blob: 54fd8cffecba4282f9c672e813a0c46f89ab5ab7 [file] [log] [blame]
<?xml version="1.0" ?>
<!DOCTYPE translationbundle>
<translationbundle lang="th">
<translation id="1000202298241288854">โปรดทราบว่าเรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M94 นโยบายนี้มีไว้สำหรับการใช้งานในระยะสั้นเท่านั้น
เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งส่วนหัวของคำขอแบบละเอียดซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับเบราว์เซอร์และสภาพแวดล้อมของผู้ใช้
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์เสริม แต่ส่วนหัวใหม่อาจทำให้บางเว็บไซต์ที่จำกัดจำนวนอักขระในคำขอขัดข้อง
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการเปิดใช้ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากปิดใช้นโยบายนี้ ฟีเจอร์ดังกล่าวจะใช้งานไม่ได้</translation>
<translation id="1001728814256572466">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ข้อมูลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งรวมถึงคุกกี้และพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่องของเว็บไซต์จะไม่รวมอยู่ใน iCloud และการสำรองข้อมูลในเครื่องบน iOS
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจรวมอยู่ในการสำรองข้อมูล</translation>
<translation id="1002439864875515590">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงเปล่าหรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในระหว่างขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดงชื่อโดเมน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้พิมพ์เฉพาะชื่อผู้ใช้โดยไม่ต้องมีส่วนขยายชื่อโดเมน ผู้ใช้จะเขียนทับส่วนขยายชื่อโดเมนนี้ได้
หากค่าของนโยบายนี้ไม่ใช่โดเมนที่ถูกต้อง ระบบจะไม่นำนโยบายนี้ไปใช้</translation>
<translation id="1002829167638728809">อนุญาตการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเสถียรของโดเมน</translation>
<translation id="1004590217607585595">การตั้งค่าการจัดการเว็บแอป</translation>
<translation id="1006218396155867129">ปิดไม่ให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลโอนไฟล์ไปยังและจากโฮสต์ระยะไกล</translation>
<translation id="1007149936182752368">ปิดใช้การแก้ไขบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="1009336698423963085">อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอโดยอัตโนมัติในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1010151305531217567">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวา</translation>
<translation id="1011266755572744012">ระบุจำนวนแผ่นงานสูงสุดที่อนุญาตให้พิมพ์สำหรับงานพิมพ์ 1 งาน
หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและผู้ใช้จะพิมพ์เอกสารใดก็ได้</translation>
<translation id="101438888985615157">หมุนหน้าจอ 180 องศา</translation>
<translation id="1017967144265860778">การจัดการพลังงานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1018427234617066902">บังคับให้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการ
หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุนอกเหนือจากภาษาที่ผู้ใช้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดไว้
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ
หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายนี้และเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น
ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation>
<translation id="1019101089073227242">ตั้งค่าไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้</translation>
<translation id="1020006815010587263">ปิดใช้ถังขยะสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="1021462144002396313">นโยบาย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /></translation>
<translation id="1022361784792428773">รหัสส่วนขยายที่ผู้ใช้ควรป้องกันไม่ให้มีการติดตั้ง (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation>
<translation id="1023465280109914543">เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้ จะมีการแนะนำให้เปิดใช้การรายงานแบบไม่ระบุชื่อของข้อมูลการใช้งานและข้อขัดข้องเกี่ยวกับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไปยัง Google โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะยังคงเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ จะมีการปิดใช้การรายงานแบบไม่ระบุชื่อและจะไม่มีการส่งข้อมูลการใช้งานและข้อขัดข้องไปยัง Google ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเลือกลักษณะการทำงานของการรายงานแบบไม่ระบุชื่อได้เมื่อทำการติดตั้งหรือเรียกใช้งานครั้งแรก และเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ในภายหลัง
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
(สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> โปรดดู<ph name="DEVICE_METRICS_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" />)</translation>
<translation id="102492767056134033">ตั้งสถานะเริ่มต้นของแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1026335125982730097">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้
รูปแบบ URL อาจเป็น URL เดียวที่ระบุว่าเว็บไซต์นั้นอาจใช้คุกกี้ในเว็บไซต์ระดับบนสุดทั้งหมด
หรืออาจเป็น URL 2 รายการซึ่งคั่นด้วยเครื่องหมายคอมมา รายการแรกระบุเว็บไซต์ที่ควรได้รับอนุญาตให้ใช้คุกกี้ รายการที่ 2 ระบุเว็บไซต์ระดับบนสุดที่ควรใช้ค่าแรก
หากคุณใช้ URL 2 รายการ ค่าแรกใน URL จาก 2 รายการจะรองรับ * แต่ค่าที่ 2 จะไม่รองรับ การใช้ * สำหรับค่าแรกหมายความว่าเว็บไซต์ทั้งหมดอาจใช้คุกกี้เมื่อ URL ที่ 2 เป็นเว็บไซต์ระดับบนสุด
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="BLOCK_THIRD_PARTY_COOKIES_POLICY_NAME" /> หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
โปรดดูนโยบาย <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_SESSIONS_ONLY_FOR_URLS" /> ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="102658870205613876">การตั้งค่าป๊อปอัป</translation>
<translation id="1027000705181149370">ระบุว่าควรโอนคุกกี้การตรวจสอบสิทธิ์ที่กำหนดโดย SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้ไหม
เมื่อผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเขียนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ลงในโปรไฟล์ชั่วคราวก่อน ซึ่งคุกกี้เหล่านี้สามารถโอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้เพื่อส่งต่อสถานะการตรวจสอบสิทธิ์ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ทุกครั้งที่ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์กับ SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น
นโยบายนี้มีผลต่อผู้ใช้ที่มีโดเมนตรงกับโดเมนการลงทะเบียนของอุปกรณ์เท่านั้น สำหรับผู้ใช้คนอื่นๆ ทั้งหมด ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น</translation>
<translation id="1029052664284722254">บังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="1032533786864478457">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้ผู้ใช้ตั้งค่าให้อุปกรณ์ซิงค์ SMS กับ Chromebook ได้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดแจ้งด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้จะรับและส่งข้อความใน Chromebook ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะตั้งค่าการซิงค์ข้อความไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้โดยค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้อื่นๆ จะใช้ได้</translation>
<translation id="1035860095382451169">เปิดใช้ไอคอนแม่กุญแจในแถบอเนกประสงค์สำหรับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย</translation>
<translation id="1037426296070139784">ใบรับรอง TLS ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ควรเชื่อถือสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="1037470927044831850">อนุญาตให้เว็บไซต์แจ้งให้ผู้ใช้แชร์สตรีมวิดีโอของหน้าจอ</translation>
<translation id="1038049732032297658">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์การแก้ไขอัตโนมัติบนแป้นพิมพ์จริง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์การแก้ไขอัตโนมัติบนแป้นพิมพ์จริง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์การแก้ไขอัตโนมัติบนแป้นพิมพ์จริง</translation>
<translation id="1038725366103635282">อนุญาตการสำรวจพื้นที่แชร์ไฟล์ NetBIOS</translation>
<translation id="1040446814317236570">เปิดใช้การตัด PAC URL (สำหรับ https://)</translation>
<translation id="1043965859599437362">นโยบายนี้ระบุวิธีลบล้างลิสต์ของชุดที่เบราว์เซอร์ใช้สำหรับฟีเจอร์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่ง
แต่ละชุดในลิสต์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของเบราว์เซอร์ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดสำหรับชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่ง
ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งต้องมีเว็บไซต์หลัก 1 แห่งและเว็บไซต์สมาชิกอย่างน้อย 1 แห่ง
ชุดโดเมนยังอาจมีลิสต์เว็บไซต์บริการซึ่งเป็นเจ้าของเอง รวมถึงการแมปจากเว็บไซต์หนึ่งไปยังตัวแปร ccTLD ทั้งหมด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งซึ่ง <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้ที่ https://github.com/WICG/first-party-sets
เว็บไซต์ทั้งหมดในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งจะต้องเป็นโดเมนที่จดทะเบียนได้และให้บริการผ่าน HTTPS แต่ละเว็บไซต์ในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งจะต้องไม่ซ้ำกันด้วย ซึ่งหมายความว่าจะลงลิสต์เว็บไซต์หนึ่งๆ ในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งมากกว่า 1 ครั้งไม่ได้
เมื่อนโยบายนี้ได้รับพจนานุกรมเปล่า เบราว์เซอร์จะใช้ลิสต์แบบสาธารณะของชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่ง
สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งจากลิสต์ <ph name="REPLACEMENTS" /> หากมีเว็บไซต์ใดอยู่ในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งในลิสต์ของเบราว์เซอร์ด้วย ระบบจะนำเว็บไซต์นั้นออกจากชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของเบราว์เซอร์
หลังจากนั้น จะเพิ่มชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของนโยบายลงในลิสต์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของเบราว์เซอร์
สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งจากลิสต์ <ph name="ADDITIONS" /> หากมีเว็บไซต์ใดอยู่ในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งในลิสต์ของเบราว์เซอร์ด้วย ระบบจะอัปเดตชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของเบราว์เซอร์เพื่อให้สามารถเพิ่มชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งชุดใหม่ลงในลิสต์ของเบราว์เซอร์ได้ หลังจากอัปเดตลิสต์ของเบราว์เซอร์แล้ว ระบบจะเพิ่มชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของนโยบายลงในลิสต์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของเบราว์เซอร์
ลิสต์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งของเบราว์เซอร์มีข้อกำหนดว่าแต่ละเว็บไซต์ในลิสต์จะอยู่ในชุดมากกว่า 1 ชุดไม่ได้ ข้อกำหนดนี้ใช้กับทั้งลิสต์ <ph name="REPLACEMENTS" /> และลิสต์ <ph name="ADDITIONS" /> ด้วย ในทำนองเดียวกัน เว็บไซต์หนึ่งๆ จะอยู่ทั้งในลิสต์ <ph name="REPLACEMENTS" /> และลิสต์ <ph name="ADDITIONS" /> ไม่ได้
ไม่สามารถใช้ไวลด์การ์ด (*) เป็นค่าในนโยบาย และภายในชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งในลิสต์เหล่านี้
ชุดทั้งหมดที่มาจากนโยบายนี้ต้องเป็นชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งที่ถูกต้อง มิเช่นนั้น ระบบจะแสดงข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้อง
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
นโยบายนี้เทียบเท่ากับนโยบาย <ph name="RELATED_WEBSITE_SETS_OVERRIDES_POLICY_NAME" />
ระบบอาจใช้นโยบายใดนโยบายหนึ่ง แต่นโยบายนี้จะเลิกใช้งานในอีกไม่ช้า เราจึงขอแนะนำให้ใช้นโยบาย <ph name="RELATED_WEBSITE_SETS_OVERRIDES_POLICY_NAME" /> มากกว่า
นโยบายทั้งสองมีผลต่อลักษณะการทำงานของเบราว์เซอร์เหมือนกัน</translation>
<translation id="1046484220783400299">เปิดใช้ฟีเจอร์แพลตฟอร์มของเว็บที่เลิกใช้แล้วเป็นเวลาจำกัด</translation>
<translation id="1047128214168693844">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="1049138910114524876">กำหนดค่าภาษาที่จะบังคับใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ได้มาจากค่าแรกของนโยบายนี้ทุกครั้ง (นโยบายได้รับการกำหนดค่าเป็นรายการเพื่อความเข้ากันได้ในอนาคต) หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ผู้ใช้ใช้ในเซสชันล่าสุด หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าภาษาไม่ถูกต้อง หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาสำรอง (ปัจจุบันคือ en-US)</translation>
<translation id="1050158007881386475">ปิดใช้การรายงานสถานะของบอร์ดอุปกรณ์</translation>
<translation id="1052499923181221200">นโยบายนี้จะไม่มีผล เว้นแต่ SamlInSessionPasswordChangeEnabled เป็นจริง
หากนโยบายนั้นเป็นจริง และมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น 14 (ตัวอย่าง) หมายความว่าผู้ใช้ SAML จะได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า 14 วันว่ารหัสผ่านจะหมดอายุในวันที่ที่กำหนด
จากนั้นผู้ใช้จะจัดการกับเรื่องนี้ได้ทันทีโดยทำการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชันและอัปเดตรหัสผ่านก่อนหมดอายุ
แต่การแจ้งเตือนเหล่านี้จะแสดงเมื่อผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัว SAML ส่งข้อมูลการหมดอายุของรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ SAML เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 หมายความว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่จะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อรหัสผ่านหมดอายุไปแล้วเท่านั้น
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation>
<translation id="105369313766849861">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา
ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Supported_directory_variables
หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีโปรไฟล์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1053981429146436598">กลุ่มนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตั้งค่าคำขอเครือข่ายส่วนตัว โปรดดูที่ https://wicg.github.io/private-network-access/</translation>
<translation id="1059069692400941670">ปิดใช้การนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="1062011392452772310">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="1062407476771304334">แทนที่</translation>
<translation id="1063860513136880926">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพหน้าจอด้วยแป้นพิมพ์ลัดหรือ API ส่วนขยาย การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ถ่ายภาพหน้าจอได้
โปรดทราบว่าใน "<ph name="MS_WIN_NAME" />", "<ph name="MAC_OS_NAME" />" และ "<ph name="LINUX_OS_NAME" />" การตั้งค่านี้ไม่ได้ป้องกันการถ่ายภาพหน้าจอด้วยระบบปฏิบัติการหรือแอปพลิเคชันของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="1065175969514496951">การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึง URL ที่ระบุไว้ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ (เช่น ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก) โดยเป็นข้อยกเว้นสำหรับ <ph name="DEVICE_AUTHENTICATION_URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ดูรูปแบบของรายการย่อยในรายการนี้ได้จากคำอธิบายของนโยบายดังกล่าว ตัวอย่างเช่น การตั้งค่า <ph name="DEVICE_AUTHENTICATION_URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="WILDCARD_VALUE" /> จะบล็อกคำขอทั้งหมด และคุณจะใช้นโยบายนี้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดไว้ได้ ตลอดจนใช้ในการเปิดข้อยกเว้นให้แก่บางรูปแบบ โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ต หรือเส้นทางที่เฉพาะเจาะจง โดยใช้รูปแบบที่ระบุไว้ที่ ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format ) ตัวกรองที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่า URL หนึ่งๆ ถูกบล็อกหรือได้รับอนุญาต นโยบาย <ph name="DEVICE_AUTHENTICATION_URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> มีความสำคัญเหนือ <ph name="DEVICE_AUTHENTICATION_URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> นโยบายนี้ระบุรายการได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ <ph name="DEVICE_AUTHENTICATION_URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1068801725746725727">เปิดใช้การรับแบบสำรวจเกี่ยวกับ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="1073983258515362346">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับแบ็กไลต์ของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลแบ็กไลต์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1076751984131277498">รายการที่อนุญาตของอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้</translation>
<translation id="1077675271127011209">ปิดใช้การรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและข้อขัดข้อง</translation>
<translation id="1079498696402787191">ใช้ค่าเริ่มต้นสําหรับแฮชที่อนุญาตในแฮนด์เชค TLS</translation>
<translation id="1079801999187584280">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="1082802595100075771">ให้ผู้ใช้เลือกที่จะใช้บริการของ Google แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อให้คำอธิบายอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่มีป้ายกำกับ</translation>
<translation id="1084697375611053264">ระบุรายการโดเมนเว็บแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ <ph name="DESK_API_NAME" /> เพื่อควบคุมเดสก์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รูปแบบ URL เหล่านี้ควรเป็นไปตามรูปแบบที่กำหนดสำหรับพร็อพเพอร์ตี้ "ตรงกัน" ใน https://developer.chrome.com/docs/extensions/mv3/manifest/externally_connectable/#reference</translation>
<translation id="1087057100912843460">อนุญาตให้มีการอัปเดต</translation>
<translation id="1087187152710800704">ปฏิเสธสิทธิ์การจัดการหน้าต่างในทุกเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1087437665304381368">นโยบายนี้ควบคุมโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น หากคุณต้องการป้องกันการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาแอป Android ก็จะต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_DISABLED_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1087707496788636333">เรากำลังย้ายรายการนโยบายของ Chrome Enterprise โปรดอัปเดตบุ๊กมาร์กเป็น <ph name="POLICY_DOCUMENTATION_URL" /></translation>
<translation id="1089150222292592899">ป้อนชื่อผู้ใช้อัตโนมัติในหน้า SAML IdP</translation>
<translation id="1091765729282771296">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ HID</translation>
<translation id="1095209545735032039">บล็อก Serial API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1096105751829466145">ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1099282607296956954">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="1100840127293327071">อย่าเลือกตัวเลือกให้เก็บข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไว้โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1105572260329131950">ใช้ไอคอนเริ่มต้นสำหรับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย</translation>
<translation id="1105711894873068933">หลังจากที่ปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> ระบบจะนำข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดออกในการเข้าสู่ระบบครั้งถัดไป</translation>
<translation id="1107538157073168076">ปิดใช้ส่วนขยายข้อมูลเชิงลึก</translation>
<translation id="1110426799149444997">ปิดใช้การค้นหาภูมิภาคของ <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1111324374369583989">ไม่แสดงหน้าจอการตั้งค่าขนาดการแสดงผลระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="1117535567637097036">ไม่มีการใช้เครื่องจัดการโปรโตคอลที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ระหว่างการจัดการ Intent ของ Android</translation>
<translation id="1118093128235245168">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์จากผู้ใช้เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่</translation>
<translation id="111910763555783249">การตั้งค่าการแจ้งเตือน</translation>
<translation id="1122068467107743258">งาน</translation>
<translation id="1122089575901325963">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกล (DTC) ของ <ph name="WILCO_NAME" /> หากมีให้ใช้งานในอุปกรณ์ การตั้งค่าต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB (1,000,000 ไบต์) และต้องอยู่ในรูปแบบ JSON DTC ของ <ph name="WILCO_NAME" /> จะมีหน้าที่จัดการกับการกำหนดค่าดังกล่าว ระบบใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รวมถึงจะดาวน์โหลดและแคชการกำหนดค่า และดาวน์โหลดซ้ำอีกเมื่อใดก็ตามที่ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้</translation>
<translation id="1123650965531933634">ปฏิเสธสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่างในทุกเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1126037943895692096">อนุญาตให้ผู้ใช้รวมข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่อง Wi-Fi ระดับต่ำไว้ในความคิดเห็นของผู้ใช้</translation>
<translation id="1126456433590366966">ทําให้การทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /> เป็นแบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="112794759469625182">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M118 นโยบายดังกล่าวมีไว้เพื่อเปิดใช้และปิดใช้เอกสารรับรองระยะไกลสำหรับผู้ใช้ แต่ระบบจะเปิดใช้เอกสารนี้โดยค่าเริ่มต้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อรับรองตัวตนจากระยะไกลไปยัง CA ความเป็นส่วนตัวผ่านทาง <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> โดยใช้ <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้เรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="1133622335785078255">อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างและใช้โปรไฟล์รอง รวมถึงใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="1137096407176363892">อนุญาตเสียงของการอ่านออกเสียงข้อความของเครือข่ายที่ปรับปรุงในฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ "เลือกเพื่อให้อ่าน" เสียงเหล่านี้จะส่งข้อความให้เซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อสังเคราะห์เสียงที่ฟังดูเป็นธรรมชาติ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์เสียงของการอ่านออกเสียงข้อความของเครือข่ายที่ปรับปรุงใน "เลือกเพื่อให้อ่าน" จะปิดใช้เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์เสียงของการอ่านออกเสียงข้อความของเครือข่ายที่ปรับปรุงใน "เลือกเพื่อให้อ่าน" ได้</translation>
<translation id="1137479817584930805">อนุญาตให้บันทึกรูปภาพไปยัง <ph name="GOOGLE_PHOTOS_PRODUCT_NAME" /> โดยตรง</translation>
<translation id="1138294736309071213">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนดระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้สำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="1143257335984030879">นโยบายนี้ควบคุมความพร้อมใช้งานของฟีเจอร์รายการช็อปปิ้ง
หากเปิดใช้ ระบบจะแสดง UI แก่ผู้ใช้เพื่อติดตามราคาของผลิตภัณฑ์ที่ปรากฏในหน้าปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่ติดตามจะแสดงในแผงด้านข้างของบุ๊กมาร์ก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ฟีเจอร์รายการช็อปปิ้งจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ฟีเจอร์รายการช็อปปิ้งจะใช้งานไม่ได้
</translation>
<translation id="1144147113722324623">เปิดใช้การอัปเกรด HTTPS อัตโนมัติสำหรับเสียงและวิดีโอ รวมถึงแสดงคำเตือน "ไม่ปลอดภัย" สำหรับรูปภาพ</translation>
<translation id="1147732569915511430">แฮช SHA-256 ของรูปโปรไฟล์</translation>
<translation id="1148415065145333943">ปิดใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง</translation>
<translation id="1149203480502386713">เปิดใช้ข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์ในการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมสำหรับ TLS</translation>
<translation id="1149841949061115313">LTC Channel</translation>
<translation id="1150742937785306405">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดการตั้งค่าโฆษณาที่เว็บไซต์แนะนำโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="1151353063931113432">อนุญาตให้แสดงภาพบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1151987132434751822">รูปแบบการตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้ข้อมูลการเข้าสู่ระบบของนโยบายได้ รูปแบบมีดังนี้
* basic
* digest
* ntlm
การไม่เลือกเป็นการอนุญาตให้ใช้ทั้ง 3 รูปแบบ</translation>
<translation id="1153306961094113710">อนุญาตให้ใช้การแก้ไขข้อบกพร่องจากระยะไกล</translation>
<translation id="115699958189272121">รายงานเหตุการณ์ <ph name="CHROME_REMOTE_DESKTOP_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1157003104143964656">การตั้งค่านี้จะเปิดหรือปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือเปิดใช้ กล่องโต้ตอบการสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงขึ้นมาเมื่อมีการเพิ่มบัญชี Google ในเว็บ และผู้ใช้อาจได้รับประโยชน์จากการย้ายบัญชีนี้ไปยังโปรไฟล์อื่น (โปรไฟล์ใหม่หรือที่มีอยู่แล้ว)
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ กล่องโต้ตอบการสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้จะไม่แสดงขึ้นมา
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ กล่องโต้ตอบจะยังแสดงอยู่หากมีการบังคับใช้การแยกโปรไฟล์บัญชีที่จัดการโดย <ph name="MANAGED_ACCOUNTS_SIGNIN_RESTRICTION_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1158844608156732189">การกำหนดค่า Kerberos (1 บรรทัดต่อรายการอาร์เรย์) โปรดดู https://web.mit.edu/kerberos/krb5-1.12/doc/admin/conf_files/krb5_conf.html</translation>
<translation id="1160479894929412407">อนุญาตโปรโตคอล QUIC</translation>
<translation id="1160939557934457296">ปิดใช้งานการดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือน Safe Browsing</translation>
<translation id="1161685818042751282">ไม่นำเข้าใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ TLS ที่ผู้ใช้เพิ่มไว้จาก Trust Store ของแพลตฟอร์ม</translation>
<translation id="1163080558183062209">ปิดใช้ประเภทเครื่องพิมพ์ในรายการปฏิเสธ</translation>
<translation id="1163389598183927209">กลุ่มนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ดูรายละเอียดเกี่ยวกับความพยายามของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สามได้ที่ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_URL" /></translation>
<translation id="1165923723751466821">อนุญาตให้เข้าสู่ระบบเบราว์เซอร์ในโหมดผู้มาเยือนและเข้าสู่ระบบโปรไฟล์</translation>
<translation id="117059611145966538">เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอก</translation>
<translation id="117080706484659953">อนุญาตการตรวจหาขอบเขตนโยบายใน <ph name="MAC_OS_NAME" /></translation>
<translation id="1171106901454883937">เปิดใช้การรายงานข้อมูลเวอร์ชันอุปกรณ์</translation>
<translation id="1173493742686115032">เปิดใช้ <ph name="SEARCH_SIDE_PANEL_FEATURE_NAME" /> ในหน้าเว็บทุกหน้า</translation>
<translation id="1177567780207290133">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมตัวกรอง URL ของ SafeSites ซึ่งใช้ Google Safe Search API เพื่อจำแนก URL ว่าเป็นประเภทลามกอนาจารหรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น
* "ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่กรองเว็บไซต์
* "กรองเว็บไซต์ระดับบนสุดที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" ระบบจะกรองเว็บไซต์ที่อยู่ในประเภทลามกอนาจารออก</translation>
<translation id="1177624681620856105"> นโยบายนี้กำหนดว่าจะมีการแสดงช่องทำเครื่องหมาย "เปิดตลอดเวลา" ในข้อความแจ้งยืนยันการเปิดใช้โปรโตคอลภายนอกหรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เมื่อการยืนยันโปรโตคอลภายนอกแสดงขึ้น ผู้ใช้จะเลือก "อนุญาตเสมอ" เพื่อข้ามข้อความแจ้งยืนยันทั้งหมดในอนาคตสำหรับโปรโตคอลดังกล่าวในเว็บไซต์นี้ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ช่องทำเครื่องหมาย "อนุญาตเสมอ" จะไม่แสดง และระบบจะแสดงข้อความแจ้งแก่ผู้ใช้ทุกครั้งที่มีการเรียกใช้โปรโตคอลภายนอก</translation>
<translation id="1181598794547737681">เปิดใช้ UI ลูกโป่งสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="1184531093651606913">บล็อกไม่ให้โหลดส่วนขยายจากบรรทัดคำสั่ง</translation>
<translation id="1184562656144537588">เปิดใช้ไฟล์ Manifest V2 อยู่สำหรับส่วนขยายที่บังคับติดตั้งแล้วเท่านั้น</translation>
<translation id="11903325225202653">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดโหมดคอนทราสต์สูงไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดโหมดคอนทราสต์สูงไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดอยู่ แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="1190663377142764616">ควบคุมวิธีจัดการ VM ที่เรียกใช้ซึ่งไม่ตรงกับการตั้งค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นคือ <ph name="FORCE_SHUTDOWN_IF_MORE_RESTRICTED" /></translation>
<translation id="1192875037379495940">การตั้งค่านโยบายหมายความว่า ระบบจะลงชื่อเข้าใช้เซสชันที่ระบุโดยอัตโนมัติหากไม่มีการโต้ตอบจากผู้ใช้ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ภายในระยะเวลาที่ระบุในนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_DELAY_POLICY_NAME" /> บัญชีในอุปกรณ์ต้องตั้งค่าไว้แล้ว (ดู <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNTS_POLICY_NAME" />)
การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหมายความว่าจะไม่มีการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="1193653806129988688">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แลกรับข้อเสนอผ่านการลงทะเบียน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="1197437816436565375">คุณบังคับให้แอป Android ใช้พร็อกซีไม่ได้ แอป Android สามารถใช้ชุดย่อยของการตั้งค่าพร็อกซี ซึ่งแอป Android อาจเลือกทำตามโดยสมัครใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากนโยบาย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1198183996903759302">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" (หรือตั้งค่า <ph name="HARDWARE_ACCELERATION_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ") ป้องกันไม่ให้หน้าเว็บเข้าถึง WebGL API และปลั๊กอินจะใช้ Pepper 3D API ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้หน้าเว็บใช้ WebGL API และปลั๊กอินใช้ Pepper 3D API ได้ แต่การตั้งค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์อาจยังคงต้องใช้อาร์กิวเมนต์บรรทัดคำสั่งเพื่อใช้ API เหล่านี้</translation>
<translation id="1198458955128279215">ใช้ลักษณะการทํางานเริ่มต้นของแผนการเปิดตัวฟีเจอร์</translation>
<translation id="1202216683470826356">แสดงการ์ดในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="1204263402976895730">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation>
<translation id="1207301487141109411">ป้องกันไม่ให้เลือกรูปโปรไฟล์ของผู้ใช้จากระบบไฟล์ในเครื่อง กล้อง และโปรไฟล์ Google</translation>
<translation id="1209096923317019235">กําหนดแอปเป็นตัวแฮนเดิลเริ่มต้นสําหรับนามสกุลไฟล์ที่ระบุ</translation>
<translation id="120937472976628837">รายงานข้อมูลพัดลม</translation>
<translation id="1212233008927724662">ปิดใช้การโหลด Login WebUI แบบ Lazy Loading</translation>
<translation id="1214639335214075459">เปิดใช้การถอดรหัสวิดีโอฮาร์ดแวร์ GPU</translation>
<translation id="1216919699175573511">เปิดใช้การสนับสนุน Signed HTTP Exchange (SXG)</translation>
<translation id="1219027971768347970">ใช้การกำหนดค่าเริ่มต้นกับแซนด์บ็อกซ์เสียง</translation>
<translation id="1221359380862872747">โหลด URL ที่ระบุเมื่อลงชื่อเข้าใช้การสาธิต</translation>
<translation id="1221955019309484560">เปิดใช้การอัปเดตสำหรับทุกคอมโพเนนต์</translation>
<translation id="1222694988453895594">ให้คุณกำหนดรายการโปรโตคอล และรายการที่เชื่อมโยงของรูปแบบต้นทางที่อนุญาตสำหรับแต่ละโปรโตคอล ซึ่งเปิดแอปพลิเคชันภายนอกได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้ ไม่ควรใส่ตัวคั่นข้างหลังเมื่อระบุโปรโตคอล เช่น ให้ใช้ "skype" แทน "skype:" หรือ "skype://"
หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะอนุญาตให้โปรโตคอลเปิดแอปพลิเคชันภายนอกโดยไม่มีข้อความแจ้งจากนโยบายในกรณีที่มีการระบุโปรโตคอลดังกล่าวเท่านั้น และต้นทางของเว็บไซต์ที่พยายามเปิดใช้งานโปรโตคอลตรงกับต้นทางรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในรายการ allowed_origins ของโปรโตคอลนั้น หากเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งเป็น "เท็จ" นโยบายจะไม่ละเว้นข้อความแจ้งการเปิดใช้งานโปรโตคอลภายนอก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย โปรโตคอลทั้งหมดจะเปิดใช้งานได้ต่อเมื่อมีข้อความแจ้งโดยค่าเริ่มต้นเท่านั้น ผู้ใช้เลือกไม่รับข้อความแจ้งแบบรายโปรโตคอล/รายเว็บไซต์ได้หากนโยบาย <ph name="EXTERNAL_PROTOCOL_DIALOG_SHOW_ALWAYS_OPEN_CHECKBOX_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการยกเว้นข้อความแจ้งแบบรายโปรโตคอล/รายเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ตั้งค่า
รูปแบบที่ตรงกันของต้นทางใช้รูปแบบที่คล้ายกับของนโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" ตามที่บันทึกไว้ใน https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format
แต่รูปแบบที่ตรงกันของต้นทางในนโยบายนี้ต้องไม่มีองค์ประกอบ "/path" หรือ "@query" ระบบจะไม่สนใจรูปแบบที่มีองค์ประกอบ "/path" หรือ "@query"</translation>
<translation id="1223789468190631420">สถานะการเปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="123018742985150697">ต้องจับคู่ผู้ใช้ในเครื่องและเจ้าของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="123081309365616809">เปิดใช้การแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์</translation>
<translation id="1233343906578850273">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการค้นหารูปภาพ (หากตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> ไว้ คำขอค้นหารูปภาพจะใช้เมธอด POST แทน)
หากไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POLICY_NAME" /> จะไม่มีการใช้การค้นหารูปภาพ
หากการค้นหารูปภาพใช้เมธอด GET แล้ว URL ต้องระบุพารามิเตอร์รูปภาพโดยใช้ชุดค่าผสมที่ใช้ได้ของตัวยึดตำแหน่งต่อไปนี้
<ph name="IMAGE_IMAGE_URL" />,
<ph name="IMAGE_ORIGINAL_HEIGHT" />,
<ph name="IMAGE_ORIGINAL_WIDTH" />,
<ph name="IMAGE_PROCESSED_IMAGE_DIMENSIONS" />,
<ph name="IMAGE_SEARCH_SOURCE" />,
<ph name="IMAGE_THUMBNAIL" />,
<ph name="IMAGE_THUMBNAIL_BASE64" /></translation>
<translation id="1238868319430505522">กําหนดค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /></translation>
<translation id="1239526922294123540">ควบคุมว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะปิดใช้การตรวจสอบ<ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS" />ทั้งหมดสำหรับทุกต้นทาง ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีสามารถโจมตี <ph name="CSRF" /> ในเซิร์ฟเวอร์ของเครือข่ายส่วนตัวได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ลักษณะการทำงานเริ่มต้นสำหรับคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าจะขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้สำหรับแฟล็กฟีเจอร์ <ph name="BLOCK_INSECURE_PRIVATE_NETWORK_REQUESTS_FEATURE_NAME" />, <ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS_SEND_PREFLIGHTS_FEATURE_NAME" /> และ <ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS_RESPECT_PREFLIGHT_RESULTS_FEATURE_NAME" /> ซึ่งอาจตั้งค่าไว้ด้วยการทดสอบในวงจำกัดหรือในบรรทัดคำสั่ง
นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับข้อกำหนด<ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS" /> ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://wicg.github.io/private-network-access/
ปลายทางเครือข่ายหนึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าปลายทางเครือข่ายอีกแห่งหนึ่งในกรณีต่อไปนี้
1) ที่อยู่ IP ของปลายทางเครือข่ายนั้นเป็น localhost แต่อีกปลายทางหนึ่งไม่ใช่
2) ที่อยู่ IP ของปลายทางเครือข่ายนั้นเป็นแบบส่วนตัว แต่อีกปลายทางหนึ่งเป็นแบบสาธารณะ
ในอนาคต อาจมีการใช้นโยบายนี้กับคำขอข้ามต้นทางทั้งหมดที่ส่งไปที่ IP ส่วนตัวหรือ localhost ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพัฒนาข้อกำหนด
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" เว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ส่งคำขอถึงปลายทางเครือข่ายใดก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับการตรวจสอบข้ามต้นทางอื่นๆ</translation>
<translation id="1240559668501539326">ตั้งค่าข้อมูลเมตาที่โปรแกรมติดตั้งสำหรับ Bruschetta VM ใช้ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ก่อนที่จะติดตั้ง</translation>
<translation id="1240722269871366886">นโยบายนี้ช่วยให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แนะนำอีโมจิเมื่อผู้ใช้พิมพ์ข้อความด้วยแป้นพิมพ์เสมือนหรือแป้นพิมพ์จริง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ได้
เมื่อตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่มีการแนะนำอีโมจิและผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่าไม่ได้</translation>
<translation id="1241536186320046498">ถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการได้รับสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่าง</translation>
<translation id="1243311058213605210">ปิดใช้การอัปเกรด HTTPS อัตโนมัติสำหรับเสียงและวิดีโอ รวมถึงไม่แสดงคำเตือนสำหรับรูปภาพ</translation>
<translation id="1243570869342663665">ควบคุมการกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ของ SafeSites</translation>
<translation id="1244309789361056660">เราได้นำนโยบายนี้ออกจากเวอร์ชัน M87 และข้อมูลไดเรกทอรีของหน้าแรกจะย้ายไป ext4 โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้
การตั้งค่านโยบายจะระบุการดำเนินการที่จะทำเมื่อมีการสร้างไดเรกทอรีหลักของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส ecryptfs แอป Android อาจไม่ทำงาน เว้นแต่ไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัส ecryptfs จะย้ายข้อมูลไปยังการเข้ารหัส ext4
การตั้งค่านโยบายเป็น
* Migrate (หรือตัวเลือกที่ไม่รองรับ เช่น AskUser หรือ AskForEcryptfsArcUsers) หมายความว่าไดเรกทอรีจะย้ายข้อมูลไปยัง ext4 โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้ โดยไม่ต้องขอคำยินยอมจากผู้ใช้
* Wipe หรือ MinimalMigrate หมายความว่าเมื่อลงชื่อเข้าใช้ ไดเรกทอรีหลักใหม่ที่เข้ารหัส ext4 จะแทนที่ไดเรกทอรีเก่าที่เข้ารหัส ecryptfs เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่ลงชื่อเข้าใช้ซ้ำ MinimalMigrate จะพยายามรักษาโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้
* DisallowArc หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการย้ายข้อมูล และแอป Android ของผู้ใช้จะหยุดทำงาน
นโยบายนี้ไม่มีผลกับผู้ใช้คีออสก์
คำเตือน: Wipe และ MinimalMigrate จะนำข้อมูลในเครื่องออก</translation>
<translation id="1248955696540150266">อนุญาตให้ดาวน์โหลดการอัปเดตแบบเพียร์ทูเพียร์โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="1250597158212586309">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้มีตัวเลือกในการปิด/คืนค่าการแจ้งเตือนรหัสผ่านที่ถูกละเมิด
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถปิดการแจ้งเตือนเกี่ยวกับรหัสผ่านที่ถูกละเมิด หากเปิดใช้ ผู้ใช้จะปิดการแจ้งเตือนเกี่ยวกับรหัสผ่านที่ถูกละเมิดได้</translation>
<translation id="1252536192437793850">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรม</translation>
<translation id="1255159327956066463">เปิดใช้ฟีเจอร์หน้าต่างท่องเว็บแบบส่วนตัว</translation>
<translation id="125655429495551011">การตั้งค่านโยบายเป็นสตริงจะใช้สตริงดังกล่าวเป็นชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ในระหว่างที่ขอ DHCP สตริงอาจมีตัวแปร <ph name="ASSET_ID_PLACEHOLDER" />, <ph name="SERIAL_NUM_PLACEHOLDER" />, <ph name="MAC_ADDR_PLACEHOLDER" />, <ph name="MACHINE_NAME_PLACEHOLDER" />, <ph name="LOCATION_PLACEHOLDER" /> ซึ่งระบบจะแทนที่ด้วยค่าในอุปกรณ์ก่อนที่จะใช้เป็นชื่อโฮสต์ ชื่อที่จะแทนที่ได้จะต้องเป็นชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง (ตาม RFC 1035 ส่วน 3.1)
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือหากค่าหลังการแทนที่ไม่ใช่ชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีการกำหนดชื่อโฮสต์ในคำขอ DHCP</translation>
<translation id="1257550411839719984">ตั้งค่าไดเรกทอรีเริ่มต้นสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="1262993197422487260">ไม่แสดงปุ่ม "แสดงรหัสผ่าน" ในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="1265053460044691532">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML สามารถเข้าสู่ระบบในแบบออฟไลน์</translation>
<translation id="1271811620059192171">เปิดใช้นโยบายที่มาจากกลุ่มขนาดเล็ก</translation>
<translation id="127264587838521316">เปิดใช้คำขอติดตั้งส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1272798957154751008">เปิดใช้การย้ายข้อมูลของอุปกรณ์ Chromad ไปยังการจัดการระบบคลาวด์</translation>
<translation id="1274997165432133392">คุกกี้และข้อมูลอื่นของเว็บไซต์</translation>
<translation id="1277411517984768103">อนุญาตให้ <ph name="BOREALIS_NAME" /> ใช้งานได้สำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="1277489612460516394">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เปิดป๊อปอัปได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_POPUPS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="1280005879732594593">นโยบายนี้กำหนดค่าว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอ Kyber (อัลกอริทึมของข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์ในการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม) ใน TLS หรือไม่ ซึ่งจะอนุญาตให้เซิร์ฟเวอร์ที่รองรับปกป้องการรับส่งข้อมูลของผู้ใช้ไม่ให้มีการถอดรหัสในภายหลังโดยใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัม
หากเปิดใช้นโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอ Kyber ในการเชื่อมต่อ TLS การเชื่อมต่อ TLS จะได้รับการปกป้องตามข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์ของ Kyber เมื่อสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับการใช้งาน โดยจะเลือก Kyber ในระหว่างการแฮนด์เชค TLS
หากปิดใช้นโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่เสนอ Kyber ในการเชื่อมต่อ TLS ซึ่งส่งผลให้การรับส่งข้อมูลของผู้ใช้ไม่ได้รับการป้องกันจากการโจมตีของคอมพิวเตอร์ควอนตัม
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำตามขั้นตอนการเปิดตัวเริ่มต้นสำหรับการเสนอ Kyber
การเสนอ Kyber มีความเข้ากันได้แบบย้อนหลัง คาดว่าเซิร์ฟเวอร์ TLS และมิดเดิลแวร์เครือข่ายที่มีอยู่จะไม่สนใจตัวเลือกใหม่ดังกล่าวและจะยังคงเลือกตัวเลือกก่อนหน้านี้อยู่ต่อไป
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ไม่มีการใช้งาน TLS อย่างถูกต้องอาจทำงานผิดพลาดเมื่อเสนอตัวเลือกใหม่นี้ เช่น อาจยกเลิกการเชื่อมต่อเมื่อพบเจอตัวเลือกที่ไม่รู้จักหรือเมื่อได้รับข้อความที่มีขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งเป็นผลจากตัวเลือกนั้น อุปกรณ์ดังกล่าวยังไม่พร้อมสำหรับการใช้งานหลังยุคควอนตัมและจะรบกวนการเปลี่ยนระบบหลังยุคควอนตัมขององค์กร หากพบปัญหาการรบกวนดังกล่าว ผู้ดูแลระบบควรติดต่อผู้ให้บริการเพื่อแก้ไขปัญหา
นโยบายนี้เป็นมาตรการชั่วคราวและจะถูกนำออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันต่อๆ ไป ทั้งนี้อาจมีการเปิดใช้นโยบายเพื่อให้คุณทดสอบปัญหาต่างๆ ได้ และปิดใช้ขณะที่ปัญหากำลังได้รับการแก้ไข</translation>
<translation id="1285819498003746288">Event.path API จะใช้งานไม่ได้</translation>
<translation id="1290722184971934486">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BLOCK_WINDOW_MANAGEMENT_POLICY_NAME" /> (ค่า 2) จะปฏิเสธสิทธิ์การจัดการหน้าต่างของเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้นโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะจำกัดไม่ให้เว็บไซต์ดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์เพื่อใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอ
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ASK_WINDOW_MANAGEMENT_POLICY_NAME" /> (ค่า 3) จะแสดงข้อความแจ้งผู้ใช้เมื่อขอสิทธิ์การจัดการหน้าต่างโดยค่าเริ่มต้น หากผู้ใช้อนุญาตสิทธิ์ดังกล่าว เว็บไซต์จะสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่านโยบาย <ph name="ASK_WINDOW_MANAGEMENT_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
นโยบายนี้มาแทนที่นโยบาย <ph name="DEFAULT_WINDOW_PLACEMENT_SETTING_POLICY_NAME" /> ที่เลิกใช้งานแล้ว</translation>
<translation id="129206366270737897">ปิดใช้เมธอดแบบไม่พร้อมกันของ <ph name="FILE_SYSTEM_SYNC_ACCESS_HANDLE" /></translation>
<translation id="1294263471858445589">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันปกติ</translation>
<translation id="1295737447968372331">เปิดใช้ฟีเจอร์การเขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1297182715641689552">ใช้สคริปต์พร็อกซี .pac</translation>
<translation id="1297961932043741908">ตั้งขีดจำกัดจำนวนเมกะไบต์ของหน่วยความจำที่อินสแตนซ์หนึ่งๆ ของ Chrome จะใช้ได้</translation>
<translation id="1304973015437969093">รหัสส่วนขยาย/แอปและ URL การอัปเดตจะติดตั้งอยู่ในพื้นหลัง</translation>
<translation id="1305400589435476516">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์โรมมิ่งข้อมูลได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใช้การโรมมิ่งข้อมูลไม่ได้</translation>
<translation id="1308526987406924874">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่) <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีความสำคัญเหนือกว่าตามลำดับข้างต้น
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="1309465583050255779">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NAME_POLICY_NAME" /> จะระบุชื่อของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NAME_POLICY_NAME" /> ไว้ ระบบจะใช้ชื่อโฮสต์ที่ URL การค้นหาระบุ</translation>
<translation id="1312799700549720683">ควบคุมการตั้งค่าการแสดงผล</translation>
<translation id="131353325527891113">แสดงชื่อผู้ใช้บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="1317658068839330898">ไม่อนุญาตให้ใช้ "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" บนเว็บ</translation>
<translation id="1318233005302276244">อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตามพัสดุใน Chrome</translation>
<translation id="1323501563951768821">การตั้งค่า F12 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Shift</translation>
<translation id="1325547947664414578">เมื่อผู้ใช้สลับระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> บริการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์และแอปจากอุปกรณ์ก่อนหน้าไปยังอุปกรณ์ใหม่
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์และแอปจากอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ผู้ใช้คนปัจจุบันใช้ล่าสุดโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ระบบ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การตั้งค่าการคืนค่าโดยสมบูรณ์กำหนดได้ว่าจะเปิดอะไรเมื่อเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1327466551276625742">เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์</translation>
<translation id="13356285923490863">ชื่อนโยบาย</translation>
<translation id="1338603603553894503">ระบุว่าเครื่องมือเลือกโปรไฟล์เปิดใช้อยู่ ปิดใช้อยู่ หรือบังคับใช้เมื่อเริ่มเบราว์เซอร์
เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะไม่แสดงอยู่โดยค่าเริ่มต้นหากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในโหมดผู้มาเยือนหรือโหมดไม่ระบุตัวตน มีการระบุไดเรกทอรีโปรไฟล์และ/หรือ URL ด้วยบรรทัดคำสั่ง มีการขอให้เปิดแอปอย่างชัดแจ้ง มีการเปิดเบราว์เซอร์ด้วยการแจ้งเตือนแบบเนทีฟ มีให้เลือกเพียงโปรโฟล์เดียว หรือมีการตั้งค่านโยบาย ForceBrowserSignin เป็น "จริง"
หากเลือก "เปิดใช้" (0) ไว้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะแสดงเมื่อเริ่มต้นระบบโดยค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้จะเปิด/ปิดใช้ได้
หากเลือก "ปิดใช้" (1) ไว้ เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะไม่แสดงขึ้นมาและผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากเลือก "บังคับใช้" (2) ไว้ ผู้ใช้จะระงับการใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์ไม่ได้ เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะแสดงแม้ว่าจะมีให้เลือกเพียงโปรโฟล์เดียวเท่านั้น</translation>
<translation id="1339174690935954950">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็น</translation>
<translation id="1340053691042184658">ป้องกันไม่ให้เข้าสู่ระบบเบราว์เซอร์ในโหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="1342918903685430097">กำหนดค่าเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation>
<translation id="1343128241903870688">ปิดใช้การรายงานข้อมูลแอปของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1347198119056266798">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="FORCE_GOOGLE_SAFE_SEARCH_POLICY_NAME" /> และ <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> แทน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้หากมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="FORCE_GOOGLE_SAFE_SEARCH_POLICY_NAME" />, <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="FORCE_YOUTUBE_SAFETY_MODE_POLICY_NAME" /> (เลิกใช้งานแล้ว)
บังคับให้การค้นหาใน Google Web Search ต้องใช้งาน "ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย" และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ การตั้งค่านี้ยังบังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube ด้วย
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้งาน "ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search และโหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เสมอ
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่บังคับใช้ "ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search และโหมดที่จำกัดใน YouTube</translation>
<translation id="134745581157553029">หากตั้งค่านโยบาย "DeviceArcDataSnapshotHours" ระบบจะเปิดใช้กลไกการสรุปภาพรวมของข้อมูล ARC และการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาที่กำหนดได้ เมื่อช่วงเวลาดังกล่าวเริ่มต้น ระบบต้องอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบ ขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มโดยไม่แสดงการแจ้งเตือนต่อผู้ใช้ หากผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ การแจ้งเตือน UI จะแสดงขึ้นและผู้ใช้ต้องยอมรับเพื่อรีบูตอุปกรณ์และเริ่มขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC หมายเหตุ: ระบบจะไม่อนุญาตให้มีการใช้งานอุปกรณ์ในระหว่างที่อัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC</translation>
<translation id="1348603614848418219">ปิดใช้การย้ายข้อมูลของอุปกรณ์ที่มีการจัดการของ <ph name="MS_AD_NAME" /> ไปยังการจัดการระบบคลาวด์</translation>
<translation id="1352799151662469739">ระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยเสียบปลั๊ก</translation>
<translation id="1353416417709895349">ปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation>
<translation id="1354280967938151061">ปิดใช้ ARC</translation>
<translation id="1354424209129232709">สูงสุด:</translation>
<translation id="1355050231181289439"> นโยบายนี้ควบคุมว่าจะให้ระบบเปิดใช้การแมปแป้นพิมพ์ลัดสากลที่ปรับปรุงแล้วหรือไม่
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้มั่นใจว่าแป้นพิมพ์ลัดจะทำงานอย่างสอดคล้องกับเลย์เอาต์แป้นพิมพ์สากลและเลิกใช้งานแป้นพิมพ์ลัดแบบเดิม
หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดสากลที่ปรับปรุงแล้ว
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดสากลที่ปรับปรุงแล้ว
หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายนี้จะเปิดใช้สำหรับอุปกรณ์ที่มีการจัดการและเปิดใช้สำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภค
โปรดทราบว่านี่เป็นเพียงนโยบายชั่วคราวเพื่ออนุญาตให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการยังคงสามารถใช้แป้นพิมพ์ลัดแบบเดิมที่เลิกใช้งานแล้ว ระบบจะเลิกใช้งานนโยบายนี้หลังจากมีแป้นพิมพ์ลัดที่กำหนดเอง</translation>
<translation id="1361661842732478894">แสดงปุ่มหน้าแรกในแถบเครื่องมือ</translation>
<translation id="1363275621236827384">เปิดใช้คำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks สำหรับโปรไฟล์ฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="1369698103169067223">ไม่ได้เปิดใช้ Glanceables สำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="1371626834351873151">การลด User Agent จะเปิดใช้สำหรับต้นทางทั้งหมด</translation>
<translation id="1371851989348083665">อนุญาตให้ใช้ "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" บนเว็บ</translation>
<translation id="1372618949173323717">ปิดใช้ JavaScript</translation>
<translation id="1376119291123231789">เปิดใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง</translation>
<translation id="1376765488559847650">CloudUpload</translation>
<translation id="1379689277107868399">หากตั้งค่าเป็น DoNotPrompt หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่แสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์กับเบราว์เซอร์อีกครั้งโดยอัตโนมัติ
หากตั้งค่าเป็น PromptInTab ไว้ ระบบจะเปิดแท็บใหม่ที่เป็นหน้าเข้าสู่ระบบของ Google ขึ้นมา ทันทีที่การตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้หมดอายุลง ซึ่งกรณีนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใช้ <ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> เท่านั้น</translation>
<translation id="1384459581748403878">การอ้างอิง: <ph name="REFERENCE_URL" /></translation>
<translation id="1384594066274112751">นโยบายนี้จะทำให้เบราว์เซอร์ไม่ละทิ้ง URL ที่ตรงกับรูปแบบที่ระบุไว้อย่างน้อย 1 รูปแบบ (โดยใช้รูปแบบตัวกรอง <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />)
โดยจะมีผลกับการใช้หน่วยความจำและการละทิ้งในโหมดประสิทธิภาพสูง
ระบบจะยกเลิกการโหลดหน้าที่ถูกละทิ้งและมีการเรียกคืนทรัพยากรทั้งหมด แท็บที่เชื่อมโยงกับหน้าดังกล่าวจะยังคงอยู่ในแนวแท็บ แต่การแสดงผลแท็บดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการโหลดซ้ำอย่างเต็มรูปแบบ
</translation>
<translation id="138847842893090358">รายงานสถานะการอัปเดตระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="1390529781843037070">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งเอกสารไปพิมพ์ที่ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ส่งงานพิมพ์ในเว็บไซต์ต่างๆ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะสั่งพิมพ์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากกล่องโต้ตอบการพิมพ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากต้องการให้ค้นพบปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ จะต้องตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" และต้องไม่รวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในนโยบาย <ph name="PRINTER_TYPE_DENY_LIST_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1390901586107713894">ให้คุณระบุว่าส่วนขยายใดบ้างที่ผู้ใช้ติดตั้งไม่ได้ ระบบจะปิดใช้ส่วนขยายที่ติดตั้งแล้วหากถูกบล็อกโดยไม่มีวิธีให้ผู้ใช้เปิดใช้ เมื่อนำส่วนขยายที่ปิดใช้เนื่องจากอยู่ในรายการที่บล็อกออกแล้ว ระบบจะเปิดใช้อีกครั้งโดยอัตโนมัติ
ค่า "*" ในรายการที่บล็อกหมายความว่าส่วนขยายทั้งหมดถูกบล็อก เว้นแต่จะแสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในรายการที่อนุญาต
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1392703142209771447">นิพจน์ทั่วไปที่ตรงกับรหัสเครื่องพิมพ์</translation>
<translation id="1393485621820363363">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation>
<translation id="1395505489889158859">อนุญาตให้ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบ</translation>
<translation id="1395988776118675626">เปิดใช้ฟีเจอร์ "จํารหัสผ่าน" สําหรับ Kerberos</translation>
<translation id="1396119629372155901">ฟีเจอร์ ThrottleDisplayNoneAndVisibilityHiddenCrossOriginIframes ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="1397855852561539316">URL ที่แนะนำโดยผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1402227992519954892">เปิดใช้การรายงานข้อมูลแอปของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1405444733221330570">เปิดใช้ Orca</translation>
<translation id="141279920573530952">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติในการเข้าถึงพอร์ตอนุกรมที่ใช้ได้ทุกพอร์ต
URL ต้องใช้การได้ มิเช่นนั้น นโยบายจะไม่มีผล ระบบพิจารณาเฉพาะต้นทาง (รูปแบบ โฮสต์ และพอร์ต) ของ URL เท่านั้น
ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่เชื่อมโยงเท่านั้น
นโยบายนี้จะลบล้าง <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" />, <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" />, <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และค่ากำหนดของผู้ใช้</translation>
<translation id="1413768951234456918">ล้างประวัติการท่องเว็บ</translation>
<translation id="1413936351612032792">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป Linux</translation>
<translation id="1417888712677507140">บล็อกกล่องโต้ตอบ JavaScript ที่เกิดจากเฟรมย่อยที่เป็นต้นทางเฟรมอื่น</translation>
<translation id="1418387035898607074">ข้ามการตรวจสอบของ Google Safe Browsing สำหรับไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="1419020637569060510">เพิ่มข้อจำกัดในการใช้งานบัญชีที่จัดการในฐานะบัญชีรองบน Chrome OS</translation>
<translation id="142346659686073702">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ Crostini</translation>
<translation id="1423900783955065155">นโยบายนี้ควบคุมว่าสามารถจัดเก็บหน้าที่มีส่วนหัว <ph name="CACHE_CONTROL_NO_STORE_NAME" /> ใน Back-Forward Cache ได้ไหม เว็บไซต์ที่ตั้งค่าส่วนหัวนี้อาจไม่คิดว่าจะมีการคืนค่าหน้าจาก Back-Forward Cache เนื่องจากยังสามารถแสดงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนบางอย่างได้หลังการคืนค่าแม้จะเข้าถึงไม่ได้แล้วก็ตาม
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าที่มีส่วนหัว <ph name="CACHE_CONTROL_NO_STORE_NAME" /> อาจได้รับการคืนค่าจาก Back-Forward Cache เว้นแต่จะมีการทริกเกอร์ให้เลือกลบแคชเก่าออกไป (เช่น เมื่อเว็บไซต์มีการเปลี่ยนคุกกี้ประเภท HTTP-เท่านั้น)
หากปิดใช้นโยบาย จะไม่มีการจัดเก็บหน้าที่มีส่วนหัว <ph name="CACHE_CONTROL_NO_STORE_NAME" /> ใน Back-Forward Cache</translation>
<translation id="1425551776320718592">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB โดยไม่บังคับให้ทำ Powerwash ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์มีสถานะความปลอดภัยที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation>
<translation id="1426170570389588560">กำหนดช่วงเวลาเป็นจำนวนวันในการจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์</translation>
<translation id="1426410128494586442">ยอมรับ</translation>
<translation id="1427655258943162134">ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="1430811977802269244">อนุญาตให้อุปกรณ์ที่มีสิทธิ์ซึ่งจะสูญเสียการรองรับจาก Android เลือกรับการอัปเดตอัตโนมัติเพิ่มเติม
หากเปิดใช้นโยบาย อุปกรณ์จะเลือกรับการอัปเดตอัตโนมัติเพิ่มเติม
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย อุปกรณ์จะหยุดรับการอัปเดตหลังจากวันสิ้นสุดการอัปเดตอัตโนมัติเดิม
นโยบายนี้มีไว้เฉพาะสำหรับรุ่นเก่าที่ไม่ได้รับการอัปเดตเพิ่มเติมโดยอัตโนมัติ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome/a/?p=extended_updates_support</translation>
<translation id="1432834104376790711">นโยบายนี้จะเปิดใช้หรือปิดใช้การตั้งค่าโหมดประหยัดแบตเตอรี่
ใน Chrome การตั้งค่านี้จะช่วยให้ระบบควบคุมอัตราเฟรมให้ใช้พลังงานน้อยลงได้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ปลายทางจะควบคุมการตั้งค่านี้ได้ใน chrome://settings/performance
ใน ChromeOS การตั้งค่านี้จะช่วยควบคุมอัตราเฟรมและความถี่ของ CPU, หรี่ไฟแบ็กไลต์ และให้ Android เข้าสู่โหมดประหยัดแบตเตอรี่ ในอุปกรณ์ที่มี CPU หลายตัว ระบบจะปิด CPU บางตัว
รายละเอียดของระดับต่างๆ มีดังนี้
<ph name="BATTERY_SAVER_MODE_DISABLED" /> (0): โหมดประหยัดแบตเตอรี่จะปิดใช้งาน
<ph name="BATTERY_SAVER_MODE_ENABLED_BELOW_THRESHOLD" /> (1): ระบบจะเปิดใช้โหมดประหยัดแบตเตอรี่เมื่ออุปกรณ์ใช้พลังงานแบตเตอรี่และระดับแบตเตอรี่เหลือน้อย
<ph name="BATTERY_SAVER_MODE_ENABLED_ON_BATTERY" /> (2): ค่านี้เลิกใช้งานไปแล้วตั้งแต่เวอร์ชัน M121 ตั้งแต่เวอร์ชัน M121 เป็นต้นไป ระบบจะถือว่าค่าเป็น EnabledBelowThreshold
</translation>
<translation id="1434300053894025056">ปิดใช้การตรวจตัวสะกด</translation>
<translation id="1435493974546396517">ควบคุมวิธีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เสนอตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> และ <ph name="MAC_OS_NAME" /> เมื่อจะพิมพ์ PDF
เมื่อพิมพ์ PDF ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> หรือ <ph name="MAC_OS_NAME" /> บางครั้งงานพิมพ์ต้องมีการแรสเตอร์เป็นรูปภาพสำหรับเครื่องพิมพ์บางรุ่นเพื่อให้งานที่ออกมามีลักษณะถูกต้อง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพในตัวอย่างก่อนพิมพ์เมื่อจะพิมพ์ PDF
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่เสนอตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพแก่ผู้ใช้ในตัวอย่างก่อนพิมพ์ และจะพิมพ์ PDF ตามปกติโดยไม่ทำการแรสเตอร์เป็นรูปภาพก่อนส่งไปยังปลายทาง</translation>
<translation id="1435659902881071157">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับอุปกรณ์</translation>
<translation id="143649776386947790">ใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้น</translation>
<translation id="1438739959477268107">การตั้งค่าการสร้างคีย์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1440408958042020947">อนุญาตให้ผู้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์เข้าถึงรูปภาพและวิดีโอล่าสุดที่ถ่ายในโทรศัพท์ของตน</translation>
<translation id="1443532790824582949">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัส</translation>
<translation id="1449083855104537880">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะแสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ตัวเลือกดังกล่าวจะไม่แสดงในเมนู
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษจะไม่แสดงในเมนู แต่ผู้ใช้ทำให้ตัวเลือกปรากฏได้จากหน้าการตั้งค่า
หากคุณเปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยวิธีอื่นๆ (เช่น ด้วยการกดแป้นร่วมกัน) ตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษจะแสดงในเมนูถาดระบบเสมอ</translation>
<translation id="1449777485284610883">อนุญาตให้ติดตั้งและอัปเดตส่วนขยายที่โฮสต์นอก Chrome เว็บสโตร์</translation>
<translation id="1451113827539677573">ควบคุมวิธีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พิมพ์ใน <ph name="MS_WIN_NAME" />
เมื่อสั่งพิมพ์ไปยังเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ PostScript ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> บางครั้งงานพิมพ์จะต้องมีการแรสเตอร์เพื่อให้พิมพ์ได้อย่างถูกต้อง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เต็ม" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแรสเตอร์แบบเต็มหน้าหากจำเป็น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เร็ว" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะหลีกเลี่ยงการแรสเตอร์หากทำได้ เพราะการลดปริมาณการแรสเตอร์จะช่วยลดขนาดของงานพิมพ์และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอยู่ในโหมด "เต็ม"</translation>
<translation id="1455351936334569779">ระบบจะปิดใช้เครื่องพิมพ์ที่มีประเภทตรงกับในรายการปฏิเสธไม่ให้ค้นพบหรือดึงข้อมูลความสามารถได้
การใส่ประเภทเครื่องพิมพ์ทั้งหมดไว้ในรายการปฏิเสธจะปิดใช้การพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากจะทำให้ไม่มีปลายทางให้ส่งเอกสารไปพิมพ์
ในเวอร์ชันก่อน 102 การรวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในรายการปฏิเสธจะมีผลเหมือนกับการตั้งค่านโยบาย <ph name="POLICY_CLOUDPRINTSUBMITENABLED" /> เป็น "เท็จ" หากต้องการให้ค้นพบปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ จะต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="POLICY_CLOUDPRINTSUBMITENABLED" /> เป็น "จริง" และต้องไม่รวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในรายการปฏิเสธ เริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน 102 ระบบจะไม่รองรับปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> และจะไม่ปรากฏไม่ว่าค่านโยบายจะเป็นอย่างไร
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า จะทำให้ค้นพบเครื่องพิมพ์ทุกประเภทได้
เครื่องพิมพ์ส่วนขยายเรียกอีกอย่างว่าปลายทางผู้ให้บริการการพิมพ์ โดยจะมีปลายทางทั้งหมดที่เป็นของส่วนขยาย <ph name="PRODUCT_NAME" />
เครื่องพิมพ์ในพื้นที่เรียกอีกอย่างว่าปลายทางการพิมพ์เฉพาะที่ โดยจะมีปลายทางที่พร้อมใช้งานสำหรับคอมพิวเตอร์ในพื้นที่และเครื่องพิมพ์ของเครือข่ายที่แชร์</translation>
<translation id="1456822151187621582">Windows (ไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />):</translation>
<translation id="1464848559468748897">ควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์บนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักหรือผู้ใช้รองในเซสชันหลายโปรไฟล์ได้
หากกำหนดนโยบายเป็น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักได้เท่านั้นในเซสชันหลายโปรไฟล์
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorNotAllowed" ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าร่วมเซสชันหลายโปรไฟล์
หากคุณทำการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแทนที่ได้
หากการตั้งค่ามีการเปลี่ยนแปลงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เซสชันหลายโปรไฟล์ ผู้ใช้ทั้งหมดในเซสชันจะได้รับการตรวจสอบเทียบกับการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องของพวกเขา เซสชันจะปิดลงหากมีผู้ใช้รายใดรายหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเซสชันอีกต่อไป
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการโดยองค์กรและ "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="1465619815762735808">คลิกเพื่อเล่น</translation>
<translation id="1467633031685836974">ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นำทาง URL จากไฮเปอร์ลิงก์และแถบที่อยู่ไปยังข้อความเป้าหมายที่เจาะจงภายในหน้าเว็บได้ ซึ่งหน้าเว็บจะเลื่อนไปยังตำแหน่งดังกล่าวเมื่อโหลดเสร็จแล้ว
หากเปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การเลื่อนหน้าเว็บไปยัง Fragment ของข้อความที่เจาะจงผ่าน URL
หากคุณปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การเลื่อนหน้าเว็บไปยัง Fragment ของข้อความที่เจาะจงผ่าน URL</translation>
<translation id="1468702975912409463">ให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลเปิด URL ฝั่งโฮสต์ในเบราว์เซอร์ไคลเอ็นต์ในเครื่อง</translation>
<translation id="1474273443907024088">ปิดใช้ TLS False Start</translation>
<translation id="1477934438414550161">TLS 1.2</translation>
<translation id="1478529725439951221">คุณจะเปิดใช้หรือปิดใช้ผู้ให้บริการการทำงานอัตโนมัติของ UI ได้ผ่านเฟรมเวิร์กรูปแบบต่างๆ</translation>
<translation id="1479427764273213107">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดรายการอุปกรณ์ USB ที่ผู้ใช้จะปลดออกจากไดรเวอร์ Kernel เพื่อใช้งานผ่าน chrome.usb API ในเว็บแอปโดยตรงได้ รายการต่างๆ เป็นการจับคู่ระหว่างตัวระบุผู้ให้บริการ USB และตัวระบุผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะระบุฮาร์ดแวร์ที่เจาะจง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย รายการอุปกรณ์ USB ที่ปลดออกได้จะว่างเปล่า</translation>
<translation id="1481508277421549404">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะให้ส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กรใช้ Enterprise Hardware Platform API ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะป้องกันไม่ให้ส่วนขยายใช้ API นี้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ยังมีผลกับส่วนขยายคอมโพเนนต์ด้วย เช่น ส่วนขยายบริการ Hangouts</translation>
<translation id="148194404518916594">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ "แตะเพื่อค้นหา"</translation>
<translation id="1484190167468437592">ปิดใช้เสียงแบบโมโน</translation>
<translation id="1484580923123963615">รายการที่อนุญาตซึ่งควบคุมการรายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง นโยบาย <ph name="REPORT_WEBSITE_TELEMETRY_POLICY_NAME" /> จะควบคุมประเภทการวัดและส่งข้อมูลทางไกลที่รายงาน
การตั้งค่านโยบายจะควบคุมการรายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์สำหรับ URL ในรายการที่อนุญาต หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns นโยบายนี้อนุญาตเฉพาะรูปแบบ HTTP URL และ HTTPS URL เท่านั้น</translation>
<translation id="1486021504508098388">รายงานข้อมูลแบ็กไลต์</translation>
<translation id="1487722536912664411">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />"</translation>
<translation id="1487916040416013623">การตั้งค่านโยบายจะระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดควรจะได้รับอนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวม การตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวมจะเปิดเฉพาะเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้รับคำขอตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในรายการที่ได้รับอนุญาตนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตไหม หากใช่ก็จะตอบรับคำขอ IWA หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจคำขอ IWA จากเซิร์ฟเวอร์
หมายเหตุ: คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="1488724823347505879">เปิดใช้การแชร์จากแอป Android ไปยังเว็บแอป</translation>
<translation id="1490962807364514840">อัตราการรวบรวมการวัดและส่งข้อมูลทางไกลสำหรับตัวนับรันไทม์ของ CPU ในหน่วยมิลลิวินาที</translation>
<translation id="1492223733885011596">นโยบายนี้เปิดใช้การรองรับ GIF สำหรับเครื่องมือเลือกอีโมจิบน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" เครื่องมือเลือกอีโมจิจะรองรับอีโมจิ GIF
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า เครื่องมือเลือกอีโมจิจะไม่รองรับอีโมจิ GIF
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ เครื่องมือเลือกอีโมจิจะเปิดใช้สำหรับผู้ใช้ทั่วไปแต่ปิดใช้สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="1494138678487405397">ปิดใช้คอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1497797462580613666">Download Manager จะมีตัวเลือกให้บันทึกไฟล์ไปยัง <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /></translation>
<translation id="1498640472634891941">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุรูปแบบ URL ซึ่งเจาะจงเว็บไซต์ที่จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงเครื่องพิมพ์ในเครือข่ายโดยอัตโนมัติผ่าน WebPrinting API
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_PRINTING_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_PRINTING_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="1499129134689253257">ควบคุมลักษณะการทํางานแบบใหม่ของ <ph name="OFFSET_PARENT" /></translation>
<translation id="1501644502684303995">บังคับใช้การเข้าสู่ระบบออนไลน์ในหน้าจอล็อกเท่านั้น</translation>
<translation id="1502843533062797703">เปิดใช้การบล็อกการแทรกซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="1503969899251962413">การตั้งค่านโยบายจะระบุรหัสสัญญาอนุญาต <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์นี้
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M94</translation>
<translation id="1507373253059695424">เปิดใช้หน้าจอความเป็นส่วนตัวในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้เสมอ</translation>
<translation id="1508588104835702000">ปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="1509377996969000672">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์องค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="NATIVE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง "id" หรือ "guid" ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้
* ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
* เป็นการเสริม <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY_NAME" /> และการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากไม่ตั้งค่า จะไม่มีเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์และระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="1509692106376861764">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29</translation>
<translation id="1514888685242892912">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1515230621229117540">เปิดใช้เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอย</translation>
<translation id="1515824657887788963">อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ</translation>
<translation id="1516486219683984217">ไม่อนุญาตให้ใช้การแจ้งเตือนของระบบ</translation>
<translation id="1519092983270375506">การตั้งค่าเริ่มต้นของการแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="1522425503138261032">อนุญาตให้ไซต์ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="1523282650847750947">ไม่ต้องคืนค่าเซสชันล่าสุด</translation>
<translation id="1523587744262636189">พอร์ต 10080 (เลิกบล็อกได้จนถึง 01/04/2022)</translation>
<translation id="1523774894176285446">เบราว์เซอร์สำรองที่จะเปิดสำหรับเว็บไซต์ที่กำหนดค่า</translation>
<translation id="1524243669991877602">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับบัญชี <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" /> รวมเข้ากับนโยบายระดับแมชชีน
โดยจะรวมได้เฉพาะนโยบายจากผู้ใช้ที่ปลอดภัย ผู้ใช้ที่ปลอดภัยจะเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรที่จัดการเบราว์เซอร์ของตนโดยใช้<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ระบบจะไม่สนใจนโยบายในระดับผู้ใช้อื่นๆ ทั้งหมดเสมอ
นโยบายที่จะรวมต้องตั้งค่าใน <ph name="POLICY_POLICYLISTMULTIPLESOURCEMERGELIST" /> หรือ <ph name="POLICY_POLICYDICTIONARYMULTIPLESOURCEMERGELIST" /> ด้วย ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้หากไม่ได้กำหนดค่าทั้ง 2 นโยบายที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้มีการรวมนโยบายในระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์เข้ากับนโยบายจากแหล่งที่มาอื่นๆ</translation>
<translation id="152657506688053119">รายการ URL สำรองของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1530812829012954197">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้เสมอในเบราว์เซอร์โฮสต์</translation>
<translation id="1534007181698071943">อนุญาตให้ปิดใช้ตัวแฮนเดิลเหตุการณ์ยกเลิกการโหลดโดยค่าเริ่มต้นระหว่างการเลิกใช้งาน</translation>
<translation id="1539343118617844331">โรงเรียน</translation>
<translation id="1542491165152947087">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดการตั้งค่าหัวข้อโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="1542958897137600427">เปิดใช้การจัดสรรใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="1550295162561011575">การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบกําหนดค่าการทํางานอัตโนมัติสําหรับการเปิดใช้แอปในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ โดยแอปเหล่านี้สามารถเปิดขึ้นเมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบ หรือผู้ใช้จะเปิดแอปพร้อมกันจาก Launcher ก็ได้</translation>
<translation id="1551782388466447648">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1552418937045050762">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้การแชร์ใกล้เคียงเพื่อส่งและรับไฟล์จากผู้ที่อยู่ใกล้กันได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้การแชร์ใกล้เคียงไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="1553956579506604198">บล็อกไม่ให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก</translation>
<translation id="1555248923316727072">การตั้งค่าการจัดการข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ SAML</translation>
<translation id="1556858590951401264">ไม่อนุญาตให้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง</translation>
<translation id="1557113199339446336">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์การตรวจจับและการตอบสนองแบบขยาย (XDR)
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไม่รายงานเหตุการณ์การตรวจจับและการตอบสนองแบบขยาย (XDR)</translation>
<translation id="1560279917909364275">ให้สิทธิ์แอปจดโน้ตที่อนุญาตบนหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="1561424797596341174">การลบล้างนโยบายสำหรับเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="1561967320164410511">U2F พร้อมส่วนขยายสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation>
<translation id="1562846754315919408">แสดงการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบอุปกรณ์ USB</translation>
<translation id="1567718448549957373">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะอนุญาตคำขอตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />ที่ได้รับผ่าน HTTP ที่ไม่ปลอดภัย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะห้ามไม่ให้คำขอ HTTP ที่ไม่ปลอดภัยใช้สกีมการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" /> อนุญาตเฉพาะ HTTPS ที่ปลอดภัยเท่านั้น
ระบบจะเพิกเฉยต่อการตั้งค่านโยบายนี้ (และห้ามไม่ให้ใช้แบบ<ph name="BASIC_AUTH" />เสมอ) หากนโยบาย <ph name="AUTH_SCHEMES_POLICY_NAME" /> มีการตั้งค่าและไม่รวมแบบ<ph name="BASIC_AUTH" />ไว้ด้วย</translation>
<translation id="1571604752299617930">สแกนเนอร์</translation>
<translation id="1573074208167290576">ช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้เพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตเนื้อหาผสมในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้หรือไม่
นโยบายนี้จะถูกลบล้างสำหรับรูปแบบ URL ที่เจาะจงได้โดยใช้นโยบาย "InsecureContentAllowedForUrls" และ "InsecureContentBlockedForUrls"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะสามารถเพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตเนื้อหาผสมที่บล็อกได้และปิดใช้การอัปเกรดอัตโนมัติสำหรับเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้</translation>
<translation id="1573444493980402757">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะปฏิเสธสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่างโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะจำกัดไม่ให้เว็บไซต์ดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอ
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์ได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_WINDOW_PLACEMENT_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นสิทธิ์ดังกล่าวจะเป็นไปตามค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์และอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกสิทธิ์สำหรับแต่ละเว็บไซต์</translation>
<translation id="1574258262373444557">ไม่ใช้ <ph name="AES_KL_NAME" /> เป็นอัลกอริทึมสำหรับการเข้ารหัสพื้นที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้</translation>
<translation id="1575015449587326319">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnFileDownloaded</translation>
<translation id="1583248206450240930">ใช้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1587585749332985896">ไม่อนุญาตให้ใช้โหมดไม่มีส่วนหัว</translation>
<translation id="1588240398285670601">การตั้งค่าเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="1590802206069983683">ฟีเจอร์ ThrottleDisplayNoneAndVisibilityHiddenCrossOriginIframes พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="1592334921377856028">ปิดใช้การรายงานสถานะของฮาร์ดแวร์อุปกรณ์</translation>
<translation id="1595013560176869154">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ใช้ PIN ที่ไม่รัดกุมได้ ตัวอย่างลักษณะของ PIN ที่ไม่รัดกุม ได้แก่ เลขตัวเดียวซ้ำกัน (1111), ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทีละ 1 (1234), ตัวเลขที่ลดลงทีละ 1 (4321) และ PIN ที่ใช้กันแพร่หลาย การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่ไม่รัดกุมและคาดเดาง่ายได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะได้รับคำเตือนสำหรับ PIN ที่ไม่รัดกุม ซึ่งคำเตือนดังกล่าวไม่ใช่ข้อผิดพลาดแต่อย่างใด</translation>
<translation id="1597684038583138808">เปิดใช้คำจำกัดความของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="1598258379228800626">เปิดใช้การไฮไลต์โฟกัสแป้นพิมพ์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1599424828227887013">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจงในอุปกรณ์ Android</translation>
<translation id="159946228300522107">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า Chrome จะขยายหน้าต่างแรกที่แสดงเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า Chrome อาจขยายหน้าต่างแรก โดยขึ้นอยู่กับขนาดหน้าจอ</translation>
<translation id="1600340610556453828">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ปิด Wi-Fi และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เปิดหรือปิด Wi-Fi ได้</translation>
<translation id="1601848091543601739">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมกลยุทธ์การจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
การทำงานมีทั้งหมด 4 รูปแบบ
* หน้าจอจะสลัวหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="SCREEN_DIM_FIELD_NAME" />
* หน้าจอจะดับลงหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" />
* กล่องคำเตือนจะปรากฏขึ้นหากผู้ใช้ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="IDLE_WARNING_FIELD_NAME" /> ซึ่งจะเตือนผู้ใช้ว่าจะมีการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวและจะแสดงหากการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือปิดเครื่อง
