่อให้รายการบางอย่างเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎเหล่านั้นเมื่อเลือกว่า URL ควรเปิดในเบราว์เซอร์สำรองหรือไม่ |
| |
| เมื่อ Internet Explorer มีและเปิดใช้ส่วนเสริม Internet Explorer จะเปลี่ยนกลับไปใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อกฎไม่ตรงกัน |
| |
| หากกฎขัดแย้งกัน <ph name="PRODUCT_NAME" />จะใช้กฎที่เจาะจงที่สุด</translation> |
| <translation id="5475361623548884387">เปิดใช้งานการพิมพ์</translation> |
| <translation id="547601067149622666">ไม่อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation> |
| <translation id="5499375345075963939">นโยบายนี้มีการใช้งานในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| เมื่อค่าในนโยบายนี้มีการตั้งค่าและไม่เท่ากับ 0 ผู้ใช้การสาธิตที่เข้าสู่ระบบอยู่ในปัจจุบันจะออกจากระบบโดยอัตโนมัติหลังจากระยะเวลาที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเลยช่วงเวลาที่ได้ระบุไว้ |
| |
| ค่าในนโยบายควรระบุด้วยหน่วยมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="5511702823008968136">เปิดใช้งานแถบบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="5512418063782665071">URL ของหน้าแรก</translation> |
| <translation id="551639594034811656">นโยบายนี้จะกำหนดรายการเปอร์เซ็นต์ที่จะแบ่งส่วนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใน OU ที่จะอัปเดตต่อวันโดยเริ่มจากวันที่พบอัปเดตเป็นครั้งแรก เวลาที่พบจะมาทีหลังเวลาเผยแพร่อัปเดตเพราะอาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าอุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตหลังจากที่มีการเผยแพร่ |
| |
| คู่รายการ (วัน, เปอร์เซ็นต์) แต่ละคู่จะบอกจำนวนเปอร์เซ็นต์ของอุปกรณ์ที่จะต้องอัปเดตภายในจำนวนวันที่ระบุนับจากที่พบอัปเดต เช่น คู่รายการ [(4, 40), (10, 70), (15, 100)] หมายความว่า 40% ของอุปกรณ์ควรต้องอัปเดตภายใน 4 วันนับจากที่พบอัปเดตและ 70% ของอุปกรณ์ควรจะต้องอัปเดตภายใน 10 วัน คู่รายการต่อไปก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน |
| หากมีการกำหนดค่าไว้ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่ใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_UPDATE_SCATTER_FACTOR_POLICY_NAME" /> ในการอัปเดต แต่จะใช้นโยบายนี้แทน |
| |
| หากรายการนี้ว่างเปล่า จะไม่มีการกำหนดแบบทีละขั้นและระบบจะทำการอัปเดตตามนโยบายอื่นๆ ของอุปกรณ์ |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเปลี่ยนช่อง</translation> |
| <translation id="5526701598901867718">ทั้งหมด (ไม่ปลอดภัย)</translation> |
| <translation id="5529037166721644841">ระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการสอบถามข้อมูลนโยบายผู้ใช้จากบริการจัดการอุปกรณ์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างค่าเริ่มต้นซึ่งอยู่ที่ 3 ชั่วโมง ค่าที่ใช้ได้สำหรับนโยบายนี้ต้องอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1800000 (30 นาที) ถึง 86400000 (1 วัน) ค่าใดๆ ที่ไม่อยู่ในช่วงนี้จะถูกจำกัดตามขอบเขตที่เกี่ยวข้อง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ค่าเริ่มต้น 3 ชั่วโมง |
| |
| โปรดทราบว่าหากแพลตฟอร์มสนับสนุนการแจ้งเตือนนโยบาย ระบบจะตั้งค่าการหน่วงเวลาการรีเฟรชเป็น 24 ชั่วโมง (โดยไม่คำนึงถึงค่าเริ่มต้นทั้งหมดและค่าของนโยบายนี้) เพราะคาดการณ์ว่าการแจ้งเตือนนโยบายจะบังคับให้รีเฟรชโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งทำให้ระบบรีเฟรชบ่อยเกินไปโดยไม่จำเป็น</translation> |
| <translation id="5530347722229944744">บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย</translation> |
| <translation id="5535973522252703021">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos</translation> |
| <translation id="555077880566103058">อนุญาตให้ทุกเว็บไซต์เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="5559079916187891399">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Android</translation> |
| <translation id="5560039246134246593">เพิ่มพารามิเตอร์ไปยังการเรียกเมล็ดรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากระบุ จะเป็นการเพิ่มพารามิเตอร์ข้อความค้นหาที่เรียกว่า "restrict" ไปยัง URL ที่ใช้เพื่อเรียกเมล็ดรูปแบบ ค่าของพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้ |
| |
| หากไม่ระบุ จะไม่แก้ไข URL เมล็ดรูปแบบ</translation> |
| <translation id="5561811616825571914">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับเว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในหน้าลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="556941986578702361">ควบคุมการซ่อนอัตโนมัติสำหรับชั้นวางของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "AlwaysAutoHideShelf" ชั้นวางจะซ่อนอัตโนมัติทุกครั้ง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "NeverAutoHideShelf" ชั้นวางจะไม่ซ่อนอัตโนมัติเลย |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะซ่อนชั้นวางอัตโนมัติหรือไม่</translation> |
| <translation id="557360560705413259">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ commonName ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์เพื่อจับคู่ชื่อโฮสต์หากใบรับรองไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ตราบใดที่การตรวจสอบความถูกต้องและการเชื่อมโยงกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่องสำเร็จ |
| |
| โปรดทราบว่าเราไม่แนะนำวิธีดังกล่าว เนื่องจากวิธีนี้อาจทำให้สามารถข้ามผ่านส่วนขยาย nameConstraints ซึ่งจำกัดชื่อโฮสต์ที่ใบรับรองได้รับสิทธิ์ให้ใช้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะไม่เชื่อถือใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ที่มีชื่อ DNS หรือที่อยู่ IP</translation> |
| <translation id="5581292529942108810">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายการรายงานของ Chrome |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation> |
| <translation id="5584132346604748282">ควบคุมบริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation> |
| <translation id="5586942249556966598">ไม่ดำเนินการใดๆ</translation> |
| <translation id="5592242031005200087"> |
| หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อ |
| ในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในโปรเซสของตัวเอง ซึ่งจะเป็นการแยก |
| ต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อยด้วย เช่น การระบุ https://example.com/ |
| จะทำให้มีการแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ |
| เว็บไซต์ https://example.com/ |
| หากปิดใช้นโยบาย จะไม่มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดเจนและระบบจะปิดใช้การทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| |
| หมายเหตุ: ใน Android การแยกเว็บไซต์ยังเป็นฟีเจอร์ทดสอบอยู่และจะได้รับการปรับปรุงเมื่อเวลาผ่านไป ในปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้อาจทำให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้กับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ซึ่งมี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายในแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ IsolateOrigins |
| </translation> |
| <translation id="5630352020869108293">คืนค่าเซสชันล่าสุด</translation> |
| <translation id="5645779841392247734">อนุญาตให้ใช้คุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="5689430183304951538">ขนาดหน้าของการพิมพ์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5693469654327063861">อนุญาตให้ย้ายข้อมูล</translation> |
| <translation id="5694594914843889579">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น True คุณจะไม่สามารถใช้งานที่เก็บข้อมูลภายนอกในเบราว์เซอร์ของไฟล์ |
| |
| นโยบายนี้มีผลกับสื่อเก็บข้อมูลทุกประเภท ตัวอย่างเช่น แฟลชไดรฟ์ USB, ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก, การ์ด SD และการ์ดหน่วยความจำอื่นๆ, ที่เก็บข้อมูลออปติคอล ฯลฯ ที่เก็บข้อมูลภายในจะไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นไฟล์ที่บันทึกไว้ในโฟลเดอร์ดาวน์โหลดจะยังสามารถเข้าถึงได้อยู่ และนโยบายนี้ก็ไม่ส่งผลต่อ Google ไดรฟ์ด้วย |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถใช้ที่เก็บข้อมูลภายนอกทุกประเภทที่รองรับในอุปกรณ์ของตน</translation> |
| <translation id="5697306356229823047">รายงานผู้ใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5699487516670033016">ระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ เราใช้แคชนี้เพื่อทำให้การลงชื่อเข้าใช้รวดเร็วขึ้น แคชนี้มีข้อมูลทั่วไป (เช่น ชื่อกลุ่มงาน) เกี่ยวกับขอบเขตที่เชื่อมโยง กล่าวคือขอบเขตที่ขอบเขตของเครื่องเชื่อถือ จะไม่มีการแคชข้อมูลที่ระบุตัวผู้ใช้และข้อมูลสำหรับขอบเขตที่ไม่เชื่อมโยง การรีบูตอุปกรณ์จะล้างแคช |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่แคชจะนำมาใช้ซ้ำได้สูงสุด 73 ชั่วโมง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 ระบบจะปิดใช้การแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ การปิดแคชอาจทำให้การลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้ที่เชื่อมโยงช้าลงอย่างมากเนื่องจากต้องเรียกข้อมูลที่เจาะจงขอบเขตทุกครั้งที่มีการลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| โปรดทราบว่าจะมีการแคชข้อมูลขอบเขตสำหรับผู้ใช้ชั่วคราวด้วย คุณควรปิดแคชหากไม่ต้องการให้มีการติดตามขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราว</translation> |
| <translation id="570062449808736508">หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า WebView จะอ่านข้อจำกัด URL จากผู้ให้บริการเนื้อหาที่มีชื่อผู้ออกใบรับรองที่ระบุ</translation> |
| <translation id="5701714006401683963">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เซสชันผู้เยี่ยมชมที่จัดการจะทำงานตามที่ระบุไว้ในเอกสารที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/3017014 ซึ่งเกี่ยวกับเซสชันสาธารณะมาตรฐาน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เซสชันผู้เยี่ยมชมที่จัดการจะมีลักษณะการทำงานแบบเซสชันที่จัดการ ซึ่งยกเลิกข้อจำกัดหลายรายการที่มีไว้สำหรับเซสชันสาธารณะปกติ |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้</translation> |
| <translation id="5722934961007828462">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองโดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในตัวเครื่องอยู่เสมอ |
| |
| หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่สามารถรับข้อมูลสถานะการเพิกถอน จะถือว่าใบรับรองดังกล่าวถูกเพิกถอน ("hard-fail") |
| |
| หากไม่ได้กำหนดนโยบายนี้ หรือกำหนดเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ที่มีอยู่</translation> |
| <translation id="5728154254076636808">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="5732972008943405952">นำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation> |
| <translation id="5765780083710877561">คำอธิบาย:</translation> |
| <translation id="5770738360657678870">เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา (อาจไม่เสถียร)</translation> |
| <translation id="5774856474228476867">URL การค้นหาของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5776485039795852974">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการแสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="5781412041848781654">ระบุไลบรารี GSSAPI ที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP คุณสามารถกำหนดเฉพาะชื่อไลบรารีหรือเส้นทางแบบเต็ม |
| |
| หากคุณไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะกลับไปใช้ชื่อไลบรารีเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5781806558783210276">ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีการใช้งานเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่า จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่มีการใช้งาน ซึ่งสามารถกำหนดค่าแยกกันได้ |
| |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="5783009211970309878">ส่วนหัวและส่วนท้ายของการพิมพ์</translation> |
| <translation id="5809728392451418079">ตั้งชื่อสำหรับแสดงสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5814301096961727113">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="5815129011704381141">รีบูตอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต</translation> |
| <translation id="5815353477778354428">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้ |
| |
| ดู http://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables สำหรับรายการตัวแปรที่สามารถใช้ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีโปรไฟล์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5826047473100157858">กำหนดว่าผู้ใช้สามารถจะเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้หรือไม่ หากเลือก "เปิดใช้งาน" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากเลือก "ปิดใช้งาน" ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากเลือก "บังคับ" หน้าเว็บจะเปิดขึ้นได้ในโหมดไม่ระบุตัวตนเท่านั้น</translation> |
| <translation id="582857022372205358">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านสั้น</translation> |
| <translation id="583091600226586337"> |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกแต่ละไฟล์ไว้ที่ใดก่อนดาวน์โหลด |
| หากปิดใช้นโยบาย การดาวน์โหลดจะเริ่มทันทีและระบบจะไม่ถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ใด |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| </translation> |
| <translation id="5832274826894536455">นโยบายที่เลิกใช้งาน</translation> |
| <translation id="5835124959204887277">ระบุ URL และโดเมนที่จะไม่แสดงข้อความแจ้งเมื่อมีการขอใบรับรองการยืนยันจากกุญแจรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ จะมีการส่งสัญญาณไปยังกุญแจรักษาความปลอดภัยเพื่อแจ้งว่าอาจมีการใช้การยืนยันแยกทีละรายการ หากไม่มี ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งใน Chrome 65 ขึ้นไป เมื่อเว็บไซต์ขอการยืนยันของกุญแจรักษาความปลอดภัย |
| |
| URL (เช่น https://example.com/some/path) จะจับคู่เป็น U2F AppID เท่านั้น โดเมน (เช่น example.com) จะจับคู่เป็น Webauthn RP ID ดังนั้นเพื่อให้ครอบคลุมทั้ง U2F และ Webauthn API สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการ คุณต้องใส่ทั้ง URL และโดเมนของ AppID</translation> |
| <translation id="5836064773277134605">จำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่ใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="5861856285460256766">การกำหนดค่ารหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง</translation> |
| <translation id="5862253018042179045">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เสียงพูดตอบรับจะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดง |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดง |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานเสียงพูดตอบรับ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงอีกครั้งหรือผู้ใช้ยังคงไม่ได้ใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่า เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานเสียงพูดตอบรับได้ตลอดเวลา และสถานะของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงอยู่ระหว่างผู้ใช้</translation> |
| <translation id="5868414965372171132">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับผู้ใช้</translation> |
| <translation id="5879014913445067283">ควบคุมการค้นหาพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายผ่าน <ph name="NETBIOS_NAME" /></translation> |
| <translation id="5883015257301027298">การตั้งค่าคุกกี้เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5887414688706570295">กำหนดค่าส่วนนำหน้าของ TalkGadget ที่จะถูกใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง |
| |
| หากมีการระบุไว้ ส่วนนำหน้านี้จะถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าชื่อ TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักเพื่อสร้างชื่อโดเมนเต็มสำหรับ TalkGadget ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักนี้คือ '.talkgadget.google.com' |
| |
| หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ โฮสต์จะใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองเมื่อเข้าถึง TalkGadget แทนการใช้ชื่อโดเมนค่าเริ่มต้น |
| |
| หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นค่าเริ่มต้น ('chromoting-host.talkgadget.google.com') จะถูกใช้สำหรับโฮสต์ทั้งหมด |
| |
| ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งค่านโยบายนี้ โดยจะใช้ 'chromoting-client.talkgadget.google.com' เพื่อเข้าถึง TalkGadget เสมอ</translation> |
| <translation id="5893553533827140852">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ คำขอตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby จะส่งผ่านพร็อกซีโดยใช้การเชื่อมต่อโฮสต์ระยะไกล |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่า คำขอตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby จะไม่ส่งผ่านพร็อกซี</translation> |
| <translation id="5898486742390981550">เมื่อมีผู้ใช้หลายคนอยู่ในระบบ จะมีเพียงผู้ใช้หลักเท่านั้นที่ใช้แอป Android ได้</translation> |
| <translation id="5900196529149231477"> |
| นโยบายนี้ใช้กับหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> ซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ด้วย ขอแนะนำให้ตั้งทั้ง 2 นโยบายเป็นค่าเดียวกัน ค่าที่ไม่ตรงกันอาจทำให้เกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ |
| หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในโปรเซสของตัวเอง และยังเป็นการแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อย เช่น การระบุ https://example.com/ จะแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/ |
| หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้การตั้งค่าการแยกเว็บไซต์ที่เป็นค่าเริ่มต้นของแพลตฟอร์มกับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ |
| </translation> |
| <translation id="5901427587865226597">การพิมพ์ 2 ด้านเท่านั้น</translation> |
| <translation id="5906199912611534122">อนุญาตการเปิดหรือปิดใช้การควบคุมการใช้งานเครือข่าย |
| การเลือกจะมีผลต่อผู้ใช้ทุกคนและกับทุกอินเทอร์เฟซในอุปกรณ์ เมื่อตั้งค่าแล้ว |
| การควบคุมการใช้งานเครือข่ายจะเปิดใช้จนกว่าจะเปลี่ยนนโยบายเพื่อปิดใช้ |
| |
| หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการควบคุมการใช้งานเครือข่าย |
| หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะถูกควบคุมการใช้งานเครือข่ายเพื่อให้ได้อัตราการอัปโหลดและดาวน์โหลดที่ระบุไว้ (หน่วยเป็น kbits/s)</translation> |
| <translation id="5921713479449475707">อนุญาตการดาวน์โหลดการอัปเดตอัตโนมัติผ่านทาง HTTP</translation> |
| <translation id="5921888683953999946">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "จริง" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกเปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น |
| |
| หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที |
| |
| หากนโยบายไม่มีการตั้งค่า เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ได้ตลอดเวลา และสถานะของเคอร์เซอร์บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ</translation> |
| <translation id="5929855945144989709">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน Chrome OS ได้</translation> |
| <translation id="5932767795525445337">นโยบายนี้ใช้เพื่อตรึงแอป Android ได้</translation> |
| <translation id="5936622343001856595">บังคับให้ทำการค้นหาใน Google ค้นเว็บด้วยค้นหาปลอดภัย และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากคุณเปิดการตั้งค่านี้ ค้นหาปลอดภัยใน Google Search จะทำงานตลอดเวลา |
| |
| หากคุณปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ค้นหาปลอดภัยใน Google Search จะไม่ทำงาน</translation> |
| <translation id="5946082169633555022">เวอร์ชันเบต้า</translation> |
| <translation id="5950205771952201658">ด้วยข้อเท็จจริงที่การตรวจสอบการเพิกถอนออนไลน์แบบ Soft-fail ไม่มีประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัยอย่างชัดเจน จึงมีการปิดใช้ไว้โดยค่าเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 19 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True จะมีการนำลักษณะการทำงานก่อนหน้านี้มาใช้และการตรวจสอบ OCSP/CRL แบบออนไลน์จะมีการทำงาน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็น False จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ตรวจสอบการเพิกถอนแบบออนไลน์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 19 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่า</translation> |
| <translation id="5966615072639944554">ส่วนขยายได้รับอนุญาตให้ใช้ API การยืนยันระยะไกล</translation> |
| <translation id="5983708779415553259">ลักษณะการทำงานเริ่มต้นสำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ได้อยู่ในชุดเนื้อหาใดๆ</translation> |
| <translation id="5997543603646547632">ใช้เวลารูปแบบ 24 ชั่วโมงโดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5997846976342452720">ระบุว่าควรปิดเครื่องมือค้นหาปลั๊กอินไหม (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="6017568866726630990">แสดงกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนหน้าตัวอย่างการพิมพ์ |
| |
| เมื่อเปิดการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนหน้าตัวอย่างการพิมพ์ในตัวเมื่อผู้ใช้ขอให้พิมพ์หน้าเว็บ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเท็จ คำสั่งพิมพ์จะเรียกหน้าตัวอย่างการพิมพ์ขึ้นมา</translation> |
| <translation id="6022948604095165524">การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation> |
| <translation id="6023030044732320798">ระบุชุดนโยบายที่จะส่งไปยังรันไทม์ของ ARC โดยค่าต้องเป็น JSON ที่ถูกต้อง |
| |
| นโยบายนี้ใช้กำหนดแอป Android ที่อนุญาตให้ติดตั้งในอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ: |
| |
| { |
| "type": "object", |
| "properties": { |
| "applications": { |
| "type": "array", |
| "items": { |
| "type": "object", |
| "properties": { |
| "packageName": { |