* การทำงานที่ <ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> ระบุจะเริ่มต้นหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="IDLE_FIELD_NAME" />
การทำงานแต่ละประเภทข้างต้นควรระบุการหน่วงเวลาโดยใช้หน่วยมิลลิวินาทีและต้องตั้งค่าเป็นค่าที่มากกว่า 0 เพื่อเรียกการทำงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่การหน่วงเวลามีค่าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เริ่มการทำงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการหน่วงเวลาแต่ละประเภทข้างต้น เมื่อไม่มีการตั้งค่าระยะเวลา ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น
ค่า <ph name="SCREEN_DIM_FIELD_NAME" /> จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" /> <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" /> และ <ph name="IDLE_WARNING_FIELD_NAME" /> จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ <ph name="IDLE_FIELD_NAME" />
<ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> อาจเป็นการทำงาน 1 ใน 4 กรณีต่อไปนี้
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SUSPEND" />
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_LOGOUT" />
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SHUTDOWN" />
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_DO_NOTHING" />
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> ระบบจะใช้ <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SUSPEND" />
หมายเหตุ: มีการตั้งค่าแยกต่างหากสำหรับการทำงานโดยเสียบปลั๊กและแบตเตอรี่</translation>
<translation id="1608755754295374538">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่ต้องแจ้ง</translation>
<translation id="1611394564825535541">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ของตนเองได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของตนเองไม่ได้ และจะสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่กำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วย
</translation>
<translation id="1613327425322354195">รายงานสถานะความปลอดภัยของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1615221548356595305">อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 สำหรับโฮสต์เหล่านี้แม้จะมีการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="1616280227447957376">อนุญาตให้ดำเนินการจากหน้าคำเตือน SSL ในต้นทางเฉพาะบางแห่ง</translation>
<translation id="1617235075406854669">เปิดใช้งานการนำออกเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="1620510694547887537">กล้อง</translation>
<translation id="1621245029534873770">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTOPLAY_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="162162247775156979">ปิดใช้การรายงานสถานะพื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1625700732886306811">อนุญาตให้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด</translation>
<translation id="1626379196197114720">อนุญาตให้ใช้แคชย้อนหลัง</translation>
<translation id="1628974048137236820">หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงการ์ด</translation>
<translation id="163200210584085447">รูปแบบในรายการนี้จะได้รับการจับคู่กับต้นทาง
การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบว่าตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้
เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML หากไม่พบว่าตรงกัน
ระบบจะปฏิเสธการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ และไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบสัญลักษณ์แทน</translation>
<translation id="1634770710106162474">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะระงับการแสดงคำเตือนที่ปรากฏขึ้นเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กำลังทำงานในคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการที่ไม่รองรับ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้คำเตือนปรากฏขึ้นในระบบที่ไม่รองรับ</translation>
<translation id="1634989431648355062">อนุญาตปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1635748761015837179">อนุญาตให้เขียนไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation>
<translation id="1639468541408865385">เปิดใช้แคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่มีขอบเขตทั่วไป</translation>
<translation id="1639673466479276550">เปิดใช้โปรแกรมรักษาหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1640824698339859203">เปิดใช้ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์ และย้ายการตรวจสอบสิทธิ์การใช้เว็บเซอร์วิสของผู้ใช้ไปยังอุปกรณ์ใหม่</translation>
<translation id="1641117061932613266">เปิดใช้บริการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> V2</translation>
<translation id="1641394008743444477">อนุญาตให้คุณสร้างรายการฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่จะปิดใช้
การปิดใช้ฟีเจอร์ใดๆ ในรายการนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์นั้นจากอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (UI) ไม่ได้และจะเห็นข้อความ "ปิดใช้โดยผู้ดูแลระบบ" ประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะกำหนดโดย <ph name="SYSTEM_FEATURES_DISABLE_MODE" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทั้งหมดจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นและผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์ใดก็ได้
หมายเหตุ: ขณะนี้ฟีเจอร์การสแกนปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้นผ่านแฟล็กฟีเจอร์ หากผู้ใช้เปิดใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวผ่านแฟล็กฟีเจอร์ ฟีเจอร์นี้จะยังคงปิดใช้ได้ด้วยนโยบายนี้</translation>
<translation id="1643642938972654829">อนุญาตให้เข้าถึงหน้าทดสอบนโยบาย</translation>
<translation id="1644373745741524038">ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย API ของเว็บ <ph name="REQUEST_FULLSCREEN_API_NAME" /> จำเป็นต้องเรียกใช้ด้วยท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อน ("Transient Activation") มิเช่นนั้นจะดำเนินการไม่สำเร็จ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้อาจอนุญาตให้ต้นทางบางแห่งเรียกใช้ API นี้โดยไม่ต้องมีการกระทำของผู้ใช้ก่อนตามที่อธิบายไว้ใน <ph name="AUTOMATIC_FULLSCREEN_HELP_URL" />
นโยบายนี้มีผลแทนการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้ และอนุญาตให้ต้นทางที่ตรงกันเรียกใช้ API ได้โดยไม่ต้องมีการกระทำของผู้ใช้ก่อน
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่
https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns
ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
ต้นทางที่ตรงกับทั้งรูปแบบนโยบายที่บล็อกและอนุญาตไว้จะถูกบล็อก
ต้นทางที่นโยบายหรือการตั้งค่าของผู้ใช้ไม่ได้ระบุไว้จะต้องมีการกระทำของผู้ใช้ก่อนเพื่อเรียกใช้ API นี้</translation>
<translation id="1645793986494086629">สคีมา</translation>
<translation id="1647558381546345298">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่าขนาดของแคชที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ในการจัดเก็บไฟล์สื่อที่แคชไว้ในดิสก์ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ --media-cache-size หรือไม่ก็ตาม ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ขอบเขตตายตัว แต่เป็นค่าที่แนะนำสำหรับระบบการแคช ระบบจะปัดเศษค่าที่ต่ำกว่า 2-3 เมกะไบต์
การตั้งค่าของนโยบายให้เป็น 0 จะทำให้ระบบใช้ขนาดแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ขนาดแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้ด้วยการตั้งค่าสถานะ --media-cache-size</translation>
<translation id="1648816843164517573">รายชื่อที่จะข้ามการตรวจสอบตามนโยบาย HSTS</translation>
<translation id="1651197070942919276">ไม่อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน</translation>
<translation id="1651810147727432656">บล็อกสิทธิ์การจัดการหน้าต่างในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1654087023995670109">บังคับใช้โหมดผู้เยี่ยมชมในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="1655229863189977773">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์เป็นไบต์</translation>
<translation id="1655518801232583832">เปิดใช้การแปลง DNS ของระบบนอกบริการเครือข่าย</translation>
<translation id="165769015320654523">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HID ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่กำหนด</translation>
<translation id="1659406551862245683">เปลี่ยนลักษณะการทำงานเริ่มต้นในการปรับขนาดของแป้นพิมพ์เสมือนให้ปรับขนาดวิวพอร์ตของเลย์เอาต์</translation>
<translation id="166427968280387991">พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="1670638264428789878">เปิดใช้ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="1673097259557436886">แจ้งเว็บไซต์เสมอหากไม่มีวิธีการชำระเงินที่บันทึกไว้</translation>
<translation id="1674287836076801014">SAML</translation>
<translation id="1675002386741412210">ได้รับการสนับสนุนบน:</translation>
<translation id="167514072300004091">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่อได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่อ
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="1675391557079742340">เปิดใช้การเข้ารหัสเนื้อหาด้วย <ph name="ZSTANDARD_SHORTNAME" /> สำหรับการโฆษณาในส่วนหัว "ยอมรับการเข้ารหัส"</translation>
<translation id="1678137412645922426">ควบคุมการใช้ <ph name="AES_KL_NAME" /> สำหรับการเข้ารหัสพื้นที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้ (หากรองรับ)</translation>
<translation id="1682063842123336408">ต้องมีพื้นที่ว่างในดิสก์ (หน่วยเป็น GB) เพื่อติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ การติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่สำเร็จหากอุปกรณ์มีพื้นที่ว่างในดิสก์น้อยกว่า 20 GB (ค่าเริ่มต้น)
หากตั้งค่านโยบายนี้ การติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่สำเร็จหากอุปกรณ์มีพื้นที่ว่างในดิสก์น้อยกว่าที่นโยบายกำหนดไว้</translation>
<translation id="1686952487081322272">ปิดใช้คำตอบด่วน</translation>
<translation id="1690383938831887552">ป้องกันไม่ให้โหลด Signed HTTP Exchange</translation>
<translation id="1692325295652827195">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะส่งรายงานเหตุการณ์การติดตั้งแอป Android สำคัญที่ทริกเกอร์โดยนโยบายไปยัง Google
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าระบบจะไม่บันทึกเหตุการณ์</translation>
<translation id="1692990221685273468">กําหนดว่าตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวจะบังคับใช้ข้อจํากัดที่เข้ารหัสไว้ใน Trust Anchor ที่โหลดจากร้านค้าที่เชื่อถือได้ของแพลตฟอร์มหรือไม่</translation>
<translation id="169467210981344373">ปิดใช้แคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่มีขอบเขตทั่วไป</translation>
<translation id="1696501581280568361">แนะนำการแยกโปรไฟล์</translation>
<translation id="1698810555265314018">ควบคุมความละเอียดของรูปภาพพิมพ์เมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พิมพ์ PDF ที่มีการทำแรสเตอร์
การพิมพ์ PDF โดยใช้ตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพช่วยให้ระบุความละเอียดของการพิมพ์เป็นค่าอื่นนอกเหนือจากการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์หรือค่าเริ่มต้นของ PDF ได้ ความละเอียดสูงจะทำให้เวลาในการประมวลผลและการพิมพ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ความละเอียดต่ำอาจทำให้รูปมีคุณภาพต่ำ
นโยบายนี้อนุญาตให้ระบุความละเอียดสำหรับทำแรสเตอร์ PDF เพื่อการพิมพ์โดยเฉพาะ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 หรือไม่ได้ตั้งค่าเลย จะมีการใช้ความละเอียดเริ่มต้นของระบบในระหว่างการทำแรสเตอร์รูปภาพในหน้าเนื้อหา</translation>
<translation id="1700458869527146675">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าพร็อกซีสำหรับ Chrome และแอป ARC โดยไม่พิจารณาตัวเลือกเกี่ยวกับพร็อกซีทั้งหมดที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้
การตั้งค่านโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> จะยอมรับช่องต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> สำหรับให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี
* <ph name="PROXY_PAC_URL_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> คือ URL ที่ชี้ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี
* <ph name="PROXY_PAC_MANDATORY_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> สำหรับป้องกันไม่ให้สแต็กเครือข่ายเปลี่ยนไปใช้วิธีสำรอง นั่นคือการเชื่อมต่อโดยตรงกับสคริปต์ PAC ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่พร้อมใช้งาน
* <ph name="PROXY_SERVER_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> คือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
* <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> คือรายการโฮสต์ที่จะข้ามพร็อกซี
ช่อง <ph name="PROXY_SERVER_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> เลิกใช้งานแล้วเพื่อใช้ช่อง <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" />
สำหรับ <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> หากคุณเลือกค่าต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_DIRECT" /> ระบบจะไม่ใช้พร็อกซีและจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_SYSTEM" /> ระบบจะใช้พร็อกซีของระบบและจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_AUTO_DETECT" /> ระบบจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> ระบบจะใช้ช่อง <ph name="PROXY_SERVER_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" />
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> ระบบจะใช้ช่อง <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_PAC_URL" />, <ph name="PROXY_PAC_MANDATORY_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" />
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="1700811900332333712">อนุญาตให้อุปกรณ์ขอทำ Powerwash</translation>
<translation id="1705215165572785706">ใช้ปุ่มแถวบนสุดเป็นปุ่มสำหรับสื่อ แต่ผู้ใช้จะแก้ไขได้</translation>
<translation id="1708496595873025510">ตั้งค่าข้อจำกัดการเรียกเมล็ดรูปแบบ</translation>
<translation id="1709154322133526432">เปิดใช้การตรวจสอบเบราว์เซอร์เริ่มต้นเมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="1713829924716792485">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเพื่อโอนไฟล์ระหว่างไคลเอ็นต์และโฮสต์ได้ นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเชื่อมต่อความช่วยเหลือระยะไกล ซึ่งไม่รองรับการโอนไฟล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้โอนไฟล์ไม่ได้</translation>
<translation id="1714498967590789694"><ph name="WEBVIEW_TAG_NAME" /> ในแอป Chrome ทำให้มีลักษณะการทำงานที่อยู่ระหว่างการนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" />
ลักษณะการทำงานก่อนหน้าทำให้เกิดกิจกรรม <ph name="NEWWINDOW_EVENT_NAME" /> ของ <ph name="WEBVIEW_TAG_NAME" /> (https://developer.chrome.com/docs/extensions/reference/webviewTag/#event-newwindow) เพื่อแนบหน้าต่างใหม่ไปยังองค์ประกอบ <ph name="WEBVIEW_TAG_NAME" /> ในหน้าต่างแยกต่างหากของแอปจาก <ph name="WEBVIEW_TAG_NAME" /> ที่เริ่มต้นนี้ ลักษณะการทำงานใหม่นี้จะยังคงอนุญาตให้มีการแนบนี้ได้ แต่การอ้างอิงหน้าต่างที่ส่งคืนจากการเรียกไปยัง <ph name="WINDOW_OPEN_NAME" /> ใน <ph name="WEBVIEW_TAG_NAME" /> ที่เริ่มต้นนั้นจะใช้ไม่ได้แล้ว
หากเปิดใช้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานก่อนหน้า
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า การเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานจะมีผลเมื่อเปิดตัวผ่านขั้นตอนการเผยแพร่ของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวในกรณีที่องค์กรต่างๆ ได้รับความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงนี้ เวอร์ชันที่รองรับล่าสุดของนโยบายนี้คือเวอร์ชัน 121 เราได้นำฟีเจอร์นี้ออกในเวอร์ชัน 122</translation>
<translation id="1714790754501130659">ชื่อผู้ใช้สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์บริการระบบสำหรับเข้าถึงพร็อกซีเว็บทางไกล</translation>
<translation id="171511968762040550">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เพิ่ม แก้ไข หรือนำบุ๊กมาร์กออกได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะเพิ่ม แก้ไข หรือนำบุ๊กมาร์กออกไม่ได้ แต่ยังใช้บุ๊กมาร์กที่มีได้</translation>
<translation id="1715151459541210849">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอก</translation>
<translation id="1716468109214130396">ป้องกันไม่ให้ Chrome เปิดขึ้นหากไม่ลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome</translation>
<translation id="1719033799014769396">ปิดใช้การรายงานโหมดเปิดเครื่องของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1721158690981421598">การตั้งค่านโยบายจะระบุชื่อโดเมนของโฮสต์ซึ่งจะกำหนดให้กับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงชื่อไม่ได้ ระบบจะแชร์โฮสต์ได้ต่อเมื่อใช้บัญชีที่ลงทะเบียนในชื่อโดเมนที่ระบุไว้เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่าหรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ระบบแชร์โฮสต์โดยใช้บัญชีใดก็ได้
ดู <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> เพิ่มเติม
หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะลบล้าง <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_POLICY_NAME" /> หากมี</translation>
<translation id="1721304336924950970">โหลด Login WebUI เมื่อจำเป็นเท่านั้น</translation>
<translation id="172374442286684480">อนุญาตให้ทุกไซต์ตั้งค่าข้อมูลภายในเครื่อง</translation>
<translation id="1729169799290004131">การตั้งค่านโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ โดยระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ ความสว่างหน้าจอเริ่มต้นจะปรับไปตามค่าของนโยบาย แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่านี้ได้ในภายหลัง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะไม่ส่งผลต่อการควบคุมหน้าจอของผู้ใช้หรือฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ
หมายเหตุ: ระบุค่านโยบายเป็นเปอร์เซ็นต์จาก 0 ถึง 100</translation>
<translation id="1733092875104864334">ไม่อนุญาตให้รวบรวมบันทึกข้อความ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="1733768596873041559">เปลี่ยนเส้นทางไปยัง SAML IdP โดยค่าเริ่มต้น (ต้องยืนยันผู้ใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 99 ก่อน)</translation>
<translation id="173503685261877709">นโยบายนี้ระบุวิธีลบล้างลิสต์ของชุดที่เบราว์เซอร์ใช้สำหรับฟีเจอร์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
นโยบายนี้จะลบล้างนโยบาย <ph name="FIRST_PARTY_SETS_OVERRIDES_POLICY_NAME" />
แต่ละชุดในลิสต์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของเบราว์เซอร์ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องต้องมีเว็บไซต์หลัก 1 แห่งและเว็บไซต์สมาชิกอย่างน้อย 1 แห่ง
ชุดโดเมนยังอาจมีลิสต์เว็บไซต์บริการซึ่งเป็นเจ้าของเอง รวมถึงการแมปจากเว็บไซต์หนึ่งไปยังตัวแปร ccTLD ทั้งหมด
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้ที่ https://github.com/WICG/first-party-sets
เว็บไซต์ทั้งหมดในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องต้องเป็นโดเมนที่จดทะเบียนได้และให้บริการผ่าน HTTPS แต่ละเว็บไซต์ในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ซ้ำกัน ซึ่งหมายความว่าจะลงลิสต์เว็บไซต์หนึ่งในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องได้ไม่เกิน 1 ครั้ง
เมื่อนโยบายนี้ได้รับพจนานุกรมเปล่า เบราว์เซอร์จะใช้ลิสต์แบบสาธารณะของชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจากลิสต์ <ph name="REPLACEMENTS" /> หากมีเว็บไซต์ใดอยู่ในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในลิสต์ของเบราว์เซอร์ด้วย ระบบจะนำเว็บไซต์นั้นออกจากชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของเบราว์เซอร์
หลังจากนั้นจะเพิ่มชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของนโยบายลงในลิสต์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของเบราว์เซอร์
สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมดในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องจากลิสต์ <ph name="ADDITIONS" /> หากมีเว็บไซต์ใดอยู่ในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในลิสต์ของเบราว์เซอร์ด้วย ระบบจะอัปเดตชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของเบราว์เซอร์เพื่อให้สามารถเพิ่มชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องชุดใหม่ลงในลิสต์ของเบราว์เซอร์ได้ หลังจากอัปเดตลิสต์ของเบราว์เซอร์แล้ว ระบบจะเพิ่มชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของนโยบายลงในลิสต์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของเบราว์เซอร์
ลิสต์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องของเบราเซอร์กำหนดให้เว็บไซต์ทั้งหมดในลิสต์ต้องไม่มีเว็บไซต์ใดอยู่ในชุดมากกว่าหนึ่งชุด ข้อกำหนดนี้ใช้กับทั้งลิสต์ <ph name="REPLACEMENTS" /> และลิสต์ <ph name="ADDITIONS" /> ด้วย ในทำนองเดียวกัน เว็บไซต์หนึ่งๆ จะอยู่ทั้งในลิสต์ <ph name="REPLACEMENTS" /> และลิสต์ <ph name="ADDITIONS" /> ไม่ได้
ไม่สามารถใช้ไวลด์การ์ด (*) เป็นค่าในนโยบาย และภายในชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องในลิสต์เหล่านี้
ชุดทั้งหมดที่ระบุในนโยบายจะต้องเป็นชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องที่ถูกต้อง หากไม่เป็นเช่นนั้นระบบจะส่งออกข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้อง
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="1736269219679256369">อนุญาตให้ดำเนินการจากหน้าคำเตือน SSL</translation>
<translation id="1736319469723030923">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome จะสแกนหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในระบบอยู่เป็นระยะ และหากพบ ก็จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ดังกล่าวออกไหม ระบบจะอนุญาตให้เรียกใช้การทำความสะอาด Chrome ด้วยตนเองจาก chrome://settings
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome จะไม่มีการสแกนเป็นระยะ และจะเรียกใช้ด้วยตนเองไม่ได้
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="1736990730683753958">หน้าประวัติการเข้าชมใน Chrome ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ จะไม่ปรากฏที่ chrome://history/grouped</translation>
<translation id="1740724790865999129">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการประเภทอุปกรณ์จะอนุญาตให้รวมข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่องระดับต่ำจากประเภทอุปกรณ์ที่กล่าวถึงไว้ในความคิดเห็นของผู้ใช้
รายการพิเศษ "ทั้งหมด" จะรวมอุปกรณ์ทุกประเภท รวมถึงประเภทอุปกรณ์ที่จะเพิ่มในอนาคต
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า จะไม่มีการแนบข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่องระดับต่ำไปกับความคิดเห็นของผู้ใช้
โปรดดูประเภทข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่องระดับต่ำแต่ละประเภทที่คำอธิบายของอุปกรณ์แต่ละประเภท</translation>
<translation id="1744340218280697033">ไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองเพิ่มบัญชีที่มีการควบคุมดูแล</translation>
<translation id="1751429117283165017">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_WRITE_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_WRITE_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="1755310913456007816">ใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนแบบออนไลน์ที่มีอยู่</translation>
<translation id="1760951637494635692">อนุญาต Serial API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1765503534110351026">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้ามพร็อกซีสำหรับรายชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้ที่นี่ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณระบุ <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> หรือ <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> สำหรับ <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากเลือกโหมดอื่นๆ สำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="1767673020408652620">เปิดใช้แอปแนะนำในสถานะค่าเป็นศูนย์ของช่องค้นหา</translation>
<translation id="1768225118528727376">อนุญาตสิทธิ์การจัดการหน้าต่างในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1770071413238151235">รูปแบบนาฬิการะบบ 12 ชั่วโมง</translation>
<translation id="1771024053220392089">ปิดการรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="1781356041596378058">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาแอปของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาแอปได้ หากตั้งเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาแอปด้วยการแตะหมายเลขบิลด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation>
<translation id="1781720543185538098">ระบุว่าจะแสดงแบบสำรวจในผลิตภัณฑ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้ผู้ใช้เห็นหรือไม่</translation>
<translation id="1787790976045065845">นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อตั้งค่านโยบาย <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOCK" /> หรือ <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOGOUT" /> และผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่านสมาร์ทการ์ดนำสมาร์ทการ์ดดังกล่าวออก จากนั้นนโยบายนี้จะระบุระยะเวลาเป็นวินาทีที่ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนซึ่งแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงการดำเนินการที่กำลังจะเกิดขึ้น การแจ้งเตือนนี้จะบล็อกหน้าจอ การดำเนินการจะเกิดขึ้นหลังจากที่การแจ้งเตือนนี้หมดอายุเท่านั้น ผู้ใช้ป้องกันไม่ให้เกิดการดำเนินการได้ด้วยการเสียบสมาร์ทการ์ดกลับเข้าไปก่อนที่การแจ้งเตือนจะหมดอายุ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 จะไม่มีการแสดงการแจ้งเตือนและการดำเนินการจะเกิดขึ้นทันที</translation>
<translation id="1793346220873697538">ปิดใช้การพิมพ์ด้วย PIN โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1794457906032475749">หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเลือกตัวเลือกให้เก็บข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไว้เมื่อสร้างโปรไฟล์องค์กรโดยค่าเริ่มต้น
แต่หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือปิดใช้ ตัวเลือกให้เก็บข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไว้เมื่อสร้างโปรไฟล์องค์กรจะไม่มีการเลือกไว้โดยค่าเริ่มต้น
ไม่ว่าจะกำหนดค่าแบบใด ผู้ใช้จะสามารถเลือกได้ว่าจะเก็บข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไว้หรือไม่เมื่อสร้างโปรไฟล์องค์กร
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตัวเลือกให้เก็บข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไว้ไม่พร้อมใช้งาน ซึ่งจะเกิดขึ้นหากบังคับใช้การแยกโปรไฟล์องค์กรอย่างเข้มงวด หรือหากข้อมูลมาจากโปรไฟล์ที่มีการจัดการอยู่แล้ว
</translation>
<translation id="1795105105645381965">
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" (จริง) จะทำให้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" ขอความยินยอมจากผู้ใช้ที่มีการจัดการก่อนที่จะแชร์สัญญาณของอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการเพื่อรับสิทธิ์เข้าถึง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" (เท็จ) หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" รวบรวมสัญญาณของอุปกรณ์ไม่ได้
ตัวอย่างสัญญาณของอุปกรณ์รวมถึง (แต่ไม่จำกัดเพียง) ข้อมูลระบบปฏิบัติการ รีจิสทรี และการแสดงข้อมูลไฟล์</translation>
<translation id="1797233582739332495">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation>
<translation id="1798559516913615713">อายุการใช้งานแคช GPO</translation>
<translation id="180130467244315277">นโยบายนี้ให้ผู้ดูแลระบบกำหนดค่าลำดับของภาษาที่ต้องการในการตั้งค่าของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
ลำดับของรายการจะปรากฏในลำดับเดียวกันในส่วน "เรียงลำดับภาษาตามความต้องการของคุณ" ที่ chrome://settings/languages ผู้ใช้จะนำภาษาออกหรือเปลี่ยนลำดับภาษาที่นโยบายกำหนดไว้ไม่ได้ แต่จะเพิ่มภาษาใต้รายการที่นโยบายกำหนดไว้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมภาษาสำหรับ UI และการตั้งค่าการแปล/การตรวจตัวสะกดของเบราว์เซอร์ได้เต็มที่ เว้นแต่จะมีการบังคับใช้โดยนโยบายอื่น
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ดัดแปลงรายการภาษาที่ต้องการทั้งหมดได้</translation>
<translation id="1803646570632580723">รายชื่อของแอปพลิเคชันที่ปักหมุดจะแสดงในตัวเรียกใช้งาน</translation>
<translation id="1808715480127969042">ปิดกั้นคุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1810261428246410396">อนุญาตให้ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือแบบด่วน</translation>
<translation id="1813638828646876133">เปิดใช้การส่ง PIN อัตโนมัติในหน้าจอล็อกและหน้าจอเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1813672770917912317">ให้คุณกำหนดว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเรียกใช้เครื่องมือ V8 JavaScript ที่เปิดใช้คอมไพเลอร์ JIT (Just In Time) หรือไม่
การปิดใช้ JIT ใน JavaScript อาจทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงเนื้อหาเว็บช้าลงและปิดใช้ส่วนต่างๆ ของ JavaScript รวมถึง WebAssembly การปิดใช้ JIT ใน JavaScript อาจช่วยให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงเนื้อหาเว็บในการกำหนดค่าที่ปลอดภัยขึ้น
นโยบายนี้จะถูกลบล้างสำหรับรูปแบบ URL ที่เจาะจงได้โดยใช้นโยบาย <ph name="JAVA_SCRIPT_JIT_ALLOWED_FOR_SITES_POLICY_NAME" /> และ <ph name="JAVA_SCRIPT_JIT_BLOCKED_FOR_SITES_POLICY_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการเปิดใช้ JIT ใน JavaScript</translation>
<translation id="1815386977045680976">กำหนดรายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ระบบอุปกรณ์ โดยใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_FORMAT" /> เช่น <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_EXAMPLE" /> หากต้องการอนุญาตผู้ใช้ใดก็ได้ในโดเมน ให้ใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_WILDCARD" />
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการจำกัดผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ โปรดทราบว่าการสร้างผู้ใช้ใหม่ยังคงต้องมีการกำหนดค่าของนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" /> อย่างเหมาะสม
หากมีการเปิดใช้ <ph name="DEVICE_FAMILY_LINK_ACCOUNTS_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ระบบจะอนุญาตให้เพิ่มผู้ใช้ Family Link นอกเหนือจากบัญชีที่ระบุไว้ในนโยบายนี้</translation>
<translation id="18186215616223740">เมื่อไปยังเอกสาร Office ที่จัดการโดย <ph name="BASIC_EDITOR_NAME" /> ให้บังคับดาวน์โหลดเอกสารเหล่านั้น</translation>
<translation id="1819272352048746487">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ</translation>
<translation id="1822163547472114648">การตั้งค่าสำหรับการสร้างธีมด้วย AI</translation>
<translation id="1823974945066396306">กำหนดรายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ระบบอุปกรณ์ โดยใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_FORMAT" /> เช่น <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_EXAMPLE" /> หากต้องการอนุญาตผู้ใช้ใดก็ได้ในโดเมน ให้ใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_WILDCARD" />
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการจำกัดผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ โปรดทราบว่าการสร้างผู้ใช้ใหม่ยังคงต้องมีการกำหนดค่าของนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" /> อย่างเหมาะสม
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน
</translation>
<translation id="1825583118566970564">ควบคุมการติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะบล็อกการติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก
ดูเอกสารประกอบเกี่ยวกับส่วนขยายจากภายนอกและการติดตั้งได้ที่ https://developer.chrome.com/apps/external_extensions</translation>
<translation id="1827523283178827583">ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่</translation>
<translation id="1829117241432374848">บัญชีที่จัดการต้องเป็นบัญชีหลักและไม่มีบัญชีรอง และผู้ใช้สามารถนำเข้าข้อมูลที่มีอยู่ในขณะที่สร้างบัญชี</translation>
<translation id="1829839214911753838">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลทำงานในกระบวนการที่มีสิทธิ์ <ph name="UIACCESS_PERMISSION_NAME" /> ซึ่งทำให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเดสก์ท็อปของผู้ใช้เครือข่ายภายในได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลทำงานในบริบทของผู้ใช้ และผู้ใช้ระยะไกลจะโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเดสก์ท็อปไม่ได้</translation>
<translation id="183438382744421768">นโยบายนี้ควบคุมลักษณะการทำงานของเบราว์เซอร์หลังจากลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่มีการจัดการในพื้นที่สำหรับเนื้อหา
นโยบายนี้จะลบล้าง <ph name="MANAGED_ACCOUNTS_SIGNIN_RESTRICTION_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "แนะนำ" หลังจากลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่มีการจัดการ ระบบจะขอให้ผู้ใช้ใช้โปรไฟล์ที่มีการจัดการต่อไปราวกับว่ามีการบังคับใช้ หากผู้ใช้ปฏิเสธก็อาจท่องเว็บต่อไปได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการจัดการ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บังคับใช้" ผู้ใช้จะต้องใช้งานโปรไฟล์ที่มีการจัดการต่อไปหลังจากลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่มีการจัดการ หากปฏิเสธก็จะมีการนำผู้ใช้ออกจากระบบบัญชี การบังคับใช้นี้ไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย <ph name="SIGNIN_INTERCEPTION_ENABLED_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้อาจเห็นลูกโป่งที่ขอให้สร้างโปรไฟล์ใหม่หลังจากลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่มีการจัดการ โดยผู้ใช้สามารถปิดลูกโป่งดังกล่าวและอาจท่องเว็บต่อได้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการจัดการ ทั้งนี้ลูกโป่งดังกล่าวควบคุมโดยนโยบาย <ph name="SIGNIN_INTERCEPTION_ENABLED_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้จะไม่มีผลเมื่อตั้งค่าที่ระดับแมชชีน</translation>
<translation id="1837165432382702436">ความสูงของหน้าโดยหน่วยเป็นไมโครเมตร</translation>
<translation id="1838910874018595451">การกำหนดค่าที่กรอกไว้ล่วงหน้าสำหรับตั๋ว Kerberos</translation>
<translation id="1843102210803941014">เปิดใช้เฉพาะคุกกี้และข้อมูลที่จำเป็นในการค้นหา</translation>
<translation id="1843117931376765605">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายผู้ใช้</translation>
<translation id="1844620919405873871">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับการปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="1844833120200057817">เปิดใช้การบันทึกระบบของส่วนขยาย</translation>
<translation id="1844972978764975668">อนุญาตการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อเรียกการประทับเวลาที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="1845405905602899692">การตั้งค่าคีออสก์</translation>
<translation id="1845429996559814839">จำกัดโหมดการพิมพ์ด้วย PIN</translation>
<translation id="184551219281109080">ไม่อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์การเข้ารหัสเนื้อหาด้วย <ph name="ZSTANDARD_SHORTNAME" /></translation>
<translation id="1845567452014584154">ควบคุมว่าจะให้เบราว์เซอร์ใช้ส่วนขยายซึ่งใช้ไฟล์ Manifest V2 หรือไม่
เราจะเลิกรองรับส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 และจะย้ายข้อมูลส่วนขยายทั้งหมดไปยัง V3 ในอนาคต ดูข้อมูลเพิ่มเติมและลำดับเวลาการย้ายข้อมูลได้ที่ https://developer.chrome.com/docs/extensions/mv3/mv2-sunset/
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="DEFAULT" /> (0) หรือไม่ได้ตั้งค่า เบราว์เซอร์จะโหลดส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 ตามลำดับเวลาด้านบน
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="DISABLE" /> (1) ระบบจะบล็อกการติดตั้งส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 และปิดใช้ส่วนขยายที่มีอยู่ หลังจากเลิกรองรับไฟล์ Manifest V2 โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะดำเนินการกับตัวเลือกในแนวทางเดียวกันราวกับว่าไม่ได้ตั้งค่านโยบาย
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ENABLE" /> (2) ระบบจะอนุญาตส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 ก่อนที่จะเลิกรองรับไฟล์ Manifest V2 โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะดำเนินการกับตัวเลือกในแนวทางเดียวกันราวกับว่าไม่ได้ตั้งค่านโยบาย
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ENABLE_FOR_FORCED_EXTENSIONS" /> (3) ระบบจะอนุญาตส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 ซึ่งบังคับติดตั้งแล้ว ซึ่งรวมถึงส่วนขยายที่ <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> แสดงหรือ <ph name="EXTENSION_SETTINGS_POLICY_NAME" /> ที่มี <ph name="INSTALLATION_MODE" /> "force_installed" หรือ "normal_installed" ปิดใช้ส่วนขยายอื่นๆ ทั้งหมดที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 แล้ว ตัวเลือกนี้ใช้ได้เสมอไม่ว่าสถานะการย้ายข้อมูลจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ทั้งนี้นโยบายอื่นๆ จะยังคงเป็นตัวกำหนดความพร้อมใช้งานของส่วนขยาย</translation>
<translation id="1846545322805269573">ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังของหน้าแท็บใหม่ไม่ได้</translation>
<translation id="1847960418907100918">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาทันใจด้วย POST. ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าก็จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง
นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาทันใจจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET
นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน</translation>
<translation id="1850439894606905202">เอกสารอาจอยู่ในคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้น และยังคงตั้งค่า document.domain ได้อยู่</translation>
<translation id="1851034156561932736">เปิดเสียงการชาร์จ</translation>
<translation id="1851282952069386119">ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะแชร์ผลลัพธ์จากการล้างข้อมูลด้วยฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome กับ Google</translation>
<translation id="1852294065645015766">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติ</translation>
<translation id="1855963029978337744">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุ URL ซึ่งเจาะจงเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติในการเข้าถึงอุปกรณ์ HID ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่กำหนด แต่ละรายการในลิสต์ต้องระบุทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> จึงจะมีผล มิเช่นนั้น ระบบจะไม่สนใจรายการดังกล่าว แต่ละรายการในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> ต้องมี <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และอาจมีช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การไม่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่ระบุ รายการที่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่ระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_HID_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลหากตั้งค่าไว้ แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับ URL ที่กำหนดค่าผ่าน <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากขัดแย้งกัน นโยบายนี้จะมีความสำคัญสูงกว่า <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1858775210076906272">การกำหนดค่าที่กรอกไว้ล่วงหน้าของ Kerberos</translation>
<translation id="1861206724856734193">ตั้งค่ารายการกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหล</translation>
<translation id="1862267110714201519">ปิดใช้ฟีเจอร์หน้าต่างท่องเว็บแบบส่วนตัว</translation>
<translation id="1865129144973895592">นโยบายนี้ช่วยให้สามารถเลือกใช้ชุดเหตุการณ์แพลตฟอร์มที่เลิกใช้งานและนำออกไปแล้วซึ่งเรียกว่า Mutation Event อีกครั้งได้ชั่วคราว
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้ Mutation Event จะยังคงเริ่มทำงานต่อไป แม้ว่าระบบจะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้เว็บทั่วไปก็ตาม เมื่อปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เหตุการณ์เหล่านี้อาจไม่เริ่มทำงาน
นโยบายนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวและจะถูกนำออกใน M135</translation>
<translation id="1865417998205858223">สิทธิ์ของคีย์</translation>
<translation id="1865867000796030567">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าค่าของคีย์ไฟล์ Manifest <ph name="REQUIRED_PLATFORM_VERSION" /> ของแอปคีออสก์ที่เปิดใช้งานอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 จะใช้เป็นคำนำหน้าเวอร์ชันเป้าหมายการอัปเดตอัตโนมัติ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าระบบจะไม่สนใจคีย์ไฟล์ Manifest <ph name="REQUIRED_PLATFORM_VERSION" /> และการอัปเดตอัตโนมัติจะดำเนินการไปตามปกติ
คำเตือน: อย่ามอบสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับแอปคีออสก์ เพราะอาจขัดขวางไม่ให้อุปกรณ์ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญ การมอบสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยง</translation>
<translation id="186719019195685253">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC</translation>
<translation id="1869688072690234823">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมปัจจัยของ WebAuthn ที่สามารถใช้ได้
หากต้องการอนุญาต
* ทุกปัจจัยของ WebAuthn ให้ใช้ ["all"] (รวมถึงปัจจัยที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วย)
* สำหรับ PIN เท่านั้น ให้ใช้ ["PIN"]
* สำหรับ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"]
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้ปัจจัยของ WebAuthn ใดๆ ไม่ได้เลย</translation>
<translation id="1870669000882901616">นโยบายนี้ให้ผู้ดูแลระบบสามารถระบุการตั้งค่าของเว็บแอปที่ติดตั้ง นโยบายนี้แมปรหัสเว็บแอปกับการตั้งค่าที่เฉพาะเจาะจง การกำหนดค่าเริ่มต้นทำได้โดยใช้รหัสพิเศษ <ph name="DEFAULT_SCOPE" /> ซึ่งจะมีผลกับเว็บแอปทั้งหมดที่ไม่มีการกำหนดค่าเองในนโยบายนี้
ช่อง <ph name="MANIFEST_ID_FIELD" /> คือรหัสไฟล์ Manifest ของเว็บแอป ดูวิธีการระบุรหัสไฟล์ Manifest ของเว็บแอปที่ติดตั้งได้ใน <ph name="WEB_APP_ID_REFERENCE_URL" />
ช่อง <ph name="RUN_ON_OS_LOGIN_FIELD" /> ระบุว่าเว็บแอปจะทำงานระหว่างการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการได้หรือไม่ หากตั้งค่าช่องนี้เป็น <ph name="BLOCKED" /> เว็บแอปจะไม่ทำงานระหว่างการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการและผู้ใช้จะเปิดใช้ภายหลังไม่ได้ หากตั้งค่าช่องนี้เป็น <ph name="RUN_WINDOWED" /> เว็บแอปจะทำงานระหว่างการเข้าสู่ระบบปฏิบัติการและผู้ใช้จะปิดใช้ภายหลังไม่ได้ หากตั้งค่าช่องนี้เป็น <ph name="ALLOWED" /> ผู้ใช้จะกำหนดค่าเว็บแอปให้ทำงานเมื่อเข้าสู่ระบบปฏิบัติการได้ การกำหนดค่าเริ่มต้นอนุญาตให้มีค่า <ph name="ALLOWED" /> และ <ph name="BLOCKED" /> เท่านั้น
(ตั้งแต่เวอร์ชัน 117) ช่อง <ph name="PREVENT_CLOSE_FIELD" /> จะระบุว่าควรป้องกันไม่ให้มีการปิดเว็บแอปไม่ว่าในกรณีใดก็ตามหรือไม่ (เช่น โดยผู้ใช้ ตัวจัดการงาน หรือ API ของเว็บ) คุณจะเปิดใช้ลักษณะการทำงานนี้ได้ก็ต่อเมื่อตั้งค่า <ph name="RUN_ON_OS_LOGIN_FIELD" /> เป็น <ph name="RUN_WINDOWED" /> เท่านั้น หากแอปทำงานอยู่แล้ว พร็อพเพอร์ตี้นี้จะมีผลหลังจากรีสตาร์ทแอป หากไม่ได้กำหนดช่องนี้ ผู้ใช้จะปิดแอปได้
(ตั้งแต่เวอร์ชัน 118) ช่อง <ph name="FORCE_UNREGISTER_OS_INTEGRATION" /> จะระบุว่าการผสานรวมระบบปฏิบัติการทั้งหมดสำหรับเว็บแอป เช่น ทางลัด ตัวแฮนเดิลไฟล์ ตัวแฮนเดิลโปรโตคอล จะถูกนำออกหรือไม่ หากแอปกำลังทำงานอยู่ก่อนแล้ว พร็อพเพอร์ตี้นี้จะมีผลหลังจากรีสตาร์ทแอป คุณควรดำเนินการดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอาจลบล้างการผสานรวมระบบปฏิบัติการใดก็ตามที่ตั้งค่าไว้โดยอัตโนมัติในช่วงเริ่มต้นระบบเว็บแอปพลิเคชัน ปัจจุบันใช้งานได้เฉพาะในแพลตฟอร์ม Windows, Mac และ Linux เท่านั้น</translation>
<translation id="1874719875297132073">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุผู้ใช้หรือไม่ เช่น ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ชื่อโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เส้นทางโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเส้นทางที่เรียกใช้ได้ของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="1883274744253492031">เปิดใช้การอัปเกรดเนื้อหาผสมอัตโนมัติ</translation>
<translation id="1885782360784839335">เปิดใช้การแสดงเนื้อหาโปรโมตแบบเต็มแท็บ</translation>
<translation id="1888871729456797026">โทเค็นการลงทะเบียนของนโยบายระบบคลาวด์ในเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="1889913120568244368">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หมายความว่าหาก <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ก็จะรายงานเกี่ยวกับการสแกนดังกล่าวให้ Google ทราบ โดยเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้โดย <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม แล้วส่งผลลัพธ์ไปยัง Google
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หมายความว่าหาก <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ก็จะไม่รายงานเกี่ยวกับการสแกนดังกล่าวให้ Google ทราบ ไม่ว่าค่าของ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะเป็นอะไรก็ตาม <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม แต่ไม่รายงานผลลัพธ์ให้ Google ทราบ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> รายงานเกี่ยวกับการสแกนเพื่อตรวจหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ให้ Google ทราบ โดยเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้โดย <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม และต้องการแชร์ผลลัพธ์กับ Google เพื่อช่วยในการตรวจหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในอนาคตไหม ผลลัพธ์จะมีข้อมูลเมตาของไฟล์ ส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติ และคีย์รีจิสทรีตามที่อธิบายไว้ในสมุดปกขาวเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Chrome
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="1890850749633603276">คืนค่าลักษณะการทำงานที่อนุญาตของ <ph name="WEBVIEW_TAG_NAME" /> ในแอป Chrome</translation>
<translation id="1893271062894546361">เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้ UI ตัวควบคุมการเล่นสื่อจะพร้อมใช้งานสำหรับเซสชัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่เริ่มต้นโดยอุปกรณ์อื่นๆ ในเครือข่ายภายใน
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรหรือปิดใช้ไว้ UI ตัวควบคุมการเล่นสื่อจะไม่พร้อมใช้งานสำหรับเซสชัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่เริ่มต้นโดยอุปกรณ์อื่นๆ ในเครือข่ายภายใน
หากปิดใช้นโยบาย <ph name="ENABLE_MEDIA_ROUTER_POLICY_NAME" /> ค่าของนโยบายนี้จะไม่มีผลเนื่องจากฟังก์ชันการทำงานทั้งหมดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="1894790493260633497">เปิดใช้โหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1894798677636924604">หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่กำหนดให้มีการเข้าสู่ระบบบัญชีเพื่อสร้างโปรไฟล์ใหม่แยกต่างหาก
หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่กำหนดให้มีการเข้าสู่ระบบบัญชีจากโดเมนที่ระบุไว้เพื่อสร้างโปรไฟล์ใหม่แยกต่างหาก
คุณสามารถตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงว่างเปล่า เพื่อกำหนดให้มีการเข้าสู่ระบบบัญชีทั้งหมดสำหรับการสร้างโปรไฟล์ใหม่แยกต่างหาก</translation>
<translation id="1895052641245790471">หากตั้งค่า <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> เป็น RestoreOnStartupIsURLs การตั้งค่า <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_URLS_POLICY_NAME" /> เป็นรายการ URL จะระบุ URL ที่จะเปิดขึ้น
หากไม่ได้ตั้งค่า หน้าแท็บใหม่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="1897095538209040086">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดแท็บไว้อย่างน้อย 1 แท็บหลังจากเปลี่ยนไปเป็นเบราว์เซอร์สำรอง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ปิดแท็บหลังจากเปลี่ยนไปเป็นเบราว์เซอร์สำรอง แม้ว่าจะเป็นแท็บสุดท้ายที่เปิดอยู่ ซึ่งจะปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไปเลย</translation>
<translation id="1897365952389968758">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดเรียกใช้ JavaScript</translation>
<translation id="1902043648529789224">ควบคุมตำแหน่งชั้นวาง</translation>
<translation id="1904323733389537794">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่าจะมีการตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 19 ขึ้นไป
หมายเหตุ: การตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" /> ไม่มีประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิผล</translation>
<translation id="1905061765326052857">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องใช้เครื่องเสมือนที่จำเป็นต่อการรองรับแอป Linux</translation>
<translation id="1906871416501278476">ปิดใช้บริการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และไม่ต้องเปิดเดสก์ระยะไกลเมื่อเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1907696459350079081">อย่าเปิดใช้โปรแกรมรักษาหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1910704279188129272">อนุญาตให้กำหนดข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป
ข้อจำกัดการใช้งานนำไปใช้กับแอปที่ติดตั้งไว้ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้นั้นๆ ได้
ข้อจำกัดควรส่งผ่านในรายการ |app_limits| มีข้อจำกัดได้ 1 รายการต่อแอปเท่านั้น แอปที่ไม่ได้อยู่ในรายการจะไม่มีข้อจำกัด
คุณบล็อกแอปที่จำเป็นต่อระบบปฏิบัติการไม่ได้ ระบบจะถือว่าข้อจำกัดสำหรับแอปดังกล่าวไม่มีผล
แอปมี |app_id| เป็นตัวระบุที่ไม่ซ้ำกัน เนื่องจากแอปต่างประเภทกันใช้รูปแบบรหัสที่ต่างกันได้ จึงต้องมีการระบุ |app_type| ไว้ข้าง |app_id|
ปัจจุบันการจำกัดเวลาต่อแอปรองรับเฉพาะแอป |ARC| ชื่อแพ็กเกจ Android จะใช้เป็น |app_id|
เราจะรองรับแอปพลิเคชันประเภทอื่นๆ ในอนาคต ตอนนี้คุณระบุประเภทเหล่านั้นในนโยบายได้ แต่ข้อจำกัดจะไม่มีผล
ข้อจำกัดที่ใช้ได้มี 2 ประเภทคือ |BLOCK| และ |TIME_LIMIT|
|BLOCK| ทำให้ผู้ใช้ใช้แอปไม่ได้ หากระบุ |daily_limit_mins| พร้อมกับข้อจำกัด |BLOCK| ระบบจะถือว่า |daily_limit_mins| ไม่มีผล
|TIME_LIMITS| ใช้ขีดจำกัดการใช้งานต่อวันและทำให้แอปใช้งานไม่ได้เมื่อถึงขีดจำกัดในวันนั้นๆ ขีดจำกัดการใช้งานระบุได้ใน |daily_limit_mins| และจะรีเซ็ตทุกวันตามเวลา UTC ที่ผ่านไปใน |reset_at|
นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น
นโยบายนี้เป็นส่วนเสริมของ "UsageTimeLimit" ข้อจำกัดที่ระบุไว้ใน "UsageTimeLimit" เช่น เวลาอยู่หน้าจอและเวลาเข้านอน จะมีผลไม่ว่าขีดจำกัดเวลาที่ระบุไว้ใน "PerAppTimeLimits" เป็นระยะเวลาเท่าใดก็ตาม</translation>
<translation id="1913629775420987861">แสดงกล่องคำเตือนเมื่อผู้ใช้พยายามออก</translation>
<translation id="1916266055944569995">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าส่งคืนของ Managed Configuration API สำหรับต้นทางนั้น
Managed Configuration API คือการกำหนดค่าคีย์-ค่าที่เข้าถึงผ่านการเรียกใช้ JavaScript navigator.managed.getManagedConfiguration() ได้ API นี้ใช้ได้เฉพาะกับต้นทางที่สอดคล้องกับเว็บแอปพลิเคชันที่บังคับติดตั้งแล้วผ่าน <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" />
</translation>
<translation id="1919802376548418720">ใช้นโยบาย KDC เพื่อมอบอำนาจข้อมูลเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1920046221095339924">อนุญาตเซสชันที่จัดการในอุปกรณ์</translation>
<translation id="1920772397574801429">การตั้งค่านโยบายจะระบุประเภทของบัญชีที่มาจากแอปการตรวจสอบสิทธิ์ของ Android ที่รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos) ข้อมูลนี้ควรได้รับจากซัพพลายเออร์ของแอปการตรวจสอบสิทธิ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ The Chromium Projects ( https://goo.gl/hajyfN )
การไม่ตั้งค่านโยบายจะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> ใน Android</translation>
<translation id="1923704782248889851">เปิดใช้การพิมพ์ตามคำบอก</translation>
<translation id="1924085079572112898">การตั้งค่า F11 ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="1925529914257504750">P2P สำหรับการอัปเดตอัตโนมัติเปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="1928355425032308464">เปิดใช้งานอินพุตวิดีโอ</translation>
<translation id="1930094135927166199">ปิดใช้การแชร์พลังงานผ่าน USB</translation>
<translation id="1930127294345368978">จำนวนแผ่นงานสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้สำหรับงานพิมพ์ 1 งาน</translation>
<translation id="1933378685401357864">รูปภาพวอลเปเปอร์</translation>
<translation id="1935409768874953955">การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะทํางานเสมอ</translation>
<translation id="1942626390957213764">ปิดใช้ฮับการแชร์เดสก์ท็อป</translation>
<translation id="194407941132272412">ปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด แต่อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้ได้</translation>
<translation id="1945994447126139909">นโยบายระดับองค์กรนี้มีไว้สำหรับการใช้งานในระยะสั้น และเราจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 88
นโยบาย URL ที่มาตามค่าเริ่มต้นของ Chrome เข้มงวดขึ้น จากค่า "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด" ในปัจจุบันเป็นค่า "ต้นทางที่เข้มงวดเมื่อข้ามต้นทาง" ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นผ่านการทยอยเปิดตัวที่มีเป้าหมายเป็นรุ่น Chrome 85 เวอร์ชันเสถียร
ทั้งนี้ นโยบายระดับองค์กรนี้จะไม่มีผลก่อนการเปิดตัวดังกล่าว หลังจากการเปิดตัว เมื่อเปิดใช้นโยบายระดับองค์กรนี้ นโยบาย URL ที่มาตามค่าเริ่มต้นของ Chrome จะตั้งค่าเป็น "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด" ซึ่งเป็นค่าของรุ่นก่อนหน้า
นโยบายระดับองค์กรนี้จะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1947848925128084608">ปิดใช้คอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="1949584741547056205">คำตอบด่วน</translation>
<translation id="1951288262199783797">คุณสามารถเปิดใช้นโยบายนี้เพื่อสร้างพจนานุกรมนามสกุลของไฟล์โดยใช้รายชื่อโดเมนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้รับการยกเว้นในคำเตือนการดาวน์โหลดตามนามสกุลของไฟล์ วิธีนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรบล็อกคำเตือนการดาวน์โหลดตามนามสกุลของไฟล์สำหรับไฟล์ที่เชื่อมโยงกับโดเมนที่ระบุไว้ได้ ตัวอย่างเช่น หากนามสกุล "jnlp" เชื่อมโยงกับ "website1.com" ผู้ใช้จะไม่เห็นคำเตือนเมื่อดาวน์โหลดไฟล์ "jnlp" จาก "website1.com" แต่จะเห็นคำเตือนการดาวน์โหลดเมื่อดาวน์โหลดไฟล์ "jnlp" จาก "website2.com"
ไฟล์ซึ่งมีนามสกุลที่ระบุไว้สำหรับโดเมนที่นโยบายนี้กำหนดจะยังได้รับคำเตือนด้านความปลอดภัยตามนามสกุลของไฟล์อยู่ เช่น คำเตือนการดาวน์โหลดเนื้อหาผสมและคำเตือน Google Safe Browsing
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่กำหนดค่า ประเภทไฟล์ที่ทำให้เกิดคำเตือนการดาวน์โหลดตามนามสกุลของไฟล์จะแสดงคำเตือนแก่ผู้ใช้
หากเปิดใช้นโยบายนี้
* URL ควรมีรูปแบบตามที่ระบุไว้ใน https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns
* นามสกุลของไฟล์ที่ป้อนควรเป็น ASCII ตัวพิมพ์เล็ก ไม่ควรใส่ตัวคั่นข้างหน้าเมื่อระบุนามสกุลของไฟล์ เช่น ให้ใช้ "jnlp" แทน ".jnlp"
ตัวอย่างเช่น
ค่าตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการป้องกันไม่ให้คำเตือนการดาวน์โหลดตามนามสกุลของไฟล์ swf, exe, และ jnlp แสดงเมื่อดาวน์โหลดจากโดเมน *.example.com และจะแสดงคำเตือนการดาวน์โหลดตามนามสกุลของไฟล์แก่ผู้ใช้สำหรับไฟล์ exe และ jnlp จากโดเมนอื่น แต่ไม่แสดงสำหรับไฟล์ swf
[
{ "file_extension": "jnlp", "domains": ["example.com"] },
{ "file_extension": "exe", "domains": ["example.com"] },
{ "file_extension": "swf", "domains": ["*"] }
]
โปรดทราบว่าแม้ตัวอย่างข้างต้นจะแสดงการระงับคำเตือนการดาวน์โหลดตามนามสกุลของไฟล์ "swf" จากทุกโดเมน แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้การระงับคำเตือนเช่นนี้กับทุกโดเมนสำหรับนามสกุลของไฟล์ที่เป็นอันตรายเนื่องจากข้อกังวลด้านความปลอดภัย ตัวอย่างดังกล่าวเป็นเพียงการสาธิตความสามารถในการระงับคำเตือนเท่านั้น
หากเปิดใช้นโยบายนี้ควบคู่กับ <ph name="DOWNLOAD_RESTRICTIONS_POLICY_NAME" /> และตั้งค่า DownloadRestrictions ให้บล็อกประเภทไฟล์ที่เป็นอันตราย การบล็อกการดาวน์โหลดที่กำหนดโดย DownloadRestrictions จะมีผลบังคับเหนือกว่า ตัวอย่างเช่น หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นอนุญาตการดาวน์โหลดไฟล์นามสกุล "exe" จาก "website1.com" และตั้งค่า DownloadRestrictions ให้บล็อกการดาวน์โหลดและประเภทไฟล์ที่เป็นอันตราย การดาวน์โหลดไฟล์นามสกุล "exe" ก็จะยังถูกบล็อกอยู่ในทุกโดเมน หากไม่ได้ตั้งค่า DownloadRestrictions ให้บล็อกประเภทไฟล์ที่เป็นอันตราย ประเภทไฟล์ที่ระบุไว้ในนโยบายนี้จะได้รับการยกเว้นในคำเตือนการดาวน์โหลดตามนามสกุลของไฟล์จากโดเมนที่ระบุ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DownloadRestrictions (https://chromeenterprise.google/policies/?policy=DownloadRestrictions)</translation>
<translation id="1954612656043024615">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์</translation>
<translation id="1955063069502242812">เปิดเสียงเตือนแบตเตอรี่ต่ำ</translation>
<translation id="1955806069704957172">ควบคุมการตั้งค่าสำหรับ Desk Connector API</translation>
<translation id="1957093168333856467">ปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="1960059835237529462">อนุญาตให้แสดงโปรโมชันการให้คะแนนของ App Store สำหรับ <ph name="IOS_NAME" /> แก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="1960416154405676350">เปิดใช้การค้นหาภูมิภาคของ <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1961091374249454164">นโยบายนี้ใช้กับเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการเท่านั้น
การตั้งค่านโยบายจะเป็นการระบุรายการรหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากขั้นตอนการล้างข้อมูลเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแบบจำกัด (ดู <ph name="DEVICE_RESTRICTED_MANAGED_GUEST_SESSION_ENABLED_POLICY_NAME" />)
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่าไม่มีการยกเว้นส่วนขยายใดๆ จากขั้นตอนการรีเซ็ต</translation>
<translation id="1962273523772270623">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="1962864958436828230">ตั้งขีดจำกัดข้อมูลขนาดเล็กสำหรับข้อจำกัดของคลิปบอร์ดเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล</translation>
<translation id="1964191545419036999">แกลเลอรี (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 117)</translation>
<translation id="1964634611280150550">ปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="1964802606569741174">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป YouTube ของ Android หากมีการใช้โหมดปลอดภัยใน YouTube ควรยกเลิกการอนุญาตการติดตั้งแอป YouTube ใน Android</translation>
<translation id="1964985353230379667">ระบุการกำหนดค่าที่แนะนำของ <ph name="KRB5_CONFIG" /> สำหรับตั๋วใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง
หากเปิดใช้นโยบาย "KerberosUseCustomPrefilledConfig" ระบบจะใช้ค่าของนโยบายเป็นการกำหนดค่าที่แนะนำ และแสดงในส่วน "ขั้นสูง" ของกล่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos การตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงว่างเปล่าหรือไม่ได้ตั้งค่า จะเป็นการลบการกำหนดค่าที่แนะนำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากปิดใช้นโยบาย "KerberosUseCustomPrefilledConfig" จะไม่มีการใช้ค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="1967820716244187368">อนุญาตให้ใช้ Chrome สำหรับการทดสอบ</translation>
<translation id="1969212217917526199">ลบล้างนโยบายในเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล
ค่านี้จะได้รับการแยกวิเคราะห์เป็นพจนานุกรม JSON ของชื่อนโยบายไปยังการจับคู่ค่านโยบาย</translation>
<translation id="1969808853498848952">เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์เสมอ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="1970146489334493241">การตั้งค่าการจัดการพลังงานจะมีผลต่อเมื่ออุปกรณ์ทำงานโดยเสียบปลั๊กเท่านั้น</translation>
<translation id="1971991630422430420">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อจุดเข้าใช้งานแบบไร้สายรองรับ การตั้งค่านี้จะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว</translation>
<translation id="1972134432340252414">บล็อกจุดขยายสัญญาณเดิมในกระบวนการของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="1977581177449752640">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์ที่มีชื่อของผู้ออกใบรับรองที่กำหนดเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_VALIDATION_URL_POLICY_NAME" /> หากต้องการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์ทั้งหมดที่ใช้งานได้ ให้ตั้งค่าเป็น <ph name="WILDCARD_VALUE" /> หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="1984934843478301531">การทํางานอัตโนมัติของการเปิดแอป</translation>
<translation id="1985545260037812875">แสดงหน้าจอการตั้งค่าขนาดการแสดงผลระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="1985598967415986700">การลด User Agent จะควบคุมได้ผ่านช่วงทดลองใช้งานภาคสนามและช่วงทดลองใช้จากต้นทาง</translation>
<translation id="1987789058026551147">เปิดใช้การรายงานเซสชันคีออสก์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1988345404999458987">ระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่พร้อมใช้งาน
นโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เป็นไฟล์ JSON ได้
โดยที่ไฟล์ดังกล่าวต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB และต้องมีอาร์เรย์ของระเบียน (ออบเจ็กต์ JSON) ระเบียนแต่ละรายการต้องมีช่อง "id", "url" และ "display_name" ที่มีสตริงเป็นค่า ค่าของช่อง "id" ต้องไม่ซ้ำกัน
ระบบจะดาวน์โหลดและเก็บแคชของไฟล์ไว้ และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด โดยจะมีการดาวน์โหลดไฟล์อีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะพยายามค้นหาเครื่องพิมพ์ที่พร้อมใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่ระบุโดยใช้โปรโตคอล IPP
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าที่ไม่ถูกต้อง ผู้ใช้จะไม่เห็นเครื่องพิมพ์ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเตรียมไว้ทุกเครื่อง
ขณะนี้มีการจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ไว้ที่ 16 เซิร์ฟเวอร์ ระบบจะค้นหาเครื่องพิมพ์จากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ 16 เซิร์ฟเวอร์แรกในรายการเท่านั้น
นโยบายนี้คล้ายกับ <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> ยกเว้นเพียงแต่ว่านโยบายนี้ใช้กับอุปกรณ์
</translation>
<translation id="199011295049694531">รายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์ที่ตั้งไว้ในปัจจุบัน</translation>
<translation id="1990784382342293892">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="NATIVE_MESSAGING_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="1995744620192427843">การตั้งค่านโยบายจะทำให้หน้าเว็บที่มี URL ต้องห้ามโหลดไม่ได้ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ (เช่น ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก) โดยจะมีรายการรูปแบบ URL ที่ระบุ URL ต้องห้ามไว้ การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการห้าม URL ใดเลยในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ ให้จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format )
สามารถกำหนดข้อยกเว้นสำหรับรูปแบบเหล่านี้ได้ในนโยบายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็คือ <ph name="DEVICE_AUTHENTICATION_URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />
จำเป็นต้องใช้ URL บางรายการเพื่อให้การตรวจสอบสิทธิ์ประสบความสำเร็จ ซึ่งรวมถึง accounts.google.com ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรบล็อก URL เหล่านั้นหากต้องมีการลงชื่อเข้าใช้ออนไลน์
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลกับ URL JavaScript ในหน้าเว็บที่มีข้อมูลที่โหลดแบบไดนามิก หากคุณบล็อก example.com/abc ไว้ example.com จะยังคงโหลดโดยใช้ XMLHTTPRequest ได้</translation>
<translation id="199764499252435679">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1997943707974344423">อนุญาตให้ใช้ Smart Lock</translation>
<translation id="1998504583649140526">การตั้งค่าคำขอเครือข่ายส่วนตัว</translation>
<translation id="1999000620918508488">บังคับให้หน้าจอลงชื่อเข้าใช้แสดงหรือซ่อนข้อมูลของระบบ</translation>
<translation id="1999401210569035434">อนุญาตส่วนขยายที่ไม่ได้เผยแพร่</translation>
<translation id="1999942889260716089">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดการแนะนำการค้นหาในแถบที่อยู่ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดการแนะนำการค้นหาเหล่านี้
คำแนะนำที่อิงตามบุ๊กมาร์กหรือประวัติการเข้าชมจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า การแนะนำการค้นหาจะเปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="2000937390924915996">ไม่เรียกใช้การทำความสะอาดดิสก์อัตโนมัติในระหว่างเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2004382785802837840">ปิดใช้การปิดการแจ้งเตือนรหัสผ่านที่ถูกละเมิด</translation>
<translation id="2005506794355327448">การดำเนินการที่จะทำเมื่อปิดฝา</translation>
<translation id="2006530844219044261">การจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="2006954055163088863">ถือว่าผู้ใช้ไม่มีการใช้งานขณะเล่นวิดีโอ</translation>
<translation id="2008514891623783266">นโยบายการจัดการ IP ของ WebRTC</translation>
<translation id="201153120366509312">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "อนุญาต" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตการรวบรวมเมตริกซึ่งผูกกับ URL
หากผู้ใช้อนุญาตและเปิดใช้การรวบรวมเมตริกซึ่งผูกกับ URL เอาไว้ ข้อมูลนี้จะส่ง URL ของหน้าเว็บที่ผู้ใช้เข้าชม รวมถึงสถิติการใช้งานแต่ละหน้าไปยัง Google เพื่อช่วยให้การค้นหาและการท่องเว็บดีขึ้น
นอกจากนี้ เมตริกซึ่งผูกกับ URL ยังรวมถึงตัวระบุและสถิติการใช้งานคอมโพเนนต์อื่นๆ ในเบราว์เซอร์ที่สามารถแก้ไขหรือแสดงเนื้อหาได้อย่างเช่นส่วนขยายต่างๆ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่อนุญาต" ผู้ใช้จะเปิดใช้การรวบรวมเมตริกซึ่งผูกกับ URL ไม่ได้</translation>
<translation id="2012296492055302633">เปิดใช้หน้าจอความเป็นส่วนตัวเสมอ</translation>
<translation id="2014757022750736514">ควบคุมลักษณะการทำงานของหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบบัญชี การตั้งค่ารวมไปถึงผู้ที่ลงชื่อเข้าสู่ระบบได้ ประเภทบัญชีที่อนุญาต วิธีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ควรใช้ ตลอดจนการช่วยเหลือพิเศษทั่วไป วิธีการป้อนข้อมูล และการตั้งค่าภาษา</translation>
<translation id="201557587962247231">ความถี่ในการอัปโหลดรายงานสถานะของอุปกรณ์</translation>
<translation id="2016031354108680330">เปิดใช้การเข้าถึงรูทของเครื่องเสมือนใน Linux</translation>
<translation id="2017301949684549118">URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้งแบบเงียบ</translation>
<translation id="2017459564744167827">ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสคีมาและการจัดรูปแบบได้ที่ <ph name="REFERENCE_URL" /></translation>
<translation id="2018425641414671849">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นสื่อเมื่ออุปกรณ์ล็อกอยู่</translation>
<translation id="2021087124402050619">อนุญาตให้ฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome สแกนระบบเป็นระยะและอนุญาตการสแกนด้วยตนเอง</translation>
<translation id="2022842553416990270">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M114 นโยบายดังกล่าวมีไว้เพื่อปิดใช้ CECPQ2 แต่ CECPQ2 ปิดใช้ไว้แล้วโดยค่าเริ่มต้น เราจะนำนโยบายแยกต่างหากมาใช้เพื่อควบคุมการเปิดตัวที่จะมาแทนที่ CECPQ2 การแทนที่ดังกล่าวจะเป็นการรวม X25519 ซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์แบบมาตรฐานเข้ากับ KEM หลังยุคควอนตัมซึ่ง NIST เลือกไว้ที่เรียกว่า "Kyber"
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำตามกระบวนการเปิดตัวเริ่มต้นของ CECPQ2 ซึ่งเป็นอัลกอริทึมข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์หลังยุคควอนตัมใน TLS
CECPQ2 ส่งผลให้ข้อความ TLS มีขนาดใหญ่ขึ้น ในบางกรณีซึ่งพบได้ไม่บ่อยนักอาจกระตุ้นให้เกิดข้อบกพร่องในฮาร์ดแวร์เครือข่ายบางอย่าง คุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เพื่อปิดใช้ CECPQ2 ได้ในระหว่างแก้ไขปัญหาเครือข่าย
นโยบายนี้เป็นมาตรการชั่วคราวและจะถูกนำออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันต่อๆ ไป</translation>
<translation id="2024476116966025075">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2026749017601510117">กำหนดค่าเวลาเป็นวินาทีที่ต้องการให้อุปกรณ์รอเมื่อไม่มีการใช้งานก่อนแสดงภาพพักหน้าจอสำหรับหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1-9,999 วินาที การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 7 วินาที
นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ หากตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="2029985289397958781">ปิดใช้การค้นหาที่ได้รับความช่วยเหลือจากกล้อง <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร</translation>
<translation id="2030905906517501646">คีย์เวิร์ดของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="203096360153626918">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป Android โดยแอปยังสามารถเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอได้แม้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="FALSE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="2031074619942406753">ปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัส</translation>
<translation id="2032848225007871645">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ปลดล็อกหน้าจอล็อกได้
หากต้องการอนุญาต
* โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] (รวมถึงโหมดที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วย)
* สำหรับการปลดล็อกด้วย PIN เท่านั้น ให้ใช้ ["PIN"]
* สำหรับ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"]
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="QUICK_UNLOCK_MODE_ALLOW_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2033200857253268661">การตั้งค่า F12 ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="2035995535603698706">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้รูปภาพของบุคคลที่สามในหน้าเว็บแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้รูปภาพของบุคคลที่สามแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์ไม่ได้
โดยทั่วไปแล้วจะ "ปิดใช้" นโยบายนี้เพื่อป้องกันฟิชชิง</translation>
<translation id="2036522553891755455">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้การสำรวจพื้นที่แชร์ (ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ใช้ <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อสำรวจพื้นที่แชร์ในเครือข่าย การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การสำรวจพื้นที่แชร์ไม่ใช้โปรโตคอลนี้ในการสำรวจพื้นที่แชร์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ลักษณะการทำงานตามค่าเริ่มต้นเป็น "ปิด" สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเป็น "เปิด" สำหรับผู้ใช้อื่นๆ</translation>
<translation id="2039801473506609891">ปิดใช้การรองรับ HTTP/0.9 ในพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="2040479044912658454">โหมดการแรสเตอร์งานพิมพ์</translation>
<translation id="2042513383871755994">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_READ_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_READ_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="2043749682619281558">เปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2043770014371753404">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation>
<translation id="2054093043033461396">เปิดใช้หน้าจอการเข้าสู่ระบบสำหรับโปรแกรมรักษาหน้าจอของอุปกรณ์แล้ว</translation>
<translation id="2057317273526988987">อนุญาตให้เข้าถึงรายการ URL</translation>
<translation id="2058055310819710697">เปิดใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับแอปที่แยกไว้</translation>
<translation id="205807990145127714">ข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลที่จะรายงานในเหตุการณ์ความแรงสัญญาณ</translation>
<translation id="2060153898336610735">อัตโนมัติโดยอิงตามภาษาในปัจจุบัน</translation>
<translation id="2061123930713023976">อนุญาตการแก้ไขข้อบกพร่องด้วยการบันทึกแพ็กเก็ตเครือข่าย</translation>
<translation id="2061810934846663491">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2062632109797189011">เปิดใช้ window.webkitStorageInfo API ที่เลิกใช้งานแล้วอีกครั้ง</translation>
<translation id="2069350366303315077">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะบังคับใช้เซสชันผู้เยี่ยมชมและป้องกันการลงชื่อเข้าใช้โปรไฟล์ การลงชื่อเข้าใช้ของผู้เยี่ยมชมเป็นโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้", ไม่ตั้งค่านโยบาย หรือปิดใช้โหมดผู้เยี่ยมชมของเบราว์เซอร์ (ผ่าน <ph name="BROWSER_GUEST_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" />) จะทำให้ใช้โปรไฟล์ใหม่และโปรไฟล์ที่มีอยู่ได้</translation>
<translation id="2070744136203607632">ไม่ทำการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS</translation>
<translation id="2072613440623913880">เปิดใช้การคลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2073552873076775140">อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2075732129949889165">Crostini Ansible Playbook</translation>
<translation id="2076158466157390917">ควบคุมการทำความสะอาดอัตโนมัติในระหว่างเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2077273864382355561">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2081969239334697268">
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดใช้การอัปเดตแอป Chrome Kiosk ในเซสชัน (ซึ่งใช้ URL อัปเดตจากไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย) และให้เพียงแค่ CRX ดึงข้อมูลล่วงหน้าได้ตามกลไกการอัปเดต
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้อัปเดตแอป Chrome Kiosk ในเซสชัน
</translation>
<translation id="2082205219176343977">กำหนดค่าเวอร์ชัน Chrome ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation>
<translation id="20838788335877967">ปิดใช้การรายงานข้อมูลการระบุตัวตนของผู้ใช้</translation>
<translation id="208566302163036794">บล็อกฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation>
<translation id="208623333578980446">อนุญาต Wake Lock สำหรับหน้าจอเพื่อการจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="2089541797660774692">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="2090712407517297305">หน้าประวัติการเข้าชมใน Chrome ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ จะปรากฏที่ chrome://history/grouped</translation>
<translation id="2090939118981888335">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้พร็อกซีการบีบอัดข้อมูลทำงาน การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้พร็อกซีไม่ทำงาน
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกใช้ฟีเจอร์ได้</translation>
<translation id="2093552723795057221">อย่ารายงานสถานะเสียง</translation>
<translation id="209388704279338003">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2093951844062548778">นโยบายนี้ให้สิทธิ์ฟีเจอร์คำตอบด่วนในการเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อรับผลคำจำกัดความ
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้คำจำกัดความของคำตอบด่วน
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้คำจำกัดความของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="2095778449451007308">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้เปิดใช้โหมด HTTPS เท่านั้น (ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยทุกครั้ง) ในการตั้งค่าได้หรือไม่ โหมด HTTPS เท่านั้นจะอัปเกรดการนำทางทั้งหมดให้เป็นแบบ HTTPS
หากไม่ได้ตั้งค่านี้หรือตั้งค่าเป็นอนุญาต ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้เปิดใช้โหมด HTTPS เท่านั้น
หากตั้งค่านี้เป็นไม่อนุญาต ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดใช้โหมด HTTPS เท่านั้น
หากตั้งค่านี้เป็น force_enabled ระบบจะเปิดใช้โหมด HTTPS เท่านั้น และผู้ใช้จะปิดใช้การตั้งค่านี้ไม่ได้
ระบบรองรับการบังคับให้เปิดใช้โหมด HTTPS เท่านั้นในเวอร์ชัน M112 เป็นต้นไป
ฟีเจอร์นี้จะใช้นโยบาย <ph name="HTTP_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อยกเว้นชื่อโฮสต์หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ที่ต้องการไม่ให้อัปเกรดเป็น HTTPS ได้</translation>
<translation id="209586405398070749">เวอร์ชันเสถียร</translation>
<translation id="2096932573113293941">ขอสิทธิ์เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์จากผู้ใช้</translation>
<translation id="2098658257603918882">เปิดใช้งานการรายงานการใช้และข้อมูลเกี่ยวกับการขัดข้อง</translation>
<translation id="2099380339157427935">ไม่แสดงปุ่มออกจากระบบในถาดระบบ</translation>
<translation id="2100630160869631650">เพิ่มบัญชี Kerberos ที่กรอกไว้ล่วงหน้า หากข้อมูลเข้าสู่ระบบ Kerberos ตรงกับข้อมูลของการเข้าสู่ระบบ คุณจะกำหนดค่าบัญชีให้นำข้อมูลของการเข้าสู่ระบบมาใช้ใหม่ได้โดยระบุ "<ph name="LOGIN_EMAIL_PLACEHOLDER" />" และ "<ph name="PASSWORD_PLACEHOLDER" />" สำหรับผู้ใช้หลักและรหัสผ่านตามลำดับ เพื่อให้ดึงข้อมูลตั๋ว Kerberos ได้โดยอัตโนมัติ เว้นแต่มีการกำหนดค่าการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย ผู้ใช้จะแก้ไขบัญชีที่เพิ่มผ่านนโยบายนี้ไม่ได้
หากเปิดใช้นโยบายนี้ จะมีการเพิ่มรายการบัญชีที่นโยบายกำหนดลงในการตั้งค่าบัญชี Kerberos
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเพิ่มบัญชีลงในการตั้งค่าบัญชี Kerberos และระบบจะนำบัญชีทั้งหมดที่นโยบายนี้เพิ่มไว้ก่อนหน้านี้ออก ผู้ใช้อาจยังเพิ่มบัญชีด้วยตนเองได้หากเปิดใช้นโยบาย "ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos ได้"</translation>
<translation id="2104418465060359056">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน</translation>
<translation id="210652463860415362">การยอมรับเนื้อหาเว็บจะใช้ฟีเจอร์การส่งพจนานุกรมการบีบอัด</translation>
<translation id="2106627642643925514">ลบล้างโหมดการพิมพ์ด้วย PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้</translation>
<translation id="2107563874993284076">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ช่วยให้ผู้ใช้ใช้พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้</translation>
<translation id="2107601598727098402">
นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M72 โปรดใช้ CloudManagementEnrollmentToken แทน
</translation>
<translation id="2112656109118682849">อนุญาตให้ผู้ใช้สลับการแสดงข้อมูลของระบบในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="2113068765175018713">จำกัดเวลาใช้งานของอุปกรณ์โดยการรีบูตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2116169546538119304"> นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดกำหนดค่านโยบาย Kerberos เพื่อนำรหัสผ่านการเข้าสู่ระบบมาใช้ซ้ำแทน</translation>
<translation id="2117990069872855599">URL ที่ระบบไปดาวน์โหลดรูปโปรไฟล์ได้</translation>
<translation id="2124881675920287921">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M82 และได้นำออกจาก M85 โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> แทน การปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_OPT_IN_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เทียบเท่ากับการปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> การเปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_OPT_IN_ALLOWED_POLICY_NAME" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเทียบเท่ากับการไม่ได้ตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" />
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะทำให้ผู้ใช้เลือกส่งข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าเว็บบางอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ไม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะส่งข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าเว็บบางอย่างไปยัง Google Safe Browsing เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="2127599828444728326">อนุญาตการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2131902621292742709">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2131915994539959070">เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่างที่ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจพบเวลาที่หน้าต่างใดก็ตามถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่และระงับการระบายสีพิกเซล ทั้งนี้เพื่อลดการใช้ CPU และพลังงาน
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจหาว่ามีหน้าต่างใดถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่หรือไม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจหาการบัง</translation>
<translation id="2132424782557550556">กำหนดค่านโยบายการรายงานในระบบคลาวด์
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายเหล่านี้จะไม่มีผล
นโยบายเหล่านี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2134437727173969994">อนุญาตให้ล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="2135335181634291106">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ICON_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของไอคอนรายการโปรดของผู้ให้บริการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ICON_URL_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีไอคอนสำหรับผู้ให้บริการค้นหารายนั้น</translation>