| "description": "ตัวระบุแอป Android เช่น "com.google.android.gm" สำหรับ Gmail", |
| "type": "string" |
| }, |
| "installType": { |
| "description": "ระบุวิธีติดตั้งแอป OPTIONAL: หากไม่มีการระบุนโยบาย ค่าเริ่มต้นคือระบบจะไม่ติดตั้งแอปโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้ติดตั้งเองได้ PRELOAD: ระบบติดตั้งแอปโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้ถอนการติดตั้งได้ FORCE_INSTALLED: ระบบติดตั้งแอปโดยอัตโนมัติและผู้ใช้ถอนการติดตั้งไม่ได้ BLOCKED: แอปถูกบล็อกและติดตั้งไม่ได้ แอปที่ติดตั้งมาตั้งแต่นโยบายก่อนหน้านี้จะถูกถอนการติดตั้ง", |
| "type": "string", |
| "enum": [ |
| "OPTIONAL", |
| "PRELOAD", |
| "FORCE_INSTALLED", |
| "BLOCKED" |
| ] |
| }, |
| "defaultPermissionPolicy": { |
| "description": "นโยบายสำหรับการอนุมัติคำขอสิทธิ์เข้าถึงแอป PERMISSION_POLICY_UNSPECIFIED: ไม่มีการระบุนโยบายสำหรับสิทธิ์ในทุกระดับ จึงใช้การทำงาน `PROMPT` โดยค่าเริ่มต้น PROMPT: แจ้งให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์ GRANT: ให้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ DENY: ปฏิเสธสิทธิ์โดยอัตโนมัติ", |
| "type": "string", |
| "enum": [ |
| "PERMISSION_POLICY_UNSPECIFIED", |
| "PROMPT", |
| "GRANT", |
| "DENY" |
| ] |
| }, |
| "managedConfiguration": { |
| "description": "อ็อบเจกต์การกำหนดค่า JSON เฉพาะแอปที่มีชุดของคู่คีย์-ค่า เช่น "'managedConfiguration": { "key1": value1, "key2": value2 }' คียต่างๆ มีการกำหนดไว้ในไฟล์ Manifest ของแอป", |
| "type": "object" |
| } |
| } |
| } |
| } |
| } |
| } |
| |
| หากต้องการตรึงแอปไว้ที่ Launcher โปรดดู PinnedLauncherApps</translation> |
| <translation id="602728333950205286">URL ค้นหาทันใจของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="603410445099326293">พารามิเตอร์สำหรับการแนะนำ URL ที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="6036523166753287175">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากโฮสต์สำหรับการเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="6070667616071269965">รูปแบบแป้นพิมพ์ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6074963268421707432">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="6074964551275531965">กำหนดระยะเวลาสำหรับการแจ้งเตือนการอัปเดต</translation> |
| <translation id="6076099373507468537">กำหนดรายการอุปกรณ์ USB ที่ได้รับอนุญาตให้ถอดออกจากไดรเวอร์ Kernel เพื่อที่จะใช้งานผ่าน chrome.usb API ภายในเว็บแอปพลิเคชันโดยตรง รายการต่างๆ เป็นการจับคู่ระหว่างตัวระบุผู้ให้บริการ USB และตัวระบุผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะระบุฮาร์ดแวร์ที่เจาะจง |
| |
| หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้ รายการอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้นั้นจะว่างเปล่า</translation> |
| <translation id="6083631234867522991">Windows (ไคลเอ็นต์ของ Windows):</translation> |
| <translation id="6091233616732024397">บังคับให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เพื่อใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="6093156968240188330">ให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเซสชันความช่วยเหลือระยะไกล</translation> |
| <translation id="6095999036251797924">ระบุระยะเวลาที่ต้องการให้ล็อกหน้าจอหากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะที่กำลังใช้ไฟ AC หรือแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อตั้งค่าระยะเวลาเป็นค่าที่มากกว่าศูนย์ ค่าดังกล่าวจะแสดงถึงระยะเวลาที่ผู้ใช้ไม่มีการใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ |
| |
| เมื่อตั้งค่าระยะเวลาเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน |
| |
| เมื่อไม่มีการตั้งค่าระยะเวลา ระบบจะใช้ระยะเวลาที่เป็นค่าเริ่มต้น |
| |
| วิธีที่แนะนำในการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการใช้งานคือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อระงับการใช้งานและให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากการหน่วงเวลาเมื่อไม่มีการใช้งาน นโยบายนี้ควรนำมาใช้เฉพาะเมื่อการล็อกหน้าจอเกิดขึ้นนานแล้วก่อนที่จะมีการระงับการใช้งานหรือเมื่อไม่ต้องการให้ระงับการใช้งานเลยเมื่อไม่มีการใช้งาน |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายโดยมีหน่วยเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าการหน่วงเวลาเมื่อไม่มีการใช้งาน</translation> |
| <translation id="6097601282776163274">เปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL</translation> |
| <translation id="6099853574908182288">โหมดสีการพิมพ์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6111936128861357925">อนุญาตให้เล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ได้</translation> |
| <translation id="6114416803310251055">ถูกกำหนดให้เลิกใช้</translation> |
| <translation id="6133088669883929098">อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์</translation> |
| <translation id="6145799962557135888">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultJavaScriptSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation> |
| <translation id="614662973812186053">นโยบายนี้จะยังควบคุมการใช้งาน Android และการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยด้วยเช่นกัน</translation> |
| <translation id="6153048425064249648">นโยบายนี้ควบคุมการรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งจะอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเบราว์เซอร์ไปยังคอนโซล Google Admin |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการเก็บรวบรวมหรืออัปโหลดข้อมูล |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเก็บรวบรวมและอัปโหลดข้อมูลไปยังคอนโซล Google Admin |
| ในการควบคุมประเภทข้อมูลที่จะอัปโหลด โปรดใช้นโยบายต่างๆ ในกลุ่ม "ส่วนขยายการรายงานของ Chrome" |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อมีการลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้บังคับให้ติดตั้ง <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> สำหรับการรายงานและลบล้างนโยบายส่วนขยายใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยายดังกล่าว</translation> |
| <translation id="6155247658847899816">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ความละเอียดและปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผลของจอแสดงผลแต่ละจอ |
| จะตั้งเป็นค่าที่เจาะจง การตั้งค่าจอแสดงผลภายนอก |
| จะใช้กับจอแสดงผลภายนอกทั้งหมดที่เชื่อมต่ออยู่ |
| |
| คุณต้องระบุค่าของ "external_width" และ "external_height" เป็นพิกเซล |
| และต้องระบุค่าของ "external_scale_percentage" และ |
| "internal_scale_percentage" เป็นเปอร์เซ็นต์ |
| |
| หากตั้งค่า "external_use_native" เป็น "จริง" นโยบายจะเพิกเฉยต่อค่าของ |
| "external_height" และ "external_width" และตั้งค่าความละเอียดของจอแสดงผลภายนอก |
| เป็นความละเอียดของระบบ |
| |
| หาก "external_use_native" เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ระบุไว้ |
| และไม่ได้ระบุ "external_height" หรือ "external_width" ไว้เช่นกัน |
| นโยบายจะไม่มีผลกับการตั้งค่าจอแสดงผลภายนอก หากจอแสดงผลบางจอไม่รองรับ |
| ความละเอียดหรือปัจจัยที่มีผลต่อขนาดที่ระบุ ระบบจะไม่ใช้นโยบายนี้ |
| กับจอแสดงผลดังกล่าว |
| |
| หากตั้งค่าธงสถานะ "แนะนำ" เป็น "จริง" ผู้ใช้จะเปลี่ยนความละเอียด |
| และปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผลได้ผ่านหน้าการตั้งค่าหลังจากการลงชื่อเข้าสู่ระบบ |
| แต่ค่าของนโยบายจะลบล้างการตั้งค่าดังกล่าวเมื่อมีการรีบูตครั้งถัดไป |
| หากตั้งค่าธงสถานะ "แนะนำ" เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่า |
| การแสดงผลไม่ได้</translation> |
| <translation id="6155936611791017817">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="6157537876488211233">รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation> |
| <translation id="6158324314836466367">ชื่อเว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation> |
| <translation id="6181608880636987460">อนุญาตให้คุณกำหนดรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPluginsSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6190022522129724693">การตั้งค่าป๊อปอัปเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6190367314942602985">รายงานข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6197453924249895891">มอบสิทธิ์การเข้าถึงคีย์ขององค์กรให้แก่ส่วนขยาย |
| |
| คีย์ถูกกำหนดไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรหากสร้างขึ้นโดยใช้ API chrome.enterprise.platformKeys บนบัญชีที่มีการจัดการ คีย์ที่นำเข้าหรือสร้างด้วยวิธีอื่นไม่ได้มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กร |
| |
| การเข้าถึงคีย์ที่มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรจะได้รับการควบคุมโดยนโยบายนี้เพียงอย่างเดียว ผู้ใช้ไม่สามารถมอบสิทธิ์เข้าถึงคีย์หรือเพิกถอนสิทธิ์จากส่วนขยาย |
| |
| โดยค่าเริ่มต้นแล้ว ส่วนขยายจะไม่สามารถใช้คีย์ที่มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กร ซึ่งเทียบเท่ากับการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น False สำหรับส่วนขยายดังกล่าว |
| |
| หากตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น True สำหรับส่วนขยาย ส่วนขยายดังกล่าวจะสามารถใช้คีย์ของแพลตฟอร์มใดก็ตามที่มีการทำเครื่องหมายสำหรับการใช้งานขององค์กรเพื่อลงนามข้อมูลที่กำหนดเองได้ ควรมอบสิทธิ์นี้ให้แก่ส่วนขยายในกรณีที่ไว้วางใจได้ว่าส่วนขยายมีการป้องกันผู้โจมตีจากการเข้าถึงคีย์เท่านั้น</translation> |
| <translation id="6208896993204286313">รายงานข้อมูลนโยบายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6210259502936598222">รายงานข้อมูลระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6211428344788340116">รายงานเวลากิจกรรมของอุปกรณ์ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านี้หรือตั้งค่าเป็น True อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนจะรายงานระยะเวลาที่ผู้ใช้มีการใช้งานบนอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการบันทึกหรือรายงานเวลากิจกรรมของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6212868225782276239">เครื่องพิมพ์ทั้งหมดยกเว้นที่อยู่ในบัญชีดำจะปรากฏ</translation> |
| <translation id="6219965209794245435">นโยบายนี้จะบังคับให้นำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าหากเปิดใช้ และหากเปิดใช้ นโยบายนี้จะส่งผลต่อกล่องโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย |
| |
| หากปิดใช้ จะไม่มีการนำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบอาจถามผู้ใช้ว่าจะนำเข้าข้อมูลดังกล่าวไหม หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="6224304369267200483">URL/โดเมนอนุญาตการยืนยันกุญแจรักษาความปลอดภัยโดยตรงโดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="6233173491898450179">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="6244210204546589761">URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation> |
| <translation id="6258193603492867656">ระบุว่า Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นควรจะรวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานไว้หรือไม่ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้และป้อนพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐาน (เช่น พอร์ตอื่นๆ นอกจาก 80 หรือ 443) เข้าไป พอร์ตดังกล่าวจะถูกรวมไว้ใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้น หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือปล่อยให้ไม่มีการตั้งค่า Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นจะไม่รวมพอร์ตไม่ว่าในกรณีใดๆ</translation> |
| <translation id="6261643884958898336">รายงานข้อมูลการระบุเครื่อง</translation> |
| <translation id="6281043242780654992">กำหนดค่านโยบายสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในบัญชีดำจะไม่ได้รับอนุญาตเว้นเสียแต่ว่าจะถูกกำหนดให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ</translation> |
| <translation id="6282799760374509080">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับเสียง</translation> |
| <translation id="6284362063448764300">TLS 1.1</translation> |
| <translation id="6310223829319187614">เปิดใช้การเติมชื่อโดเมนอัตโนมัติระหว่างการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6315673513957120120">Chrome จะแสดงหน้าคำเตือนเมื่อผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ต่างๆ ที่มีข้อผิดพลาด SSL ทั้งนี้โดยค่าเริ่มต้นหรือเมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ผู้ใช้สามารถคลิกผ่านหน้าคำเตือนเหล่านี้ได้ |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนใดๆ</translation> |
| <translation id="6352543686437322588">บัญชีภายในอุปกรณ์สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติหลังจากความล่าช้า |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ เซสชันที่ระบุจะเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติหลังจากเวลาล่วงเลยไประยะหนึ่งโดยไม่มีการดำเนินการของผู้ใช้บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ ทั้งนี้ต้องกำหนดค่าบัญชีภายในอุปกรณ์ไว้แล้ว (ดู |DeviceLocalAccounts|) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="6353901068939575220">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อค้นหา URL ด้วย POST ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าจะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง |
| |
| นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET |
| |
| นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="6367755442345892511">ควรจะอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าช่องสำหรับเปิดตัวการอัปเดตหรือไม่</translation> |
| <translation id="6368011194414932347">กำหนดค่า URL ของหน้าแรก</translation> |
| <translation id="6368403635025849609">อนุญาตให้ใช้ JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="6376659517206731212">อาจเป็นข้อบังคับ</translation> |
| <translation id="6377355597423503887">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน |
| |
| อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ คุณกำหนดค่าได้ว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะเป็นการป้องกันแอปและส่วนขยายที่ใช้ chrome.identity API ไม่ให้ทำงาน คุณจึงอาจต้องใช้ SyncDisabled แทน</translation> |
| <translation id="6378076389057087301">ระบุว่ากิจกรรมเสียงมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation> |
| <translation id="637934607141010488">รายงานรายชื่อผู้ใช้อุปกรณ์ที่เข้าสู่ระบบเมื่อเร็วๆ นี้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False จะไม่มีการรายงานผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6394350458541421998">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 29 โปรดใช้นโยบาย PresentationScreenDimDelayScale แทน</translation> |
| <translation id="6401669939808766804">ออกจากระบบให้ผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6406448383934634215">หากเลือก "เปิดรายการ URL" เป็นการดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน ตัวเลือกนี้จะช่วยให้คุณระบุรายการ URL ที่จะเปิดได้ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิด URL ขึ้นมาเมื่อเริ่มต้น |
| |
| นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะในกรณีที่นโยบาย "RestoreOnStartup" ตั้งค่าเป็น "RestoreOnStartupIsURLs" เท่านั้น |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6426205278746959912">คุณไม่สามารถบังคับให้แอป Android ใช้พร็อกซี แต่จะมีการตั้งค่าพร็อกซีชุดย่อยชุดหนึ่งที่ใช้ได้กับแอป Android ซึ่งแอปอาจเลือกที่จะปฏิบัติตาม: |
| |
| หากคุณเลือกที่จะไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ ระบบจะแจ้งแอป Android ว่าไม่มีการกำหนดค่าพร็อกซี |
| |
| หากคุณเลือกที่จะใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์คงที่ แอป Android จะได้รับที่อยู่และพอร์ตพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP |
| |
| หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ แอป Android จะได้รับ URL สคริปต์ "http://wpad/wpad.dat" โดยจะไม่มีการใช้โปรโตคอลการตรวจหาพร็อกซีโดยอัตโนมัติอื่นๆ |
| |
| หากคุณเลือกที่จะใช้สคริปต์พร็อกซี .pac แอป Android จะได้รับ URL สคริปต์ดังกล่าว</translation> |
| <translation id="6430366557948788869">Chrome Reporting Extension</translation> |
| <translation id="6440051664870270040">อนุญาตให้เว็บไซต์นำทางและเปิดป๊อปอัปพร้อมกันได้</translation> |
| <translation id="6447948611083700881">การสำรองและกู้คืนข้อมูลปิดใช้อยู่</translation> |
| <translation id="645425387487868471">เปิดใช้การบังคับลงชื่อเข้าใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6464074037294098618">เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่</translation> |
| <translation id="6473623140202114570">กำหนดค่ารายการโดเมนที่ Safe Browsing จะไม่เรียกให้คำเตือนแสดง</translation> |
| <translation id="6488627892044759800">กำหนดประเภทหน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนค่ากำหนดหน้าแรก ตั้งค่าหน้าแรกเป็น URL ที่คุณระบุหรือตั้งค่าเป็นหน้าแท็บใหม่ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกเสมอ และจะเพิกเฉยต่อตำแหน่ง URL หน้าแรก |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าแรกของผู้ใช้จะไม่เป็นหน้าแท็บใหม่ เว้นว่าจะตั้งค่า URL เป็น "chrome://newtab" |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนประเภทหน้าแรกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะเป็นการอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้เองว่าจะใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกไหม |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6491139795995924304">อนุญาตบลูทูธบนอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6495328383950074966">กำหนดค่ารายการโดเมนที่ Google Safe Browsing จะเชื่อถือ ซึ่งหมายถึง |
| Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย (เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์) หาก URL ของทรัพยากรตรงกับโดเมนเหล่านี้ |
| บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้ |
| บริการปกป้องรหัสผ่านของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำหาก URL ของหน้าเว็บตรงกับโดเมนเหล่านี้ |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนเหล่านี้ |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้การปกป้องด้วย Google Safe Browsing ที่เป็นค่าเริ่มต้นกับทรัพยากรทั้งหมด |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6520802717075138474">นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="6525955212636890608">หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ จะมีการทำงานของเนื้อหา Flash ทั้งหมดที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่ผู้ใช้หรือนโยบายขององค์กรตั้งค่าให้อนุญาต Flash ในการตั้งค่าเนื้อหา รวมทั้งเนื้อหาจากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก |
| |
| หากต้องการควบคุมเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ Flash ทำงาน ให้ดูนโยบาย "DefaultPluginsSetting", "PluginsAllowedForUrls" และ "PluginsBlockedForUrls" |
| |
| หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ระบบอาจบล็อกเนื้อหา Flash จากแหล่งที่มาอื่นหรือเนื้อหาขนาดเล็ก</translation> |
| <translation id="6532769014584932288">อนุญาตการทำงานขณะล็อก</translation> |
| <translation id="653608967792832033">ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้ด้วยค่าที่มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ |
| |
| เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน |
| |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| วิธีล็อกหน้าจอที่แนะนำในขณะที่ไม่ใช้งานคือ เปิดใช้งานการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="6536600139108165863">เริ่มต้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ปิดเครื่อง</translation> |
| <translation id="6539246272469751178">นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อแอป Android โดยแอป Android จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้นเสมอ และไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ใดๆ ที่ดาวน์โหลดโดย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ลงในไดเรกทอรีการดาวน์โหลดที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="654303922206238013">กลยุทธ์การย้ายข้อมูลสำหรับ eCryptfs</translation> |
| <translation id="6544897973797372144">หากนโยบายนี้มีการกำหนดค่าเป็น "จริง" และไม่ได้ระบุนโยบาย ChromeOsReleaseChannel ไว้ ผู้ใช้ในโดเมนที่ลงทะเบียนจะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงช่องสำหร้บเปิดตัวการอัปเดตของอุปกรณ์ได้ หากนโยบายถูกกำหนดค่าเป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะถูกล็อกในช่องใดก็ตามที่ถูกตั้งค่าไว้ล่าสุด |
| |
| ช่องที่ผู้ใช้เลือกจะถูกแทนที่โดยนโยบาย ChromeOsReleaseChannel แต่ถ้าช่องนโยบายมีความเสถียรมากกว่าช่องที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ ช่องดังกล่าวจะเปิด/ปิดใช้งานหลังจากที่ช่องที่เสถียรมากกว่าอัปเกรดไปจนถึงรุ่นที่สูงกว่าช่องที่ติดตั้งบนอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6553143066970470539">เปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ</translation> |
| <translation id="6559057113164934677">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เข้าถึงกล้องและไมโครโฟน</translation> |
| <translation id="6561396069801924653">แสดงตัวเลือกการเข้าถึงในเมนูถาดระบบ</translation> |
| <translation id="6563458316362153786">เปิดใช้การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว 802.11r</translation> |
| <translation id="6565312346072273043">ตั้งสถานะเริ่มต้นของฟีเจอร์การเข้าถึงแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีการเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะมีการปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะสามารถลบล้างการตั้งค่าชั่วคราวได้โดยการเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอ อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกของผู้ใช้จะไม่คงอยู่ตลอดไป และระบบจะนำค่าเริ่มต้นกลับมาใช้ทุกครั้งที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏ หรือผู้ใช้ไม่มีการใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบาย แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะถูกปิดเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบปรากฏขึ้นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อใดก็ได้ และสถานะของแป้นพิมพ์นั้นบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน</translation> |
| <translation id="6573305661369899995">ตั้งค่าแหล่งที่มาภายนอกของข้อจำกัด URL</translation> |
| <translation id="6598235178374410284">รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6603004149426829878">ส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งใดก็ตามที่มีอยู่ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation> |
| <translation id="6628646143828354685">อนุญาตให้คุณกำหนดได้ว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียงหรือไม่ คุณสามารถเลือกที่จะบล็อกการเข้าถึงโดยสิ้นเชิง หรือให้เว็บไซต์หนึ่งๆ ขออนุญาตจากผู้ใช้ทุกครั้งที่ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียง |
| |
| หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ "3" และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="663685822663765995">จำกัดโหมดสีการพิมพ์</translation> |
| <translation id="6641981670621198190">ปิดใช้งานการสนับสนุน API ของกราฟิก 3 มิติ</translation> |
| <translation id="6647965994887675196">หากตั้งค่าเป็นจริง จะสามารถสร้างและใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้ |
| |
| หากตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้กำหนดค่า การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลและการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้ |
| |
| หมายเหตุ: การทำงานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคและอุปกรณ์ขององค์กรจะแตกต่างกัน: บนอุปกรณ์ของผู้บริโภค ผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น แต่จะปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ขององค์กร</translation> |
| <translation id="6649397154027560979">นโยบายนี้ได้ถูกเลิกใช้งาน โปรดใช้ URLBlacklist แทน |
| |
| ปิดใช้งานรูปแบบโปรโตคอลที่ระบุไว้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| URL ที่ใช้รูปแบบจากรายการนี้จะไม่โหลดและจะไม่สามารถไปยัง URL นั้นได้ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้ตั้งค่าหรือรายการว่างเปล่า รูปแบบทั้งหมดจะสามารถเข้าถึงได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6652197835259177259">การตั้งค่าผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการในเครื่อง</translation> |
| <translation id="6658245400435704251">ระบุจำนวนวินาทีสูงสุดที่อุปกรณ์อาจสุ่มหน่วงเวลาการดาวโหลดการอัปเดตนับตั้งแต่ที่มีการส่งการอัปเดตไปยังเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์อาจใช้เวลาส่วนหนึ่งรอขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มทำงานจนกระทั่งเสร็จสิ้นและใช้เวลาส่วนที่เหลือสำหรับการตรวจสอบการอัปเดตจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าในกรณีใด การกระจายจะเข้าใกล้ขอบเขตบนของระยะเวลาคงที่ อุปกรณ์จึงไม่ต้องค้างรอการดาวน์โหลดการอัปเดตอย่างไม่สิ้นสุด</translation> |
| <translation id="6665670272107384733">กำหนดความถี่ที่ผู้ใช้ต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อใช้การปลดล็อกด่วน</translation> |
| <translation id="6681229465468164801">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งมีการป้องกันไม่ให้ขอผู้ใช้ให้มอบสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultWebUsbGuardSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน WebUsbAskForUrls ไม่มีการระบุว่าระบบจะใช้นโยบายใดหาก URL ตรงกับรูปแบบทั้งสอง</translation> |
| <translation id="6689792153960219308">รายงานสถานะของฮาร์ดแวร์</translation> |
| <translation id="6698632841807204978">เปิดใช้การพิมพ์ขาวดำ</translation> |
| <translation id="6699880231565102694">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="6731757988219967594">กรองเว็บไซต์ระดับบนสุด (แต่ไม่กรอง iframe ที่ฝังไว้) ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation> |
| <translation id="6734521799274931721">ควบคุมพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายเพื่อความพร้อมใช้งานของ ChromeOS</translation> |
| <translation id="6735701345096330595">บังคับให้เปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation> |
| <translation id="673699536430961464">การตั้งค่านี้ทำให้ผู้ใช้สลับการใช้งานระหว่างบัญชี Google ได้ภายในพื้นที่เนื้อหาของหน้าต่างเบราว์เซอร์หลังจากที่ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น False คุณจะไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์ที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น True ระบบจะใช้การดำเนินการเริ่มต้น ซึ่งก็คือ อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์ ยกเว้นบัญชีบุตรหลานซึ่งระบบจะบล็อกสำหรับพื้นที่เนื้อหาที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| ในกรณีที่ไม่ต้องการอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นผ่านโหมดไม่ระบุตัวตน ให้บล็อกโหมดดังกล่าวโดยใช้นโยบาย IncognitoModeAvailability |
| |
| โปรดทราบว่าผู้ใช้จะยังเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Google ในสถานะที่ไม่ผ่านการรับรองได้ด้วยการบล็อกคุกกี้</translation> |
| <translation id="6738326937072482736">กำหนดค่าความพร้อมใช้งานและลักษณะการทำงานของฟังก์ชันอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> |
| |
| ระบุการตั้งค่าแต่ละรายการในคุณสมบัติ JSON ได้ดังนี้ |
| |
| <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH" />: หากกำหนดไว้เป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอน Powerwash เพื่อติดตั้งอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ได้ |
| |
| <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE" />: หากกำหนดไว้เป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอนอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่รักษาสถานะของทั้งอุปกรณ์ (รวมถึงการลงทะเบียนองค์กร) ไว้ได้แต่จะเสียข้อมูลผู้ใช้ ขั้นตอนอัปเดตนี้ใช้ได้กับเวอร์ชัน 68 เป็นต้นไป |
| |
| หากไม่ได้กำหนดนโยบาย ฟังก์ชันอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะใช้งานไม่ได้</translation> |
| <translation id="6757438632136860443">อนุญาตให้คุณกำหนดรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPluginsSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6762235610019366960">ให้คุณควบคุมการนำเสนอเนื้อหาโปรโมตและ/หรือเนื้อหาด้านการศึกษาใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> แบบเต็มแท็บ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่าหรือเปิดใช้ (ตั้งค่าเป็นจริง) <ph name="PRODUCT_NAME" /> สามารถแสดงเนื้อหาแบบเต็มแท็บต่อผู้ใช้เพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ |
| |
| หากปิดใช้ (ตั้งค่าเป็นเท็จ) <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่แสดงเนื้อหาแบบเต็มแท็บต่อผู้ใช้เพื่อให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ |
| |
| การตั้งค่านี้จะควบคุมการนำเสนอหน้าต้อนรับที่ช่วยให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เลือกผลิตภัณฑ์นี้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์</translation> |
| <translation id="6766216162565713893">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียงจากผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6770454900105963262">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเซสชันคีออสก์ที่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="6786747875388722282">ส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="6786967369487349613">ตั้งค่าไดเรกทอรีโปรไฟล์โรมมิ่ง</translation> |
| <translation id="6810445994095397827">ปิดกั้น JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="681446116407619279">สกีมการตรวจสอบสิทธิ์ที่ได้รับการสนับสนุน</translation> |
| <translation id="6816212867679667972">ระบุชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ที่ใช้ในคำขอ DHCP |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า ระบบจะใช้สตริงนั้นเป็นชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ในระหว่างที่ขอ DHCP |
| |
| สตริงมีตัวแปร ${ASSET_ID}, ${SERIAL_NUM}, ${MAC_ADDR}, ${MACHINE_NAME} ได้ ซึ่งจะแทนที่ด้วยค่าในอุปกรณ์ก่อนที่จะใช้เป็นชื่อโฮสต์ ชื่อทดแทนที่ได้จะต้องเป็นชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง (ตาม RFC 1035 ส่วน 3.1) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือค่าหลังการแทนที่ไม่ใช่ชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีการกำหนดชื่อโฮสต์ในคำขอ DHCP </translation> |
| <translation id="6835883744948188639">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าควรเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation> |
| <translation id="6837480141980366278">ควบคุมว่าจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะมีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว (หากมี) |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่มีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน MacOS, Android (เมื่อปิดใช้ทั้ง DNS ส่วนตัวและ VPN) และ ChromeOS และผู้ใช้จะเปลี่ยนได้ว่าจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวหรือไม่ ด้วยการแก้ไข chrome://flags หรือระบุการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง</translation> |
| <translation id="6838056959556423778">ลบล้างกฎการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้กำหนดกฎในการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งเกิดขึ้นในครั้งแรกที่มีการใช้ฟังก์ชันการพิมพ์กับโปรไฟล์ใดโปรไฟล์หนึ่ง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามหาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกับแอตทริบิวต์ทั้งหมดที่ระบุไว้ และเลือกเครื่องพิมพ์นั้นเป็นค่าเริ่มต้น ระบบจะเลือกเครื่องพิมพ์แรกที่พบว่าตรงกับนโยบายในกรณีที่มีเครื่องพิมพ์ตรงกันที่สามารถเลือกได้หลายเครื่อง โดยขึ้นอยู่กับลำดับของเครื่องพิมพ์ที่พบ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่พบเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันก่อนหมดเวลา ระบบจะตั้งค่าเครื่องพิมพ์เริ่มต้นเป็นเครื่องพิมพ์ PDF ในตัว หรือหากไม่มีเครื่องพิมพ์ PDF ก็จะไม่เลือกเครื่องพิมพ์ใดๆ |
| |
| จะมีการแยกวิเคราะห์ค่าเป็นออบเจ็กต์ JSON โดยเป็นไปตามสคีมาต่อไปนี้ |
| { |
| "type": "object", |
| "properties": { |
| "kind": { |
| "description": "ต้องการจำกัดการค้นหาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันเป็นชุดเครื่องพิมพ์ที่เฉพาะเจาะจงหรือไม่", |
| "type": "string", |
| "enum": [ "local", "cloud" ] |
| }, |
| "idPattern": { |
| "description": "นิพจน์ทั่วไปที่ใช้จับคู่ id เครื่องพิมพ์", |
| "type": "string" |
| }, |
| "namePattern": { |
| "description": "นิพจน์ทั่วไปที่ใช้จับคู่ชื่อที่แสดงของเครื่องพิมพ์", |
| "type": "string" |
| } |
| } |
| } |
| |
| เครื่องพิมพ์ต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จะถือว่าเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_CLOUD" /> เครื่องพิมพ์ที่เหลือจะจัดประเภทเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_LOCAL" /> |
| การข้ามช่องใดช่องหนึ่งไปแสดงว่าค่าทั้งหมดตรง ตัวอย่างเช่น การไม่ระบุการเชื่อมต่อจะทำให้การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์เริ่มการค้นหาเครื่องพิมพ์ทุกประเภท ทั้งเครื่องพิมพ์ที่ต่อกับระบบและในระบบคลาวด์ |
| รูปแบบนิพจน์ทั่วไปต้องเป็นไปตามไวยากรณ์ JavaScript RegExp และการจับคู่จะคำนึงถึงอักษรตัวพิมพ์เล็กและใหญ่</translation> |
| <translation id="6843296367238757293">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว เราไม่แนะนำให้ใช้นโยบายนี้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation> |
| <translation id="684856667300805181">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_GLS_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="6856743875250214792">เราเลิกใช้นโยบายนี้และนำออกแล้วใน M66 เพราะมีไว้เพื่อใช้ทดสอบภายในเท่านั้นและไม่เหมาะสำหรับการรักษาความปลอดภัย |
| |
| ระบุการแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ควรนำไปใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเริ่มใช้งาน ระบบจะใช้การแจ้งที่ระบุนี้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเท่านั้น การแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ตั้งผ่านนโยบายนี้จะไม่เผยแพร่ในเซสชันผู้ใช้</translation> |
| <translation id="685769593149966548">บังคับใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube</translation> |
| <translation id="6857824281777105940">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูล Google Safe Browsing รวมถึงจำนวนคำเตือนของ Google Safe Browsing และจำนวนการคลิกผ่านคำเตือนของ Google Safe Browsing หรือไม่ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation> |
| <translation id="686079137349561371">Microsoft Windows 7 ขึ้นไป</translation> |
| <translation id="687046793986382807">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วนับตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 35 |
| |
| อย่างไรก็ตาม ข้อมูลหน่วยความจำจะได้รับการรายงานบนหน้า ไม่ว่าค่าของตัวเลือกจะเป็นอย่างไร แต่ขนาดที่รายงาน |
| จะได้รับการแบ่งนับและมีการจำกัดอัตราของการอัปเดตเนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หากต้องการได้ข้อมูลที่แม่นยำแบบเรียลไทม์ |
| โปรดใช้เครื่องมืออย่างเช่น การวัดและส่งข้อมูลทางไกล</translation> |
| <translation id="6894178810167845842">URL หน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="6899705656741990703">ตรวจหาการตั้งค่าพร็อกซีอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="6903814433019432303">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| กำหนดชุด URL ที่จะโหลดเมื่อเริ่มเซสชันการสาธิต นโยบายนี้จะลบล้างกลไกใดๆ ที่ใช้ในการตั้งค่า URL เริ่มต้น และจะสามารถใช้ได้กับเซสชันที่ไม่เชื่อมโยงกับผู้ใช้ใดเป็นการเฉพาะเท่านั้น</translation> |
| <translation id="6908640907898649429">กำหนดค่าผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น คุณสามารถระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่ผู้ใช้จะใช้หรือเลือกปิดใช้งานการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6913068954484253496">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="6915442654606973733">เปิดใช้งานฟีเจอร์การเข้าถึงเสียงพูดตอบรับ |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" เสียงพูดตอบรับจะถูกเปิดใช้งานเสมอ |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานเสมอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่า เสียงพูดตอบรับจะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่จะสามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="6916507170737609563"> |
| ขอแนะนำให้ดูการตั้งค่านโยบาย IsolateOriginsAndroid เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งการแยกและการจำกัดผลกระทบที่มีต่อผู้ใช้ด้วยการใช้ IsolateOriginsAndroid กับรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก การตั้งค่า SitePerProcessAndroid นี้จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด |
| หากเปิดใช้นโยบาย แต่ละเว็บไซต์จะทำงานในโปรเซสของตัวเอง |
| หากปิดใช้นโยบาย จะไม่มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดเจนและระบบจะปิดใช้การทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ SitePerProcess ด้วยตนเองได้อยู่ |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| |
| หมายเหตุ: ใน Android การแยกเว็บไซต์ยังเป็นฟีเจอร์ทดสอบอยู่และจะได้รับการปรับปรุงเมื่อเวลาผ่านไป ในปัจจุบัน ฟีเจอร์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้กับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ซึ่ง RAM มีความจุมากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายในแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ SitePerProcess |
| </translation> |
| <translation id="6922884955650325312">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation> |
| <translation id="6923366716660828830">ระบุชื่อของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น หากปล่อยว่างหรือไม่ได้กำหนดไว้ จะใช้ชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้โดย URL ค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation> |
| <translation id="6926703471186170050">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านยาว</translation> |
| <translation id="6931242315485576290">ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลกับ Google</translation> |
| <translation id="6936894225179401731">ระบุจำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อไปยังพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน |
| |
| พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์บางตัวไม่สามารถจัดการกับการเชื่อมต่อพร้อมกันต่อหนึ่งไคลเอ็นต์ในจำนวนมากได้ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยตั้งค่านโยบายนี้ให้มีค่าที่ต่ำลง |
| |
| ค่าของนโยบายนี้ควรจะต่ำกว่า 100 และสูงกว่า 6 และค่าเริ่มต้นเป็น 32 |
| |
| เป็นที่ทราบกันดีว่าแอปพลิเคชันเว็บบางตัวต้องใช้การเชื่อมต่อจำนวนมากเนื่องจากใช้ Hanging GET ดังนั้นการลดค่าให้ต่ำกว่า 32 อาจส่งผลให้การเชื่อมโยงเครือข่ายของเบราว์เซอร์ค้างได้หากเปิดแอปพลิเคชันเว็บเป็นจำนวนมากเกินไป การลดค่าให้ต่ำลงดังกล่าวจึงเป็นความเสี่ยงของคุณเอง |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือ 32</translation> |
| <translation id="6943577887654905793">ชื่อค่ากำหนด Mac/Linux:</translation> |
| <translation id="6944167205014013774">ระบบส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป Linux กลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลการใช้งานใดๆ หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานข้อมูลการใช้งาน |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้การสนับสนุนสำหรับแอป Linux เท่านั้น</translation> |
| <translation id="69525503251220566">พารามิเตอร์ที่ให้ฟีเจอร์การค้นหาโดยภาพสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6956272732789158625">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ใช้การสร้างคีย์</translation> |
| <translation id="6965859329738616662">ระบุว่าจะอนุญาตให้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสงหรือไม่ |
| |
| เมื่อหน้าจอกำลังจะหรี่แสง รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะจะประเมินว่าควรเลื่อนการหรี่แสงหน้าจอออกไปก่อนหรือไม่ หากรูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะเลื่อนการหรี่แสง จะมีการขยายเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจนกว่าแสงหน้าจอจะหรี่ลง ในกรณีนี้ ระบบจะปรับการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน เพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะและอนุญาตให้ขยายเวลาจนกว่าแสงหน้าจอจะหรี่ลง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะจะไม่มีผลต่อการหรี่แสงหน้าจอ</translation> |
| <translation id="6994082778848658360">ระบุวิธีที่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์องค์ประกอบความปลอดภัยในเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สอง หากขั้นตอนดังกล่าวใช้ได้กับฟีเจอร์นี้ จะมีการใช้ปุ่มเปิด/ปิดของเครื่องในการตรวจหาตัวตนจริงของผู้ใช้ |
| |
| หากเลือก "ปิดใช้" จะไม่มีการแจ้งปัจจัยที่ 2 |
| |
| หากเลือก "U2F" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะดำเนินการตามข้อกำหนดของ FIDO U2F |
| |
| หากเลือก "U2F_EXTENDED" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะแจ้งฟังก์ชัน U2F พร้อมส่วนขยายบางอย่างสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation> |
| <translation id="6997592395211691850">การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์จำเป็นสำหรับ Anchors ความเชื่อถือได้ในตัว</translation> |
| <translation id="7003334574344702284">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าหากเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าอีกด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้ หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="7003746348783715221">ค่ากำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7006788746334555276">การตั้งค่าเนื้อหา</translation> |
| <translation id="7007671350884342624">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้มีการระบุสถานะ "--user-data-dir" หรือไม่ คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีรากของรุ่นหรือไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียข้อมูลหรือข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดอื่นๆ เพราะ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของตัวเอง |
| |
| ดูรายการตัวแปรที่สามารถนำมาใช้ได้ที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์เริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างเส้นทางนี้ได้ด้วยการตั้งสถานะโดยใช้บรรทัดคำสั่ง "--user-data-dir"</translation> |
| <translation id="7027785306666625591">กำหนดค่าการจัดการพลังงานใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| นโยบายเหล่านี้ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้</translation> |
| <translation id="7040229947030068419">ค่าตัวอย่าง:</translation> |
| <translation id="7044883996351280650">ควบคุมบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลใน Android</translation> |