<translation id="2136073175041447267">กำหนดค่าไดรฟ์ในระบบคลาวด์ (Google ไดรฟ์, Microsoft OneDrive) ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2144236546337326489">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การทำงานอย่างต่อเนื่องในฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="2145735238144543545">ต้องมีใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="2146103669166779785">ระบบจะใช้สีแบบเลขฐานสิบหกเพื่อสร้างธีมและนำไปใช้กับเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="2148733583160916305">อนุญาต WebPrinting API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2148769554831004951">บังคับให้ WebSQL เปิดใช้งาน</translation>
<translation id="214901426630414675">จำกัดโหมดพิมพ์ 2 ด้าน</translation>
<translation id="2149330464730004005">เปิดใช้การพิมพ์สี</translation>
<translation id="2149592087996467903">ป้องกันไม่ให้ WebRTC ใช้ TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย</translation>
<translation id="2149957154942061013">ใช้ภายในเท่านั้น</translation>
<translation id="2151831603578119302">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="2156132677421487971">กำหนดค่านโยบายต่างๆ สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ส่งเนื้อหาในแท็บ ไซต์ หรือเดสก์ท็อปจากเบราว์เซอร์ไปยังจอแสดงผลและระบบเสียงระยะไกลได้</translation>
<translation id="2156755242840687300">เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกที่เปิดใช้</translation>
<translation id="2157842368188031417">นโยบายนี้ใช้กับเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการเท่านั้น ต้องเปิดใช้สำหรับโหมดเวิร์กสเตชันที่ใช้ร่วมกันของ Imprivata เพื่ออนุญาตให้สลับผู้ใช้ในเซสชัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะบังคับให้ลบล้างนโยบายบางรายการสำหรับฟีเจอร์ต่างๆ ซึ่งการลบล้างนี้จะยังคงเก็บข้อมูลผู้ใช้ที่มีความละเอียดอ่อนไว้ และไม่ได้รับการจัดการโดยกลไกการล้างข้อมูลที่ใช้สำหรับการสลับผู้ใช้ในเซสชันด้วยโหมดเวิร์กสเตชันที่ใช้ร่วมกันของ Imprivata
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ลบล้างนโยบายใดๆ</translation>
<translation id="2158741059065130266">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ทำให้ผู้ใช้แอป Files ของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" สามารถดูถังขยะและไฟล์ในส่วน "ไฟล์ของฉัน" และ "รายการที่ดาวน์โหลด" (รวมถึงองค์ประกอบสืบทอดที่ผู้ใช้สร้างขึ้น) ที่ระบบจะส่งไปเพื่อลบได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ไฟล์ที่อยู่ในถังขยะก่อนหน้านี้จะยังคงใช้งานได้โดยแสดงไฟล์ที่ซ่อนอยู่และจะเห็นไดเรกทอรี .Trash ในส่วน "ไฟล์ของฉัน" หรือ "รายการที่ดาวน์โหลด"</translation>
<translation id="2159486052528894673">อนุญาตให้นโยบายระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์ลบล้างนโยบายระดับแมชชีนบนระบบคลาวด์</translation>
<translation id="2160170953213468208">เมื่อเปิดใช้ นโยบายนี้จะบังคับให้ไปยังเอกสาร Office ที่มีประเภท MIME ซึ่งโดยทั่วไปจัดการโดย <ph name="BASIC_EDITOR_NAME" /> เพื่อดาวน์โหลดไฟล์
หากปิดใช้นโยบาย ระบบก็จะเปิดเอกสารเหล่านี้ใน <ph name="BASIC_EDITOR_NAME" /> โดยอัตโนมัติแทน
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะมีฟังก์ชันการทำงานเทียบเท่ากับการเปิดใช้ (เช่น ระบบจะดาวน์โหลดไฟล์) การไม่ตั้งค่านโยบายสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรจะมีฟังก์ชันการทำงานเทียบเท่ากับการปิดใช้ (เช่น ไฟล์จะเปิดขึ้นใน <ph name="BASIC_EDITOR_NAME" /></translation>
<translation id="2160336427036785721">กำหนดขนาดหน่วยความจำที่อินสแตนซ์หนึ่งๆ ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ได้ก่อนเริ่มทิ้งแท็บ (กล่าวคือ หน่วยความจำที่แท็บใช้จะถูกล้างและจะต้องโหลดแท็บซ้ำเมื่อมีการสลับไปยังแท็บนั้น) เพื่อประหยัดหน่วยความจำ
หากตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะเริ่มทิ้งแท็บเพื่อประหยัดหน่วยความจำเมื่อการใช้หน่วยความจำเกินขีดจำกัดแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรับประกันว่าเบราว์เซอร์จะทำงานตลอดเวลาแม้ว่าจะยังไม่เกินขีดจำกัดก็ตาม ทุกค่าที่ต่ำกว่า 1024 จะปัดเป็น 1024
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะเริ่มพยายามประหยัดหน่วยความจำก็ต่อเมื่อตรวจพบว่าหน่วยความจำจริงของเครื่องเหลือน้อย</translation>
<translation id="2161348910646846717">อนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนเวอร์ชันการเผยแพร่</translation>
<translation id="2162703823039992020">การผสานรวมตามบริบทของบริการของ Google บน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2165567959657265531">คุกกี้ที่ตั้งค่าสำหรับโดเมนที่ตรงกับรูปแบบเหล่านี้จะเปลี่ยนกลับเป็นลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิม การเปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงานเดิมทำให้คุกกี้ที่ไม่ได้ระบุแอตทริบิวต์ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็น "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />", นำข้อกำหนดที่คุกกี้ "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />" ต้องมีแอตทริบิวต์ "<ph name="ATTRIBUTE_SECURE_NAME" />" ออกไป และข้ามการเปรียบเทียบสกีมเมื่อประเมินว่าเว็บไซต์ 2 แห่งเป็นเว็บไซต์เดียวกันหรือไม่ ดูคำอธิบายแบบเต็มใน https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/cookie-legacy-samesite-policies
สำหรับคุกกี้ในโดเมนที่ไม่อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ที่นี่ หรือสำหรับคุกกี้ทั้งหมดในกรณีที่ไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ค่าเริ่มต้นส่วนกลางจะเป็นการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns
โปรดทราบว่ารูปแบบต่างๆ ที่คุณระบุไว้ที่นี่ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็นโดเมน ไม่ใช่ URL คุณจึงไม่ควรระบุสกีมหรือพอร์ต</translation>
<translation id="2166155400701622446"><ph name="PRODUCT_NAME" /> มีรายการพอร์ตที่จำกัดอยู่ในตัว ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อพอร์ตเหล่านี้ไม่สำเร็จ การตั้งค่านี้อนุญาตให้ข้ามรายการดังกล่าว ค่าดังกล่าวเป็นรายการที่คั่นด้วยคอมมาของพอร์ตจำนวน 0 พอร์ตขึ้นไปที่จะได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่อขาออก
ระบบจะจำกัดพอร์ตเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเวกเตอร์ในการแสวงหาประโยชน์จากช่องโหว่ต่างๆ ในเครือข่าย การตั้งค่านโยบายนี้อาจทำให้เครือข่ายเสี่ยงต่อการถูกโจมตี นโยบายนี้มีไว้เพื่อเป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวสำหรับข้อผิดพลาดที่มีรหัส "ERR_UNSAFE_PORT" ขณะย้ายข้อมูลบริการที่ทำงานในพอร์ตที่ถูกบล็อกไปยังพอร์ตมาตรฐาน (เช่น พอร์ต 80 หรือ 443)
เว็บไซต์ที่เป็นอันตรายจะตรวจพบได้โดยง่ายว่ามีการตั้งค่านโยบายนี้ ตลอดจนพอร์ตที่มีการตั้งค่านโยบาย และใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อกำหนดเป้าหมายการโจมตี
พอร์ตแต่ละพอร์ตใน Chrome มีป้ายกำกับวันที่สิ้นสุดการเลิกบล็อก หลังจากวันดังกล่าว พอร์ตจะถูกจำกัดไม่ว่าการตั้งค่านี้จะเป็นอย่างไร
การไม่ระบุค่าหรือไม่ตั้งค่าหมายความว่าพอร์ตที่จำกัดทั้งหมดจะถูกบล็อก หากมีทั้งค่าที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องผสมกัน ระบบจะใช้ค่าที่ถูกต้อง
นโยบายนี้ลบล้างตัวเลือกบรรทัดคำสั่ง "--explicitly-allowed-ports"</translation>
<translation id="2166472654199325139">ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation>
<translation id="2168397434410358693">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="217013996107840632">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเพื่อเปลี่ยนจากเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="2170233653554726857">เปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD</translation>
<translation id="2174946221763588594">กำหนดค่าให้เว็บไซต์ที่ผู้ใช้ไปถึงได้รับอนุญาตให้สร้างเซสชัน Augmented Reality ที่สมจริงโดยใช้ <ph name="WEBXR_API_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่าหรือเปิดใช้งานนโยบายนี้ <ph name="WEBXR_API_NAME" /> จะยอมรับ <ph name="WEBXR_AR_SESSION_ENUM_VALUE" /> ในระหว่างการสร้างเซสชันเพื่อให้ผู้ใช้เข้าสู่ประสบการณ์ Augmented Reality
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ <ph name="WEBXR_API_NAME" /> จะปฏิเสธคำขอสร้างเซสชันโดยตั้งโหมดไปที่ <ph name="WEBXR_AR_SESSION_ENUM_VALUE" /> เซสชัน <ph name="WEBXR_AR_SESSION_ENUM_VALUE" /> ที่มีอยู่ (หากมี) จะไม่สิ้นสุดการทำงาน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซสชัน <ph name="WEBXR_AR_SESSION_ENUM_VALUE" /> ได้ในข้อมูลจำเพาะ <ph name="WEBXR_AR_MODULE_API_NAME" /></translation>
<translation id="2175353308236295184">ออบเจ็กต์การกำหนดค่า JSON ที่เจาะจงแอปที่มีชุดคู่คีย์-ค่า เช่น '"managedConfiguration": { "key1": value1, "key2": value2 }' คีย์จะกำหนดไว้ในไฟล์ Manifest ของแอป</translation>
<translation id="2176115444876446233">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้รวบรวมการติดตามประสิทธิภาพทั้งระบบ</translation>
<translation id="2177382213857119200">ให้คุณควบคุมว่าจะเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และกำหนดโหมดการทำงานของฟีเจอร์นี้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "NoProtection" (ค่า 0) Google Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "StandardProtection" (ค่า 1 ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น) Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดมาตรฐานเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "EnhancedProtection" (ค่า 2) Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดเพิ่มประสิทธิภาพเสมอ ซึ่งรักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้นแต่ต้องมีการแชร์ข้อมูลการท่องเว็บกับ Google มากขึ้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นแบบบังคับ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า Google Safe Browsing ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดการปกป้องแบบมาตรฐาน แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing ได้ที่ https://support.google.com/chrome?p=safe_browsing_preferences</translation>
<translation id="2177696016354404697">ปิดใช้หน้าจอความเป็นส่วนตัวเสมอ</translation>
<translation id="2178899310296064282">บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เป็นอย่างน้อย</translation>
<translation id="2180795125410219364">การตั้งค่า Home/End ปิดอยู่</translation>
<translation id="2180958780733364832">ควบคุมการใช้โหมดไม่มีส่วนหัว</translation>
<translation id="2182291258410176649">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้การสำรองข้อมูลและการกู้คืนหรือไม่</translation>
<translation id="2183338188392346527">ไม่รายงานตัวนับรันไทม์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="2187372280917024033">เทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการ วิธีระบุรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS หลายรายการคือเว้นวรรคระหว่างเทมเพลต URI ที่เกี่ยวข้อง นโยบายนี้คล้ายเป็นอย่างมากกับ <ph name="DOH_TEMPLATES_POLICY_NAME" /> ซึ่งจะถูกลบล้างหากระบุ
นโยบายนี้รองรับการระบุข้อมูลยืนยันตัวตน ซึ่งตรงข้ามกับนโยบาย <ph name="DOH_TEMPLATES_POLICY_NAME" />
กำหนดตัวระบุโดยใช้ตัวยึดตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงได้ซึ่งแทนที่ด้วยข้อมูลผู้ใช้หรืออุปกรณ์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งจะไม่ส่งตัวระบุไปยังเซิร์ฟเวอร์ DNS ในรูปแบบข้อความธรรมดา แต่จะแฮชด้วยอัลกอริทึม <ph name="SHA256" /> และเข้ารหัสเป็นเลขฐาน 16 ตัวพิมพ์ใหญ่แทน
ตัวระบุที่กำหนดจะอยู่ในวงเล็บปีกกา ซึ่งนำหน้าด้วยสัญลักษณ์ดอลลาร์ ใช้ตัวยึดตำแหน่ง <ph name="USER_EMAIL" />, <ph name="USER_EMAIL_DOMAIN" /> และ <ph name="USER_EMAIL_NAME" /> ต่อไปนี้เพื่อระบุตัวตนผู้ใช้ ใช้ตัวยึดตำแหน่ง <ph name="DEVICE_DIRECTORY_ID" />, <ph name="DEVICE_SERIAL_NUMBER" />, <ph name="DEVICE_ASSET_ID" /> และ <ph name="DEVICE_ANNOTATED_LOCATION" /> ต่อไปนี้เพื่อระบุอุปกรณ์
ก่อนเวอร์ชัน 122 จะไม่มีการแทนที่ตัวระบุอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้นอกโดเมน ตั้งแต่เวอร์ชัน 122 เป็นต้นไป ระบบจะแทนที่ตัวยึดตำแหน่งอุปกรณ์ด้วยค่า <ph name="DEVICE_NOT_MANAGED" /> ซึ่งแฮชและเข้ารหัสเป็นเลขฐาน 16
ตั้งแต่เวอร์ชัน 125 เป็นต้นไป คุณจะเพิ่มที่อยู่ IP ของอุปกรณ์เป็น URI ของเทมเพลตได้โดยใช้ตัวยึดตำแหน่ง <ph name="DEVICE_IP_ADDRESSES" /> ตัวยึดตำแหน่งนี้จะแทนที่ด้วยสตริงเลขฐาน 16 ที่แสดงลำดับไบต์ของเครือข่ายของที่อยู่ IPv4 และ/หรือที่อยู่ IPv6 ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายปัจจุบัน หากเครือข่ายจัดการโดยนโยบาย
ที่อยู่ IPv4 จะมีค่า 0010 นำหน้า ส่วนที่อยู่ IPv6 จะมี 0020 นำหน้า สำหรับเครือข่ายแบบ 2 สแต็ก ระบบจะใช้ทั้งที่อยู่ IPv4 และ IPv6 เพื่อแทนที่ตัวยึดตำแหน่ง ระบบจะเพิ่มที่อยู่หลายรายการต่อกันโดยไม่มีตัวคั่น สำหรับผู้ใช้นอกโดเมน การแทนที่จะเกิดขึ้นเฉพาะในกรณีที่เครือข่ายได้รับการจัดการโดยนโยบายผู้ใช้เท่านั้น หากแทนที่ตัวยึดตำแหน่งที่อยู่ IP ด้วยที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ไม่ได้ ระบบจะแทนที่ตัวยึดตำแหน่งด้วยสตริงว่าง
หากตั้งค่า <ph name="DOH_MODE_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_SECURE" /> ก็ต้องตั้งค่านโยบายนี้หรือ <ph name="DOH_TEMPLATES_POLICY_NAME" /> และนโยบายต้องไม่ว่างเปล่า
หากตั้งค่า <ph name="DOH_MODE_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_AUTOMATIC" /> และตั้งค่านโยบายนี้ด้วย ระบบก็จะใช้เทมเพลต URI ที่ระบุไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การจับคู่แบบฮาร์ดโค้ดเพื่อพยายามอัปเกรดรีโซลเวอร์ DNS ปัจจุบันของผู้ใช้เป็นรีโซลเวอร์ DoH ที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการรายเดียวกัน
หากเทมเพลต URI มีตัวแปร <ph name="HTTP_VARIABLE_DNS" /> คำขอที่ส่งไปยังรีโซลเวอร์จะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_GET" /> หากไม่มี คำขอจะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_POST" />
ในเวอร์ชัน 114 ขึ้นไป <ph name="DOH_SALT_POLICY_NAME" /> เป็นนโยบายที่ไม่บังคับหากมีการตั้งค่านโยบายนี้ไว้</translation>
<translation id="219297066914002620">สั่งให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เปิดใช้หรือปิดใช้เครื่องมือคอนโซลสำหรับการจัดการเครื่องเสมือน
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้ CLI การจัดการ VM ได้
หรือไม่เช่นนั้น CLI การจัดการ VM ทั้งหมดจะถูกปิดใช้และซ่อนไว้
</translation>
<translation id="2194051055390000601">นโยบายสำหรับควบคุมว่าจะปิดใช้การตั้งค่าหัวข้อโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดการตั้งค่าหัวข้อโฆษณาสำหรับผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการตั้งค่าหัวข้อโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ได้
การตั้งค่านโยบายนี้กำหนดให้ต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_PROMPT_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้"</translation>
<translation id="2195032660890227692">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_BR_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2197625019569762163">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะแสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขโดยค่าเริ่มต้นสำหรับใส่รหัสผ่านในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้ยังคงสลับไปเป็นแป้นพิมพ์ปกติได้
ถ้าคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ก็จะไม่มีผลอะไร</translation>
<translation id="2200698565850397198">กำหนดค่ารายการที่บล็อกสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="220157212534775145">เปิดใช้อินเทอร์เฟซแบบไม่พร้อมกันที่เลิกใช้งานแล้วสำหรับ <ph name="FILE_SYSTEM_SYNC_ACCESS_HANDLE" /> ใน File System Access API อีกครั้ง</translation>
<translation id="2202787915587511214">เปิด NTLMv2</translation>
<translation id="2204379573346866896">นาทีที่ผ่านไปในชั่วโมงปัจจุบัน</translation>
<translation id="2204753382813641270">ควบคุมการซ่อนชั้นวางอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2208976000652006649">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาที่ใช้ POST</translation>
<translation id="2212011154693551439">หน้าประวัติการเข้าชมใน Chrome ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ จะปรากฏที่ chrome://history/grouped โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="2213059592185933570">เปิดใช้การสร้างโปรไฟล์โรมมิ่ง</translation>
<translation id="2213342458177721585">เปิดใช้เลย์เอาต์แป้นพิมพ์ภาษาฮินดีสำหรับทั้งอุปกรณ์</translation>
<translation id="2215238871726750562">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ป้องกันไม่ให้หน้าต่างเบราว์เซอร์เปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มเซสชัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าทำให้หน้าต่างเปิดขึ้นมา
โปรดทราบว่าหน้าต่างเบราว์เซอร์อาจไม่เปิดขึ้นมาเนื่องจากนโยบายหรือการติดธงบรรทัดคำสั่งอื่นๆ</translation>
<translation id="2215471798823435557">การกำหนดค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุรูปแบบต่างๆ ที่อนุญาตให้ใช้กับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่จัดการโดยองค์กรได้
รูปแบบต่างๆ เป็นวิธีที่ช่วยให้เสนอการแก้ไข <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้โดยไม่ต้องส่งเวอร์ชันใหม่ด้วยการเลือกเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Manage_the_Chrome_variations_framework
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_ENABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่านโยบายจะเป็นการอนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ได้กับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
การตั้งค่า <ph name="CRITICAL_VARIATIONS_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะรูปแบบที่ถือว่าเป็นการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากหรือการแก้ไขด้านความเสถียรกับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_DISABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ตามกับเบราว์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ โปรดทราบว่าโหมดนี้อาจขัดขวางไม่ให้นักพัฒนาแอปของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทำการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากได้อย่างทันท่วงที และด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้</translation>
<translation id="2215746393279570703">การตั้งค่า SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์</translation>
<translation id="2221779615493499989">รายงานสถานะเครือข่ายของผู้ใช้ในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการรายงานสถานะเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="2223393221350938149">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์เรียกใช้ JIT ใน JavaScript</translation>
<translation id="2223598546285729819">การตั้งค่าการแจ้งเตือนเริ่มต้น</translation>
<translation id="2224706708550115831">อนุญาตให้ผู้ใช้เข้าถึงรายการ URL ในเบราว์เซอร์ได้ในขณะที่ VPN แบบเปิดตลอดเวลาในโหมดเข้มงวดเปิดใช้งานอยู่พร้อมกับเปิดใช้การปิดล็อกและไม่มีการเชื่อมต่อ VPN ดังกล่าว</translation>
<translation id="222673035924187991">เปิดใช้ ClientHello ที่เข้ารหัสตาม TLS</translation>
<translation id="2231817271680715693">นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="2231962946025538735">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่
ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ "*" จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ กล่าวคือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะนำรายการปลั๊กอินที่ระบุมาใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ ผู้ใช้เปิดหรือปิดใช้ปลั๊กอินเหล่านั้นได้ใน "about:plugins" แม้ว่าปลั๊กอินนั้นจะตรงกับรูปแบบใน DisabledPlugins ก็ตาม นอกจากนี้ยังเปิดหรือปิดใช้ปลั๊กอินที่ไม่ตรงกับรูปแบบใดๆ ใน DisabledPlugins, DisabledPluginsExceptions และ EnabledPlugins ได้ด้วย
นโยบายนี้มีไว้เพื่ออนุญาตการบล็อกปลั๊กอินที่เข้มงวดในกรณีที่รายการ "DisabledPlugins" มีรายการที่เป็นอักขระไวลด์การ์ด เช่น ปิดใช้ปลั๊กอินทั้งหมด "*" หรือปิดใช้ปลั๊กอิน Java ทั้งหมด "*Java*" แต่ผู้ดูแลระบบต้องการเปิดใช้ปลั๊กอินบางเวอร์ชัน เช่น "IcedTea Java 2.3" ก็ระบุเฉพาะปลั๊กอินเวอร์ชันนี้ในนโยบายได้
โปรดทราบว่าต้องยกเว้นทั้งชื่อปลั๊กอินและชื่อกลุ่มของปลั๊กอิน ปลั๊กอินแต่ละกลุ่มจะแสดงแยกกันคนละส่วนใน about:plugins และแต่ละส่วนมีปลั๊กอินได้มากกว่า 1 รายการ ตัวอย่างเช่น ปลั๊กอิน "Shockwave Flash" เป็นของกลุ่ม "Adobe Flash Player" และทั้ง 2 ชื่อต้องมีชื่อที่ตรงกันในรายการข้อยกเว้นหากจะยกเว้นปลั๊กอินดังกล่าวจากรายการที่บล็อก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะล็อกปลั๊กอินใดก็ตามที่ตรงกับรูปแบบใน "DisabledPlugins" เป็นปิดใช้และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้</translation>
<translation id="2236488539271255289">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่อง</translation>
<translation id="2236593201136596376">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกข้อความ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="2237258181338466053">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามเปิด URL บางรายการในเบราว์เซอร์สำรอง เช่น <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ฟีเจอร์นี้กำหนดค่าโดยใช้นโยบายในกลุ่ม <ph name="LEGACY_BROWSER_SUPPORT_POLICY_GROUP" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่พยายามเปิด URL ที่กำหนดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="2237705286848619561">หากเปิดใช้นโยบายนี้ เซสชันการสนับสนุนจากระยะไกลขององค์กรที่เริ่มต้นโดยผู้ดูแลระบบจะอนุญาตให้มีการโอนไฟล์ระหว่างไคลเอ็นต์และโฮสต์
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อสถานการณ์การเข้าถึงระยะไกล
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" จะทําให้โอนไฟล์ไม่ได้</translation>
<translation id="2241498944622759244">ไม่เคยมีการเปิดตัวฟีเจอร์นี้ เราจึงเลิกใช้งานนโยบายนี้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือ "ไม่ได้ตั้งค่า" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแนะนำหน้าที่เกี่ยวข้องกับหน้าปัจจุบัน
โดยดึงข้อมูลการแนะนำแบบระยะไกลจากเซิร์ฟเวอร์ของ Google
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการดึงข้อมูลหรือแสดงคำแนะนำ</translation>
<translation id="2244674148015569802">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติในการเข้าถึงอุปกรณ์ซีเรียล USB ซึ่งมีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และ <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การไม่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะทำให้เว็บไซต์ดังกล่าวมีสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ที่มีรหัสผู้ให้บริการตรงกับช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> แต่มีรหัสผลิตภัณฑ์ใดก็ได้
URL ต้องใช้การได้ มิเช่นนั้น นโยบายจะไม่มีผล ระบบพิจารณาเฉพาะต้นทาง (รูปแบบ โฮสต์ และพอร์ต) ของ URL เท่านั้น
ใน Chrome OS นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่เชื่อมโยงเท่านั้น
นโยบายนี้จะลบล้าง <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" />, <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" />, <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และค่ากำหนดของผู้ใช้
รวมถึงจะมีผลเฉพาะกับสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน Web Serial API เท่านั้น หากต้องการให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน WebUSB API ให้ดูนโยบาย <ph name="WEB_USB_ALLOW_DEVICES_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="2246565294817797392">บล็อกคุกกี้ที่ตัดให้สั้นลง</translation>
<translation id="2246621891161157804">อนุญาตให้ Chrome บล็อกการเรียกออกไปยังโปรโตคอลนอก iframe ที่ทำแซนด์บ็อกซ์</translation>
<translation id="224750967938323855">ไม่แสดงความยินยอมในการซิงค์ระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="2252400912879027343">WebSQL ในบริบทที่ไม่ปลอดภัยจะยังคงใช้งานได้จนถึงเวอร์ชัน M109 จากนั้นจะใช้งานไม่ได้เริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน M110</translation>
<translation id="225340736558643885">เปิดใช้คำเตือนสำหรับฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="225347142757323162">เปิดใช้ฟีเจอร์แต่ไม่ต้องส่งข้อมูลเพื่อช่วยฝึกโมเดล AI</translation>
<translation id="2258126710006312594">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลโอนไฟล์ไปยัง/จากโฮสต์</translation>
<translation id="225830954785359083">ป้องกันไม่ให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในระหว่างการยกเลิกการโหลด</translation>
<translation id="2261648512244797294">ปิดใช้การพิมพ์ Privet ที่เลิกใช้งาน</translation>
<translation id="2266422599396179941">อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็น</translation>
<translation id="2268891553068901979">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดการซิงค์ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่ออุปกรณ์ใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ ระบบจะซิงค์ข้อมูลกับ Google ไดรฟ์เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรืออีเทอร์เน็ตเท่านั้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้โอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ขณะเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือได้</translation>
<translation id="2269319728625047531">เปิดใช้การแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์ในระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="2269837888511509900">เปิดใช้การแชร์ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้</translation>
<translation id="2270747976331889601">เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย TLS 1.3 สำหรับ Trust Anchor ในพื้นที่</translation>
<translation id="2273993844348404990">นโยบายนี้แสดงรายการเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ค้นหาได้อย่างรวดเร็วโดยใช้ทางลัดในแถบที่อยู่ ผู้ใช้เริ่มการค้นหาได้โดยการพิมพ์ทางลัดหรือ @ทางลัด (เช่น @งาน) ตามด้วยเว้นวรรคหรือ Tab ในแถบที่อยู่
ต้องระบุข้อมูลในช่องต่อไปนี้สำหรับแต่ละเว็บไซต์: <ph name="NAME_SITE_SEARCH_SETTINGS_FIELD" />, <ph name="SHORTCUT_SITE_SEARCH_SETTINGS_FIELD" />, <ph name="URL_SITE_SEARCH_SETTINGS_FIELD" />
ช่อง <ph name="NAME_SITE_SEARCH_SETTINGS_FIELD" /> สอดคล้องกับชื่อเว็บไซต์หรือเครื่องมือค้นหาที่จะแสดงให้ผู้ใช้เห็นในแถบที่อยู่
<ph name="SHORTCUT_SITE_SEARCH_SETTINGS_FIELD" /> มีคำและอักขระธรรมดาได้ แต่ต้องไม่มีการเว้นวรรคหรือเริ่มต้นด้วยสัญลักษณ์ @ และทางลัดต้องไม่ซ้ำกันด้วย
ช่อง <ph name="URL_SITE_SEARCH_SETTINGS_FIELD" /> ของแต่ละรายการจะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในระหว่างการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง URL ดังกล่าวต้องมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งข้อความค้นหาของผู้ใช้จะมาแทนที่ในการค้นหา ระบบจะไม่สนใจข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและข้อมูลที่มีทางลัดซ้ำกัน
รายการการค้นหาเว็บไซต์ที่กำหนดค่าไว้เป็น "แนะนำ" จะแสดงในแถบที่อยู่เมื่อผู้ใช้พิมพ์ "@" โดยสามารถเลือกรายการแนะนำได้สูงสุด 3 รายการ
ผู้ใช้จะแก้ไขหรือปิดใช้รายการการค้นหาเว็บไซต์ที่นโยบายกำหนดไม่ได้ แต่จะเพิ่มทางลัดใหม่สำหรับ URL เดียวกันได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ไม่สามารถสร้างรายการการค้นหาเว็บไซต์ใหม่โดยใช้ทางลัดที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ผ่านทางนโยบายนี้
ในกรณีที่ขัดแย้งกับทางลัดที่ผู้ใช้สร้างไว้ก่อนหน้านี้ การตั้งค่าของผู้ใช้จะมีความสำคัญเหนือกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงเรียกใช้ตัวเลือกที่นโยบายสร้างขึ้นได้โดยพิมพ์ "@" ในแถบค้นหา เช่น หากผู้ใช้กำหนด "งาน" เป็นทางลัดไปยัง URL1 ไว้แล้ว และนโยบายกำหนด "งาน" เป็นทางลัดไปยัง URL2 การพิมพ์คำว่า "งาน" ในแถบค้นหาจะเริ่มการค้นหาไปยัง URL1 แต่การพิมพ์ "@งาน" ในแถบค้นหาจะเริ่มการค้นหาไปยัง URL2
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="22754818344448444">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกเลย์เอาต์เทมเพลตเดสก์ที่จะโหลด</translation>
<translation id="2277117728011250860">ไม่อนุญาตให้ใช้การกรองประสิทธิภาพการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="2279381650184876122">ปิดใช้การรองรับ URL ข้อมูลใน SVGUseElement</translation>
<translation id="2281496157391382819"> ควบคุมคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้งานคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติในเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการ
ไม่ควรใช้นโยบายนี้กับอุปกรณ์ที่สาธารณชนใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า ระบบจะปักหมุดการแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวในเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการซึ่งเรียกใช้อัตโนมัติไว้จนกว่าผู้ใช้จะปิด</translation>
<translation id="2281878365805647176">การตั้งค่านโยบายจะเปิดฟีเจอร์การลงชื่อเข้าใช้แบบจำกัดของ Chrome ใน <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือของ Google ได้โดยใช้บัญชีจากโดเมนที่ระบุเท่านั้น (หากต้องการอนุญาตบัญชี gmail หรือ googlemail ให้เพิ่ม consumer_accounts ลงในรายการโดเมน) การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และเพิ่มบัญชีรองในอุปกรณ์ที่จัดการซึ่งต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์จาก Google หากบัญชีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในโดเมนที่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง
การปล่อยให้การตั้งค่านี้ว่างหรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เข้าถึง <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" /> ด้วยบัญชีใดก็ได้
ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ส่งผลให้ต้องเติมส่วนหัว X-GoogApps-Allowed-Domains ในคำขอ HTTP และ HTTPS ทั้งหมดที่ส่งไปยังโดเมน google.com ทั้งหมดตามที่อธิบายไว้ใน https://support.google.com/a/answer/1668854</translation>
<translation id="2282174652047982960">ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวเสมอ หากมี</translation>
<translation id="2288506601233091655">ไม่อนุญาตให้ลบประวัติงานพิมพ์</translation>
<translation id="2289688405312849186">ผู้ใช้หลัก "user@realm" ตัวยึดตำแหน่ง <ph name="LOGIN_ID_PLACEHOLDER" /> นั้นแทนที่โดยชื่อผู้ใช้ "user" ตัวยึดตำแหน่ง <ph name="LOGIN_EMAIL_PLACEHOLDER" /> นั้นแทนที่โดยผู้ใช้หลักแบบเต็ม "user@realm"</translation>
<translation id="2290270645214705008">หากปิดใช้นโยบายนี้ บริการโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่สามารถเริ่มต้นหรือกำหนดค่าให้ยอมรับการเชื่อมต่อขาเข้า นโยบายนี้ไม่มีผลต่อสถานการณ์การสนับสนุนระยะไกล
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="229322770310505679">เปิดใช้แนวคิดนโยบายที่มาจากกลุ่มขนาดเล็ก</translation>
<translation id="22941467117331786">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" แสดงปุ่มออกจากระบบสีแดงขนาดใหญ่ในถาดระบบระหว่างที่เซสชันดำเนินอยู่และหน้าจอไม่ได้ล็อก
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะไม่มีปุ่มใดแสดง</translation>
<translation id="2294382669900758280">ไม่มีการพิจารณาการเล่นวิดีโอในแอป Android แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="2296600623052658741">การตั้งค่านโยบายช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่สามารถใช้สิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ดสำหรับเว็บไซต์ได้ ทั้งนี้ไม่รวมการดำเนินการเกี่ยวกับคลิปบอร์ดทั้งหมดในต้นทางที่ตรงกับรูปแบบในรายการ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้จะยังวางโดยใช้แป้นพิมพ์ลัดได้อยู่เนื่องจากไม่ถูกกั้นโดยสิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ดสำหรับเว็บไซต์
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_CLIPBOARD_SETTING" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="2299220924812062390">ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation>
<translation id="2299815818824242485">ไม่อนุญาตการค้นหาผ่านพร็อกซีที่มีการปกป้องสูงขึ้น</translation>
<translation id="2303795211377219696">เปิดใช้ "ป้อนข้อความอัตโนมัติ" สำหรับบัตรเครดิต</translation>
<translation id="2304009805995145854">ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 67 การแยกเว็บไซต์จะเปิดใช้ไว้โดยค่าเริ่มต้นในแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปทั้งหมด ซึ่งทำให้ทุกเว็บไซต์ทำงานด้วยกระบวนการของตนเองได้ เว็บไซต์อยู่ในรูปแบบบวก eTLD+1 (เช่น https://example.com) การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ไม่ได้เปลี่ยนลักษณะการทำงานดังกล่าว เพียงแต่ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เลือกไม่ใช้ (เช่น การใช้ Disable site isolation (ปิดใช้การแยกเว็บไซต์) ใน chrome://flags) ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 76 การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ปิดการแยกเว็บไซต์ แต่จะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเลือกไม่ใช้ได้
<ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> อาจเป็นประโยชน์ในการแยกต้นทางเฉพาะบางแห่งในระดับที่ละเอียดกว่าเว็บไซต์ด้วย (เช่น https://a.example.com)
ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 76 และเวอร์ชันก่อนหน้า ให้ตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ด้วยค่าเดียวกันนี้ (หากค่าไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันของผู้ใช้)
หมายเหตุ: สำหรับ Android ให้ใช้นโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_ANDROID_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2306505001667207184">แสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์เมื่อนโยบายการเลือกอัตโนมัติพบใบรับรองที่ตรงกันหลายรายการ</translation>
<translation id="230713790688681130">เปิดใช้เลย์เอาต์แป้นพิมพ์ภาษาฮินดี</translation>
<translation id="2307496301287881990">รายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก</translation>
<translation id="2309284543927494965">บล็อกการอัปเดต</translation>
<translation id="2309341709647905294">ไม่ต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เสียบเข้ากับอุปกรณ์</translation>
<translation id="2309390639296060546">การตั้งค่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="2310254963100942637">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ส่งและรับรหัสผ่านจากสมาชิกในครอบครัว (ตามบริการครอบครัว) ได้
เมื่อเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะแสดงปุ่มในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านเพื่ออนุญาตให้ส่งรหัสผ่านได้
รหัสผ่านที่ได้รับจะเก็บไว้ในบัญชีของผู้ใช้และพร้อมให้ใช้งานในเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะส่งรหัสผ่านจากเครื่องมือจัดการรหัสผ่านให้ผู้ใช้รายอื่นไม่ได้และจะไม่ได้รับรหัสผ่านจากผู้ใช้รายอื่น
ฟีเจอร์นี้จะใช้งานไม่ได้หากการซิงค์รหัสผ่านปิดอยู่ (ไม่ว่าจะเป็นการปิดผ่านการตั้งค่าของผู้ใช้หรือการปิดเนื่องจากนโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED" /> เปิดใช้อยู่)</translation>
<translation id="2316700579410680894">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุรูปแบบ URL ซึ่งเจาะจงเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติในการเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่กำหนด รูปแบบแต่ละรายการต้องระบุทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> นโยบายจึงจะมีผล รูปแบบแต่ละรายการในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> อาจระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และ <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การไม่ระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่อง การไม่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่กำหนด นโยบายที่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่ระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล
โมเดลสิทธิ์ USB จะให้สิทธิ์ URL ที่ระบุในการเข้าถึงอุปกรณ์ USB เป็นต้นทางระดับบนสุด หากเฟรมแบบฝังจำเป็นต้องเข้าถึงอุปกรณ์ USB ควรใช้ส่วนหัว <ph name="FEATURE_POLICY_HEADER_NAME" /> ของ "usb" เพื่อให้สิทธิ์เข้าถึง URL ต้องใช้การได้ มิเช่นนั้น นโยบายจะไม่มีผล
เลิกใช้งาน: โมเดลสิทธิ์ USB ที่ใช้เพื่อรองรับการระบุทั้ง URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝัง เราเลิกใช้งานโมเดลนี้แล้วและรองรับเฉพาะความเข้ากันได้แบบย้อนหลังในลักษณะต่อไปนี้ ได้แก่ ในกรณีที่มีการระบุทั้ง URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝัง ระบบจะให้สิทธิ์แก่ URL ที่มีการฝังเป็นต้นทางระดับบนสุดและไม่พิจารณา URL ที่ส่งคำขอ
นโยบายนี้จะลบล้าง <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" />, <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" />, <ph name="WEB_USB_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และค่ากำหนดของผู้ใช้
รวมถึงจะมีผลเฉพาะกับสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน WebUSB API เท่านั้น หากต้องการให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน Web Serial API ให้ดูนโยบาย <ph name="SERIAL_ALLOW_USB_DEVICES_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="2318583605563438459">อนุญาตให้ผู้ปกครองเพิ่มบัญชีที่มีการควบคุมดูแล</translation>
<translation id="2326031114717677574">อัตราที่ใช้ในการสุ่มตัวอย่างและรวบรวมข้อมูลเสียง ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 1 นาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้อัตราเริ่มต้น 15 นาที</translation>
<translation id="2333228572393176330">นโยบายนี้ควบคุมฟีเจอร์ความปลอดภัยใน TLS 1.3 ซึ่งปกป้องการเชื่อมต่อจากการโจมตีแบบดาวน์เกรด โดยจะใช้งานย้อนหลังได้และไม่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์หรือพร็อกซี TLS 1.2 ที่เข้ากันได้ อย่างไรก็ตาม พร็อกซีสำหรับดักจับข้อมูล TLS บางตัวในเวอร์ชันเก่ามีข้อบกพร่องในการใช้งานซึ่งทำให้ใช้งานร่วมกันไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สำหรับการเชื่อมต่อทั้งหมด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปิดใช้การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สำหรับการเชื่อมต่อที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะเปิดใช้อยู่เสมอสำหรับการเชื่อมต่อที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรอง CA ที่ได้รับความเชื่อถือจากสาธารณะ
มีการเปลี่ยนค่าเริ่มต้นสำหรับนโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 81 จาก "เท็จ" เป็น "จริง" คาดว่าพร็อกซีที่ได้รับผลกระทบจะทำให้การเชื่อมต่อไม่สำเร็จโดยมีรหัสข้อผิดพลาด ERR_TLS13_DOWNGRADE_DETECTED ผู้ดูแลระบบที่ต้องการเวลามากขึ้นในการอัปเกรดพร็อกซีที่ได้รับผลกระทบอาจใช้นโยบายนี้เพื่อปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยนี้ชั่วคราว เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน 86
</translation>
<translation id="2334744362022255283">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม (เช่น เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ที่บล็อกได้ (เช่น แบบแอ็กทีฟ) และที่ระบบจะปิดใช้การอัปเกรดเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะบล็อกเนื้อหาผสมที่บล็อกได้ ส่วนเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้จะได้รับการอัปเกรด และผู้ใช้จะตั้งค่าข้อยกเว้นให้แสดงเนื้อหาดังกล่าวในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="2336822410658374491">ปิดการเข้าถึงเมนูตามบริบทของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="2337859888277013371">ไม่อนุญาตให้ใช้แคชย้อนหลัง</translation>
<translation id="2341509917222115272">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จับคู่ไคลเอ็นต์และโฮสต์ในเวลาเชื่อมต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องป้อน PIN ทุกครั้ง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ฟีเจอร์นี้ไม่พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="2342066287156668839">เปิดใช้โควต้าถาวร</translation>
<translation id="2345547870894930157">เปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS ที่ไม่มีการถอยหลังกลับที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="2347695338560092641">อนุญาตไดรเวอร์การพิมพ์นอกกระบวนการ</translation>
<translation id="234856189825555040">นโยบายนี้ควบคุมว่าปลั๊กอิน <ph name="PEPPER_NAME" /> จะสามารถใช้เครื่องมือถอดรหัสใหม่เพื่อสื่อสารกับเครื่องมือถอดรหัสฮาร์ดแวร์แทนเครื่องมือถอดรหัสวิดีโอเดิมได้หรือไม่
การย้ายข้อมูลจะส่งผลต่อรายละเอียดการใช้งานภายในเท่านั้น และไม่ควรเปลี่ยนลักษณะการทำงานใดๆ อย่างไรก็ตาม คุณจะใช้นโยบายนี้ได้ในกรณีที่แอปพลิเคชัน PPAPI ไม่ทำงานตามที่คาดไว้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" เบราว์เซอร์จะตัดสินใจว่าจะใช้การติดตั้งใช้งานรายการใด
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" เบราว์เซอร์จะใช้การใช้งานเดิมจนกว่านโยบายนี้จะหมดอายุ
หากคุณต้องใช้นโยบาย โปรดรายงานข้อบกพร่องใน crbug.com โดยอธิบาย Use Case และสำเนาถึง {andrescj, blundell, pmolinalopez, vasilyt}@chromium.org นโยบายนี้มีกำหนดเวลาที่จะให้บริการผ่าน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 114 ซึ่งหลังจากนั้นระบบจะนำการใช้งานเดิมออก
หมายเหตุ: เฉพาะกระบวนการแสดงผลที่เพิ่งเริ่มใหม่เท่านั้นที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ขณะที่เบราว์เซอร์ทำงานอยู่</translation>
<translation id="2354439478396602136">แสดงการแนะนำแอปใน Launcher ของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />"</translation>
<translation id="2355876547176311490">ปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2358176879566587521">เรานำนโยบายนี้ออกแล้ว เพราะใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันนี้ไม่ได้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation>
<translation id="235987002603620567">NewBaseUrlInheritanceBehavior เป็นฟีเจอร์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่ทำให้เฟรม <ph name="ABOUT_BLANK_PAGE" /> และ <ph name="ABOUT_SRCDOC_PAGE" /> รับค่า URL ฐานผ่านสแนปชอต URL ฐานของผู้เริ่มอย่างต่อเนื่อง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://chromestatus.com/feature/5161101671530496
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้หรือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันต่างๆ เปิดใช้ NewBaseUrlInheritanceBehavior ในกรณีที่พบปัญหาด้านความเข้ากันได้ เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเป็นการอนุญาตให้เปิดใช้ NewBaseUrlInheritanceBehavior</translation>
<translation id="2362469626417133796">กรอบเวลาการเปิดอีกครั้ง</translation>
<translation id="2362539163677485510">โทเค็นการลงทะเบียนของนโยบายระบบคลาวด์</translation>
<translation id="2363928351203698966">การตั้งค่านโยบายด้วยค่าที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ใช้ SSL/TLS เวอร์ชันต่ำกว่าเวอร์ชันที่ระบุ ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะแสดงข้อผิดพลาดสำหรับ TLS 1.0 และ TLS 1.1 แต่ผู้ใช้จะข้ามไปได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "tls1.2" ผู้ใช้จะข้ามข้อผิดพลาดนี้ไปไม่ได้
การรองรับการตั้งค่านโยบายนี้เป็น "tls1" หรือ "tls1.1" ถูกนำออกในเวอร์ชัน 91 ไม่รองรับการซ่อนคำเตือน TLS 1.0/1.1 อีกต่อไป</translation>
<translation id="2364639863953745682">โหมดของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="2366301887862414321">อนุญาตทั้งโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมระดับผู้ใช้และระดับระบบ</translation>
<translation id="2373014700224092497">อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos</translation>
<translation id="2376134474855349829">ปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="2376151922689284770">ชื่อที่จะแสดงใน UI ของโปรแกรมติดตั้ง เช่น Happy VM หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะแสดงชื่อสำรอง ซึ่งอาจมาจากรายการแรก (ตามลำดับที่แสดง) ในนโยบาย BruschettaVMConfiguration หากไม่มี ก็จะแสดงชื่อทั่วไป</translation>
<translation id="2376278121995306084">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงการแจ้งเตือนได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_NOTIFICATIONS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="2377109572344699022">ควบคุมการใช้ Direct Sockets API</translation>
<translation id="2382672620906337383">ระบบจะไม่บีบ setTimeout() ของ JavaScript จนกว่าเกณฑ์ที่ซ้อนอยู่จะสูงขึ้น</translation>
<translation id="2384233438419344179">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้องค์ประกอบหน้าเว็บที่ไม่ได้มาจากโดเมนในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ตั้งค่าคุกกี้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้องค์ประกอบเหล่านั้นตั้งค่าคุกกี้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
การไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="2386362615870139244">อนุญาตล็อกปลุกหน้าจอ</translation>
<translation id="2387469539700985783">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการรายงานที่ดำเนินการโดย Android</translation>
<translation id="2388701318721126001">หากปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเลือกรูปภาพวอลเปเปอร์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จากอัลบั้มใน Google Photos ได้
ผู้ใช้จะเลือกรูปภาพใน Google Photos เป็นวอลเปเปอร์ได้หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="2393862222659066027">เปิดรายการ URL และคืนค่าเซสชันล่าสุด</translation>
<translation id="239416486107542256">การตั้งค่า F11 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Ctrl และ Shift</translation>
<translation id="2394429297128584919">ไม่อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ</translation>
<translation id="2399987589969059485">การกำหนดค่านโยบายนี้จะอนุญาตให้ระบุรูปแบบที่อนุญาตให้ใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
รูปแบบต่างๆ เป็นวิธีที่ช่วยให้เสนอการแก้ไข <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้โดยไม่ต้องส่งเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่ด้วยการเลือกเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Manage_the_Chrome_variations_framework
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_ENABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้ใช้รูปแบบทั้งหมดกับเบราว์เซอร์ได้
การตั้งค่า <ph name="CRITICAL_VARIATIONS_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะรูปแบบที่ถือว่าเป็นการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากหรือการแก้ไขด้านความเสถียรกับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_DISABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ตามกับเบราว์เซอร์ โปรดทราบว่าโหมดนี้อาจขัดขวางไม่ให้นักพัฒนาแอปของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากได้อย่างทันท่วงที และด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้</translation>
<translation id="2402537890732357732">แสดงป้ายกำกับการจัดการเสมอ</translation>
<translation id="2402547085566757554">ไม่ใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรก</translation>
<translation id="240713331529749993">การตั้งค่านโยบายหมายความว่าต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยคอมมาจะทำงานในกระบวนการเฉพาะบน Android กระบวนการของต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อจะได้รับอนุญาตให้มีเอกสารจากต้นทางนั้นและโดเมนย่อยเท่านั้น ตัวอย่างเช่น การระบุ https://a1.example.com/ จะอนุญาต https://a2.a1.example.com/ ในกระบวนการเดียวกัน แต่ไม่อนุญาต https://example.com หรือ https://b.example.com โปรดทราบว่า Android จะแยกเว็บไซต์ที่มีความละเอียดอ่อนบางเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 77 เป็นต้นไป และนโยบายนี้จะขยายการทำงานของโหมดดังกล่าวให้แยกต้นทางบางรายการเพิ่มเติม
ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 77 คุณจะระบุช่วงต้นทางเพื่อแยกโดยใช้ไวลด์การ์ดได้ด้วย ตัวอย่างเช่น การระบุ https://[*.]corp.example.com จะทำให้ทุกต้นทางภายใต้ https://corp.example.com มีกระบวนการเฉพาะของตนเอง ซึ่งรวมถึง https://corp.example.com, https://a1.corp.example.com และ https://a2.a1.corp.example.com
โปรดทราบว่าต้นทางที่แยกโดยนโยบายนี้จะสคริปต์ต้นทางอื่นๆ ในเว็บไซต์เดียวกันไม่ได้ แต่จะเป็นไปได้หากเอกสาร 2 รายการของเว็บไซต์เดียวกันแก้ไขค่า document.domain ให้ตรงกัน ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบว่าไม่มีการใช้ลักษณะการทำงานไม่ปกตินี้ในต้นทางก่อนที่จะแยก
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการแยกเว็บไซต์ทุกรูปแบบ เช่น การแยกเว็บไซต์ที่มีความละเอียดอ่อน รวมถึงการทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid ตลอดจนโหมดการแยกเว็บไซต์อื่นๆ ผู้ใช้ยังคงเปิด IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านแฟล็กบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
หมายเหตุ: การแยกเว็บไซต์จำนวนมากเกินไปใน Android อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ที่มีหน่วยความจำน้อย นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ที่มี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายกับแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="2407758458436268630">อนุญาตให้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง</translation>
<translation id="2411629345938804022">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียงได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="2411817661175306360">การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านปิดอยู่</translation>
<translation id="2411919772666155530">บล็อกการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2413022450179356125">เปิด/ปิดใช้ฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัว
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเสมอ
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบล้างค่าไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะควบคุมต่อจากนั้นได้</translation>
<translation id="2413899611035194909">แสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบของหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2415715982424988916">สำรวจ (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 91)</translation>
<translation id="2420958105721932612">ระบุวิธีที่ติดตั้งแอป AVAILABLE: แอปไม่ได้ติดตั้งโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ใช้จะติดตั้งเองได้ โดยจะเป็นค่าเริ่มต้นหากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ FORCE_INSTALLED: แอปจะติดตั้งโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งไม่ได้ BLOCKED: แอปถูกบล็อกและติดตั้งไม่ได้ หากแอปถูกติดตั้งเพราะนโยบายก่อนหน้านี้ระบุไว้ แอปจะถูกถอนการติดตั้ง</translation>
<translation id="2421400544595297401">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องใช้แอป Android</translation>
<translation id="2421677964966613267">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่รองรับรูปแบบที่มีไวลด์การ์ด "*" และ "[*.]" ในโฮสต์อีกแล้วตั้งแต่รุ่น M85</translation>
<translation id="2421713016375433338">URL ไปยังรูปภาพที่จะใช้เป็นป้ายองค์กรสำหรับโปรไฟล์ URL ต้องชี้ไปยังรูปภาพ
ป้ายนี้จะแสดงในเมนูโปรไฟล์ใต้รูปโปรไฟล์ และจะปรับขนาดรูปภาพให้พอดีกับพื้นที่ขนาด 16x16 ที่เตรียมไว้สําหรับป้าย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะแสดงไอคอนรูปอาคารเริ่มต้นขึ้นมา
หากเกิดข้อผิดพลาดในการรับและแสดงภาพ ระบบจะแสดงไอคอนรูปอาคารเริ่มต้นขึ้นมา</translation>
<translation id="2421779938235645781">สีไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์สอดคล้องกับวอลเปเปอร์ปัจจุบัน</translation>
<translation id="2423255396068675416">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เรียกใช้ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ได้ตราบใดที่มีการเปิดใช้ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ไม่ให้ผู้ใช้ใช้งาน การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มคอนเทนเนอร์ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ใหม่ ไม่ใช่คอนเทนเนอร์ที่ทำงานอยู่แล้ว</translation>
<translation id="2423654977291507457">ปิดใช้การผสานรวม</translation>
<translation id="242521047682347997">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ซิงค์ข้อความ SMS ระหว่างโทรศัพท์กับ Chromebook</translation>
<translation id="2426782419955104525">เปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาทันใจของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการเปิดใช้ "ค้นหาทันใจ"
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการปิดใช้ "ค้นหาทันใจ"
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้
หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันนี้
การตั้งค่านี้ได้ถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 29 และเวอร์ชันที่สูงกว่าแล้ว</translation>
<translation id="2428819424648741429">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ระบบจะใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ นโยบายนี้ควบคุมเฉพาะการใช้บริการออนไลน์เท่านั้น หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่ใช้บริการนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะใช้บริการตรวจตัวสะกดหรือไม่
การตรวจตัวสะกดสามารถใช้พจนานุกรมที่ดาวน์โหลดไว้ในเครื่องได้ทุกเมื่อ เว้นแต่จะมีการปิดใช้ฟีเจอร์โดย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> ซึ่งในกรณีนี้นโยบายจะไม่ส่งผลกระทบ</translation>
<translation id="2433516903565257847">เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มอุปกรณ์ที่ควรได้รับการอัปเดตหลังจากวันที่ระบุ</translation>
<translation id="2435052056904485763">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos</translation>
<translation id="2436302465999055995">กำหนดให้ <ph name="LACROS_NAME" /> เป็นเพียงเบราว์เซอร์เดียวที่ใช้ได้ (ยังไม่มีการใช้งาน)</translation>
<translation id="2439187682308339104">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ HID ผ่าน WebHID API</translation>
<translation id="2439733504887695659">เปิดใช้การปิดการแจ้งเตือนรหัสผ่านที่ถูกละเมิดสำหรับข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ป้อน</translation>
<translation id="2446244536806499267">ถือว่าผู้ใช้ยังมีการใช้งานอยู่ขณะเล่นเสียง</translation>
<translation id="2452225615952836461">เมธอดคำขอเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทุกครั้ง</translation>
<translation id="2454228136871844693">เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อความเสถียร</translation>
<translation id="2455033019778127130">ใช้การทำงานเริ่มต้นของเบราว์เซอร์ แสดงข้อกำหนดในการให้บริการและรอให้ผู้ใช้ยอมรับ</translation>
<translation id="2459668012482208475">ฟีเจอร์เหล่านี้ในเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้โมเดล Generative AI เพื่อให้ข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่องเพิ่มเติม หากต้องการใช้ฟีเจอร์ดังกล่าว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะต้องรวบรวมข้อมูล เช่น ข้อความแสดงข้อผิดพลาด สแต็กเทรซ ข้อมูลโค้ด และคำขอเครือข่าย แล้วส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ซึ่งเรียกใช้โมเดล Generative AI เนื้อหาการตอบสนองหรือการตรวจสอบสิทธิ์และส่วนหัวคุกกี้ในคำขอเครือข่ายจะไม่รวมอยู่ในข้อมูลที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์
0 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แล้วส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง Google เพื่อช่วยฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI
0 คือค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะระบุไว้ด้านล่าง
1 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แต่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยัง Google เพื่อฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI ระบบยังไม่รองรับค่านี้อย่างเต็มรูปแบบ และถือว่า "ปิดใช้โดยสมบูรณ์" ในขณะนี้ 1 คือค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
2 = ปิดใช้ฟีเจอร์ 2 คือค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชี Education ที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" />
ฟีเจอร์ Generative AI ในเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บรวมถึง
- Console Insights: ฟีเจอร์ที่อธิบายข้อความในคอนโซลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดของคอนโซล</translation>
<translation id="2460127623195247744">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="WINDOW_OCCLUSION_ENABLED_POLICY_NAME" />" แทน
เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่างในเครื่องที่ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจพบเวลาที่หน้าต่างใดก็ตามถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่และระงับการระบายสีพิกเซล ทั้งนี้เพื่อลดการใช้ CPU และพลังงาน
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจหาว่ามีหน้าต่างใดถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่หรือไม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจหาการบัง</translation>
<translation id="2462606868915618110">ตั้งแต่เวอร์ชัน M108 เป็นต้นไป ระบบจะเรียกใช้เมธอด <ph name="FILE_SYSTEM_SYNC_ACCESS_HANDLE" /> ทั้งหมดแบบพร้อมกัน
นโยบายนี้จะเปิดการเรียกใช้เมธอด <ph name="FILE_SYSTEM_SYNC_ACCESS_HANDLE" /> แบบไม่พร้อมกันอีกครั้งจนถึง M110
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะเรียกใช้เมธอด <ph name="FILE_SYSTEM_SYNC_ACCESS_HANDLE" /> แบบไม่พร้อมกัน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเรียกใช้เมธอด <ph name="FILE_SYSTEM_SYNC_ACCESS_HANDLE" /> ทั้งหมดแบบพร้อมกัน</translation>
<translation id="2463034609187171371">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส DHE ใน TLS</translation>
<translation id="2463365186486772703">ภาษาของแอปพลิเคชัน</translation>
<translation id="2463832514638083341">นโยบายนี้ควบคุมระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์ในอุปกรณ์โดยมีหน่วยเป็นวัน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -1 ระบบจะจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์อย่างไม่มีกำหนด เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 ระบบจะไม่จัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์เลย เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่น จะเป็นการระบุระยะเวลาที่จัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 90 วันสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นวัน</translation>
<translation id="2466131534462628618">การตรวจสอบสิทธิ์ของแคพทีฟพอร์ทัลจะข้ามพร็อกซีไป</translation>
<translation id="2467181864598429837">ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="2467896267442150508">ระยะเวลาที่เกิดขึ้นนานสุด 1 สัปดาห์ หากเวลาเริ่มต้นเกิดขึ้นหลังเวลาสิ้นสุด ระยะเวลาจะวนกลับมาใหม่</translation>
<translation id="2476249479201711962">เปิดการเข้าถึงเมนูตามบริบทของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="2478756867046106663">อนุญาตให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation>
<translation id="2479760962196319822">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จัดเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องได้ไหม
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะบล็อกพื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งผู้ใช้จะจัดเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องและเข้าถึงไดเรกทอรีในเครื่องไม่ได้
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ใช้พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ โดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับตำแหน่งที่ผู้ใช้จัดเก็บข้อมูลหรือไดเรกทอรีที่เข้าถึงได้</translation>
<translation id="2480971699591919564">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทรซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ส่งหมายเลขโทรศัพท์จาก Chrome ในเดสก์ท็อปไปยังอุปกรณ์ Android ได้เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/answer/9430554?hl=th
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดใช้ความสามารถในการส่งหมายเลขโทรศัพท์ไปยังอุปกรณ์ Android สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดใช้ความสามารถในการส่งหมายเลขโทรศัพท์ไปยังอุปกรณ์ Android สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทรโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="2482676533225429905">การรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="2483146640187052324">คาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ</translation>
<translation id="2487495476672607707">การซิงค์ไฟล์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะทำให้ไฟล์ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ใน "ไดรฟ์ของฉัน" ของผู้ใช้พร้อมใช้งานแบบออฟไลน์โดยอัตโนมัติ (การอนุญาตพื้นที่) บนอุปกรณ์ <ph name="CHROMEBOOK_PLUS_NAME" />
เมื่อเปิดฟีเจอร์นี้แล้ว ไฟล์ใหม่ทั้งหมดก็จะใช้งานแบบออฟไลน์ได้โดยอัตโนมัติเช่นกัน หากในภายหลังมีพื้นที่ไม่เพียงพอ ระบบจะหยุดทำให้ไฟล์ใหม่ทั้งหมดพร้อมใช้งานแบบออฟไลน์ได้โดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงทำให้รายการต่างๆ พร้อมใช้งานแบบออฟไลน์ด้วยตนเองได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="POLICY_VALUE_VISIBLE" />" จะแสดงการซิงค์ไฟล์ในแอป Files และการตั้งค่า โดยผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการซิงค์ไฟล์ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="POLICY_VALUE_DISABLEDE" />" จะปิดการซิงค์ไฟล์หากผู้ใช้เคยเปิดไว้ก่อนหน้านี้ ซ่อนฟีเจอร์นี้จากแอป Files และการตั้งค่าเพื่อไม่ให้ผู้ใช้เปิดใหม่ได้ ไฟล์เดิมที่ผู้ใช้ทำให้ใช้งานแบบออฟไลน์ได้จะยังคงใช้งานแบบออฟไลน์ได้ โดยผู้ใช้ยังคงทำให้รายการต่างๆ พร้อมใช้งานแบบออฟไลน์ด้วยตนเองได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ "<ph name="POLICY_VALUE_VISIBLE" />" เป็นการเลือกเริ่มต้น</translation>
<translation id="2489558694350871332">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือน</translation>
<translation id="2492240920793040106">เปิดใช้การรายงานข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าเพื่อช่วยปรับปรุง Google Safe Browsing</translation>
<translation id="2496180316473517155">ประวัติการเข้าชมที่เรียกดู</translation>
<translation id="2497751676088107779">สคริปต์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="2497965601277442929">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้โหมด "HTTPS เท่านั้น"</translation>
<translation id="249798396824949930"> กำหนดว่าจะให้เบราว์เซอร์ตรวจหาขอบเขตนโยบายที่จำเป็นใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ขอบเขตของนโยบายแต่ละรายการจะกำหนดตามขอบเขตของโปรไฟล์ที่มีการจัดการของ <ph name="MAC_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ระบบจะถือว่านโยบายทั้งหมดเป็นนโยบายขอบเขตระดับเครื่อง
นโยบายนี้มีผลชั่วคราวโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้การเปลี่ยนไปใช้นโยบายที่กําหนดขอบเขตอย่างเหมาะสมใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> เป็นไปอย่างราบรื่น และจะถูกนำออกไปใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 107
</translation>
<translation id="2498238926436517902">ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเสมอ</translation>
<translation id="250022556568924228">การตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการและแสดงต่อผู้ใช้เมื่อมีการเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เซสชันได้หลังจากที่ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการแล้วเท่านั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการแสดงข้อกำหนดในการให้บริการ
ควรตั้งค่านโยบายไปยัง URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการได้ ข้อกำหนดในการให้บริการต้องเป็นข้อความธรรมดาที่แสดงเป็นข้อความ/ธรรมดาประเภท MIME และไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation>
<translation id="250151283451228612">หากเปิดใช้ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_BATTERY_THRESHOLD_POLICY_NAME" /> จะกำหนดเกณฑ์ระดับแบตเตอรี่สำหรับการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เป็นเปอร์เซ็นต์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การใช้ไฟจากแบตเตอรี่ปิดอยู่เสมอ</translation>
<translation id="2502467045153796624">ลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation>
<translation id="250670737672448119">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์บริเวณโดยรอบเคอร์เซอร์ข้อความ ขณะที่แก้ไขข้อความ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="2506865562891982662">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกอุปกรณ์แคสต์ด้วยรหัสการเข้าถึงหรือคิวอาร์โค้ดจากภายในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2509748672176727116">ผู้ใช้จะทำการบันทึกแพ็กเก็ตเครือข่ายได้</translation>
<translation id="2509919237512982967">ใช้ตัวควบคุมแบบฟอร์มเดิมจนถึงเวอร์ชัน M84</translation>
<translation id="2512972020817284317">เปิดใช้การรวมนโยบายในระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์</translation>
<translation id="2515699738406900920">ความพร้อมใช้งานของเครื่องมือเลือกโปรไฟล์เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="2517466659416174529">อนุญาตการระงับแท็บที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง</translation>
<translation id="2518231489509538392">อนุญาตให้เล่นเสียง</translation>
<translation id="2519578205567666653">อนุญาตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation>
<translation id="2520551905471951523">ใช้ลำดับความสำคัญสูงกับกระบวนการของเสียง</translation>
<translation id="2521581787935130926">แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="2522304491589804974">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="2523511232831599126">เปิดใช้ทางลัดสำหรับการช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="252742292004421898">อนุญาต Direct Sockets API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2529880111512635313">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่บังคับให้ติดตั้ง</translation>
<translation id="253135976343875019">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="2535370400681639351">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้คำขอการตรวจสอบสิทธิ์ gnubby จะทำผ่านพร็อกซีในการเชื่อมต่อโฮสต์ระยะไกล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้คำขอการตรวจสอบสิทธิ์ gnubby ไม่ทำผ่านพร็อกซี
โปรดทราบว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้คอมโพเนนต์เพิ่มเติมซึ่งไม่มีให้บริการนอกระบบเครือข่ายของ Google จึงจะทำงานได้อย่างถูกต้อง</translation>
<translation id="2536525645274582300">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่</translation>
<translation id="254653220329944566">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2547854230073316008">การตั้งค่านโยบายจะตั้งค่าความละเอียดและค่าตัวคูณมาตราส่วนของจอแสดงผลแต่ละจอ การตั้งค่าจอแสดงผลภายนอกจะใช้กับจอแสดงผลที่เชื่อมต่อ (นโยบายจะไม่มีผลหากจอแสดงผลไม่รองรับความละเอียดหรือขนาดที่ระบุ)
การตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_USE_NATIVE" /> เป็น "จริง" หมายความว่านโยบายจะไม่สนใจ <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> และ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> และจะตั้งค่าจอแสดงผลภายนอกเป็นความละเอียดของระบบ การตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_USE_NATIVE" /> เป็น "เท็จ" หรือการไม่ตั้งค่ารายการดังกล่าวและ <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> หรือ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> หมายความว่านโยบายจะไม่ส่งผลต่อจอแสดงผลภายนอก
การตั้งค่าแฟล็กที่แนะนำเป็น "จริง" จะให้ผู้ใช้เปลี่ยนความละเอียดและค่าตัวคูณมาตราส่วนของจอแสดงผลได้จากหน้าการตั้งค่า แต่จะมีการเปลี่ยนการตั้งค่าเมื่อรีบูตครั้งถัดไป การตั้งค่าแฟล็กที่แนะนำเป็น "เท็จ" หรือการไม่ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าจอแสดงผลไม่ได้
หมายเหตุ: ตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> และ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> เป็นพิกเซล และ <ph name="EXTERNAL_SCALE_PERCENTAGE" /> และ <ph name="INTERNAL_SCALE_PERCENTAGE" /> เป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="2548331788863219790">ป้องกันการติดตั้งและการอัปเดตส่วนขยายที่โฮสต์นอก Chrome เว็บสโตร์</translation>
<translation id="2548397295248733155">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="2548572254685798999">รายงานข้อมูล Google Safe Browsing</translation>
<translation id="2549472870177108435">การตั้งค่านโยบายนี้จะตั้งค่ากฎในการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะลบล้างกฎเริ่มต้น การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์ เมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกับแอตทริบิวต์ที่ระบุ ในกรณีที่การจับคู่ไม่สมบูรณ์แบบ จะตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้เลือกเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันเครื่องใดก็ได้โดยขึ้นอยู่กับลำดับในการค้นพบเครื่องพิมพ์
หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นแอตทริบิวต์ที่จับคู่ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ PDF ในตัวจะเป็นค่าเริ่มต้น หากไม่มีเครื่องพิมพ์ PDF ค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเป็น "ไม่มี"
ตอนนี้เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจัดเป็นประเภท <ph name="PRINTER_TYPE_LOCAL" /> เครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จะถือว่าเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_CLOUD" /> แต่ระบบไม่รองรับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> แล้ว
หมายเหตุ: การข้ามช่องใดช่องหนึ่งไปแสดงว่าค่าทั้งหมดตรงกับช่องนั้นๆ เช่น การไม่ระบุ idPattern หมายความว่าการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์จะยอมรับรหัสเครื่องพิมพ์ทั้งหมด รูปแบบนิพจน์ทั่วไปต้องเป็นไปตามไวยากรณ์ JavaScript RegExp และการจับคู่จะคำนึงถึงตัวอักษรพิมพ์เล็กและใหญ่</translation>
<translation id="2550593661567988768">การพิมพ์ด้านเดียวเท่านั้น</translation>
<translation id="2552318891854145040">การตั้งค่านโยบายนี้จะสร้างรายการบุ๊กมาร์กที่แต่ละรายการเป็นพจนานุกรมที่มีคีย์ "<ph name="NAME" />" และ "<ph name="URL_LABEL" />" คีย์เหล่านี้เก็บชื่อและเป้าหมายของบุ๊กมาร์กไว้ ผู้ดูแลระบบสร้างโฟลเดอร์ย่อยได้โดยกำหนดบุ๊กมาร์กที่ไม่มีคีย์ "<ph name="URL_LABEL" />" แต่มีคีย์ "<ph name="CHILDREN" />" เพิ่มเติม คีย์นี้ยังมีรายการบุ๊กมาร์กด้วย ซึ่งบุ๊กมาร์กบางอันอาจเป็นโฟลเดอร์ด้วยก็ได้ Chrome จะแก้ไข URL ที่ไม่สมบูรณ์ให้เหมือนว่า URL เหล่านั้นได้รับการส่งผ่านทางแถบที่อยู่ เช่น "<ph name="GOOGLE_COM" />" จะเปลี่ยนเป็น "<ph name="HTTPS_GOOGLE_COM" />"
ผู้ใช้เปลี่ยนโฟลเดอร์ที่บุ๊กมาร์กอยู่ไม่ได้ (แต่ซ่อนโฟลเดอร์จากแถบบุ๊กมาร์กได้) ชื่อโฟลเดอร์เริ่มต้นของบุ๊กมาร์กที่มีการจัดการคือ "บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ" แต่ก็เปลี่ยนได้โดยเพิ่มพจนานุกรมย่อยใหม่ที่มีคีย์เดียวชื่อ "<ph name="TOPLEVEL_NAME" />" ลงในนโยบาย โดยมีชื่อโฟลเดอร์ที่ต้องการเป็นค่า บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการจะไม่ซิงค์กับบัญชีผู้ใช้และส่วนขยายจะแก้ไขบุ๊กมาร์กเหล่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="2552966063069741410">เขตเวลา</translation>
<translation id="2554010621206996293">นโยบายนี้อนุญาตให้ควบคุมการเปิดใช้งานฟีเจอร์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
นโยบายนี้จะลบล้างนโยบาย <ph name="FIRST_PARTY_SETS_ENABLED_POLICY_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="2555244983262829274">ซ่อนปุ่มหน้าแรกไม่ให้แสดงในแถบเครื่องมือ</translation>
<translation id="2558154810835597313">เปิดใช้การจัดสรรใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับผู้ใช้หรือโปรไฟล์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="2562213287271514629">อนุญาตให้ใช้ "<ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />" ที่ล้าสมัยเป็น "<ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />" ปกติ</translation>
<translation id="2562339630163277285">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ URL ควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา
นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ
URL ผลการค้นหาแบบทันใจของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_INSTANT_SEARCH_URL" />
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="2563373001850981577">เปิดใช้ความสามารถในการส่งไฟล์ไปยังถังขยะ (สำหรับระบบไฟล์ที่รองรับ) ในแอป Files ของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />"</translation>
<translation id="256597156026041241">ปิดใช้คีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2568488785376704318">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2570059561924004903">ปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียง</translation>
<translation id="2570181623957732921">เปิดใช้ <ph name="DESK_API_NAME" /> สำหรับรายการโดเมนของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="2575198840408498393">ปิดใช้การสร้างโปรไฟล์โรมมิ่ง</translation>
<translation id="2576324725151524912">อนุญาตให้ใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์กับแอปที่แยกไว้</translation>
<translation id="25765864042030871">ตัวแฮนเดิลเหตุการณ์ <ph name="UNLOAD_EVENT_NAME" /> อยู่ระหว่างการเลิกใช้งาน ตัวแฮนเดิลเหล่านี้มีการทำงานหรือไม่ขึ้นอยู่กับ <ph name="PERMISSIONS_POLICY_NAME" /> ของ <ph name="UNLOAD_EVENT_NAME" /> ในปัจจุบัน โดยค่าเริ่มต้นตัวแฮนเดิลเหล่านี้ได้รับอนุญาตจากนโยบาย ในอนาคต สถานะของตัวแฮนเดิลดังกล่าวจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นไม่อนุญาตโดยค่าเริ่มต้น และเว็บไซต์ต่างๆ จะต้องเปิดใช้ตัวแฮนเดิลดังกล่าวอย่างชัดแจ้งโดยใช้ส่วนหัว <ph name="PERMISSIONS_POLICY_NAME" /> คุณสามารถใช้นโยบายระดับองค์กรนี้เพื่อเลือกไม่รับการทยอยเลิกใช้งานนี้โดยบังคับให้ค่าเริ่มต้นยังคงเป็นเปิดใช้อยู่
หน้าเว็บอาจต้องอาศัยตัวแฮนเดิลเหตุการณ์ <ph name="UNLOAD_EVENT_NAME" /> เพื่อบันทึกข้อมูลหรือส่งสัญญาณการสิ้นสุดเซสชันของผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเราไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้เนื่องจากไม่น่าเชื่อถือและส่งผลต่อประสิทธิภาพจากการบล็อกการใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทั้งนี้มีทางเลือกอื่นที่แนะนำให้ใช้ อย่างไรก็ตาม มีการใช้เหตุการณ์ <ph name="UNLOAD_EVENT_NAME" /> มานานแล้ว ซึ่งแอปพลิเคชันบางรายการอาจยังคงต้องอาศัยตัวแฮนเดิลเหล่านี้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะค่อยๆ มีการเลิกใช้งานตัวแฮนเดิลเหตุการณ์ <ph name="UNLOAD_EVENT_NAME" /> ตามกำหนดการทยอยเลิกใช้งาน และเว็บไซต์ที่ไม่ได้ตั้งค่าส่วนหัว <ph name="PERMISSIONS_POLICY_NAME" /> จะทำให้เหตุการณ์ "ยกเลิกการโหลด" เริ่มขึ้นไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ตัวแฮนเดิลเหตุการณ์ <ph name="UNLOAD_EVENT_NAME" /> จะยังคงทำงานต่อไปโดยค่าเริ่มต้น
หมายเหตุ: นโยบายนี้มีค่าเริ่มต้นเป็น "จริง" ที่บันทึกไว้อย่างไม่ถูกต้องใน M117 เหตุการณ์ยกเลิกการโหลดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงและจะไม่เปลี่ยนแปลงใน M117 นโยบายนี้จึงไม่ส่งผลใดๆ ในเวอร์ชันดังกล่าว
</translation>
<translation id="257788512393330403">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 6 ชั่วโมง</translation>
<translation id="2580606791930800692">ตั้งค่ารายการกฎการควบคุมข้อมูล</translation>
<translation id="2580757713966614760">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_BLOCKLISTRESTRICTIONS" /> (ค่า 0) <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ได้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_ALLOWLISTPRINTERSONLY" /> (ค่า 1) <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_ALLOWALL" /> (ค่า 2) เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ใช้งาน
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /></translation>
<translation id="2581338546762479588">อนุญาตให้รีบูตโดยอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต</translation>
<translation id="2581374691851317168">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ JavaScript ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="2585535930727399201">ส่วนขยายสำหรับองค์กรจะเพิ่มบันทึกผ่าน chrome.systemLog API ลงในไฟล์บันทึกของระบบได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้เก็บบันทึกไว้ในไฟล์บันทึกของระบบได้ในระยะเวลาจำกัด
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้เพิ่มบันทึกลงในไฟล์บันทึกของระบบไม่ได้ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการเก็บบันทึกระหว่างเซสชัน</translation>
<translation id="2586117300379904732">อนุญาต Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="2586231026319371211">เวลาที่ตีความในรูปแบบ 24 ชั่วโมงตามนาฬิกาติดผนังในท้องถิ่น</translation>
<translation id="2587719089023392205">ตั้ง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="2588252329503406673">การตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้คุณกำหนดลักษณะการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งในขณะที่หน้าจอลงชื่อเข้าใช้ปรากฏขึ้น นโยบายนี้ควบคุมการตั้งค่าหลายรายการ สำหรับความหมายของคำแต่ละความหมายและช่วงค่า ให้ดูนโยบายที่สอดคล้องกันที่ควบคุมการจัดการพลังงานภายในเซสชัน
การเบี่ยงเบนจากนโยบายเหล่านี้มีดังนี้
* การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวหรือปิดฝาจะเป็นการจบเซสชันไม่ได้
* การกระทำเริ่มต้นที่ดำเนินการเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวเมื่อใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC คือการปิด
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือไม่ตั้งค่าใดก็ตามในนโยบายจะทำให้มีการใช้ค่าเริ่มต้นในการตั้งค่าพลังงานแบบต่างๆ</translation>
<translation id="2591775699187375408">ใช้แซนด์บ็อกซ์กับกระบวนการของเสียงเสมอ</translation>
<translation id="2592091433672667839">ระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation>
<translation id="259289618675490104">การตั้งค่านโยบายเป็น "ทั้งหมด" (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" (ค่า 2) จะทำให้ผู้ใช้ดูใบรับรองได้อย่างเดียว (จัดการไม่ได้)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ผู้ใช้เท่านั้น" (ค่า 1) จะทำให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองได้ แต่ต้องไม่ใช่ใบรับรองแบบทั่วทั้งอุปกรณ์</translation>
<translation id="2593762551209145088">Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย</translation>
<translation id="26023406105317310">กำหนดค่าบัญชี Kerberos</translation>
<translation id="2603237557651009842">บล็อก WebPrinting API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2603382859270873566">เปิดใช้การรองรับ PPB_VideoDecoder(Dev) API</translation>
<translation id="2604182581880595781">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="2608039968712973520">ขอสิทธิ์เรียกใช้ "<ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />" ที่ล้าสมัยจากผู้ใช้</translation>
<translation id="2608535066974278204">ระยะเวลา (นาที) ของกรอบเวลาการเปิดอีกครั้ง</translation>
<translation id="2608887839902987727">ป้องกันไม่ให้การตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลละเว้นการตั้งค่าพร็อกซี</translation>
<translation id="2608985885792348429">การตั้งค่าคลิปบอร์ดเริ่มต้น</translation>
<translation id="2613493229743687635"><ph name="GET_ALL_SCREENS_MEDIA_NAME" /> API อนุญาตให้เว็บแอปพลิเคชันที่แยกไว้ (ระบุโดยต้นทาง) จับภาพหลายแพลตฟอร์มพร้อมกันโดยไม่ต้องมีการให้สิทธิ์จากผู้ใช้เพิ่มเติม
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="GET_ALL_SCREENS_MEDIA_NAME" /> จะใช้ไม่ได้กับเว็บแอปพลิเคชัน
เพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัว นโยบายนี้จะไม่รองรับการอัปเดตค่านโยบายในระหว่างเซสชัน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงจะมีผลหลังจากที่ผู้ใช้ออกจากระบบและเข้าสู่ระบบอีกครั้งแล้วเท่านั้น
ผู้ใช้จะมั่นใจได้ว่าไม่มีแอปอื่นๆ ที่จับภาพหน้าจอได้หลังจากเข้าสู่ระบบ หากไม่ได้รับอนุญาตไว้แล้วเมื่อเริ่มต้นเซสชัน</translation>
<translation id="2615240493030733717">รายงานข้อมูลเขตเวลา</translation>
<translation id="2619258867868873629">ปลายทางของ "บันทึกเป็น PDF" และปลายทางของ "บันทึกลงใน Google ไดรฟ์" ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2621290137818374425">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้ข้อกำหนดในการเปิดเผยข้อมูลความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์ใน URL ที่ระบุ โฮสต์สามารถใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือต่อไปได้ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) แต่จะทำให้ตรวจหาใบรับรองที่ออกอย่างไม่ถูกต้องได้ยากขึ้น
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด "<ph name="PRODUCT_NAME" />" ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น
URL มีรูปแบบดังนี้ ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format ) แต่เนื่องจากความถูกต้องของใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์หนึ่งๆ ขึ้นอยู่กับรูปแบบ พอร์ต หรือเส้นทาง "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จึงพิจารณาเพียงแค่ส่วนชื่อโฮสต์ของ URL เท่านั้น ไม่รองรับโฮสต์ไวลด์การ์ด</translation>
<translation id="2623014935069176671">รอกิจกรรมเริ่มต้นของผู้ใช้</translation>
<translation id="2625026032335150744">เลือกตัวเลือกให้เก็บข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไว้โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="2625398797484317969">ควบคุมการตั้งค่าสำหรับคำตอบด่วน</translation>
<translation id="2626302212133950795">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถใช้การรับรองระยะไกล (การเข้าถึงที่ยืนยันแล้ว) เพื่อรับการรับรองที่ออกโดย CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งยืนยันว่าอุปกรณ์มีสิทธิ์เล่นเนื้อหาที่มีการคุ้มครอง กระบวนการนี้มีการส่งข้อมูลการรับรองฮาร์ดแวร์ไปยัง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ระบุอุปกรณ์โดยไม่ซ้ำกัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ไม่ใช้การรับรองระยะไกลกับการปกป้องเนื้อหาและอาจไม่เล่นเนื้อหาที่มีการคุ้มครอง</translation>