| <translation id="7049373494483449255">เปิดใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้ทำการส่งเอกสารไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> สำหรับการพิมพ์ หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับการสนับสนุน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยไม่ได้ป้องกันผู้ใช้จากการส่งงานพิมพ์บนเว็บไซต์ หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะสามารถพิมพ์ไป <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากช่องโต้ตอบการพิมพ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ไม่สามารถพิมพ์ไป <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากช่องโต้ตอบการพิมพ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7053678646221257043">นโยบายนี้บังคับให้นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นปัจจุบันหากมีการเปิดใช้งาน หากเปิดใช้งาน นโยบายนี้ยังมีผลต่อข้อความโต้ตอบการนำเข้าด้วย หากปิดใช้งาน จะไม่มีการนำเข้าบุ๊กมาร์ก หากไม่มีการตั้งค่าไว้ ผู้ใช้อาจจะได้รับคำถามว่าจะนำเข้าหรือไม่ หรือการนำเข้าอาจเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="7063895219334505671">อนุญาตให้แสดงป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="706568410943497889"> |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะได้รับอนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google (เช่น Google Meet) และอัปโหลดบันทึกไปยัง Google |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกเช่นนี้ไม่ได้ |
| |
| บันทึกเหล่านี้มีข้อมูลการวินิจฉัยซึ่งเป็นประโยชน์เมื่อแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการโทรด้วยเสียงหรือการโทรแบบวิดีโอคอลใน Chrome เช่น เวลาและขนาดของแพ็กเก็ต RTP ที่ส่งและได้รับ ผลป้อนกลับเกี่ยวกับความหนาแน่นในเครือข่าย ตลอดจนข้อมูลเมตาเกี่ยวกับระยะเวลาและคุณภาพของเสียงและเฟรมของวิดีโอ บันทึกเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาเสียงหรือวิดีโอจากการโทร |
| |
| มีเฉพาะบริการผ่านเว็บของ Google อย่างเช่น Google Hangouts หรือ Google Meet ที่จะเรียกใช้การรวบรวมข้อมูลนี้ได้ |
| |
| Google อาจเชื่อมโยงบันทึกเหล่านี้ (โดยใช้รหัสเซสชัน) กับบันทึกอื่นๆ ที่บริการของ Google รวบรวมไว้เอง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ง่ายขึ้น |
| </translation> |
| <translation id="706669471845501145">อนุญาตให้ไซต์แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="7072208053150563108">อัตราการเปลี่ยนรหัสผ่านโดยเครื่อง</translation> |
| <translation id="7079519252486108041">ปิดกั้นป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="7085803328069945025">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ขอผู้ใช้ให้มอบสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultWebUsbGuardSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน WebUsbBlockedForUrls ไม่มีการระบุว่าระบบจะใช้นโยบายใดหาก URL ตรงกับรูปแบบทั้งสอง</translation> |
| <translation id="7106631983877564505">เปิดใช้การล็อกเมื่ออุปกรณ์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ไม่มีการใช้งานหรือถูกระงับใช้งาน |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับแจ้งให้ป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งให้ป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าเขาต้องการให้มีการสอบถามรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์หรือไม่</translation> |
| <translation id="7115494316187648452">กำหนดว่าการดำเนินการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเริ่มต้นบนการเข้าสู่ระบบของระบบปฏิบัติการและทำงานต่อเมื่อหน้าต่างเบราว์เซอร์สุดท้ายปิดลงไหม เพื่อให้แอปพื้นหลังและเซสชันการเรียกดูปัจจุบันยังคงใช้งานได้อยู่ ซึ่งรวมถึงคุกกี้เซสชันทั้งหมด การดำเนินการในพื้นหลังจะแสดงไอคอนในถาดระบบและสามารถปิดได้จากตรงนั้น |
| |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True โหมดพื้นหลังจะเปิดใช้และผู้ใช้จะควบคุมไม่ได้ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ |
| |
| หากนโยบายตั้งค่าเป็น False โหมดพื้นหลังจะปิดใช้และผู้ใช้จะควบคุมไม่ได้ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ โหมดพื้นหลังจะปิดใช้ในตอนแรกและผู้ใช้สามารถควบคุมได้ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="7126716959063786004">เปิดใช้การหยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน</translation> |
| <translation id="7127892035367404455">ย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมาย</translation> |
| <translation id="7128918109610518786">แสดงรายการตัวระบุแอปพิเคชันที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แสดงเป็นแอปพลิเคชันที่ตรึงในแถบตัวเรียกใช้งาน |
| |
| หากมีการกำหนดค่านโยบายนี้เอาไว้ ชุดแอปพลิเคชันจะถูกกำหนดตายตัวและผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ ผู้ใช้อาจสามารถเปลี่ยนแปลงรายการของแอปพลิเคัชที่ตรึงในตัวเรียกใช้งาน</translation> |
| <translation id="7132877481099023201">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่ต้องแจ้ง</translation> |
| <translation id="7158064522994309072">นโยบายนี้ควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรอง |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนั้นๆ นั่นคือใช้ Internet Explorer ใน Windows หรือใช้ Safari ใน Mac OS X ส่วนใน Linux การไม่ตั้งค่านี้จะทำให้การเปิดเบราว์เซอร์สำรองล้มเหลว |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น ${ie}, ${firefox}, ${safari} หรือ |
| ${opera} เบราว์เซอร์นั้นจะเปิดหากมีการติดตั้งไว้ ${ie} ใช้ได้เฉพาะใน |
| Windows และ ${safari} ใช้ได้เฉพาะใน Windows และ Mac |
| OS X |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเส้นทางของไฟล์ ระบบจะใช้ไฟล์นั้นเป็นไฟล์ที่สั่งการได้</translation> |
| <translation id="7167436895080860385">อนุญาตให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านในตัวจัดการรหัสผ่าน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="7173856672248996428">โปรไฟล์ชั่วคราว</translation> |
| <translation id="717630378807352957">อนุญาตเครื่องพิมพ์ทั้งหมดจากไฟล์การกำหนดค่า</translation> |
| <translation id="7176721759719212761">ระบุว่าอนุญาตการทำงานขณะล็อกหน้าจอหรือไม่ ส่วนขยายและแอป ARC อาจขอการทำงานขณะล็อกหน้าจอ โดยส่วนขยายจะขอผ่าน Power Management Extension API |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะยอมรับการทำงานขณะล็อกหน้าจอสำหรับการจัดการพลังงาน เว้นแต่มีการตั้งค่า AllowWakeLocks เป็น "เท็จ" |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะลดระดับคำขอการทำงานขณะล็อกหน้าจอเป็นคำขอการทำงานขณะล็อกระบบ</translation> |
| <translation id="7185078796915954712">TLS 1.3</translation> |
| <translation id="718956142899066210">ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตสำหรับการอัปเดต</translation> |
| <translation id="7194407337890404814">ชื่อผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="7202925763179776247">อนุญาตข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="7207095846245296855">บังคับใช้ Google ค้นหาปลอดภัย</translation> |
| <translation id="7216442368414164495">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกใช้การรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing</translation> |
| <translation id="7221822638060296742">ช่วยให้ตั้งค่าว่าจะให้เว็บไซต์เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้โดยอัตโนมัติหรือไม่ โดยเลือกได้ว่าจะปฏิเสธหรือเรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติกับทุกเว็บไซต์ |
| |
| "คลิกเพื่อเล่น" จะเรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> แต่ผู้ใช้ต้องคลิกตัวยึดตำแหน่งเพื่อเริ่มการทำงาน |
| |
| การเล่นอัตโนมัติจะใช้ได้กับโดเมนที่แสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในนโยบาย <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากต้องการเปิดใช้การเล่นอัตโนมัติสำหรับทุกเว็บไซต์ โปรดเพิ่ม http://* และ https://* ลงในรายการนี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ด้วยตนเอง</translation> |
| <translation id="7229876938563670511">กำหนดค่า URL ของหน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าดังกล่าว |
| |
| หน้าแรกคือหน้าที่เปิดโดยปุ่ม "หน้าแรก" หน้าต่างๆ ที่เปิดขึ้นเมื่อเริ่มต้นจะควบคุมด้วยนโยบาย RestoreOnStartup |
| |
| คุณตั้งค่าประเภทหน้าแรกเป็น URL ตามที่ระบุไว้ที่นี่หรือตั้งค่าเป็น "หน้าแท็บใหม่" ก็ได้ หากคุณเลือก "หน้าแท็บใหม่" นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยน URL หน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ แต่จะยังเลือกหน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกหน้าแรกได้เองหากไม่ได้ตั้งค่า HomepageIsNewTabPage ไว้ด้วย |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7229975860249300121">มีนิพจน์ทั่วไปซึ่งใช้เพื่อกำหนดบัญชี Google ที่ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ (นั่นคือ บัญชีที่เลือกระหว่างขั้นตอนการเลือกใช้การซิงค์) |
| |
| ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องจะแสดงขึ้นหากผู้ใช้พยายามตั้งค่าบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ด้วยชื่อผู้ใช้ที่ไม่ตรงกับรูปแบบนี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือเว้นว่างไว้ ผู้ใช้จะตั้งค่าบัญชี Google ใดก็ได้ให้เป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="723103540848640830">ตั้งค่าความยาวขั้นต่ำของ PIN หน้าจอล็อก</translation> |
| <translation id="7232816984286843471">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ Crostini |
| |
| หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ผู้ใช้ทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ใช้ Crostini ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้ใช้เช่นกัน |
| นโยบายทั้งสามไม่ว่าจะเป็น VirtualMachinesAllowed, CrostiniAllowed และ DeviceUnaffiliatedCrostiniAllowed ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" หากต้องการอนุญาตให้ Crostini ทำงานได้ |
| หากนโยบายนี้เปลี่ยนการตั้งค่าเป็น "เท็จ" การตั้งค่านี้จะมีผลกับคอนเทนเนอร์ Crostini ใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานแต่ไม่หยุดการทำงานของคอนเทนเนอร์ซึ่งกำลังทำงานอยู่</translation> |
| <translation id="7234280155140786597">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมต้องห้าม (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation> |
| <translation id="7236775576470542603">ตั้งค่าประเภทเริ่มต้นของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะควบคุมประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้สามารถลบล้างได้ชั่วคราวโดยการเปิดหรือปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม การเลือกของผู้ใช้ไม่ได้เป็นการถาวรและค่าเริ่มต้นจะถูกเรียกคืนกลับมาเมื่อใดก็ตามที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นอีกครั้ง หรือเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ดำเนินการใดๆ บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบเป็นเวลาหนึ่งนาที |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แว่นขยายหน้าจอจะถูกปิดใช้งานเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้นเป็นครั้งแรก ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอได้ตลอดเวลาและสถานะบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะยังคงค้างอยู่สำหรับการใช้งานในระหว่างผู้ใช้รายต่างๆ</translation> |
| <translation id="7249828445670652637">เปิดใช้ใบรับรอง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation> |
| <translation id="7258823566580374486">เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="7260277299188117560">เปิดใช้การอัปเดต p2p อัตโนมัติแล้ว</translation> |
| <translation id="7261252191178797385">รูปภาพวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7264704483008663819">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M68 โปรดใช้ DeveloperToolsAvailability แทน |
| |
| ปิดใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ และองค์ประกอบในเว็บไซต์จะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกต่อไป ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดและเมนูใดๆ หรือรายการเมนูตามบริบทที่ใช้เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript |
| |
| การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ตั้งค่าเลยทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบาย DeveloperToolsAvailability ระบบจะเพิกเฉยต่อค่าของนโยบาย DeveloperToolsDisabled</translation> |
| <translation id="7266471712301230894">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 64 |
| |
| ไม่รองรับการค้นหาอัตโนมัติและการติดตั้งปลั๊กอินที่ขาดหายไปแล้ว</translation> |
| <translation id="7267809745244694722">แป้นสื่อมีค่าเริ่มต้นเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation> |
| <translation id="7271085005502526897">การนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="7273823081800296768">หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะจับคู่ลูกค้าและโฮสต์ในเวลาเชื่อมต่อ โดยไม่จำเป็นต้องป้อน PIN ทุกครั้ง |
| |
| หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ฟีเจอร์นี้จะไม่สามารถใช้ได้</translation> |
| <translation id="7275334191706090484">บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="7295019613773647480">เปิดใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation> |
| <translation id="7301543427086558500">ระบุรายการ URL สำรองที่สามารถใช้ในการดึงข้อความค้นหาจากเครื่องมือค้นหา URL ควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งจะใช้ในการดึงข้อความค้นหา |
| |
| นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่มีการตั้งค่า จะไม่มีการใช้ URL สำรองใดๆ ในการดึงข้อความค้นหา |
| |
| นโยบายนี้จะสามารถใช้ได้เฉพาะเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation> |
| <translation id="7302043767260300182">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="7311458740754205918">หากตั้งค่าเป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้า "แท็บใหม่" อาจแสดงคำแนะนำเนื้อหาโดยอิงจากประวัติการท่องเว็บ ความสนใจ หรือสถานที่ของผู้ใช้ |
| |
| หากตั้งค่าเป็น False คำแนะนำเนื้อหาที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติจะไม่แสดงในหน้า "แท็บใหม่"</translation> |
| <translation id="7313793931637495417">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลเวอร์ชันหรือไม่ เช่น เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ สถาปัตยกรรมระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และช่องของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation> |
| <translation id="7323896582714668701">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเพิ่มเติมสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7326394567531622570">เหมือนกับ Wipe (ค่า 2) แต่ให้ลองเก็บโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง</translation> |
| <translation id="7329842439428490522">ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ |
| |
| เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ใช้งาน |
| |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="7329968046053403405">ระบุประเภทบัญชีของบัญชีที่มาจากแอปการตรวจสอบสิทธิ์ของ Android ที่สนับสนุนการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos) โดยผู้จัดหาแอปการตรวจสอบสิทธิ์ควรจัดเตรียมข้อมูลนี้ไว้ให้ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://goo.gl/hajyfN |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> บน Android</translation> |
| <translation id="7331962793961469250">เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์จะไม่ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็น "เท็จ" หรือการปล่อยไว้แบบไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="7332963785317884918">นโยบายนี้ถูกกำหนดให้เลิกใช้แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้กลยุทธ์ในการล้างข้อมูลแบบ "RemoveLRU" เสมอ |
| |
| ควบคุมพฤติกรรมการล้างข้อมูลอัตโนมัติบนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะเริ่มขึ้นเมื่อพื้นที่ว่างของดิสก์ลดลงถึงระดับวิกฤตเพื่อกู้คืนพื้นที่บางส่วนของดิสก์ |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRU" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้จากอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRUIfDormant" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบอย่างน้อย 3 เดือนไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะใช้กลยุทธ์เริ่มต้นที่มีในตัว ซึ่งปัจจุบันคือกลยุทธ์ "RemoveLRUIfDormant"</translation> |
| <translation id="7336878834592315572">เก็บคุกกี้ไว้ในระหว่างช่วงเวลาของเซสชัน</translation> |
| <translation id="7337967786223261174">กำหนดค่ารายการเครื่องพิมพ์ |
| |
| นโยบายนี้อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ให้ผู้ใช้ได้ |
| |
| <ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> เป็นสตริงรูปแบบอิสระที่ปรับแต่งได้เพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" /> ช่วยให้ผู้ใช้ปลายทางระบุเครื่องพิมพ์ได้ง่ายๆ โดยการแสดงชื่อผู้ผลิตและรุ่นของเครื่องพิมพ์ <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากคอมพิวเตอร์ของลูกค้า รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" /> ส่วน <ph name="PRINTER_UUID" /> นั้นจะระบุหรือไม่ก็ได้ หากระบุ ข้อมูลนี้จะใช้เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก |
| |
| <ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> ต้องตรงกับสตริงใดสตริงหนึ่งที่แสดงถึงเครื่องพิมพ์ที่รองรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะใช้สตริงนี้เพื่อระบุและติดตั้ง PPD ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องพิมพ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome?p=noncloudprint |
| |
| การตั้งค่าเครื่องพิมพ์จะเสร็จสมบูรณ์เมื่อใช้เครื่องพิมพ์เป็นครั้งแรก จะไม่มีการดาวน์โหลด PPD จนกว่าจะมีการใช้เครื่องพิมพ์ หลังจากนั้น ระบบจะเก็บ PPD ที่ใช้บ่อยไว้ในแคช |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์ใดๆ แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย |
| |
| สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย Active Directory นโยบายนี้รองรับส่วนขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> ในชื่อเครื่อง Active Directory หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบก็จะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> โปรดทราบว่าตำแหน่งจะเริ่มนับจาก 0 |
| เราจะเลิกใช้งาน <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_LOWERCASE" /> (ตัวพิมพ์เล็ก) ใน M71 และจะนำออกใน M72 |
| </translation> |
| <translation id="7340034977315324840">รายงานจำนวนครั้งของกิจกรรมบนอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7343497214039883642">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กรสำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7349338075015720646">ระบุรายชื่อเว็บไซต์ที่ติดตั้งแบบเงียบ (ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ) ซึ่งผู้ใช้ถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้ |
| |
| รายการแต่ละรายการในนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มีสมาชิก 2 อย่างคือ "url" และ "launch_container" โดย "url" ควรเป็น URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้งและ "launch_container" ควรเป็น "หน้าต่าง" หรือ "แท็บ" ซึ่งแสดงลักษณะที่เว็บแอปนั้นจะเปิดขึ้นเมื่อติดตั้งแล้ว หากไม่ระบุ "launch_container" แอปจะเปิดขึ้นในหน้าต่างในกรณีที่ Chrome พิจารณาว่าเป็น Progressive Web App และเปิดในแท็บหากพิจารณาว่าเป็นอย่างอื่น</translation> |
| <translation id="735902178936442460">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุเครื่องหรือไม่ เช่น ชื่อเครื่องและที่อยู่เครือข่าย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation> |
| <translation id="7367028210010532881">บริการ Safe Browsing จะแสดงหน้าคำเตือนเมื่อผู้ใช้กำลังไปยังเว็บไซต์ที่ถูกแจ้งว่าอาจเป็นอันตราย การเปิดใช้การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือนไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะเลือกไปต่อยังเว็บไซต์ที่ถูกแจ้งหลังจากเห็นคำเตือนได้ |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="737655323154569539">จำกัดขนาดหน้าของการพิมพ์ ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือค่าว่างเปล่า</translation> |
| <translation id="7417972229667085380">เปอร์เซ็นต์สำหรับการปรับการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานในโหมดการนำเสนอ (เลิกใช้งาน)</translation> |
| <translation id="7421483919690710988">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อเป็นไบต์</translation> |
| <translation id="7424751532654212117">รายการยกเว้นสำหรับรายการของปลั๊กอินที่ถูกปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="7426112309807051726">ระบุว่าควรปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ <ph name="TLS_FALSE_START" /> ไหม ด้วยเหตุผลในอดีต นโยบายนี้มีชื่อว่า DisableSSLRecordSplitting |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะเปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /> หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /></translation> |
| <translation id="7433714841194914373">เปิดใช้งานค้นหาทันใจ</translation> |
| <translation id="7443061725198440541">หากไม่ได้ตั้งค่าหรือเปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้การตรวจการสะกดได้ |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้การตรวจการสะกดไม่ได้ ระบบจะยังเพิกเฉยต่อนโยบาย SpellcheckLanguage ด้วยหากปิดใช้นโยบายนี้ |
| </translation> |
| <translation id="7443616896860707393">ข้อความแจ้งการตรวจสอบสิทธิ์พื้นฐาน HTTP ข้ามจุด</translation> |
| <translation id="7458437477941640506">อย่าย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมายหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า การอัปเดตต่างๆ จะถูกปิดการใช้งานเช่นกัน</translation> |
| <translation id="7464991223784276288">จำกัดคุกกี้จาก URL ที่ตรงกันให้อยู่ในเซสชันปัจจุบัน</translation> |
| <translation id="7469554574977894907">เปิดใช้งานคำแนะนำในการค้นหา</translation> |
| <translation id="7474249562477552702">อนุญาตใบรับรองที่มีการลงชื่อของ SHA-1 ไม่ว่าจะออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่หรือไม่</translation> |