<translation id="262740370354162807">เปิดใช้งานการส่งเอกสารไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="2633084400146331575">เปิดใช้งานการตอบสนองด้วยเสียง</translation>
<translation id="2633907568797306353">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การแจ้งเตือนของฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="2634265675787412567"><ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจกําหนดเส้นทางคําขอสร้างพาสคีย์/WebAuthn ไปยังพวงกุญแจ iCloud ใน macOS 13.5 ขึ้นไปโดยตรง หากยังไม่ได้เปิดใช้การซิงค์พวงกุญแจ iCloud นโยบายนี้จะแจ้งให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ด้วย iCloud หรือเปิดใช้การซิงค์พวงกุญแจ iCloud
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ใช้พวงกุญแจ iCloud โดยค่าเริ่มต้น และอาจใช้ลักษณะการทํางานก่อนหน้า (ของการสร้างข้อมูลเข้าสู่ระบบในโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" />) แทน ผู้ใช้จะยังเลือกพวงกุญแจ iCloud เป็นตัวเลือกได้ และอาจเห็นข้อมูลเข้าสู่ระบบพวงกุญแจ iCloud เมื่อลงชื่อเข้าใช้อยู่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" พวงกุญแจ iCloud จะเป็นค่าเริ่มต้นเมื่อคําขอ WebAuthn เข้ากันได้กับตัวเลือกนั้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น มีการเปิดใช้ iCloud Drive หรือไม่ และผู้ใช้ได้ใช้หรือสร้างข้อมูลเข้าสู่ระบบในโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเร็วๆ นี้หรือไม่</translation>
<translation id="2635872253077105112">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎสำหรับบางอย่างที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎเหล่านั้นเมื่อเลือกว่า URL ควรเปิดในเบราว์เซอร์สำรองหรือไม่ เมื่อ Add-in ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะเปลี่ยนกลับไปยัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อกฎไม่ตรงกัน หากกฎขัดแย้งกัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎที่เจาะจงที่สุด
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ
โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย <ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย</translation>
<translation id="2640898752536996430">นำผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="264093234299818170">ระบบจะแสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมดยกเว้นที่อยู่ในรายการที่บล็อก</translation>
<translation id="264252574246191885">ไม่แสดง</translation>
<translation id="2644268520085581041">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะลบล้างการตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงของ IPv6 ซึ่งหมายความว่าระบบจะค้นหาระเบียน AAAA เสมอเมื่อแปลงชื่อโฮสต์ การตั้งค่านี้จะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ลบล้างการตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงของ IPv6
ระบบจะค้นหาระเบียน AAAA เฉพาะเมื่อเข้าถึงโฮสต์ IPv6 ส่วนกลางได้</translation>
<translation id="2647069081229792812">เปิดหรือปิดใช้การแก้ไขบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="264771271300359481">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใช้สิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ด</translation>
<translation id="2649537800219643135">แหล่งที่มาของรูปภาพหน้าจอล็อกสำหรับโปรแกรมรักษาหน้าจอของผู้ใช้</translation>
<translation id="2649896281375932517">ให้ผู้ใช้เลือก</translation>
<translation id="2650049181907741121">การทำงานของอุปกรณ์เมื่อผู้ใช้ปิดฝา</translation>
<translation id="2656559539624760733">ไม่ใช้ Chrome Root Store</translation>
<translation id="2658653824183107970">ควรใช้การใช้งาน <ph name="CORS" /> เดิมมากกว่า <ph name="CORS" /> ใหม่</translation>
<translation id="2660846099862559570">ไม่ใช้พร็อกซี</translation>
<translation id="2661628029848851543">ระบบจะอนุญาตการใช้งานทั้งหมดของบัญชีที่จัดการ</translation>
<translation id="2664391398878045611">หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงประกาศในช่องกลางแม้ว่าจะมีประกาศ</translation>
<translation id="2664682171745499686">ระงับคำเตือนโดเมนที่เหมือนกันในหลายโดเมน</translation>
<translation id="2665129863304939984">อนุญาตให้ผู้ใช้ตัดสินใจนําข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="2665422249821137126">เปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2666177084759967497">
กำหนดว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเก็บข้อมูลบัญชีไว้ในเครื่องหลังจากออกจากระบบแล้วหรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เก็บข้อมูลบัญชีถาวรใดๆ ไว้ และจะทิ้งข้อมูลทั้งหมดจากเซสชันของผู้ใช้หลังออกจากระบบแล้ว หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลผู้ใช้ในเครื่อง (มีการเข้ารหัส)
หมายเหตุ: ตั้งแต่เวอร์ชัน M114 เป็นต้นไป ระบบจะอนุญาตให้แอปคีออสก์บางรายการลบล้างลักษณะการทำงานของนโยบายนี้สำหรับแอปใน Use Case พิเศษ เช่น การประเมินนักเรียน</translation>
<translation id="2667894101494585925">เปิดใช้การดึงข้อมูลคู่มือการเพิ่มประสิทธิภาพ</translation>
<translation id="2669157090883237118">ไม่ต้องเปลี่ยนการกำหนดค่าที่แนะนำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2672012807430078509">ควบคุมการเปิดใช้ NTLM เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการต่อเชื่อม SMB</translation>
<translation id="2673363037046384711">ผู้ใช้ปลายทางจะเปิดใช้หรือปิดใช้โหมดประสิทธิภาพสูงได้</translation>
<translation id="2673968385134502798">เกม</translation>
<translation id="2678503605767349615">ต้องมีใบรับรองไคลเอ็นต์ระดับอุปกรณ์</translation>
<translation id="268134026533587276">เปิดใช้หน้าจอล็อกสำหรับโปรแกรมรักษาหน้าจอของผู้ใช้แล้ว</translation>
<translation id="268577405881275241">เปิดใช้ฟีเจอร์พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล</translation>
<translation id="268695908564263739">นโยบายนี้จะเปิดใช้หรือปิดใช้การตั้งค่าโหมดประสิทธิภาพสูง การตั้งค่านี้จะช่วยปิดแท็บหลังจากทำงานเบื้องหลังไประยะหนึ่งเพื่อเรียกคืนหน่วยความจำได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ปลายทางจะควบคุมการตั้งค่านี้ได้ใน chrome://settings/performance
</translation>
<translation id="2691668238491124549">การตั้งค่านโยบาย (ตามที่แนะนำเท่านั้น) จะย้ายภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการไปไว้ที่ลำดับต้นๆ ของรายการ ในลำดับที่ภาษานั้นปรากฏในนโยบาย ระบบเลือกภาษาที่แนะนำเป็นอันดับแรกไว้ล่วงหน้า
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเลือกภาษาของ UI ปัจจุบันไว้ล่วงหน้า
เมื่อมีภาษาที่แนะนำมากกว่า 1 ภาษาจะถือว่าผู้ใช้ต้องการเลือกภาษาเหล่านี้ ให้ความสำคัญกับการเลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ เมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ หากไม่ได้เลือกค่าดังกล่าว ระบบจะถือว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการใช้ภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้า ลดความสำคัญของการเลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ เมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้และเปิดการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ (ดูนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_DELAY_POLICY_NAME" />) เซสชันที่มีการจัดการจะใช้ภาษาที่แนะนำและรูปแบบแป้นพิมพ์ยอดนิยมที่คู่กันเป็นอันดับแรก
รูปแบบแป้นพิมพ์ที่เลือกไว้ล่วงหน้าจะเป็นรูปแบบยอดนิยมคู่กับภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้าเสมอ ผู้ใช้เลือกภาษาที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รองรับสำหรับเซสชันได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="2693108589792503178">กำหนดค่า URL การเปลี่ยนรหัสผ่าน</translation>
<translation id="2694143893026486692">แว่นขยายหน้าจอบางส่วนเปิดอยู่</translation>
<translation id="2696077732471707315">
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M77
นโยบายนี้จะใช้กับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ด้วยซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ ขอแนะนำให้ตั้งค่าของนโยบายทั้งสองเป็นค่าเดียวกัน หากค่าไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเวลาเข้าสู่เซสชันของผู้ใช้ และระบบจะใช้ค่าที่นโยบายผู้ใช้ระบุไว้
</translation>
<translation id="2697717608663878828">เปิดใช้การทดสอบ ClientHello ที่เข้ารหัสตาม TLS</translation>
<translation id="2698555428858508691">นโยบายนี้ควบคุมป้ายกำกับที่กำหนดเองซึ่งใช้เพื่อระบุโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้และต้องแสดงป้ายกำกับ ระบบจะใช้ป้ายกำกับเริ่มต้น "งาน" หรือ "โรงเรียน"
นโยบายนี้จะลบล้างนโยบาย <ph name="PROFILE_LABEL_POLICY_NAME" />
ระบบจะไม่แปลป้ายกำกับที่กำหนดเอง</translation>
<translation id="2699836109975228367">เปิดใช้ฟีเจอร์เสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2702023190395322609">เปิดใช้คำแนะนำสื่อ</translation>
<translation id="2702682139813393777">บังคับให้โฮสต์การรับส่งข้อความในเครื่องของ Windows เปิดใช้งานผ่าน cmd.exe</translation>
<translation id="2703733412051211941">เรียกให้ทำงานเมื่อไม่มีการใช้งานคอมพิวเตอร์
การตั้งค่านโยบายนี้จะเป็นการกำหนดระยะเวลาโดยไม่ต้องมีข้อมูลจากผู้ใช้ (เป็นนาที) ก่อนที่เบราว์เซอร์จะเรียกใช้การดำเนินการที่กำหนดค่าไว้ผ่านนโยบาย <ph name="IDLE_TIMEOUT_ACTIONS_POLICY_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่เรียกใช้การดำเนินการใดๆ
เกณฑ์ขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 1 นาที
"ข้อมูลจากผู้ใช้" จะกำหนดโดย Operating System API ซึ่งรวมถึงการดำเนินการต่างๆ อย่างการเลื่อนเมาส์หรือการพิมพ์บนแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="270582584528242502">ไม่ต้องแสดงกล่องคำเตือนเมื่อผู้ใช้พยายามออก</translation>
<translation id="2706708761587205154">อนุญาตให้พิมพ์เฉพาะเมื่อมี PIN เท่านั้น</translation>
<translation id="2707733461906745082">การแยกโปรไฟล์</translation>
<translation id="2707873794476722903">Google Safe Browsing ทำงานในโหมดมาตรฐาน</translation>
<translation id="2709516037105925701">ป้อนอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2713913573196284609">ค่านี้เลิกใช้งานไปแล้วตั้งแต่เวอร์ชัน M121 ในเวอร์ชัน M121 ขึ้นไป ระบบจะถือว่าค่าเป็น EnabledBelowThreshold</translation>
<translation id="2713977837384407666">ส่งเมตริกไปยัง Google เสมอ</translation>
<translation id="2714359695399346815">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ใช้เซิร์ฟเวอร์ STUN ได้ ซึ่งจะทำให้ไคลเอ็นต์ระยะไกลค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องนี้ได้แม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" เมื่อไฟร์วอลล์กรองการเชื่อมต่อ UDP ขาออกจะทำให้เครื่องอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครื่องไคลเอ็นต์ภายในเครือข่าย LAN เท่านั้น</translation>
<translation id="2714756912981510828">เปิดใช้การตรวจหาการรั่วไหลของรหัสผ่าน</translation>
<translation id="2716071441112588786">อนุญาตการค้นหาผ่านพร็อกซีที่มีการปกป้องสูงขึ้น</translation>
<translation id="2716623398185506073">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์และตัวระบุที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติด้านพลังงาน</translation>
<translation id="2716930334159519261">การตั้งค่านโยบายช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ดสำหรับเว็บไซต์ได้ ทั้งนี้ไม่รวมการดำเนินการเกี่ยวกับคลิปบอร์ดทั้งหมดในต้นทางที่ตรงกับรูปแบบในรายการ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้จะยังวางโดยใช้แป้นพิมพ์ลัดได้อยู่เนื่องจากไม่ถูกกั้นโดยสิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ดสำหรับเว็บไซต์
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_CLIPBOARD_SETTING" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="2717628606602248727">นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งควบคุมให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานข้อมูลหน่วยความจำ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลหน่วยความจำ
ข้อยกเว้น: ข้อมูลหน่วยความจำที่ไม่ได้ใช้งาน (Free Memory) จะควบคุมโดย <ph name="REPORT_DEVICE_HARDWARE_STATUS" /> สำหรับรุ่น M95 ลงมา</translation>
<translation id="2721185634942265347">ปิดใช้การแนะนำการค้นหา</translation>
<translation id="2721582713721006926">ปิดใช้คำจำกัดความของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="2722076884688932437">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนรายงานข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เสียบเข้ากับอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนจะไม่รายงานข้อมูลอุปกรณ์ต่อพ่วง</translation>
<translation id="2723281094174141470">ส่วนขยายข้อมูลเชิงลึกจะรายงานความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลดของอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ เวลาที่ผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน และข้อมูลเชิงลึกของแอปพลิเคชัน
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ระบบจะติดตั้งส่วนขยายข้อมูลเชิงลึกและมีการรายงานเมตริก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่ติดตั้งส่วนขยายข้อมูลเชิงลึกและจะไม่มีการรายงานเมตริก</translation>
<translation id="2724868837491558133">สร้างรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะให้สิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่องโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะทำให้เว็บไซต์ดูข้อมูลเกี่ยวกับแบบอักษรในเครื่องได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์ได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_LOCAL_FONTS_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นสิทธิ์ดังกล่าวจะเป็นไปตามค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์และอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกสิทธิ์สำหรับแต่ละเว็บไซต์</translation>
<translation id="2727844239611930002">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พิจารณาว่าจะแสดงข้อความแจ้งเกี่ยวกับ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> หรือไม่</translation>
<translation id="2730200383593984228">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องใช้แอป Android</translation>
<translation id="2730419309754848345">ค่าเริ่มต้นการพิมพ์ PDF เป็นรูปภาพ</translation>
<translation id="2730644640965800157">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดการซิงค์ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจะไม่มีการอัปโหลดข้อมูลไปยัง Google ไดรฟ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้โอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ได้</translation>
<translation id="2731299561202635374">นโยบายนี้ควบคุมการตรวจสอบ URL แบบเรียลไทม์เพื่อระบุ URL ที่เป็นอันตราย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ระบบจะใช้การตรวจสอบกับ Google Safe Browsing สำหรับผู้บริโภค การตรวจสอบกับ Google Safe Browsing สำหรับผู้บริโภคยังคงรวมการค้นหาแบบเรียลไทม์ได้อยู่ โดยขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า "ปรับปรุงการค้นหาและการท่องเว็บให้ดียิ่งขึ้น" และค่าของนโยบาย UrlKeyedAnonymizedDataCollectionEnabled
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะส่ง URL ไปสแกนแบบเรียลไทม์ตามข้อกำหนดในการให้บริการขององค์กร ซึ่งจะทำให้ Chrome ส่ง URL ไปยัง Google Cloud หรือบุคคลที่สามที่คุณเลือกเพื่อตรวจสอบ URL เหล่านั้นแบบเรียลไทม์ ระบบจะปิดการค้นหาแบบเรียลไทม์ของ Google Safe Browsing เวอร์ชันสำหรับผู้บริโภค
นโยบายนี้ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมจึงจะมีผล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a?p=chrome_enterprise_connector_policies_setting</translation>
<translation id="2731627323327011390">ปิดการใช้งานใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="273678600057164019">การแปลง DNS ของระบบจะทำงานในกระบวนการของเครือข่าย</translation>
<translation id="2737917415184832294">ใช้ HTTPS เพื่อการดาวน์โหลดอัปเดต</translation>
<translation id="2739213523971537320">ปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2742843273354638707">ซ่อนแอป Chrome เว็บสโตร์ และลิงก์ส่วนท้ายจากหน้าแท็บใหม่ และเครื่องเรียกใช้งานแอป <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True จะมีการซ่อนไอคอนไป
เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น False หรือไม่มีการกำหนดค่า จะสามารถมองเห็นไอคอนได้</translation>
<translation id="2744751866269053547">ลงทะเบียนเครื่องจัดการโปรโตคอล</translation>
<translation id="2744980433176488921">การตั้งค่า F11/F12 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Shift</translation>
<translation id="2745150813292162313">อนุญาตให้เปิดใช้การแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="2746016768603629042">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ DefaultJavaScriptSetting แทน
สามารถใช้เพื่อปิดใช้งาน JavaScript ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้
หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้ หน้าเว็บจะไม่สามารถใช้ JavaScript และผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้
หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าเว็บจะสามารถใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้</translation>
<translation id="274769314493317695">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_WHITELIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2752046642026416564">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ที่ระดับผู้ใช้ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้โฮสต์เหล่านี้ได้เฉพาะเมื่อติดตั้งไว้ที่ระดับระบบเท่านั้น</translation>
<translation id="2753637905605932878">จำกัดช่วงของพอร์ต UDP ในเครื่องที่ WebRTC ใช้งาน</translation>
<translation id="2755847332939882873">อนุญาตให้รวบรวมการติดตามประสิทธิภาพทั้งระบบ</translation>
<translation id="2757054304033424106">ประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้ง</translation>
<translation id="2759224876420453487">ควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์</translation>
<translation id="2760947619380644513">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลเปิด URL ฝั่งโฮสต์ในเบราว์เซอร์ไคลเอ็นต์ในเครื่องได้</translation>
<translation id="2761483219396643566">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้กำลังแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2764750330785898947">เปิดใช้การรองรับการเข้ารหัสเนื้อหาด้วย <ph name="ZSTANDARD_SHORTNAME" /></translation>
<translation id="2764964245640818227">ควบคุมว่าโปรแกรมอ่าน PDF ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใส่คำอธิบายประกอบใน PDF ได้หรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น "จริง" โปรแกรมอ่าน PDF จะใส่คำอธิบายประกอบใน PDF ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โปรแกรมอ่าน PDF จะใส่คำอธิบายประกอบใน PDF ไม่ได้</translation>
<translation id="2769199041812510302">URL ของโลโก้องค์กร</translation>
<translation id="2769952903507981510">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2770376586681635746">ควบคุมว่าผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ได้หรือไม่
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ได้ผ่านการตั้งค่าบัญชี Kerberos ในหน้าการตั้งค่า Kerberos ผู้ใช้จะควบคุมบัญชีที่ตนเพิ่มไว้ได้โดยสมบูรณ์และจะแก้ไขหรือนำบัญชีออกได้ด้วย
หากปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ไม่ได้ ผู้ใช้จะเพิ่มบัญชีได้ผ่านนโยบาย "กำหนดค่าบัญชี Kerberos" เท่านั้น นี่เป็นวิธีล็อกบัญชีที่มีประสิทธิภาพ</translation>
<translation id="2772231477628401250">ใช้ HTTP เพื่อการดาวน์โหลดอัปเดต</translation>
<translation id="2772955711376920612">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" และการตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_BATTERY_THRESHOLD_POLICY_NAME" /> กับ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะเปิดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ต่อไป (หากอุปกรณ์รองรับ) นโยบายการจัดการการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เป็นนโยบายการประหยัดพลังงานที่ลดการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับในช่วงที่มีการใช้งานสูงสุด คุณกำหนดเวลาเริ่มเปิดและปิดใช้โหมดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในแต่ละวันได้ ในช่วงเวลาดังกล่าว อุปกรณ์จะทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ (แม้ว่าจะยังมีไฟฟ้ากระแสสลับอยู่) ตราบใดที่ระดับแบตเตอรี่อยู่เหนือเกณฑ์ที่ระบุ หลังเวลาสิ้นสุดที่ระบุ อุปกรณ์จะทำงานโดยใช้พลังงานจากไฟฟ้ากระแสสลับ (หากมีอยู่) แต่จะไม่ชาร์จแบตเตอรี่ แล้วจะกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้งโดยใช้ไฟฟ้ากระแสสลับและชาร์จแบตเตอรี่ใหม่หลังจากเวลาเริ่มต้นการชาร์จที่ระบุ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดโหมดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะปิดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในตอนแรก ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="2773288106548584039">การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="2774906947252258544">รายการที่บล็อกจะควบคุมว่าส่วนขยายประเภทใดที่ไม่อนุญาตให้ติดตั้ง
การตั้งค่า "command_line" จะบล็อกไม่ให้โหลดส่วนขยายจากบรรทัดคำสั่ง</translation>
<translation id="2779027965175176474">ไม่แสดงหน้าจอแนะนำ <ph name="FEATURE_NAME" /> ระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="2780840673734667062">ปิดการลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google บัญชีอื่นๆ</translation>
<translation id="2784880732336446591">ล้างข้อมูลการท่องเว็บเมื่อออก</translation>
<translation id="2786117913267907931">ไม่อนุญาตให้ต้นทางใช้ Direct Sockets</translation>
<translation id="2787173078141616821">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของ Android</translation>
<translation id="2787774054174244402">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้ผู้ใช้เขียนลงในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกไม่ได้
หากคุณตั้งค่า ExternalStorageReadOnly เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสร้างและแก้ไขไฟล์ได้ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่เป็นแบบเขียนได้ เว้นแต่ที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกจะถูกบล็อกไว้ (คุณบล็อกที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้โดยตั้งค่า ExternalStorageDisable เป็น "จริง")</translation>
<translation id="2789742777235177478">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน GAIA โดยไม่มี SAML จะเข้าสู่ระบบแบบออฟไลน์ได้ในหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="2794180170614133361">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสตามการเรียนรู้เริ่มต้นของระบบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2795923835422513629">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์แสดงป๊อปอัปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธป๊อปอัป
การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="BLOCK_POPUPS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="2796714419743648316">รายการที่อนุญาตสำหรับการจำกัดเวลาต่อแอป</translation>
<translation id="2801065672151277034">การตั้งค่าการจัดการใบรับรอง</translation>
<translation id="2801155097555584385">ตั้งค่าการเริ่มชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเองเป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="2801378553855965587">ปิดใช้การผสานรวม "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />"</translation>
<translation id="2805707493867224476">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงป๊อปอัป</translation>
<translation id="2806804577787377637">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้ <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_ALLOWLIST" /> แทน</translation>
<translation id="2816964824289752181">เปิดใช้ <ph name="DESK_API_NAME" /> สำหรับการควบคุม <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="2818074121667686266">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งหากมีการเข้าถึงการจับเสียง ยกเว้นใน URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ AudioCaptureAllowedUrls
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดข้อความแจ้ง และการจับเสียงจะใช้ได้เฉพาะกับ URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ AudioCaptureAllowedUrls เท่านั้น
หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับอินพุตเสียงทั้งหมด (ไม่ใช่แค่ไมโครโฟนในตัว)</translation>
<translation id="2823164704578322622">การตั้งค่า "Home/End" ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Alt</translation>
<translation id="2823870601012066791">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> คือ</translation>
<translation id="2824715612115726353">เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="282870810415075521">อนุญาตให้ JavaScript ใช้ JIT ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2834965199373338033">เปิดใช้โหมดพื้นหลัง</translation>
<translation id="2835686964326214400">ตั้งกำหนดเวลาเองเพื่อรีบูตอุปกรณ์</translation>
<translation id="2836288795562730150">ไม่อนุญาตการติดตามพัสดุใน Chrome</translation>
<translation id="2838830882081735096">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="2839294585867804686">การตั้งค่าพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="2841911109921764691">ปุ่มขวาคือปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="284288632677954003">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="2845590342236201916">การตั้งค่า F12 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Alt</translation>
<translation id="28458742190197992">นโยบายนี้ควบคุมการรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> สำหรับโปรไฟล์ที่มีการจัดการโดยเฉพาะ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่เก็บรวบรวมหรืออัปโหลดข้อมูล
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะเก็บรวบรวมข้อมูลและอัปโหลดไปยัง <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
รายงานนี้มีสถานะโปรไฟล์และข้อมูลการใช้งาน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงเวอร์ชันระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันเบราว์เซอร์ ส่วนขยายที่ติดตั้งอยู่ และนโยบายที่บังคับใช้
นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็นนโยบายผู้ใช้ระบบคลาวด์ได้เท่านั้น</translation>
<translation id="2846689894646472396">อัตราการตรวจสอบกิจกรรมในเครือข่ายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="2847788524147474533">นโยบายสำหรับเครื่องที่ใช้แพลตฟอร์มจะมีผลเหนือนโยบายสำหรับเครื่องที่ใช้ระบบคลาวด์</translation>
<translation id="2849275596224278787">ซ่อนตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบของหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2853649500575897584">อย่าบล็อกจุดขยายสัญญาณเดิมในกระบวนการของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="285480231336205327">เปิดใช้งานโหมดความคมชัดสูง</translation>
<translation id="285627849510728211">ตั้งค่ากำหนดวันของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง</translation>
<translation id="2856932965866813330">เปิดใช้การแชร์ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้กับผู้ใช้คนอื่นๆ</translation>
<translation id="28600673996840076">อนุญาตการปรับแต่งรูปโปรไฟล์ของผู้ใช้จากรูปโปรไฟล์ Google หรือรูปภาพในเครื่อง</translation>
<translation id="2864207379891420023">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="2866387633548787857">ปิดใช้การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว</translation>
<translation id="2866619962692161453">ประเภทนโยบายเมตา</translation>
<translation id="2866726566162790531">รายการต้นทางที่อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ทั้งหมด</translation>
<translation id="2868756546751652023">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="286898786908566256">อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งหมายเลขโทรศัพท์จาก Chrome ไปยังอุปกรณ์ Android ของตนเอง</translation>
<translation id="2872098849906555324">ปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์</translation>
<translation id="2872189563975139803">การตั้งค่าการแยกโปรไฟล์องค์กร</translation>
<translation id="2872961005593481000">ปิด</translation>
<translation id="2872968825059227580">ปิดใช้การรองรับ GIF</translation>
<translation id="2874209944580848064">หมายเหตุสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่รองรับแอป Android:</translation>
<translation id="287474029350993681">ปิดใช้การแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์</translation>
<translation id="2875192972412983412">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์
หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มี ID ตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
ID ดังกล่าวต้องตรงกับช่อง ID ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่มีการกรองและใช้เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดในการค้นหา</translation>
<translation id="2877225735001246144">ปิดใช้งานการค้นหา CNAME เมื่อมีการเจรจาตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation>
<translation id="288448261660192095">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลระหว่างการเชื่อมต่อระยะไกล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ทั้งผู้ใช้เครือข่ายภายในและผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับโฮสต์ระหว่างที่แชร์ได้</translation>
<translation id="2884765974461416016">ปิดใช้การแชร์จาก Android ไปยังเว็บแอป</translation>
<translation id="2886215882246310669">ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้เพิ่มบัญชีผู้ใช้ Family Link บัญชีใหม่ลงในอุปกรณ์หรือไม่
นโยบายนี้จะมีประโยชน์เมื่อใช้ร่วมกับ <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ซึ่งจะอนุญาตให้มีการเพิ่มบัญชี Family Link นอกเหนือจากบัญชีที่ระบุไว้ในรายการที่อนุญาต
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อลักษณะการทำงานของนโยบายลงชื่อเข้าใช้อื่นๆ กล่าวโดยเจาะจงคือจะไม่มีผลในกรณีต่อไปนี้
- มีการปิดใช้การเพิ่มผู้ใช้ใหม่ในอุปกรณ์ด้วยนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" />
- มีการอนุญาตให้เพิ่มผู้ใช้ทั้งหมดด้วยนโยบาย <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" (หรือไม่กำหนดค่า) กฎเพิ่มเติมอื่นๆ จะไม่มีผลกับบัญชี Family Link
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะอนุญาตให้เพิ่มบัญชีผู้ใช้ Family Link บัญชีใหม่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="2886969306951284125">หากแอป Android เปิดอยู่ การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ก็จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานข้อมูลสถานะ Android
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลสถานะ Android</translation>
<translation id="288923520817177650">อนุญาตการสร้างเซสชัน <ph name="WEBXR_AR_SESSION_ENUM_VALUE" /> ของ <ph name="WEBXR_API_NAME_SHORT" /></translation>
<translation id="2889842394011108075">window.webkitStorageInfo จะพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="2890645751406497668">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุ</translation>
<translation id="2891049933730408118">การตั้งค่านโยบายจะระบุต้นทางที่จะอนุญาตรูปแบบการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ทั้งหมดที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รองรับ โดยไม่คำนึงถึงนโยบาย <ph name="AUTH_SCHEMES_POLICY_NAME" />
จัดรูปแบบต้นทางตามนี้ (<ph name="URL_SCHEME_FORMAT_LINK" />) คุณกำหนดข้อยกเว้นใน <ph name="ALL_HTTP_AUTH_ALLOWED_FOR_ORIGINS_POLICY_NAME" /> ได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
ใช้ไวลด์การ์ดได้กับต้นทางทั้งหมดหรือบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ โฮสต์ หรือพอร์ต</translation>
<translation id="2893546967669465276">ส่งบันทึกของระบบไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการ</translation>
<translation id="2893660462311365527">อัตราการรวบรวมการวัดและส่งข้อมูลทางไกลในเครือข่ายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="2894914342151915910">ระงับการแสดงคำเตือนเมื่อเปิด Chrome ในระบบที่ไม่รองรับ</translation>
<translation id="2895444724612647239">ให้สิทธิ์เว็บไซต์โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HID</translation>
<translation id="2896434627453256512">การตั้งค่านโยบายเพื่อเปิดใช้ฟีเจอร์หน้าต่างท่องเว็บแบบส่วนตัว
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะสร้างหน้าต่างท่องเว็บแบบส่วนตัว ARC ก่อนที่ ARC จะบูตหลังมีข้อขัดข้องหรือการรีบูต โดยเป็นไปตามการตั้งค่าการคืนค่าแอป
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่มีการสร้างหน้าต่างท่องเว็บแบบส่วนตัวก่อนที่ ARC จะบูต แอป ARC จะคืนค่าหลังจากที่ ARC บูต</translation>
<translation id="2897716186959852329">ไม่อนุญาตให้อ่านออกเสียง</translation>
<translation id="2899002520262095963">แอป Android สามารถใช้การกำหนดค่าเครือข่ายและใบรับรอง CA ที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ได้ แต่จะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงตัวเลือกการตั้งค่าบางอย่าง</translation>
<translation id="2899213072616346687">จำกัดโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย</translation>
<translation id="2899640611559504158">ปิดใช้การเข้าถึงบรรทัดคำสั่งของเครื่องเสมือน</translation>
<translation id="290002216614278247">ให้คุณล็อกเซสชันของผู้ใช้ตามเวลาของไคลเอ็นต์หรือโควต้าการใช้งานประจำวัน
|time_window_limit| ระบุกรอบเวลารายวันที่ควรล็อกเซสชันของผู้ใช้ เรารองรับ 1 กฎต่อแต่ละวันในสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นอาร์เรย์ |entries| จึงอาจมีขนาดต่างกันไปตั้งแต่ 0-7 |starts_at| และ |ends_at| คือจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของขีดจำกัดกรอบเวลา เมื่อ |ends_at| น้อยกว่า |starts_at| หมายความว่า |time_limit_window| สิ้นสุดในวันต่อมา |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม
|time_usage_limit| ระบุโควต้าการอยู่หน้าจอรายวัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ใช้งานถึงระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ระบบจะล็อกเซสชันของผู้ใช้ มีคุณสมบัติ 1 รายการสำหรับแต่ละวันในสัปดาห์ ซึ่งควรตั้งค่าเฉพาะเมื่อมีโควต้าที่ใช้งานอยู่ของวันนั้นๆ |usage_quota_mins| คือระยะเวลาในแต่ละวันที่ผู้ใช้จะใช้อุปกรณ์ที่มีการจัดการได้ และ |reset_at| คือเวลาที่มีการต่ออายุโควต้าการใช้งาน ค่าเริ่มต้นของ |reset_at| คือเที่ยงคืน ({'hour': 0, 'minute': 0}) |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม
|overrides| มีไว้เพื่อทำให้กฎก่อนหน้าอย่างน้อย 1 ข้อใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
* หากทั้ง time_window_limit และ time_usage_limit ไม่ได้ทำงานอยู่ ระบบอาจใช้ |LOCK| เพื่อล็อกอุปกรณ์
* |LOCK| จะล็อกเซสชันของผู้ใช้ชั่วคราวจนกว่าจะถึง time_window_limit ครั้งต่อไป หรือ time_usage_limit เริ่มต้นขึ้น
* |UNLOCK| จะปลดล็อกเซสชันของผู้ใช้ที่ล็อกด้วย time_window_limit หรือ time_usage_limit
|created_time_millis| คือการประทับเวลาการสร้างการลบล้างตามเขตเวลา UTC ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม และใช้เพื่อตัดสินว่ายังควรใช้การลบล้างนี้อยู่หรือไม่ หากฟีเจอร์ขีดจำกัดเวลาใช้งานปัจจุบัน (ขีดจำกัดการใช้เวลาหรือขีดจำกัดกรอบเวลา) เริ่มต้นหลังจากที่สร้างการลบล้าง ก็จะไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ หากมีการสร้างการลบล้างก่อนการเปลี่ยนแปลง time_window_limit หรือ time_usage_window ซึ่งใช้อยู่ครั้งล่าสุด ระบบจะไม่ใช้การลบล้างนี้
ส่งการลบล้างหลายรายการได้แต่ระบบจะใช้รายการล่าสุดที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="2901725272378498025">เปิดใช้คำเตือนด้านความปลอดภัยสำหรับการติดธงบรรทัดคำสั่ง</translation>
<translation id="2905984450136807296">อายุการใช้งานของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="2906874737073861391">รายการส่วนขยายของ AppPack</translation>
<translation id="2908277604670530363">จำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน</translation>
<translation id="2912366658685903301">กำหนดค่าสีธีมของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="2914283793640833265">ไม่อนุญาตให้เปิดใช้การทำงานอย่างต่อเนื่องในฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="2915787312243722351">นโยบายนี้ควบคุมการตั้งค่า "ใช้ Launcher/แป้นค้นหาเพื่อเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชัน" การตั้งค่านี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกดแป้น Launcher ค้างไว้เพื่อสลับระหว่างแป้นฟังก์ชันกับแป้นแถวบนสุดของระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกค่าของการตั้งค่า "ใช้ Launcher/แป้นค้นหาเพื่อเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชัน" ได้อย่างอิสระ
หากปิดใช้นโยบายนี้ แป้น Launcher/แป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชันไม่ได้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้เช่นกัน
หากเปิดใช้นโยบายนี้ แป้น Launcher/แป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชันได้ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="291853569864365550">ไม่แสดงการแนะนำเนื้อหาในหน้า "แท็บใหม่"</translation>
<translation id="2920795918401557243">การตั้งค่านี้อนุญาตให้รวบรวมการติดตามประสิทธิภาพทั้งระบบโดยใช้บริการ System Tracing
หากปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะรวบรวมการติดตามทั้งระบบโดยใช้บริการ System Tracing ไม่ได้
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะรวบรวมการติดตามทั้งระบบโดยใช้บริการ System Tracing ได้
หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายนี้จะปิดใช้สำหรับอุปกรณ์ที่มีการจัดการและเปิดใช้สำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภค
โปรดทราบว่าการตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะปิดใช้การรวบรวมการติดตามทั้งระบบเท่านั้น การรวบรวมการติดตามเบราว์เซอร์จะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้</translation>
<translation id="2922511125678964398">อนุญาตให้การตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลละเว้นการตั้งค่าพร็อกซี</translation>
<translation id="2926813071464307947">ปิดใช้แซนด์บ็อกซ์ของคอนเทนเนอร์แอปตัวแสดงผล</translation>
<translation id="2931888116345994552">เปิดใช้งานการอัปเดตคอมโพเนนต์สำหรับทุกคอมโพเนนต์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อไม่มีการตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็นเปิดใช้งาน
หากตั้งค่าเป็นปิดใช้งาน การอัปเดตสำหรับคอมโพเนนต์จะปิดใช้งาน อย่างไรก็ตาม จะมีบางคอมโพเนนต์ที่ได้รับการยกเว้นจากนโยบายนี้ กล่าวคือระบบจะไม่ปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ที่ไม่มีโค้ดปฏิบัติการและมีความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัยของเบราว์เซอร์
ตัวอย่างของคอมโพเนนต์ดังกล่าว ได้แก่ รายการยกเลิกใบรับรองและตัวกรองทรัพยากรย่อย</translation>
<translation id="2932796739547676677">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้แป้นพิมพ์เสมือนปรับขนาดวิวพอร์ตของเลย์เอาต์โดยค่าเริ่มต้น
สถานะอื่นๆ (เท็จ/ไม่ได้ตั้งค่า) จะไม่มีผล
โปรดทราบว่านโยบายนี้จะส่งผลต่อลักษณะการทำงานในการปรับขนาดเริ่มต้นเท่านั้น หากหน้าเว็บขอลักษณะการทำงานที่เจาะจงโดยใช้แท็ก &lt;meta&gt; หรือ Virtual Keyboard API ลักษณะการทำงานที่ขอนั้นจะยังคงมีผลต่อไป
โปรดทราบด้วยว่านี่เป็นนโยบาย "วิธีแก้ไขปัญหา" ที่ตั้งใจให้ใช้ได้เป็นเวลาสั้นๆ
</translation>
<translation id="2939335382784544151">เปิดใช้การนำเข้าประวัติการท่องเว็บเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="2940127076681735544">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น URL ที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="SITELIST_POLICY_NAME" />
การไม่ได้ตั้งค่านโยบาย (หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง) หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์
หมายเหตุ: นโยบายนี้ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="2940284205859074236">ใช้ตัวแสดงผล Skia สำหรับการแสดงผล PDF</translation>
<translation id="2940653651012844682">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_SECURITY_EVENT_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อเกิดการดำเนินการด้านความปลอดภัยใน Chrome โดยจะรวมถึงคำตัดสินในแง่ลบจากเครื่องมือเชื่อมต่อ Enterprise ของการวิเคราะห์ การใช้รหัสผ่านซ้ำ การนำทางไปยังหน้าที่ไม่ปลอดภัย และการดำเนินการอื่นๆ ของผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อนต่อความปลอดภัย
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> ระบุว่าผู้ให้บริการการรายงานใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า ส่วนช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLED_EVENT_NAMES_FIELD" /> ระบุเหตุการณ์ที่เปิดใช้สำหรับผู้ให้บริการรายนี้
นโยบายนี้ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมจึงจะมีผล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a?p=chrome_enterprise_connector_policies_setting</translation>
<translation id="2943242293289396843">แอปแพ็กเกจเดิม</translation>
<translation id="2947111924404450461">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="NATIVE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> และ <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" />
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2948268792364772890">นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบระบุว่าหน้าเว็บอาจส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะอนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วใน Chrome 99
โปรดดู https://www.chromestatus.com/feature/4664843055398912</translation>
<translation id="2952347049958405264">ข้อจำกัด:</translation>
<translation id="2952574113954326102">กำหนดค่ารายการโดเมนคุกกี้ที่บล็อกไว้ซึ่งจะไม่ถูกย้ายเมื่อผู้ใช้เปลี่ยนไปมาระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่างๆ ขณะมีการเปิดใช้บริการ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์
หากมีการตั้งค่าคุกกี้หนึ่งๆ สำหรับโดเมนที่ตรงกับหนึ่งในตัวกรองที่มีให้ คุกกี้นั้นจะไม่รวมอยู่ในการย้าย ระบบจะจับคู่โดเมนคุกกี้ตามกฎของฟิลด์ host ที่ระบุไว้ใน https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format โดยไม่สนใจฟิลด์อื่นๆ ทั้งหมด ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
ทั้งนี้นโยบาย <ph name="FLOATING_SSO_DOMAIN_BLOCKLIST_EXCEPTIONS_POLICY_NAME" /> จะมีความสำคัญเหนือกว่า</translation>
<translation id="2957506574938329824">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธผ่าน Web Bluetooth API</translation>
<translation id="2957513448235202597">ประเภทบัญชีสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /></translation>
<translation id="2959469725686993410">ส่งจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation>
<translation id="2959527429632925933">หากไม่มีนโยบายนี้ (เช่น สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ) ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์การเชื่อมต่อไคลเอ็นต์ขาออกของ SSH (Secure SHell) ในแอประบบเทอร์มินัล (มีค่าเริ่มต้นเป็น "จริง")
หากผู้ใช้มีการจัดการและไม่ได้ตั้งค่านโยบายไว้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้ในเทอร์มินัล
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการสร้างการเชื่อมต่อไคลเอ็นต์ขาออกของ SSH ในเทอร์มินัลได้</translation>
<translation id="2959737282368424062">อนุญาตให้ Native Client ทำงาน</translation>
<translation id="2959898425599642200">กฎการข้ามพร็อกซี</translation>
<translation id="2960013482187484833">ใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้ล่าสุดเป็นตัวเลือกเริ่มต้นในตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="2960128438010718932">กำหนดการใช้อัปเดตใหม่แบบทีละขั้น</translation>
<translation id="2960691910306063964">เปิดหรือปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ใช้ PIN สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2960999045613902792">อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่ม กําหนดค่า และพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กร</translation>
<translation id="2962972237615992440">ปิดใช้พร็อกซี <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="2963292398266537394">ปิดใช้การพิมพ์ตามคำบอก</translation>
<translation id="2964373560810620158">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="2968177167006045252">อนุญาตให้เว็บไซต์ต่างๆ ใช้ SharedArrayBuffers</translation>
<translation id="2969489219271682844">ไม่ต้องแสดงการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบอุปกรณ์ USB</translation>
<translation id="2969568582351417848">ปิดใช้คำเตือนตามนามสกุลของไฟล์สำหรับการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="2969797921412053304">นโยบายนี้กำหนดค่าว่า URL ใดจะได้รับสิทธิ์ให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลของข้อมูลประจำตัวของอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของ SAML ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
กล่าวโดยละเอียดคือ หาก URL ตรงกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่จัดเตรียมไว้ให้ผ่านนโยบายนี้ URL ดังกล่าวจะได้รับส่วนหัวแบบ HTTP ซึ่งมีการตอบสนองต่อภารกิจตามเอกสารรับรองระยะไกล ข้อมูลประจำตัวของอุปกรณ์รับรอง และสถานะของอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า จะไม่มี URL ได้รับอนุญาตให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
URL ต้องมีรูปแบบ HTTPS เช่น "https://example.com"
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="2971096666394658693">เมนูตามบริบทจะมีรายการในเมนูให้แชร์รูปภาพไปยัง <ph name="GOOGLE_PHOTOS_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2973972555495515337">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ระบบจะอนุญาตให้เว็บแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามใช้ <ph name="DESK_API_NAME" /> เพื่อบันทึกและแชร์เดสก์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะบันทึกและแชร์ข้อมูลเดสก์ผ่าน <ph name="DESK_API_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ลักษณะการทำงานจะเหมือนกับการตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" นโยบายนี้จะมีผลกับอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น</translation>
<translation id="2976033779241323433">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสตามการเรียนรู้เริ่มต้นของระบบ</translation>
<translation id="2976429807269247880">การตั้งค่าลักษณะการทำงานของคุกกี้ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิม</translation>
<translation id="2979696534869541158">บังคับใช้การใช้งานเดิม</translation>
<translation id="2985927503455169394">ใช้โหมดเริ่มต้นของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="2987155890997901449">เปิดใช้ ARC</translation>
<translation id="2987227569419001736">ควบคุมการใช้ Web Bluetooth API</translation>
<translation id="2989404644164421834">โหลดหน้าเว็บซ้ำ</translation>
<translation id="299446489108785864">รายการ URL ซึ่งระบุ URL ที่จะใช้กับ <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> นโยบายนี้ไม่มีผลต่อค่าที่เปิดโดยอัตโนมัติที่ผู้ใช้กำหนดไว้
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ไฟล์จะเปิดโดยอัตโนมัติด้วยนโยบายเฉพาะเมื่อ URL นั้นอยู่ในชุดนี้ และมีประเภทไฟล์อยู่ใน <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> หากเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งเป็น "เท็จ" ไฟล์ที่ดาวน์โหลดจะไม่เปิดโดยอัตโนมัติด้วยนโยบาย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมดที่มีประเภทไฟล์อยู่ใน <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> จะเปิดโดยอัตโนมัติ
URL ต้องมีรูปแบบเป็นไปตาม https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format</translation>
<translation id="3000238720665173643">ธงบูลีนที่ระบุว่าแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะมีฟีเจอร์การแก้ไขอัตโนมัติหรือไม่</translation>
<translation id="3001285126226650303">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดนโยบายทดลอง
คำเตือน: นโยบายทดลองไม่ได้มาพร้อมการสนับสนุนและอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือถูกนำออกโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบสำหรับเวอร์ชันในอนาคตของเบราว์เซอร์
นโยบายทดลองอาจยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรือยังมีข้อบกพร่องที่ทราบแล้วหรือยังไม่ทราบ ระบบอาจเปลี่ยนแปลงหรือนำนโยบายออกโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ การเปิดใช้นโยบายทดลองอาจทำให้คุณสูญเสียข้อมูลในเบราว์เซอร์หรือทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของคุณ
หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เวอร์ชันเบต้าและเวอร์ชันเสถียรจะไม่สนใจค่าของนโยบาย
หากนโยบายอยู่ในรายการและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ระบบจะใช้ค่าของนโยบาย
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อนโยบายที่เปิดตัวไปแล้ว</translation>
<translation id="3002067315837777719">ไม่อนุญาตให้เปิดใช้การแจ้งเตือนจากฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="3003490107503207900">บังคับดาวน์โหลดเอกสาร Office (เช่น .docx) แทนที่จะเปิดใน <ph name="BASIC_EDITOR_NAME" /></translation>
<translation id="300673820739371513">นโยบายนี้กำหนดว่าจะตรวจหาเอนทิตีข้อความธรรมดาในหน้าเว็บหรือไม่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เรียกใช้การดำเนินการตามบริบทด้วยการโต้ตอบกับเอนทิตีนั้นได้
นโยบายนี้มีพร็อพเพอร์ตี้หลายรายการ ซึ่งแต่ละรายการมีไว้สำหรับเอนทิตีแต่ละประเภท
ประเภทเอนทิตีคือ <ph name="DEFAULT_ENUM_VALUE" />, <ph name="ADDRESS_ENUM_VALUE" /> ...
หากไม่ได้ตั้งค่าสำหรับเอนทิตี ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานของเอนทิตี <ph name="DEFAULT_ENUM_VALUE" />
ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของ <ph name="DEFAULT_ENUM_VALUE" /> คือ <ph name="ENABLED_ENUM_VALUE" />
ค่าของเอนทิตีแต่ละประเภทคือ <ph name="DEFAULT_ENUM_VALUE" />, <ph name="ENABLED_ENUM_VALUE" />, <ph name="DISABLED_ENUM_VALUE" /> หรือ <ph name="LONGPRESSONLY_ENUM_VALUE" />
หากตั้งค่าเป็น <ph name="DEFAULT_ENUM_VALUE" /> ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานของเอนทิตี <ph name="DEFAULT_ENUM_VALUE" />
หากตั้งค่าเป็น <ph name="ENABLED_ENUM_VALUE" /> ระบบจะตรวจหา ขีดเส้นใต้ และเรียกใช้เอนทิตีด้วยการแตะครั้งเดียวหรือกดค้าง
หากตั้งค่าเป็น <ph name="DISABLED_ENUM_VALUE" /> ระบบจะไม่ตรวจหาเอนทิตีและดำเนินการไม่ได้
หากตั้งค่าเป็น <ph name="LONGPRESSONLY_ENUM_VALUE" /> ระบบจะตรวจหาเอนทิตีและดำเนินการได้โดยใช้การกดค้างเท่านั้น</translation>
<translation id="3010395821339265736">แสดงหน้าจอแนะนำ <ph name="FEATURE_NAME" /> ระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3010907817113180883">อัตราการรวบรวมฮาร์ตบีตของกิจกรรมในอุปกรณ์เป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="3016585641676676461">บล็อกโหมดเต็มหน้าจอโดยอัตโนมัติในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="3017578958356048910">โปรแกรมอ่าน PDF จะใส่คำอธิบายประกอบใน PDF ได้</translation>
<translation id="3020623128585817424">ปิดใช้การตรวจสอบเบราว์เซอร์เริ่มต้นเมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="3020953534071988875">การกำหนดค่านโยบายนี้จะอนุญาต/ไม่อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับโปรไฟล์ที่ไม่ระบุตัวตนและโปรไฟล์ผู้เยี่ยมชมใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์คือการตรวจสอบสิทธิ์ http ด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบเริ่มต้นหากไม่ได้ระบุข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ชัดแจ้งผ่านรูปแบบคำถาม/คำตอบแบบ NTLM/Kerberos/Negotiate
การตั้งค่าเป็น <ph name="REGULAR_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันปกติเท่านั้น เซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันผู้เยี่ยมชมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์
การตั้งค่าเป็น <ph name="INCOGNITO_AND_REGULAR_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันปกติ เซสชันผู้เยี่ยมชมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์
การตั้งค่าเป็น <ph name="GUEST_AND_REGULAR_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันผู้เยี่ยมชมและเซสชันปกติ เซสชันไม่ระบุตัวตนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์
การตั้งค่าเป็น <ph name="ALL_OPTION_NAME" /> (ค่า 3) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับทุกเซสชัน
โปรดทราบว่าระบบจะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในโปรไฟล์ปกติเสมอ
ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 81 ขึ้นไป หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์เฉพาะในเซสชันปกติ</translation>
<translation id="3021562480854470924">อนุญาตให้มีจุดการย้อนกลับ</translation>
<translation id="3023172689742785487">บังคับให้เปิดใช้โหมด "HTTPS เท่านั้น"</translation>
<translation id="3023572080620427845">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่จะโหลดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="302528139996622624">การตั้งค่ารูปภาพ</translation>
<translation id="3026740867910702435">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้นแต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3030000825273123558">เปิดใช้งานการรายงานเมตริก</translation>
<translation id="30300807616984726">รายงานข้อมูลพื้นที่โฆษณาในแอปสำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง
การตั้งค่านโยบายจะควบคุมการรายงานกิจกรรมการติดตั้งแอป การเปิดตัว และการถอนการติดตั้งสำหรับประเภทแอปที่ระบุ
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานกิจกรรมในแอป</translation>
<translation id="3030232909811556512">หากปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้ไม่สามารถตั้งค่ารูปโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ของผู้ใช้จากไฟล์ในเครื่อง กล้องของอุปกรณ์ หรือรูปโปรไฟล์ Google ของผู้ใช้ได้
ผู้ใช้อาจตั้งค่ารูปโปรไฟล์จากตัวเลือกเหล่านี้ได้หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="3031796805169553856">อนุญาตให้ส่งโมดูล WebAssembly แบบข้ามต้นทาง</translation>
<translation id="3032322294267258117">ควบคุมการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์กับ GAIA โดยไม่มี SAML</translation>
<translation id="3034855514833090741">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant แสดงขั้นตอนการเปิดใช้ Voice Match ระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant ไม่แสดงขั้นตอนการเปิดใช้ Voice Match ระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่าระบบจะ "เปิดใช้" นโยบาย</translation>
<translation id="3038323923255997294">เรียกใช้แอปพลิเคชันพื้นหลังต่อไปเมื่อปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3041887182529293512">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะแสดงคำแนะนำเนื้อหาซึ่งสร้างโดยอัตโนมัติในหน้าแท็บใหม่ โดยอิงจากประวัติการท่องเว็บ ความสนใจ หรือตำแหน่งของผู้ใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะป้องกันไม่ให้คำแนะนำเนื้อหาซึ่งสร้างโดยอัตโนมัติแสดงในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="3046192273793919231">ส่งแพ็กเก็ตเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อติดตามดูสถานะการออนไลน์</translation>
<translation id="3047732214002457234">ควบคุมวิธีที่การทำความสะอาด Chrome รายงานข้อมูลไปยัง Google</translation>
<translation id="3047864383610708617">ปิดใช้คีย์ติดหนึบ</translation>
<translation id="3048744057455266684">หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้และ URL ค้นหาที่แถบอเนกประสงค์แนะนำมีพารามิเตอร์นี้ในสตริงข้อความค้นหาหรือในตัวระบุชิ้นส่วน คำแนะนำจะแสดงคำค้นหาและผู้ให้บริการค้นหาแทน URL ค้นหาดิบ
นโยบายนี้ไม่บังคับ หากไม่ตั้งค่านโยบาย จะไม่มีการแทนที่คำค้นหา
นโยบายนี้มีผลต่อเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled"</translation>
<translation id="3049115011983576556">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่) <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีความสำคัญเหนือกว่าตามลำดับข้างต้น
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="305106159605171619">การลด User Agent ปิดใช้อยู่ และไม่ได้เปิดใช้ผ่านช่วงทดลองใช้งานภาคสนามหรือช่วงทดลองใช้จากต้นทาง</translation>
<translation id="3053265701996417839">Microsoft Windows 7</translation>
<translation id="3057459316145779761">ไม่อนุญาตให้ใช้ Chrome สำหรับการทดสอบ</translation>
<translation id="3063302084011279315">ปิดใช้ Screencast</translation>
<translation id="3063307261083019730">ไม่อนุญาตให้จัดเก็บหน้าที่มีส่วนหัว <ph name="CACHE_CONTROL_NO_STORE_NAME" /> ใน Back-Forward Cache</translation>
<translation id="3064530882228745118">ใช้การค้นหา CNAME ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation>
<translation id="3066446511111537292">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่เชื่อมโยงของอุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB</translation>
<translation id="3067462824622454143">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกว่าจะล็อกอุปกรณ์หรือไม่เมื่อมีการระงับการใช้งานหรือพับจอ</translation>
<translation id="3070119171976169951">ป้องกันไม่ให้รูปภาพจากบุคคลที่สามแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="3072045631333522102">โปรแกรมรักษาหน้าจอที่จะใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation>
<translation id="3072788420987305247">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะแสดงตัวควบคุมสื่อในหน้าจอล็อกในกรณีที่ผู้ใช้ล็อกอุปกรณ์เมื่อสื่อกำลังเล่นอยู่
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะเปิดตัวควบคุมสื่อเมื่อหน้าจอล็อกปิดอยู่</translation>
<translation id="3072847235228302527">ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="3074032542020543133">LTS Channel</translation>
<translation id="3074886258920642791">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3077650998740742747">
การทำงานเริ่มต้น (ไม่ได้ตั้งค่านโยบาย)
เมื่อมีการเพิ่มบัญชีในพื้นที่สำหรับเนื้อหา กล่องโต้ตอบขนาดเล็กอาจปรากฏขึ้นเพื่อขอให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์ใหม่ โดยกล่องโต้ตอบนี้จะเป็นแบบปิดได้
<ph name="MANAGED_ACCOUNTS_SIGNIN_RESTRICTION_POLICY_NAME" /> = <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT" />
หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บริการของ Google เป็นครั้งแรกในเบราว์เซอร์ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" กล่องโต้ตอบจะปรากฏขึ้นเพื่อขอให้ผู้ใช้สร้างโปรไฟล์ใหม่สำหรับบัญชีองค์กร โดยผู้ใช้อาจคลิก "ยกเลิก" และออกจากระบบ หรือ "ดำเนินการต่อ" เพื่อสร้างโปรไฟล์ใหม่ก็ได้ ระบบจะไม่เพิ่มข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปยังโปรไฟล์ใหม่ โปรไฟล์ที่สร้างใหม่มีบัญชีรองได้ เช่น ผู้ใช้สามารถลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นในพื้นที่สำหรับเนื้อหา
<ph name="MANAGED_ACCOUNTS_SIGNIN_RESTRICTION_POLICY_NAME" /> = <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT_STRICT" />
นี่เป็นลักษณะการทำงานเดียวกันกับ <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT" /> เพียงแต่ว่าโปรไฟล์ที่สร้างใหม่จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีบัญชีรอง
<ph name="MANAGED_ACCOUNTS_SIGNIN_RESTRICTION_POLICY_NAME" /> = <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT_KEEP_EXISTING_DATA" />
นี่เป็นลักษณะการทำงานเดียวกันกับ <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT" /> เพียงแต่ว่าจะมีการเพิ่มช่องทำเครื่องหมายในกล่องโต้ตอบเพื่อให้ผู้ใช้เก็บข้อมูลการท่องเว็บในเครื่องไว้ได้
หากผู้ใช้เลือกช่องนี้ ข้อมูลโปรไฟล์ที่มีอยู่ก็จะเชื่อมโยงกับบัญชีที่จัดการ
- ข้อมูลการท่องเว็บทั้งหมดที่มีอยู่จะปรากฏในโปรไฟล์ใหม่
- ข้อมูลนี้รวมถึงบุ๊กมาร์ก ประวัติการเข้าชม รหัสผ่าน ข้อมูลการป้อนข้อความอัตโนมัติ แท็บที่เปิดอยู่ คุกกี้ แคช พื้นที่เก็บข้อมูลเว็บ ส่วนขยาย ฯลฯ
หากผู้ใช้ไม่ได้เลือกช่องนี้
- โปรไฟล์เก่าจะยังคงใช้งานได้ต่อไปและจะไม่มีการลบข้อมูลใดๆ
- ระบบจะสร้างโปรไฟล์ใหม่
<ph name="MANAGED_ACCOUNTS_SIGNIN_RESTRICTION_POLICY_NAME" /> = <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT_STRICT_KEEP_EXISTING_DATA" />
นี่เป็นลักษณะการทำงานเดียวกันกับ <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT_KEEP_EXISTING_DATA" /> เพียงแต่ว่าโปรไฟล์ที่สร้างใหม่จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีบัญชีรอง</translation>
<translation id="3079575168312257780">การตั้งค่านโยบายเป็น 0 (ค่าเริ่มต้น) หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ แต่ไม่ใช่ในบริบทของส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กร หรือตั้งแต่เวอร์ชัน 114 หากเป็นผู้ใช้ที่มีการจัดการ ส่วนขยายจะมีอยู่ในตัวเบราว์เซอร์ การตั้งค่านโยบายเป็น 1 หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ในทุกบริบท ซึ่งรวมถึงส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กร การตั้งค่านโยบายเป็น 2 หมายความว่าคุณไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และจะตรวจสอบองค์ประกอบของเว็บไซต์ไม่ได้
การตั้งค่านี้ยังปิดแป้นพิมพ์ลัดและเมนูหรือรายการในเมนูตามบริบทเพื่อเปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript ด้วย
ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 99 การตั้งค่านี้ยังควบคุมจุดแรกเข้าสำหรับฟีเจอร์ "ดูที่มาของหน้าเว็บ" ด้วย หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) ผู้ใช้จะเข้าถึงการดูที่มาผ่านแป้นพิมพ์ลัดหรือเมนูตามบริบทไม่ได้ หากต้องการบล็อกการดูที่มาโดยสมบูรณ์ คุณต้องเพิ่ม "view-source:*" ลงในนโยบาย <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ด้วย
ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 119 เป็นต้นไป การตั้งค่านี้จะควบคุมว่าจะเปิดใช้และใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับ Isolated Web App ได้หรือไม่</translation>
<translation id="3083259245974004342">การปกป้องรหัสผ่าน</translation>
<translation id="308356121098374167">WebSQL ในบริบทที่ไม่ปลอดภัยจะพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3086995894968271156">กำหนดค่า Cast Receiver ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3087346703976541109">ระบุว่าสามารถใช้ SharedArrayBuffers ในบริบทที่แยกออกมาแบบไม่ข้ามต้นทางได้หรือไม่</translation>
<translation id="3088557424854005813">เอกสารรับรอง</translation>
<translation id="3090283903269516279">ปิดใช้รูปแบบการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3091832372132789233">ชาร์จแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟภายนอกเป็นหลัก</translation>
<translation id="3092059499596000593">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นตัวเลือกเริ่มต้นในตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="309416443108680956">ระบุสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่านโทเค็นความปลอดภัย (เช่น ด้วยสมาร์ทการ์ด) นำโทเค็นดังกล่าวออกขณะอยู่ในเซสชัน <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_IGNORE" />: ไม่มีอะไรเกิดขึ้น <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOCK" />: หน้าจอจะล็อกจนกว่าผู้ใช้จะตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOGOUT" />: เซสชันจะสิ้นสุดและนำผู้ใช้ออกจากระบบ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_IGNORE" /> เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="3096595567015595053">รายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation>
<translation id="309885424548342662">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ในระบบคลาวด์ของ Microsoft®</translation>
<translation id="3101035417394748390">ขนาดสูงสุด (หน่วยเป็นไบต์) ที่สามารถโอนระหว่างไคลเอ็นต์และโฮสต์ผ่านการซิงค์ข้อมูลในคลิปบอร์ด</translation>
<translation id="3101501961102569744">เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="3101709781009526431">วันที่และเวลา</translation>
<translation id="3105764289283669411">นโยบายนี้ควบคุมว่าเมธอดคำขอจะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือไม่เมื่อตรงกับส่วนหัวการตอบกลับ <ph name="ACAM_HEADER_NAME" /> ในการตรวจสอบล่วงหน้าของ <ph name="CORS" />
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะใช้เมธอดคำขอเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานใน "<ph name="PRODUCT_NAME" />" เวอร์ชัน 108 หรือก่อนหน้านั้น
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า เมธอดคำขอจะไม่เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ เว้นแต่กรณีที่ตรงกับ <ph name="DELETE_METHOD_NAME" />, <ph name="GET_METHOD_NAME" />, <ph name="HEAD_METHOD_NAME" />, <ph name="OPTIONS_METHOD_NAME" />, <ph name="POST_METHOD_NAME" /> หรือ<ph name="PUT_METHOD_NAME" /> โดยไม่คำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่
การดำเนินการนี้จะปฏิเสธส่วนหัวการตอบกลับ <ph name="REJECTED_CASE" /> และจะยอมรับส่วนหัวการตอบกลับ <ph name="ACCEPTED_CASE" />
หมายเหตุ: เมธอดคำขอ <ph name="POST_LOWERCASE_METHOD_NAME" /> และ <ph name="PUT_LOWERCASE_METHOD_NAME" /> ไม่ได้รับผลกระทบ แต่จะมีผลกระทบต่อ <ph name="PATCH_LOWERCASE_METHOD_NAME" />
นโยบายนี้มีไว้เพื่อใช้ชั่วคราวและจะนำออกในอนาคต</translation>
<translation id="3110248563985502478">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะใช้ปลั๊กอินเก่าเป็นปลั๊กอินปกติ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการใช้ปลั๊กอินเก่า
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่าระบบจะขออนุญาตผู้ใช้เพื่อเรียกใช้ปลั๊กอินเก่า</translation>
<translation id="3110373701407677290">การตั้งค่านโยบายจะช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งจับภาพแท็บที่มีต้นทางเดียวกันได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบไม่พิจารณาเว็บไซต์เพื่อทำการลบล้างที่การจับภาพระดับนี้
โปรดทราบว่าจะยังมีการจับภาพแอป Chrome ในโหมดหน้าต่างซึ่งมีต้นทางเดียวกับเว็บไซต์นี้ได้อยู่
หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบ URL ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่พิจารณานโยบาย <ph name="TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />, <ph name="WINDOW_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />, <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_POLICY_NAME" />
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL</translation>
<translation id="3112501357749061018">รายการใบรับรอง TLS ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรเชื่อถือสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เซิร์ฟเวอร์ โดยมีการเพิ่มข้อจำกัดไว้นอกใบรับรอง หากไม่มีข้อจำกัดของประเภทใดประเภทหนึ่ง ระบบจะอนุญาตให้ใช้ชื่อของประเภทนั้น
ใบรับรองควรเข้ารหัสฐาน 64 ต้องระบุข้อจำกัดอย่างน้อย 1 ข้อสำหรับใบรับรองแต่ละรายการ</translation>
<translation id="3118552207903834734">อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าชื่อโฮสต์อุปกรณ์ของตนได้</translation>
<translation id="3122082892722698079">ควบคุมการใช้ข้อยกเว้นเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="3125472566440502628">ปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่าน</translation>
<translation id="312561239664885970">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและได้แบ่งออกเป็น <ph name="BROWSER_CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />, <ph name="USER_CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />
เปิดใช้ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สำหรับรายการ URL
การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุ URL ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอเพื่อเริ่มโฟลว์เอกสารรับรอง นโยบายหลังจะช่วยให้เว็บไซต์เหล่านั้นได้รับชุดเอกสารรับรองของสัญญาณที่มีการคำนึงถึงบริบทจากอุปกรณ์
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือปล่อยว่างไว้จะทำให้เว็บไซต์ทั้งหมดไม่สามารถเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองหรือได้รับสัญญาณจากอุปกรณ์
สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับการรับรองระยะไกลซึ่งระบบสร้างใบรับรองโดยอัตโนมัติแล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ โปรดใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> สำหรับการใช้งานโฟลว์เอกสารรับรองบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบของอุปกรณ์
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format</translation>
<translation id="3126229421659523563">ในโหมดคีออสก์ นโยบายนี้ควบคุมว่าเมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะแสดงหรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะแสดงเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะไม่แสดงเลย</translation>
<translation id="3126748868885248792">ปุ่มขวาคือปุ่มหลัก</translation>
<translation id="3128072319047570212">การตั้งค่าคีย์เจน</translation>
<translation id="3131703464330936425">ไม่อนุญาตการโรมมิ่งอินเทอร์เน็ตมือถือ</translation>
<translation id="3135820765957090754">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ ก่อนที่จะซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ได้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดแจ้งด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi
ฟีเจอร์นี้ขึ้นอยู่กับประเภทข้อมูล <ph name="WIFI_CONFIGURATIONS_DATATYPE_NAME" /> ใน<ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> ที่เปิดใช้อยู่ หากปิดใช้ <ph name="WIFI_CONFIGURATIONS_DATATYPE_NAME" /> ในนโยบาย <ph name="SYNC_TYPES_LIST_DISABLED_POLICY_NAME" /> หรือปิดใช้<ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> นโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่เปิดใช้ฟีเจอร์นี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ที่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นไม่ได้</translation>
<translation id="3136550518935590587">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HID ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3138514192363246220">ปิดใช้การดึงข้อมูลเมตาของการโหลดหน้าเว็บและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์การท่องเว็บ</translation>
<translation id="3142410959002029864">การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างโหมดการพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้</translation>
<translation id="3143203373436771188">เมื่อไปยังเอกสาร Office ที่จัดการโดย <ph name="BASIC_EDITOR_NAME" /> ให้เปิดเอกสารเหล่านั้นใน <ph name="BASIC_EDITOR_NAME" /></translation>
<translation id="3144173889708944482">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="3146711617256415776">ไม่อนุญาตเสียงของการอ่านออกเสียงข้อความของเครือข่ายที่ปรับปรุงเมื่อใช้ "เลือกเพื่อให้อ่าน"</translation>
<translation id="3150351525324499342">ไม่แสดงไอคอน "<ph name="PRODUCT_NAME" />" ในแถบเครื่องมือโดยค่าเริ่มต้น แต่ให้ผู้ใช้เลือก</translation>
<translation id="3152135410085709340">อนุญาตให้เข้าถึงไฟล์ในเครื่องผ่าน URL รูปแบบ file:// ในโปรแกรมอ่าน PDF สำหรับเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="3152425128389603870">ทำให้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอพร้อมใช้งานและเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="3159375329008977062">อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งออก/นำเข้าคอนเทนเนอร์ Crostini ผ่าน UI</translation>
<translation id="3163167792874598128">เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" โปรโมชันการให้คะแนนของ App Store อาจแสดงให้ผู้ใช้เห็นได้สูงสุดปีละครั้ง
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" โปรโมชันการให้คะแนนของ App Store จะไม่แสดงแก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="3164531087779621747">พิมพ์ในโหมด PostScript</translation>
<translation id="3165468162820163252">นโยบายนี้ควบคุมว่าส่วน WebUI ของหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะโหลดทุกครั้งเมื่อเริ่มต้นหรือเฉพาะตอนก่อนที่จะแสดง นโยบายนี้จะใช้กับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ส่วน WebUI ของ UI การลงชื่อเข้าใช้จะโหลดเฉพาะตอนก่อนที่จะแสดง วิธีการนี้จะเร่งให้ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบเร็วขึ้น
หากปิดใช้นโยบายนี้ ส่วน WebUI ของหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะโหลดเมื่อเปิดเครื่องเสมอ (ลักษณะการทำงานเดิม)
หากไม่ได้ตั้งค่า ฟีเจอร์ kEnableLazyLoginWebUILoading จะควบคุมลักษณะการทำงาน
ควรนำนโยบายนี้ออกหลังจากที่เปิดตัว kEnableLazyLoginWebUILoading โดยสมบูรณ์แล้ว</translation>
<translation id="3165808775394012744">เรารวมนโยบายเหล่านี้ไว้ที่นี่เพื่อให้นำออกได้ง่ายๆ</translation>
<translation id="3166210414652928099">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation>
<translation id="316778957754360075">การตั้งค่านี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29 วิธีที่แนะนำในการตั้งค่าคอลเล็กชันส่วนขยาย/แอปที่โฮสต์โดยองค์กรคือการรวมไซต์ที่โฮสต์แพ็กเกจ CRX ใน ExtensionInstallSources และการวางลิงก์ดาวน์โหลดโดยตรงไปยังแพ็กเกจบนหน้าเว็บ ตัวเรียกใช้งานสำหรับหน้าเว็บนั้นสามารถถูกสร้างขึ้นโดยใช้นโยบาย ExtensionInstallForcelist</translation>
<translation id="3168303368727724798">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="3168968618972302728">นโยบายเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation>
<translation id="3169872426103732947">แสดง URL เริ่มต้นและอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนเป็น URL แบบเต็มได้</translation>
<translation id="3171369832001535378">เทมเพลตชื่อโฮสต์เครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3173844121395372156">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="NATIVE_MESSAGING_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="3177537290334203187">ใช้ลักษณะการทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อกำหนดว่าเว็บไซต์ต่างๆ จะส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายได้หรือไม่</translation>
<translation id="3177802893484440532">ต้องใช้การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์สำหรับ Trust Anchor ในพื้นที่</translation>
<translation id="3179533009079100620">แสดงเครื่องมือเลือกโปรไฟล์</translation>
<translation id="3180671894201217988">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามแทรกโค้ดปฏิบัติการลงในกระบวนการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้ซอฟต์แวร์นี้แทรกโค้ดดังกล่าวลงในกระบวนการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="3181114468897395940">การตั้งค่า PageUp/PageDown ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Alt</translation>
<translation id="3182503302060513467">หน้าแท็บใหม่จะแสดงประกาศในช่องกลางหากมีประกาศ</translation>
<translation id="3184161739683646075">ควบคุมโหมด DNS-over-HTTPS</translation>
<translation id="3184309751910415763">รายการที่อนุญาตซึ่งควบคุมการรายงานกิจกรรมในเว็บไซต์สำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง
การตั้งค่านโยบายจะควบคุมการรายงานเหตุการณ์เปิดและปิด URL ของเว็บไซต์สำหรับ URL ในรายการที่อนุญาต หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานเหตุการณ์ของเว็บไซต์
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns นโยบายนี้อนุญาตเฉพาะรูปแบบ HTTP URL และ HTTPS URL เท่านั้น</translation>
<translation id="3184638144755436350">Chrome จะบล็อกการเรียกออกไปยังโปรโตคอลนอก iframe ที่ทำแซนด์บ็อกซ์ ดู https://chromestatus.com/features/5680742077038592
เมื่อเป็นจริง Chrome จะบล็อกการเรียกออกไปดังกล่าว
เมื่อเป็นเท็จ Chrome จะไม่บล็อกการเรียกออกไปดังกล่าว
ค่าเริ่มต้นจะเป็นจริง นั่นคือฟีเจอร์ความปลอดภัยจะเปิดใช้อยู่
ซึ่งอาจใช้โดยผู้ดูแลระบบที่ต้องการเวลามากขึ้นในการอัปเดตเว็บไซต์ภายในซึ่งได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดใหม่นี้ นโยบายองค์กรนี้เป็นนโยบายชั่วคราว และมีแผนที่จะนำออกหลัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 117
</translation>
<translation id="3185009703220253572">ตั้งแต่รุ่น <ph name="SINCE_VERSION" /></translation>
<translation id="3185146554126007874">การตั้งค่านโยบายจะกำหนด URL ที่ให้ผู้ใช้ไปเปลี่ยนรหัสผ่านหลังจากเห็นคำเตือนในเบราว์เซอร์ บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้ไปยัง URL (โปรโตคอล HTTP และ HTTPS เท่านั้น) ที่คุณกำหนดผ่านนโยบายนี้ โปรดตรวจสอบว่าหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเป็นไปตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms ) เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใหม่ได้อย่างถูกต้องในหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านนี้
การปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้บริการส่งผู้ใช้ไปที่ https://myaccount.google.com เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="3192902750888034827">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NEW_TAB_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้เพื่อจัดเตรียมหน้าแท็บใหม่
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NEW_TAB_URL_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีการจัดเตรียมหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="3195062117832383020">อนุญาตให้รวมข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่องระดับต่ำในความคิดเห็นของผู้ใช้</translation>
<translation id="3195103497550111266">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="DEVICE_LTS_TAG_VALUE" /> จะอนุญาตให้อุปกรณ์รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับ LTS (การสนับสนุนระยะยาว)</translation>
<translation id="319608028525745507">เปิดใช้การรองรับ URL ข้อมูลใน SVGUseElement</translation>
<translation id="3196585866522778760">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว โดยกำหนดค่าการตอบสนองแยกต่างหากได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="3198385910521788907">ไม่แสดงหน้าจอเซ็นเซอร์ตรวจหาบุคคลในบ้านระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3205825995289802549">ขยายขนาดหน้าต่างเบราว์เซอร์บานแรกให้ใหญ่ที่สุดเมื่อเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="320607884987562184">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์เรียกใช้ JavaScript ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธไม่ให้เรียกใช้ JavaScript
การไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="3207821022126246451">WebRTC จะใช้ TCP ในอินเทอร์เฟซที่เปิดเผยต่อสาธารณะ และจะใช้ UDP ก็ต่อเมื่อพร็อกซีที่กำหนดค่าไว้รองรับเท่านั้น</translation>
<translation id="3207873329349672535">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้จะเห็นตัวเลือกภายในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้แคสต์ไปยังอุปกรณ์แคสต์ที่ไม่ปรากฏในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ โดยใช้รหัสการเข้าถึงหรือคิวอาร์โค้ดที่แสดงบนหน้าจอของอุปกรณ์แคสต์
โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องป้อนรหัสการเข้าถึงหรือสแกนคิวอาร์โค้ดอีกครั้งเพื่อเริ่มเซสชันการแคสต์ครั้งต่อไป แต่หากตั้งค่านโยบาย <ph name="ACCESS_CODE_CAST_DEVICE_DURATION_POLICY_NAME" /> เป็นค่าที่ไม่ใช่ 0 (ค่าเริ่มต้นเป็น 0) อุปกรณ์แคสต์จะยังคงอยู่ในรายชื่ออุปกรณ์แคสต์ที่พร้อมใช้งานจนกว่าระยะเวลาที่ระบุไว้จะหมดอายุ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ผู้ใช้จะเห็นตัวเลือกให้เลือกอุปกรณ์แคสต์โดยใช้รหัสการเข้าถึงหรือด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่เห็นตัวเลือกให้เลือกอุปกรณ์แคสต์โดยใช้รหัสการเข้าถึงหรือด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด</translation>
<translation id="3208615748170745525">วันจากการค้นหาอัปเดต</translation>
<translation id="3209947902706795852">แจ้งเตือนให้ผู้ใช้ย้ายข้อมูล</translation>
<translation id="3210408472559816322">การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ระบบไม่ควรโหลด ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ทั้งหมด</translation>
<translation id="3211426942294667684">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="3217774577897351942">จะมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="OFFSET_PARENT" /> API ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน <ph name="FIREFOX_PRODUCT_NAME" /> และ <ph name="SAFARI_PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะนำลักษณะการทํางานแบบเก่ากลับมาจนถึงเวอร์ชัน M120
ลักษณะการทํางานแบบใหม่นี้อาจทําให้บางเว็บไซต์ (ซึ่งใช้แค่ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" อย่างเดียว) ที่ใช้ <ph name="OFFSET_PARENT" />, <ph name="OFFSET_TOP" /> หรือ <ph name="OFFSET_LEFT" /> ร่วมกับ Shadow DOM เกิดความเสียหายได้
โพลีฟิลล์บางส่วนที่นําลักษณะการทํางานแบบเก่ากลับมาเพื่อช่วยในการย้ายข้อมูลมีดังนี้ https://github.com/josepharhar/offsetparent-polyfills
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานแบบใหม่
หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบเก่า
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบใหม่เช่นเดียวกับผู้ใช้ Chromium ที่เหลือ</translation>