| <translation id="7485481791539008776">กฎการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="749556411189861380">รายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์ที่ลงทะเบียน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น True อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนจะรายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของเฟิร์มแวร์ของอุปกรณ์เป็นระยะๆ หากตั้งค่าเป็น False จะไม่มีการรายงานข้อมูลเวอร์ชัน</translation> |
| <translation id="7498946151094347510">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานไม่ได้ |
| |
| ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> สำหรับโหมด <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น |
| |
| ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้เครื่องพิมพ์ได้ทุกเครื่องยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY" /> |
| </translation> |
| <translation id="7511361072385293666">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตให้ใช้โปรโตคอล QUIC ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น False ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้โปรโตคอล QUIC</translation> |
| <translation id="7517845714620372896">ระบุเปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ความสว่างหน้าจอเริ่มต้นจะปรับไปตามค่าของนโยบาย แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่านี้ได้ในภายหลัง ทั้งนี้ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ส่วนควบคุมหน้าจอของผู้ใช้และฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติจะไม่ได้รับผลกระทบ |
| ค่าของนโยบายจะต้องระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ในช่วง 0-100</translation> |
| <translation id="7519251620064708155">อนุญาตให้สร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="7529100000224450960">ช่วยให้คุณกำหนดรายการของรูปแบบ URL ที่ระบุไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เปิดป๊อปอัป หากนโยบายนี้ไม่มีการกำหนดไว้ จะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปสำหรับไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultPopupsSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ หรือจากการกำหนดค่าส่วนบุคคลของผู้ใช้เอง</translation> |
| <translation id="7529144158022474049">ปัจจัยการกระจายการอัปเดตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="7534199150025803530">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันการใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ คุณต้องยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation> |
| <translation id="7547549430720182663">รวม</translation> |
| <translation id="7553535237300701827">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบจะเป็นวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า: |
| |
| หากตั้งค่าเป็น GAIA การเข้าสู่ระบบจะดำเนินการผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ GAIA ทั่วไป |
| |
| หากตั้งค่าเป็น SAML_INTERSTITIAL การเข้าสู่ระบบจะแสดงหน้าจอคั่นระหว่างหน้าซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ของโดเมนที่อุปกรณ์ลงทะเบียนไว้ หรือกลับไปใช้ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบทั่วไปของ GAIA</translation> |
| <translation id="755951849901630953">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์สำหรับคอมโพเนนต์ทั้งหมดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "จริง" |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ แต่คอมโพเนนต์บางอย่างจะได้รับการยกเว้นจากนโยบายนี้ กล่าวคือระบบจะไม่ปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ที่ไม่มีโค้ดสั่งการ หรือที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนลักษณะการทำงานของเบราว์เซอร์มากนัก ตลอดจนคอมโพเนนต์ที่มีความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัย |
| ตัวอย่างของคอมโพเนนต์ดังกล่าว ได้แก่ รายการยกเลิกใบรับรองและข้อมูล Safe Browsing |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="7566878661979235378">ประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML</translation> |
| <translation id="757395965347379751">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตใบรับรองที่มีการลงชื่อของ SHA-1 ตราบใดที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและอยู่ในห่วงโซ่เดียวกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่อง |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มการตรวจสอบใบรับรองระบบปฏิบัติการที่อนุญาตลายเซ็นของ SHA-1 หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงการจัดการใบรับรอง SHA-1 ของระบบปฏิบัติการ นโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อให้องค์กรต่างๆ มีเวลามากขึ้นในการเลิกใช้งาน SHA-1 การถอดนโยบายนี้ออกจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปฏิบัติตามกำหนดเวลาเลิกใช้งาน SHA-1 ที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะ</translation> |
| <translation id="7593523670408385997">กำหนดค่าขนาดของแคชที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับการเก็บไฟล์แคชบนดิสก์ |
| |
| |
| |
| หากคุณตั้งนโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดของแคชที่ระบุไว้โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้ได้ระบุค่าสถานะ '--disk-cache-size' ไว้ไหม ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นคำแนะนำสำหรับระบบการแคช ค่าใดก็ตามที่น้อยกว่าสองสามเมกะไบต์จะถือว่าน้อยเกินไปและจะปัดให้เป็นค่าต่ำสุดที่รับได้ |
| |
| |
| |
| หากค่าของนโยบายนี้คือ 0 จะมีการใช้ขนาดของแคชเริ่มต้นแต่ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนขนาดได้ |
| |
| |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ขนาดเริ่มต้นและผู้ใช้จะสามารถลบล้างด้วยธง --disk-cache-size</translation> |
| <translation id="759957074386651883">การตั้งค่า Safe Browsing</translation> |
| <translation id="7604169113182304895">แอป Android อาจเลือกใช้รายการด้วยความสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับแอปให้เลือกได้</translation> |
| <translation id="7612157962821894603">การตั้งค่าสถานะที่ใช้ทั้งระบบที่จะนำไปใช้กับการเริ่มต้นใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7614663184588396421">รายการสกีมของโปรโตคอลที่ถูกปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="7617319494457709698">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ใช้ฟังก์ชัน <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" /> ของ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับการยืนยันจากระยะไกล โดยต้องเพิ่มส่วนขยายลงในรายการนี้เพื่อใช้ API |
| |
| หากส่วนขยายไม่อยู่ในรายการ หรือไม่มีการตั้งค่ารายการ การเรียกใช้ API จะล้มเหลวโดยมีรหัสข้อผิดพลาด</translation> |
| <translation id="7618907117929117943">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า และจะยังใช้ค่ากำหนดระดับอุปกรณ์ต่อไปได้ (รวมถึงข้อมูลรับรองเครือข่าย) ผ่านการย้อนกลับเวอร์ชัน รวมถึงการข้าม OOBE หลังการย้อนกลับเวอร์ชัน อย่าย้อนกลับหรือยกเลิกการย้อนกลับเวอร์ชันหากเป็นไปไม่ได้ (เนื่องจากเวอร์ชันเป้าหมายไม่รองรับการกู้คืนข้อมูลหรือมีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังที่เข้ากันไม่ได้) |
| รองรับใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 70 ขึ้นไป สำหรับไคลเอ็นต์เก่า ค่านี้หมายความว่าการย้อนกลับเวอร์ชันปิดอยู่</translation> |
| <translation id="7620869951155758729">นโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าที่ใช้เพื่อสร้างและยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง |
| |
| |current_config| จะใช้เพื่อสร้างรหัสการเข้าถึงทุกครั้ง และควรใช้เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| ไม่ได้เท่านั้น |
| |future_config| คือการกำหนดค่าหลักที่ใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึง |
| |old_configs| ควรใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| หรือ |current_config| ไม่ได้เท่านั้น |
| |
| การใช้นโยบายนี้ตามที่คาดไว้จะค่อยๆ ช่วยหมุนเวียนการกำหนดค่ารหัสการเข้าถึง การกำหนดค่าใหม่จะเพิ่มไว้ใน |future_config| ทุกครั้ง |
| และในขณะเดียวกันระบบจะย้ายค่าที่มีอยู่ไปยัง |current_config| ส่วนค่าก่อนหน้าของ |current_config| จะย้ายไปยัง |old_configs| และจะถูกนำออกหลังจากสิ้นสุดรอบการหมุนเวียน |
| |
| นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กได้ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กไม่ได้</translation> |
| <translation id="7625444193696794922">ระบุช่องทางแสดงผลที่ควรจะล็อกเข้ากับอุปกรณ์นี้</translation> |
| <translation id="7632724434767231364">ชื่อไลบรารี GSSAPI</translation> |
| <translation id="7635471475589566552">กำหนดค่าภาษาแอปพลิเคชันใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนภาษาดังกล่าว หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ภาษาที่ระบุ หากภาษาที่กำหนดค่าไว้ไม่ได้รับการสนับสนุน "en-US" จะถูกนำมาใช้แทน หากคุณปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าการตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจใช้ภาษาที่ต้องการตามที่ผู้ใช้ระบุ (หากกำหนดค่าไว้) ภาษาของระบบ หรือภาษาทางเลือก "en-US"</translation> |
| <translation id="7641363659597330616">กำหนดค่าประเภทการดาวน์โหลดที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะบล็อกโดยสมบูรณ์ โดยไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลบล้างตัวเลือกเพื่อความปลอดภัย |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะป้องกันการดาวน์โหลดบางประเภท และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ข้ามคำเตือนด้านความปลอดภัย |
| |
| เมื่อเลือกตัวเลือก "บล็อกการดาวน์โหลดที่อันตราย" ระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนของ Safe Browsing |
| |
| เมื่อเลือกตัวเลือก "บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย" ระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนของ Safe Browsing ว่าเป็นการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย |
| |
| เมื่อเลือกตัวเลือก "บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด" ระบบจะบล็อกการดาวน์โหลดทุกรายการ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ (หรือเลือกตัวเลือก "ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ") การดาวน์โหลดจะต้องผ่านข้อจำกัดด้านความปลอดภัยทั่วไปโดยอิงจากผลการวิเคราะห์ของ Safe Browsing |
| |
| โปรดทราบว่าข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่ทริกเกอร์จากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนูตามบริบท "ดาวน์โหลดลิงก์..." ข้อจำกัดเหล่านี้ไม่มีผลกับการบันทึก/ดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์ |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="7642803091923523695">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้ PluginVm ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์ ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดใช้ได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องมีค่าเป็น "จริง" และต้องมีการตั้งค่า <ph name="PLUGIN_VM_IMAGE_POLICY_NAME" /> เพื่ออนุญาตให้เรียกใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ได้</translation> |
| <translation id="7643883929273267746">จำกัดบัญชีที่แสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7651739109954974365">กำหนดว่าควรจะเปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูลสำหรับอุปกรณ์หรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" การโรมมิ่งข้อมูลจะได้รับอนุญาต หากไม่กำหนดค่าหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่สามารถใช้การโรมมิ่งข้อมูลได้</translation> |
| <translation id="7673194325208122247">ระยะเวลา (มิลลิวินาที)</translation> |
| <translation id="7676708657861783864">ระบบจะจำกัดคุกกี้ซึ่งกำหนดโดยหน้าเว็บที่ตรงกับรูปแบบ URL เหล่านี้ให้อยู่ในเซสชันปัจจุบัน หมายความว่าระบบจะลบคุกกี้เมื่อมีการออกจากเบราว์เซอร์ |
| |
| สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ได้ระบุไว้ที่นี่ หรือสำหรับ URL ทั้งหมดในกรณีที่ไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| โปรดทราบว่าหาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ใน "โหมดการทำงานเบื้องหลัง" ระบบจะไม่ปิดเซสชันเมื่อมีการปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ล่าสุด แต่เซสชันจะยังทำงานอยู่จนกว่าจะมีการออกจากเบราว์เซอร์ โปรดดูนโยบาย "BackgroundModeEnabled" สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้ |
| |
| ดูนโยบาย "CookiesAllowedForUrls" และ "CookiesBlockedForUrls" ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า |
| |
| ถ้าตั้งค่านโยบาย "RestoreOnStartup" ให้คืนค่า URL จากเซสชันก่อนหน้า ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้และจะเก็บคุกกี้ของเว็บไซต์เหล่านั้นไว้ถาวร</translation> |
| <translation id="7683777542468165012">การรีเฟรชนโยบายแบบไดนามิก</translation> |
| <translation id="7694807474048279351">กำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" การรีบูตอัตโนมัติจะถูกกำหนดเวลาเมื่อมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจำเป็นต้องมีการรีบูตเพื่อดำเนินการขั้นตอนการอัปเดตให้เสร็จสมบูรณ์ การรีบูตถูกกำหนดเวลาไว้ทันที แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากในขณะนั้นมีผู้ใช้ใช้อุปกรณ์อยู่ |
| |
| ........เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขั้นตอนการอัปเดตจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อผู้ใช้รีบูตอุปกรณ์ในครั้งถัดไป |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ |
| |
| หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานเฉพาะในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบกำลังแสดงหรือเซสชันแอปคีออสก์กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และนโยบายจะบังคับใช้อยู่เสมอ โดยไม่คำนึงว่าจะมีเซสชันประเภทใดๆ กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่</translation> |
| <translation id="7701341006446125684">ตั้งค่าขนาดแคชของแอปและส่วนขยาย (เป็นไบต์)</translation> |
| <translation id="7709537117200051035">ชื่อโฮสต์การจับคู่พจนานุกรมเข้ากับธงบูลีนที่ระบุว่าการเข้าถึงโฮสต์ต้องได้รับอนุญาต (True) หรือถูกบล็อก (False) |
| |
| นโยบายนี้ใช้สำหรับการใช้งานภายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เอง</translation> |
| <translation id="7712109699186360774">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการเข้าถึงกล้องและ/หรือไมโครโฟน</translation> |
| <translation id="7713608076604149344">ข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="7715711044277116530">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอ</translation> |
| <translation id="7717938661004793600">กำหนดค่าฟีเจอร์การเข้าถึงของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="7724994675283793633">นโยบายนี้เปิดใช้ HTTP/0.9 บนพอร์ตอื่นนอกเหนือจากพอร์ต 80 สำหรับ HTTP และพอร์ต 443 สำหรับ HTTPS |
| |
| ระบบปิดใช้นโยบายนี้ไว้โดยค่าเริ่มต้น และหากเปิดใช้จะทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาความปลอดภัย https://crbug.com/600352 |
| |
| นโยบายนี้มีไว้เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ ย้ายข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่ออกจาก HTTP/0.9 และจะมีการนำออกในอนาคต |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ HTTP/0.9 บนพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="7749402620209366169">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลแทนการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้ |
| |
| หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้จะต้องระบุรหัสแบบสองปัจจัยที่ถูกต้องเมื่อเข้าถึงโฮสต์ |
| |
| หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่สามารถใช้สองปัจจัยดังกล่าวได้และจะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งเป็นการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้แทน</translation> |
| <translation id="7750991880413385988">เปิดหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="7754704193130578113">สอบถามที่เก็บไฟล์ก่อนดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="7761446981238915769">กำหนดค่ารายการแอปที่ติดตั้งบนหน้าจอล็อกอิน</translation> |
| <translation id="7763479091692861127"> ประเภทของการเชื่อมต่อที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สำหรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ การอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การเชื่อมต่อต้องทำงานหนักมากเนื่องจากขนาดของการอัปเดตและอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น การอัปเดตระบบดังกล่าวจะไม่ถูกเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นสำหรับประเภทการเชื่อมต่อที่มีราคาแพง ซึ่งรวมถึง WiMax, บลูทูธ และการเชื่อมต่อมือถือในปัจจุบัน |
| |
| ตัวระบุประเภทการเชื่อมต่อที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ "อีเทอร์เน็ต", "Wi-Fi", "WiMax", "บลูทูธ" และ "การเชื่อมต่อมือถือ"</translation> |
| <translation id="7763614521440615342">แสดงคำแนะนำเนื้อหาบนหน้า "แท็บใหม่"</translation> |
| <translation id="7765879851993224640">อนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock</translation> |
| <translation id="7774768074957326919">ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ</translation> |
| <translation id="7775831859772431793">คุณสามารถระบุ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ได้ที่นี่ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อคุณได้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น |
| |
| คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้หากคุณเลือกโหมดอื่นๆ สำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี |
| |
| สำหรับตัวเลือกเพิ่มเติมและตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่: |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /></translation> |
| <translation id="7781069478569868053">หน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="7788511847830146438">ต่อโปรไฟล์</translation> |
| <translation id="780603170519840350">ปิดการบังคับใช้ข้อกำหนดความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช subjectPublicKeyInfo |
| |
| นโยบายนี้จะอนุญาตการปิดใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับกลุ่มใบรับรองที่มีใบรับรองซึ่งมีแฮช subjectPublicKeyInfo ที่ระบุ ซึ่งช่วยให้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสมสามารถใช้งานได้ต่อไปกับโฮสต์ที่เป็นองค์กร |
| |
| โปรดทำตามเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เพื่อให้ปิดใช้การบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองได้เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ได้ |
| 1. แฮชมาจาก subjectPublicKeyInfo ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ |
| 2. แฮชมาจาก subjectPublicKeyInfo ซึ่งแสดงในใบรับรอง CA ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA ดังกล่าวถูกจำกัดผ่านส่วนขยาย X.509v3 nameConstraints มี directoryName nameConstraints อย่างน้อย 1 รายการใน permittedSubtrees และ directoryName มีแอตทริบิวต์ organizationName |
| 3. แฮชมาจาก subjectPublicKeyInfo ที่แสดงในใบรับรอง CA ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA มีแอตทริบิวต์ organizationName อย่างน้อย 1 รายการในชื่อใบรับรอง และใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์มีจำนวนแอตทริบิวต์ organizationName เท่ากัน ในลำดับเดียวกัน และมีค่าเท่ากันแบบไบต์ต่อไบต์ |
| |
| แฮช subjectPublicKeyInfo จะบ่งชี้ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช อักขระ "/" และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ subjectPublicKeyInfo ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ตามที่ระบุไว้ใน RFC 7469 มาตรา 2.4 ระบบจะเพิกเฉยต่ออัลกอริทึมของแฮชที่ไม่รู้จัก อัลกอริทึมของแฮชที่ได้รับการรองรับตอนนี้คือ "sha256" เพียงรายการเดียว |
| |
| หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้ไว้ ใบรับรองที่ถูกกำหนดให้ต้องเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านความโปร่งใสของใบรับรองที่ไม่ได้เปิดเผยตามข้อกำหนดจะถือว่าเป็นใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือตามนโยบายความโปร่งใสของใบรับรอง</translation> |
| <translation id="7818131573217430250">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="7822837118545582721">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ผู้ใช้จะไม่สามารถเขียนข้อมูลใดๆ ลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอก |
| |
| หากการตั้งค่านี้เป็น False หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้ก็จะสามารถสร้างและแก้ไขไฟล์ของอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกซึ่งเป็นแบบเขียนข้อมูลลงไปได้ |
| |
| นโยบาย ExternalStorageDisabled จะมีผลใช้งานเหนือนโยบายนี้ หากตั้งค่า ExternalStorageDisabled เป็น True การเข้าถึงพื้นที่เก็บข้อมูลภายนอกจะถูกปิดใช้และจะไม่มีการใช้นโยบายนี้ |
| |
| M56 ขึ้นไปรองรับการรีเฟรชแบบไดนามิกของนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="7831595031698917016">ระบุความการหน่วงเวลาสูงสุดเป็นมิลลิวินาทีระหว่างการรับการลบล้างนโยบายและการเรียกนโยบายใหม่จากบริการจัดการอุปกรณ์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะแทนที่ค่าเริ่มต้นที่ 5000 มิลลิวินาที ค่าที่ถูกต้องสำหรับนโยบายนี้จะอยู่ในช่วงตั้งแต่ 1000 (1 วินาที) ถึง 300000 (5 นาที) ค่าใดๆ ที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้เข้าขอบเขตตามลำดับ |
| |
| การละทิ้งนโยบายนี้ไม่ได้ถูกกำหนดจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นที่ 5000 มิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="7841880500990419427">TLS เวอร์ชันต่ำสุดที่ใช้สำรอง</translation> |
| <translation id="7842869978353666042">กำหนดค่าตัวเลือก Google ไดรฟ์</translation> |
| <translation id="787125417158068494">หากตั้งค่าเป็น SyncDisabled หรือไม่ได้กำหนดค่า ใบรับรองของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่สามารถใช้ได้กับแอป ARC |
| |
| หากตั้งค่าเป็น CopyCaCerts ใบรับรอง CA ทั้งหมดที่ ONC ติดตั้งซึ่งมี <ph name="WEB_TRUSTED_BIT" /> จะสามารถใช้ได้กับแอป ARC</translation> |
| <translation id="7882585827992171421">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| กำหนด ID ของส่วนขยายที่จะใช้เป็นโปรแกรมรักษาหน้าจอบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ส่วนขยายนี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของ AppPack ซึ่งได้รับการกำหนดค่าสำหรับโดเมนนี้ผ่านทางนโยบาย DeviceAppPack</translation> |
| <translation id="7882857838942884046">การปิดใช้ Google Sync จะทำให้การสำรองข้อมูลและการคืนค่าของ Android ทำงานได้อย่างไม่สมบูรณ์</translation> |
| <translation id="7882890448959833986">ระงับคำเตือนระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุน</translation> |
| <translation id="7902255855035461275">รูปแบบในรายการนี้จะจับคู่กับต้นทาง |
| การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบต้นทางที่ตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้ |
| เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่แจ้งเตือน |
| |
| หมายเหตุ: ใช้นโยบายนี้ได้ในโหมดคีออสก์เท่านั้นจนถึงเวอร์ชัน 45</translation> |
| <translation id="7912255076272890813">กำหนดค่าประเภทแอปพลิเคชัน/ส่วนขยายที่อนุญาต</translation> |
| <translation id="7915236031252389808">คุณสามารถระบุ URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซีได้ที่นี่ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อคุณได้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเองที่ "เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์" เท่านั้น |
| |
| คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้หากคุณเลือกโหมดอื่นๆ สำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซี |
| |
| สำหรับตัวอย่างโดยละเอียด โปรดไปที่: |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /></translation> |
| <translation id="793134539373873765">ระบุว่าจะใช้ p2p สำหรับส่วนข้อมูลการอัปเดต OS ไหม หากตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์จะแชร์และพยายามรับส่วนข้อมูลการอัปเดตบน LAN ซึ่งอาจลดแบนด์วิดท์และความคับคั่งในอินเทอร์เน็ต หากส่วนข้อมูลการอัปเดตไม่พร้อมใช้งานบน LAN อุปกรณ์จะกลับไปใช้การดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์การอัปเดต หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า p2p จะไม่ถูกใช้งาน</translation> |
| <translation id="7933141401888114454">เปิดใช้งานการสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation> |
| <translation id="793473937901685727">ตั้งค่าความพร้อมใช้งานของใบรับรองสำหรับแอป ARC</translation> |
| <translation id="7937766917976512374">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับวิดีโอ</translation> |
| <translation id="7941975817681987555">อย่าคาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ</translation> |
| <translation id="7952002811557367112">นโยบายนี้จะป้องกันมิให้ผู้ใช้โหลดหน้าเว็บจาก URL ที่ติดบัญชีดำ โดยบัญชีดำจะมีรายการของรูปแบบ URL ที่กำหนดว่า URL ใดควรอยู่ในบัญชีดำ |
| |
| รูปแบบ URL ต้องมีรูปแบบตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format |
| |
| คุณกำหนดข้อยกเว้นในนโยบายรายการ URL ที่อนุญาตพิเศษได้ โดยจำกัดจำนวนนโยบายสูงสุดไม่เกิน 1,000 รายการ โดยระบบจะไม่สนใจรายการหลังจากนั้น |
| |
| โปรดทราบว่าเราไม่แนะนำให้คุณบล็อก URL ภายใน "chrome://*" เนื่องจากอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้หน้าอัปเดตแบบไดนามิกผ่าน JavaScript เช่น หากคุณบล็อก "example.com/abc" ผู้ใช้อาจยังไปที่ "example.com" ได้อยู่ และคลิกลิงก์เพื่อไปที่ "example.com/abc" ได้ ตราบเท่าที่ไม่มีการรีเฟรชหน้า |
| |
| หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มี URL ใดที่ติดบัญชีดำในเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="7953256619080733119">โฮสต์ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation> |
| <translation id="7961779417826583251">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการผู้ออกใบรับรองเดิม</translation> |
| <translation id="7974114691960514888">นโยบายนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป เปิดใช้งานการใช้ STUN และเซิร์ฟเวอร์ถ่ายทอดเมื่อเชื่อมต่อกับไคลเอ็นต์ระยะไกล หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน เครื่องนี้จะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องโฮสต์ระยะไกลแม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานและการเชื่อมต่อ UDP ขาออกถูกกรองโดยไฟร์วอลล์ เครื่องนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องโฮสต์ภายในเครือข่ายท้องถิ่นเท่านั้น</translation> |
| <translation id="7976157349247117979">ชื่อของปลายทาง <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7980227303582973781">ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ</translation> |
| <translation id="7985242821674907985"><ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7992136759457836904">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าจะอนุญาตให้เครื่องเสมือนทำงานบน Chrome OS หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ระบบจะอนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน |
| นโยบายทั้งสามไม่ว่าจะเป็น VirtualMachinesAllowed, CrostiniAllowed และ DeviceUnaffiliatedCrostiniAllowed ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" หากต้องการอนุญาตให้ Crostini ทำงานได้ |
| หากนโยบายนี้เปลี่ยนการตั้งค่าเป็น "เท็จ" การตั้งค่านี้จะมีผลกับเครื่องเสมือนใหม่ที่เพิ่งเริ่มใช้งานแต่ไม่หยุดการทำงานของเครื่องเสมือนที่กำลังทำงานอยู่ |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ ระบบจะไม่อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน |
| อุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการจะได้รับอนุญาตให้เรียกใช้เครื่องเสมือน</translation> |
| <translation id="8001701200415781021">จำกัดบัญชี Google ที่อนุญาตให้ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="8009554972280451023">หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบันทึกการตั้งค่าที่เก็บไว้ในโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น บุ๊กมาร์ก ข้อมูลการป้อนอัตโนมัติ รหัสผ่าน ไปยังไฟล์ที่เก็บไว้ในโฟลเดอร์โปรไฟล์ผู้ใช้โรมมิ่งหรือตำแหน่งที่ผู้ดูแลระบบระบุไว้ผ่านนโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_LOCATION_POLICY_NAME" /> ด้วย การเปิดใช้นโยบายนี้จะปิดใช้คลาวด์ซิงค์ |
| |
| หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เฉพาะโปรไฟล์ปกติในเครื่องเท่านั้น |
| |
| นโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> จะปิดใช้การซิงค์ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งจะลบล้าง <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="802147957407376460">หมุนหน้าจอ 0 องศา</translation> |
| <translation id="8033913082323846868">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M70 โปรดใช้ AutofillAddressEnabled และ AutofillCreditCardEnabled แทน |
| |
| เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้เติมคำอัตโนมัติในเว็บฟอร์มโดยใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลบัตรเครดิต |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติไม่ได้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะยังคงเป็นผู้ควบคุมฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้กำหนดค่าโปรไฟล์ป้อนอัตโนมัติและเปิดหรือปิดป้อนอัตโนมัติได้ตามที่เห็นสมควร</translation> |
| <translation id="8044493735196713914">รายงานโหมดการบูตอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8050080920415773384">การพิมพ์ดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="8053580360728293758">ลบล้างโหมดสีการพิมพ์เริ่มต้น ระบบจะเพิกเฉยนโยบายนี้หากไม่มีโหมด</translation> |
| <translation id="8059164285174960932">URL ที่ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลควรรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="8078366200175825572">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นทั่วไปกับเว็บไซต์ทั้งหมด ทั้งจากนโยบาย "DefaultCookiesSetting" หากมีการตั้งค่า หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| ดูนโยบาย "CookiesAllowedForUrls" และ "CookiesSessionOnlyForUrls" ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า</translation> |
| <translation id="8099880303030573137">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="8102913158860568230">การตั้งค่า mediastream เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8104186956182795918">ให้คุณกำหนดได้ว่าเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้แสดงภาพหรือไม่ โดยจะอนุญาตให้แสดงรูปภาพในทุกเว็บไซต์หรือปฏิเสธการแสดงภาพในทุกเว็บไซต์ก็ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการใช้ "AllowImages" และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงได้ |
| |
| โปรดทราบว่าการเปิดใช้นโยบายนี้ใน Android ก่อนหน้านี้เกิดจากความผิดพลาด ไม่มีการรองรับฟังก์ชันนี้ใน Android อย่างสมบูรณ์</translation> |
| <translation id="8104962233214241919">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="8112122435099806139">ระบุรูปแบบนาฬิกาที่จะใช้สำหรับอุปกรณ์นี้ |
| |
| นโยบายนี้กำหนดค่ารูปแบบนาฬิกาที่จะใช้บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ และใช้เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับเซสชันผู้ใช้ ผู้ใช้ยังสามารถแทนที่รูปแบบนาฬิกาสำหรับบัญชีของตนได้อยู่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True อุปกรณ์จะใช้รูปแบบนาฬิกา 24 ชั่วโมง หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False อุปกรณ์จะใช้รูปแบบนาฬิกา 12 ชั่วโมง |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ อุปกรณ์จะมีค่าเริ่มต้นเป็นรูปแบบนาฬิกา 24 ชั่วโมง</translation> |
| <translation id="8114382167597081590">ไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube</translation> |
| <translation id="8118665053362250806">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อ</translation> |
| <translation id="8124468781472887384">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8135937294926049787">ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ |
| |
| เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ได้ใช้งาน |
| |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="8138009212169037227">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลนโยบายและเวลาที่เรียกนโยบายหรือไม่ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาที่เรียกนโยบาย |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาที่เรียกนโยบาย |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะเมื่อ <ph name="CHROME_REPORTING_EXTENSION_NAME" /> เปิดอยู่ และลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="MACHINE_LEVEL_USER_CLOUD_POLICY_ENROLLMENT_TOKEN_POLICY_NAME" /> แล้ว</translation> |
| <translation id="8140204717286305802">รายงานรายการอินเทอร์เฟซเครือข่ายพร้อมด้วยประเภทและที่อยู่ฮาร์ดแวร์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากตั้งนโยบายเป็น False จะไม่มีการรายงานรายการอินเทอร์เฟซ</translation> |
| <translation id="8141795997560411818">นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันเข้าถึง Google ไดรฟ์ คุณควรยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation> |
| <translation id="8142894094385450823">กำหนดภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="8146727383888924340">อนุญาตให้ผู้ใช้แลกข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS</translation> |
| <translation id="8148785525797916822">ระงับคำเตือนที่ปรากฏขึ้นเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานบนคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป</translation> |
| <translation id="8148901634826284024">เปิดใช้งานฟีเจอร์การเข้าถึงโหมดคอนทราสต์สูง |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกเปิดใช้งานเสมอ |
| |
| หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานเสมอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า โหมดคอนทราสต์สูงจะถูกปิดใช้งานในขั้นต้น แต่สามารถเปิดใช้งานโดยผู้ใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="815061180603915310">หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้นโยบาย นโยบายนี้จะบังคับให้โปรไฟล์เปลี่ยนเป็นโหมดชั่วคราว หากระบุนโยบายนี้เป็นนโยบาย OS (เช่น GPO ใน Windows) นโยบายจะใช้กับทุกโปรไฟล์บนระบบ หากตั้งค่านโยบายเป็นนโยบายระบบคลาวด์ นโยบายจะใช้กับโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีการจัดการเท่านั้น |
| |
| ในโหมดนี้ ข้อมูลโปรไฟล์จะยังอยู่ในดิสก์เป็นเวลาเท่ากับเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น จะไม่มีการเก็บฟีเจอร์ต่างๆ หลังปิดเบราว์เซอร์ เช่น ประวัติการเข้าชมของเบราว์เซอร์ ส่วนขยายและข้อมูลของส่วนขยาย ข้อมูลเว็บ เช่น คุกกี้และฐานข้อมูลเว็บ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ลงในดิสก์ บันทึกหน้าหรือพิมพ์หน้าดังกล่าวด้วยตนเอง |
| |
| หากผู้ใช้ได้เปิดใช้การซิงค์ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะเก็บไว้ในโปรไฟล์การซิงค์ของพวกเขาเหมือนกับโปรไฟล์ทั่วไป ทั้งนี้โหมดไม่ระบุตัวตนยังสามารถใช้งานได้หากไม่ได้ปิดใช้ตามนโยบาย |
| |
| หากตั้งค่าปิดใช้นโยบายหรือไม่ตั้งค่า การลงชื่อเข้าใช้จะนำไปสู่โปรไฟล์ทั่วไป</translation> |
| <translation id="8158758865057576716">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="817455428376641507">อนุญาตให้เข้าถึง URL ในรายการ โดยเป็นข้อยกเว้นสำหรับ URL ในรายการที่ไม่อนุญาต |
| |
| ดูคำอธิบายของนโยบาย URL ในรายการที่ไม่อนุญาตสำหรับรูปแบบข้อมูลของรายการนี้ |
| |
| นโยบายนี้สามารถใช้เพื่อเปิดข้อยกเว้นสำหรับรายการที่ไม่อนุญาตซึ่งมีข้อจำกัด ตัวอย่างเช่น "*" สามารถอยู่ในรายการที่ไม่อนุญาตเพื่อบล็อกคำขอทั้งหมด และนโยบายนี้สามารถใช้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดได้ และสามารถใช้เพื่อเปิดข้อยกเว้นของสกีมบางอย่าง โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ด หรือเส้นทางเฉพาะได้ |
| |
| ตัวกรองที่มีความเฉพาะที่สุดจะพิจารณาว่าจะบล็อกหรืออนุญาต URL รายการที่อนุญาตจะมีความสำคัญเหนือรายการที่ไม่อนุญาต |
| |
| นโยบายนี้ถูกจำกัดที่ 1000 รายการ โดยรายการที่อยู่หลังจากนั้นจะถูกเพิกเฉย |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ในรายการที่ไม่อนุญาตจากนโยบาย "URLBlacklist"</translation> |
| <translation id="8176035528522326671">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นผู้ใช้หลักแบบหลายโปรไฟล์เท่านั้น (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการ)</translation> |
| <translation id="8214600119442850823">กำหนดค่าตัวจัดการรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="8244525275280476362">การหน่วงเวลาสูงสุดในการดึงข้อมูลภายหลังการลบล้างนโยบาย</translation> |
| <translation id="8256688113167012935">ควบคุมชื่อบัญชี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้สำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกัน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ หน้าลงชื่อเข้าใช้จะใช้ข้อมูลที่ระบุในตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้แบบรูปภาพสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ ID บัญชีอีเมลของบัญชีภายในอุปกรณ์เป็นชื่อสำหรับแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| นโยบายนี้จะไม่มีผลกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไป</translation> |
| <translation id="8259375588339409826">ทั้ง Chromium และ Google Chrome รองรับนโยบายชุดเดียวกัน โปรดทราบว่าเอกสารนี้อาจมีนโยบายที่ยังไม่ได้เผยแพร่ (รายการ "รองรับใน" หมายถึงเวอร์ชันที่ยังไม่เปิดตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือนำออกโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีการรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่มีการรับประกันในแง่คุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผลิตภัณฑ์ |
| |
| นโยบายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการกำหนดค่าอินสแตนซ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ภายในองค์กรของคุณเท่านั้น การใช้นโยบายภายนอกองค์กร (ตัวอย่างเช่น ในโปรแกรมที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ) จะถือว่าเป็นมัลแวร์และมีแนวโน้มที่ Google และผู้ให้บริการป้องกันไวรัสจะติดป้ายว่าเป็นมัลแวร์ |
| |
| คุณไม่ต้องกำหนดการตั้งค่าเหล่านี้ด้วยตนเอง เพราะมีเทมเพลตที่ใช้งานง่ายสำหรับ Windows, Mac และ Linux ให้ดาวน์โหลดจาก <ph name="POLICY_TEMPLATE_DOWNLOAD_URL" /> |
| |
| วิธีกำหนดค่านโยบายใน Windows ที่แนะนำคือผ่าน GPO แม้จะยังคงมีการรองรับการจัดสรรนโยบายผ่านรีจิสทรีสำหรับอินสแตนซ์ Windows ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="8264653492961233132">ระบุรายการแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบ |
| โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้ง |
| หรือปิดใช้ไม่ได้ ระบบจะให้สิทธิ์ทั้งหมดที่ |
| แอป/ส่วนขยายขอโดยปริยาย โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ |
| ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายเวอร์ชันใหม่ๆ ในอนาคต |
| จะขอเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ระบบยังให้สิทธิ์แก่ API ส่วนขยาย |
| enterprise.deviceAttributes และ enterprise.platformKeys |
| (API ทั้ง 2 รายการนี้ไม่มีให้ใช้งานสำหรับแอป/ส่วนขยาย |
| ที่ผู้ใช้ติดตั้งเอง) |
| |
| นโยบายนี้มีผลเหนือนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> ที่อาจมีข้อขัดแย้ง หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายการนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งรายการดังกล่าวโดยอัตโนมัติ |
| |
| สำหรับอินสแตนซ์ Windows ที่ไม่ได้เข้าร่วมในโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> การติดตั้งที่บังคับจะจำกัดอยู่ที่แอปและส่วนขยายที่แสดงอยู่ใน Chrome เว็บสโตร์เท่านั้น |
| |
| โปรดทราบว่าผู้ใช้จะแก้ไขซอร์สโค้ดของส่วนขยายใดๆ ผ่านเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ (ซึ่งอาจทำให้ส่วนขยายทำงานผิดปกติ) หากกังวลว่าจะเกิดปัญหานี้ขึ้น คุณควรตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_POLICY_NAME" /> |
| |
| แต่ละรายการของนโยบายมีลักษณะเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยายและอาจมี URL "อัปเดต" ที่คั่นด้วยเครื่องหมายอัฒภาค (<ph name="SEMICOLON" />) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว ที่พบใน <ph name="CHROME_EXTENSIONS_LINK" /> เป็นต้น เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL "อัปเดต" (หากระบุไว้) ต้องชี้ไปที่เอกสาร XML ของไฟล์ Manifest อัปเดตตามที่อธิบายไว้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC1" /> โดยค่าเริ่มต้นระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์ (ปัจจุบันคือ https://clients2.google.com/service/update2/crx) โปรดทราบว่า URL "อัปเดต" ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น อัปเดตส่วนขยายที่ตามมาจะใช้ URL อัปเดตที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องระบุ URL "อัปเดต" อย่างชัดเจนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตั้งแต่เวอร์ชัน 67 ลงไปด้วย |
| |
| ตัวอย่างเช่น <ph name="EXTENSION_POLICY_EXAMPLE" /> ติดตั้งแอป <ph name="EXTENSION_POLICY_EXAMPLE_EXTENSION_NAME" /> จาก URL "อัปเดต" มาตรฐานใน Chrome เว็บสโตร์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยายได้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC2" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายใดๆ โดยอัตโนมัติ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายต่างๆ ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่มีผลกับโหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="8274603902181597201">ล้างข้อมูลไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัสของผู้ใช้และเริ่มด้วยไดเรกทอรีหลักใหม่แบบ ext4 ที่เข้ารหัส</translation> |
| <translation id="8285435910062771358">เปิดใช้งานแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอ</translation> |
| <translation id="8288199156259560552">เปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation> |
| <translation id="8290453559005611000">รูปภาพ PluginVm</translation> |
| <translation id="8294750666104911727">ตามปกติหน้าที่มีการตั้งค่า X-UA-Compatible เป็น Chrome=1 จะได้รับการแสดงผลใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ไม่ว่านโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" จะเป็นเช่นไร |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะไม่ได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก</translation> |
| <translation id="8300455783946254851">เมื่อตั้งค่าเป็น True จะปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ ในกรณีดังกล่าว ข้อมูลจะซิงค์กับ Google ไดรฟ์เมื่อเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตเท่านั้น |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น False ผู้ใช้จะสามารถโอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ</translation> |
| <translation id="8300992833374611099">ควบคุมว่าเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะใช้ในที่ใดได้บ้าง</translation> |
| <translation id="8312129124898414409">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์หรือไม่ โดยสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ "BlockKeygen" และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="8329984337216493753">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| เมื่อมีการระบุค่า DeviceIdleLogoutTimeout นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาของช่องเตือนที่มีตัวเลขนับถอยหลังซึ่งจะแสดงให้ผู้ใช้เห็นก่อนที่จะดำเนินการออกจากระบบ |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="8339420913453596618">ปิดใช้งานปัจจัยที่ 2 แล้ว</translation> |