<translation id="3219421230122020860">โหมดไม่ระบุตัวตนพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3220624000494482595">หากแอปคีออสก์เป็นแอป Android แอปจะไม่มีสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แม้ว่าจะตั้งนโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="3222088741899353813">ปุ่มซ้ายคือปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="322359555555487980">กำหนดความพร้อมใช้ของรูปแบบต่างๆ ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3229163415739929305">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้การดึงข้อมูลเมตาของการโหลดหน้าเว็บและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์การท่องเว็บ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" อาจทำให้ฟีเจอร์บางอย่างทำงานไม่เหมาะสม</translation>
<translation id="3231311173895401135">ให้เบราว์เซอร์ตัดสินใจเรื่องการรองรับ</translation>
<translation id="3231837273069128027">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่าความพร้อมใช้งานและลักษณะการทำงานของการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" />
ระบุการตั้งค่าแต่ละรายการในคุณสมบัติของ JSON ได้ดังนี้
* <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH" />: หากตั้งค่าเป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอน Powerwash เพื่อติดตั้งการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ได้
* <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE" /> (มีให้ใช้งานใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 68 เป็นต้นไป): หากตั้งค่าเป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอนการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่รักษาสถานะของทั้งอุปกรณ์ (รวมถึงการลงทะเบียนองค์กร) ไว้ได้ แต่จะเสียข้อมูลผู้ใช้
* <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_AUTO_UPDATE_MODE" /> (มีให้ใช้งานใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 75 เป็นต้นไป): ควบคุมลักษณะการบังคับใช้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> แบบอัตโนมัติกับเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่มีความเสี่ยง ทุกขั้นตอนจะรักษาสถานะของอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกันไว้ หากตั้งค่าเป็น
* 1 หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการบังคับใช้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" />
* 2 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตเมื่อรีบูตครั้งถัดไปหลังจากที่ผู้ใช้รับทราบการอัปเดต
* 3 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตเมื่อรีบูตครั้งถัดไป
* 4 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตหลังการลงทะเบียน ก่อนที่ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ไม่พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3232563711929146405">ปิดใช้แซนด์บ็อกซ์ของบริการเครือข่าย</translation>
<translation id="3232691106293445015">การเชื่อมต่อผ่าน HTTP ที่ไม่ปลอดภัยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" /> ต้องใช้ HTTPS</translation>
<translation id="3234773866678260466">อนุญาตให้เพิ่มโปรไฟล์ใหม่</translation>
<translation id="3234863952320884611">เปิดให้เรียกใช้เมธอด <ph name="FILE_SYSTEM_SYNC_ACCESS_HANDLE" /> แบบไม่พร้อมกันได้</translation>
<translation id="3235085623859932253"> หากปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วง Thunderbolt/USB4 ผ่าน PCIe Tunneling ได้อย่างสมบูรณ์
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วง Thunderbolt/USB4 ผ่าน PCIe Tunneling ได้อย่างสมบูรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายจะมีค่าเริ่มต้นเป็น "เท็จ" และผู้ใช้จะเลือกสถานะใดก็ได้ (จริง/เท็จ) สำหรับการตั้งค่านี้</translation>
<translation id="3236046242843493070">รูปแบบ URL ที่อนุญาตส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และการติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้จาก</translation>
<translation id="323609919471603985">อนุญาตให้แสดงการโปรโมตส่วนขยายผู้ให้บริการเอกสารสิทธิ์</translation>
<translation id="3239125988620218257">รายงานสถานะเครือข่าย</translation>
<translation id="3240609035816615922">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์</translation>
<translation id="324062325008698789">กำหนดค่ารายการเครื่องพิมพ์</translation>
<translation id="3240655340884151271">ที่อยู่ MAC ของ NIC ในตัวของแท่นชาร์จ</translation>
<translation id="3242756958360374888">มีรายการของรูปแบบที่ใช้ในการควบคุมการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
บัญชี Google แต่ละบัญชีในอุปกรณ์จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบที่จัดเก็บไว้ในนโยบายนี้ เพื่อกำหนดการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะเปิดเผยบัญชีหากชื่อบัญชีตรงกับรูปแบบใดๆ ในหน้ารายการ แต่หากไม่ตรงกัน ระบบจะซ่อนบัญชีไว้
ใช้อักขระ "*" ที่เป็นสัญลักษณ์แทนเพื่อจับคู่อักขระ 0 หรืออักขระอื่นๆ ที่กำหนดเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นหากต้องการจับคู่อักขระ "*" หรือ "\" จริง ต้องใส่ "\" ไว้หน้าอักขระเหล่านั้นด้วย
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ บัญชี Google ทั้งหมดในอุปกรณ์จะแสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3246606090306814894">ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่ใช้ในการเรียกใช้งาน F12</translation>
<translation id="3248019773260441802">อนุญาตให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัประหว่างยกเลิกการโหลด</translation>
<translation id="3251500716404598358">กำหนดค่านโยบายเพื่อสลับระหว่างเบราว์เซอร์
เว็บไซต์ที่กำหนดค่าไว้จะเปิดในเบราว์เซอร์อื่นแทน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3252724033247471310">อนุญาตให้ต้นทางเหล่านี้จับภาพแท็บที่มีต้นทางเดียวกัน</translation>
<translation id="3255624750680556186">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ทริกเกอร์ Powerwash ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ทริกเกอร์ Powerwash ไม่ได้ อาจเกิดข้อยกเว้นให้ทำ Powerwash ได้หากตั้งค่า <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_NAME" /> เป็นค่าที่อนุญาตให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ TPM แต่เฟิร์มแวร์ TPM ยังไม่ได้รับการอัปเดต</translation>
<translation id="3256920103934729145">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคําเตือน SSL</translation>
<translation id="3257786863492892609">นโยบายการควบคุม Screencast</translation>
<translation id="3258380413685430793">เรียกใช้เนื้อหา "<ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />" ทั้งหมด</translation>
<translation id="3261592499545947104">จำนวนวินาทีก่อนใบรับรองจะหมดอายุซึ่งระบบจะเริ่มต่ออายุใบรับรอง</translation>
<translation id="3262080895269946462">อนุญาตให้ปิดใช้ WebSQL ในบริบทของบุคคลที่สามโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="326341982850521928">เปิดใช้การแก้สี</translation>
<translation id="3263892501786842604">อนุญาตให้แสดงปุ่ม <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> ในช่องค้นหาบนหน้าแท็บใหม่ หากรองรับ</translation>
<translation id="3264793472749429012">การเข้ารหัสของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="3265952988644972779">ปิดใช้แบบสำรวจในผลิตภัณฑ์</translation>
<translation id="3269198556438453775">ป้องกันไม่ให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เพื่อให้การสนับสนุนจากระยะไกล</translation>
<translation id="3271741247922321334">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม (เช่น เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ที่บล็อกได้ (เช่น แบบแอ็กทีฟ) และที่ระบบจะอัปเกรดเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้ (เช่น แบบแพสซีฟ)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะบล็อกเนื้อหาผสมที่บล็อกได้ ส่วนเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้จะได้รับการอัปเกรด แต่ผู้ใช้จะตั้งค่าข้อยกเว้นให้แสดงเนื้อหาดังกล่าวในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="3273221114520206906">การตั้งค่า JavaScript เริ่มต้น</translation>
<translation id="3278042410658310805">ปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="328347261792478720">โดยค่าเริ่มต้น เบราว์เซอร์จะแสดงคำแนะนำสื่อที่มีการปรับเปลี่ยนในแบบของผู้ใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบซ่อนคำแนะนำเหล่านี้ไม่ให้ผู้ใช้เห็น การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ระบบแสดงคำแนะนำสื่อต่อผู้ใช้</translation>
<translation id="3284094172359247914">ควบคุมการใช้ WebUSB API</translation>
<translation id="3286159327013237833">เปิดใช้การคลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3288595667065905535">ช่องเผยแพร่</translation>
<translation id="3291940794983537008">การตั้งค่าสำหรับฟีเจอร์ Generative AI ในเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเว็บ</translation>
<translation id="3294430356898755483">การตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบตั้งค่ารายการเครื่องพิมพ์สำหรับผู้ใช้ได้ การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์
นโยบายนี้ใช้ในการดำเนินการต่อไปนี้
* ปรับแต่ง <ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> ซึ่งมีรูปแบบอิสระเพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น
* ช่วยผู้ใช้ระบุเครื่องพิมพ์โดยใช้ <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" />
* <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากเครื่องไคลเอ็นต์ รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" />
* ระบุ <ph name="PRINTER_UUID" /> เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก หากต้องการ
* ใช้ชื่อรุ่นสำหรับ <ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> หรือจะตั้งค่า <ph name="PRINTER_AUTOCONF" /> เป็น "จริง" ก็ได้ ระบบจะเพิกเฉยต่อเครื่องพิมพ์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการหรือไม่มีเลย
ระบบจะดาวน์โหลด PPD หลังการใช้งานเครื่องพิมพ์ และแคช PPD ที่ใช้บ่อยไว้ นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย <ph name="MS_AD_NAME" /> นโยบายนี้รองรับการขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> เป็นชื่อเครื่อง <ph name="MS_AD_NAME" /> หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบจะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> ตำแหน่งจะเริ่มนับจากศูนย์
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="3294852060412792476">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าระบบจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ แม้ว่าไฟล์นั้นจะมาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าระบบจะไม่ส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ เมื่อมาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้
ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่เกิดขึ้นจากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนู "ดาวน์โหลดลิงก์" ด้วย แต่ไม่มีผลกับการบันทึกหรือการดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="3300441638895109781">โหลดขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ซ้ำโดยอัตโนมัติใน ChromeOS</translation>
<translation id="3300784749135986828">เปิดใช้หรือปิดใช้<ph name="USER_AGENT_REDUCTION_FEATURE_NAME" /></translation>
<translation id="3301698868852716692">เปิดใช้ส่วนขยายข้อมูลเชิงลึก</translation>
<translation id="3302829897293005699">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์ที่ใช้งานอยู่ เช่น รหัสและเวอร์ชันของแอปพลิเคชัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์</translation>
<translation id="3303770131697159224">การตั้งค่าเริ่มต้นของสิทธิ์การจัดการหน้าต่าง</translation>
<translation id="3303911765031636277">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับ OnFileAttached Chrome Enterprise Connector</translation>
<translation id="3307744348419745296">ไม่อนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ</translation>
<translation id="3308724602356134956">หากคุณตั้งค่านโยบาย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์ที่คุณตั้งค่าไว้เป็นพื้นหลังของเดสก์ท็อปของผู้ใช้และหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ระบุ URL (ที่เข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์) ซึ่ง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์ รวมถึงแฮชแบบเข้ารหัส (เป็นรูปแบบ JPEG ที่มีขนาดไฟล์ไม่เกิน 16 MB) ได้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกรูปภาพสำหรับพื้นหลังของเดสก์ท็อปและหน้าจอลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3315324240256767419">เปิดใช้ฟีเจอร์หน้าต่างท่องเว็บแบบส่วนตัว</translation>
<translation id="3321099611644751329">ใบรับรอง TLS ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรเชื่อถือสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เซิร์ฟเวอร์พร้อมกับข้อจำกัด</translation>
<translation id="3323819750604111729">เปิดใช้การนำเข้าบุ๊กมาร์กเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="332771718998993005">กำหนดชื่อที่โฆษณาเป็นปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า ระบบจะใช้สตริงนั้นเป็นชื่อปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> มิเช่นนั้นชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ และเจ้าของอุปกรณ์ (หรือผู้ใช้จากโดเมนที่จัดการอุปกรณ์) จะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อ ชื่อต้องมีความยาวไม่เกิน 24 อักขระ</translation>
<translation id="3329063005964041553">บล็อกการใช้ File Handling API ในเว็บแอปเหล่านี้</translation>
<translation id="3329401415394648069">อนุญาตให้ใช้ U2F Security Key API</translation>
<translation id="3329976499753286262">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะเปิดใช้การกำหนดค่าคอนเทนเนอร์ของแอปตัวแสดงผลในแพลตฟอร์มที่รองรับ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความเสถียรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เนื่องจากจะลดประสิทธิภาพของแซนด์บ็อกซ์ที่กระบวนการแสดงผลใช้ ปิดนโยบายนี้เฉพาะในกรณีที่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามซึ่งต้องเรียกใช้ภายในกระบวนการแสดงผล
หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลดการประมวลผล (https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/HEAD/docs/design/sandbox.md#Process-mitigation-policies)</translation>
<translation id="3338431256935927407">ควบคุมการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์การอัปโหลดไปยังระบบคลาวด์</translation>
<translation id="3339271789059866414">กำหนดค่าความพร้อมใช้งานของบริการพร็อกซีของระบบและข้อมูลเข้าสู่ระบบของพร็อกซีสำหรับบริการของระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย บริการพร็อกซีของระบบจะใช้งานไม่ได้</translation>
<translation id="334231891933432876">นำผู้ใช้ออกจากระบบทันทีที่บัญชีของผู้ใช้ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="3345323903592385588">ลำดับการกำหนดค่า VM จะแสดงในโปรแกรมติดตั้ง เมื่อระบุการกำหนดค่า VM หลายรายการ การกำหนดที่มีค่า display_order ขนาดเล็กที่สุดจะแสดงที่ด้านบนสุดของรายการ ค่าเริ่มต้นคือ 0</translation>
<translation id="3351661569026056296">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้แป้นพิมพ์แถวบนสุดทำหน้าที่เป็นแป้นฟังก์ชัน การกดแป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นดังกล่าวกลับไปเป็นแป้นสื่อ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า แป้นพิมพ์จะมีค่าเริ่มต้นของการส่งคำสั่งเป็นแป้นสื่อ การกดแป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นดังกล่าวเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation>
<translation id="3351835664671920945">กำหนดให้แป้นพิมพ์มาตรฐานเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับการป้อนรหัสผ่าน</translation>
<translation id="3359186795130278362">เปิดใช้เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแบบจำกัด</translation>
<translation id="33592541385181121">ไม่รวมพอร์ตใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้น</translation>
<translation id="3360093276083825336">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนแสดงกล่องคำเตือนหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยพลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงกล่องคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่ากำลังจะเริ่มตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะไม่มีกล่องคำเตือนปรากฏขึ้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว
ข้อความเตือนจะแสดงต่อเมื่อการทำงานสำหรับการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือการปิดเครื่อง</translation>
<translation id="3360490004791301756">อนุญาตให้ผู้ใช้แลกรับข้อเสนอผ่านการลงทะเบียน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3360531283145674884">อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน PluginVm</translation>
<translation id="3362584244602846824">ใช้การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อจุดเข้าใช้งานแบบไร้สายรองรับฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="3363360928811201045">เพิ่มข้อจำกัดในบัญชีที่จัดการ</translation>
<translation id="3364400740222114778">การกู้คืนบัญชี</translation>
<translation id="3366156659815091184">การพิมพ์ของแพลตฟอร์มใช้กระบวนการของบริการ</translation>
<translation id="3367361756115023251">อนุญาตให้ผู้ใช้รายนี้เข้าถึงรูทของคอนเทนเนอร์ Crostini
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงรูทของคอนเทนเนอร์ Crostini แก่ผู้ใช้รายนี้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ให้สิทธิ์เข้าถึงรูททั้งของคอนเทนเนอร์ Crostini ที่มีอยู่และของคอนเทนเนอร์ใหม่แก่ผู้ใช้รายนี้</translation>
<translation id="3373381043600809954">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3374587000313305002">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้มีการระบุสถานะ "--user-data-dir" หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียข้อมูลหรือข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดอื่นๆ คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นเพราะ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของตัวเอง
ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Supported_directory_variables
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์เริ่มต้นและผู้ใช้จะลบล้างเส้นทางนี้ได้ด้วยการตั้งสถานะโดยใช้บรรทัดคำสั่ง "--user-data-dir"</translation>
<translation id="3379326579027180941">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงเครื่องพิมพ์ในเครือข่ายผ่าน WebPrinting API</translation>
<translation id="3379368498958498146">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์การเขียนแบบช่วยคาดเดาบนแป้นพิมพ์จริง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์การเขียนแบบช่วยคาดเดาบนแป้นพิมพ์จริง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์การเขียนแบบช่วยคาดเดาบนแป้นพิมพ์จริง</translation>
<translation id="3380801667330555918">เปลี่ยนการกำหนดค่าที่กรอกไว้ล่วงหน้าสำหรับตั๋ว Kerberos</translation>
<translation id="338149029069528354">ไม่ต้องลบข้อมูลผู้ใช้ในระบบ</translation>
<translation id="3381968327636295719">ใช้เบราว์เซอร์โฮสต์โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="3387117557265712991">ปิดใช้การเข้ารหัสระดับแอปพลิเคชัน</translation>
<translation id="3387211681524224831">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกประวัติการท่องเว็บ การซิงค์แท็บจะปิด และผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะบันทึกประวัติการท่องเว็บ</translation>
<translation id="3387999258705169775">ลักษณะการทํางานเริ่มต้นของการบีบที่ซ้อนอยู่ของฟังก์ชัน setTimeout()</translation>
<translation id="3388628790024977864">ไม่อนุญาตการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /></translation>
<translation id="3389088527709746815">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ gnubby สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="3397883909301547525">ไม่ต้องแสดงการแนะนำแอปใน Launcher ของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />"</translation>
<translation id="3398051852031115795">การทำงานของระบบตามค่าเริ่มต้น (ขึ้นอยู่กับขนาดของหน้าจอ)</translation>
<translation id="33993310248354034">อนุญาตให้ตรวจหาเอนทิตีข้อความธรรมดาในหน้าเว็บ</translation>
<translation id="3399859571630358395">บังคับให้ปิดใช้การจับคู่ด่วน (การจับคู่บลูทูธด่วน)</translation>
<translation id="3404681701763345449">เปิดใช้การผสานรวม "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />"</translation>
<translation id="3405361833556012520">นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับการเข้าชมเบราว์เซอร์, Play Store, การไปยังส่วนต่างๆ ของเว็บในแอป Android และการรับส่งข้อมูลอื่นๆ ของผู้ใช้ เช่น การรับส่งข้อมูล VM ของ Linux หรืองานพิมพ์ โดยยังคงเป็นไปตามข้อจำกัดของ VPN แบบเปิดตลอดเวลา นโยบายนี้จะบังคับใช้ขณะที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับ VPN และเฉพาะการเข้าชมเบราว์เซอร์ของผู้ใช้เท่านั้น ขณะที่นโยบายนี้มีผลบังคับใช้ การรับส่งข้อมูลของระบบยังข้าม VPN แบบเปิดตลอดเวลาเพื่อทำงานต่างๆ เช่น การดึงข้อมูลนโยบายและซิงค์นาฬิกาของระบบด้วย
ใช้นโยบายนี้เพื่อเปิดข้อยกเว้นให้กับบางรูปแบบ โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ต หรือเส้นทางที่เฉพาะเจาะจง โดยใช้รูปแบบที่ระบุไว้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format ตัวกรองที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่า URL หนึ่งๆ ถูกบล็อกหรือได้รับอนุญาต
หากตั้งค่า <ph name="ALWAYSON_VPN_PRE_CONNECT_URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ระบบจะกำหนดค่า VPN แบบเปิดตลอดเวลาและจะไม่เชื่อมต่อ VPN แบบเปิดตลอดเวลาดังกล่าว และจะบล็อกการนำทางไปยังโฮสต์ทั้งหมด ยกเว้นโฮสต์ที่นโยบาย <ph name="ALWAYSON_VPN_PRE_CONNECT_URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> อนุญาต ในสถานะของอุปกรณ์นี้ ระบบจะไม่สนใจ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เมื่อมีการเชื่อมต่อ VPN แบบเปิดตลอดเวลา ระบบจะใช้นโยบาย <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และจะไม่สนใจนโยบาย <ph name="ALWAYSON_VPN_PRE_CONNECT_URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้ระบุรายการได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไปยังส่วนต่างๆ ของเบราว์เซอร์ไม่ได้ในขณะที่ VPN แบบเปิดตลอดเวลาในโหมดเข้มงวดเปิดใช้งานอยู่และไม่มีการเชื่อมต่อ VPN ดังกล่าว</translation>
<translation id="3405997282295704902">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />"</translation>
<translation id="3406122462682235653">ไม่ต้องถามผู้ใช้ (เริ่มดาวน์โหลดทันที)</translation>
<translation id="3408078762098350617">ควบคุมประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้ที่ระบุไว้ใน <ph name="SYSTEM_FEATURES_DISABLE_LIST_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บล็อก" ฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะไม่สามารถใช้ได้ แต่ผู้ใช้จะยังคงมองเห็น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ซ่อน" ฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะไม่สามารถใช้ได้และผู้ใช้จะมองไม่เห็น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือมีค่าไม่ถูกต้อง โหมดปิดใช้ของฟีเจอร์ของระบบจะ "ถูกบล็อก"</translation>
<translation id="341285788698114069">นโยบายนี้ควบคุมลำดับความสำคัญของกระบวนการของเสียงใน Windows
หากเปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยมีลำดับความสำคัญสูงกว่าปกติ
หากปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยมีลำดับความสำคัญปกติ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การกำหนดค่าเริ่มต้นของกระบวนการของเสียง
นโยบายนี้มีไว้เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อให้องค์กรสามารถเรียกใช้เสียงที่มีลำดับความสำคัญสูงในการแก้ปัญหาด้านประสิทธิภาพบางอย่างโดยใช้การบันทึกเสียงได้
จะมีการนำนโยบายนี้ออกในอนาคต</translation>
<translation id="3413763534078822244">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="USER_BOREALIS_ALLOWED_NAME" /> แทน
ควบคุมความพร้อมใช้งานของ <ph name="BOREALIS_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์นี้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ผู้ใช้อุปกรณ์ทุกคนจะใช้ <ph name="BOREALIS_NAME" /> ไม่ได้ มิเช่นนั้น (เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "จริง") <ph name="BOREALIS_NAME" /> จะพร้อมใช้งานเฉพาะในกรณีที่ไม่มีนโยบายหรือการตั้งค่าอื่นมาปิดใช้</translation>
<translation id="3415954062311826850">นโยบายนี้ไม่รองรับใน ARC</translation>
<translation id="34160070798637152">ควบคุมการกำหนดค่าเครือข่ายของทั้งอุปกรณ์</translation>
<translation id="3417130629744653218">อนุญาตให้เว็บไซต์ถามหาวิธีการชำระเงินที่พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3417391585519621050">เปิดใช้การค้นหาที่ได้รับความช่วยเหลือจากกล้อง <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร</translation>
<translation id="3417418267404583991">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปิดใช้งานการลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือน การลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือนจะเป็นเซสชันผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนและไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มเซสชันของผู้มาเยือน</translation>
<translation id="3423703250826790403">แอปพลิเคชัน Android</translation>
<translation id="3426434797050451264">นโยบายนี้ยังใช้เพื่อระบุแอป Android เป็นตัวแฮนเดิลไฟล์เริ่มต้นได้</translation>
<translation id="3428247105888806363">เปิดใช้งานการคาดการณ์เครือข่าย</translation>
<translation id="3430198032663063246">ฟีเจอร์ "ช่วยฉันเขียน" เป็นผู้ช่วยในการเขียนเนื้อหาแบบสั้นในเว็บโดยใช้ AI เนื้อหาที่แนะนำจะอิงตามพรอมต์ที่ผู้ใช้ป้อนและเนื้อหาของหน้าเว็บ
0 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แล้วส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง Google เพื่อช่วยฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอาจรวมถึงพรอมต์ อินพุต เอาต์พุต และเนื้อหาแหล่งที่มา โดยทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับฟีเจอร์นั้นๆ อาจมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงโมเดล AI เท่านั้น
0 คือค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะระบุไว้ด้านล่าง
1 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แต่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยัง Google เพื่อฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI 1 คือค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
2 = ปิดใช้ฟีเจอร์ 2 คือค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชี Education ที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" />
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลสำหรับฟีเจอร์ Generative AI ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=generative_ai_settings</translation>
<translation id="3432863169147125747">ควบคุมการตั้งค่าการพิมพ์</translation>
<translation id="3434053014926283175">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวาในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ปุ่มด้านขวาของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะสลับปุ่มได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3434932177006334880">ก่อน Chrome 42 การตั้งค่านี้เคยมีชื่อว่า EnableWebBasedSignin เราจะยกเลิกการสนับสนุนทั้งหมดของนโยบายนี้ใน Chrome 43
การตั้งค่านี้มีประโยชน์สำหรับลูกค้าที่เป็นองค์กรซึ่งใช้โซลูชัน SSO ที่ยังใช้ร่วมกับขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่ไม่ได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่เป็นค่าเริ่มต้น ผู้ใช้อาจยังเปิดใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่าได้โดยใช้สถานะบรรทัดคำสั่ง enable-web-based-signin
ในอนาคตจะมีการนำการตั้งค่าแบบทดลองนี้ออกเมื่อการลงชื่อเข้าใช้ในหน้ารองรับขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ SSO ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์</translation>
<translation id="3435796032110614169">อนุญาตให้ลบประวัติงานพิมพ์</translation>
<translation id="3436217793443508863">ระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="3437924696598384725">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN</translation>
<translation id="3441664787678256816">อนุญาตให้องค์กรเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เพื่อให้การสนับสนุนจากระยะไกล</translation>
<translation id="3442269905344976871">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" เมื่อตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกล (DTC) ของ <ph name="WILCO_NAME" /> พร้อมให้ใช้งานในอุปกรณ์จะเป็นการเปิดการรวบรวม ประมวลผล และรายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลและการวินิจฉัย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ DTC ปิดไป ซึ่งส่งผลให้รวบรวม ประมวลผล หรือรายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลและการวินิจฉัยจากอุปกรณ์ไม่ได้</translation>
<translation id="3442589735857147823">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้เครื่องเสมือนที่จำเป็นต่อการรองรับแอป Linux</translation>
<translation id="3450649825886735618">ไม่ใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation>
<translation id="3451422488938880786"> อนุญาตการเปิด/ปิดใช้การแมปแป้นพิมพ์ลัดสากลซ้ำ</translation>
<translation id="3451901387456196887">ผู้ใช้จะเห็นตัวเลือกในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้เลือกอุปกรณ์แคสต์โดยใช้รหัสการเข้าถึงหรือด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด</translation>
<translation id="3456292544936505775">นโยบายนี้ควบคุมช่วงเวลาที่ไม่อนุญาตให้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ด้วยช่วงเวลาที่ไม่ใช่รายการที่ว่างเปล่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้
อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติไม่ได้ระหว่างช่วงเวลาที่ระบุ อุปกรณ์ที่ต้องย้อนกลับเวอร์ชันโดยองค์กรหรือมีเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่ำกว่าขั้นต่ำจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้เพราะอาจมีปัญหาความปลอดภัย นอกจากนี้ นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตที่ผู้ใช้หรือผู้ดูแลระบบขอ
ตั้งแต่รุ่น M88 นโยบายนี้จะยกเลิกอัปเดตที่ดำเนินอยู่เมื่อถึงช่วงเวลาที่ถูกจำกัด อัปเดตอัตโนมัติครั้งถัดไปหลังจากที่ช่วงเวลาที่ถูกจำกัดสิ้นสุดลงจะดำเนินการอัปเดตต่อโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์ที่อัปเดตเป็นเวอร์ชัน Quick Fix จะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ได้ใส่ช่วงเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้
นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตอัตโนมัติ แต่นโยบายอื่นๆ อาจบล็อกการตรวจหา
จนถึงรุ่น M88 ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้เฉพาะในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่กำหนดค่าเป็นคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติ นโยบายนี้ไม่ได้จำกัดอุปกรณ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่รุ่น M89 จะมีการเปิดใช้นโยบายนี้ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทั้งหมด</translation>
<translation id="3459509316159669723">การพิมพ์</translation>
<translation id="3460485593332210712">อนุญาตให้ใช้ Chrome สำหรับการทดสอบ</translation>
<translation id="3461279434465463233">รายงานสถานะพลังงาน</translation>
<translation id="3468115890799739909">นโยบายนี้ควบคุมการแสดงหน้าประวัติการเข้าชมใน Chrome ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หน้าประวัติการเข้าชมใน Chrome ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ จะปรากฏที่ chrome://history/grouped
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หน้าเหล่านี้จะไม่ปรากฏที่ chrome://history/grouped
แต่หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายก็จะปรากฏอยู่ที่ chrome://history/grouped โดยค่าเริ่มต้น
โปรดทราบว่าหากตั้งค่านโยบาย <ph name="COMPONENT_UPDATES_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" แต่ตั้งค่า <ph name="HISTORY_CLUSTERS_VISIBLE_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าประวัติการเข้าชมใน Chrome ที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆ จะยังคงปรากฏที่ chrome://history/grouped แต่อาจมีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้น้อยลง
</translation>
<translation id="3478024346823118645">ล้างข้อมูลผู้ใช้เมื่อออกจากระบบ</translation>
<translation id="3478406829037689272">เปิดใช้การสแกนอย่างละเอียดสำหรับการดาวน์โหลดด้วย Google Safe Browsing</translation>
<translation id="3480961938508521469">ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มด้วยอัตรามาตรฐาน</translation>
<translation id="348110646151632565">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3483585138745445814">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้ฟีเจอร์การแชร์ใกล้เคียง</translation>
<translation id="3485200437120267231">ปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3487651201232258606">การรับส่งข้อความของระบบ</translation>
<translation id="3488551354274495283">เปิดใช้การแสดงหน้าจอแนะนำ <ph name="FEATURE_NAME" /> ระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3492351353716550742">อย่าใช้นโยบาย URL ที่มาเริ่มต้นเป็น "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด"</translation>
<translation id="3492834335089638487">นโยบายนี้ควบคุมการใช้งานแอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ (แหล่งที่ไม่ใช่ Google Play Store) สำหรับอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่าในนโยบายนี้ จะถือว่าตั้งค่าเป็นไม่อนุญาต
ความพร้อมใช้งานของฟังก์ชันนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องด้วย</translation>
<translation id="3495602011142234826">หากตั้งค่าเป็น "จริง" ส่วนขยายนี้จะใช้ได้ทุกคีย์ที่กำหนดมาสำหรับการใช้งานขององค์กรเพื่อลงนามข้อมูลที่กำหนดเอง หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ส่วนขยายจะเข้าถึงคีย์ดังกล่าวไม่ได้และผู้ใช้จะให้สิทธิ์ดังกล่าวไม่ได้ด้วย ทั้งนี้มีข้อยกเว้นว่า ส่วนขยายหนึ่งๆ สามารถเข้าถึงคีย์ดังกล่าวได้ต่อเมื่อส่วนขยายเดียวกันนั้นได้สร้างคีย์นั้นไว้</translation>
<translation id="3496296378755072552">ตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="3496761649331792755">เปิดใช้แถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="3498109920669229084">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุว่าส่วนขยายใดบ้างไม่ขึ้นอยู่กับรายการที่บล็อก
ค่า <ph name="ALL_EXTENSIONS" /> ในรายการที่บล็อกหมายความว่า ส่วนขยายทั้งหมดถูกบล็อก และผู้ใช้จะติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่ระบุไว้ในรายการที่อนุญาต
ส่วนขยายทั้งหมดได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น แต่ถ้าคุณห้ามส่วนขยายด้วยนโยบาย ให้ใช้รายการส่วนขยายที่อนุญาตเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้น</translation>
<translation id="3501606938635483637">แป้นพิมพ์ลัดสากลจะแมปกับรูปอักขระบนแป้นต่างๆ แทนที่จะเป็นตำแหน่งของแป้นบนแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="3502438748205582075">ปิดใช้ Kerberos</translation>
<translation id="3502555714327823858">อนุญาตโหมดพิมพ์ 2 ด้านทั้งหมด</translation>
<translation id="350443680860256679">กำหนดค่า ARC</translation>
<translation id="3507563853012621792">ควบคุมว่าจะลบประวัติงานพิมพ์ได้หรือไม่
งานพิมพ์ที่จัดเก็บไว้ในเครื่องจะลบได้ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์ของผู้ใช้
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะลบประวัติงานพิมพ์ได้ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบประวัติงานพิมพ์ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์ไม่ได้</translation>
<translation id="3507745622376866366">บังคับให้ตัวแฮนเดิลเหตุการณ์ยกเลิกการโหลดยังคงเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้นระหว่างการเลิกใช้งาน</translation>
<translation id="350797926066071931">เปิดใช้งานแปลภาษา</translation>
<translation id="3513265258454735822">เปิดใช้การบันทึกประวัติการท่องเว็บ</translation>
<translation id="3513655665999652754">เซิร์ฟเวอร์ Quirks มีไฟล์การกำหนดค่าเฉพาะฮาร์ดแวร์ เช่น
โปรไฟล์การแสดง ICC เพื่อปรับการปรับเทียบจอภาพ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะไม่พยายามติดต่อเซิร์ฟเวอร์ Quirks เพื่อดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่า
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะติดต่อเซิร์ฟเวอร์ Quirks โดยอัตโนมัติและดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่าโดยอัตโนมัติ (หากมี) และเก็บไฟล์เหล่านั้นไว้ในอุปกรณ์ ระบบอาจใช้ไฟล์เหล่านั้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพของจอแสดงผลที่เชื่อมต่อกับจอภาพ</translation>
<translation id="3515196503924273265">อนุญาตให้เปิดใช้ฟีเจอร์ NewBaseUrlInheritanceBehavior</translation>
<translation id="351654132746710200">หลังจากที่ปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> เราจะไม่ดำเนินการย้ายข้อมูล ระบบจะนำโฟลเดอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ออกและผู้ใช้ยังคงใช้ข้อมูลที่เหลือต่อไปได้</translation>
<translation id="3522257170445891912">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบจะเป็นวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า
หากตั้งค่าเป็น GAIA การเข้าสู่ระบบจะดำเนินการผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ GAIA ทั่วไป
หากตั้งค่าเป็น SAML_INTERSTITIAL การเข้าสู่ระบบจะเปลี่ยนเส้นทางไปยัง SAML IdP อัตโนมัติโดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ยังคงกลับไปใช้ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบทั่วไปของ GAIA ได้
หมายเหตุ: หน้าจอการยืนยันผู้ใช้เพิ่มเติมที่แสดงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จนถึงเวอร์ชัน 99 จะไม่ปรากฏอีกต่อไป หากไม่ได้กำหนดค่า SAML IdP ไว้และตั้งค่านโยบายนี้เป็น SAML_INTERSTITIAL ระบบจะเปลี่ยนเส้นทางไม่สำเร็จโดยมีข้อผิดพลาด 400</translation>
<translation id="3523630512885826906">ช่วงเวลาแสดงรูปภาพหน้าจอล็อกสำหรับโปรแกรมรักษาหน้าจอของผู้ใช้</translation>
<translation id="3524204464536655762">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน WebUSB API</translation>
<translation id="3526752951628474302">การพิมพ์ขาวดำเท่านั้น</translation>
<translation id="3528000905991875314">เปิดใช้งานหน้าเว็บแสดงข้อผิดพลาดสำรอง</translation>
<translation id="3530249698314520116">กำหนดค่ารายการกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหลใน "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />"
ข้อมูลรั่วไหลอาจเกิดขึ้นได้จากการคัดลอกและวางข้อมูล การโอนไฟล์ การพิมพ์ การแชร์หน้าจอ หรือการจับภาพหน้าจอ และอื่นๆ
กฎแต่ละข้อจะประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
- รายการแหล่งที่มาที่กำหนดเป็น URL ข้อมูลในแหล่งที่มาจะถือว่าเป็นข้อมูลลับซึ่งมีการจำกัดการใช้งาน
- รายการปลายทางที่กำหนดเป็น URL หรือคอมโพเนนต์ ซึ่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แชร์ข้อมูลลับ
- รายการการจำกัดที่จะใช้กับข้อมูลของแหล่งที่มา
คุณจะเพิ่มกฎเพื่อดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ควบคุมข้อมูลในคลิปบอร์ดที่แชร์ระหว่างแหล่งที่มาและปลายทาง
- ควบคุมการจับภาพหน้าจอของแหล่งที่มา
- ควบคุมการพิมพ์แหล่งที่มา
- ควบคุมหน้าจอความเป็นส่วนตัวเมื่อสามารถมองเห็นแหล่งที่มาได้
- ควบคุมการแชร์หน้าจอของแหล่งที่มา
- ควบคุมไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาใดก็ตามเมื่อโอนไปยังปลายทาง รองรับใน "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" เวอร์ชัน 108 ขึ้นไป
ระดับการจำกัดอาจตั้งค่าเป็น "BLOCK" "ALLOW" "REPORT" "WARN"
- หากตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "BLOCK" ระบบจะไม่อนุญาตให้ดำเนินการ หากตั้งค่า <ph name="DATA_LEAK_PREVENTION_REPORTING_ENABLED" /> เป็น "จริง" จะมีการรายงานการดำเนินการที่ถูกบล็อกไปยังผู้ดูแลระบบ
- หากตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "ALLOW" ระบบจะอนุญาตให้ดำเนินการ
- หากตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "REPORT" และตั้งค่า <ph name="DATA_LEAK_PREVENTION_REPORTING_ENABLED" /> เป็น "จริง" จะมีการรายงานการดำเนินการไปยังผู้ดูแลระบบ
- หากตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "WARN" ผู้ใช้จะได้รับคำเตือนและอาจเลือกดำเนินการต่อหรือยกเลิกการดำเนินการก็ได้ หากตั้งค่า <ph name="DATA_LEAK_PREVENTION_REPORTING_ENABLED" /> เป็น "จริง" จะมีการรายงานการแสดงคำเตือนไปยังผู้ดูแลระบบ และจะมีการรายงานการดำเนินการต่อด้วย
หมายเหตุ
- การจำกัด PRIVACY_SCREEN จะไม่บล็อกความสามารถในการเปิดหน้าจอความเป็นส่วนตัว แต่จะบังคับใช้กฎเมื่อมีการตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "BLOCK"
- หากการจำกัดข้อหนึ่งเป็น "คลิปบอร์ด" หรือ "ไฟล์" คุณจะต้องระบุปลายทาง แต่ปลายทางเหล่านี้จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อการจำกัดที่เหลือ
- ระบบจะละเว้นปลายทาง "ไดรฟ์" และ "USB" สำหรับข้อจำกัด "คลิปบอร์ด"
- จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format )
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะไม่จำกัดการใช้งาน</translation>
<translation id="3531084733660068324">การตั้งค่าการควบคุมดูแลโดยผู้ปกครอง</translation>
<translation id="3532827558833318911">ล้างข้อมูลลงชื่อเข้าใช้รหัสผ่าน</translation>
<translation id="353611922042274900">แสดงข้อมูลของระบบในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้เสมอ</translation>
<translation id="3536263244905016305">ปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ (WPAD)</translation>
<translation id="3539103206548425861">การตั้งค่านโยบายอนุญาตให้วิดีโอเล่นโดยอัตโนมัติ (โดยไม่ต้องมีคำยินยอมจากผู้ใช้) พร้อมเนื้อหาเสียงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" รูปแบบ URL ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะยังเล่นได้อยู่ หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="3540846231645422635">ปิดใช้การรายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3540935459049973317">การจำกัดเวลาต่อแอป</translation>
<translation id="3546271546272655966">ระบบอาจใช้ <ph name="DBSC_FEATURE_NAME" /> โดยขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเปิดตัวฟีเจอร์</translation>
<translation id="3547954654003013442">การตั้งค่าพร็อกซี</translation>
<translation id="3548064438634502368">ปิดเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="3548642468619496972">บล็อกการดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย ไม่ปกติ หรือไม่พึงประสงค์ รวมถึงประเภทไฟล์ที่เป็นอันตราย</translation>
<translation id="3550122827225052130">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="SCREEN_LOCK_DELAYS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
วิธีที่แนะนำสำหรับการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวก็คือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="3550875587920006460">อนุญาตการตั้งค่ากำหนดการที่กำหนดเองเพื่อตรวจหาอัปเดต การตั้งค่านี้จะมีผลต่อผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์ เมื่อตั้งค่าแล้ว อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตตามกำหนดการ คุณต้องนำนโยบายออกเพื่อยกเลิกการตรวจหาอัปเดตรายการอื่นๆ ที่กำหนดเวลาไว้</translation>
<translation id="3550963062099410653">เปิด/ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติเพิ่มเติม</translation>
<translation id="355118380775352753">เว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="3554498762428140109">เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่างในเครื่อง</translation>
<translation id="3554984410014457319">อนุญาตให้ Google Assistant คอยฟังข้อความการเปิดใช้งานด้วยเสียง</translation>
<translation id="3557586898458302131">รวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้น</translation>
<translation id="3558024517032824255">กำหนดจุดขั้นต่ำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การย้อนกลับควรอนุญาตให้ย้อนได้ถึงเวอร์ชันที่เสถียรแล้วในช่วงเวลาใดก็ตาม
ค่าเริ่มต้นคือ 0 สำหรับผู้บริโภค และ 4 (ประมาณครึ่งปี) สำหรับอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนโดยองค์กร
การตั้งค่านโยบายนี้จะป้องกันให้การย้อนกลับย้อนไปอย่างน้อยที่จุดขั้นต่ำที่กำหนดไว้
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ค่าที่ต่ำกว่าจะมีผลกระทบอย่างถาวร อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปที่เวอร์ชันก่อนหน้าไม่ได้แม้ในภายหลังมีการรีเซ็ตนโยบายใหม่เป็นค่าที่สูงขึ้นแล้วก็ตาม
ความเป็นไปได้ของการย้อนกลับที่เกิดขึ้นจริงอาจขึ้นอยู่กับแพตช์ที่ยังมีช่องโหว่ที่กว้างและร้ายแรงอีกด้วย</translation>
<translation id="35668690622495904">
ระบบจะไม่ปฏิเสธการเรียกใช้ด้วยเหตุที่มาจากบริบทที่ไม่อยู่ในรายการที่อนุญาต (แต่การเรียกใช้อาจถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลอื่นๆ ได้)</translation>
<translation id="3568762199045490351">JavaScript setTimeout() ที่มีระยะหมดเวลาเป็น 0 มิลลิวินาทีจะถูกปรับเป็น 1 มิลลิวินาที</translation>
<translation id="3574450691573438824">ปิดใช้การอัปโหลดบันทึกระบบของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3575011234198230041">การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP</translation>
<translation id="3575159471980949522">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งหมายเลขโทรศัพท์จาก Chrome ไปยังอุปกรณ์ Android ของตนเอง</translation>
<translation id="3577251398714997599">เครื่องมือตั้งค่าโฆษณาสำหรับเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="3577628175311752799">ใช้นโยบาย URL ที่มาเริ่มต้นของ "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด"</translation>
<translation id="3578741808802810963">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้เครื่องมือแก้ปัญหาคีออสก์พร้อมใช้งานในเซสชันคีออสก์ ดังนี้
- เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Chrome
- หน้าต่างเบราว์เซอร์ Chrome
- ตัวจัดการงาน
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบปิดใช้เครื่องมือแก้ปัญหาคีออสก์
โปรดอย่าลืมว่าห้ามเปิดใช้นโยบายนี้ตลอดเวลาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวอร์ชันที่ติดตั้งใช้งานจริง</translation>
<translation id="357917253161699596">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองของผู้ใช้</translation>
<translation id="3579976772194405786">Bruschetta</translation>
<translation id="3580414086211696382">ควบคุมการใช้ File System API สำหรับการอ่าน</translation>
<translation id="3584194414857209694">เปิดใช้นโยบายทดลอง</translation>
<translation id="3584722841530002134">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจมอบสิทธิ์ให้ คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่มอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ แม้จะตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินทราเน็ตก็ตาม</translation>
<translation id="3585177699591644295">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ "เลือกเพื่อให้อ่าน"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในขั้นต้นแต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3587482841069643663">ทั้งหมด</translation>
<translation id="3587766503874071316">ปิดใช้ทางลัดสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="3589193811812796052">ป้องกันไม่ให้ส่งโมดูล WebAssembly แบบข้ามต้นทาง</translation>
<translation id="3591527072193107424">เปิดใช้ฟีเจอร์การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="3591584750136265240">กำหนดค่าลักษณะการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3593905652755912452">ระบบจะใช้การส่งเหตุการณ์แบบเก่าในลักษณะการทํางานของตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้</translation>
<translation id="3596112486106491038">เปิดใช้การเข้าถึงบรรทัดคำสั่งของเครื่องเสมือน</translation>
<translation id="3603469950773500315">เปิดใช้การลดการตรวจสอบ <ph name="CORS" /> ในการนำ <ph name="CORS" /> ใหม่ไปใช้ เพื่อให้ส่วนขยายยังคงทำงานร่วมกันได้ และให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ส่งส่วนหัวที่ระบุโดยไม่ต้องตรวจสอบ <ph name="CORS" />
หากตั้งค่ารายการนี้ให้ว่างเปล่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเรียกใช้ส่วนขยายในลักษณะการทำงานที่เข้ากันได้ และจะไม่แสดงการเปลี่ยนแปลง <ph name="API" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 79 ดังที่อธิบายไว้ใน <ph name="WEB_REQUEST_API_MANUAL" />
หากตั้งค่ารายการนี้ให้มีชื่อส่วนหัวของคำขอ <ph name="HTTP" /> การตรวจสอบ <ph name="CORS" /> จะเพิกเฉยต่อส่วนหัวที่อยู่ในรายการ พร้อมทั้งเปิดใช้การลดการตรวจสอบสำหรับส่วนขยาย
หากไม่ได้ตั้งค่ารายการนี้ไว้ ระบบจะไม่บังคับใช้การลดการตรวจสอบทั้ง 2 รายการที่อธิบายไว้ด้านบน
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ <ph name="CORS" /> ได้ที่ <ph name="CORS_HELP_URL" />
โปรดทราบว่าเราได้ประกาศว่าจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 82 แต่ได้นำออกในเวอร์ชัน 84</translation>
<translation id="3606571057705314194">ปิดใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="3608206578291537084">เปิดใช้ไปป์ไลน์การรายงานที่เข้ารหัส</translation>
<translation id="3608281460204780443">แสดงไอคอน Chrome เว็บสโตร์ใน Launcher ของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" หรือในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="3616490235694929053">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงหน้าจอการตั้งค่าขนาดการแสดงผลต่อผู้ใช้หรือไม่ระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หน้าจอการตั้งค่าขนาดการแสดงผลจะไม่แสดง
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หน้าจอการตั้งค่าขนาดการแสดงผลจะแสดงขึ้นมา</translation>
<translation id="3622463490728773174">อนุญาตการใช้งานใหม่</translation>
<translation id="3623332696371971798">ป้องกันไม่ให้แอปการปรับเปลี่ยนเฉพาะบุคคลเข้าถึง Google Photos</translation>
<translation id="3625900437628963632">ระบุว่าให้ระบบจำค่ารหัสผ่าน Kerberos ที่ตั้งให้กับรายการในนโยบายนี้หรือไม่ หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะจำรหัสผ่าน หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่จำรหัสผ่าน ระบบจะไม่สนใจหากไม่ได้ระบุช่องรหัสผ่านสำหรับบัญชีนี้ รองรับช่องนี้ตั้งแต่ ChromeOS เวอร์ชัน 116</translation>
<translation id="3627678165642179114">เปิดหรือปิดใช้งานบริการเว็บสำหรับการตรวจสอบการสะกด</translation>
<translation id="3628480121685794414">เปิดใช้การพิมพ์แบบด้านเดียว</translation>
<translation id="3634125384445314047">อนุญาตให้เข้าถึงรูปภาพและวิดีโอล่าสุดที่ถ่ายในโทรศัพท์ผ่านฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="3637063789824963261">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทําให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานตัวนับรันไทม์ของอุปกรณ์ (Intel vPro Gen 14+ เท่านั้น)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทําให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่บันทึกหรือรายงานตัวนับรันไทม์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3640677352428533707">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลเวอร์ชันหรือไม่ เช่น เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ สถาปัตยกรรมระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และช่องของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3644735978203799620">เปิดใช้การเลือกอัตโนมัติสำหรับการจับภาพหลายหน้าจอ</translation>
<translation id="3646859102161347133">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอ</translation>
<translation id="3647212518036289905">การตั้งค่านโยบายจะระบุไลบรารี GSSAPI ที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP จะตั้งค่านโยบายเป็นชื่อไลบรารีหรือเส้นทางแบบเต็มก็ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ชื่อไลบรารีเริ่มต้น</translation>
<translation id="3650122925429054129">ปิดใช้การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="365093517647222762">รายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์สำหรับ URL ที่อนุญาตซึ่งระบุโดยนโยบาย <ph name="REPORT_WEBSITE_TELEMETRY_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จากผู้ใช้ที่เชื่อมโยง
การตั้งค่านโยบายจะควบคุมการรายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์สำหรับประเภทการวัดและส่งข้อมูลทางไกลที่ระบุ
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์</translation>
<translation id="3652670852519271837">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีผ่าน File System API</translation>
<translation id="3653237928288822292">ไอคอนของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="3654906736796256792">อนุญาตให้เรียกใช้แซนด์บ็อกซ์เสียง</translation>
<translation id="3655252664209966774">ส่วนขยายการใช้งานคีย์ X.509 จะแจ้งให้ทราบว่าอาจมีการใช้คีย์ดังกล่าวในใบรับรองอย่างไรบ้าง วิธีการดังกล่าวช่วยป้องกันไม่ให้มีการใช้ใบรับรองในบริบทที่ไม่ได้ตั้งใจไว้ ซึ่งจะป้องกันกลุ่มการโจมตีแบบข้ามโปรโตคอลใน HTTPS และโปรโตคอลอื่นๆ ไคลเอ็นต์ HTTPS ต้องตรวจสอบว่าใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ตรงกับพารามิเตอร์ TLS ของการเชื่อมต่อหรือไม่ เพื่อให้วิธีการที่ว่านี้ใช้งานได้
ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 124 เป็นต้นไป จะมีการเปิดใช้การตรวจสอบนี้เสมอ
<ph name="PRODUCT_NAME" /> 123 และเวอร์ชันก่อนหน้ามีลักษณะการทำงานดังต่อไปนี้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดําเนินการตรวจดังกล่าว
การดำเนินการเช่นนี้จะช่วยป้องกันการโจมตีที่ผู้โจมตีปรับแต่งเบราว์เซอร์ให้ตีความคีย์ในลักษณะที่เจ้าของใบรับรองไม่ได้ตั้งใจไว้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้ามการตรวจสอบนี้ในการเชื่อมต่อ HTTPS ที่ทั้งสื่อสารเกี่ยวกับ TLS 1.2 และใช้ใบรับรอง RSA ที่เชื่อมกับ Trust Anchor ภายในเครื่อง ตัวอย่างของ Trust Anchor ภายในเครื่องรวมถึงใบรับรองรูทที่ผู้ใช้ติดตั้งหรือใบรับรองรูทที่มาจากนโยบาย ในกรณีอื่นๆ ทั้งหมด การตรวจสอบจะดําเนินการโดยไม่ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของนโยบายนี้
หากไม่ได้กําหนดค่านโยบายไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทํางานเสมือนว่านโยบายเปิดใช้อยู่
การเชื่อมต่อที่ไม่ผ่านการตรวจสอบนี้จะดำเนินการไม่สำเร็จและมีข้อผิดพลาด ERR_SSL_KEY_USAGE_INCOMPATIBLE เว็บไซต์ที่ดำเนินการไม่สำเร็จด้วยข้อผิดพลาดนี้อาจมีใบรับรองที่กําหนดค่าไม่ถูกต้อง ชุดการเข้ารหัส ECDHE_RSA รุ่นใหม่ๆ จะใช้ตัวเลือกการใช้งานคีย์ "digitalSignature" ขณะที่ชุดการเข้ารหัส RSA การถอดรหัสแบบเดิมจะใช้ตัวเลือกการใช้งานคีย์ "keyEncipherment" หากไม่แน่ใจ ผู้ดูแลระบบควรรวมทั้ง 2 อย่างนี้ไว้ในใบรับรอง RSA สําหรับ HTTPS</translation>
<translation id="3655710915351748191">ไม่แสดงไอคอน Chrome เว็บสโตร์ใน Launcher ของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" หรือในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="3655885297177292093">Event.path API จะอยู่ในสถานะเริ่มต้น ได้แก่ พร้อมใช้งานในเวอร์ชันที่เก่ากว่า M109 และไม่พร้อมใช้งานในเวอร์ชัน M109 ถึง 114</translation>
<translation id="3659542706175323490">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้การบูตด้วย AC เปิดใช้อยู่เสมอ หากอุปกรณ์รองรับ การบูตด้วย AC ทำให้ระบบรีสตาร์ทจากสถานะ "ปิด" หรือ "ไฮเบอร์เนต" ได้หลังจากเสียบสายไฟ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การบูตด้วย AC ปิดใช้อยู่เสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดการบูตด้วย AC และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้</translation>
<translation id="3660562134618097814">โอนคุกกี้ SAML IdP ขณะลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3662660961914441274">ปิดใช้การจัดเก็บไฟล์ของผู้ใช้ในเครื่อง</translation>
<translation id="3665437376055221832">แสดงข้อความแจ้งผู้ใช้เฉพาะในกรณีที่ไม่มีใบรับรองตรงกับการเลือกอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3671773704245936868">ปิดใช้การไฮไลต์โฟกัสแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="3674010627788940405">ไม่รองรับส่วนหัวของคำขอที่ไม่มีไวลด์การ์ดสำหรับ CORS</translation>
<translation id="3675303748198647471">โดยทั่วไปแล้ว setTimeout(…, 0) จะใช้เพื่อแบ่งงาน JavaScript ที่ยาว
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะไม่บีบ setTimeouts และ setIntervals ที่มีช่วงเวลาน้อยกว่า 4 มิลลิวินาทีมากเกินไป
ตัวเลือกนี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในระยะสั้น แต่สุดท้ายเว็บไซต์ที่ละเมิด API จะยังคงถูกบีบ setTimeouts ไว้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ระบบจะบีบ setTimeouts และ setIntervals ที่มีช่วงเวลาน้อยกว่า 4 มิลลิวินาที
ซึ่งอาจทำให้ลำดับงานของบางหน้าเว็บเปลี่ยนไปได้ จนเกิดลักษณะการทำงานที่ไม่ได้คาดไว้ในเว็บไซต์ที่อาศัยการเรียงลำดับงานในบางรูปแบบ
นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อเว็บไซต์ที่มี setTimeout() จำนวนมากที่มีการใช้ระยะหมดเวลาที่ 0 มิลลิวินาทีด้วย เช่น ทำให้โหลดของ CPU มากขึ้น
สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะทยอยทำการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยในเวอร์ชันเสถียร
นโยบายนี้เป็นนโยบายชั่วคราวซึ่งจะถูกนำออกใน "<ph name="PRODUCT_NAME" />" เวอร์ชัน 107 กำหนดเวลานี้อาจเลื่อนออกไปได้หากมีบริษัทที่ยังคงต้องการใช้จำนวนมาก
</translation>
<translation id="3678069907945250643">อนุญาตให้แอปการปรับเปลี่ยนเฉพาะบุคคลเข้าถึง Google Photos</translation>
<translation id="3680529017993214255">เปิดใช้ฟีเจอร์และส่งข้อมูลเพื่อช่วยฝึกโมเดล AI</translation>
<translation id="3685979383016152590">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
* <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> (ค่า 0) ใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST" /> เพื่อจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้
* <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> (ค่า 1) ใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST" /> เพื่อระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้
* <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> (ค่า 2) แสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /></translation>
<translation id="3695204334462456702">ปลายทางของโปรโตคอลที่ใช้ Zeroconf (mDNS + DNS-SD) (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="3695706037816556327">การดำเนินการเมื่อมีการนำโทเค็นความปลอดภัยออก (เช่น สมาร์ทการ์ด) สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3696134803170884851">ปิดเสียงการชาร์จ</translation>
<translation id="3699986274986041335">ถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการได้รับสิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่อง</translation>
<translation id="3700193037252896716">ความถี่ที่ควรมีการรีบูต</translation>
<translation id="3700318587977845664">ความถี่ในการตรวจหาอัปเดตซ้ำ</translation>
<translation id="3701121231485832347">ควบคุมการตั้งค่าเฉพาะของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ <ph name="MS_AD_NAME" /> จัดการ</translation>
<translation id="3702518095257671450">เอกสารรับรองระยะไกล</translation>
<translation id="3702647575225525306"><ph name="POLICY_NAME" /> (เราเลิกใช้งานช่องบรรทัดเดียวแล้วและจะนำออกในเร็วๆ นี้ โปรดเริ่มใช้กล่องข้อความหลายบรรทัดด้านล่างนี้)</translation>
<translation id="3711561721191203926">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" เมื่อใดก็ตามที่คำเตือนแสดงขึ้นใน <ph name="DEV_TOOLS_NAME" /> เนื่องจากการตรวจสอบ <ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS" /> ล้มเหลว ระบบจะบล็อกคำขอหลักแทน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่บังคับใช้คำเตือน <ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS" /> ทั้งหมดและจะไม่บล็อกคำขอ
ดูข้อจำกัดของ <ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS" /> ได้ที่ https://wicg.github.io/private-network-access/</translation>
<translation id="3711895659073496551">ระงับการใช้งาน</translation>
<translation id="3712861436661566358">บังคับใช้การแยกโปรไฟล์</translation>
<translation id="3719826155360621982">หน้าแรก</translation>
<translation id="3724039569609354541">ใช้ลักษณะการทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อกำหนดว่าเว็บไซต์ต่างๆ จะส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายได้หรือไม่</translation>
<translation id="372668389978450673">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ <ph name="LACROS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เพิ่มบุคคลใหม่จากการจัดการผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ <ph name="LACROS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เพิ่มบุคคลใหม่จากการจัดการผู้ใช้
โปรดทราบว่าหากไม่กำหนดค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" แต่ตั้งค่า <ph name="LACROS_SECONDARY_PROFILES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" <ph name="LACROS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เพิ่มบุคคลใหม่จากการจัดการผู้ใช้</translation>
<translation id="3727476641336727380">ในกรณีที่ไม่ได้ตั้งค่า <ph name="ALLOW_WAKE_LOCKS_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="ALLOW_SCREEN_WAKE_LOCKS_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้ Wake Lock สำหรับหน้าจอเพื่อการจัดการพลังงานได้ ส่วนขยายจะขอ Wake Lock สำหรับหน้าจอได้ผ่านทาง Power Management Extension API และแอป ARC
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะลดระดับคำขอ Wake Lock สำหรับหน้าจอไปเป็นคำขอ Wake Lock สำหรับระบบ</translation>
<translation id="3727675072430693164">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์สำหรับคอมโพเนนต์ SoC
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติ</translation>
<translation id="3729937245044939404">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M70 โปรดใช้ <ph name="AUTOFILL_ADDRESS_ENABLED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="AUTOFILL_CREDIT_CARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> แทน
เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้เติมคำอัตโนมัติในเว็บฟอร์มโดยใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลบัตรเครดิต
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติไม่ได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะยังคงเป็นผู้ควบคุมฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้กำหนดค่าโปรไฟล์การป้อนข้อความอัตโนมัติและเปิดหรือปิดการป้อนข้อความอัตโนมัติได้ตามที่เห็นสมควร</translation>
<translation id="3733014427925403568">วันในสัปดาห์ที่เริ่มต้นและสิ้นสุดระยะเวลา</translation>
<translation id="3736879847913515635">เปิดใช้การเพิ่มบุคคลในการจัดการผู้ใช้</translation>
<translation id="3744984310825999317">อนุญาตให้ <ph name="PEPPER_NAME" /> ใช้เครื่องมือถอดรหัสใหม่สำหรับการถอดรหัสวิดีโอที่มีการเร่งฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="3749259744154402564">ไม่รองรับ</translation>
<translation id="3749511622128647337">ปิดใช้เอาต์พุตเสียง</translation>
<translation id="3750220015372671395">บล็อกการสร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="3753267109888284695">รายการที่อนุญาตสำหรับ HTTP</translation>
<translation id="3753959315989102457">ปิดใช้การรายงานตำแหน่งของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3755237588083934849">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดความถี่ในการส่งการอัปโหลดสถานะอุปกรณ์เป็นมิลลิวินาที ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 60 วินาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ช่วงเวลาเริ่มต้น 3 ชั่วโมง</translation>
<translation id="3755796472192036324">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีขาว</translation>
<translation id="3756011779061588474">บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="3756516139200532906">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการกำหนดค่าชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="3756737071958233151">เปิดใช้การอัปโหลดบันทึกระบบของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3758089716224084329">ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และแอป ARC จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="3758249152301468420">ปิดใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="3758910737665387561">อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ PluginVm</translation>
<translation id="3759650373178711405">หากไม่ตั้งค่านโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> ให้กู้คืน URL จากเซสชันก่อนหน้าโดยถาวร การตั้งค่า <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ก็จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะตั้งค่าคุกกี้ได้และไม่ได้สำหรับเซสชันหนึ่งๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล URL ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ก็จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเช่นกัน
แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน</translation>
<translation id="3760148113224469113">กำหนดให้ผู้ใช้ยืนยันข้อความแจ้งของโปรโตคอลภายนอกเสมอ</translation>
<translation id="3760231600118073732">ล็อกเซสชันปัจจุบัน</translation>
<translation id="3761222804122755011">WebRTC จะใช้อินเทอร์เฟซที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสาธารณะเท่านั้น แต่อาจเชื่อมต่อโดยใช้ที่อยู่ IP ส่วนตัว</translation>
<translation id="3762520180381586267">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทริกเกอร์การรีสตาร์ทเมื่อผู้ใช้ปิดอุปกรณ์เครื่องนั้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงปุ่มรีสตาร์ทแทนปุ่มปิดเครื่องทุกปุ่มใน UI หากผู้ใช้ปิดอุปกรณ์โดยใช้ปุ่มเปิด/ปิด อุปกรณ์จะไม่รีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะเปิดใช้นโยบายอยู่ก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อนุญาตให้ผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="376375951585423504">ปิดใช้โควต้าถาวร</translation>
<translation id="3765260570442823273">ระยะเวลาของข้อความเตือนการออกจากระบบจากการไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="3770407495263198786">การตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบตั้งค่ารายการเครื่องพิมพ์สำหรับผู้ใช้ได้ การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์
นโยบายนี้ใช้ในการดำเนินการต่อไปนี้
* ปรับแต่ง <ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> ซึ่งมีรูปแบบอิสระเพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น
* ช่วยผู้ใช้ระบุเครื่องพิมพ์โดยใช้ <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" />
* <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากเครื่องไคลเอ็นต์ รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" />
* ระบุ <ph name="PRINTER_UUID" /> เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก หากต้องการ
* ใช้ชื่อรุ่นสำหรับ <ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> หรือจะตั้งค่า <ph name="PRINTER_AUTOCONF" /> เป็น "จริง" ก็ได้ ระบบจะเพิกเฉยต่อเครื่องพิมพ์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการหรือไม่มีเลย
ระบบจะดาวน์โหลด PPD หลังการใช้งานเครื่องพิมพ์ และแคช PPD ที่ใช้บ่อยไว้ นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย <ph name="MS_AD_NAME" /> นโยบายนี้รองรับการขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> เป็นชื่อเครื่อง <ph name="MS_AD_NAME" /> หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบจะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> ตำแหน่งจะเริ่มนับจากศูนย์</translation>
<translation id="377044054160169374">การบังคับใช้การแทรกแซงเมื่อเกิดประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสม</translation>
<translation id="3778689139323007309">ตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการรับรองว่าใช้ได้โดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่องอยู่เสมอ</translation>
<translation id="3780152581321609624">รวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานใน Kerberos SPN</translation>
<translation id="3788662722837364290">การตั้งค่าการจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="3788876528643861853">ปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ในระบบคลาวด์ของ Microsoft®</translation>
<translation id="3790085888761753785">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตนด้วย Smart Lock ลักษณะการทำงานโดยทั่วไปของ Smart Lock จะอนุญาตให้ผู้ใช้ปลดล็อกหน้าจอได้เพียงเท่านั้น การอนุญาตนี้จึงถือว่าให้สิทธิ์มากกว่าปกติ
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรและอนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="3791179836066841809">เอกสารประกอบสำหรับนโยบาย</translation>
<translation id="3792144912556572267">การตั้งค่านโยบายจะตั้งค่า URL หน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> คุณเปิดหน้าแรกโดยใช้ปุ่มหน้าแรก ในเดสก์ท็อป นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> จะควบคุมหน้าที่เปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
หากผู้ใช้หรือ <ph name="HOMEPAGE_IS_NEW_TAB_PAGE_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ นโยบายนี้จะไม่มีผล
URL ต้องเป็นรูปแบบมาตรฐาน เช่น http://example.com หรือ https://example.com เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยน URL หน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
การไม่ตั้งค่าทั้ง <ph name="HOMEPAGE_LOCATION_POLICY_NAME" /> และ <ph name="HOMEPAGE_IS_NEW_TAB_PAGE_POLICY_NAME" /> จะทำให้ผู้ใช้เลือกหน้าแรกเองได้
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="379318040165550702">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือก</translation>
<translation id="3796527892245558832">เครื่องมือเลือกโปรไฟล์พร้อมใช้งานเมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="3798922329287609568">การตั้งค่านโยบายนี้จะจำกัดโหมดการพิมพ์ 2 ด้าน
หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้ ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัด</translation>
<translation id="3799417300383048419">เก็บข้อมูลโปรไฟล์ไว้ในดิสก์เมื่อเซสชันของผู้ใช้สิ้นสุดลง</translation>
<translation id="3799436555130241393">การซิงค์ไฟล์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3803171355925844705">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ โหลดเนื้อหาผสม</translation>
<translation id="3808945828600697669">ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation>
<translation id="3810642039169532482">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3811562426301733860">อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ทั้งหมด</translation>
<translation id="3816312845600780067">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์ลัด bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3817323252437541502">เปิดใช้การปกป้องเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง</translation>
<translation id="3821861026311587684">บังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อบัญชีของผู้ใช้ไม่ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="3822756181940590230">ข้อมูล Non-volatile UEFI เริ่มต้นที่เฟิร์มแวร์ VM ใช้</translation>
<translation id="3823381379309653965">การตั้งค่านโยบายจะมีระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลนโยบายด้านอุปกรณ์จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,800,000 (30 นาที) ถึง 86,400,000 (1 วัน) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 3 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การแจ้งเตือนเรื่องนโยบายจะบังคับรีเฟรชเมื่อนโยบายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรีเฟรชบ่อยๆ ดังนั้น หากแพลตฟอร์มรองรับการแจ้งเตือนเหล่านี้ การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะอยู่ที่ 24 ชั่วโมง (โดยไม่สนใจค่าเริ่มต้นและค่าของนโยบายนี้)</translation>
<translation id="382476126209906314">กำหนดค่าส่วนนำหน้า TalkGadget สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="3824972131618513497">ควบคุมการตั้งค่าที่เกี่ยวกับการจัดการพลังงานและการรีบูต</translation>
<translation id="3825873934240606959">ป้องกันการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน</translation>
<translation id="3826475866868158882">บริการตำแหน่งของ Google เปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="3829344785870486923">รายการที่อนุญาตสำหรับโดเมนรองที่มีการแยกโปรไฟล์องค์กร</translation>
<translation id="3831376478177535007">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เชื่อถือใบรับรองที่ได้รับจากการดำเนินการสำหรับ PKI แบบเดิมของ Symantec Corporation หากการดำเนินการดังกล่าวผ่านการตรวจสอบและอยู่ในห่วงโซ่ของใบรับรอง CA ที่เป็นที่ยอมรับ
โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับว่าระบบปฏิบัติการยังยอมรับใบรับรองจากโครงสร้างพื้นฐานเดิมของ Symantec อยู่หรือไม่ หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การจัดการใบรับรองดังกล่าวของระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงไป นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังใช้แก้ปัญหาเป็นการชั่วคราวเพื่อให้องค์กรมีเวลามากขึ้นในการเปลี่ยนจากการใช้ใบรับรองแบบเดิมของ Symantec นโยบายนี้จะถูกนำออกไปประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดำเนินการตามกำหนดการเลิกใช้งานที่ประกาศต่อสาธารณะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกใช้งานข้างต้นใน https://g.co/chrome/symantecpkicerts</translation>
<translation id="3831836327853123066">การตั้งค่านโยบายจะจำกัดระยะเวลาทำงานของอุปกรณ์ด้วยการตั้งเวลารีสตาร์ทอัตโนมัติ ซึ่งคุณอาจกำหนดให้ช้าลงได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้กำลังใช้อุปกรณ์ ค่านโยบายต้องมีหน่วยเป็นวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลืออย่างน้อย 3,600 วินาที (1 ชั่วโมง)
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการจำกัดระยะเวลาทำงานของอุปกรณ์
หมายเหตุ: การรีสตาร์ทอัตโนมัติจะเปิดเฉพาะในขณะที่หน้าจอลงชื่อเข้าใช้ปรากฏขึ้นหรือในระหว่างเซสชันของแอปคีออสก์</translation>
<translation id="3835692988507803626">บังคับให้ปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation>
<translation id="3837424079837455272">นโยบายนี้กำหนดว่าจะเพิ่มผู้ใช้ใหม่ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้หรือไม่ แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google เพิ่มเติมใน Android หากคุณต้องการป้องกันการลงชื่อเข้าใช้ ให้กำหนดค่านโยบาย <ph name="ACCOUNT_TYPES_WITH_MANAGEMENT_DISABLED_CLOUDDPC_POLICY_NAME" /> เฉพาะสำหรับ Android ให้เป็นส่วนหนึ่งของ <ph name="ARC_POLICY_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="3838094946886335701">การตั้งค่านโยบาย (ตามที่แนะนำเท่านั้น) จะให้คุณลงทะเบียนรายการเครื่องจัดการโปรโตคอล ซึ่งรวมเข้ากับรายการที่ผู้ใช้ลงทะเบียน และทำให้มีการนำทั้ง 2 ชุดไปใช้งาน ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ "โปรโตคอล" เป็นรูปแบบ เช่น "mailto" และตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ "URL" เป็นรูปแบบ URL ของแอปพลิเคชันที่จัดการรูปแบบที่ระบุไว้ในช่อง "โปรโตคอล" รูปแบบ URL อาจมีตัวยึดตำแหน่ง "%s" ได้ ซึ่ง URL ที่มีการจัดการจะมาแทนที่
ผู้ใช้จะนำเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนไว้ออกไม่ได้ แต่หากติดตั้งเครื่องจัดการเริ่มต้นเครื่องใหม่ ก็จะเปลี่ยนเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายติดตั้งไว้ได้</translation>
<translation id="3842619997238271109">ไม่อนุญาตให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ PIN และการตรวจสอบสิทธิ์การจับคู่เมื่อยอมรับการเชื่อมต่อไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="3851443303439635700">กำหนดเกณฑ์ระดับการซ้อนซึ่งควบคุมการเริ่มฟังก์ชัน setTimeout() ของ JavaScript</translation>
<translation id="3858658082795336534">โหมดพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น</translation>
<translation id="3859780406608282662">เพิ่มพารามิเตอร์เพื่อเรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากมีการระบุ จะมีการเพิ่มพารามิเตอร์การค้นหาชื่อ "ข้อจำกัด" ลงใน URL ที่ใช้เรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ ค่าพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้
หากไม่มีการระบุ จะไม่มีการแก้ไข URL ข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ</translation>
<translation id="3863409707075047163">เวอร์ชัน SSL ขั้นต่ำที่เปิดใช้</translation>
<translation id="3864129983143201415">กำหนดค่าภาษาที่อนุญาตในเซสชันของผู้ใช้</translation>
<translation id="3866249974567520381">คำอธิบาย</translation>
<translation id="386723261607812952">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3868347814555911633">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
แสดงรายการส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้การสาธิตสำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก ส่วนขยายเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์และติดตั้งขณะที่ออฟไลน์ได้หลังจากการติดตั้ง
แต่ละรายการจะมีพจนานุกรมที่ต้องมี ID ส่วนขยายในฟิลด์ "extension-id" และ URL การอัปเดตในฟิลด์ "update-url"</translation>
<translation id="3869180930654347954">ปิดใช้ชุดบุคคลที่หนึ่งสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ</translation>
<translation id="3869566220234507038">โหลดเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> แบบ<ph name="LACROS_ROOTFS_NAME" /> เสมอ</translation>
<translation id="3870035799352372700">บล็อก Google Assistant ไม่ให้เข้าถึงบริบทในหน้าจอระหว่างการโต้ตอบ</translation>
<translation id="3870059789954671543">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์วัตถุที่แป้นพิมพ์โฟกัส
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3870300103958000506">หากไม่ตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" การตั้งค่า <ph name="ADS_SETTINGS_FOR_INTRUSIVE_ADS_SITES_POLICY_NAME" /> เป็น 1 หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้แสดงโฆษณาในทุกเว็บไซต์
การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะบล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ซึ่งมีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="3876564097829884243">เปิดใช้ฟีเจอร์ EphemeralNetworkPolicies</translation>
<translation id="3877517141460819966">โหมดการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สองที่ผสานรวม</translation>
<translation id="3877908683993837673">นโยบายนี้ควบคุมกลุ่มซอฟต์แวร์ที่จะใช้ในการสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ DNS ซึ่งได้แก่ ไคลเอ็นต์ DNS ของระบบปฏิบัติการ หรือไคลเอ็นต์ DNS ในตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้ไม่มีผลกับเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่จะใช้ เช่น หากมีการกำหนดค่าให้ระบบปฏิบัติการใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS ขององค์กร ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวก็จะใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกันนี้ด้วย นอกจากนี้ นโยบายยังไม่ได้ควบคุมว่าจะใช้ DNS-over-HTTPS หรือไม่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้รีโซลเวอร์ในตัวเมื่อมีคำขอ DNS-over-HTTPS เสมอ โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุม DNS-over-HTTPS ในนโยบาย <ph name="DNS_OVER_HTTPS_MODE_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว (หากมี)
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะมีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวเฉพาะเมื่อมีการใช้งาน DNS-over-HTTPS อยู่เท่านั้น
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน <ph name="MS_WIN_NAME" />, <ph name="MAC_OS_NAME" />, <ph name="ANDROID_NAME" /> (เมื่อปิดใช้ทั้ง DNS ส่วนตัวและ VPN) และ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3879208481373875102">กำหนดค่ารายการเว็บแอปที่บังคับติดตั้งแล้ว</translation>
<translation id="3879700444818346084">ปิดใช้การนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้เมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="388237772682176890">นโยบายนี้เลิกใช้งานใน M53 และนำออกจาก M54 เนื่องจากไม่มีการสนับสนุน SPDY/3.1 อีกต่อไป
ปิดใช้โปรโตคอล SPDY ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากเปิดใช้นโยบายนี้ โปรโตคอล SPDY จะไม่สามารถใช้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้สามารถใช้ SPDY ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะสามารถใช้ SPDY ได้</translation>
<translation id="3885896818093825047">อนุญาตให้ตั้งค่า <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /></translation>
<translation id="3889458462150559611">อนุญาตให้เว็บไซต์ส่งคำขอในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยไปยังปลายทางเครือข่ายใดก็ได้</translation>
<translation id="388999630001435491">อนุญาตให้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในที่อยู่ IP ส่วนตัวเท่านั้น</translation>
<translation id="3891175633496805812">ปิดใช้ตัวควบคุมการวินิจฉัยพร้อมทั้งการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation>
<translation id="3891357445869647828">เปิดใช้งาน JavaScript</translation>
<translation id="3891769546914233112">มีตัวเลือกในการพิมพ์ PDF เป็นรูปภาพ</translation>
<translation id="389527805641080362">นโยบายนี้ควบคุมค่าของ<ph name="IPP_ATTRIBUTE" /> <ph name="CLIENT_INFO_IPP_ATTRIBUTE" /> <ph name="INTERNET_PRINTING_PROTOCOL" /> (<ph name="IPP_PROTOCOL" />) ในงานพิมพ์