| <translation id="8344454543174932833">นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="8359734107661430198">เปิดใช้ ExampleDeprecatedFeature API ได้ถึง 02/09/2008</translation> |
| <translation id="8367209241899435947">เปิดใช้การทำความสะอาด Chrome ใน Windows</translation> |
| <translation id="8369602308428138533">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="8371178326720637170">อนุญาตให้ส่วนขยายที่มีการจัดการใช้ Enterprise Hardware Platform API</translation> |
| <translation id="8377433219608936819"> |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" นโยบายระบบคลาวด์จะมีความสำคัญสูงกว่าหากขัดแย้งกับนโยบายเครื่อง |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า นโยบายเครื่องจะมีความสำคัญสูงกว่าหากขัดแย้งกับนโยบายระบบคลาวด์ |
| หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของนโยบาย โปรดไปที่ https://support.google.com/chrome?p=set_chrome_policies_for_devices |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8382184662529825177">เปิดใช้การใช้งานการรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="838870586332499308">เปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูล</translation> |
| <translation id="8390049129576938611">ปิดใช้โปรแกรมดู PDF ภายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะปฏิบัติต่อไฟล์ PDF เป็นไฟล์ที่ดาวน์โหลดแทนและอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดไฟล์ PDF ด้วยแอปพลิเคชันเริ่มต้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือปิดใช้อยู่ ระบบจะใช้ปลั๊กอิน PDF เพื่อเปิดไฟล์ PDF เว้นแต่ผู้ใช้ปิดใช้ปลั๊กอินไว้</translation> |
| <translation id="8396145449084377015">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะโหลดกฎจากนโยบาย SiteList ของ Internet Explorer หรือไม่ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer เป็นแหล่งที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอ่าน <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer เพื่อรับ URL ของรายการเว็บไซต์ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนว่าได้กำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="SITELIST_POLICY_NAME" /> แล้ว |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation> |
| <translation id="8402079500086185021">เปิดไฟล์ PDF จากภายนอกทุกครั้ง</translation> |
| <translation id="8412312801707973447">ดำเนินการตรวจสอบ OCSP/CRL แบบออนไลน์หรือไม่</translation> |
| <translation id="8417305981081876834">ตั้งค่าความยาวสูงสุดของ PIN หน้าจอล็อก</translation> |
| <translation id="841977920223099909">ทริกเกอร์การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="8424255554404582727">ตั้งค่าการหมุนหน้าจอเริ่มต้น ใช้การตั้งค่านี้ซ้ำทุกครั้งที่เริ่มระบบใหม่</translation> |
| <translation id="8426231401662877819">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 90 องศา</translation> |
| <translation id="8433423491036718210">กำหนดค่ารายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กรที่บริการป้องกันด้วยรหัสผ่านควรจับภาพลายนิ้วมือของรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="8451988835943702790">ใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรก</translation> |
| <translation id="8459216513698220096">ระบุว่าจะมีการดำเนินการนโยบายด้านผู้ใช้จาก GPO ของคอมพิวเตอร์หรือไม่และอย่างไร |
| |
| หากกำหนดนโยบายเป็น "ค่าเริ่มต้น" หรือหากยังไม่มีการตั้งค่า นโยบายด้านผู้ใช้จะเป็น "อ่านอย่างเดียว" จาก GPO ของผู้ใช้ (โดยไม่สนใจ GPO ของคอมพิวเตอร์) |
| |
| หากกำหนดนโยบายเป็น "รวม" ระบบจะรวมนโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้กับนโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ (โดยจะเลือก GPO ของคอมพิวเตอร์ก่อน) |
| |
| หากกำหนดนโยบายเป็น "แทนที่" ระบบจะแทนที่นโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้ด้วยนโยบายด้านผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ (โดยไม่สนใจ GPO ของผู้ใช้)</translation> |
| <translation id="8465065632133292531">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาทันใจที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="847472800012384958">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงป๊อปอัป</translation> |
| <translation id="8477885780684655676">TLS 1.0</translation> |
| <translation id="8483004350080020634">ตัดส่วนที่ละเอียดอ่อนต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยใน URL แบบ https:// ก่อนส่งต่อไปยังสคริปต์ PAC (การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ) ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ระหว่างการแก้ปัญหาพร็อกซี |
| |
| เมื่อมีค่าเป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยและตัด URL แบบ https:// |
| ออกก่อนส่งไปยังสคริปต์ PAC เมื่อดำเนินการแบบนี้ สคริปต์ PAC |
| จะดูข้อมูลที่ปกป้องไว้ตามปกติโดยช่องทางที่เข้ารหัส |
| (เช่น เส้นทางและคำค้นหาของ URL) ไม่ได้ |
| |
| เมื่อมีค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย และสคริปต์ PAC |
| จะดูคอมโพเนนต์ทั้งหมดของ URL แบบ https:// ได้โดยปริยาย |
| การตั้งค่านี้มีผลกับสคริปต์ PAC ทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากที่ใด |
| (ซึ่งรวมถึงสคริปต์ที่ที่ดึงผ่านการขนส่งที่ไม่ปลอดภัย หรือค้นพบ |
| อย่างไม่ปลอดภัยผ่าน WPAD) |
| |
| นโยบายนี้มีค่าเริ่มต้นเป็น "จริง" (เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย) |
| |
| ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" และตั้งค่าเป็น "เท็จ" |
| เฉพาะในกรณีที่นโยบายนี้ก่อให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับสคริปต์ PAC ที่มีอยู่เท่านั้น |
| |
| นโยบายนี้จะถูกนำออกในรุ่น M75</translation> |
| <translation id="8484458986062090479">กำหนดค่ารายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลด้วยเบราว์เซอร์โฮสต์ทุกครั้ง |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้ระบุไว้โดยนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" |
| |
| สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation> |
| <translation id="8489964335640955763">PluginVm</translation> |
| <translation id="8493645415242333585">ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="8499172469244085141">การตั้งค่าเริ่มต้น (ผู้ใช้แทนที่ได้)</translation> |
| <translation id="8507835864888987300">ตั้งค่าเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดตอัตโนมัติ |
| |
| กำหนดส่วนนำของเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หากอุปกรณ์กำลังเรียกใช้เวอร์ชันที่ออกมาก่อนส่วนนำที่กำหนด อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดพร้อมส่วนนำที่ระบุนั้นๆ หากอุปกรณ์เป็นเวอร์ชันใหม่กว่าอยู่แล้ว ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับค่าของ <ph name="DEVICE_ROLLBACK_TO_TARGET_VERSION_POLICY_NAME" /> รูปแบบของส่วนนำทำงานได้อย่างชาญฉลาดร่วมกับส่วนประกอบดังเช่นที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้ |
| |
| "" (หรือที่ไม่ได้กำหนดค่า): อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีให้บริการ |
| "1412.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412 (เช่น 1412.24.34 หรือ 1412.60.2) |
| "1412.2.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412.2 (เช่น 1412.2.34 หรือ 1412.2.2) |
| "1412.24.34": อัปเดตเป็นเวอร์ชันนี้เท่านั้น |
| |
| คำเตือน: เราไม่แนะนำให้กำหนดค่าข้อจำกัดของเวอร์ชันเพราะอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การจำกัดการอัปเดตเป็นส่วนนำเวอร์ชันที่เจาะจงอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation> |
| <translation id="8519264904050090490">URL ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation> |
| <translation id="8538235451413605457">กำหนดค่าข้อกำหนดของเวอร์ชันขั้นต่ำที่อนุญาตของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะถือว่าเวอร์ชันที่แสดงอยู่ด้านล่างนี้ล้าสมัยและอุปกรณ์จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้จนกว่าจะอัปเดตระบบปฏิบัติการ |
| หากเวอร์ชันปัจจุบันไม่ใช่เวอร์ชันที่อนุญาตในขณะที่ผู้ใช้อยู่ในเซสชัน ระบบจะนำผู้ใช้ออกจากระบบ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้ จะไม่มีการจำกัดและผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่าจะใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันใดก็ตาม |
| |
| ในที่นี้ "เวอร์ชัน" เป็นได้ทั้งเวอร์ชันที่เจาะจงอย่าง "61.0.3163.120" หรือเลขนำหน้าเวอร์ชันอย่าง "61.0" ก็ได้ </translation> |
| <translation id="8544375438507658205">โปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นสำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="8544465954173828789">อนุญาตให้ซิงค์ข้อความ SMS จากโทรศัพท์ไปยัง Chromebook</translation> |
| <translation id="8548832052135586762">ตั้งค่าการพิมพ์เป็นสีเท่านั้น ขาวดำเท่านั้น หรือไม่มีข้อจำกัดโหมดสี ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้</translation> |
| <translation id="8549772397068118889">เตือนเมื่อไปที่เว็บไซต์ภายนอกชุดเนื้อหา</translation> |
| <translation id="8566842294717252664">ซ่อนเว็บสโตร์จากหน้าแท็บใหม่และเครื่องเรียกใช้งานแอป</translation> |
| <translation id="857369585509260201">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ผู้ใช้ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยโปรไฟล์ของตนก่อนใช้เบราว์เซอร์ และระบบจะตั้งค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="8586528890725660268">ระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้ใช้งานไม่ได้ |
| |
| ใช้นโยบายนี้ต่อเมื่อเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> สำหรับโหมด <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE" /> เท่านั้น |
| |
| ถ้าใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้เครื่องพิมพ์ได้ทุกเครื่องยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "ID" หรือ "GUID" ในไฟล์ที่ระบุใน <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY" /> |
| </translation> |
| <translation id="8587229956764455752">อนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่</translation> |
| <translation id="8598350264853261122">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ ARC |
| |
| หากไม่ได้ตั้งนโยบายนี้หรือตั้งเป็น True ผู้ใช้ทั้งหมดจะได้รับอนุญาตให้ใช้ ARC (เว้นเสียแต่จะมีการปิดใช้ ARC ด้วยวิธีอื่น) |
| |
| การเปลี่ยนแปลงในนโยบายนี้จะใช้ในขณะที่ ARC ไม่ได้ทำงานอยู่เท่านั้น เช่น ขณะที่ Chrome OS กำลังเริ่ม</translation> |
| <translation id="8615400197788843468">เปิดใช้ฟีเจอร์การลงชื่อเข้าสู่ระบบที่จำกัดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใน G Suite และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากคุณกำหนดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึง Google Apps ได้ |
| โดยใช้บัญชีจากโดเมนที่ระบุเท่านั้น (โปรดทราบว่าหากต้องการอนุญาตบัญชี |
| gmail.com/googlemail.com คุณควรเพิ่ม "consumer_accounts" |
| (ไม่ต้องใส่เครื่องหมายอัญประกาศ) ลงในรายการโดเมน) |
| |
| การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบ และเพิ่มบัญชีรอง |
| ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการที่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์จาก Google |
| หากบัญชีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในรายการโดเมนที่อนุญาตซึ่งกล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ |
| |
| หากปล่อยการตั้งค่านี้ให้ว่างไว้/ไม่กำหนดค่า ผู้ใช้จะเข้าถึง |
| G Suite ด้วยบัญชีใดก็ได้ |
| |
| นโยบายนี้ส่งผลให้ต้องเติมส่วนหัว X-GoogApps-Allowed-Domains |
| ในคำขอ HTTP และ HTTPS ทั้งหมดที่ส่งไปยังโดเมน google.com ทั้งหมดตามที่อธิบายไว้ใน |
| https://support.google.com/a/answer/1668854 |
| |
| ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="8631434304112909927">จนถึงรุ่น <ph name="UNTIL_VERSION" /></translation> |
| <translation id="863319402127182273">สำหรับแอป Android นโยบายนี้มีผลต่อกล้องถ่ายรูปในตัวเท่านั้น เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น True กล้องจะถูกปิดใช้สำหรับแอป Android ทุกแอปโดยไม่มีข้อยกเว้น</translation> |
| <translation id="8649763579836720255">อุปกรณ์ Chrome OS สามารถใช้การรับรองจากระยะไกล (การเข้าถึงที่ยืนยันแล้ว) เพื่อรับใบรับรองที่ออกโดย Chrome OS CA ที่รับรองว่าอุปกรณ์มีสิทธิ์เล่นเนื้อหาที่ได้รับความคุ้มครอง ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลการรับรองฮาร์ดแวร์ไปยัง Chrome OS CA ที่ระบุอุปกรณ์โดยไม่ซ้ำกัน |
| |
| หากการตั้งค่านี้เป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะไม่ใช้การรับรองจากระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาและอุปกรณ์อาจไม่สามารถเล่นเนื้อหาที่ได้รับความคุ้มครองได้ |
| |
| หากการตั้งค่านี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า การรับรองจากระยะไกลอาจถูกใช้สำหรับการปกป้องเนื้อหา</translation> |
| <translation id="8650974590712548439">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ Windows คือ</translation> |
| <translation id="8654286232573430130">ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดควรอยู่ในรายการที่อนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผนวกรวม โดยจะมีการเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบผนวกรวมต่อเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้รับการขอตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ซึ่งอยู่ในรายการที่อนุญาตนี้เท่านั้น |
| |
| คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค อนุญาตให้ใช้อักขระตัวแทน (*) |
| |
| หากคุณปล่อยนโยบายนี้ไว้โดยไม่มีการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตไหม และจะตอบรับคำขอ IWA หลังจากนั้นเท่านั้น หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเพิกเฉยต่อคำขอ IWA</translation> |
| <translation id="8672321184841719703">กำหนดเป้าหมายรุ่นที่อัปเดตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="867410340948518937">U2F (Universal Second Factor)</translation> |
| <translation id="8682611302223077049">อนุญาตให้คุณตั้งค่าระยะเวลา (หน่วยเป็นมิลลิวินาที) ที่จะแสดงการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้ |
| |
| ระหว่างช่วงเวลานี้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนอยู่เรื่อยๆ ว่าต้องอัปเดต สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การแจ้งเตือนให้รีสตาร์ทจะปรากฏในถาดระบบเมื่อพบการอัปเกรด สำหรับเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมนูแอปจะเปลี่ยนไปเพื่อบ่งชี้ว่าผู้ใช้ต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่เมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 1 ใน 3 จากนั้น การแจ้งเตือนจะเปลี่ยนสีเมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 2 ใน 3 ของระยะเวลาทั้งหมด และเปลี่ยนสีอีกครั้งเมื่อการแจ้งเตือนครบกำหนด การแจ้งเตือนอื่นๆ ที่เปิดใช้โดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_POLICY_NAME" /> จะเป็นไปตามกำหนดเวลานี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้นที่ 345,600,000 มิลลิวินาที (4 วัน) สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และ 604,800,000 มิลลิวินาที (1 สัปดาห์) สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="8685024486845674965">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำ</translation> |
| <translation id="8693243869659262736">ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว</translation> |
| <translation id="8704831857353097849">รายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="8711086062295757690">กำหนดคีย์เวิร์ดซึ่งเป็นทางลัดที่ใช้ในแถบอเนกประสงค์เพื่อเริ่มการค้นหาสำหรับผู้ให้บริการนี้ นโยบายนี้จะเป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ คีย์เวิร์ดจะไม่สั่งการผู้ให้บริการการค้นหา นโยบายนี้จะใช้เฉพาะในกรณีที่มีการเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation> |
| <translation id="8731693562790917685">การตั้งค่าเนื้อหาช่วยให้คุณระบุวิธีจัดการเนื้อหาบางประเภท (เช่น คุกกี้ รูปภาพ หรือ JavaScript)</translation> |
| <translation id="8733448613597049197">เปิดใช้การรายงานแบบขยายของ Safe Browsing สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ |
| |
| การรายงานแบบขยายจะส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ Google เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย |
| |
| หากมีการตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการสร้างและส่งรายงานในกรณีที่จำเป็น (เช่น เมื่อมีการแสดงการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัย) |
| |
| หากมีการตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการส่งรายงาน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือ "เท็จ" ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าและเลือกได้ว่าจะส่งรายงานหรือไม่ |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="8736538322216687231">บังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube</translation> |
| <translation id="8749370016497832113">เปิดใช้งานการลบประวัติเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ |
| |
| โปรดทราบว่า แม้จะปิดใช้งานนโยบายนี้ก็ไม่เป็นการรับประกันว่าประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดจะถูกเก็บไว้ ผู้ใช้อาจสามารถแก้ไขหรือลบไฟล์ฐานข้อมูลประวัติโดยตรง และเบราว์เซอร์อาจหมดอายุหรือเก็บถาวรรายการประวัติทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้ |
| |
| หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่มีการตั้งค่า ประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดอาจถูกลบได้ |
| |
| หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน จะไม่สามารถลบประวัติการเข้าชมและการดาวน์โหลดได้</translation> |
| <translation id="8758831693895931466">เปิดใช้การลงทะเบียนการจัดการระบบคลาวด์ที่บังคับ</translation> |
| <translation id="8759829385824155666">ประเภทของการเข้ารหัสลับ Kerberos ที่อนุญาต</translation> |
| <translation id="8764119899999036911">กำหนดว่า Kerberos SPN ที่สร้างจะอยู่บนพื้นฐานของชื่อ DNS มาตรฐานหรือชื่อเดิมที่ป้อนไว้ หากคุณเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ การค้นหา CNAME จะถูกข้ามไปและจะใช้ชื่อเซิร์ฟเวอร์ตามที่ป้อน หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือปล่อยไว้ไม่ได้ตั้งค่า ชื่อมาตรฐานของเซิร์ฟเวอร์จะถูกกำหนดโดยผ่านการค้นหา CNAME</translation> |
| <translation id="8765776988041674792">กำหนดค่า URL การเปลี่ยนรหัสผ่าน (รูปแบบ HTTP และ HTTPS เท่านั้น) บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้มาที่ URL นี้เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านของตนหลังจากเห็นคำเตือนในเบราว์เซอร์ |
| โปรดตรวจสอบว่าหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใน https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จับภาพลายนิ้วมือที่เป็นรหัสผ่านใหม่ได้อย่างถูกต้องในหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านนี้ |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้มาที่ URL นี้เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่านของตนหลังจากเห็นคำเตือนในเบราว์เซอร์ |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้ไปที่ https://myaccounts.google.com เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8782750230688364867">ระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดการนำเสนอ |
| |
| หากนโยบายนี้มีการตั้งค่า นโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่ออุปกรณ์อยู่ในโหมดการนำเสนอ เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ การปิดหน้าจอปิด การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่ากำหนดเดิม |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่มีการตั้งค่า แฟกเตอร์การปรับระดับเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้ |
| |
| แฟกเตอร์การปรับระดับต้องเป็น 100% หรือมากกว่า ไม่อนุญาตให้ใช้ค่าที่จะทำให้การหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอสั้นกว่าการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอปกติ</translation> |
| <translation id="8798099450830957504">ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8801680448782904838">แจ้งผู้ใช้ว่าควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8818173863808665831">รายงานตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ หรือตั้งค่าเป็นเท็จ ตำแหน่งจะไม่ถูกรายงาน</translation> |
| <translation id="8818768076343557335">คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนเครือข่ายต่างๆ ที่ไม่ใช่เครือข่ายมือถือ |
| (เลิกใช้งานใน 50, นำออกใน 52 หลังจาก 52 หากมีการกำหนดค่า 1 ระบบจะถือว่าเป็นค่า 0 - คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ)</translation> |
| <translation id="8825782996899863372">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำบนหน้าฟิชชิง</translation> |
| <translation id="8828766846428537606">กำหนดค่าหน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนหน้าดังกล่าว การตั้งค่าหน้าแรกของผู้ใช้จะถูกล็อกโดยสมบูรณ์ หากคุณเลือกหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ หรือตั้งค่าให้เป็น URL และระบุ URL ของหน้าแรก หากคุณไม่ได้ระบุ URL ของหน้าแรก ผู้ใช้จะยังสามารถตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่โดยระบุ "chrome://newtab"</translation> |
| <translation id="8833109046074170275">การตรวจสอบสิทธิ์ผ่านขั้นตอน GAIA เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8838303810937202360"><ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแคชแอปและส่วนขยายที่มีการติดตั้งโดยผู้ใช้บนอุปกรณ์เครื่องเดียวกันหลายคน เพื่อหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดซ้ำจากผู้ใช้แต่ละคน |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้หรือค่าต่ำกว่า 1 MB <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ขนาดแคชเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8858642179038618439">บังคับใช้โหมดปลอดภัยของ YouTube</translation> |
| <translation id="8860342862142842017">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช subjectPublicKeyInfo</translation> |
| <translation id="8864975621965365890">ระงับการแจ้งเรื่องการปฏิเสธ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อไซต์แสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="8867464911288727016">เปิดใช้บริการ Google แปลภาษาที่อยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอฟังก์ชันแปลภาษาแก่ผู้ใช้ด้วยการแสดงแถบเครื่องมือแปลภาษา (ตามความเหมาะสม) และตัวเลือกการแปลเมื่อคลิกขวาที่เมนูตามบริบท |
| |
| หากคุณปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์แปลภาษาในตัวทั้งหมด |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้งานการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากไม่กำหนดการตั้งค่านี้ไว้ ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่</translation> |
| <translation id="8870318296973696995">หน้าแรก</translation> |
| <translation id="8876188741456358123">ลบล้างโหมดการพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น ระบบจะเพิกเฉยนโยบายนี้หากไม่มีโหมด</translation> |
| <translation id="8882006618241293596">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="890403179930035128">บังคับเปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะเพิกเฉยต่อภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น |
| |
| หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจการสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ เพิ่มเติมจากภาษาที่ผู้ใช้ได้เปิดใช้การตรวจการสะกดไปแล้ว |
| |
| หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในค่ากำหนดการตรวจการสะกดของผู้ใช้ |
| |
| หากมีการปิดใช้นโยบาย SpellcheckEnabled นโยบายนี้จะไม่ได้รับผลกระทบ |
| |
| ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation> |
| <translation id="8906768759089290519">เปิดใช้งานโหมดผู้มาเยือน</translation> |
| <translation id="8908294717014659003">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงหรือไม่ การเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงอาจได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้สามารถรับข้อความสอบถามทุกๆ ครั้งที่เว็บไซต์ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียง |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ "PromptOnAccess" จะถูกใช้และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="8909280293285028130">ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ขณะทำงานโดยใช้ไฟ AC |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้มากกว่าศูนย์ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่ใช้งานก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ |
| |
| เมื่อนโยบายถูกตั้งค่าเป็นศูนย์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่ใช้งาน |
| |
| เมื่อนโยบายไม่มีการตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาในค่าเริ่มต้น |
| |
| วิธีล็อกหน้าจอที่แนะนำในขณะที่ไม่ใช้งานคือ เปิดใช้งานการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น |
| |
| ค่านโยบายควรกำหนดในหน่วยมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าความล่าช้าของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="891435090623616439">เข้ารหัสเป็นสตริง JSON ดูรายละเอียดได้ที่ <ph name="COMPLEX_POLICIES_URL" /></translation> |
| <translation id="8934944553121392674">ควบคุมว่าจะให้เครื่องพิมพ์ใดจาก <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY" /> พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ |
| |
| กำหนดนโยบายการเข้าถึงที่จะนำมาใช้สำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์แบบกลุ่ม หากเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> ระบบจะแสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด หากเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ระบบจะใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLACKLIST" /> ในการจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุ หากเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> <ph name="DEVICE_PRINTERS_WHITELIST" /> จะกำหนดเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกได้ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะถือว่าเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> ไว้ |
| </translation> |
| <translation id="8938932171964587769">เลิกใช้งานแล้วใน M69 โปรดใช้ |
| OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin แทน |
| |
| นโยบายนี้จะระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ |
| (เช่น *.example.com) ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย |
| กับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย |
| |
| นโยบายนี้มีไว้ให้องค์กรกำหนดต้นทางที่อนุญาตพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันเดิม |
| ที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว สำหรับการพัฒนาเว็บภายใน |
| เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์ |
| ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว |
| นโยบายจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า |
| "ไม่ปลอดภัย" ในแถบอเนกประสงค์ |
| |
| การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า |
| สถานะบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure |
| เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยจุลภาค หากตั้งค่านโยบายนี้ |
| นโยบายจะลบล้างสถานะบรรทัดคำสั่งดังกล่าว |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M69 เพื่อเริ่มใช้ |
| OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin หากมีทั้ง 2 นโยบาย |
| OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin จะลบล้าง |
| นโยบายนี้ |
| |
| สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัย โปรดดูที่ |
| https://www.w3.org/TR/secure-contexts/ |
| </translation> |
| <translation id="8942616385591203339">นโยบายนี้ควบคุมว่าการขอคำยินยอมให้ซิงค์จะแสดงต่อผู้ใช้รายหนึ่งๆ ในระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้เป็นครั้งแรกได้หรือไม่ ตั้งค่านโยบายนี้เป็นเท็จหากไม่จำเป็นต้องขอคำยินยอมให้ซิงค์จากผู้ใช้ |
| หากตั้งค่าเป็นเท็จ ระบบจะไม่แสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์ |
| หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์</translation> |
| <translation id="8947415621777543415">รายงานตำแหน่งอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8951350807133946005">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับแคชของดิสก์</translation> |
| <translation id="8952317565138994125">ปิดใช้การซิงค์ข้อมูลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยใช้บริการการซิงค์ที่โฮสต์บน Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้สามารถเลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้ Google Sync ได้ |
| |
| หากต้องการปิดใช้ Google Sync โดยสมบูรณ์ ขอแนะนำให้ปิดใช้บริการ Google Sync ในคอนโซล Google Admin |
| |
| ไม่ควรเปิดใช้นโยบายนี้เมื่อเปิดใช้นโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> อยู่เนื่องจากฟีเจอร์นั้นใช้ฟังก์ชันเดียวกันกับของฝั่งไคลเอ็นต์ ในกรณีนี้ระบบจะปิดใช้การซิงค์ที่โฮสต์บน Google ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="8955719471735800169">กลับไปด้านบน</translation> |
| <translation id="8959992920425111821">การกำหนดค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8960850473856121830">รูปแบบในรายการนี้จะจับคู่กันกับต้นทาง |
| การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบว่าตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้ |
| เข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่แจ้งเตือน |
| |
| หมายเหตุ: ใช้นโยบายนี้ได้ในโหมดคีออสก์เท่านั้นจนถึงเวอร์ชัน 45</translation> |
| <translation id="8970205333161758602">ระงับการแจ้งเตือนการปฏิเสธของ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="8976248126101463034">อนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="8976531594979650914">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8992176907758534924">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดแสดงภาพ</translation> |
| <translation id="9035964157729712237">รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่ไม่อนุญาต</translation> |
| <translation id="9042911395677044526">อนุญาตให้ใช้การกำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้แต่ละคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การกำหนดค่าอุปกรณ์จะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิดซึ่งอธิบายไว้ที่ <ph name="ONC_SPEC_URL" /></translation> |
| <translation id="906631898352326790"> |
| หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อ |
| ในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในโปรเซสของตัวเอง ซึ่งจะเป็นการแยก |
| ต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อยด้วย เช่น การระบุ https://example.com/ |
| จะทำให้มีการแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของ |
| เว็บไซต์ https://example.com/ |
| หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ทั้งฟีเจอร์ IsolateOrigins และ SitePerProcess โดยที่ผู้ใช้จะยังเปิดใช้ IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านสถานะในบรรทัดคำสั่ง |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> เป็นค่าเดียวกันด้วย หากค่าที่ระบุในทั้ง 2 นโยบายไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันผู้ใช้ขณะที่ใช้ค่าตามที่นโยบายผู้ใช้ระบุ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ใช้ไม่ได้กับ Android หากต้องการเปิดใช้ IsolateOrigins ใน Android ให้ใช้การตั้งค่านโยบาย IsolateOriginsAndroid |
| </translation> |
| <translation id="9077227880520270584">ตัวจับเวลาการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="9084985621503260744">ระบุว่ากิจกรรมวิดีโอมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation> |
| <translation id="9088433379343318874">เปิดใช้ผู้ให้บริการเนื้อหาสำหรับผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation> |
| <translation id="9088444059179765143">กำหนดค่าวิธีการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="9094064873808699479">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า พยายามใช้ค่ากำหนดระดับอุปกรณ์ต่อไป (รวมถึงข้อมูลรับรองเครือข่าย) ผ่านขั้นตอนการย้อนกลับเวอร์ชัน หากเป็นไปได้ แต่อย่าทำ Powerwash เต็มรูปแบบถ้ากู้คืนข้อมูลไม่ได้ (เพราะเวอร์ชันเป้าหมายไม่รองรับการกู้คืนข้อมูลหรือเพราะมีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังที่เข้ากันไม่ได้) |
| รองรับใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 70 ขึ้นไป สำหรับไคลเอ็นต์เก่า ค่านี้หมายความว่าการย้อนกลับเวอร์ชันปิดอยู่</translation> |
| <translation id="9096086085182305205">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="9098553063150791878">นโยบายสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP</translation> |
| <translation id="9105265795073104888">แอป Android สามารถใช้เพียงชุดย่อยของตัวเลือกการกำหนดค่าพร็อกซี โดยแอป Android อาจเลือกใช้พร็อกซีโดยสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับให้แอปใช้พร็อกซีได้</translation> |
| <translation id="9106865192244721694">อนุญาต WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="9112727953998243860">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร</translation> |
| <translation id="9112897538922695510">อนุญาตให้คุณลงทะเบียนรายชื่อเครื่องจัดการโปรโตคอล ซึ่งจะแนะนำได้โดยนโยบายเท่านั้น ต้องมีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ |protocol| ในรูปแบบ เช่น "mailto" และต้องมีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ |url| ในรูปแบบ URL ของแอปพลิเคชันที่จัดการรูปแบบดังกล่าว รูปแบบอาจมี "%s" ซึ่งจะแทนที่ด้วย URL ที่มีการจัดการหากปรากฏขึ้น |
| |
| เครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนจะรวมเข้ากับเครื่องจัดการที่ผู้ใช้ลงทะเบียน และจะพร้อมใช้งานทั้งสองแบบ ผู้ใช้สามารถแทนที่เครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายติดตั้ง โดยการติดตั้งเครื่องจัดการเริ่มต้นใหม่ แต่จะไม่สามารถนำเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนออกได้</translation> |
| <translation id="9123211093995421438">กำหนดจุดขั้นต่ำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การย้อนกลับควรอนุญาตให้ย้อนได้ถึงเวอร์ชันที่เสถียรแล้วในช่วงเวลาใดก็ตาม |
| |
| ค่าเริ่มต้นคือ 0 สำหรับผู้บริโภค และ 4 (ประมาณครึ่งปี) สำหรับอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนโดยองค์กร |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะป้องกันให้การย้อนกลับย้อนไปอย่างน้อยที่จุดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ค่าที่ต่ำกว่าจะมีผลกระทบอย่างถาวร อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปที่เวอร์ชันก่อนหน้าไม่ได้แม้ในภายหลังมีการรีเซ็ตนโยบายใหม่เป็นค่าที่สูงขึ้นแล้วก็ตาม |
| |
| ความเป็นไปได้ของการย้อนกลับที่เกิดขึ้นจริงอาจขึ้นอยู่กับแพตช์ที่ยังมีช่องโหว่ที่กว้างและร้ายแรงอีกด้วย</translation> |
| <translation id="913195841488580904">บล็อกการเข้าถึงรายการ URL</translation> |
| <translation id="9135033364005346124">เปิดใช้งานพร็อกซี <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="9136399279941091445">ระยะเวลาปิดเครื่องเมื่อเผยแพร่นโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ</translation> |
| <translation id="9147029539363974059">ส่งบันทึกของระบบไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่ออนุญาต |
| ให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบบันทึกของระบบ |
| |
| หากนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True บันทึกของระบบจะถูกส่งไป หากตั้งค่า |
| เป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการส่งบันทึกของระบบ</translation> |
| <translation id="9150416707757015439">นโยบายนี้เลิกใช้แล้ว โปรดใช้ IncognitoModeAvailability แทน เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตน หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานและผู้ใช้จะสามารถใช้โหมดไม่ระบุตัวตนได้</translation> |
| <translation id="915194831143859291">หากนโยบายตั้งค่าเป็น False หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้ผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ |
| |
| หากนโยบายตั้งค่าเป็น True <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะทริกเกอร์การเริ่มอุปกรณ์ใหม่เมื่อผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแทนรายการปุ่มปิดทั้งหมดใน UI ด้วยปุ่มเริ่มต้นใหม่ หากผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ด้วยปุ่มเปิด/ปิด เครื่องจะไม่เริ่มต้นใหม่โดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะเปิดใช้นโยบายก็ตาม</translation> |
| <translation id="9152473318295429890">เปิดใช้คำแนะนำตามบริบทของหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง</translation> |
| <translation id="9158929520101169054">อนุญาตการลงชื่อเข้าสู่ระบบพร้อมกันหลายบัญชีในเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="9159126470527871268">แจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ท <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะเปิดใช้การแจ้งเตือนที่จะบอกว่าผู้ใช้ควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแจ้งผู้ใช้ว่าจำเป็นต้องมีการเปิดขึ้นมาใหม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเมนู ส่วน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแจ้งข้อความเช่นนี้ผ่านการแจ้งเตือนในถาดระบบ หากตั้งค่าเป็น "แนะนำ" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าขอแนะนำให้เปิดขึ้นมาใหม่ ผู้ใช้ปิดคำเตือนนี้เพื่อเลื่อนการเปิดใหม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จำเป็น" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าจะมีการบังคับเปิดเบราว์เซอร์ใหม่หลังจากสิ้นสุดระยะการแจ้งเตือน โดยค่าเริ่มต้น ระยะเวลาดังกล่าวคือ 7 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ 4 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แต่คุณกำหนดค่าผ่านการตั้งค่านโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" /> ได้ |
| ระบบจะคืนค่าเซสชันของผู้ใช้หลังการเปิดใหม่/รีสตาร์ท</translation> |
| <translation id="9165792353046089850">ให้คุณกำหนดว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ต่างๆ เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่ไหม คุณจะบล็อกการเข้าถึงโดยสิ้นเชิง หรือให้เว็บไซต์ขออนุญาตจากผู้ใช้ทุกครั้งที่ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่ก็ได้ |
| |
| คุณลบล้างนโยบายนี้สำหรับรูปแบบ URL บางรูปแบบได้โดยใช้นโยบาย "WebUsbAskForUrls" และ "WebUsbBlockedForUrls" |
| |
| หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ "3" และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="9167719789236691545">ปิดใช้ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="9187743794267626640">ปิดใช้งานการต่อเชื่อมที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation> |
| <translation id="9197740283131855199">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ หากผู้ใช้มีการใช้งานหลังจากการสลัวหน้าจอ</translation> |
| <translation id="9200828125069750521">พารามิเตอร์สำหรับ URL รูปภาพที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="920209539000507585">บังคับเปิดหรือปิด "ส่วนหัวและส่วนท้าย" ในกล่องโต้ตอบการพิมพ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะพิมพ์หรือไม่พิมพ์ส่วนหัวและส่วนท้าย |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่เลือก "ส่วนหัวและส่วนท้าย" ในกล่องโต้ตอบตัวอย่างการพิมพ์ และผู้ใช้จะเปลี่ยนค่าไม่ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ระบบจะเลือก "ส่วนหัวและส่วนท้าย" ในกล่องโต้ตอบตัวอย่างการพิมพ์ และผู้ใช้จะเปลี่ยนค่าไม่ได้</translation> |
| <translation id="9210953373038593554">กำหนดค่าประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าเริ่มต้น (ค่า 0) เบราว์เซอร์จะเป็นตัวกำหนดลักษณะการทำงานของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML ตามปัจจัยอื่นๆ ในกรณีพื้นฐานที่สุด การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ที่แคชไว้จะทำด้วยการใช้รหัสผ่านที่ป้อนด้วยตนเอง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น ClientCertificate (ค่า 1) ระบบจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับผู้ใช้ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ซึ่งลงชื่อเข้าสู่ระบบผ่าน SAML และจะไม่มีการใช้รหัสผ่านสำหรับผู้ใช้ประเภทนี้ ระบบจะปกป้องข้อมูลในเครื่องที่แคชไว้โดยใช้คีย์การเข้ารหัสที่สอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่น การตั้งค่านี้ช่วยให้กำหนดค่าการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ด้วยสมาร์ทการ์ดได้ (จะต้องติดตั้งแอปมิดเดิลแวร์สมาร์ทการ์ดผ่านนโยบาย DeviceLoginScreenAppInstallList) |
| |
| นโยบายนี้ส่งผลกับผู้ใช้ที่ยืนยันตัวตนโดยใช้ SAML เท่านั้น</translation> |
| <translation id="9213347477683611358">กำหนดค่ารูปภาพวอลเปเปอร์ระดับอุปกรณ์ที่แสดงในหน้าจอเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ นโยบายตั้งค่าโดยการระบุ URL ที่อุปกรณ์ Chrome OS สามารถดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์และแฮชแบบเข้ารหัสซึ่งใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รูปภาพต้องมีรูปแบบเป็น JPEG ขนาดไฟล์ต้องไม่เกิน 16 MB และ URL ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ รูปภาพวอลเปเปอร์จะได้รับการดาวน์โหลดและแคช และจะมีการดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อใดก็ตามที่ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| ควรระบุนโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดง URL และแฮชในรูปแบบ JSON เช่น |
| { |
| "url": "https://example.com/device_wallpaper.jpg", |
| "hash": "examplewallpaperhash" |
| } |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ไว้ อุปกรณ์ Chrome OS จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์บนหน้าจอเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะทำงาน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะเป็นตัวกำหนดว่าจะแสดงสิ่งใดหากมีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="9217154963008402249">ความถี่ในการติดตามดูแพ็กเก็ตเครือข่าย</translation> |
| <translation id="922540222991413931">กำหนดค่าส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และแหล่งติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="924557436754151212">นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="930930237275114205">ตั้งไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="944817693306670849">ตั้งค่าขนาดแคชดิสก์</translation> |
| <translation id="981346395360763138">บริการตำแหน่งของ Google ปิดใช้อยู่</translation> |
| <translation id="982497069985795632">เปิดใช้การตรวจการสะกด</translation> |
| <translation id="988537626274109600">นโยบายนี้จะควบคุมกรอบเวลาที่อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติ |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ด้วยช่วงเวลาที่ไม่ใช่รายการที่ว่างเปล่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้ |
| อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติไม่ได้ระหว่างช่วงเวลาที่ระบุ อุปกรณ์ที่ต้องย้อนกลับเวอร์ชันหรือมีเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่ำกว่าขั้นต่ำจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้เพราะอาจมีปัญหาความปลอดภัย นอกจากนี้ นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตที่ผู้ใช้หรือผู้ดูแลระบบขอ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ได้ใส่ช่วงเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้ |
| นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตอัตโนมัติ แต่นโยบายอื่นๆ อาจบล็อกการตรวจหา</translation> |
| <translation id="991560005425213776">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเครื่องพิมพ์ดั้งเดิม</translation> |
| </translationbundle> |