การตั้งค่านโยบายมีผลต่อการส่งค่า <ph name="CLIENT_INFO_IPP_ATTRIBUTE" /> เพิ่มเติมไปยังงานพิมพ์ที่ส่งไปยังเครื่องพิมพ์ <ph name="IPP_PROTOCOL" /> สมาชิก <ph name="CLIENT_TYPE_IPP_ATTRIBUTE" /> ของค่า <ph name="CLIENT_INFO_IPP_ATTRIBUTE" /> ที่เพิ่มจะตั้งค่าเป็น <ph name="CLIENT_TYPE_OTHER" /> สมาชิก <ph name="CLIENT_NAME_IPP_ATTRIBUTE" /> ของค่า <ph name="CLIENT_INFO_IPP_ATTRIBUTE" /> ที่เพิ่มจะตั้งเป็นค่าของนโยบายหลังจากการแทนที่ตัวแปรของตัวยึดตำแหน่ง ตัวแปรของตัวยึดตำแหน่งที่รองรับคือ <ph name="DIRECTORY_ID_PLACEHOLDER" />, <ph name="SERIAL_NUMBER_PLACEHOLDER" />, <ph name="ASSET_ID_PLACEHOLDER" />, <ph name="ANNOTATED_LOCATION_PLACEHOLDER" /> ระบบจะไม่แทนที่ตัวแปรของตัวยึดตำแหน่งที่ไม่รองรับ
ค่าที่เกิดหลังจากการแทนที่ตัวแปรของตัวยึดตำแหน่งจะถือว่าถูกต้องหากมีความยาวไม่เกิน 127 อักขระ และมีเพียงอักขระตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่ของตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข เครื่องหมายขีดกลาง ("-") จุด (".") และขีดล่าง ("_")
โปรดทราบว่า เนื่องด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อการเชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์มีความปลอดภัย (รูปแบบ URI <ph name="IPPS_SCHEME" />) และผู้ใช้ที่ส่งงานพิมพ์เป็นผู้ใช้ที่เชื่อมโยงเท่านั้น นอกจากนี้ โปรดทราบว่านโยบายมีผลเฉพาะกับเครื่องพิมพ์ที่รองรับ <ph name="CLIENT_INFO_IPP_ATTRIBUTE" /> เท่านั้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ตั้งเป็นค่าว่างหรือค่าที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะไม่เพิ่มค่า <ph name="CLIENT_INFO_IPP_ATTRIBUTE" /> เพิ่มเติมในคำของานพิมพ์
</translation>
<translation id="3897218615484393758">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML จะเข้าสู่ระบบแบบออฟไลน์ได้ในหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="3897860452756794695">ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบใหม่ของ offsetParent</translation>
<translation id="3898345958122666461">ปิด NTLMv2</translation>
<translation id="3898795800259311780">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="390296766888987595">แสดงแป้นพิมพ์บนหน้าจอเมื่อผู้ใช้หรือแอปพลิเคชันร้องขอเท่านั้น</translation>
<translation id="3903313632842363082">ปิดใช้การรายงานผู้ใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="3904304709151553598">ปิดใช้การรายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3905883021371603181">เปิดใช้การตัดเสียงก้องของระบบ</translation>
<translation id="3907683835264956726">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ออนไลน์ลงชื่อเข้าใช้ในหน้าจอล็อก หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" นโยบายอย่างเช่น <ph name="POLICY" /> จะทำให้มีการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทางออนไลน์ในหน้าจอล็อก
ระบบจะบังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทันทีที่อยู่ในหน้าจอล็อก หรือครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ล็อกหน้าจอหลังเงื่อนไขตรงตามที่กำหนด
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปลดล็อกหน้าจอได้เสมอด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบในเครื่อง</translation>
<translation id="3911737181201537215">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการบันทึกที่ดำเนินการโดย Android</translation>
<translation id="3911960007057904543">การตั้งค่านโยบายทำให้สามารถรวมนโยบายที่เลือกเมื่อนโยบายมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตและระดับเดียวกัน
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" เพื่ออนุญาตให้รวมนโยบายรายการทั้งหมด
หากนโยบายอยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มาซึ่งมี
* ขอบเขตและระดับเดียวกัน: ค่าจะรวมอยู่ในรายการนโยบายใหม่
* ขอบเขตหรือระดับที่ต่างกัน: ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด
หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มา ขอบเขต หรือระดับ ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด</translation>
<translation id="3913680877415932969">กำหนดค่านโยบายเพื่อควบคุมระดับ API การแชร์หน้าจอ (เช่น getDisplayMedia() หรือ API ส่วนขยายสำหรับการจับภาพเดสก์ท็อป) ที่เว็บไซต์อาจจับภาพ (เช่น การจับภาพแท็บ หน้าต่าง หรือเดสก์ท็อป)</translation>
<translation id="3915395663995367577">URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี</translation>
<translation id="3915587396318773837">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์เพื่อรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์จาก URL นี้จึงจะเชื่อมต่อได้
หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้
หมายเหตุ: ต้องใช้นโยบายนี้กับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_VALIDATION_URL_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="3918339829588313389">อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนด PIN ที่ไม่รัดกุม</translation>
<translation id="3924506460382372403">ปิดใช้การรายงานสถานะกราฟิกของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3925377537407648234">ตั้งค่าความละเอียดและปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผล</translation>
<translation id="3926681471685211524">ตรวจสอบการใช้งานคีย์ RSA สําหรับใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ออกโดย Trust Anchor ภายในเครื่อง</translation>
<translation id="3927137827189017535">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับคีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้คีย์ติดหนึบเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้คีย์ติดหนึบเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้คีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3927291637826333102">อนุญาตให้ต้นทางเหล่านี้จับภาพเดสก์ท็อป หน้าต่าง และแท็บ</translation>
<translation id="3928726028264020458">เปิดใช้การรายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3929433884360648086">ฟีเจอร์นี้ทำให้ใช้ "zstd" ในส่วนหัวของคำขอ "ยอมรับการเข้ารหัส" ได้และรองรับการยกเลิกการบีบอัดเนื้อหาเว็บที่บีบอัดด้วย <ph name="ZSTANDARD_SHORTNAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ยอมรับเนื้อหาเว็บที่บีบอัดด้วย <ph name="ZSTANDARD_SHORTNAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดฟีเจอร์การเข้ารหัสเนื้อหาด้วย <ph name="ZSTANDARD_SHORTNAME" />
นโยบายนี้มีไว้เพื่อใช้ชั่วคราวและจะนำออกในอนาคต</translation>
<translation id="3941289958028934630">ปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3943930334592166130">นโยบายนี้ควบคุมว่าระบบจะแสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์หรือไม่เมื่อมีใบรับรองที่ตรงกันมากกว่า 1 รายการ <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะแสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์เมื่อนโยบายการเลือกอัตโนมัติพบใบรับรองที่ตรงกันหลายรายการ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบอาจแสดงข้อความแจ้งผู้ใช้เฉพาะในกรณีที่ไม่มีใบรับรองตรงกับการเลือกอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3947897854999940598">ระบุเทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการด้วยข้อมูลประจำตัว</translation>
<translation id="3949642828552641632">อนุญาตการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /></translation>
<translation id="3950110092991281616">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันปกติเท่านั้น</translation>
<translation id="3950239119790560549">อัปเดตการจำกัดเวลา</translation>
<translation id="3953860513079094502">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์การตรวจจับและการตอบสนองแบบขยาย (XDR)</translation>
<translation id="3956243291190637924">ซ่อนส่วนหัวและส่วนท้ายในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="3956573780915784996">อนุญาตให้ผู้ใช้รวบรวมการติดตามประสิทธิภาพทั้งระบบ</translation>
<translation id="3956686688560604829">ใช้นโยบาย SiteList ของ Internet Explorer กับการรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="3958586912393694012">อนุญาตให้ใช้ Smart Lock</translation>
<translation id="3960728283243442805">ผู้ใช้จะไม่เห็นตัวเลือกในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้เลือกอุปกรณ์แคสต์โดยใช้รหัสการเข้าถึงหรือด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด</translation>
<translation id="3962445567482559878">ใช้โหมด EDU ของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="396261881101930204">ซ่อนคำแนะนำสื่อจากผู้ใช้</translation>
<translation id="3964298692570794635">อนุญาตเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="3965339130942650562">หมดเวลาจนกว่าจะดำเนินการออกจากระบบของผู้ใช้ที่ไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="396536755218079668">ผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแล</translation>
<translation id="3968218878014278212">อนุญาตให้เปิดใช้ Eche</translation>
<translation id="3971673686578912106">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> เปิดขึ้นสำหรับอุปกรณ์เครื่องนั้น ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="USER_PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องเป็น "จริง" รวมทั้ง <ph name="PLUGIN_VM_LICENSE_KEY_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="PLUGIN_VM_USER_ID_POLICY_NAME" /> อย่างใดอย่างหนึ่งต้องมีการตั้งค่าเพื่อให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ทำงานได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์เครื่องนั้น</translation>
<translation id="3973371701361892765">ไม่ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเลย</translation>
<translation id="3977304360459208438">ให้ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับชุดการเข้ารหัส 3DES ใน TLS</translation>
<translation id="3977906634350977040">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ PIN และการตรวจสอบสิทธิ์การจับคู่เมื่อยอมรับการเชื่อมต่อไคลเอ็นต์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่อนุญาตให้ใช้ PIN หรือการตรวจสอบสิทธิ์การจับคู่
การไม่ตั้งค่าจะทำให้โฮสต์เลือกได้ว่าจะใช้ PIN และ/หรือการตรวจสอบสิทธิ์การจับคู่ได้หรือไม่
หมายเหตุ: หากการตั้งค่าส่งผลให้ทั้งโฮสต์และไคลเอ็นต์ไม่มีวิธีการตรวจสอบสิทธิ์ที่รองรับร่วมกัน การเชื่อมต่อจะถูกปฏิเสธ</translation>
<translation id="3979738908158213640">URL ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเพื่อทำการรับรองอุปกรณ์ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ SAML</translation>
<translation id="3982322576186033243">ไม่อนุญาตแฮชที่ไม่ปลอดภัยในแฮนด์เชค TLS</translation>
<translation id="3982465141749620677">แจ้งให้ตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งในแท็บ</translation>
<translation id="398294729592983401">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดการตั้งค่าการป้องกันลายนิ้วมือของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ของตน</translation>
<translation id="3983162212222338509">การแปลง DNS ของระบบอาจทำงานในหรือนอกกระบวนการของเครือข่าย หรือทั้งในและนอกกระบวนการของเครือข่าย โดยขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของระบบและแฟล็กฟีเจอร์</translation>
<translation id="3984773186203819634">รายการการดำเนินการที่จะเรียกใช้เมื่อหมดเวลาตามนโยบาย <ph name="IDLE_TIMEOUT_POLICY_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="IDLE_TIMEOUT_POLICY_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อหมดเวลาตามนโยบาย <ph name="IDLE_TIMEOUT_POLICY_NAME" /> เบราว์เซอร์จะเรียกใช้การดำเนินการที่กำหนดค่าไว้ในนโยบายนี้
หากนโยบายนี้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ตั้งค่า นโยบาย <ph name="IDLE_TIMEOUT_POLICY_NAME" /> จะไม่มีผล
การดำเนินการที่รองรับ ได้แก่ "<ph name="CLOSE_BROWSERS_ACTION" />": ปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์และ PWA ทั้งหมดสำหรับโปรไฟล์นี้ ไม่รองรับใน Android และ iOS
"<ph name="CLOSE_TABS_ACTION" />": ปิดแท็บที่เปิดอยู่ทั้งหมดในหน้าต่างที่เปิดอยู่ รองรับเฉพาะใน iOS
"<ph name="SHOW_PROFILE_PICKER_ACTION" />": แสดงหน้าต่างเครื่องมือเลือกโปรไฟล์ ไม่รองรับใน Android และ iOS
"<ph name="SIGN_OUT_ACTION" />": นำผู้ใช้ที่ลงชื่อเข้าใช้อยู่ออกจากระบบ รองรับเฉพาะใน iOS
"<ph name="CLEAR_BROWSING_HISTORY_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_DOWNLOAD_HISTORY_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_CACHED_IMAGES_AND_FILES_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_PASSWORD_SIGNIN_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_AUTOFILL_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_SITE_SETTINGS_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_HOSTED_APP_DATA_ACTION" />": ล้างข้อมูลการท่องเว็บที่เกี่ยวข้อง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากนโยบาย <ph name="CLEAR_BROWSING_DATA_ON_EXIT_LIST_POLICY_NAME" /> ประเภทที่รองรับใน iOS คือ "<ph name="CLEAR_BROWSING_HISTORY_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_CACHED_IMAGES_AND_FILES_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_PASSWORD_SIGNIN_ACTION" />" และ "<ph name="CLEAR_AUTOFILL_ACTION" />"
"<ph name="RELOAD_PAGES_ACTION" />": โหลดหน้าเว็บทั้งหมดซ้ำ ในบางหน้า ผู้ใช้อาจได้รับแจ้งให้ยืนยันก่อน ไม่รองรับใน iOS
การตั้งค่า "<ph name="CLEAR_BROWSING_HISTORY_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_PASSWORD_SIGNIN_ACTION" />", "<ph name="CLEAR_AUTOFILL_ACTION" />" และ "<ph name="CLEAR_SITE_SETTINGS_ACTION" />" จะปิดใช้การซิงค์สำหรับประเภทข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หากไม่ได้ปิดใช้ "<ph name="CHROME_SYNC_NAME" />" ไว้โดยการตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="BROWSER_SIGNIN_POLICY_NAME" /> ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="3986700049001404598">อนุญาตให้ผู้ใช้ยุติกระบวนการโดยใช้ตัวจัดการงานของ Chrome</translation>
<translation id="398884292557092447">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะควบคุมคำแนะนำการป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับบัตรเครดิตใน UI ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าการป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลบัตรเครดิต และจะไม่บันทึกข้อมูลบัตรเครดิตอื่นๆ ที่ผู้ใช้อาจส่งขณะท่องเว็บ</translation>
<translation id="3989635538409502728">ออกจากระบบ</translation>
<translation id="3989829840000169163">บล็อกจุดขยายสัญญาณเดิมในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="3990391739475801018">ระบบจะปิดใช้โหมดประหยัดแบตเตอรี่</translation>
<translation id="3990834929384096140">ไม่บังคับใช้การตัดเสียงก้องของระบบ</translation>
<translation id="3994043824457743421">แสดงประกาศในช่องกลางบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="399433537808390819">ไม่เปิดให้ผู้ใช้สามารถใช้โหมดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอ</translation>
<translation id="3995880046827722248">ปิดใช้ไฟล์ Manifest V2 อยู่</translation>
<translation id="3996118331995847766">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะอนุญาตให้คุณตั้งค่าโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง ตั้งแต่ <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> จนถึง <ph name="CHARGE_END_TIME_FIELD_NAME" /> จะชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์จนเต็มได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น ส่วนระยะเวลาที่เหลือ แบตเตอรี่จะคงสถานะการชาร์จไว้ในระดับที่ต่ำลง ค่าของ <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> ต้องน้อยกว่า <ph name="CHARGE_END_TIME_FIELD_NAME" />
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงปิดอยู่เสมอ
ค่าที่ใช้ได้ของช่อง <ph name="MINUTE_FIELD_NAME" /> ใน <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> และ <ph name="CHARGE_END_TIME_FIELD_NAME" /> ได้แก่ 0, 15, 30, 45</translation>
<translation id="3996325823532867220">เราไม่รองรับนโยบายนี้อีกต่อไป แต่บางแพลตฟอร์มอาจรองรับนโยบายที่เกี่ยวข้อง <ph name="CHROME_ROOT_STORE_ENABLED_POLICY_NAME" />
เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำการยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัว
เมื่อปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำการยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมที่แพลตฟอร์มมีให้จนกว่าจะเปิดใช้ <ph name="CHROME_ROOT_STORE_ENABLED_POLICY_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านี้ ระบบอาจใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวหรือตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมก็ได้</translation>
<translation id="3997519162482760140">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML</translation>
<translation id="4004523942550416237">ไม่แสดงขั้นตอนการเปิดใช้ Voice Match สำหรับ Google Assistant ระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="4007646377576030214"> โปรดทราบว่านโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M87 และได้นำออกจาก M89 โปรดใช้ <ph name="MANAGED_GUEST_SESSION_PRIVACY_WARNINGS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแทน
ควบคุมการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" การแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวจะปิดหลังผ่านไปสักครู่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวจะปักหมุดอยู่จนกว่าผู้ใช้จะปิดการแจ้งเตือนดังกล่าว</translation>
<translation id="4008507541867797979">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้เลือกได้ 1 รายการ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่จะแสดงหน้าจอการเข้าสู่ระบบตามปกติ (แจ้งให้ผู้ใช้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านหรือหมายเลขโทรศัพท์) หรือหน้าจอโฆษณาคั่นระหว่างหน้า SAML (หากเปิดใช้ผ่านนโยบาย <ph name="LOGIN_AUTHENTICATION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" />) ยกเว้นว่าจะมีการกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการ เมื่อกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการแล้ว ระบบจะแสดงเฉพาะบัญชีของเซสชันที่มีการจัดการเท่านั้นและอนุญาตให้เลือกบัญชีหนึ่งในนั้นได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อการที่อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่องหรือไม่</translation>
<translation id="4009741515395221389">เปิดใช้การย้ายข้อมูลของอุปกรณ์ที่มีการจัดการของ <ph name="MS_AD_NAME" /> ไปยังการจัดการระบบคลาวด์</translation>
<translation id="4010738624545340900">อนุญาตให้เรียกดูช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้</translation>
<translation id="401260868452018796">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ</translation>
<translation id="4015799413391577485">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M97 หลังจากที่นำ 3DES ออกจาก "<ph name="PRODUCT_NAME" />"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดใช้ชุดการเข้ารหัส 3DES ใน TLS หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะปิดใช้ชุดการเข้ารหัสดังกล่าว หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย โดยค่าเริ่มต้นชุดการเข้ารหัส 3DES จะปิดใช้อยู่ ระบบอาจใช้นโยบายนี้เพื่อรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัยเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวและควรจะต้องมีการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ใหม่
</translation>
<translation id="4016367078069682737">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M61
ระบุลักษณะการทำงานของอุปกรณ์ที่มาพร้อม ecryptfs และต้องเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส ext4
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DisallowArc" ระบบจะปิดใช้แอป Android ให้กับผู้ใช้ทั้งหมดในอุปกรณ์ (รวมทั้งผู้ใช้ที่มีการเข้ารหัส ext4 อยู่แล้ว) และจะไม่เสนอการย้ายข้อมูลจาก ecryptfs ไปใช้การเข้ารหัส ext4 แก่ผู้ใช้คนใดทั้งสิ้น
หากคุณตั้งนโยบายนี้เป็น "AllowMigration" ระบบจะเสนอผู้ใช้ที่มีไดเรกทอรีหน้าแรกแบบ ecryptfs ให้ย้ายข้อมูลเหล่านี้ไปใช้การเข้ารหัส ext4 ตามความจำเป็น (ปัจจุบันคือเมื่อสามารถใช้ Android N ในอุปกรณ์ได้)
นโยบายนี้ไม่มีผลกับแอปคีออสก์ โดยระบบจะย้ายข้อมูลแอปเหล่านี้โดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ อุปกรณ์จะทำงานราวกับว่ามีการเลือก "DisallowArc"</translation>
<translation id="401650904918322517">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 89
นโยบายนี้ให้สิทธิ์ฟีเจอร์คำตอบด่วนในการเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์
หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะอนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกหรือไม่</translation>
<translation id="4016523784669365747">นโยบายนี้มีไว้เพื่อเป็นวิธีเลือกไม่ใช้ฟีเจอร์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่ง
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่ง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่ง
ตัวเลือกนี้ควบคุมว่า Chrome จะรองรับการผสานรวมที่เกี่ยวข้องกับชุดโดเมนของบุคคลที่หนึ่งหรือไม่
นโยบายนี้เทียบเท่ากับนโยบาย <ph name="RELATED_WEBSITE_SETS_ENABLED_POLICY_NAME" />
ระบบอาจใช้นโยบายใดนโยบายหนึ่ง แต่นโยบายนี้จะเลิกใช้งานในอีกไม่ช้า เราจึงขอแนะนำให้ใช้นโยบาย <ph name="RELATED_WEBSITE_SETS_ENABLED_POLICY_NAME" /> มากกว่า
นโยบายทั้งสองมีผลต่อลักษณะการทำงานของเบราว์เซอร์เหมือนกัน</translation>
<translation id="4016700865356669962">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้ผู้ใช้ใช้เทมเพลตเลย์เอาต์เดสก์ท็อปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าเทมเพลตเหล่านี้จะไม่พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="4020682745012723568">แอป Android ไม่สามารถเข้าถึงคุกกี้ที่โอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="4025500273782820766">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือก "อนุญาตเสมอ" เมื่อมีการแสดงกล่องโต้ตอบของโปรโตคอลภายนอกให้ข้ามข้อความแจ้งยืนยันในอนาคต</translation>
<translation id="402759845255257575">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เรียกใช้ JavaScript</translation>
<translation id="4027608872760987929">เปิดใช้งานผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="4030152268425532846">ปิดใช้การช่วยเหลือสำหรับการเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4039065751874009354">นโยบายนี้มีการเลือกไม่ใช้ชั่วคราวสำหรับการแก้ไข 2 แบบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับลักษณะการทำงานของกล่องโต้ตอบการยืนยันที่แสดงโดยเหตุการณ์ beforeunload
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานแบบใหม่ที่ถูกต้อง เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานแบบเดิม เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้น
นโยบายนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวและจะถูกนำออกในเร็วๆ นี้
ลักษณะการทำงานแบบใหม่ที่ถูกต้อง: ใน `beforeunload` การเรียกใช้ `event.preventDefault()` จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการยืนยัน การตั้งค่า `event.returnValue` เป็นสตริงว่างเปล่าจะไม่ทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการยืนยัน
ลักษณะการทำงานแบบเดิม: ใน `beforeunload` การเรียกใช้ `event.preventDefault()` จะไม่ทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการยืนยัน การตั้งค่า `event.returnValue` เป็นสตริงว่างเปล่าจะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการยืนยัน</translation>
<translation id="4043796890723386527">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สร้างและใช้โปรไฟล์รอง ตลอดจนป้องกันไม่ให้ใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="4051723201852944592">เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่าง</translation>
<translation id="4052529125939620019">โหลดส่วนขยายคอมโพเนนต์ CryptoToken เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="4053157306171963473">ปิดใช้การรายงานเวลาของกิจกรรมในอุปกรณ์</translation>
<translation id="4055758693679485627">กำหนดค่ารายการประเภทข้อมูลการท่องเว็บที่ควรจะลบออกเมื่อผู้ใช้ปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ทั้งหมด ประเภทข้อมูลที่มี ได้แก่ ประวัติการท่องเว็บ (<ph name="DATA_TYPE_BROWSING_HISTORY" />) ประวัติการดาวน์โหลด (<ph name="DATA_TYPE_DOWNLOAD_HISTORY" />) คุกกี้ (<ph name="DATA_TYPE_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA" />) แคช <ph name="DATA_TYPE_CACHED_IMAGES_AND_FILES" /> ข้อความป้อนอัตโนมัติ (<ph name="DATA_TYPE_AUTOFILL" />) รหัสผ่าน (<ph name="DATA_TYPE_PASSWORD" />) การตั้งค่าเว็บไซต์ (<ph name="DATA_TYPE_SITE_SETTINGS" />) และข้อมูลแอปที่โฮสต์ไว้ (<ph name="DATA_TYPE_HOSTED_APP_DATA" />) นโยบายนี้ไม่มีความสำคัญเหนือ <ph name="ALLOW_DELETING_BROWSER_HISTORY_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้กำหนดให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" จนถึง Chrome 114 ตั้งแต่ Chrome 115 เป็นต้นไป การตั้งค่านโยบายนี้จะปิดใช้การซิงค์สำหรับประเภทข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หากไม่ได้ปิดใช้ "<ph name="CHROME_SYNC_NAME" />" ไว้โดยการตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="BROWSER_SIGNIN_POLICY_NAME" /> ปิดใช้อยู่
หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ออกอย่างราบรื่น (เช่น หากเบราว์เซอร์หรือระบบปฏิบัติการขัดข้อง) ระบบจะล้างข้อมูลการท่องเว็บในครั้งถัดไปที่โหลดโปรไฟล์</translation>
<translation id="4056910949759281379">ปิดใช้งานโปรโตคอล SPDY</translation>
<translation id="4057442294431066708">นโยบายนี้ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่เลือกไว้สำหรับการรีแมปเหตุการณ์กับ F11/F12 ในหน้าย่อยของคีย์ที่รีแมป การตั้งค่าเหล่านี้มีผลเฉพาะกับแป้นพิมพ์ ChromeOS และจะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย</translation>
<translation id="4061590579642538878">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง</translation>
<translation id="4062646759141042418">เปิดใช้ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สำหรับรายการ URL
การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุ URL ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอเพื่อเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองสำหรับโปรไฟล์ที่มีการจัดการ นโยบายหลังจะช่วยให้เว็บไซต์เหล่านั้นได้รับชุดเอกสารรับรองของสัญญาณที่มีการคำนึงถึงบริบทจากอุปกรณ์
นโยบายนี้กำหนดค่าได้ผ่านหน้าเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ใน <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือปล่อยว่างไว้จะทำให้เว็บไซต์ทั้งหมดไม่สามารถเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองระดับผู้ใช้และไม่ได้รับสัญญาณจากอุปกรณ์ อย่างไรก็ตาม หากเปิดใช้นโยบาย <ph name="BROWSER_CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST" /> ที่เกี่ยวข้อง ระบบจะเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองสำหรับเบราว์เซอร์ที่มีการจัดการและรวบรวมสัญญาณของอุปกรณ์ได้
สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับเอกสารรับรองระยะไกลซึ่งระบบสร้างใบรับรองโดยอัตโนมัติแล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ โปรดใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> สำหรับการใช้งานโฟลว์เอกสารรับรองบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบของอุปกรณ์
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format</translation>
<translation id="4070039109671307724">เบ็ดเตล็ด</translation>
<translation id="4072225853834793549">ปิดใช้ทางลัดสำหรับการช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="4075675819066819571">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ</translation>
<translation id="4079306023113982053">ควบคุมความพร้อมใช้งานของ <ph name="BOREALIS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้รายนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="BOREALIS_NAME" /> จะใช้ไม่ได้ เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" <ph name="BOREALIS_NAME" /> จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อนโยบายหรือการตั้งค่าอื่นๆ ไม่ปิดใช้นโยบายนี้</translation>
<translation id="408029843066770167">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังบริการเวลาของ Google</translation>
<translation id="408076456549153854">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="4081127242481747676">การตั้งค่าเซ็นเซอร์</translation>
<translation id="4082405593844340376">ระบุว่าจะใช้ข้อจำกัดกับคำขอไปยังอุปกรณ์ปลายทางของเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นไหม</translation>
<translation id="4082498585300984671">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทร</translation>
<translation id="4082809879536562387">อนุญาตให้คุณกำหนดระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีระหว่างการแจ้งเตือนแรกที่บอกว่าต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" เพื่อใช้อัปเดตที่รอดำเนินการ กับจุดสิ้นสุดระยะเวลาที่ระบุโดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 259,200,000 มิลลิวินาที (3 วัน) สำหรับอุปกรณ์ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />"
สำหรับการดำเนินการย้อนกลับและการอัปเดตอื่นๆ ของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" ที่จะทำ Powerwash อุปกรณ์ ระบบจะแจ้งเตือนผู้ใช้ทันทีเสมอเมื่อมีอัปเดตพร้อมใช้งานโดยแยกจากค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="4086150283035515220">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ไหนก่อนที่จะดาวน์โหลด การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การดาวน์โหลดเริ่มต้นทันที และระบบจะไม่ถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ไหน
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="4087476676669545471">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้แชร์หรือบันทึกหน้าเว็บปัจจุบันได้โดยใช้การทำงานที่ฮับการแชร์เดสก์ท็อปมีให้ ฮับการแชร์สามารถเข้าถึงได้ผ่านไอคอนในแถบอเนกประสงค์หรือเมนู 3 จุด
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะนำไอคอนแชร์ออกจากแถบอเนกประสงค์และนำการแชร์ออกจากเมนู 3 จุด</translation>
<translation id="4087778345310035432">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_WHITELIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="4088589230932595924">บังคับใช้โหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="4089849819635523136">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_KEYWORD_POLICY_NAME" /> จะระบุคีย์เวิร์ดหรือทางลัดที่ใช้ในแถบที่อยู่เพื่อทริกเกอร์การค้นหาสำหรับผู้ให้บริการรายนี้
หากไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_KEYWORD_POLICY_NAME" /> จะไม่มีคีย์เวิร์ดใดเลยที่เปิดใช้งานผู้ให้บริการค้นหาดังกล่าว</translation>
<translation id="4090088362777472639">แฮช SHA-256 ของ Ansible Playbook</translation>
<translation id="4091040199847925434">ปิดใช้การรายงานข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าซึ่งใช้เพื่อช่วยปรับปรุง Google Safe Browsing</translation>
<translation id="4098920079809952737">อนุญาตการพิมพ์ทั้งกรณีที่มีและไม่มีกราฟิกพื้นหลัง</translation>
<translation id="410061592404122032">ถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการได้รับสิทธิ์การจัดการหน้าต่าง</translation>
<translation id="410068710490553233">อนุญาตการลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เพิ่มเติม</translation>
<translation id="4101222634611892813">ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์การซิงค์ไฟล์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="4101282687722389021">การประทับเวลา UTC สำหรับครั้งสุดท้ายที่อัปเดตข้อมูลนี้ ส่งเป็นสตริงเพราะการประทับเวลาไม่พอดีกับจำนวนเต็ม</translation>
<translation id="4101826711886952606">การตั้งค่า "Home/End" ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Alt</translation>
<translation id="4102347680024644994">รายงานเหตุการณ์การตรวจจับและการตอบสนองแบบขยาย (XDR)</translation>
<translation id="4104303092334469130">กำหนดค่ารายการกฎการควบคุมข้อมูลเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล
กฎแต่ละข้อประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
- ช่องเงื่อนไขที่จะเรียกใช้กฎนั้น ระบบจะเรียกใช้กฎต่อเมื่อการดำเนินการของผู้ใช้ตรงกับทุกช่องที่มีการป้อนข้อมูลไว้ในช่อง <ph name="DATA_CONTROLS_SOURCES" />, <ph name="DATA_CONTROLS_DESTINATIONS" />, <ph name="DATA_CONTROLS_AND" />, <ph name="DATA_CONTROLS_OR" /> และ <ph name="DATA_CONTROLS_NOT" /> สำหรับช่องย่อยของรายการ จะต้องจับคู่เพียง 1 รายการเท่านั้น เช่น ต้องจับคู่รูปแบบ URL เพียง 1 รายการจึงจะเรียกใช้กฎได้
- รายการการจำกัดที่จะใช้ อาจมีเพียงเงื่อนไข <ph name="DATA_CONTROLS_SOURCES" /> หรือ <ph name="DATA_CONTROLS_DESTINATIONS" /> เท่านั้นโดยขึ้นอยู่กับการจำกัด
คุณจะเพิ่มกฎเพื่อดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ควบคุมข้อมูลในคลิปบอร์ดที่แชร์ระหว่างแหล่งที่มาและปลายทาง
- ควบคุมการบล็อกภาพหน้าจอตามแท็บแหล่งที่มา
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="ON_SECURITY_EVENT_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> เป็น "จริง" ระบบจะรายงานกฎที่เรียกใช้ไปยังผู้ดูแลระบบ
ระดับการจำกัดอาจตั้งค่าเป็น "BLOCK", "WARN" หรือ "REPORT"
- หากตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "BLOCK" ระบบจะไม่อนุญาตให้ดำเนินการ
- หากตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "WARN" ผู้ใช้จะได้รับคำเตือนและอาจเลือกดำเนินการต่อหรือยกเลิกการดำเนินการก็ได้
- หากตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "REPORT" การดำเนินการของผู้ใช้จะไม่ถูกขัดจังหวะ แต่ระบบจะส่งรายงานหากเปิดใช้นโยบาย <ph name="ON_SECURITY_EVENT_ENTERPRISE_CONNECTOR" />
หมายเหตุ:
- จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format )
- สำหรับกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหลของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> โดยเฉพาะ โปรดดูนโยบาย <ph name="DATA_LEAK_PREVENTION_RULES_LIST" /> ด้วย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะไม่จำกัดการใช้งาน</translation>
<translation id="4105989332710272578">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการ URL</translation>
<translation id="410740968939768919">ควบคุมว่าจะใช้ส่วนขยายซึ่งใช้ไฟล์ Manifest V2 ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หรือไม่
เราจะเลิกรองรับส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 และจะย้ายข้อมูลส่วนขยายทั้งหมดไปยัง V3 ในอนาคต ดูข้อมูลเพิ่มเติมและลำดับเวลาการย้ายข้อมูลได้ที่ https://developer.chrome.com/docs/extensions/mv3/mv2-sunset/
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="DEFAULT" /> (0) หรือไม่ได้ตั้งค่า อุปกรณ์จะโหลดส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 ตามลำดับเวลาด้านบน
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="DISABLE" /> (1) ระบบจะบล็อกการติดตั้งส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 และปิดใช้ส่วนขยายที่มีอยู่ หลังจากเลิกรองรับไฟล์ Manifest V2 โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะดำเนินการกับตัวเลือกในแนวทางเดียวกันราวกับว่าไม่ได้ตั้งค่านโยบาย
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ENABLE" /> (2) ระบบจะอนุญาตส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 ก่อนที่จะเลิกรองรับไฟล์ Manifest V2 โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะดำเนินการกับตัวเลือกในแนวทางเดียวกันราวกับว่าไม่ได้ตั้งค่านโยบาย
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ENABLE_FOR_FORCED_EXTENSIONS" /> (3) ระบบจะอนุญาตส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 ซึ่งบังคับติดตั้งแล้ว ซึ่งรวมถึงส่วนขยายที่ <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> แสดงหรือ <ph name="EXTENSION_SETTINGS_POLICY_NAME" /> ที่มี <ph name="INSTALLATION_MODE" /> "force_installed" หรือ "normal_installed" ปิดใช้ส่วนขยายอื่นๆ ทั้งหมดที่ใช้ไฟล์ Manifest V2 แล้ว ตัวเลือกนี้ใช้ได้เสมอไม่ว่าสถานะการย้ายข้อมูลจะเป็นอย่างไรก็ตาม
ทั้งนี้นโยบายอื่นๆ จะยังคงเป็นตัวกำหนดความพร้อมใช้งานของส่วนขยาย</translation>
<translation id="4110126170080699437">ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย API ของเว็บ <ph name="GET_DISPLAY_MEDIA_API_NAME" /> จำเป็นต้องเรียกใช้ท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้า ("การเปิดใช้งานชั่วคราว") มิเช่นนั้นจะดำเนินการไม่สำเร็จ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ดูแลระบบสามารถระบุต้นทางที่จะเรียกใช้ API นี้ได้โดยไม่ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้า
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns * ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ต้นทางทั้งหมดจะกำหนดให้ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้าเพื่อเรียกใช้ API นี้</translation>
<translation id="4115501011761259824">เปิดใช้ชุดบุคคลที่หนึ่งสำหรับผู้ใช้ทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ</translation>
<translation id="4120401094617902941">อัตราในการสุ่มตัวอย่างและรวบรวมตัวนับรันไทม์ ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 1 วัน
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้อัตราเริ่มต้น 1 วัน</translation>
<translation id="4121350739760194865">ป้องกันไม่ให้การส่งเสริมของแอปพลิเคชันไปปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="4122432898152851612">ผู้ใช้จะไม่เห็น UI ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์การซิงค์ไฟล์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4122473079291425973">หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4122565688998751716">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="ALLOW_SYSTEM_NOTIFICATIONS_POLICY_NAME" />" แทน
กำหนดค่าว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใน Linux ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิมหรือไม่
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะได้รับอนุญาตให้ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิม
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิม ระบบจะใช้ศูนย์ข้อความของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นวิธีสำรอง</translation>
<translation id="412697421478384751">ยอมให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่คาดเดาง่ายเป็น PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="4136603825567209889">เปิดใช้การรายงานข้อมูลระบุตัวตนของผู้ใช้</translation>
<translation id="4138655880188755661">การจำกัดเวลา</translation>
<translation id="4140646780789794190">ปิดใช้การแชร์ข้อมูลการวินิจฉัยไปยัง PluginVm</translation>
<translation id="4144417751555442768">Generative AI</translation>
<translation id="4145383150978634398">กำหนดให้ผู้ใช้สามารถใช้โหมดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอ</translation>
<translation id="4147818922357566987">เปิดใช้รูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขที่สำคัญเท่านั้น</translation>
<translation id="4150201353443180367">การแสดงผล</translation>
<translation id="4154221011709068799">ไม่อนุญาตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation>
<translation id="415445772247959702">เว็บสโตร์ (เริ่มรองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 89)</translation>
<translation id="4157003184375321727">รายงานรุ่นของระบบปฏิบัติการและเฟิร์มแวร์</translation>
<translation id="4157594634940419685">อนุญาตให้เข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS ดั้งเดิม</translation>
<translation id="4158531549614162499">เปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ</translation>
<translation id="4160962198980004898">แหล่งที่มาของที่อยู่ MAC ของอุปกรณ์เมื่อเสียบแท่นชาร์จอยู่</translation>
<translation id="4161019158509414446">ควบคุมนโยบายสําหรับฟีเจอร์ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="4164511138197196839">หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ส่วนขยายที่ไม่ได้เผยแพร่บน Chrome เว็บสโตร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้มีผลกับส่วนขยายที่ติดตั้งและอัปเดตจาก Chrome เว็บสโตร์เท่านั้น
ระบบจะไม่สนใจส่วนขยายจากนอกสโตร์ เช่น ส่วนขยายที่คลายการแพคข้อมูลซึ่งติดตั้งโดยใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์และส่วนขยายที่ติดตั้งโดยใช้การเปลี่ยนบรรทัดคำสั่ง
ระบบจะไม่สนใจส่วนขยายที่บังคับติดตั้งซึ่งโฮสต์ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ระบบจะไม่สนใจส่วนขยายที่ปักหมุดทุกเวอร์ชัน
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ALLOW_UNPUBLISHED" /> (0) หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตส่วนขยายที่ไม่ได้เผยแพร่ใน Chrome เว็บสโตร์
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="DISABLE_UNPUBLISHED" /> (1) ระบบจะปิดใช้ส่วนขยายที่ไม่ได้เผยแพร่ใน Chrome เว็บสโตร์</translation>
<translation id="4164866067069311355">ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่ใช้ในการเรียกใช้งาน F11/F12</translation>
<translation id="4165986682804962316">การตั้งค่าเว็บไซต์</translation>
<translation id="4166174702671320480">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะไม่สนใจนโยบายที่มีผลกับกลุ่มขนาดเล็กซึ่งไม่แชร์แหล่งที่มากับนโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่ม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าระบบจะพิจารณานโยบายทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากแหล่งที่มาใดก็ตาม ระบบจะไม่สนใจนโยบายในกรณีที่มีความขัดแย้งและนโยบายดังกล่าวไม่ได้มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่มเท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายนี้จากแหล่งที่มาในระบบคลาวด์ นโยบายจะกำหนดเป้าหมายเป็นผู้ใช้ที่เจาะจงไม่ได้</translation>
<translation id="416817811987180750">ฟีเจอร์รายการช็อปปิ้งจะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4168880975307014079">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัส</translation>
<translation id="4169094969938998854">ไม่อนุญาตให้ล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="4169692397912242417">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4173974507809462880">แสดงหน้าจอทิศทางการเลื่อนของทัชแพดระหว่างลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="417956245902013347">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4182348537826882258">การตั้งค่านโยบาย <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบหยุดโหลดหน้าเว็บที่มี URL ต้องห้าม ผู้ดูแลระบบสามารถระบุรายการรูปแบบ URL ที่จะบล็อกได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่บล็อก URL ในเบราว์เซอร์ คุณกำหนดข้อยกเว้นใน <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ได้ไม่เกิน 1,000 รายการ ดูวิธีจัดรูปแบบ URL ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format )
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลกับ URL JavaScript แบบในหน้าเว็บและมีการโหลดข้อมูลแบบไดนามิก หากคุณบล็อก example.com/abc ไว้ example.com จะยังคงโหลดโดยใช้ XMLHTTPRequest ได้ นอกจากนี้ นโยบายไม่ได้ป้องกันไม่ให้หน้าเว็บอัปเดต URL ที่แสดงในแถบอเนกประสงค์เป็น URL ที่ถูกบล็อกโดยใช้ JavaScript History API
เริ่มจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 73 เป็นต้นไป คุณจะบล็อก URL javascript://* ได้ แต่จะมีผลเฉพาะกับ JavaScript ที่พิมพ์ลงในแถบที่อยู่ (หรือ bookmarklet เป็นต้น)
มีการรองรับนโยบายนี้ในโหมดไม่มีส่วนหัวด้วยใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 92 เป็นต้นไป
หมายเหตุ: การบล็อก chrome://* และ chrome-untrusted://* ซึ่งเป็น URL ภายในอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดหรือระบบอาจหลีกเลี่ยงในบางกรณี ลองดูว่ามีนโยบายเฉพาะเพิ่มเติมหรือไม่แทนการบล็อก URL ภายในบางรายการ ตัวอย่างเช่น
- ใช้ <ph name="CA_CERTIFICATE_MANAGEMENT_ALLOWED_POLICY_NAME" /> แทนการบล็อก chrome://settings/certificates
- ใช้ <ph name="SYSTEM_FEATURES_DISABLE_LIST_POLICY_NAME" /> แทนการบล็อก chrome-untrusted://crosh</translation>
<translation id="4183229833636799228">การตั้งค่าเริ่มต้นของ <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation>
<translation id="4185868802416355029">อนุญาตให้ส่วนขยายที่มีการจัดการใช้ Enterprise Hardware Platform API</translation>
<translation id="4186244263855283575">อนุญาตให้ตั้งกำหนดเวลาเองเพื่อรีบูตอุปกรณ์ เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์จะรีบูตตามกำหนดเวลา คุณต้องนำนโยบายออกหากต้องการยกเลิกการรีบูตรายการอื่นๆ ที่กำหนดเวลาไว้
ในเซสชันผู้ใช้และเซสชันผู้มาเยือนจะใช้เงื่อนไขต่อไปนี้
* ผู้ใช้จะได้รับแจ้งเตือนว่าจะมีการรีสตาร์ท 1 ชั่วโมงก่อนเวลาที่กำหนดไว้ ผู้ใช้มีตัวเลือกว่าจะรีสตาร์ทในตอนนั้นหรือรอการรีบูตที่กำหนดเวลาไว้ก็ได้ แต่จะเลื่อนการรีบูตที่กำหนดเวลาไว้ไม่ได้
* ระบบจะให้ระยะเวลาผ่อนผัน 1 ชั่วโมงหลังการบูตอุปกรณ์ ระบบจะข้ามการรีบูตที่กำหนดเวลาไว้ในช่วงเวลานี้ และจะกำหนดเวลาอีกครั้งสำหรับวัน สัปดาห์ หรือเดือนถัดไปโดยขึ้นอยู่กับการตั้งค่า
ส่วนในเซสชันคีออสก์จะไม่มีระยะเวลาผ่อนผันและไม่มีการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการรีบูต
</translation>
<translation id="4187576366596772431">บล็อก WebHID API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="4189100643304138928">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_FILE_ATTACHED_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีไฟล์แนบไปกับ Chrome
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งไฟล์สำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการแนบไฟล์มากับหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับไฟล์นั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์หน้าเว็บในการเข้าถึงไฟล์ ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์เข้าถึงหน้าเว็บแก่ไฟล์โดยทันที
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DEFAULT_ACTION_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น "บล็อก" หมายความว่า Chrome จะไม่ให้สิทธิ์หน้าเว็บในการเข้าถึงไฟล์หากเกิดข้อผิดพลาดขณะสื่อสารกับบริการวิเคราะห์ ค่าอื่นๆ หมายความว่า Chrome ให้สิทธิ์หน้าเว็บในการเข้าถึงไฟล์
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_PASSWORD_PROTECTED_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าฟิลด์นี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ฟิลด์ข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ฟิลด์ learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ฟิลด์ภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ฟิลด์ภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ฟิลด์แท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจมีหรือไม่มีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีฟิลด์ข้อความและฟิลด์แท็กที่ไม่เว้นว่างไว้
นโยบายนี้ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมจึงจะมีผล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a?p=chrome_enterprise_connector_policies_setting</translation>
<translation id="4189872355465413041">แอปพลิเคชันระบบ</translation>
<translation id="4190316993598857632">เปิดใช้การแก้ไขบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="4192388905594723944">URL สำหรับตรวจสอบความถูกต้องโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="4195698007674066525">กำหนดให้แป้นพิมพ์ตัวเลขเป็นค่าเริ่มต้นสำหรับการป้อนรหัสผ่าน</translation>
<translation id="4203055629055264833">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่าผู้ใช้สามารถแสดงหน้าผลการค้นหาล่าสุดของเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นในแผงด้านข้างผ่านการเปิด/ปิดไอคอนในแถบเครื่องมือ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะนำไอคอนดังกล่าวออกจากแถบเครื่องมือที่เปิดแผงด้านข้างซึ่งมีหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นอยู่</translation>
<translation id="4204327073692415353">ไม่แสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="4205316772333487392">บังคับใช้ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยใน Google Search</translation>
<translation id="4206464220361823768">ปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="4209297478239988291">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติ
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่คลิกโดยไม่ต้องกดเมาส์หรือทัชแพดเมื่อวางเมาส์เหนือวัตถุที่ต้องการคลิก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการคลิกอัตโนมัติไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการคลิกอัตโนมัติไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4212181786686887763">URL ที่ระบบไปดาวน์โหลดรูปวอลเปเปอร์ได้</translation>
<translation id="4224610387358583899">การหน่วงเวลาในการล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="42267415200641481">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะทำให้การแปลง DNS ของระบบ (getaddrinfo()) สามารถทำงานนอกกระบวนการของเครือข่ายได้ โดยขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของระบบและแฟล็กฟีเจอร์
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะทำให้การแปลง DNS ของระบบ (getaddrinfo()) ทำงานในกระบวนการของเครือข่ายแทนที่จะเป็นกระบวนการของเบราว์เซอร์ การดำเนินการนี้อาจบังคับให้ระบบปิดใช้แซนด์บ็อกซ์บริการเครือข่าย ซึ่งทำให้ความปลอดภัยของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ลดลง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ การแปลง DNS ของระบบอาจทำงานในบริการเครือข่าย นอกบริการเครือข่าย หรือทั้งในและนอกบริการเครือข่าย โดยขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของระบบและแฟล็กฟีเจอร์</translation>
<translation id="4239720644496144453">ไม่มีการใช้แคชสำหรับแอป Android หากมีผู้ใช้หลายคนติดตั้งแอป Android เดียวกัน จะมีการดาวน์โหลดแอปใหม่สำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation>
<translation id="4242583077375244471">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวที่มี Chrome Root Store เป็นแหล่งที่มาของความน่าเชื่อถือสาธารณะ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองของระบบและใบรับรองรูทของระบบ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ อาจมีการใช้ Chrome Root Store หรือรูทที่ระบบมีให้
เรานำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 113
สำหรับ <ph name="MS_WIN_NAME" /> และ <ph name="MAC_OS_NAME" />,
<ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 120,
<ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 120 สำหรับ
<ph name="LINUX_OS_NAME" /> และ
<ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 121 สำหรับ
<ph name="ANDROID_NAME" /> แล้วเมื่อหยุดรองรับการใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองและรูทที่แพลตฟอร์มให้มา</translation>
<translation id="424318624725112807">เปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="4245159233848584683">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าเมื่ออุปกรณ์ออฟไลน์ หากบัญชีในอุปกรณ์มีการตั้งค่าเป็นลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงข้อความแจ้งการกำหนดค่าเครือข่าย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีข้อความแสดงข้อผิดพลาดขึ้นมาแทน</translation>
<translation id="4248277954659222481">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติในรายการรูปแบบ URL ที่อนุญาต</translation>
<translation id="4250680216510889253">ไม่มี</translation>
<translation id="4251370222792468420">Chrome พยายามอัปเกรดทรัพยากรย่อยของเนื้อหาผสมบางประเภท (HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) บน iOS
ดูรายละเอียดได้ที่ https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/main/docs/security/autoupgrade-mixed.md
นโยบายนี้ใช้เพื่อปิดใช้การอัปเกรดเนื้อหาผสมโดยอัตโนมัติบน iOS เนื่องจากตอนนี้เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายดังกล่าวแล้ว</translation>
<translation id="4252522848899331223">อนุญาตให้ผู้ใช้ข้ามคำเตือนของ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="4260027436474745627">การตั้งค่านโยบายหมายความว่าต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยคอมมาจะทำงานในกระบวนการเฉพาะ กระบวนการของต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อจะได้รับอนุญาตให้มีเอกสารจากต้นทางนั้นและโดเมนย่อยเท่านั้น ตัวอย่างเช่น การระบุ https://a1.example.com/ จะอนุญาต https://a2.a1.example.com/ ในกระบวนการเดียวกัน แต่ไม่อนุญาต https://example.com หรือ https://b.example.com ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 77 คุณจะระบุช่วงต้นทางเพื่อแยกโดยใช้ไวลด์การ์ดได้ด้วย ตัวอย่างเช่น การระบุ https://[*.]corp.example.com จะทำให้ทุกต้นทางภายใต้ https://corp.example.com มีกระบวนการเฉพาะของตนเอง ซึ่งรวมถึง https://corp.example.com, https://a1.corp.example.com และ https://a2.a1.corp.example.com
โปรดทราบว่าเว็บไซต์ทั้งหมด (เช่น รูปแบบบวก eTLD+1 อย่าง https://example.com) จะแยกไว้อยู่แล้วโดยค่าเริ่มต้นบนแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปตามที่ได้ระบุในนโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> นโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> นี้เป็นประโยชน์ในการแยกต้นทางเฉพาะบางแห่งในระดับที่ละเอียดกว่า (เช่น https://a.example.com)
นอกจากนี้ โปรดทราบว่าต้นทางที่แยกโดยนโยบายนี้จะสคริปต์ต้นทางอื่นๆ ในเว็บไซต์เดียวกันไม่ได้ แต่จะเป็นไปได้หากเอกสาร 2 รายการของเว็บไซต์เดียวกันแก้ไขค่า document.domain ให้ตรงกัน ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบว่าไม่มีการใช้ลักษณะการทำงานไม่ปกตินี้ในต้นทางก่อนที่จะแยก
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิด" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
หมายเหตุ: สำหรับ Android ให้ใช้นโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_ANDROID_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="4261820385751181068">ภาษาในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="4263788921751326798">ปิดใช้การรายงานรายละเอียดข้อขัดข้องของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4268586991084547853">เข้ากันกับรายการเว็บไซต์ในโหมดองค์กรของ Microsoft IE/Edge ได้ดีกว่า</translation>
<translation id="4269798992490176617">หากตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" <ph name="CHROME_REMOTE_DESKTOP_PRODUCT_NAME" /> อาจเรียกใช้คำขอ WebAuthn API ที่มาจากเซสชันการท่องเว็บในโฮสต์ระยะไกล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้น
โปรดทราบว่าฟีเจอร์นี้ใช้ได้ในระบบเครือข่ายภายในของ Google เท่านั้น</translation>
<translation id="4269859918103560644">ให้ผู้ใช้ตัดสินใจ</translation>
<translation id="4274691295133617461">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการเข้าถึง
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4275048399551500192">ไม่ต้องแสดงตัวควบคุมสื่อสำหรับเซสชัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่เริ่มต้นโดยอุปกรณ์อื่นๆ</translation>
<translation id="4278656834593750050">เปิดเสียงการชาร์จ</translation>
<translation id="4282243913059705499">แสดงไอคอน "<ph name="PRODUCT_NAME" />" ในแถบเครื่องมือเสมอ</translation>
<translation id="4285674129118156176">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ ARC</translation>
<translation id="428948795004445932">อัตราที่ใช้ในการสุ่มตัวอย่างและรวบรวมข้อมูลเครือข่าย ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 1 นาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้อัตราเริ่มต้น 10 นาที</translation>
<translation id="4290231183305601970">ข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้ใน Chrome เว็บสโตร์หากการติดตั้งถูกบล็อก</translation>
<translation id="4293187705196369087">อนุญาตให้เปิดหรือปิดใช้การแจ้งเตือนเมื่อพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย การตั้งค่านี้มีผลกับผู้ใช้ทุกคนในอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ระบบแสดงการแจ้งเตือนเมื่อพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่แสดงการแจ้งเตือนพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย
ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้และการแจ้งเตือนจะแสดงเสมอหากอุปกรณ์ไม่มีการจัดการหรือมีผู้ใช้เพียงคนเดียว
หากมีบัญชีผู้ใช้หลายบัญชีในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ การแจ้งเตือนจะแสดงเฉพาะเมื่อเปิดใช้นโยบายนี้เท่านั้น</translation>
<translation id="4293419489636673391">เปิดใช้ไฟล์ของผู้ใช้ในเครื่อง</translation>
<translation id="4294886370621883282">แสดงแป้นพิมพ์บนหน้าจอตามความเหมาะสม</translation>
<translation id="4297483555396496700">ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนเวอร์ชันการเผยแพร่ของอุปกรณ์หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" เท่านั้น หากนโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนเวอร์ชัน
การตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> จะมีผลเฉพาะในกรณีที่ตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_DELEGATED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="4298476374822550051">เปิดใช้ข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์ในการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมของ Kyber สำหรับ TLS</translation>
<translation id="4303167373847512281">อนุญาตให้ใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="4307116964468610577">นโยบายนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของระบบโดยจะชาร์จจนเต็มความจุเพียง 1 ครั้งต่อวัน ส่วนระยะเวลาที่เหลือของวัน แบตเตอรี่จะคงสถานะการชาร์จไว้ในระดับที่ต่ำลงซึ่งเหมาะกับพื้นที่เก็บข้อมูลมากกว่า แม้ว่าจะเสียบเข้ากับแหล่งจ่ายไฟก็ตาม
หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> ไว้ การตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" จะทำให้นโยบายการจัดการพลังงานของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงเปิดอยู่เสมอ (หากอุปกรณ์รองรับ) หากใช้อัลกอริทึมการชาร์จมาตรฐานและเทคนิคอื่นๆ นอกเวลาทำงาน โหมดนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้สูงสุด ในเวลาทำงาน ระบบจะใช้การชาร์จด่วน ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ระบุเวลาที่มีการใช้ระบบมากที่สุดในแต่ละวันด้วยเวลาเริ่มต้นและระยะเวลา
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงปิดอยู่เสมอ
ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="4309091698378414920">เปิดใช้การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ</translation>
<translation id="4311141497190183490">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์ติดตามสถานที่ตั้งจริงของผู้ใช้เป็นสถานะเริ่มต้นได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการติดตามนี้โดยค่าเริ่มต้น คุณตั้งค่านี้ได้เพื่อถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการติดตามสถานที่ตั้งจริงของผู้ใช้
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่านโยบาย <ph name="ASK_GEOLOCATION_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4311195029067684288">เต็ม</translation>
<translation id="4311662690937656540">บังคับใช้การเข้าสู่ระบบออนไลน์ในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="4313767483634435271">ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4314538398999793073">ปิดใช้การค้นหา CNAME ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation>
<translation id="4320592646346933548">Wi-Fi</translation>
<translation id="4322842393287974810">อนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4323412353642577604">เปิดใช้เอกสารรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหา</translation>
<translation id="4325690621216251241">เพิ่มปุ่มออกจากระบบลงในถาดระบบ</translation>
<translation id="4326070401554882952">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดรายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กร (โปรโตคอล HTTP และ HTTPS เท่านั้น) บริการปกป้องรหัสผ่านจะบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใน URL เหล่านี้และนำไปใช้เพื่อตรวจหาการใช้รหัสผ่านซ้ำ โปรดตรวจสอบว่าหน้าลงชื่อเข้าใช้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ (https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms) เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านได้อย่างถูกต้อง
การปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้บริการปกป้องรหัสผ่านบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใน https://accounts.google.com เท่านั้น
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="4329095223358818804">อนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก</translation>
<translation id="4330908525441222205">ใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของ AppCache</translation>
<translation id="4331357743227845302">นโยบายนี้อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกำหนดค่าบริการบลูทูธที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่อ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับบริการบลูทูธที่ระบุเท่านั้น โดยมีข้อยกเว้นเมื่อรายการนั้นว่างเปล่า ซึ่งหมายความว่าอนุญาตให้ใช้ได้ทุกบริการ UUID ที่ Bluetooth SIG สำรองไว้อาจแสดงเป็น <ph name="BLUETOOTH_RESERVED_UUID_WITH_0X" /> หรือ <ph name="BLUETOOTH_RESERVED_UUID_WITHOUT_0X" /> UUID ที่กำหนดเองอาจแสดงเป็น <ph name="BLUETOOTH_CUSTOM_UUID" /> UUID ไม่คำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่ การไม่ตั้งค่านโยบายนี้ทำให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับบริการบลูทูธใดก็ได้</translation>
<translation id="4332177773549877617">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งแอป Android</translation>
<translation id="4333940819293342439">อัตราการรวบรวมการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของการใช้งานแอปเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="4340121900958123942">ตั้งค่าระดับความพร้อมให้บริการระบบตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
ซึ่งเป็นการควบคุมอีกชั้นหนึ่งโดยอยู่ใต้ชั้นสิทธิ์ของแอปและเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="GLS_BLOCKED" /> หรือ <ph name="GLS_ONLY_ALLOWED_FOR_SYSTEM" /> แอปหรือเว็บไซต์ทั้งหมดจะไม่สามารถระบุตำแหน่งได้ ไม่ว่าจะมีสิทธิ์เข้าถึงตำแหน่งใดก็ตาม แต่หากตั้งค่าเป็น <ph name="GLS_ALLOWED" /> แอปและเว็บไซต์จะได้รับตำแหน่งแยกกันหากมีสิทธิ์
ผู้ใช้จะลบล้างการเลือกของผู้ดูแลระบบไม่ได้ การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภค นั่นคือผู้ใช้จะแก้ไขการตั้งค่าตำแหน่งของระบบได้อย่างอิสระ และในกรณีที่ค่าเริ่มต้นเป็น <ph name="GLS_ALLOWED" />
หมายเหตุ: นโยบายนี้ทำให้มีการเลิกใช้งานนโยบาย <ph name="ARC_GLS_POLICY_NAME" /> นอกจากนี้ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="DEFAULT_GEO_SETTING_POLICY_NAME" /> จะไม่มีผลกับค่ากำหนดตำแหน่งของ <ph name="ANDROID_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อีกต่อไป</translation>
<translation id="4341199399451274159">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENCODINGS_POLICY_NAME" /> จะระบุการเข้ารหัสอักขระที่ผู้ให้บริการค้นหารองรับ การเข้ารหัสคือชื่อ Code Page เช่น UTF-8, GB2312 และ ISO-8859-1 โดยจะมีการใช้งานตามลำดับที่ระบุ
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENCODINGS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบใช้งาน UTF-8</translation>
<translation id="4343382787226139147">ระบุใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ต้องลงทะเบียนโดยใช้โปรโตคอลการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="4347908978527632940">หากเป็น True และผู้ใช้เป็นผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแล แอป Android อื่นๆ จะสามารถสืบค้นข้อจำกัดด้านเว็บของผู้ใช้คนดังกล่าวผ่านผู้ให้บริการเนื้อหาได้
หากเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ให้บริการเนื้อหาจะไม่แสดงข้อมูลใดๆ</translation>
<translation id="435395045087992163">อย่าล็อกอุปกรณ์เมื่อมีการระงับการใช้งานหรือพับจอ</translation>
<translation id="4354792057099570728">ปิดใช้การตั้งค่าการวัดผลโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> สำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4357587374229381015">ระบุชื่อพารามิเตอร์ของ URL ที่จะใช้ในหน้าเข้าสู่ระบบ SAML IdP เพื่อป้อนข้อความอัตโนมัติในช่องชื่อผู้ใช้
ระบบจะใช้อีเมลของผู้ใช้ที่เชื่อมโยงกับโปรไฟล์ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" เป็นค่าสำหรับพารามิเตอร์ของ URL ดังนั้นจึงควรปิดใช้การตั้งค่านี้หากผู้ใช้ต้องการใช้อีเมลอื่นกับ SAML IdP
หากไม่ได้ตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะต้องป้อนชื่อผู้ใช้ในหน้าเข้าสู่ระบบ SAML IdP ด้วยตนเอง
นโยบายนี้จะมีผลกับการตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้และหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="4359886841380101831">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริงหมายความว่า ระบบจะส่งแต่ละสตริงไปยังเบราว์เซอร์สำรองเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งที่แยกจากกัน ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> พารามิเตอร์ต่างๆ จะรวมกันโดยใช้การเว้นวรรค ส่วนใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> พารามิเตอร์หนึ่งๆ อาจมีการเว้นวรรคได้ และระบบจะยังถือว่าเป็นพารามิเตอร์เดียว
หากพารามิเตอร์มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ก็จะมีการแทนที่ <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด หากไม่มีพารามิเตอร์ใดที่มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ระบบจะใส่ URL ดังกล่าวต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง
ระบบจะขยายตัวแปรสภาพแวดล้อม โดยใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_WIN_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" /> โดยใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_UNIX_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า เฉพาะ URL เท่านั้นที่จะส่งผ่านในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง</translation>
<translation id="4363057787588706121">อนุญาตให้รวมนโยบายรายการจากแหล่งที่มาหลายแห่ง</translation>
<translation id="4363101430102811068">เปิดใช้นโยบายการตรวจหาการรั่วไหลของข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ป้อน</translation>
<translation id="436581050240847513">รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4368848648036709662">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่รองรับรูปแบบที่มีไวลด์การ์ด "*" และ "[*.]" ในโฮสต์อีกแล้วตั้งแต่รุ่น M85</translation>
<translation id="4369307906396795087">สคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงาน (Web Worker, Service Worker ฯลฯ) จะใช้การตรวจสอบประเภท MIME แบบ Lax สคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีประเภท MIME เดิม เช่น <ph name="MIMETYPE_TEXT_ASCII" /> จะใช้งานได้</translation>
<translation id="4370937370030117032">ไม่อนุญาตให้ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบ</translation>
<translation id="4372704773119750918">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของหลายโปรไฟล์ (หลักหรือรอง)</translation>
<translation id="4373332965635821723">เปิดใช้ทางลัดสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="4377377599658208627">อนุญาตให้เว็บไซต์เลื่อนไปยังส่วนข้อความที่เฉพาะเจาะจงผ่าน URL</translation>
<translation id="4377599627073874279">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงภาพทั้งหมด</translation>
<translation id="437791893267799639">ไม่ได้ตั้งนโยบาย ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="4380159792986204036">อนุญาตให้คีออสก์เว็บเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์มากกว่า 1 หน้าต่างในหน้าจอใดก็ได้</translation>
<translation id="4381227367939912539">ปิดใช้เกมไดโนเสาร์ไข่อีสเตอร์</translation>
<translation id="4382413175336720282">ปิดใช้การตรวจสอบ URL แบบเรียลไทม์อยู่</translation>
<translation id="4384480363454039240">เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" ผู้ใช้จะติดตามพัสดุของตนเองใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ผ่านหน้าแท็บใหม่ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะติดตามพัสดุใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ผ่านหน้าแท็บใหม่ไม่ได้</translation>
<translation id="4387741272680827493">การตั้งค่านโยบายจะเป็นการระบุรายชื่อโฮสต์ที่ไม่ต้องมีการอัปเกรด HSTS แบบโหลดล่วงหน้าจาก http เป็น https
นโยบายนี้อนุญาตเฉพาะชื่อโฮสต์แบบป้ายกำกับเดี่ยวเท่านั้น และมีผลเฉพาะกับรายการที่โหลด HSTS ไว้ล่วงหน้าแบบ "คงที่" (เช่น <ph name="EXAMPLE_HSTS_PRELOAD_TLDS" />) นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันการอัปเกรด HSTS สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่ขอการอัปเกรด HSTS แบบ "ไดนามิก" โดยใช้ส่วนหัวการตอบกลับ <ph name="HSTS_HEADER_NAME" />
ชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้ต้องกำหนดเป็น Canonical ซึ่งหมายความว่าต้องแปลง IDN ทั้งหมดเป็นรูปแบบ A-label และตัวอักษร ASCII ทั้งหมดต้องเป็นตัวพิมพ์เล็ก นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับชื่อโฮสต์แบบป้ายกำกับเดี่ยวบางชื่อเท่านั้น ไม่ใช่กับโดเมนย่อยของชื่อเหล่านั้น</translation>
<translation id="4389073105055031853">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองทั้งหมด</translation>
<translation id="4389091865841123886">กำหนดค่าการยืนยันระยะไกลกับกลไก TPM</translation>
<translation id="4389113579547582722">อนุญาตให้แสดงโปรโมชันการให้คะแนนของ App Store</translation>
<translation id="4395619678972620537">หากเปิดใช้ การเชื่อมต่อแบบเพียร์ WebRTC สามารถดาวน์เกรดเป็นโปรโตคอล TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย (DTLS 1.0, TLS 1.0 และ TLS 1.1)
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้เวอร์ชัน TLS/DTLS เหล่านี้
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M121 ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="439661169333921592">ปิดใช้การไฮไลต์โฟกัสแป้นพิมพ์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="4397045637922200204">ปิดใช้งานการกู้คืนบัญชี</translation>
<translation id="4397464099112037398">การตั้งค่าเริ่มต้นของสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่าง</translation>
<translation id="4401196752827224189">ระบบจะนำ WebSQL ในบริบทที่ไม่ปลอดภัยออกเริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน M110 นโยบายนี้จะเปิดใช้ API อีกครั้ง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" WebSQL ในบริบทที่ไม่ปลอดภัยจะพร้อมใช้งาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า WebSQL ในบริบทที่ไม่ปลอดภัยจะยังคงใช้งานได้จนถึงเวอร์ชัน M109 จากนั้นจะใช้งานไม่ได้ตั้งแต่เวอร์ชัน M110
เราได้นำนโยบายนี้ออกในเวอร์ชัน M112</translation>
<translation id="4402887080007986374">เวอร์ชันที่ถูกต้องของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence</translation>
<translation id="4408428864159735559">รายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า</translation>
<translation id="4410236409016356088">เปิดใช้การควบคุมปริมาณแบนด์วิดท์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="4411734231900934213">ความต่างที่อนุญาตระหว่างนาฬิกาในอุปกรณ์ของบุตรหลานกับของผู้ปกครอง (เป็นวินาที)</translation>
<translation id="441217499641439905">ปิดใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือในแอป "Files" ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4412885120239670573">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดโปรแกรมอ่าน PDF ภายในของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รวมถึงถือว่าไฟล์ PDF เป็นไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา และอนุญาตให้ผู้ใช้เปิด PDF ด้วยแอปพลิเคชันเริ่มต้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าหากผู้ใช้ไม่ได้ปิดปลั๊กอิน PDF ก็จะมีการเปิดไฟล์ PDF
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิด PDF ภายนอกหรือไม่</translation>
<translation id="4415603335307944578">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า เบราว์เซอร์จะแสดงหน้ายินดีต้อนรับอีกครั้งเมื่อเรียกใช้เบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เบราว์เซอร์จะไม่แสดงหน้ายินดีต้อนรับอีกครั้งเมื่อเรียกใช้เบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="441686537793821907">บล็อกการติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก</translation>
<translation id="4423597592074154136">ระบุการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง</translation>
<translation id="4424004842303301809">ปิดใช้การรายงานเหตุการณ์การป้องกันข้อมูลรั่วไหล</translation>
<translation id="4426601693403743089">ปิดการลองใช้ Screencast สำหรับผู้ใช้ Family Link</translation>
<translation id="4426986640594727372">อนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของระบบ</translation>
<translation id="4427173305799125784">โปรแกรมอ่าน PDF ใส่คำอธิบายประกอบใน PDF ไม่ได้</translation>
<translation id="4432762137771104529">เปิดใช้การรายงานแบบขยายของ Safe Browsing</translation>
<translation id="4434531680131327140">กำหนดค่าอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกำหนดค่า (ตามประเภทข้อมูล) เมื่อเบราว์เซอร์ลบข้อมูล ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับลูกค้าที่ทำงานกับข้อมูลละเอียดอ่อนของลูกค้า
ประเภทข้อมูลที่มี ได้แก่ <ph name="DATA_TYPE_BROWSING_HISTORY" />, <ph name="DATA_TYPE_DOWNLOAD_HISTORY" />, <ph name="DATA_TYPE_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA" />, <ph name="DATA_TYPE_CACHED_IMAGES_AND_FILES" />, <ph name="DATA_TYPE_PASSWORD" />, <ph name="DATA_TYPE_AUTOFILL" />, <ph name="DATA_TYPE_SITE_SETTINGS" /> และ <ph name="DATA_TYPE_HOSTED_APP_DATA" /> ไม่รองรับ <ph name="DATA_TYPE_DOWNLOAD_HISTORY" /> และ <ph name="DATA_TYPE_HOSTED_APP_DATA" /> ใน Android
เบราว์เซอร์จะนำข้อมูลประเภทที่เลือกไว้ซึ่งมีอายุนานกว่า <ph name="TIME_TO_LIVE_IN_HOURS" /> ชั่วโมงออกโดยอัตโนมัติ ค่าต่ำสุดที่ตั้งค่าได้คือ 1 ชั่วโมง
การลบข้อมูลที่หมดอายุจะเกิดขึ้นหลังจากที่เบราว์เซอร์เริ่มต้นไปแล้ว 15 วินาที จากนั้นจะเกิดขึ้นทุก 30 นาทีขณะที่เบราว์เซอร์ทำงาน
นโยบายนี้กำหนดให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" จนถึง Chrome 114 ตั้งแต่ Chrome 115 เป็นต้นไป การตั้งค่านโยบายนี้จะปิดใช้การซิงค์สำหรับประเภทข้อมูลที่เกี่ยวข้อง หากไม่ได้ปิดใช้ "<ph name="CHROME_SYNC_NAME" />" ไว้โดยการตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="BROWSER_SIGNIN_POLICY_NAME" /> ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="443454694385851356">แบบเดิม (ไม่ปลอดภัย)</translation>
<translation id="4435032708588431506">อนุญาต QUIC</translation>
<translation id="443665821428652897">ล้างข้อมูลไซต์เมื่อปิดเบราว์เซอร์ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="4436941175475497595">ปิดใช้การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="4439336120285389675">ระบุรายชื่อฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วเพื่อเปิดใช้ใหม่ชั่วคราว
นโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มซึ่งเลิกใช้ไปแล้วได้ใหม่อีกครั้งครั้งในเวลาจำกัด ฟีเจอร์เหล่านี้จะระบุโดยสตริงแท็ก ซึ่งฟีเจอร์ที่สอดคล้องกับแท็กที่มีอยู่ในรายการที่นโยบายนี้กำหนดจะถูกเปิดใช้อีกครั้ง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ไม่มีข้อมูลในรายการ หรือไม่ตรงกับสตริงแท็กที่สนับสนุนใดๆ ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วทั้งหมดจะยังถูกปิดใช้
แม้ตัวนโยบายจะได้รับการสนับสนุนบนแพลตฟอร์มข้างต้น แต่ฟีเจอร์ที่นโยบายเปิดใช้อาจใช้ได้บนแพลตฟอร์มไม่กี่แห่ง ฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วบางรายการอาจไม่สามารถเปิดใช้ได้อีก เฉพาะฟีเจอร์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนด้านล่างเท่านั้นที่สามารถเปิดใช้ได้อีกภายในช่วงเวลาจำกัด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์ รูปแบบของสตริงแท็กทั่วไปคือ [DeprecatedFeatureName]_EffectiveUntil[yyyymmdd] ตามข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถค้นหาเจตนาในการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มได้ที่ https://bit.ly/blinkintents
</translation>
<translation id="4443711908766051441">เปิดใช้เกมไดโนเสาร์ไข่อีสเตอร์</translation>
<translation id="4444682330960613191">แสดงการติดป้ายองค์กรในอุปกรณ์ที่มีการจัดการเท่านั้น</translation>
<translation id="4445728642576791607">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดการตั้งค่าการวัดผลโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="4447668084338250480">ลักษณะการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ต</translation>
<translation id="4449469846627734399">กำหนดค่าวันที่เปิดใช้พาวเวอร์พีคชิฟต์</translation>
<translation id="4449545651113180484">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 270 องศา</translation>
<translation id="4452653762766030431">ควบคุมพื้นที่แชร์ไฟล์ในเครือข่ายเพื่อความพร้อมใช้งานของ ChromeOS</translation>
<translation id="445270821089253489">ควบคุมประเภทข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลอุปกรณ์ที่จะรายงาน</translation>
<translation id="4453913621209182880">อนุญาตเฉพาะการพิมพ์ที่มีกราฟิกพื้นหลังเท่านั้น</translation>
<translation id="4454820008017317557">แสดงไอคอนแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="445505634382262792">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการเข้าถึง
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4455258118946528063">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอินหรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4457113781439375078">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานตำแหน่งเป็นระยะๆ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานตำแหน่ง</translation>
<translation id="445993724309045747">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่เริ่มต้นและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงหน้าดังกล่าว
หน้าแท็บใหม่จะเปิดขึ้นโดยมีแท็บและหน้าต่างใหม่
นโยบายนี้ไม่ได้กำหนดว่าหน้าใดจะเปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มต้นใช้งาน นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> จะเป็นตัวควบคุมหน้าเหล่านั้น นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อหน้าแรก หากตั้งค่าหน้าแรกให้เปิดหน้าแท็บใหม่ และจะส่งผลกระทบต่อหน้าเริ่มต้นใช้งานเช่นกัน หากตั้งค่าให้เปิดหน้าแท็บใหม่
แนวทางปฏิบัติแนะนำคือการระบุ URL ที่กำหนดหน้า Canonical แบบเต็ม หาก URL ไม่ได้กำหนดหน้า Canonical แบบเต็ม <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ https:// เป็นค่าเริ่มต้น
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้จะทำให้ระบบใช้หน้าแท็บใหม่เริ่มต้น
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="4461400898496433231">อย่าลบล้างการตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงของ IPv6 ค้นหาระเบียน AAAA เท่านั้นสำหรับการแปลงชื่อโฮสต์เมื่อโฮสต์ IPv6 ส่วนกลางเข้าถึงอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="4463675333222095358">เปิดใช้การแปลงหน่วยของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="4464365009416584564">ปิดใช้<ph name="CHROME_SYNC_NAME" /></translation>
<translation id="4467952432486360968">ปิดกั้นคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="4472740647327683596">ความกว้างของหน้าโดยหน่วยเป็นไมโครเมตร</translation>
<translation id="4474167089968829729">เปิดการบันทึกรหัสผ่านไปยังโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="4478248026668918517">บล็อกการตรวจหาขอบเขตนโยบาย</translation>
<translation id="4479671363221255277">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_READ_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_READ_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="4480694116501920047">บังคับใช้ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย</translation>
<translation id="4481202456143946404">เวอร์ชันที่ถูกต้องของข้อกำหนดในการให้บริการซึ่งมาจาก Google3 CL ซึ่งเปิดตัวข้อกำหนดเวอร์ชันใหม่</translation>
<translation id="4481952213163895432">ปิดใช้คำสั่งให้ดำเนินการของ Google Assistant</translation>
<translation id="4482784169143060077">เปิดใช้การอัปเกรด HTTPS อัตโนมัติ</translation>
<translation id="4483120730995943109">JavaScript setTimeout() ที่มีระยะหมดเวลาเป็น 0 มิลลิวินาทีจะไม่ถูกปรับเป็น 1 มิลลิวินาที</translation>
<translation id="4483649828988077221">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4483738129334574255">ปิดใช้เกมไดโนเสาร์ที่เป็น Easter Egg ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ลงทะเบียนไว้ และเปิดใช้ในสถานการณ์อื่น</translation>
<translation id="4484515651939984695">ระบุระยะเวลา (เป็นวินาที) ซึ่งอุปกรณ์แคสต์ที่เลือกไว้ด้วยรหัสการเข้าถึงหรือคิวอาร์โค้ดจะคงอยู่ในรายชื่ออุปกรณ์แคสต์ในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="4485425108474077672">กำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="4490420545181481759">ใบรับรอง X.509 อาจเข้ารหัสข้อจํากัด เช่น ข้อจํากัดชื่อ (Name Constraints) ในส่วนขยายในใบรับรอง RFC 5280 ระบุว่าการบังคับใช้ข้อจํากัดดังกล่าวกับใบรับรองของ Trust Anchor นั้นจะทำหรือไม่ทำก็ได้ ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 112 เป็นต้นไป ระบบจะบังคับใช้ข้อจํากัดดังกล่าวในใบรับรองที่โหลดจากที่เก็บใบรับรองของแพลตฟอร์ม
นโยบายนี้เป็นการเลือกไม่ใช้ชั่วคราวในกรณีที่องค์กรพบปัญหาเกี่ยวกับข้อจํากัดที่เข้ารหัสในรูทส่วนตัว ในกรณีดังกล่าว ระบบอาจใช้นโยบายนี้เพื่อปิดการบังคับใช้ข้อจํากัดไว้ชั่วคราวขณะกำลังแก้ไขปัญหาใบรับรอง
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะบังคับใช้ข้อจํากัดที่เข้ารหัสไว้ใน Trust Anchor ที่โหลดจาก Trust Store ของแพลตฟอร์ม
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่บังคับใช้ข้อจํากัดที่เข้ารหัสไว้ใน Trust Anchor ที่โหลดจาก Trust Store ของแพลตฟอร์ม
ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 112 นโยบายนี้จะไม่มีผลหากปิดใช้นโยบาย <ph name="CHROME_ROOT_STORE_ENABLED_POLICY_NAME" />
เรามีแผนจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 118</translation>
<translation id="4491607814095953976">เลือกว่าจะปิดใช้การตั้งค่าการวัดผลโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ได้หรือไม่</translation>
<translation id="4492287494009043413">ปิดใช้งานการจับภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="4494132853995232608">Wilco DTC</translation>
<translation id="449419757874646879">หากปิดใช้นโยบายนี้ก็จะไม่สามารถเริ่มเซสชันการสนับสนุนจากระยะไกลโดยใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบได้
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อสถานการณ์การเข้าถึงระยะไกล
นโยบายนี้ป้องกันไม่ให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่มีการจัดการ
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากเปิดใช้ ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="449423975179525290">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="449561952193478261">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีน้ำเงิน</translation>
<translation id="449784980858429908">ให้สิทธิ์เว็บไซต์โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับพอร์ตอนุกรมทุกพอร์ต</translation>
<translation id="4498626728750662965">โปรแกรมอ่าน PDF ใช้ตัวแสดงผล Skia</translation>
<translation id="4499376951770369935">การอัปเดต Chrome OS ได้รับการตั้งค่าเป็นเวอร์ชันที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของแอปคีออสก์</translation>
<translation id="450080746522343150">บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด</translation>
<translation id="4501388411278568771">การอัปเกรด HTTPS อาจใช้ได้โดยขึ้นอยู่กับสถานะการเปิดตัวฟีเจอร์</translation>
<translation id="45036050223225148">ปิดใช้การทดสอบ ClientHello ที่เข้ารหัสตาม TLS</translation>
<translation id="4503935079903510542">อิมเมจดิสก์ UEFI ที่บูทได้ซึ่งใช้ในการติดตั้ง VM บนอุปกรณ์ x86_64</translation>
<translation id="4508728400492074981">ควบคุมนโยบายสำหรับฟีเจอร์ชุดบุคคลที่หนึ่ง</translation>
<translation id="4510131075424939993">ระบุค่า Salt ที่จะใช้ใน <ph name="DOH_TEMPLATES_WITH_IDENTIFIERS_POLICY_NAME" /> เมื่อประเมินข้อมูลประจำตัว</translation>
<translation id="4510923771103268849">ผู้ใช้มีสิทธิ์เข้าถึงรากของคอนเทนเนอร์ Crostini ได้</translation>
<translation id="4512407512989846472">อนุญาตให้บล็อกการคัดลอกไปยังคลิปบอร์ดใน URL ที่ระบุ</translation>
<translation id="4513691822411041977">ไม่บังคับใช้ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยใน Google Search หรือโหมดที่จำกัดของ YouTube</translation>
<translation id="4515404363392014383">เปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="4518251772179446575">ถามเมื่อไซต์ต้องการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="4521193243799782295">ในระหว่างการเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ (แบบออนไลน์) หรือใช้รหัสผ่านที่แคชไว้ (แบบออฟไลน์) ได้
เมื่อตั้งค่าเป็น -1 นโยบายนี้จะไม่บังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์และจะอนุญาตให้ผู้ใช้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออฟไลน์ได้จนกว่าจะมีเหตุผลอื่นที่นโยบายนี้บังคับใช้การเข้าสู่ระบบแบบออนไลน์ หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะต้องเข้าสู่ระบบแบบออนไลน์เสมอ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่น จะเป็นการระบุระยะเวลานับตั้งแต่เวลาที่ตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์ครั้งสุดท้ายถึงเวลาที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์อีกครั้งในการลงชื่อเข้าใช้ครั้งถัดไป
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้การเข้าสู่ระบบแบบออฟไลน์
นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วย GAIA โดยไม่มี SAML เท่านั้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นวัน</translation>
<translation id="4525328580251166229">ควบคุมนโยบายที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อย Bruschetta</translation>
<translation id="453031441196755904">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว</translation>
<translation id="4531706050939927436">สามารถบังคับการติดตั้งแอป Android ได้จากคอนโซล Google Admin ผ่าน Google Play แอปดังกล่าวไม่ได้ใช้นโยบายนี้</translation>
<translation id="4534500438517478692">ชื่อการจำกัด Android:</translation>
<translation id="4541530620466526913">บัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="4542255783284620926">บล็อกการเพิ่มบัญชีที่จัดการในฐานะบัญชีรองบน Chrome OS (ในเซสชัน)</translation>
<translation id="4543502256674577024">การตั้งค่าการอัปเดตอุปกรณ์</translation>
<translation id="454585952814397564">ใช้ลำดับความสำคัญปกติกับกระบวนการของเสียง</translation>
<translation id="4546641664653711266">นโยบายนี้เป็นนโยบายชั่วคราวซึ่งจะถูกนำออกใน M127
นโยบายนี้ควบคุมระดับการมองเห็นการติดป้ายองค์กรในโปรไฟล์ที่มีการจัดการ ซึ่งประกอบด้วยป้ายกำกับการจัดการเฉพาะบัญชีที่แสดงในเมนูโปรไฟล์ ป้ายกำกับใหม่ที่เชื่อมโยงกับโปรไฟล์ที่จัดการโดยองค์กรของคุณ ซึ่งแสดงในแถบเครื่องมือและควบคุมด้วยนโยบาย <ph name="PROFILE_LABEL_POLICY_NAME" /> โดยเป็นโลโก้องค์กรที่แสดงในเมนูโปรไฟล์ข้างรูปโปรไฟล์ และควบคุมโดยนโยบาย <ph name="ENTERPRISE_LOGO_URL_POLICY_NAME" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ซ่อนการติดป้ายองค์กรทั้งหมด (ค่า 0)" จะซ่อนการติดป้ายทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงนโยบายที่ควบคุมแต่ละคอมโพเนนต์
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "แสดงการติดป้ายองค์กรในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการเท่านั้น (ค่า 1)" จะแสดงการติดป้ายทั้งหมดหากผู้ใช้จากองค์กรใช้โปรไฟล์ที่จัดการในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ
การตั้งค่านโยบายเป็น "แสดงการติดป้ายองค์กรในอุปกรณ์ทุกเครื่อง (ค่า 2)" จะแสดงการติดป้ายทั้งหมดหากผู้ใช้จากองค์กรใช้โปรไฟล์ที่จัดการในอุปกรณ์ใดก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "แสดงการติดป้ายองค์กรในอุปกรณ์ที่มีการจัดการเท่านั้น (ค่า 3)" จะแสดงการติดป้ายทั้งหมดหากผู้ใช้จากองค์กรใช้โปรไฟล์ที่จัดการในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ
ระบบจะถือว่าอุปกรณ์มีการจัดการหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันสำหรับองค์กร หรือมีการกำหนดนโยบายที่ระดับเครื่องและส่งผลต่อเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="4548555985107150628">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่
ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้
รายการปลั๊กอินที่ระบุจะเปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เสมอหากมีการติดตั้งเอาไว้ โดยจะทำเครื่องหมายว่าปลั๊กอินเป็นเปิดใช้อยู่ใน "about:plugins" และผู้ใช้จะปิดใช้ไม่ได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้จะลบล้างทั้ง DisabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะปิดใช้ปลั๊กอินใดก็ตามที่ติดตั้งไว้ในระบบได้</translation>
<translation id="4549695018986780856">เปิดใช้ไฟล์ Manifest V2 อยู่</translation>
<translation id="4552929684628662264">Direct Sockets API ช่วยให้สื่อสารกับเอนด์พอยต์ที่กำหนดเองได้โดยใช้ TCP และ UDP
โปรดดูรายละเอียดที่ https://github.com/WICG/direct-sockets
การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุรูปแบบ URL ซึ่งเจาะจงเว็บไซต์ที่บล็อกไม่ให้ใช้ DirectSockets
ซึ่งอาจรวมถึงแอป Chrome, Isolated Web App และเว็บคีออสก์ โดย API จะใช้ไม่ได้ในเว็บแบบเปิด
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_DIRECT_SOCKETS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้)
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="DIRECT_SOCKETS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="4554651132977135445">โหมดประมวลผล Loopback ของนโยบายด้านผู้ใช้</translation>
<translation id="4554991346503872538">ไม่ต้องเสนอคำแปล</translation>
<translation id="4555850956567117258">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4557134566541205630">URL หน้าแท็บใหม่ของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="4558166110367609724">ข้ามข้อกำหนดในการให้บริการและโหลดเบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4559846397119102037">อนุญาตให้ใช้งาน <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="4561560385824323005">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกเลย์เอาต์เดสก์ท็อปที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าสำหรับโหลด</translation>
<translation id="4561940244682063697">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์แจ้งให้ผู้ใช้แชร์สตรีมวิดีโอของหน้าจอ</translation>
<translation id="4562165737444703281">อนุญาตให้ผู้ใช้ [เปิดใช้/กำหนดค่า] การส่งต่อพอร์ต Crostini</translation>
<translation id="456450545863578630">เปิดใช้การโอนไฟล์ในการเชื่อมต่อเพื่อรับการสนับสนุนจากระยะไกลโดยผู้ดูแลระบบขององค์กร</translation>
<translation id="4567137030726189378">อนุญาตการใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="4570859815763368584">เลิกใช้งานไปแล้วใน M68 โปรดใช้ DefaultPopupsSetting แทน
ดูคำอธิบายฉบับเต็มได้ที่ https://www.chromestatus.com/feature/5675755719622656
หากเปิดใช้นโยบายนี้ เว็บไซต์จะมีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่ไปพร้อมกันได้
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เว็บไซต์จะไม่มีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่ไปพร้อมกัน</translation>
<translation id="4572577129745420844">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos</translation>
<translation id="457430673056611745">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> Enterprise OnPrint</translation>
<translation id="4576760454200781316">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะทำให้ตัวจับเวลา JavaScript ในแท็บเบื้องหลังถูกควบคุมและรวมเป็นหนึ่งมากเกินไป ซึ่งมีผลให้ทำงานได้เพียงนาทีละ 1 ครั้งหลังจากที่หน้าอยู่ในเบื้องหลังเป็นเวลา 5 นาทีขึ้นไป
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่เป็นไปตามมาตรฐานของเว็บ แต่อาจทำให้บางเว็บไซต์ทำงานได้ไม่ถูกต้องโดยทำให้การทำงานบางอย่างล่าช้าได้ถึง 1 นาที แต่เมื่อเปิดใช้ จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่และ CPU ได้อย่างมาก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/30b1XR4
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะบังคับให้เปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะบังคับให้ปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ฟีเจอร์จะถูกควบคุมโดยตรรกะภายในตัวฟีเจอร์เอง ซึ่งผู้ใช้จะกำหนดค่าด้วยตนเองได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้มีผลตามการประมวลผลของโหมดแสดงภาพ โดยจะบังคับใช้ค่าล่าสุดในการตั้งค่านโยบายเมื่อเริ่มการประมวลผลของโหมดแสดงภาพ คุณต้องรีสตาร์ทโดยสมบูรณ์เพื่อให้แน่ใจว่าทุกแท็บที่โหลดไว้จะได้รับการตั้งค่านโยบายที่สอดคล้องกัน การประมวลผลต่างๆ ทำงานโดยใช้ค่าที่ต่างกันของนโยบายนี้ได้โดยไม่มีปัญหา
</translation>
<translation id="4578265298946081589">ไม่ต้องรีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="4581507927311097234">ระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนปิดหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้</translation>
<translation id="4582338216073557489">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่มี" ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ขนาดแคชเริ่มต้นในการจัดเก็บไฟล์ที่แคชไว้ในดิสก์ โดยที่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดแคชที่คุณระบุไว้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ --disk-cache-size หรือไม่ก็ตาม (ระบบจะปัดเศษค่าที่ต่ำกว่า 2-3 เมกะไบต์)
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดเริ่มต้น ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวได้โดยใช้การตั้งค่าสถานะ --disk-cache-size
หมายเหตุ: ค่าที่ระบุในนโยบายนี้จะใช้เป็นคำแนะนำสำหรับระบบย่อยของแคชต่างๆ ในเบราว์เซอร์ ดังนั้น ปริมาณการใช้พื้นที่ดิสก์จริงรวมของแคชทั้งหมดจะสูงกว่านี้ แต่อยู่ภายในขนาดที่ใกล้เคียงกันกับค่าที่ระบุไว้</translation>
<translation id="458285976189239891">ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย, API ของเว็บ
<ph name="SHOW_OPEN_FILE_PICKER_API_NAME" />,
<ph name="SHOW_SAVE_FILE_PICKER_API_NAME" /> และ
<ph name="SHOW_DIRECTORY_PICKER_API_NAME" /> จำเป็นต้องเรียกใช้ท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้า ("การเปิดใช้งานชั่วคราว") มิเช่นนั้นจะดำเนินการไม่สำเร็จ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ดูแลระบบสามารถระบุต้นทางที่จะเรียกใช้ API เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้า
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่
https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns *
ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ต้นทางทั้งหมดจะกำหนดให้ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้าเพื่อเรียกใช้ API เหล่านี้</translation>
<translation id="4591366717022345234">ให้บริการเวอร์ชัน Quick Fix แก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="4593391169954484940">แฮช SHA-256 ของไฟล์</translation>
<translation id="4594027034164195984">อนุญาตให้รูปภาพจากบุคคลที่สามแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="4594087525776615883">อนุญาตการติดตามพัสดุใน Chrome</translation>
<translation id="4594467366027975448">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับเก็บสำเนาโรมมิ่งของโปรไฟล์
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้ไว้เพื่อเก็บสำเนาโรมมิ่งของโปรไฟล์ในกรณีที่มีการเปิดใช้นโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่ใช้ค่าที่เก็บไว้ในนโยบายนี้
ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables
บนแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ของ Windows นโยบายนี้จะต้องตั้งค่าให้โปรไฟล์โรมมิ่งทำงาน
บนแพลตฟอร์มของ Windows หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์โรมมิ่งเริ่มต้น</translation>
<translation id="4596517047440640833">การปลดล็อกด้วย PIN</translation>
<translation id="4596742680861734343">อนุญาตการบันทึกแพ็กเก็ตเครือข่ายในอุปกรณ์สำหรับการแก้ไขข้อบกพร่อง
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะทำการบันทึกแพ็กเก็ตเครือข่ายในอุปกรณ์ได้
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" การบันทึกแพ็กเก็ตเครือข่ายจะไม่พร้อมใช้งานในอุปกรณ์</translation>
<translation id="4600786265870346112">เปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่</translation>
<translation id="4602988345256038309">อนุญาตให้มีการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เพื่อให้การสนับสนุนระยะไกล</translation>
<translation id="4607416370554533118">การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่ง Chrome จะเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์ให้โดยอัตโนมัติได้ ค่าจะเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ที่มีรูปแบบเป็นสตริงซึ่งแต่ละรายการมีรูปแบบ <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_EXAMPLE" /> โดยที่ <ph name="URL_PATTERN_PLACEHOLDER" /> เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> จำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง
ตัวอย่างการใช้งานส่วน <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" />
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_FILTER_EXAMPLE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName <ph name="ISSUER_CN_PLACEHOLDER" />
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีทั้งส่วน <ph name="ISSUER_STRING_VALUE" /> และ <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATION" /> ใบรับรองต้องมีอย่างน้อย 1 องค์กรที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATIONAL_UNIT" /> ใบรับรองต้องมีหน่วยขององค์กรอย่างน้อย 1 หน่วยที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="EMPTY_DICTIONARY" /> การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม โปรดทราบว่าตัวกรองที่ได้มาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์จะยังคงมีผลอยู่
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าจะไม่มีการเลือกอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม</translation>
<translation id="4611983465824842867">ไม่แสดงคำเตือนหรือปิดใช้การป้อนข้อความอัตโนมัติในแบบฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="4615003180013429835">โหมดการแยกวิเคราะห์รายการเว็บไซต์</translation>
<translation id="4615892138881859957">ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่ใช้ในการเรียกใช้งานคีย์ "Six Pack" ของ Insert</translation>
<translation id="4617338332148204752">ข้ามการตรวจสอบเมตาแท็กใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="461901491675418689">ฟีเจอร์ NewBaseUrlInheritanceBehavior พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="4624006912948309924">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดตัวระบุแอปพลิเคชันที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แสดงเป็นแอปที่ปักหมุดไว้ในแถบ Launcher และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
ระบุแอป Chrome ตามรหัส เช่น pjkljhegncpnkpknbcohdijeoejaedia
ระบุแอป Android ตามชื่อแพ็กเกจ เช่น com.google.android.gm
ระบุเว็บแอปตาม URL ที่ใช้ใน <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" /> เช่น https://google.com/maps
และระบุ System Web Apps ตามชื่อการเขียนโค้ดรูปแบบงู เช่น <ph name="PINNED_LAUNCHER_APPS_POLICY_SYSTEM_WEB_APP_EXAMPLE" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงรายการแอปที่ปักหมุดไว้ใน Launcher ได้</translation>
<translation id="4624417808625504735">บล็อก JavaScript ไม่ให้ใช้ JIT ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="46321462262887935">ใช้ปุ่มแถวบนสุดเป็นปุ่มฟังก์ชัน แต่ผู้ใช้จะแก้ไขได้</translation>
<translation id="4632343302005518762">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาตามที่แสดงในรายการ</translation>
<translation id="4633746046264469461">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript ที่เปิดใช้คอมไพเลอร์ JIT (Just In Time)
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์ได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
การยกเว้นนโยบาย JIT ใน JavaScript จะบังคับใช้ที่รายละเอียดระดับเว็บไซต์ (eTLD+1) เท่านั้น นโยบายที่ตั้งค่าไว้เฉพาะสำหรับ subdomain.site.com จะไม่มีผลกับ site.com หรือ subdomain.site.com อย่างถูกต้องเนื่องจากทั้งสองจับคู่กับ eTLD+1 (site.com) เดียวกันซึ่งไม่มีนโยบาย ในกรณีนี้ ต้องตั้งค่านโยบายใน site.com เพื่อให้มีผลกับทั้ง site.com และ subdomain.site.com อย่างถูกต้อง
นโยบายนี้มีผลกับแต่ละเฟรมแยกกันและไม่ได้อิงตาม URL ต้นทางระดับบนสุดเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น หากมีการระบุ site-one.com ในนโยบาย <ph name="JAVA_SCRIPT_JIT_ALLOWED_FOR_SITES_POLICY_NAME" /> แต่ site-one.com โหลดเฟรมที่มี site-two.com สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ site-one.com มีการเปิดใช้ JIT ใน JavaScript แต่ site-two.com จะใช้นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_JIT_SETTING_POLICY_NAME" /> หากตั้งค่าไว้ หรือมีค่าเริ่มต้นเป็นเปิดใช้ JIT ใน JavaScript
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_JIT_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นจะมีการเปิดใช้ JIT ใน JavaScript ในเว็บไซต์</translation>
<translation id="4636354638176939375">ปิดการสร้างผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแล</translation>
<translation id="46383668315040154">ระบุเวอร์ชันการเผยแพร่ที่อุปกรณ์นี้ควรจะใช้ได้
การตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> จะมีผลเฉพาะในกรณีที่ตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_DELEGATED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="4638906910792947645">เปิดใช้แบบสำรวจในผลิตภัณฑ์</translation>
<translation id="4646626362889216307">การตั้งค่านโยบายทำให้สามารถรวมนโยบายที่เลือกเมื่อนโยบายมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตและระดับเดียวกัน การรวมจะอยู่ในคีย์ระดับแรกๆ ของพจนานุกรมจากแหล่งที่มาแต่ละแห่ง คีย์ที่มาจากแหล่งที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดจะมีความสำคัญเหนือกว่า
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" เพื่ออนุญาตให้รวมนโยบายพจนานุกรมทั้งหมดที่รองรับ
หากนโยบายอยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มาซึ่งมี
* ขอบเขตและระดับเดียวกัน: ค่าจะรวมอยู่ในพจนานุกรมนโยบายใหม่
* ขอบเขตหรือระดับที่ต่างกัน: ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด
หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มา ขอบเขต หรือระดับ ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด</translation>
<translation id="4646739075621507361">รายงานงานพิมพ์</translation>
<translation id="4649395978608361979">ปลายทางเครื่องพิมพ์ในพื้นที่</translation>
<translation id="4650044303940238102">การตั้งค่าแบบอักษรในเครื่อง</translation>
<translation id="4650759511838826572">ปิดใช้งานสกีมโปรโตคอล URL</translation>
<translation id="465099050592230505">URL เว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="4653465451589191309">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จัดการ (ยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไข) การเชื่อมต่อ VPN ได้ หากมีการสร้างการเชื่อมต่อ VPN โดยใช้แอป VPN นโยบายจะไม่ส่งผลต่อ UI ภายในแอป ผู้ใช้จึงอาจยังใช้แอปดังกล่าวเพื่อแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN ได้อยู่ ใช้นโยบายนี้ร่วมกับฟีเจอร์ "VPN แบบเปิดตลอดเวลา" ซึ่งให้ผู้ดูแลระบบเลือกที่จะสร้างการเชื่อมต่อ VPN เมื่อเปิดเครื่องได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งจะให้ผู้ใช้ยกเลิกการเชื่อมต่อและแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN</translation>
<translation id="4654729794394330974">การตั้งค่านโยบายจะระบุชื่อโดเมนของไคลเอ็นต์ซึ่งจะกำหนดให้กับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงชื่อไม่ได้ จะมีเฉพาะไคลเอ็นต์จากโดเมนที่ระบุที่เชื่อมต่อกับโฮสต์ได้
การตั้งค่านโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่าหรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้นโยบายเริ่มต้นของการเชื่อมต่อประเภทนั้นๆ สำหรับความช่วยเหลือระยะไกล ระบบจะอนุญาตให้ไคลเอ็นต์จากโดเมนต่างๆ เชื่อมต่อกับโฮสต์ได้ สำหรับการเข้าถึงระยะไกลได้ตลอดเวลา จะมีเฉพาะเจ้าของโฮสต์ที่เชื่อมต่อได้
ดู <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> เพิ่มเติม
หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะลบล้าง <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_POLICY_NAME" /> หากมี</translation>
<translation id="4658380868451934335">เปิดใช้การพิมพ์ตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="4660356908994631271">แสดงปุ่ม Google Lens ในช่องค้นหาบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="4661885151480410620">การเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงานอาจขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเปิดตัวฟีเจอร์</translation>
<translation id="4661889655253181651">การตั้งค่าเนื้อหาช่วยให้คุณระบุวิธีจัดการเนื้อหาบางประเภท (เช่น คุกกี้ รูปภาพ หรือ JavaScript) ได้</translation>
<translation id="4663509616441994711">ปิดใช้การรวมนโยบายในระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์</translation>
<translation id="4663588423815449593">บังคับให้ <ph name="PEPPER_NAME" /> ใช้เครื่องมือถอดรหัสวิดีโอเดิม</translation>
<translation id="4665897631924472251">การตั้งค่าการจัดการส่วนขยาย</translation>
<translation id="4666930704271463612">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์
หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "id" ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่มีการกรองและจะใช้เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดในการค้นหา
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_ALLOWLIST" /> แทน</translation>
<translation id="4667462525936265103">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้นำข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการซึ่งสร้างหลังจากลงชื่อเข้าใช้บัญชีที่มีการจัดการในพื้นที่สำหรับเนื้อหาหรือไม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น <ph name="USER_OPTIN_DATA_ENUM_NAME" /> (ค่า 1) ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะนำข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการหรือไม่ ช่องทำเครื่องหมายในกล่องโต้ตอบการสร้างโปรไฟล์จะปรากฏขึ้นและไม่ได้เลือกไว้โดยค่าเริ่มต้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="USER_OPTOUT_DATA_ENUM_NAME" /> (ค่า 2) ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะนำข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการหรือไม่ ช่องทำเครื่องหมายในกล่องโต้ตอบการสร้างโปรไฟล์จะปรากฏขึ้นและเลือกไว้โดยค่าเริ่มต้น ตัวเลือกนี้ใช้ได้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการเท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="USER_ALWAYS_SEPARATE_DATA_ENUM_NAME" /> (ค่า 3) ผู้ใช้จะไม่สามารถนำข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการได้ ช่องทำเครื่องหมายในกล่องโต้ตอบการสร้างโปรไฟล์จะไม่ปรากฏขึ้น
การนำข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการหมายความว่าโปรไฟล์ปัจจุบันจะได้รับการจัดการ โดยจะไม่มีการสร้างโปรไฟล์ใหม่
การไม่นำข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการหมายความว่าระบบจะสร้างโปรไฟล์เปล่าขึ้นมาใหม่ ข้อมูลการท่องเว็บก็จะยังอยู่ในโปรไฟล์ที่ไม่มีการจัดการ ซึ่งผู้ใช้จะยังเข้าถึงได้ผ่านเครื่องมือเลือกโปรไฟล์</translation>
<translation id="4668325077104657568">การตั้งค่าภาพเริ่มต้น</translation>
<translation id="4669083178278833688">กำหนดค่ากล้อง, การตั้งค่าเบราว์เซอร์, การตั้งค่าระบบปฏิบัติการ, ฟีเจอร์การสแกน, ฟีเจอร์ในเว็บสโตร์, ฟีเจอร์ใน Canvas, ฟีเจอร์การสำรวจ, ฟีเจอร์ Crosh, ฟีเจอร์แกลเลอรี และฟีเจอร์เทอร์มินัลที่จะปิดใช้</translation>
<translation id="4670865688564083639">ต่ำสุด:</translation>
<translation id="467236746355332046">ฟีเจอร์ที่ได้รับการสนับสนุน:</translation>
<translation id="4672774129073185053">เปิดใช้การลบล้างการตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงของ IPv6</translation>
<translation id="4674167212832291997">กำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ทุกครั้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings"
สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation>
<translation id="467449052039111439">เปิดรายการ URL</translation>
<translation id="4674542060943819878">เปิดใช้การปิดการแจ้งเตือนรหัสผ่านที่ถูกละเมิด</translation>
<translation id="4674871290487541952">อนุญาตอัลกอริทึมที่ไม่ปลอดภัยในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของการอัปเดตและการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="4680961954980851756">เปิดใช้งานการป้อนอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4685721728282448265">CECPQ2 ซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์หลังยุคควอนตัมที่เปิดใช้สำหรับ TLS</translation>
<translation id="468822697351680932">ใช้นโยบาย SiteList ของ Internet Explorer เป็นแหล่งที่มาของกฎ</translation>
<translation id="4693190628432874457">เปิดใช้การรายงานตำแหน่งของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4693779768620889402">ปลายทางตามส่วนขยาย</translation>
<translation id="4693861751987983072">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รายงานเมตริกการใช้งานและข้อมูลการวินิจฉัย รวมถึงรายงานข้อขัดข้อง กลับมาที่ Google การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัย
สำหรับอุปกรณ์ที่มีการจัดการ นโยบายนี้จะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นและส่งเมตริกไปยัง Google
สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ ผู้ใช้ตัดสินใจได้ว่าจะส่งเมตริกหรือไม่</translation>
<translation id="4694138212536142867">เปิดใช้การรายงานสถานะของฮาร์ดแวร์อุปกรณ์</translation>
<translation id="4697581738794063407">ควบคุมฟีเจอร์ตัวกรองพารามิเตอร์ของ URL</translation>
<translation id="4698895924806859508">ไม่รายงานเหตุการณ์ในเครือข่าย</translation>
<translation id="4699172675775169585">รูปภาพและไฟล์ที่แคชไว้</translation>
<translation id="4699592681017489215">นโยบายนี้กำหนดค่าการสลับในเครื่องที่จะใช้สำหรับการปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS ได้ การตรวจสอบจะพยายามหาว่าเบราว์เซอร์อยู่หลังพร็อกซีที่เปลี่ยนเส้นทางชื่อโฮสต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่
การตรวจจับนี้อาจไม่จำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อมแบบองค์กรที่รู้ค่ากำหนดของเครือข่าย เพราะการตรวจจับจะก่อให้เกิดปริมาณการจราจรของ DNS และ HTTP ในการเริ่มต้นและในการเปลี่ยนค่ากำหนด DNS แต่ละครั้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเปิดใช้ การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS จะทำงาน หากตั้งค่าอย่างชัดแจ้งว่าปิดใช้ การตรวจสอบจะไม่ทำงาน</translation>
<translation id="4700190441681139987">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ เข้าถึงเซ็นเซอร์</translation>
<translation id="4703402283970867140">เปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะเพื่อขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง</translation>
<translation id="4704958130749494760">ให้สิทธิ์เว็บไซต์ต่างๆ โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ซีเรียล USB</translation>
<translation id="4705329890928008808">การตั้งค่านโยบายเป็น CopyCaCerts ทำให้ใบรับรอง CA ที่ติดตั้งโดย ONC ที่มี <ph name="WEB_TRUSTED_BIT" /> ทั้งหมดพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
การตั้งค่าเป็น "ไม่มี" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ไม่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="4707142899480362007">การตั้งค่านโยบายนี้ทำให้คุณสามารถแสดงรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงอุปกรณ์ USB โดยอัตโนมัติสำหรับผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่กำหนดในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ รูปแบบแต่ละรายการต้องระบุทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> นโยบายจึงจะมีผล รูปแบบแต่ละรายการในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> อาจระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และ <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การไม่ระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่อง การไม่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่กำหนด นโยบายที่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่ระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล
โมเดลสิทธิ์ USB จะให้สิทธิ์ URL ที่ระบุในการเข้าถึงอุปกรณ์ USB เป็นต้นทางระดับบนสุด หากเฟรมแบบฝังจำเป็นต้องเข้าถึงอุปกรณ์ USB ควรใช้ส่วนหัว <ph name="FEATURE_POLICY_HEADER_NAME" /> ของ "usb" เพื่อให้สิทธิ์เข้าถึง URL ต้องใช้การได้ มิเช่นนั้น นโยบายจะไม่มีผล
เลิกใช้งาน: โมเดลสิทธิ์ USB ที่ใช้เพื่อรองรับการระบุทั้ง URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝัง เราเลิกใช้งานโมเดลนี้แล้วและรองรับเฉพาะความเข้ากันได้แบบย้อนหลังในลักษณะต่อไปนี้ ได้แก่ ในกรณีที่มีการระบุทั้ง URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝัง ระบบจะให้สิทธิ์แก่ URL ที่มีการฝังเป็นต้นทางระดับบนสุดและไม่พิจารณา URL ที่ส่งคำขอ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด (ไม่มีการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ)</translation>
<translation id="471360812659157054">window.webkitStorageInfo จะใช้งานไม่ได้</translation>
<translation id="4715773950737036924">ควบคุมความพร้อมใช้งานของส่วนขยายที่ไม่ได้เผยแพร่ใน Chrome เว็บสโตร์</translation>
<translation id="4722122254122249791">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจง</translation>
<translation id="4722761845551711583">กำหนดค่าช่วงเวลาเป็นวินาทีเพื่อแสดงรูปภาพเมื่อโปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอการเข้าสู่ระบบมีรูปภาพหลายรูปที่จะแสดง
ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1-9,999 วินาที การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 60 วินาที
นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ หากตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="4723829699367336876">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากไคลเอ็นต์ที่เข้าถึงจากระยะไกล</translation>
<translation id="4725528134735324213">เปิดใช้ Android Backup Service</translation>
<translation id="4725691087141147920">แสดงความยินยอมในการซิงค์ระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="4725801978265372736">กำหนดให้ชื่อผู้ใช้ในเครื่องและเจ้าของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องตรงกัน</translation>
<translation id="4726228171190098009">ไม่อนุญาตให้อุปกรณ์ขอทํา Powerwash</translation>
<translation id="4726895359147376813">การแมปจากรหัสถาวรไปยังการกําหนดค่า VM</translation>
<translation id="4732069502693984686">เปิดใช้การจับภาพหน้าจอโดยอัตโนมัติแบบหลายหน้าจอ</translation>
<translation id="4733471537137819387">นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ในตัว</translation>
<translation id="473673197014866318">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมการตั้งค่าการจัดการส่วนขยายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าที่ควบคุมโดยนโยบายเกี่ยวกับส่วนขยายที่มีอยู่ นโยบายนี้มีผลแทนนโยบายเดิมที่อาจมีการตั้งค่าไว้
นโยบายนี้จะจับคู่รหัสส่วนขยายหรือ URL อัปเดตกับการตั้งค่าที่เฉพาะเจาะจงของรายการนั้นๆ เท่านั้น คุณกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับรหัสพิเศษ <ph name="DEFAULT_SCOPE" /> ได้ ซึ่งระบบจะใช้กับส่วนขยายทั้งหมดที่ไม่มีการกำหนดค่าเองในนโยบายนี้ เมื่อใช้ URL อัปเดต ระบบจะใช้การกำหนดค่ากับส่วนขยายที่มี URL อัปเดตตรงกับที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย ( http://support.google.com/chrome/a?p=Configure_ExtensionSettings_policy ) หากตั้งค่าแฟล็ก "override_update_url" เป็น "จริง" ระบบจะติดตั้งและอัปเดตส่วนขยายโดยใช้ URL "อัปเดต" ที่ระบุในนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> หรือในช่อง "update_url" ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่สนใจแฟล็ก "override_update_url" หาก "update_url" คือ URL Chrome เว็บสโตร์
ในอินสแตนซ์ <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ในอินสแตนซ์ <ph name="MAC_OS_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นจัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="4739596156184678950">อนุญาตให้บันทึกไฟล์ไปยัง <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> โดยตรง</translation>
<translation id="4742973303930120836">จำกัดโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง</translation>
<translation id="4745232963710538589">เปิดใช้ส่วนขยายข้อมูลเชิงลึกสำหรับการรายงานเมตริกการใช้งาน</translation>
<translation id="4749670563834935149">เปิดใช้ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สำหรับรายการ URL ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก
การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุ URL ที่ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" จะเสนอเพื่อเริ่มโฟลว์เอกสารรับรอง นโยบายหลังจะช่วยให้เว็บไซต์เหล่านั้นได้รับชุดเอกสารรับรองของสัญญาณที่มีการคำนึงถึงบริบทจากอุปกรณ์
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือปล่อยว่างไว้จะทำให้เว็บไซต์ทั้งหมดไม่สามารถเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองหรือได้รับสัญญาณจากอุปกรณ์
นโยบายนี้จะส่งผลต่อโฟลว์เอกสารรับรองในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อกเท่านั้น หากต้องการเปลี่ยนโฟลว์เอกสารรับรองในเซสชัน โปรดใช้นโยบาย <ph name="CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format</translation>
<translation id="4752880493649142945">ใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับการเชื่อมต่อกับ RemoteAccessHostTokenValidationUrl</translation>
<translation id="475479145997699293">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ASK_FILE_HANDLING" /> จะทำให้เว็บแอปสามารถขอสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ประเภทต่างๆ ผ่าน File Handling API การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BLOCK_FILE_HANDLING" /> จะปฏิเสธการเข้าถึงไฟล์ประเภทต่างๆ
การไม่ตั้งค่าจะทำให้เว็บแอปสามารถขอสิทธิ์เข้าถึง แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4756953551789081500">ปิดใช้การรายงานสถานะการอัปเดตระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4757053978738874325">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโน
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่เอาต์พุตเสียงสเตอริโอซึ่งรวมช่องสัญญาณเสียงที่ต่างกันเพื่อให้หูคนละข้างได้รับเสียงที่ต่างกัน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดเสียงแบบโมโนไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดเสียงแบบโมโนไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เสียงโมโนในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="475736328056346227">เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยอนุญาตให้ข้อมูลจากแอปและบริการของ Google ปรากฏในแพลตฟอร์มระบบของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
ระบบจะแสดงการผสานรวมหากเปิดบริการของ Google ที่เกี่ยวข้องไว้
เมื่อปิดใช้ <ph name="CONTEXTUAL_GOOGLE_INTEGRATIONS_ENABLED" /> ระบบจะปิดใช้บริการทั้งหมด ไม่ว่าการตั้งค่าของนโยบายนี้จะเป็นอย่างไร
เมื่อเปิดใช้ <ph name="CONTEXTUAL_GOOGLE_INTEGRATIONS_ENABLED" /> หรือไม่ได้ตั้งค่า นโยบายนี้จะเลือกบริการได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้บริการทั้งหมด
หรือหากมีการตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้เฉพาะบริการที่เลือก</translation>
<translation id="4757563299858487173">ปิดใช้ฟีเจอร์</translation>
<translation id="4758335997982239449">เปิดใช้ฟีเจอร์การปกป้อง IP ของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /></translation>
<translation id="4767059955897420757">เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" การโปรโมตส่วนขยายผู้ให้บริการเอกสารสิทธิ์อาจแสดงให้ผู้ใช้เห็น
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" การโปรโมตส่วนขยายผู้ให้บริการเอกสารสิทธิ์จะไม่แสดงให้ผู้ใช้เห็น</translation>
<translation id="4768446404233019970">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส 3DES ใน TLS</translation>
<translation id="4770334626033858263">การกำหนดค่าที่ใช้เพื่อสร้างและยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง</translation>
<translation id="4773997835955617342">เปลี่ยนการกำหนดค่าที่แนะนำของ <ph name="KRB5_CONFIG" /> สำหรับตั๋วใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยตนเอง
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าของนโยบาย "KerberosCustomPrefilledConfig" เป็นการกำหนดค่าที่แนะนำ และแสดงในส่วน "ขั้นสูง" ของกล่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้การกำหนดค่าที่แนะนำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แทน โดยจะแสดงในส่วน "ขั้นสูง" ของกล่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos ด้วย</translation>
<translation id="4774030790286815890">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกใช้ฮับโทรศัพท์ซึ่งทำให้โต้ตอบกับโทรศัพท์ของตนในอุปกรณ์ Chrome OS ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้ฮับโทรศัพท์ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="4783415902268741066">อนุญาตให้แสดงหน้าผลการค้นหาล่าสุดของเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นในแผงด้านข้าง</translation>
<translation id="4786784434769279324">การดำเนินการที่เรียกใช้เมื่อไม่มีการใช้งานคอมพิวเตอร์</translation>
<translation id="4787763197941188108">ลบล้างขนาดหน้าการพิมพ์เริ่มต้น
<ph name="PAGE_SIZE_NAME" /> ควรมีรูปแบบที่อยู่ในรายการ 1 รูปแบบ หรือมีรูปแบบ "ที่กำหนดเอง" หากไม่มีขนาดกระดาษที่จำเป็นอยู่ในรายการ หากระบุค่า "ที่กำหนดเอง" ก็ควรระบุพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="PAGE_SIZE_CUSTOM_SIZE" /> ซึ่งอธิบายความสูงและความกว้างที่ต้องการเป็นไมโครเมตรด้วย มิเช่นนั้นก็ไม่ควรมีการระบุพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="PAGE_SIZE_CUSTOM_SIZE" /> ระบบจะไม่สนใจนโยบายที่ละเมิดกฎนี้
หากไม่มีขนาดหน้าดังกล่าวในเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้เลือก ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้</translation>
<translation id="4789450349513792856">บล็อกป๊อปอัปในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="4790391579868456557">ใช้คุกกี้ที่จำเป็นและไม่จำเป็นในการค้นหา</translation>
<translation id="4790588245699320140">อนุญาตให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอ</translation>
<translation id="4800438168909332958">เปิดใช้ฟีเจอร์การตัดเสียงก้อง (AEC) ของระบบ AEC ของระบบเป็นซอฟต์แวร์ตัดเสียงก้อง ซึ่งก็คือ โมดูลการประมวลผลเสียงที่นำการเล่นเสียง (เสียงก้อง) ของระบบออกจากสัญญาณไมโครโฟน
นโยบายนี้มีผลชั่วคราวและจะเลิกใช้งานทันทีที่มีการเปิดตัวฟีเจอร์การตัดเสียงก้องของระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" การตัดเสียงก้องของระบบจะเปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การตัดเสียงก้องของระบบอาจยังคงเปิดใช้ตามแผนการเปิดตัว แต่นโยบายนี้จะไม่ได้บังคับใช้</translation>
<translation id="4800865664096110749">เปิดใช้โฟลว์เอกสารรับรองของ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สําหรับรายการ URL ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="4801512016965057443">อนุญาตการโรมมิ่งข้อมูลมือถือ</translation>
<translation id="4801647366128872782">ระบุ URL ที่อนุญาตให้ใช้รายงานเทคโนโลยีเดิม</translation>
<translation id="4802744647065138872">จำกัดจำนวนสแนปชอตข้อมูลผู้ใช้ที่เก็บรักษาไว้สำหรับใช้ในกรณีที่ต้องทำการย้อนกลับฉุกเฉิน</translation>
<translation id="4802905909524200151">กำหนดค่าพฤติกรรมอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /></translation>
<translation id="4804828344300125154">รีบูตทุกครั้งเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="4807950475297505572">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดจะถูกลบจนกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation>
<translation id="4812270373673968774">การตั้งค่านโยบายเป็น "เสมอ" จะซ่อนแถบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> โดยอัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่เลย" จะแสดงแถบดังกล่าวเสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะซ่อนแถบดังกล่าวโดยอัตโนมัติหรือไม่</translation>
<translation id="4812309945046430049">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีแดง</translation>
<translation id="4812714598405913256">กำหนดค่าข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติสำหรับนโยบาย DeviceMinimumVersion</translation>
<translation id="4815581264328351694">แสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบ</translation>
<translation id="4816674326202173458">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นทั้งผู้ใช้หลักและรอง (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ)</translation>
<translation id="4819906370830175867">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะช่วยให้ Native Client ทำงานต่อไปได้แม้ว่าลักษณะการทำงานเริ่มต้นจะเป็น Native Client ถูกปิดใช้อยู่
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้น</translation>
<translation id="4820432864264617413">ป้องกันไม่ให้ <ph name="BOREALIS_NAME" /> ทำงานสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4821987881803903281">บล็อกสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่างในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="4825777333376170738">ปิดใช้การรายงานเซสชันคีออสก์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4826326557828204741">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="4826701474986856664">แสดงหน้าจอเซ็นเซอร์ตรวจหาบุคคลในบ้านระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="4827727182370777723">การตั้งค่าเริ่มต้นของสิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่อง</translation>
<translation id="482803100714220060">แสดง URL แบบเต็ม</translation>
<translation id="4832852360828533362">การรายงานผู้ใช้และอุปกรณ์</translation>
<translation id="4834526953114077364">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบภายใน 3 เดือนที่ผ่านมาจะถูกลบจากกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation>
<translation id="4835470005923546373">ปิดใช้โหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="4835622243021053389">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ NTLMv2</translation>
<translation id="4840015507504937941">นโยบายนี้ตั้งค่าข้อมูลขนาดเล็ก (หน่วยไบต์) สำหรับข้อมูลในคลิปบอร์ดที่จะได้รับการตรวจสอบกับกฎข้อจำกัดของคลิปบอร์ดที่กำหนดไว้ในนโยบาย DataLeakPreventionRulesList
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 0 ซึ่งหมายความว่าการวางข้อมูลทั้งหมดจากคลิปบอร์ดจะได้รับการตรวจสอบตามกฎที่กำหนดค่าไว้</translation>
<translation id="4846678215172543001">นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้แสดงคำเตือน URL ที่คล้ายกันบนเว็บไซต์ที่ระบุไว้ คำเตือนเหล่านี้จะแสดงเป็นปกติบนเว็บไซต์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อว่าอาจกำลังพยายามปลอมแปลงเว็บไซต์อื่นที่ผู้ใช้คุ้นเคย
หากเปิดใช้นโยบายและตั้งค่าให้ใช้กับหนึ่งโดเมนขึ้นไป จะไม่มีการแสดงคำเตือนหน้าที่คล้ายกันเมื่อผู้ใช้เข้าชมหน้าเว็บไซต์บนโดเมนนั้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าให้ใช้กับรายการที่ว่างเปล่า คำเตือนอาจปรากฏขึ้นบนหน้าเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชม
อนุญาตชื่อโฮสต์ที่ตรงกับโฮสต์ทุกประการหรือตรงกับโดเมนใดๆ ก็ได้ เช่น อาจระงับคำเตือน URL อย่าง "https://foo.example.com/bar" หากมี "foo.example.com" หรือ "example.com" อยู่ในรายการ</translation>
<translation id="4852900976354340846">การตั้งค่า Direct Sockets</translation>
<translation id="485419696366295465">ควบคุมนโยบายที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อย <ph name="BOREALIS_NAME" /></translation>
<translation id="4855636880814771207">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดบลูทูธได้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดบลูทูธ และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้
หมายเหตุ: ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบและลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งจึงจะเปิดบลูทูธได้</translation>
<translation id="4856471929724652373">รายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ เช่น สถานะการอัปเดต เวอร์ชันของแพลตฟอร์ม การตรวจสอบอัปเดตครั้งล่าสุด การรีบูตครั้งล่าสุด
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="4857223512478723171">ไม่อนุญาตให้ใช้โหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="4857888176748302062">อนุญาตให้ต้นทางค้นหาแอตทริบิวต์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4858735034935305895">อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="4860900625632464759">อนุญาตให้ผู้ใช้ซิงค์ข้อความ SMS ระหว่างโทรศัพท์กับ Chromebook</translation>
<translation id="486146220825734683">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้จดจำรหัสผ่าน Kerberos</translation>
<translation id="4861767323695239729">กำหนดค่าวิธีการป้อนข้อมูลที่อนุญาตในเซสชันผู้ใช้</translation>
<translation id="4872803921706580974">เปิดใช้การแสดงหน้าจอเซ็นเซอร์ตรวจหาบุคคลในบ้านระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="4873380469296842901">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์อยู่แล้วจะส่ง/รับการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ใน Chrome OS ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ หากปิดใช้นโยบาย PhoneHubAllowed ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เช่นกัน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation>
<translation id="487460824085252184">ย้ายข้อมูลอัตโนมัติโดยไม่ขอคำยินยอมจากผู้ใช้</translation>
<translation id="4874982543810021567">บล็อก WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="4876805738539874299">เปิดใช้เวอร์ชันสูงสุดของ SSL ไว้</translation>
<translation id="4877305769899044884">สีเริ่มต้นสำหรับไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="4886783562285047261">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะบังคับให้มีการลงทะเบียน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> และบล็อกกระบวนการเปิดตัว <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากไม่สำเร็จ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะแสดง <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> เป็นไม่บังคับและจะไม่บล็อกกระบวนการเปิดตัว <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากไม่สำเร็จ
การลงทะเบียนนโยบายระบบคลาวด์ตามขอบเขตของเครื่องบนเดสก์ท็อปจะใช้นโยบายนี้ ดูรายละเอียดที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/9301891?ref_topic=9301744</translation>
<translation id="4889589161838982604">ควบคุมสถานะของฟีเจอร์ <ph name="DBSC_FEATURE_NAME" />
<ph name="DBSC_FEATURE_NAME" /> ปกป้องคุกกี้การตรวจสอบสิทธิ์ของ Google จากการโจรกรรมคุกกี้ด้วยการส่งหลักฐานการครอบครองอุปกรณ์แบบเข้ารหัสให้กับเซิร์ฟเวอร์ของ Google เป็นประจำ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ <ph name="DBSC_FEATURE_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ <ph name="DBSC_FEATURE_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำตามขั้นตอนการเปิดตัวเริ่มต้นสำหรับฟีเจอร์ <ph name="DBSC_FEATURE_NAME" /> ซึ่งหมายความว่าฟีเจอร์นี้จะทยอยเปิดตัวแก่ผู้ใช้จำนวนมากขึ้น</translation>
<translation id="488996881569316769">การวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเครือข่าย</translation>
<translation id="4890453377345554695">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_WRITE_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_WRITE_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="4892647988357350237">โดยค่าเริ่มต้น ข้อกำหนดในการให้บริการจะแสดงเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> จะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการไม่แสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรกหรือการเรียกใช้ครั้งต่อๆ ไป การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="STANDARD_TOS_DIALOG" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการแสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรก ข้อสำคัญอื่นๆ ได้แก่
- นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Android ซึ่งมีการจัดการครบวงจรที่กำหนดค่าได้โดยผู้ให้บริการการจัดการปลายทางแบบรวม (Unified Endpoint Management)
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> นโยบาย BrowserSignin จะไม่มีผล
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> ระบบจะไม่ส่งเมตริกต่างๆ ไปยังเซิร์ฟเวอร์
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> เบราว์เซอร์จะมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> ผู้ดูแลระบบต้องแจ้งข้อมูลนี้กับผู้ใช้ปลายทางของอุปกรณ์</translation>
<translation id="489803897780524242">พารามิเตอร์ที่ควบคุมตำแหน่งข้อความค้นหาสำหรับผู้ให้บริการค้นหาในค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="4899708173828500852">เปิดใช้ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="4906194810004762807">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายอุปกรณ์</translation>
<translation id="49093841899738146">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google เช่น Hangouts Meet และอัปโหลดบันทึกไปยัง Google ได้ บันทึกเหล่านี้มีข้อมูลการวินิจฉัยสำหรับแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการประชุมด้วยเสียงหรือการประชุมทางวิดีโอใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น เวลาและขนาดของแพ็กเก็ต RTP, ผลป้อนกลับเกี่ยวกับความหนาแน่นในเครือข่าย ตลอดจนข้อมูลเมตาเกี่ยวกับระยะเวลาและคุณภาพของเสียงและเฟรมของวิดีโอ บันทึกเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาเสียงหรือวิดีโอจากการประชุม เพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ง่ายขึ้น Google อาจเชื่อมโยงบันทึกเหล่านี้ (โดยใช้รหัสเซสชัน) กับบันทึกอื่นๆ ที่บริการของ Google รวบรวมไว้เอง
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะส่งผลให้ไม่มีการรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกดังกล่าว
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในเวอร์ชันตั้งแต่ M76 ลงมา โดยค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกเหล่านี้ไม่ได้ เริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน M77 ขึ้นไป ค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมและอัปโหลดบันทึกเหล่านี้ได้จากโปรไฟล์ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายองค์กรในระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์ ตั้งแต่เวอร์ชัน M77 ขึ้นไปจนถึงเวอร์ชัน M80 โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมและอัปโหลดบันทึกเหล่านี้ได้จากโปรไฟล์ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดการภายในองค์กรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="4911334289324462969">พอร์ต 989 (เลิกบล็อกได้จนถึง 01/02/2022)</translation>
<translation id="4917385247580444890">แรง</translation>
<translation id="4918261735182294270">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเปิดใช้ <ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> หรือไม่</translation>
<translation id="491889618361437456">เปิดใช้การผสานรวม "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />"</translation>
<translation id="4919122295221518724">เปิดใช้การดูแลที่เข้มงวดขึ้นสำหรับเนื้อหาผสม</translation>
<translation id="4921553515199936667">หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" การถอดรหัสวิดีโอจะเร่งฮาร์ดแวร์เมื่อพร้อมใช้งาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" การถอดรหัสวิดีโอจะไม่เร่งฮาร์ดแวร์
ไม่แนะนำให้ปิดใช้การถอดรหัสวิดีโอที่มีการเร่งฮาร์ดแวร์เนื่องจากจะทำให้โหลดของ CPU มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์และการใช้แบตเตอรี่</translation>
<translation id="4922136799178503494">บล็อกการใช้พื้นที่แชร์ไฟล์ในเครือข่าย</translation>
<translation id="4923806312383904642">อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation>
<translation id="4924377847308623325">ป้องกันประเภทคำขอ DNS เพิ่มเติม</translation>
<translation id="492685741837024549">บังคับให้ Native Client (NaCl) ได้รับอนุญาตให้ทำงาน</translation>
<translation id="4927214690104703256">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดส่วนขยายที่ใช้ฟังก์ชันการทำงาน <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับเอกสารรับรองระยะไกลได้ ส่วนขยายต้องอยู่ในรายการนี้เพื่อใช้ API ดังกล่าว
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่มีการตั้งค่ารายการไว้ จะเรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="4927563541997547">แป้นพิมพ์เสมือนจะปรับขนาดวิวพอร์ตของเลย์เอาต์โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="4927797103413916381">หาก <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="ABUSIVE_EXPERIENCE_INTERVENTION_ENFORCE_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือการไม่ตั้งค่าก็จะป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่
การตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="ABUSIVE_EXPERIENCE_INTERVENTION_ENFORCE_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation>
<translation id="4929721861648439998">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
ฟีเจอร์นี้ทำให้สลับโหมดของอุปกรณ์จากโหมดเสียงสเตอริโอที่เป็นค่าเริ่มต้นไปเป็นโหมดเสียงโมโนได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" โหมดเสียงโมโนจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โหมดเสียงโมโนจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้โหมดเสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4933301190614090397">ควบคุมระยะเวลา (เป็นวินาที) ที่อนุญาตให้มีคำขอ Keepalive เมื่อปิดเบราว์เซอร์
เมื่อระบุ จะมีการบล็อกไม่ให้ปิดเบราว์เซอร์จนถึงจำนวนวินาทีที่ระบุเพื่อประมวลผลคำขอ Keepalive (https://fetch.spec.whatwg.org/#request-keepalive-flag)
ค่าเริ่มต้น (0) หมายถึงฟีเจอร์นี้ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="4937423591320233496">ปิดใช้เนื้อหาที่แนะนำ</translation>
<translation id="4942096314850617489">ปิดใช้เอกสารรับรองระยะไกลสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4942681160308347946">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอดังกล่าว
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที ฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การอธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SPOKEN_FEEDBACK_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="4945419595339133946">ระบุว่าข้อมูลระบบ (เช่น เวอร์ชัน Chrome OS, หมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์) แสดง (หรือซ่อน) เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ข้อมูลระบบจะถูกบังคับให้แสดง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ข้อมูลระบบจะถูกบังคับให้ซ่อน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การทำงานเริ่มต้น (แสดงสำหรับ Canary/เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา) ผู้ใช้สลับการมองเห็นตามการทำงานเฉพาะได้ (เช่น Alt-V)</translation>
<translation id="494613465159630803">Cast Receiver</translation>
<translation id="494924690085329212">รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android เริ่มต้นแล้ว</translation>
<translation id="4950447493143157880">ไม่ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว</translation>
<translation id="4954185885991137927">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดการรายงานแบบขยายของ Google Safe Browsing ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการส่งรายงาน
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะส่งรายงานหรือไม่
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation>
<translation id="4954352279763128540">เพิ่มโดเมนที่กรอกไว้ล่วงหน้าลงในกล่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos
หากตั้งค่านโยบายนี้ ช่อง "ชื่อผู้ใช้ Kerberos" จะแสดงโดเมนที่กรอกไว้ล่วงหน้าทางด้านขวา หากผู้ใช้ป้อนชื่อผู้ใช้ ระบบจะเชื่อมโยงกับโดเมนที่กรอกไว้ล่วงหน้าดังกล่าว หากผู้ใช้ป้อนข้อมูลที่มี "@" โดเมนที่กรอกไว้ล่วงหน้าจะไม่แสดงและไม่ส่งผลต่อการป้อนข้อมูลนั้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่แสดงข้อมูลเพิ่มเติมและการสร้างตั๋วจะทำงานตามปกติ</translation>
<translation id="4955566229684195326">การตั้งค่านี้อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างและใช้โปรไฟล์รอง และใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่สามารถสร้างหรือใช้โปรไฟล์รองและโหมดผู้มาเยือนได้ ซึ่งคล้ายกับทั้งนโยบาย <ph name="BROWSER_ADD_PERSON_ENABLED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="BROWSER_GUEST_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> โปรไฟล์รองที่สร้างก่อนหน้านี้ (หากมี) จะใช้ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ผู้ใช้จะสามารถสร้างและใช้โปรไฟล์รองรวมถึงโหมดผู้มาเยือนได้
โปรดทราบว่าหากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แต่ตั้งค่า <ph name="BROWSER_ADD_PERSON_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะสร้างโปรไฟล์รองไม่ได้ และการตั้งค่าดังกล่าวจะทำงานเหมือนกันสำหรับนโยบาย <ph name="BROWSER_GUEST_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> กับโหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="4960597185231686653">ธงบูลีนที่ระบุว่าแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะมีฟีเจอร์การป้อนข้อมูลด้วยเสียงหรือไม่</translation>
<translation id="4970046075219007744">อนุญาตให้เว็บแอปขอสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ประเภทต่างๆ จากผู้ใช้ผ่าน File Handling API</translation>
<translation id="4970855112942626932">ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="4974091268178043378">โหมดสีสำหรับ ChromeOS</translation>
<translation id="4978533099939732984">แสดงคำเตือนพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อยเสมอ</translation>
<translation id="4979714585847741269">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าเว็บแอปคีออสก์สามารถเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์อื่นขึ้นมาอีกในหน้าจอเดียวกันหรือในหน้าจออื่นก็ได้ ในการเปิดหน้าต่างใหม่ เว็บแอปควรเรียกใช้ฟังก์ชัน JavaScript <ph name="OPEN_NEW_WINDOW_JS" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทําให้เว็บแอปคีออสก์ใช้เฉพาะหน้าต่างเบราว์เซอร์หลักและไม่สามารถเปิดหน้าต่างใหม่ได้ ระบบจะละเว้นการเรียกใช้ฟังก์ชัน JavaScript สําหรับการเปิดหน้าต่างใหม่</translation>
<translation id="4980635395568992380">ประเภทข้อมูล:</translation>
<translation id="4981523774025330439">ใบรับรอง TLS ที่ไม่น่าเชื่อถือหรือเชื่อถือไม่ได้แต่สามารถใช้ในการสร้างเส้นทางเพื่อการตรวจสอบสิทธิ์เซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="4981831669478419057">ฟีเจอร์รายการช็อปปิ้งจะไม่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4983201894483989687">อนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอินที่เก่าแล้ว</translation>
<translation id="4986560318567565414">เส้นทางไปยัง Chrome เพื่อเปลี่ยนจากเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="4987813583395474995">หากตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" ระบบจะสามารถใช้ U2F Security Key API ที่เลิกใช้งานไปแล้ว และจะไม่มีการแสดงข้อความแจ้งเตือนการเลิกใช้งานสำหรับคำขอ U2F API
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้น
U2F Security Key API เลิกใช้งานไปแล้วและจะถูกปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน Chrome 98
โดยเป็นกลไกการเลือกไม่ใช้แบบชั่วคราว ระบบจะนำ U2F API ออกจาก Chrome ใน Chrome 104 ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นนโยบายนี้จะใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกใช้งาน U2F Security Key API ได้ที่ https://groups.google.com/a/chromium.org/g/blink-dev/c/xHC3AtU_65A</translation>
<translation id="4988291787868618635">การทำงานที่ต้องทำเมื่อถึงระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="4991786313466977061">ควบคุมระดับการมองเห็นการติดป้ายองค์กร</translation>
<translation id="4995123966071996433">ไม่อนุญาตให้ส่งต่อพอร์ตไปยังเครื่องเสมือนใน Linux</translation>
<translation id="4996068111491152684">ระบบจะไม่ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย</translation>
<translation id="4996086761250834365">อนุญาตการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ของ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="4996161752665479028">เปิดใช้ SSH ในแอประบบเทอร์มินัล</translation>
<translation id="499654521603185442">การรายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์</translation>
<translation id="4997074784107449343">ตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพจะมีค่าเริ่มต้นเป็นไม่ได้ตั้งค่าสำหรับตัวอย่างก่อนพิมพ์เอกสาร PDF เมื่อพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="500149597848135831">เปิดใช้รูปแบบทั้งหมด</translation>
<translation id="5006222080181284191">ควบคุมการเปิดใช้ฟีเจอร์ "ช่วยฉันเขียน" ของ ChromeOS</translation>
<translation id="5017157692744444035">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุเครื่องหรือไม่ เช่น ชื่อเครื่องและที่อยู่ของเครือข่าย
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น</translation>
<translation id="5017369989680827157">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าให้ผู้ใช้ควบคุมการป้อนที่อยู่อัตโนมัติใน UI ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าการป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลที่อยู่ และจะไม่บันทึกข้อมูลที่อยู่อื่นๆ ที่ผู้ใช้ส่งขณะท่องเว็บ</translation>
<translation id="5017691827598069017">เปิดใช้การจับคู่ด่วน (การจับคู่บลูทูธด่วน)</translation>
<translation id="5021550478471824215">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายซึ่งกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ละรายการย่อยคือออบเจ็กต์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ 2 รายการ ได้แก่ <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /> และ <ph name="MODE_FIELD_NAME" />
URL พื้นที่แชร์ควรเป็น <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" />
สำหรับ <ph name="MODE_FIELD_NAME" /> ควรเป็น <ph name="MODE_ENUM_DROP_DOWN" /> หรือ <ph name="MODE_ENUM_PRE_MOUNT" />
* <ph name="MODE_ENUM_DROP_DOWN" /> บ่งชี้ว่าจะมีการเพิ่ม <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /> ลงในรายการการสำรวจพื้นที่แชร์
* <ph name="MODE_ENUM_PRE_MOUNT" /> บ่งชี้ว่าจะมีการต่อเชื่อม <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /></translation>
<translation id="5025239932007658691">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ส่งการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เป็นครั้งคราวเพื่อเรียกการประทับเวลาที่ถูกต้อง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ให้ส่งการค้นหาเหล่านี้</translation>
<translation id="5030415914668947893">อนุญาตการรวบรวมเมตริกซึ่งผูกกับ URL</translation>
<translation id="5033070732967197381">อนุญาตคำขอ WebAuthn API ในเว็บไซต์ที่มีใบรับรอง TLS ไม่ถูกต้อง</translation>
<translation id="5034504101537897433">เปิดใช้การรายงานรายละเอียดข้อขัดข้องของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5036013147560568855">เวอร์ชันของโปรโตคอลการจัดสรรใบรับรอง ค่าเริ่มต้นคือ 1 1 คือโปรโตคอล "คงที่" 2 คือโปรโตคอล "ไดนามิก"</translation>
<translation id="5037749623252479780">ปิดการตั้งค่า PageUp/PageDown</translation>
<translation id="5039110755072335605">การรองรับส่วนหัวของคำขอที่ไม่มีไวลด์การ์ดสำหรับ CORS</translation>
<translation id="504116558738617678">แสดงคำเตือนพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อยเฉพาะในกรณีที่อุปกรณ์ไม่มีการจัดการหรือมีผู้ใช้เพียงคนเดียว</translation>
<translation id="5041315457555330432">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในที่อยู่ IP ส่วนตัวเท่านั้น เว้นแต่จะเปิดฟีเจอร์ CastAllowAllIPs ไว้</translation>
<translation id="504689994545234073">เปิดใช้การจัดเก็บไฟล์ของผู้ใช้ในเครื่อง</translation>
<translation id="5055474681190962362">วันที่ของเดือน [1-31] ที่ควรมีการรีบูต โดยตีความในเขตเวลาท้องถิ่นของอุปกรณ์ ใช้เมื่อ "frequency" เท่ากับ "MONTHLY" เท่านั้น หากต้องการระบุจำนวนที่มากกว่าจำนวนวันสูงสุดในเดือนหนึ่งๆ ให้เลือกวันสุดท้ายของเดือน</translation>
<translation id="5056708224511062314">ปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ</translation>
<translation id="5058573563327660283">เลือกกลยุทธ์ที่ใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างของดิสก์ระหว่างการล้างข้อมูลอัตโนมัติ (เลิกใช้แล้ว)</translation>
<translation id="5061114193960158745">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะไม่ทำให้มีการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎ กฎที่ตรงกันจะไม่เปิดเบราว์เซอร์สำรอง ซึ่งต่างจากนโยบาย <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" /> ที่กฎต่างๆ จะใช้กับทั้ง 2 ทาง เมื่อ Add-in ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ ก็จะเป็นตัวควบคุมด้วยว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ควรเปิด URL เหล่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ
โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย</translation>
<translation id="5063480226653192405">การใช้</translation>
<translation id="5067143124345820993">ลงชื่อเข้าใช้รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาต</translation>
<translation id="50689955292091946">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5069522005630249098">การตั้งค่านี้เป็นตัวกำหนดปริมาณข้อมูลผู้ใช้ที่ระบบจะเก็บไว้หลังจากปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_BACKWARD_MIGRATION_NONE" /> หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่ดำเนินการย้ายข้อมูลย้อนหลัง
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_BACKWARD_MIGRATION_KEEP_NONE" /> ระบบจะนำข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดออก ตัวเลือกนี้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_BACKWARD_MIGRATION_KEEP_SAFE_DATA" /> ระบบจะนำข้อมูลผู้ใช้ส่วนใหญ่ออก โดยจะเก็บเฉพาะไฟล์ที่ไม่เกี่ยวกับเบราว์เซอร์ (เช่น ไฟล์ที่ดาวน์โหลด)
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_BACKWARD_MIGRATION_KEEP_ALL" /> ระบบจะเก็บข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด ตัวเลือกนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลวและต้องทำการ Powerwash เพื่อกู้คืน</translation>
<translation id="5071303485174858500">ปิดใช้เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแบบจำกัด</translation>
<translation id="5073609397321802133">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หน้าแท็บใหม่จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งพื้นหลัง ระบบจะนำพื้นหลังที่กำหนดเองที่มีอยู่ทั้งหมดออกอย่างถาวร แม้จะมีการตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ในภายหลัง
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังในหน้าแท็บใหม่ได้</translation>
<translation id="5073788301065423829">นโยบายนี้จะเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ "ช่วยฉันเขียน" ใน ChromeOS
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ "ช่วยฉันเขียน"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ "ช่วยฉันเขียน"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ "ช่วยฉันเขียน" ในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการและปิดใช้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการโดยองค์กร</translation>
<translation id="5076953589932162038">การตั้งค่าชุดบุคคลที่หนึ่ง</translation>
<translation id="5078623750797048009">เปิดใช้คำอธิบายประกอบ PDF</translation>
<translation id="5080300140183363718">การตั้งค่าการย้ายข้อมูลการแยกโปรไฟล์</translation>
<translation id="5081204761483900654">เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแบบจำกัด</translation>
<translation id="5082296146261894974">อนุญาตให้ผู้ใช้คลิกการแจ้งเตือนฮับโทรศัพท์เพื่อเปิดแอปพลิเคชัน Eche</translation>
<translation id="5082572440690475059">อนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านผ่าน File System API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5085647276663819155">ปิดใช้งานหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="5087932158260897375">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การรายงานข้อมูลการวินิจฉัยความเสถียรของโดเมนและจะไม่ส่งข้อมูลไปยัง Google
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า การรายงานข้อมูลการวินิจฉัยความเสถียรของโดเมนจะเป็นไปตามลักษณะการทำงานของ MetricsReportingEnabled สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือ DeviceMetricsReportingEnabled สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5090791951240382356">อนุญาตให้รวมนโยบายพจนานุกรมจากแหล่งที่มาต่างๆ</translation>
<translation id="5091315650312105069">อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />สำหรับ HTTP</translation>
<translation id="5093603777978346818">อย่าเปิดใช้โปรแกรมรักษาหน้าจอในหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="5099239365323299669">ตั้งแต่ M106 จะไม่รองรับโควต้าถาวรอีกต่อไป นโยบายนี้จะเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของโควต้าถาวรอีกครั้งจนถึง M107
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" webkitRequestFileSystem ที่มีประเภทเป็นถาวรจะทำงานด้วยโควต้าถาวร
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือปิดใช้ไว้ webkitRequestFileSystem ที่มีประเภทเป็นถาวรจะทำงานด้วยโควต้าชั่วคราว
</translation>
<translation id="5105313908130842249">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="510604120100968366">เปิดใช้ฟีเจอร์เสียงเตือนแบตเตอรี่ต่ำ
ฟีเจอร์นี้จะทำหน้าที่ส่งเสียงเตือนแบตเตอรี่ต่ำ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะส่งเสียงเตือนแบตเตอรี่ต่ำเมื่อระดับแบตเตอรี่หรือเวลาใช้งานที่เหลือลดลงต่ำกว่าเกณฑ์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่ส่งเสียงเตือนเมื่อแบตเตอรี่ต่ำ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ในตอนแรกฟีเจอร์นี้จะปิดใช้สำหรับผู้ใช้ในปัจจุบัน หรือเปิดใช้สำหรับผู้ใช้ใหม่ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่มีการจัดการ แต่ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="5108031557082757679">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation>
<translation id="5109383437323376357">กำหนดความพร้อมใช้งานของรูปแบบต่างๆ</translation>
<translation id="5109866581154565900">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงหน้าจอทิศทางการเลื่อนของทัชแพดต่อผู้ใช้หรือไม่ระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หน้าจอทิศทางการเลื่อนของทัชแพดจะไม่แสดง
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หน้าจอทิศทางการเลื่อนของทัชแพดจะแสดงขึ้น</translation>
<translation id="5110138546901711282">ควบคุมแป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ ซึ่งทำหน้าที่เป็นนโยบายเสริมของนโยบาย <ph name="VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" />
หากเปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ นโยบายนี้จะไม่มีผล
หากไม่ได้เปิดใช้ นโยบายนี้จะมีผลในหน้าจอการเข้าสู่ระบบดังต่อไปนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ แป้นพิมพ์เสมือนจะแสดงตามการเรียนรู้เริ่มต้นของระบบ เช่น มีการเชื่อมต่อแป้นพิมพ์หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์เสมือนจะแสดงเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์เสมือนจะไม่แสดง
แป้นพิมพ์เสมือนอาจเปลี่ยนเป็นรูปแบบกะทัดรัดขึ้นอยู่กับวิธีการป้อนข้อมูล</translation>
<translation id="5117533544648311089">ให้คุณระบุค่ากำหนดสำหรับ URL การตรวจสอบสิทธิ์ใน "<ph name="WEBVIEW_PRODUCT_NAME" />" ได้
"<ph name="WEBVIEW_PRODUCT_NAME" />" จะดำเนินการกับ URL การตรวจสอบสิทธิ์เหล่านี้เป็นพิเศษ ซึ่งทำให้ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์เมื่อมีการนำทางหน้าเว็บใน "<ph name="WEBVIEW_PRODUCT_NAME" />" ไปยัง URL ดังกล่าว ระบบจะเปิดแอป Authenticator ของผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัวที่เกี่ยวข้องขึ้นมาที่สามารถจัดการ URL การตรวจสอบสิทธิ์นี้ได้
ผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัวจะใช้ขั้นตอนการเปิดแอป Authenticator ดังกล่าวเพื่อเปิดใช้กรณีการใช้งานต่างๆ เช่น การให้บริการ SSO ในแอป หรือการรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นโดยการรวบรวมสัญญาณของอุปกรณ์ Zero Trust เพื่อให้ทราบลักษณะการทำงานด้านความปลอดภัยของอุปกรณ์ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์
หากไม่ติดตั้งแอปที่ใช้จัดการ URL การตรวจสอบสิทธิ์ได้ไว้ในอุปกรณ์ ระบบจะนำทางต่อใน "<ph name="WEBVIEW_PRODUCT_NAME" />"
รูปแบบ URL การตรวจสอบสิทธิ์ต้องเป็นไปตาม https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format
</translation>
<translation id="5118635822783657217">ปิดใช้การอัปเดตสำหรับคอมโพเนนต์ที่ไม่สำคัญ</translation>
<translation id="5120168808610189805">เปิดใช้การนำเข้าหน้าแรกเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="5124368997194894978">เปิดใช้การบูตด้วย AC (ไฟฟ้ากระแสสลับ)</translation>
<translation id="5130213897914754028">ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ต่างๆ ใช้ SharedArrayBuffers</translation>
<translation id="5130935469849337738">เสนอการแปลทุกครั้ง</translation>
<translation id="5138579693170759139">นโยบายนี้ให้ผู้ดูแลระบบควบคุมวิธีที่ Google ประมวลผลคุกกี้และข้อมูลที่ส่งไปยัง Search ผ่าน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้
เมื่อเปิดใช้นโยบาย ผู้ใช้จะใช้ช่องค้นหาใน Launcher ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และช่องที่อยู่ของเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ ระบบอาจใช้คุกกี้และข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ที่จำเป็นเท่านั้น
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือปิดใช้ไว้ ระบบอาจใช้คุกกี้และข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่จำเป็น</translation>
<translation id="5141670636904227950">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอเริ่มต้นที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5142301680741828703">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้ใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="5148753489738115745">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่จะนำมาใช้เมื่อ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> เปิดใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ คำสั่งที่เป็นค่าเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้</translation>
<translation id="5151099177901233471">เปิดใช้การรายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5152393033264257734">อนุญาตการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation>
<translation id="5152787786897382519">ทั้ง Chromium และ Google Chrome ต่างก็มีกลุ่มนโยบายที่พึ่งพากันและกันเพื่อให้การควบคุมฟีเจอร์หนึ่งๆ ชุดเหล่านี้แสดงด้วยกลุ่มนโยบายต่อไปนี้ เนื่องจากนโยบายมีแหล่งที่มาได้หลายแหล่ง ระบบจึงจะใช้เฉพาะค่าที่มาจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด และจะไม่สนใจค่าที่มาจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญต่ำในกลุ่มเดียวกัน ลำดับความสำคัญกำหนดไว้ใน <ph name="POLICY_PRIORITY_DOC_URL" /></translation>
<translation id="5153187201534281749">ไอคอนการทดสอบเบราว์เซอร์แถบเครื่องมือ</translation>
<translation id="5159674159887919923">อย่าส่งข้อมูลฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมบน ChromeOS Flex</translation>
<translation id="5163002264923337812">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า</translation>
<translation id="5163889437570441600">อนุญาตให้แคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์โดยใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ไม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จริง" ผู้ใช้จะแคสต์เนื้อหาได้ และหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ Chrome OS ที่ลงทะเบียนไว้ แต่จะแคสต์ไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนได้</translation>
<translation id="5164141068091580679">เปิดใช้ฟีเจอร์และส่งข้อมูลเพื่อช่วยฝึกโมเดล AI</translation>
<translation id="516520353995300280">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้การบังคับใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายชื่อผู้ออกใบรับรอง (CA) เดิมของกลุ่มใบรับรองซึ่งมีแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่ระบุ โฮสต์ที่เป็นองค์กรจะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ หากต้องการปิดใช้การบังคับใช้ แฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ต้องแสดงในใบรับรอง CA ที่ถือว่าเป็น CA เดิม โดย CA เดิม คือ CA ที่ได้รับความเชื่อถือต่อสาธารณะจากระบบปฏิบัติการอย่างน้อย 1 ระบบซึ่งรองรับโดย <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ไม่ใช่โครงการโอเพนซอร์ส Android หรือ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
ระบุแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช เครื่องหมายทับ และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ระบบรู้จักอัลกอริทึมของแฮชเพียงรายการเดียวนั่นคือ sha256 และจะไม่สนใจอัลกอริทึมของแฮชอื่นๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น</translation>
<translation id="5168529971295111207">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ให้ใช้ ProxyMode แทน
ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี
นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อไม่มีการระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
หากคุณเลือกที่จะไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง คุณจะระบุตัวเลือกอื่นๆ ได้ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์", "URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" มีเฉพาะพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่
<ph name="PROXY_HELP_URL" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีเองได้</translation>
<translation id="5170018694841697392">ไม่บังคับใช้ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยใน Google Search</translation>
<translation id="5172841243186654432">หากไม่ตั้งค่านโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> ให้กู้คืน URL จากเซสชันก่อนหน้าโดยถาวร การตั้งค่า <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ก็จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะตั้งค่าคุกกี้ได้และไม่ได้สำหรับเซสชันหนึ่งๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล URL ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ก็จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเช่นกัน
แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="5174547204575752627">นโยบายนี้ควบคุมการเปลี่ยนโครงสร้างภายในโค้ดล่าสุดสำหรับ VideoDecoder API ในปลั๊กอิน PPAPI
การย้ายข้อมูลจะส่งผลต่อรายละเอียดการใช้งานภายในเท่านั้น และไม่ควรเปลี่ยนลักษณะการทำงานใดๆ อย่างไรก็ตาม คุณจะใช้นโยบายนี้ได้ในกรณีที่แอปพลิเคชัน PPAPI ไม่ทำงานตามที่คาดไว้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" เบราว์เซอร์จะตัดสินใจว่าจะใช้การติดตั้งใช้งานรายการใด
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" เบราว์เซอร์จะใช้การใช้งานเดิมจนกว่านโยบายจะหมดอายุ
หมายเหตุ: เฉพาะกระบวนการแสดงผลที่เพิ่งเริ่มใหม่เท่านั้นที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ขณะที่เบราว์เซอร์ทำงานอยู่</translation>
<translation id="5177260184597743704">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnSecurityEvent</translation>
<translation id="5178479074002209469">ธงบูลีนที่ระบุว่าเซสชันผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการควรได้รับการแจ้งเตือนและจะถูกบังคับให้ออกจากระบบหรือไม่หากต้องมีการอัปเดตตามนโยบายนี้</translation>
<translation id="5179853299156742425">URL ที่ไปดาวน์โหลดเทมเพลตเดสก์ได้</translation>
<translation id="5182483318861266793">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านขวาของหน้าจอ</translation>
<translation id="51859390023061147">ปิดใช้ฟีเจอร์การคืนค่าโดยสมบูรณ์</translation>
<translation id="5189360528842591274">อนุญาตการเชื่อมต่อกับบริการบลูทูธในรายการเท่านั้น</translation>
<translation id="5190426551516379357">การตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เลือกโหมดที่จำกัดต่ำกว่านี้ หากตั้งค่านี้เป็น
* "เข้มงวด" ระบบจะใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube เสมอ
* "ปานกลาง" ผู้ใช้อาจเลือกได้เฉพาะโหมดที่จำกัดปานกลางและโหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube แต่จะปิดใช้โหมดที่จำกัดไม่ได้
* "ปิด" หรือไม่ได้ตั้งค่า Chrome จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation>
<translation id="5191476996923842491">พฤติกรรมเริ่มต้นสำหรับการปรับฟังก์ชัน setTimeout()</translation>
<translation id="519247340330463721">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Safe Browsing</translation>
<translation id="5192555640439947289">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" จะขอรหัสผ่านจากผู้ใช้เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์เมื่อมีการระงับการใช้งานหรือพับจอ
อุปกรณ์จะล็อกเมื่อพับจอ ยกเว้นในกรณีที่วางบนแท่นชาร์จ (โดยใช้จอแสดงผลภายนอก) ในกรณีดังกล่าว อุปกรณ์จะไม่ล็อกเมื่อพับจอ แต่จะล็อกหากเลิกใช้จอแสดงผลภายนอกและยังคงพับจออยู่
นโยบายนี้จะล็อกอุปกรณ์เมื่อมีการระงับการใช้งานเท่านั้นจนถึง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> M106 ตั้งแต่ M106 เป็นต้นไป นโยบายนี้จะล็อกอุปกรณ์เมื่อมีการระงับการใช้งานหรือพับจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" และ <ph name="LID_CLOSE_ACTION_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="LID_CLOSE_ACTION_ENUM_DO_NOTHING" /> อุปกรณ์จะล็อกเมื่อพับจอ แต่จะระงับการใช้งานเมื่อกำหนดค่าไว้ใน <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
โปรดทราบว่าหากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" และตั้งค่า <ph name="ALLOW_SCREEN_LOCK_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" อุปกรณ์จะล็อกไม่ได้และผู้ใช้จะออกจากระบบแทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าระบบจะไม่ขอรหัสผ่านจากผู้ใช้เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้มีการขอรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์หรือไม่</translation>
<translation id="5194683382395300627">อนุญาตให้ใช้ "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" บนเว็บ เช่น เพื่อเปิดใช้การเปลี่ยนรหัสผ่านโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5196630732055960309">อนุญาตให้ใช้ File Handling API ในเว็บแอปเหล่านี้</translation>
<translation id="5205352023880027050">อย่าเปิดใช้ฟีเจอร์ EphemeralNetworkPolicies</translation>
<translation id="5206454085187851382">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="5207543664699568887">กำหนดค่าว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใน Linux ใช้การแจ้งเตือนของระบบหรือไม่
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะได้รับอนุญาตให้ใช้การแจ้งเตือนของระบบ
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้การแจ้งเตือนของระบบ ระบบจะใช้ศูนย์ข้อความของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นวิธีสำรอง</translation>
<translation id="5207700504551161524">กำหนดค่ารายการรูปภาพที่จะแสดงในโปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
แต่ละรายการต้องเป็น URL ที่อ้างอิงไฟล์ภาพ โดยรูปแบบรูปภาพต้องเป็น JPEG และมีขนาดไฟล์ไม่เกิน 8 MB ระบบจะไม่สนใจ URL ที่ไม่ถูกต้องและรูปภาพที่ไม่รองรับ อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดรูปภาพเหล่านี้และจัดเก็บไว้ที่แคชในเครื่อง
ระบบจำกัดจำนวนรูปภาพที่แสดงในโปรแกรมรักษาหน้าจอไว้ที่ 25 ภาพ โดยจะใช้ URL 25 รายการแรกเท่านั้น
นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ หากตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือรายการไม่มีการอ้างอิงรูปภาพที่ถูกต้อง โปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะไม่แสดง ไม่ว่าจะตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> ว่าอย่างไร</translation>
<translation id="5208675398826212411">นโยบายนี้กำหนดลักษณะการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ตผ่านการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS การตรวจสอบจะพยายามหาว่าเบราว์เซอร์อยู่หลังพร็อกซีที่เปลี่ยนเส้นทางชื่อโฮสต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และคำแนะนำการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ต ลักษณะการทำงานเหล่านี้จะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้นในรุ่น M88 แต่จะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นในรุ่นต่อไป
<ph name="DNS_INTERCEPTION_CHECKS_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็นนโยบายที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS ด้วย นโยบายนี้เป็นเวอร์ชันที่ยืดหยุ่นมากกว่าซึ่งอาจควบคุมแถบข้อมูลการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ตแยกต่างหากและอาจมีการขยายการใช้งานในอนาคต
หาก <ph name="DNS_INTERCEPTION_CHECKS_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือนโยบายนี้ขอปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น ระบบก็จะปิดใช้การตรวจสอบ</translation>
<translation id="5210133032276211845">ล้างรูปภาพและไฟล์ที่แคชไว้</translation>
<translation id="5212118847531454979">อนุญาตให้คุณตั้งค่าระยะเวลา (หน่วยเป็นมิลลิวินาที) ที่จะแสดงการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้
ระหว่างช่วงเวลานี้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนอยู่เรื่อยๆ ว่าต้องทำการอัปเดต สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การแจ้งเตือนให้รีสตาร์ทจะปรากฏในถาดระบบตามนโยบาย <ph name="RELAUNCH_HEADS_UP_PERIOD_POLICY_NAME" /> สำหรับเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมนูแอปจะเปลี่ยนไปเพื่อบ่งชี้ว่าผู้ใช้ต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่เมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 1 ใน 3 จากนั้นการแจ้งเตือนจะเปลี่ยนสีเมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 2 ใน 3 ของระยะเวลาทั้งหมด และเปลี่ยนสีอีกครั้งเมื่อการแจ้งเตือนครบกำหนด การแจ้งเตือนอื่นๆ ที่เปิดใช้โดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_POLICY_NAME" /> จะเป็นไปตามกำหนดเวลานี้
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 604,800,000 มิลลิวินาที (1 สัปดาห์)</translation>
<translation id="5212810195096589189">ระบุสิทธิ์ CLI สำหรับ VM</translation>
<translation id="5213038356678567351">เว็บไซต์ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="5216815237712190041">กำหนดค่ารูปภาพวอลเปเปอร์ระดับอุปกรณ์ซึ่งจะแสดงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้รายใดลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องดังกล่าว นโยบายนี้กำหนดได้ด้วยการระบุ URL ที่อุปกรณ์ Chrome OS สามารถใช้ดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์และแฮชแบบเข้ารหัสที่ใช้ในการยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบ JPEG และมีขนาดไม่เกิน 16 MB ส่วน URL ก็ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ ระบบจะดาวน์โหลดและแคชรูปภาพวอลเปเปอร์ แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ไว้ อุปกรณ์ Chrome OS จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้รายใดลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องดังกล่าว เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะทำงานแทน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะเลือกสิ่งที่จะแสดงหากมีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="5219844027738217407">สำหรับแอป Android นโยบายนี้จะส่งผลต่อไมโครโฟนเท่านั้น เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ไมโครโฟนจะปิดเสียงสำหรับแอป Android ทุกแอปโดยไม่มีข้อยกเว้น</translation>
<translation id="5222325605346216869">บังคับให้มีการควบคุมตัวจับเวลา JavaScript เบื้องหลัง</translation>
<translation id="5223606242837275233">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์เลื่อนไปยังส่วนข้อความที่เฉพาะเจาะจงผ่าน URL</translation>
<translation id="5227124062673546005">ควบคุมวิธีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พิมพ์ใน <ph name="MS_WIN_NAME" />
เมื่อสั่งพิมพ์ไปยังเครื่องพิมพ์ PostScript ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> วิธีการสร้าง PostScript ที่แตกต่างกันอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพการพิมพ์
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ชุดตัวเลือกเริ่มต้นเมื่อสร้าง PostScript โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความจะแสดงผลโดยใช้แบบอักษร Type 3 เสมอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น Type 42 <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแสดงผลข้อความโดยใช้แบบอักษร Type 42 หากเป็นไปได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ PostScript บางเครื่อง
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอยู่ในโหมดเริ่มต้น</translation>
<translation id="5227647876065695164">นโยบายนี้ระบุลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชันในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ การดาวน์เกรดเวอร์ชันคือการเปลี่ยนเป็นเวอร์ชันที่เสถียรกว่า เช่น จากเวอร์ชันเบต้าเป็นเวอร์ชันเสถียร
ค่าของนโยบายนี้จะมีผลกับการดาวน์เกรดเวอร์ชันที่ผู้ใช้เริ่มดำเนินการและการดาวน์เกรดเวอร์ชันที่ผู้ดูแลระบบเริ่มดำเนินการ
ในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าและรีเซ็ต หรือรอให้เวอร์ชันปัจจุบัน (หรือสูงกว่า) พร้อมใช้ในเวอร์ชันดังกล่าวและจะไม่มีการอัปเดตจนกว่าจะถึงเวอร์ชันที่ดาวน์เกรด
หากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนเริ่มดำเนินการดาวน์เกรดเวอร์ชัน ก็จะเลือกได้ว่าจะรีเซ็ตหรือรอ หรือตัวเลือกดังกล่าวสร้างไว้สำหรับผู้ใช้โดยอิงจากค่าของนโยบายนี้ หากผู้ดูแลระบบเริ่มดำเนินการดาวน์เกรดเวอร์ชันผ่านการตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> อุปกรณ์จะย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าในการตรวจสอบการอัปเดตครั้งถัดไปเมื่อมีการเลือกให้ย้อนกลับไว้เท่านั้น ไม่เช่นนั้น อุปกรณ์จะรอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบัน
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าไม่ถูกต้อง ลักษณะการทำงานจะเหมือนกับ "รอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบันในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน"</translation>
<translation id="5229339291699779956">เปิดใช้ PCIe Tunneling สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง Thunderbolt/USB4 ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ต่อพ่วงทำงานอย่างเต็มศักยภาพ</translation>
<translation id="523505283826916779">การตั้งค่าสำหรับการเข้าถึง</translation>
<translation id="5235607513961923779">รายงานสถานะกิจกรรมในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้สำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะไม่รายงานสถานะกิจกรรมในอุปกรณ์
หากเปิดใช้ ระบบจะรายงานสถานะกิจกรรมในอุปกรณ์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้สามารถตรวจจับว่าอุปกรณ์ออฟไลน์อยู่หรือไม่ ตราบใดที่ผู้ใช้มีการเชื่อมโยงอยู่</translation>
<translation id="5238275681097851753">อนุญาตให้บล็อกนื้อหา "<ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />" บางรายการ</translation>
<translation id="5238976843489093540">บังคับให้เปิดใช้การจับคู่ด่วน (การจับคู่บลูทูธด่วน)</translation>
<translation id="5239277956452384929">อนุญาตให้เข้าถึงรายการ URL ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="5242361766432467515">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าอาจทำให้ผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเปิด URL ฝั่งโฮสต์ในเบราว์เซอร์ไคลเอ็นต์ในเครื่องได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลส่ง URL ไปยังไคลเอ็นต์
การตั้งค่านี้ไม่มีผลกับการเชื่อมต่อเพื่อรับความช่วยเหลือระยะไกล เนื่องจากโหมดการเชื่อมต่อดังกล่าวไม่รองรับฟีเจอร์นี้
หมายเหตุ: ฟีเจอร์นี้ยังไม่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ทั่วไป การเปิดใช้จึงไม่ได้หมายความว่าฟีเจอร์จะปรากฏใน UI ของไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="5245647012663146075">ไม่อนุญาตให้เปิดใช้ฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="5245671702326993331">อนุญาตการแจ้งเตือนดั้งเดิม</translation>
<translation id="524637053580639111">เราจะนำนโยบายนี้ออกในเวอร์ชัน M82 โปรดใช้ DeviceMinimumVersion แทน
กำหนดค่าข้อกำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันต่ำสุดที่อนุญาต เวอร์ชันที่ระบุด้านล่างถือเป็นเวอร์ชันที่ล้าสมัย และอุปกรณ์จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ก่อนที่จะอัปเดตระบบปฏิบัติการ
หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่มีเซสชันของผู้ใช้ ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ออกจากระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเป็นเวอร์ชันใดก็ตาม
ในที่นี้ คำว่า "เวอร์ชัน" อาจหมายถึงเวอร์ชันที่เจาะจง เช่น "61.0.3163.120" หรือตัวเลขนำหน้าเวอร์ชัน เช่น "61.0" </translation>
<translation id="5247584184349816217">เปิดใช้โปรแกรมรักษาหน้าจอในหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="5247973380763021389">ป้องกันไม่ให้นโยบายระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์ลบล้างนโยบายระดับแมชชีนบนระบบคลาวด์</translation>
<translation id="5249453807420671499">ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos ได้</translation>
<translation id="5249555581286638799">เปิดใช้โหมดประสิทธิภาพสูง</translation>
<translation id="5252210248395576403">นโยบายนี้ให้สิทธิ์ฟีเจอร์คำตอบด่วนในการเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อรับผลการแปล
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้คำแปลของคำตอบด่วน
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้คำแปลของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="5252995168844634755">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอซึ่งอนุญาตให้แอปพลิเคชันต่างๆ ขยายไปยังหลายหน้าจอได้ ผู้ใช้จะปิดใช้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอสำหรับหน้าจอบางหน้าได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอ และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้</translation>
<translation id="5255162913209987122">สามารถรับคำแนะนำได้</translation>
<translation id="525543707238275321">ปิดใช้การรายงานข้อมูล CPU ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5255790642269910630">การตั้งค่านโยบายจะมีการหมุนจอแสดงผลแต่ละจอไปตามการวางแนวที่กำหนดทุกครั้งที่รีบูตและเมื่อเชื่อมต่อเป็นครั้งแรกหลังจากเปลี่ยนค่าของนโยบาย ผู้ใช้อาจเปลี่ยนการหมุนจอแสดงผลได้จากหน้าการตั้งค่าหลังจากลงชื่อเข้าใช้ แต่จอแสดงผลจะเปลี่ยนกลับเมื่อรีบูตครั้งถัดไป นโยบายนี้จะใช้กับจอแสดงผลหลักและรอง
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ค่าเริ่มต้นจะเป็น 0 องศา และผู้ใช้เปลี่ยนค่าได้ตามต้องการ ในกรณีนี้ ระบบจะไม่ใช้ค่าเริ่มต้นซ้ำเมื่อรีสตาร์ท</translation>
<translation id="5257395339965216304">ข้อมูลแอปที่โฮสต์ไว้</translation>
<translation id="5258445772095084618">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องใช้เครื่องเสมือนที่จำเป็นต่อการรองรับแอป Linux</translation>
<translation id="5262320080678421295">ปิดใช้การเชื่อถือใบรับรองที่ออกโดย PKI เดิมของ Symantec Corporation</translation>
<translation id="5273744932022326215">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์จะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์จะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="528302483493794684">การกำหนดค่า VM หมายถึงประเภทหนึ่งของ VM ที่ผู้ใช้ติดตั้งได้ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับรหัสของการกําหนดค่านี้อย่างถาวร รวมถึงการควบคุมที่ใช้กับ VM ประเภทนี้</translation>
<translation id="5283151872467063045">ตั้งค่ากำหนดเขตข้อมูลสำหรับการจัดเก็บข้อมูล</translation>
<translation id="5283457834853986457">ปิดใช้เครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="5285812323239047712">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ Enterprise <ph name="ON_PRINT_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อพิมพ์หน้าหรือไฟล์จาก <ph name="PRODUCT_NAME" />
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการเรียกใช้งานการพิมพ์จากหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์ การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนอนุญาตให้แสดงกล่องโต้ตอบการแสดงตัวอย่างการพิมพ์สำหรับหน้าที่พิมพ์ ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแสดงกล่องโต้ตอบการแสดงตัวอย่างการพิมพ์ทันที
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DEFAULT_ACTION_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น "บล็อก" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะบล็อกไม่ให้พิมพ์หน้าเว็บหากเกิดข้อผิดพลาดขณะสื่อสารกับบริการวิเคราะห์ ค่าอื่นๆ หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> อนุญาตให้พิมพ์หน้าเว็บได้
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์/หน้าที่มีขนาดใหญ่เกินไป
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าฟิลด์นี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ผู้ดูแลระบบกำหนดค่าข้อความได้สูงสุด 200 อักขระ
นโยบายนี้ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมจึงจะมีผล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a?p=chrome_enterprise_connector_policies_setting</translation>
<translation id="5286579716704722323">อนุญาตให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือน SSL</translation>
<translation id="5288713554963040955">เปิดใช้การแสดงหน้าจอการตั้งค่าขนาดการแสดงผลระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="5288772341821359899">หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ WebRTC จะใช้งานพอร์ต UDP ตามช่วงพอร์ตที่ระบุ (รวมจุดสิ้นสุดด้วย)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ หรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างหรือช่วงพอร์ตที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นการอนุญาตให้ WebRTC ใช้พอร์ต UDP ที่ว่างอยู่พอร์ตใดก็ได้ในเครื่อง</translation>
<translation id="5288776487100096897">อนุญาตให้นโยบายระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์ลบล้างนโยบาย <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="5290940294294002042">ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งาน</translation>
<translation id="5293285950307241933">ลบข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดในระบบ</translation>
<translation id="5293619885162445352">อนุญาตให้ <ph name="PEPPER_NAME" /> ใช้เครื่องมือถอดรหัสวิดีโอใหม่</translation>
<translation id="529457411593078576">เปิดใช้ข้อกำหนดในการให้บริการเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก</translation>
<translation id="5297873769621042075">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายชื่อโฮสต์หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ (เช่น "[*.]example.com") ที่จะไม่ได้รับการอัปเกรดเป็น HTTPS และจะไม่แสดงข้อผิดพลาดคั่นระหว่างหน้าหากมีการเปิดใช้โหมด "HTTPS ลำดับแรก" องค์กรสามารถใช้นโยบายนี้เพื่อรักษาสิทธิ์เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่รองรับ HTTPS โดยไม่ต้องปิดใช้การอัปเกรด HTTPS และ/หรือโหมด "HTTPS ลำดับแรก"
ชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้ต้องกำหนดเป็น Canonical ซึ่งหมายความว่าต้องแปลง IDN ทั้งหมดเป็นรูปแบบ A-label และตัวอักษร ASCII ทั้งหมดต้องเป็นตัวพิมพ์เล็ก
ไม่อนุญาตให้ใช้ไวลด์การ์ดโฮสต์แบบครอบคลุม (เช่น "*" หรือ "[*]") แต่ควรปิดใช้โหมด "HTTPS ลำดับแรก" และการอัปเกรด HTTPS อย่างชัดเจนผ่านนโยบายที่เฉพาะเจาะจงแทน
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลกับการอัปเกรด HSTS</translation>
<translation id="5297948043665200363">อนุญาตให้ผู้ใช้อยู่ในระบบต่อไปหลังจากที่บัญชีของผู้ใช้ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="5298949392804966105">ไม่มีข้อจำกัดในบัญชีที่จัดการ</translation>
<translation id="5300770793658186741">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ (เช่น *.example.com) ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัยกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย องค์กรอาจระบุต้นทางของแอปพลิเคชันเดิมที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราวสำหรับการพัฒนาเว็บภายในเพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว นโยบายนี้ยังป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า "ไม่ปลอดภัย" ในแถบที่อยู่ด้วย
การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า Flag บรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยคอมมา นโยบายจะลบล้าง Flag บรรทัดคำสั่งและ UnsafelyTreatInsecureOriginAsSecure (หากมี)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัยได้ที่ Secure Contexts (https://www.w3.org/TR/secure-contexts)</translation>
<translation id="530134925949808452">เวลาของวันตามเวลาท้องถิ่นที่จะให้ต่ออายุโควต้าการใช้งาน</translation>
<translation id="5303080953475303561">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมความถี่ที่หน้าจอล็อกขอรหัสผ่านสำหรับการปลดล็อกด่วน แต่ละครั้งที่หน้าจอล็อกปรากฏขึ้นมา หากการป้อนรหัสผ่านครั้งล่าสุดเกิดขึ้นก่อนกรอบเวลาที่ระบุโดยค่าที่เลือกไว้ การปลดล็อกด่วนจะไม่พร้อมใช้งาน หากผู้ใช้อยู่ในหน้าจอล็อกเกินระยะเวลานี้ หน้าจอล็อกจะขอรหัสผ่านในครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ป้อนรหัสไม่ถูกต้องหรือเข้าสู่หน้าจอล็อกอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ที่ใช้การปลดล็อกด่วนป้อนรหัสผ่านในหน้าจอล็อกทุกวัน</translation>
<translation id="5306186200045823863">เปิดใช้การเชื่อถือโครงสร้างพื้นฐาน PKI เดิมของ Symantec Corporation</translation>
<translation id="5307432759655324440">ความพร้อมใช้งานของโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="5308551343115571396">หลังจากที่ปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> เราจะพยายามเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทั้งนำข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับเบราว์เซอร์ออก</translation>
<translation id="530949964068726932">ซ่อนตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบ</translation>
<translation id="5311275381462687162">กำหนดค่าเริ่มต้นของการตั้งค่าลักษณะการทำงานของคุกกี้ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิม</translation>
<translation id="5312253627576569499">เปอร์เซ็นต์การปรับขนาดการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อระบบสังเกตพบกิจกรรมของผู้ใช้ขณะที่หน้าจอหรี่แสงหรือในไม่ช้าหลังจากที่มีการปิดหน้าจอ</translation>
<translation id="5316856058059940708">ปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่</translation>
<translation id="5317852436044398288">การตั้งค่านโยบายจะช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งใช้การจับภาพหน้าต่างและแท็บได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบไม่พิจารณาเว็บไซต์เพื่อทำการลบล้างที่การจับภาพระดับนี้
ระบบจะไม่พิจารณานโยบายนี้หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบ URL ในนโยบาย <ph name="TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="SAME_ORIGIN_TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />
หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบ URL ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่พิจารณานโยบาย <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_POLICY_NAME" />
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL</translation>
<translation id="5318185076587284965">เปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="5321624917465764266">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะลบประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดใน Chrome ได้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะลบประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดไม่ได้ ทั้งนี้ การปิดใช้นโยบายนี้ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าระบบจะเก็บรักษาประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดไว้ ผู้ใช้อาจแก้ไขหรือลบไฟล์ฐานข้อมูลประวัติได้โดยตรง และเบราว์เซอร์อาจหมดอายุหรือเก็บถาวรรายการประวัติทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้</translation>
<translation id="5323200200131319468">เปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5323271643727095577">ไม่ต้องแสดงกล่องโต้ตอบการยกเลิกเมื่อมีการเรียกใช้ event.preventDefault() สำหรับเหตุการณ์ beforeunload แสดงกล่องโต้ตอบการยกเลิกเมื่อ beforeunload event.returnValue เป็นสตริงว่างเปล่าสำหรับเหตุการณ์ beforeunload</translation>
<translation id="5324430722441910403">การตั้งค่าการค้นหาเว็บไซต์</translation>
<translation id="532848608876725157">เปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS ที่มีการถอยหลังกลับที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="5328965694451556034">รายงานการเข้าสู่ระบบ/ออกจากระบบ</translation>
<translation id="5329018127554115226">ระบบจะปิดใช้โหมดประสิทธิภาพสูง</translation>
<translation id="5330684698007383292">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation>
<translation id="5331342092479819688">อนุญาตแฮชที่ไม่ปลอดภัยในแฮนด์เชค TLS</translation>
<translation id="5331746669335642668">นโยบายระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะลบล้างนโยบายแพลตฟอร์ม</translation>
<translation id="5334404204520035180">ควบคุมการใช้ WebPrinting API</translation>
<translation id="5334501839642146593">ไม่ส่งเมตริกไปยัง Google</translation>
<translation id="5335910979215357815">เปิดใช้ Save and Share API สำหรับการควบคุม <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="5339096331970464266">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="5340008866815063393">เปิดใช้การรายงานข้อมูลนโยบาย</translation>
<translation id="5345892164332459671">ปิดใช้ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์ และไม่ย้ายการตรวจสอบสิทธิ์การใช้เว็บเซอร์วิสของผู้ใช้ไปยังอุปกรณ์ใหม่</translation>
<translation id="5345910753471481870">ไม่แสดงปุ่ม Google Lens ในช่องค้นหาบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="5346587320074666194">บล็อกสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="534836255587440809">ปิดใช้การคลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5348658899015174540"><ph name="GET_DISPLAY_MEDIA_SET_NAME" /> API อนุญาตให้เว็บแอปพลิเคชันจับภาพได้หลายหน้าจอพร้อมกัน
นโยบายนี้จะปลดล็อกพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="AUTO_SELECT_ALL_SCREENS_NAME" /> สำหรับเว็บแอปพลิเคชันในต้นทางที่กำหนด
หากมีการกำหนดพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="AUTO_SELECT_ALL_SCREENS_NAME" /> ในคำขอ <ph name="GET_DISPLAY_MEDIA_SET_NAME" /> ระบบจะจับภาพบริเวณหน้าจอทั้งหมดโดยอัตโนมัติและไม่ต้องมีการให้สิทธิ์จากผู้ใช้อย่างชัดแจ้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTO_SELECT_ALL_SCREENS_NAME" /> จะใช้ไม่ได้กับเว็บแอปพลิเคชัน
เพื่อปรับปรุงด้านความเป็นส่วนตัว ตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 116 เป็นต้นไป นโยบายนี้จะไม่รองรับการรีเฟรชแบบไดนามิกอีกต่อไป ดังนั้น ผู้ใช้จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่มีหน้าอื่นเพิ่มเติมที่จะจับภาพหน้าจอได้หลังจากเข้าสู่ระบบ หากไม่ได้รับอนุญาตไว้แล้วเมื่อเริ่มต้นเซสชัน</translation>
<translation id="5361167871898066799">ควบคุมฟีเจอร์การแก้ไขอัตโนมัติบนแป้นพิมพ์จริง</translation>
<translation id="5361708558735884308">การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึง URL ที่ระบุไว้ โดยเป็นข้อยกเว้นของ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ดูรูปแบบของรายการในลิสต์นี้ได้จากคำอธิบายของนโยบายดังกล่าว ตัวอย่างเช่น การตั้งค่า <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> เป็น * จะบล็อกคำขอทั้งหมด และคุณจะใช้นโยบายนี้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดไว้ได้ ตลอดจนใช้ในการเปิดข้อยกเว้นให้แก่บางรูปแบบ โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ต หรือเส้นทางที่เฉพาะเจาะจง โดยใช้รูปแบบที่ระบุไว้ที่ ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format ) ตัวกรองที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่า URL หนึ่งๆ ถูกบล็อกหรือได้รับอนุญาต นโยบาย <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะมีความสำคัญเหนือ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> นโยบายนี้ระบุรายการได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
รวมถึงยังให้คุณเปิดใช้การเรียกใช้อัตโนมัติโดยเบราว์เซอร์ของแอปพลิเคชันภายนอกที่ลงทะเบียนเป็นตัวแฮนเดิลโปรโตคอลสำหรับโปรโตคอลที่ระบุไว้ เช่น "tel:" หรือ "ssh:"
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
มีการรองรับนโยบายนี้ในโหมดไม่มีส่วนหัวด้วยใน "<ph name="PRODUCT_NAME" />" เวอร์ชัน 92 เป็นต้นไป</translation>
<translation id="5362531528507578966">ลบล้างโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5365476955714838841">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="5365946944967967336">แสดงปุ่ม "หน้าแรก" บนแถบเครื่องมือ</translation>
<translation id="5366977351895725771">หากตั้งค่าเป็นเท็จ การสร้างผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลโดยผู้ใช้รายนี้จะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลใดๆ ที่มีอยู่แล้วจะยังคงมีอยู่
หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้รายนี้จะสามารถสร้างและจัดการผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลได้</translation>
<translation id="5367255280764736002">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์ระหว่างการค้นหารูปภาพด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ของ "ชื่อ-ค่า" ที่คั่นด้วยคอมมา หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {imageThumbnail} ข้อมูลภาพขนาดย่อของรูปภาพจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอการค้นหารูปภาพโดยใช้เมธอด GET
URL ต้องระบุพารามิเตอร์รูปภาพโดยใช้ชุดค่าผสมที่ใช้ได้ของตัวยึดตำแหน่งต่อไปนี้โดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้ให้บริการค้นหารองรับ
<ph name="IMAGE_IMAGE_URL" />,
<ph name="IMAGE_ORIGINAL_HEIGHT" />,
<ph name="IMAGE_ORIGINAL_WIDTH" />,
<ph name="IMAGE_PROCESSED_IMAGE_DIMENSIONS" />,
<ph name="IMAGE_SEARCH_SOURCE" />,
<ph name="IMAGE_THUMBNAIL" />,
<ph name="IMAGE_THUMBNAIL_BASE64" /></translation>
<translation id="5369937289900051171">การพิมพ์สีเท่านั้น</translation>
<translation id="5370279767682621504">เปิดใช้การรองรับ HTTP/0.9 บนพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5370765433640162225">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะดำเนินการทำความสะอาดอัตโนมัติในระหว่างเข้าสู่ระบบเพื่อให้มีพื้นที่ว่างในดิสก์เพียงพอ
การทำความสะอาดจะทำงานเฉพาะเมื่อจำเป็นจริงๆ แต่จะยังคงมีผลต่อเวลาในการเข้าสู่ระบบ
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" (ค่าเริ่มต้น) จะทำให้ไม่มีผลกระทบต่อเวลาในการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5371152055157582429">ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังของหน้าแท็บใหม่ได้</translation>
<translation id="5372698090378600633">บล็อก Direct Sockets API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5377606826822211923">ควบคุมการใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation>
<translation id="537786648513450280">ควบคุมการใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="5378885577701865339">ปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์</translation>
<translation id="538108065117008131">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation>
<translation id="5385337904220716757">อนุญาตให้เฉพาะบริการของระบบเข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของระบบ</translation>
<translation id="538768040137709073">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ส่งข้อความระหว่าง Chrome ในเดสก์ท็อปกับอุปกรณ์ Android ได้เมื่อมีการเปิดการซิงค์ไว้และผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดใช้ความสามารถในการส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดใช้ความสามารถในการส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์จะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น
การตั้งค่านโยบายต่างๆ ในแพลตฟอร์มทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ดูแลระบบ ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าเดียวในแพลตฟอร์มทั้งหมด</translation>
<translation id="5389708774452952523">อนุญาตให้กระบวนการของเสียงทำงานโดยมีลำดับความสำคัญสูงกว่าปกติใน Windows</translation>
<translation id="5390083518957894426">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทางออนไลน์ในหน้าจอล็อกสำหรับผู้ใช้ SAML</translation>
<translation id="5391388690191341203">บัญชีภายในอุปกรณ์สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5391867362692016532">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บแอปที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้อนุญาตการเข้าถึงไฟล์ประเภทต่างๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_HANDLING_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับเว็บแอปทั้งหมด (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับ <ph name="FILE_HANDLING_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="FILE_HANDLING_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะใช้ <ph name="DEFAULT_FILE_HANDLING_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้ตามลำดับ
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_HANDLING_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="5393009997533871906">มีเฉพาะเครื่องพิมพ์ในรายการที่อนุญาตเท่านั้นที่จะแสดงต่อผู้ใช้</translation>
<translation id="5395778184390568113">ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่ใช้ในการเรียกใช้งานคีย์ "Six Pack" ของ Home/End</translation>
<translation id="5396322417222266779">อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งแป้นพิมพ์ลัดของระบบ</translation>
<translation id="5398387276166014955">อนุญาตให้แทรกโค้ดของบุคคลที่สามใน Chrome</translation>
<translation id="5401696449591951427">เปิดใช้ <ph name="CHROME_DEVICES_LINK" /></translation>
<translation id="5404749470367600971">อนุญาตการกรองประสิทธิภาพการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="5405289061476885481">กำหนดค่ารูปแบบแป้นพิมพ์ที่อนุญาตให้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูล วิธีการป้อนข้อมูลที่ระบุจะพร้อมใช้งานในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลแรกที่ระบุไว้ล่วงหน้า เมื่อมีการทำงานบนพ็อดผู้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ วิธีการป้อนข้อมูลที่ผู้ใช้ใช้ล่าสุดจะพร้อมใช้งานนอกเหนือจากวิธีการป้อนข้อมูลที่ได้จากนโยบายนี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ วิธีการป้อนข้อมูลในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะได้รับมาจากภาษาที่หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้แสดง ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่ใช่ตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="5407008856008996384">อนุญาตการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS</translation>
<translation id="5413051574966911176">ปิดใช้การแสดง UI ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อบนเดสก์ท็อปของโฮสต์ระยะไกลเมื่อมีการเชื่อมต่อ</translation>
<translation id="5415713057512333739">URL ของข้อมูลที่จะดาวน์โหลด</translation>
<translation id="5416263061774624216">อย่าใช้นโยบาย SiteList ของ Internet Explorer เป็นแหล่งที่มาของกฎ</translation>
<translation id="5416663929864223914">ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่ใช้ในการเรียกใช้งานคีย์ "Six Pack" ของ Delete</translation>
<translation id="5417857116982992260">นโยบายนี้กำหนดลักษณะการทำงานเริ่มต้นสำหรับการรีแมปคีย์ "Insert" ในหน้าย่อย "รีแมปคีย์" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งคีย์ต่างๆ บนแป้นพิมพ์ได้ หากเปิดใช้ นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งการรีแมปที่เจาะจงเหล่านี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย แป้นพิมพ์ลัดที่อิงการค้นหาจะทำงานเป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5417906792459853336">รายงานข้อมูลสำหรับพื้นที่และการใช้งานแอปพลิเคชันของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลแอปพลิเคชันและการใช้งานของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5420245232720940848">ปิดใช้ PCIe Tunneling สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง Thunderbolt/USB4 ซึ่งจะจำกัดความสามารถของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5420673997623782432">บล็อกไม่ให้ไคลเอ็นต์ทั้งหมดเข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของระบบ</translation>
<translation id="5420774177427557782">ควบคุมว่า VM ที่ใช้การกำหนดค่านี้นั้น จะให้ติดตั้งและเรียกใช้ (<ph name="INSTALL_ALLOWED" />), เรียกใช้แต่ไม่ติดตั้ง (<ph name="RUN_ALLOWED" />) หรือเรียกใช้ไม่ได้ (<ph name="BLOCKED" />) โปรดทราบว่าในการติดตั้ง VM จะต้องตั้งค่าคีย์ installer_image_x86_64 ไว้ด้วย การนําการกําหนดค่าออกอย่างสิ้นเชิงจะเป็นการตั้งค่า <ph name="BLOCKED" /> อย่างชัดแจ้ง ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ VM ทํางานโดยไม่มีนโยบาย</translation>
<translation id="5422643441807528365">รหัสสัญญาอนุญาต <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="5423197884968724595">ชื่อข้อจำกัดของ Android WebView:</translation>
<translation id="5424147596523390018">อนุญาตโหมดสีทั้งหมด</translation>
<translation id="5427879482805712214">นโยบายนี้ให้คุณกำหนดค่ารูปโปรไฟล์ที่ใช้แสดงแทนผู้ใช้ในหน้าจอเข้าสู่ระบบ นโยบายนี้กำหนดได้ด้วยการระบุ URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ดาวน์โหลดรูปโปรไฟล์และการแฮชแบบเข้ารหัสที่ใช้ในการยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลดได้ รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบ JPEG และมีขนาดไม่เกิน 512 KB ส่วน URL ก็ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์
ระบบจะดาวน์โหลดและแคชรูปโปรไฟล์ แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดและใช้รูปโปรไฟล์
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกรูปโปรไฟล์ของตนเองในหน้าจอเข้าสู่ระบบได้</translation>
<translation id="5428716437928918274">การควบคุมการตั้งค่าโดย Privacy Sandbox</translation>
<translation id="5431392643649571773">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้ใช้การแคชย้อนหลัง เมื่อออกจากหน้าเว็บไป สถานะปัจจุบันของหน้า (โครงสร้างเอกสาร สคริปต์ ฯลฯ) อาจคงอยู่ในการแคชย้อนหลัง หากเบราว์เซอร์กลับมาที่หน้าดังกล่าว ระบบอาจกู้คืนหน้านั้นจากแคชย้อนหลังและแสดงหน้าในสถานะก่อนที่จะมีการแคช
ฟีเจอร์นี้อาจทำให้เกิดปัญหาในบางเว็บไซต์ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแคชลักษณะนี้ กล่าวคือบางเว็บไซต์จะต้องอาศัยเหตุการณ์ "<ph name="UNLOAD_HANDLER_NAME" />" ที่จะส่งไปเมื่อเบราว์เซอร์ออกจากหน้าดังกล่าว แต่จะไม่มีการส่งเหตุการณ์ "<ph name="UNLOAD_HANDLER_NAME" />" หากจัดเก็บหน้าไว้ในแคชย้อนหลัง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะบังคับให้ปิดใช้ฟีเจอร์
</translation>
<translation id="5433865420958136693">ใช้การเร่งกราฟิกเมื่อพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="5435888298115339571">เปิดใช้การแชร์เดสก์ท็อปในแถบอเนกประสงค์และเมนู 3 จุด</translation>
<translation id="5441508088704391614">ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5442026853063570579">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาแอปของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาแอปไม่ได้ หากตั้งค่านโยบายเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาแอปได้ด้วยการแตะหมายเลขบิลด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation>
<translation id="5443582909255996887">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมดใน Android ซึ่งจะทำให้แต่ละเว็บไซต์ทำงานด้วยกระบวนการของตนเอง และจะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เลือกไม่ใช้ เว็บไซต์อยู่ในรูปแบบบวก eTLD+1 (เช่น https://example.com) โปรดทราบว่า Android จะแยกเว็บไซต์ที่มีความละเอียดอ่อนบางเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 77 เป็นต้นไป และนโยบายนี้จะขยายการทำงานของโหมดการแยกเว็บไซต์ตามค่าเริ่มต้นให้มีผลกับเว็บไซต์ทั้งหมด
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการแยกเว็บไซต์ทุกรูปแบบ เช่น การแยกเว็บไซต์ที่มีความละเอียดอ่อน รวมถึงการทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid ตลอดจนโหมดการแยกเว็บไซต์อื่นๆ ผู้ใช้ยังคงเปิดใช้นโยบายด้วยตนเองได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
<ph name="ISOLATE_ORIGINS_ANDROID_POLICY_NAME" /> อาจเป็นประโยชน์ในการแยกต้นทางเฉพาะบางแห่งในระดับที่ละเอียดกว่าเว็บไซต์ด้วย (เช่น https://a.example.com)
หมายเหตุ: เราจะปรับปรุงการรองรับการแยกทุกเว็บไซต์ใน Android แต่ปัจจุบันฟีเจอร์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ระดับโลว์เอนด์ นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ที่มี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการแยกบางเว็บไซต์ในขณะที่ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ได้รับผลกระทบด้านประสิทธิภาพมากนัก ให้ใช้ <ph name="ISOLATE_ORIGINS_ANDROID_POLICY_NAME" /> กับรายชื่อเว็บไซต์ที่ต้องการแยก หากต้องการใช้นโยบายกับแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="5443719869259235874">ส่วนขยายที่ได้รับอนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันเมื่อเข้าถึงเครื่องสแกนผ่าน chrome.documentScan API</translation>
<translation id="5445596354079213552">นโยบายนี้มีผลเฉพาะเมื่อการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้วและอุปกรณ์มีเวอร์ชันไม่ตรงตามเวอร์ชันขั้นต่ำที่อนุญาตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งตั้งค่าผ่านนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" />
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า
หากหมดเวลาคำเตือนตามที่ระบุไว้ในนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" /> ระบบจะแสดงข้อความนี้ที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบเมื่ออุปกรณ์บล็อกไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้
หากยังไม่หมดเวลาคำเตือนตามที่ระบุไว้ในนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" /> ระบบจะแสดงข้อความนี้ในหน้าการจัดการของ Chrome หลังจากที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นว่างเปล่า ระบบจะแสดงข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติที่เป็นค่าเริ่มต้นให้แก่ผู้ใช้ในทั้ง 2 กรณีข้างต้น
ข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติต้องเป็นข้อความธรรมดาที่ไม่มีการจัดรูปแบบใดๆ และไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation>
<translation id="5445719321399313760">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อหาแบบเต็มแท็บแก่ผู้ใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ป้องกันไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อหาแบบเต็มแท็บ
การตั้งค่านโยบายจะเป็นการควบคุมการนำเสนอหน้ายินดีต้อนรับซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />, กำหนดให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นของผู้ใช้ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์</translation>
<translation id="544654037134815017">นโยบายนี้จะควบคุมการแสดงการ์ดในหน้าแท็บใหม่ การ์ดจะแสดงจุดเข้าใช้งานเพื่อเริ่มการเข้าชมทั่วไปของผู้ใช้โดยอิงตามพฤติกรรมการท่องเว็บของผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงการ์ด
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะควบคุมการแสดงการ์ดได้ ค่าเริ่มต้นคือแสดงการ์ด
</translation>
<translation id="5448022937220253000">เลือกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลผู้ใช้หลังจากที่ปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="5449690328792750354">Event.path API จะพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="5452024130413254050">ควบคุมว่าจะให้ VM ที่ใช้การกําหนดค่านี้มีสิทธิ์เข้าถึง vTPM หรือไม่ โดยค่าเริ่มต้นคือ "เท็จ" และ <ph name="FORCE_SHUTDOWN_IF_MORE_RESTRICTED" /> หากไม่ได้ตั้งค่าไว้</translation>
<translation id="5454128917282602937">เมื่อผู้ใช้สลับระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> บริการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> V2 จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์และแอปจากอุปกรณ์ก่อนหน้าไปยังอุปกรณ์ใหม่
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์และแอปจากอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ผู้ใช้คนปัจจุบันใช้ล่าสุดโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ระบบ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การตั้งค่าการคืนค่าโดยสมบูรณ์กำหนดได้ว่าจะเปิดหน้าต่างใดเมื่อเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5455609857202311243">ละเว้นการอนุมัติจากนโยบาย KDC ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP</translation>
<translation id="5455888515928026628">ในระหว่างการเข้าสู่ระบบผ่านหน้าจอล็อก <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ (แบบออนไลน์) หรือใช้รหัสผ่านในแคช (แบบออฟไลน์) ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -2 นโยบายจะใช้ค่าขีดจำกัดเวลาในการลงชื่อเข้าใช้แบบออฟไลน์ของหน้าจอการเข้าสู่ระบบซึ่งมาจาก <ph name="POLICY" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น -1 นโยบายจะไม่บังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์ในหน้าจอล็อกและจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออฟไลน์ เว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนโยบายนี้บังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์
หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะต้องตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์เสมอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่น จะเป็นการระบุจำนวนวันตั้งแต่เวลาที่ตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์ครั้งสุดท้ายถึงเวลาที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์อีกครั้งในการลงชื่อเข้าสู่ระบบครั้งถัดไปผ่านหน้าจอล็อก
นโยบายนี้มีผลกับผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้ SAML
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นวัน</translation>
<translation id="5457065417344056871">เปิดใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="5457924070961220141">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าตัวแสดงผล HTML เริ่มต้นเมื่อทำการติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> การตั้งค่าเริ่มต้นที่ใช้เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้คือการอนุญาตให้เบราว์เซอร์ของโฮสต์ทำการแสดงผล แต่คุณสามารถเลือกที่จะแทนที่การตั้งค่านี้และทำให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="545817252640069915">เปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="5460797984317417682">เปิดใช้การแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="5462898272514237681">ควบคุมการเข้าถึงบริการตำแหน่งของ Google สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5464816904705580310">กำหนดการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="5466596281866046569">รายงานข้อมูลแอปพลิเคชัน</translation>
<translation id="5467175549232776406">เข้าถึงหน้าทดสอบนโยบายได้</translation>
<translation id="546726650689747237">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="546830339470589966">เติมโดเมนอัตโนมัติสำหรับตั๋ว Kerberos ใหม่</translation>
<translation id="5469143988693423708">อนุญาตให้ผู้ใช้เรียกใช้ Crostini ได้</translation>
<translation id="5469825884154817306">บล็อกรูปภาพในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5470500958458209831">URL ที่ระบบไปดาวน์โหลด Ansible Playbook ได้</translation>
<translation id="5475361623548884387">เปิดใช้งานการพิมพ์</translation>
<translation id="547601067149622666">ไม่อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="5476152378885134514">บล็อกคลิปบอร์ดในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5479841110985196412">เปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="5480380613778757009">หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า การตั้งค่าการแสดงผลทั้งหมดที่ตั้งค่าไว้ในเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการจะรีเซ็ตทันทีเมื่อจบเซสชัน หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" พร็อพเพอร์ตี้การแสดงผลจะคงอยู่หลังออกจากเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="5483012943408894695">ต้นทางหรือรูปแบบชื่อโฮสต์ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="5483065054530244863">อนุญาตใบรับรองที่มีการรับรองของ SHA-1 ที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่</translation>
<translation id="5486917900445838803">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดการเร่งกราฟิก (หากมี)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการเร่งกราฟิก</translation>
<translation id="5487758664517243511">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์อยู่แล้วจะทำงานต่างๆ เช่น ดูหน้าเว็บของโทรศัพท์ใน Chrome OS ต่อไปได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ หากปิดใช้นโยบาย PhoneHubAllowed ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เช่นกัน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation>
<translation id="5488268615614906498">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้บันทึกไฟล์จาก Download Manager ไปยัง <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ได้โดยตรงหรือไม่
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกไฟล์จาก Download Manager ไปยัง <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นตัวเลือกดังกล่าวใน Download Manager
นโยบายนี้ยังคงอนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกไฟล์ไปยัง <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> โดยใช้วิธีอื่นๆ นอกเหนือจาก Download Manager ได้</translation>
<translation id="5494322570831642650">ระบุว่าผู้ใช้จะเปิดหน้าด้วยโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
หากเลือก "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งนโยบายไว้ หน้าอาจเปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตน
หากเลือก "ปิดใช้" หน้าอาจไม่เปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตน
หากเลือก "บังคับใช้" หน้าอาจเปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตนเท่านั้น โปรดทราบว่าการ "บังคับใช้" ไม่ทำงานใน Android ที่อยู่ใน Chrome
หมายเหตุ: ใน iOS หากมีการเปลี่ยนนโยบายระหว่างที่เข้าชม นโยบายใหม่จะมีผลต่อเมื่อเปิดเบราว์เซอร์อีกครั้ง</translation>
<translation id="549471902631700911">ปิดใช้การรับแบบสำรวจเกี่ยวกับ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="5499375345075963939">นโยบายนี้มีการใช้งานในโหมดปลีกเท่านั้น
เมื่อค่าในนโยบายนี้มีการตั้งค่าและไม่เท่ากับ 0 ผู้ใช้การสาธิตที่เข้าสู่ระบบอยู่ในปัจจุบันจะออกจากระบบโดยอัตโนมัติหลังจากระยะเวลาที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเลยช่วงเวลาที่ได้ระบุไว้
ค่าในนโยบายควรระบุด้วยหน่วยมิลลิวินาที</translation>
<translation id="5501031245538651575">ตั้งแต่เวอร์ชัน M110 เป็นต้นไป ระบบจะนำ window.webkitStorageInfo API ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานออก นโยบายนี้จะเปิดใช้ API อีกครั้ง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" window.webkitStorageInfo API จะพร้อมใช้งาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า window.webkitStorageInfo API จะใช้งานไม่ได้
เราได้นำนโยบายนี้ออกในเวอร์ชัน M112</translation>
<translation id="5502683401545256109">นโยบายนี้ควบคุมว่าระบบจะแสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ในเฟรมที่โฮสต์ขั้นตอน SAML หรือไม่เมื่อมีใบรับรองที่ตรงกันมากกว่า 1 รายการ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะขอให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์เมื่อนโยบายการเลือกอัตโนมัติพบใบรับรองที่ตรงกันหลายรายการ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่แสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้
หมายเหตุ: โดยทั่วไปแล้วเราไม่แนะนำให้ใช้นโยบายนี้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัว (ในกรณีที่ใช้ใบรับรองที่สนับสนุนโดย TPM แบบทั่วทั้งอุปกรณ์) และทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี</translation>
<translation id="5503933085302625442">อย่าย้อนระบบปฏิบัติการกลับไปเป็นเวอร์ชันเป้าหมาย</translation>
<translation id="55057839818162162">อนุญาตการค้นหาที่ได้รับความช่วยเหลือจากกล้อง <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="55057971769693300">ปิดใช้การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ</translation>
<translation id="5508307164752647432">เปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos</translation>
<translation id="5511702823008968136">เปิดใช้งานแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="5512418063782665071">URL ของหน้าแรก</translation>
<translation id="5516293691820655022">ปิด Chrome อย่างสมบูรณ์</translation>
<translation id="551639594034811656">นโยบายนี้จะกำหนดรายการเปอร์เซ็นต์ที่จะแบ่งส่วนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใน OU ที่จะอัปเดตต่อวันโดยเริ่มจากวันที่พบอัปเดตเป็นครั้งแรก เวลาที่พบจะมาทีหลังเวลาเผยแพร่อัปเดตเพราะอาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าอุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตหลังจากที่มีการเผยแพร่
คู่รายการ (วัน, เปอร์เซ็นต์) แต่ละคู่จะบอกจำนวนเปอร์เซ็นต์ของอุปกรณ์ที่จะต้องอัปเดตภายในจำนวนวันที่ระบุนับจากที่พบอัปเดต เช่น คู่รายการ [(4, 40), (10, 70), (15, 100)] หมายความว่า 40% ของอุปกรณ์ควรต้องอัปเดตภายใน 4 วันนับจากที่พบอัปเดตและ 70% ของอุปกรณ์ควรจะต้องอัปเดตภายใน 10 วัน คู่รายการต่อไปก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
หากมีการกำหนดค่าไว้ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่ใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_UPDATE_SCATTER_FACTOR_POLICY_NAME" /> ในการอัปเดต แต่จะใช้นโยบายนี้แทน
หากรายการนี้ว่างเปล่า จะไม่มีการกำหนดแบบทีละขั้นและระบบจะทำการอัปเดตตามนโยบายอื่นๆ ของอุปกรณ์
นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเปลี่ยนช่อง</translation>
<translation id="5517825566262498086">ล้างข้อมูลแอปที่โฮสต์</translation>
<translation id="5519331583722582543">ธงบูลีนที่ระบุว่าแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะมีฟีเจอร์การป้อนข้อมูลด้วยการจดจำลายมือหรือไม่</translation>
<translation id="5519619299971727565">ปิดใช้การรายงานการใช้แอป Linux</translation>
<translation id="5521035900165046997">เปิดใช้การรายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5521875416764302911">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="5524944713447898270">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เปิดป๊อปอัปไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_POPUPS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="552607466422196365">ปิดใช้ <ph name="DBSC_FEATURE_NAME" /></translation>
<translation id="5526184558582921522">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks และการดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่าเฉพาะฮาร์ดแวร์ที่อาจเกิดขึ้น</translation>
<translation id="5526701598901867718">ทั้งหมด (ไม่ปลอดภัย)</translation>
<translation id="5534079385061985566">เปิดใช้ฟีเจอร์การคืนค่าทั้งหมด</translation>
<translation id="5534235660122271432">ไม่อนุญาตให้เขียนไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation>
<translation id="5535256585099022933">กำหนดระยะเวลาสำหรับการเปิดอีกครั้ง</translation>
<translation id="553806128266843748">ธงบูลีนที่ระบุว่ามีการเปิดใช้การควบคุมหรือไม่</translation>
<translation id="5540885720415375851">อนุญาตให้มีการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน</translation>
<translation id="5542235730745104308">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้หน้าแสดงข้อผิดพลาดทางเลือกซึ่งมีอยู่ในเบราว์เซอร์ (เช่น "ไม่พบหน้าเว็บ") การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้หน้าแสดงข้อผิดพลาดทางเลือกเลย
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายจะเปิดอยู่ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="5544059132156503357">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดประเภทการเข้ารหัสที่ได้รับอนุญาตเมื่อขอตั๋ว Kerberos จากเซิร์ฟเวอร์ <ph name="MS_AD_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น
* "ทั้งหมด" จะอนุญาตประเภทการเข้ารหัส AES ซึ่งได้แก่ aes256-cts-hmac-sha1-96 และ aes128-cts-hmac-sha1-96 รวมถึงประเภทการเข้ารหัส RC4 ซึ่งก็คือ rc4-hmac AES จะมีความสำคัญเหนือกว่าหากเซิร์ฟเวอร์รองรับประเภทการเข้ารหัส AES และ RC4
* "แรง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตเฉพาะประเภท AES
* "แบบเดิม" จะอนุญาตเฉพาะประเภท RC4 ซึ่งไม่มีความปลอดภัย และควรใช้ในบางกรณีเท่านั้น หากเป็นไปได้ ให้กำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพื่อให้รองรับการเข้ารหัส AES
รวมถึงดู https://wiki.samba.org/index.php/Samba_4.6_Features_added/changed#Kerberos_client_encryption_types</translation>
<translation id="554903022911579950">Kerberos</translation>
<translation id="555022085242359084">เปิดใช้โหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="555077880566103058">อนุญาตให้ทุกเว็บไซต์เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5556607617517096419">Borealis</translation>
<translation id="5558394213067608844">เปิดใช้ตัวควบคุมการวินิจฉัยพร้อมทั้งการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation>
<translation id="5559079916187891399">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Android</translation>
<translation id="5560039246134246593">เพิ่มพารามิเตอร์ไปยังการเรียกเมล็ดรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากระบุ จะเป็นการเพิ่มพารามิเตอร์ข้อความค้นหาที่เรียกว่า "restrict" ไปยัง URL ที่ใช้เพื่อเรียกเมล็ดรูปแบบ ค่าของพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้
หากไม่ระบุ จะไม่แก้ไข URL เมล็ดรูปแบบ</translation>
<translation id="5561811616825571914">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับเว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในหน้าลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="5561893881195372931">ปิดใช้คอนทราสต์สูง</translation>
<translation id="5563240289883266691">เปิดใช้การรายงานการใช้แอป Linux</translation>
<translation id="5565178130821694365">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 2 วัน (48 ชั่วโมง)</translation>
<translation id="5566210228171064229">อนุญาตการพิมพ์ทั้งกรณีที่มีและไม่มี PIN</translation>
<translation id="5569504149646180067">กําหนดค่าการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติสําหรับบัญชีที่มาจากผู้ให้บริการข้อมูลประจําตัวในระบบคลาวด์ของ Microsoft®
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 1 (<ph name="POLICY_VALUE_ENABLED" />) ผู้ที่ลงชื่อเข้าใช้คอมพิวเตอร์ด้วยบัญชีที่มาจากผู้ให้บริการข้อมูลประจําตัวในระบบคลาวด์ของ Microsoft® (นั่นคือ <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือผู้ให้บริการข้อมูลประจําตัวของบัญชี Microsoft® สําหรับผู้ใช้ทั่วไป) หรือผู้ที่เพิ่มบัญชีงานหรือบัญชีโรงเรียนลงใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะลงชื่อเข้าใช้ผลิตภัณฑ์และบริการบนอินเทอร์เน็ตโดยใช้ข้อมูลประจําตัวนั้นได้โดยอัตโนมัติ ระบบจะส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์และบัญชีของผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการข้อมูลประจําตัวในระบบคลาวด์ของผู้ใช้เมื่อเกิดเหตุการณ์การตรวจสอบสิทธิ์แต่ละครั้ง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 (<ph name="POLICY_VALUE_DISABLED" />) หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติตามที่อธิบายไว้ข้างต้น
ฟีเจอร์นี้มีให้บริการใน <ph name="WIN_NAME" /> 10 เป็นต้นไป
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลกับโหมดไม่ระบุตัวตนหรือโหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="5572971233886879856">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ การดำเนินการนี้ใช้กับนโยบาย <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> เท่านั้น
หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ผ่านนโยบายด้านอุปกรณ์
รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "id" ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะเพิกเฉยต่อการกรองและจะพิจารณาเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดที่ให้บริการโดย <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /></translation>
<translation id="5573207364545428684">เปิดให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลโอนไฟล์ไปยังและจากโฮสต์ระยะไกลได้</translation>
<translation id="557360560705413259">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ commonName ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์เพื่อจับคู่ชื่อโฮสต์หากใบรับรองไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ตราบใดที่การตรวจสอบความถูกต้องและการเชื่อมโยงกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่องสำเร็จ
โปรดทราบว่าเราไม่แนะนำวิธีดังกล่าว เนื่องจากวิธีนี้อาจทำให้สามารถข้ามผ่านส่วนขยาย nameConstraints ซึ่งจำกัดชื่อโฮสต์ที่ใบรับรองได้รับสิทธิ์ให้ใช้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะไม่เชื่อถือใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ที่มีชื่อ DNS หรือที่อยู่ IP</translation>
<translation id="5576377426850850084">ใช้การตรวจสอบสิทธิ์ NTLM</translation>
<translation id="5577475143148445339">ระบุจำนวนวันและเปอร์เซ็นต์ของกลุ่มอุปกรณ์ที่ควรได้รับการอัปเดตเมื่อเลยวันดังกล่าว</translation>
<translation id="5579179012798142131">การตั้งค่า ArcEnabled เป็น "จริง" จะเปิด ARC สำหรับผู้ใช้ เว้นแต่โหมดชั่วคราวหรือการลงชื่อเข้าสู่ระบบพร้อมกันหลายบัญชีเปิดอยู่ระหว่างเซสชันของผู้ใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้ระดับองค์กรจะใช้ ARC ไม่ได้</translation>
<translation id="5582429816116769246">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบของตนเองได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบของตนเองไม่ได้ และจะสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบซึ่งกำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วย
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="USER_PRINTERS_ALLOWED" /> แทน
</translation>
<translation id="5583556212159295911">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 83 โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_PROTECTION_LEVEL_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ Chrome ไว้เสมอ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด Google Safe Browsing ไว้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า "เปิดใช้การป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" ใน Chrome ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะตั้งค่า "เปิดใช้การป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" เป็น "จริง" แต่ผู้ใช้เปลี่ยนได้
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing ( https://developers.google.com/safe-browsing )
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_PROTECTION_LEVEL_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่สนใจค่าของนโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" />
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="5583806683960333345">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งทำให้โทรศัพท์ Google แชร์อินเทอร์เน็ตมือถือกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="5584132346604748282">ควบคุมบริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation>
<translation id="5584609869321980122">เริ่มหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและการจํากัดระยะเวลาเซสชันหลังจากกิจกรรมแรกของผู้ใช้</translation>
<translation id="5585298198686067735">การตั้งค่านโยบายนี้อนุญาตให้โดเมนที่แสดงอยู่เข้าถึง URL รูปแบบ file:// ในโปรแกรมอ่าน PDF
การเพิ่มนโยบายจะอนุญาตให้โดเมนเข้าถึง URL รูปแบบ file:// ในโปรแกรมอ่าน PDF
การนำนโยบายออกเป็นการไม่อนุญาตให้โดเมนเข้าถึง URL รูปแบบ file:// ในโปรแกรมอ่าน PDF
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้โดเมนทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึง URL รูปแบบ file:// ในโปรแกรมอ่าน PDF</translation>
<translation id="5585424654425017599">อนุญาตการผสานรวม</translation>
<translation id="5586942249556966598">ไม่ดำเนินการใดๆ</translation>
<translation id="5598417829613725146">Canvas (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 90 เป็นต้นไป)</translation>
<translation id="5598821717813911176">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่ได้รับอนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันเมื่อใช้ฟังก์ชัน <ph name="DOCUMENTSCAN_API" /> <ph name="GET_SCANNER_LIST_FUNCTION" /> และ <ph name="START_SCAN_FUNCTION" />
หากตั้งค่านโยบายเป็นรายการที่ไม่ว่างเปล่าและมีส่วนขยายอยู่ในรายการ ระบบจะไม่แสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันการสแกนที่ตามปกติจะปรากฏต่อผู้ใช้เมื่อมีการเรียกใช้ <ph name="GET_SCANNER_LIST_FUNCTION" /> หรือ <ph name="START_SCAN_FUNCTION" /> สำหรับส่วนขยายนั้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า กล่องโต้ตอบการยืนยันการสแกนจะแสดงต่อผู้ใช้เมื่อมีการเรียกใช้ <ph name="GET_SCANNER_LIST_FUNCTION" /> หรือ <ph name="START_SCAN_FUNCTION" /></translation>
<translation id="5599461642204007579">การตั้งค่าการจัดการ <ph name="MS_AD_NAME" /></translation>
<translation id="5601503069213153581">PIN</translation>
<translation id="5607021831414604820">เปิดใช้การรายงานสถานะพื้นที่เก็บข้อมูลของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5608114828230655271">ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของอุปกรณ์</translation>
<translation id="561001683838346956">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 124 ตั้งแต่เวอร์ชันดังกล่าวเป็นต้นไป ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้แฮชที่ไม่ปลอดภัยเสมอ ในเวอร์ชันก่อนหน้า นโยบายนี้ควบคุมว่าเบราว์เซอร์จะอนุญาตให้ใช้แฮชที่ไม่ปลอดภัยแบบเดิมในระหว่างกระบวนการแฮนด์เชค TLS หรือไม่
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำตามกระบวนการเริ่มใช้งานเริ่มต้นของการไม่อนุญาตแฮชที่ไม่ปลอดภัย หากเปิดใช้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เซิร์ฟเวอร์ใช้แฮชที่ไม่ปลอดภัยเมื่อสื่อสารในกระบวนการแฮนด์เชค TLS หากปิดใช้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เซิร์ฟเวอร์ใช้แฮชที่ไม่ปลอดภัยเมื่อสื่อสารในกระบวนการแฮนด์เชค TLS</translation>
<translation id="5611869109049836323">บังคับใช้ข้อจํากัดใน Trust Anchor ที่เพิ่มในเครื่อง</translation>
<translation id="5612770822986069057">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดการตั้งค่าการปกป้อง IP ของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ของตน</translation>
<translation id="5614865701790130558">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งส่วนขยายตามนโยบาย</translation>
<translation id="561493980641967737">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL อยู่เสมอ ข้อมูลนี้จะส่ง URL ของหน้าเว็บที่ผู้ใช้เข้าชมไปยัง Google เพื่อช่วยให้การค้นหาและการท่องเว็บดีขึ้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ด้วยตนเองได้
ในคีออสก์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะไม่มีตัวเลือก "ให้ผู้ใช้ตัดสินใจ" หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ให้กับคีออสก์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะมีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL อยู่เสมอ
เมื่อตั้งค่าให้กับคีออสก์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะเปิดใช้การรวบรวมเมตริกซึ่งผูกกับ URL สำหรับแอปคีออสก์</translation>
<translation id="5618398258385745432">มีการใช้การตั้งค่าที่เชื่อมโยงกันก่อนการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งเมื่อใช้การดูรหัสผ่าน ด้วยเหตุนี้ การตั้งค่าและนโยบายนี้จึงไม่มีผลต่อลักษณะการทำงานของ Chrome ซึ่งปัจจุบันมีลักษณะเหมือนกับว่ามีการตั้งค่านโยบายให้ปิดใช้การแสดงรหัสผ่านอย่างชัดเจนในหน้าการตั้งค่าตัวจัดการรหัสผ่าน หรือหมายความว่าหน้าการตั้งค่าจะมีเพียงตัวยึดตำแหน่ง และ Chrome จะแสดงรหัสผ่านต่อเมื่อผู้ใช้คลิก "แสดง" (และทำการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง หากจำเป็น) คำอธิบายเดิมของนโยบายนี้มีตามที่แสดงไว้ด้านล่าง
ควบคุมว่าจะให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านอย่างชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่านหรือไม่
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ตัวจัดการรหัสผ่านจะไม่อนุญาตให้แสดงรหัสผ่านที่เก็บไว้อย่างชัดเจนในหน้าต่างตัวจัดการรหัสผ่าน
หากคุณเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะดูรหัสผ่านของตนได้อย่างชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="5619498195290770056">การตั้งค่านโยบายนี้จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ตั้งค่าคุกกี้ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="5620392548325769024">เปิดใช้การแสดงหน้าต้อนรับเมื่อเปิดเบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="5621503441067774084">เปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5622590774455244290">แอป Android อาจเลือกใช้รายการนี้โดยสมัครใจและไม่สามารถบังคับให้ดำเนินการได้</translation>
<translation id="5622924058222112599">เปิดใช้กระบวนการเปิดตัวเริ่มต้นของ CECPQ2</translation>
<translation id="5623304306796942802">ข้อความแจ้งที่แสดงเมื่อมีใบรับรองที่ตรงกันหลายรายการ</translation>
<translation id="5625771176514429288">แอป Chrome จะได้รับอนุญาตให้ทำงานในแพลตฟอร์มเหล่านี้</translation>
<translation id="5630352020869108293">คืนค่าเซสชันล่าสุด</translation>
<translation id="5633871703004128675">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ</translation>
<translation id="5634032995857968056">เปิดใช้แซนด์บ็อกซ์ของคอนเทนเนอร์แอปตัวแสดงผล</translation>
<translation id="5638334542697444045">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5639454129004500060">หากตั้งค่า นโยบายนี้จะมีข้อมูลให้ดาวน์โหลดไฟล์เทมเพลตเดสก์ โดยไฟล์ดังกล่าวมีเทมเพลตเดสก์ที่จะจัดสรรให้กับผู้ใช้คนปัจจุบัน
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รวมเทมเพลตเดสก์ที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าในรายการเทมเพลตเดสก์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="DESK_TEMPLATES_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" นโยบายนี้จะไม่มีผล</translation>
<translation id="5644038505105689131">แหล่งที่มาของรูปภาพหน้าจอการเข้าสู่ระบบสำหรับภาพพักหน้าจอของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5645779841392247734">อนุญาตให้ใช้คุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5646234199535103501">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnBulkDataEntry</translation>
<translation id="5648016151508002741">ป้องกันไม่ให้ดำเนินการตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" /> ออนไลน์</translation>
<translation id="5649046890958064703">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="5649773663020498924">การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ใช้สิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ด การตั้งค่านโยบายเป็น 3 หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าและเลือกว่า API ของคลิปบอร์ดจะพร้อมให้เว็บไซต์ใช้งานเมื่อต้องการหรือไม่
นโยบายนี้ถูกลบล้างสำหรับ URL บางรูปแบบได้โดยใช้นโยบาย <ph name="CLIPBOARD_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="CLIPBOARD_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับการดำเนินการเกี่ยวกับคลิปบอร์ดซึ่งควบคุมโดยสิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ดสำหรับเว็บไซต์ และไม่มีผลกับการเขียนคลิปบอร์ดที่มีการปรับแต่งหรือการคัดลอกและวางที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="5650256117857913687">ไม่ให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลเปิด URL ฝั่งโฮสต์ในเบราว์เซอร์ไคลเอ็นต์ในเครื่อง</translation>
<translation id="5650716720715977549">ใช้ข้อจำกัดกับคำขอไปยังอุปกรณ์ปลายทางของเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น</translation>
<translation id="5651538748810288218">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์เข้าถึงและใช้เซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะทำให้ระบบปฏิเสธการเข้าถึงเซ็นเซอร์
การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="ALLOW_SENSORS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="5652250453612826983">ควบคุมนโยบายการควบคุมดูแลโดยผู้ปกครองซึ่งใช้กับบัญชีของเด็กเท่านั้น
นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ตั้งค่าในคอนโซลผู้ดูแลระบบ แต่เซิร์ฟเวอร์ Kids API เป็นผู้กำหนดค่าโดยตรง</translation>
<translation id="5654682237531873653">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดการตรวจตัวสะกด และผู้ใช้จะปิดไม่ได้ ใน <ph name="MS_WIN_NAME" />, <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการตรวจตัวสะกดของแต่ละภาษาแยกกันได้ ดังนั้นจึงยังปิดการตรวจตัวสะกดโดยการปิดการตรวจตัวสะกดของทุกภาษาได้อยู่ คุณอาจหลีกเลี่ยงปัญหานี้โดยใช้ <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> เพื่อบังคับให้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดของบางภาษา
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการตรวจตัวสะกดจากทุกแหล่งที่มา และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้ นโยบาย <ph name="SPELL_CHECK_SERVICE_ENABLED_POLICY_NAME" />, <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> และ <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะไม่ส่งผลกระทบเมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ"
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดการตรวจตัวสะกดได้ในการตั้งค่าภาษา </translation>
<translation id="5655553344896004108">อนุญาตให้ใช้ U2F Security Key API ที่เลิกใช้งานไปแล้ว</translation>
<translation id="5656177735561364047">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์</translation>
<translation id="5657752663637568277">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงคำเตือนการเลิกใช้งานของ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ต่อผู้ใช้หรือไม่ในกล่องโต้ตอบการแสดงตัวอย่างการพิมพ์หรือหน้าการตั้งค่า
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะซ่อนคำเตือนการเลิกใช้งาน
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้คำเตือนการเลิกใช้งานแสดงขึ้นมา</translation>
<translation id="5659776687676755342">เปิดเสียงเตือนแบตเตอรี่ต่ำ</translation>
<translation id="5660228672907979869">บล็อกไม่ให้เปิดใช้การแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="5660950553460381588">ค่าเริ่มต้นคือสร้างพาสคีย์ในพวงกุญแจ iCloud เมื่อเป็นไปได้</translation>
<translation id="5666457529647159548">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ติดตั้งไว้</translation>
<translation id="5670249935663090320">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งผู้ใช้จะเรียกใช้ได้จากเมนูแอป เมนูตามบริบทของหน้าเว็บ ตัวควบคุมสื่อในเว็บไซต์ที่พร้อมใช้งาน Cast และไอคอนแถบเครื่องมือของ Cast (หากมีแสดงขึ้นมา)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="5673254755365419402">เปิดใช้ฟีเจอร์การป้องกันลายนิ้วมือของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /></translation>
<translation id="567377007899266033">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะส่งรายงานเหตุการณ์การติดตั้งส่วนขยายสำคัญที่ทริกเกอร์โดยนโยบายไปยัง Google การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกเหตุการณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นจะตั้งค่าเป็น "จริง"</translation>
<translation id="5673780539191375049">กำหนดช่วงเวลา (เป็นนาที) ที่ใช้ในการโหลดขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ซ้ำโดยอัตโนมัติในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เรานำนโยบายนี้มาใช้เพื่อจัดการกับการหมดอายุของบริการบางอย่างที่ใช้ในขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์เมื่อไม่มีการใช้งานอุปกรณ์เป็นระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือมีค่าเป็น 0 ระบบจะไม่โหลดขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ซ้ำ
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็นค่าบวก ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์จะโหลดซ้ำโดยอัตโนมัติเมื่อถึงช่วงเวลาที่กำหนด
ช่วงเวลาการโหลดซ้ำสูงสุดที่เป็นไปได้คือ 1 สัปดาห์ (10,080 นาที)
นโยบายนี้จะมีผลต่อทั้งขั้นตอนการเข้าสู่ระบบและการตรวจสอบสิทธิ์หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="5676740747107495269">แสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5679540979548648200">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB และบังคับให้อุปกรณ์ทำ Powerwash หากเคยอนุญาตให้มีการโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จัก</translation>
<translation id="5681258683432554972">การตั้งค่าป๊อปอัปเริ่มต้น</translation>
<translation id="5684501593989438324">เปิดใช้คำสั่งให้ดำเนินการของ Google Assistant</translation>
<translation id="5688951037082618146">แสดงการติดป้ายองค์กรในอุปกรณ์ทุกเครื่อง</translation>
<translation id="5689430183304951538">ขนาดหน้าของการพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="5691637243722588222">การตั้งค่านโยบายจะระบุรูปแบบการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รองรับ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะใช้ทั้ง 4 รูปแบบ
ค่าที่ใช้ได้มีดังนี้
* basic
* digest
* ntlm
* negotiate
หมายเหตุ: คั่นค่าหลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation>
<translation id="5693469654327063861">อนุญาตให้ย้ายข้อมูล</translation>
<translation id="56936613186060503">Download Manager จะไม่มีตัวเลือกให้บันทึกไฟล์ไปยัง <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /></translation>
<translation id="5693942129376744977">ปิดใช้ผู้ให้บริการการทำงานอัตโนมัติของ UI</translation>
<translation id="5695209488612697377">เปิดใช้การใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นในเมนูตามบริบท
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ การค้นหารายการในเมนูตามบริบทที่ต้องใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นของคุณจะใช้งานไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า รายการในเมนูตามบริบทสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นจะใช้งานได้
ระบบจะใช้ค่านโยบายเมื่อเปิดใช้นโยบาย <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เท่านั้น และจะไม่มีผลหากไม่เปิดใช้</translation>
<translation id="5695907219125832836">เปิดใช้ฟีเจอร์แต่ไม่ต้องส่งข้อมูลเพื่อช่วยฝึกโมเดล AI</translation>
<translation id="5697306356229823047">รายงานผู้ใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="5697387906103995839">ปิดใช้การบันทึกระบบของส่วนขยายสำหรับองค์กร</translation>
<translation id="569777361305162263">ปิดใช้การแสดงเนื้อหาเพื่อการโปรโมตแบบเต็มแท็บ</translation>
<translation id="5698923148503075597">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้นโยบายระบบคลาวด์มีความสำคัญเหนือกว่าหากมีความขัดแย้งกับนโยบายแพลตฟอร์ม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้นโยบายแพลตฟอร์มมีความสำคัญเหนือกว่าหากมีความขัดแย้งกับนโยบายระบบคลาวด์
นโยบายที่บังคับนี้ส่งผลต่อนโยบายระบบคลาวด์ตามขอบเขตของเครื่อง
นโยบายนี้มีเฉพาะใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และไม่ส่งผลใดๆ ต่อ <ph name="GOOGLE_UPDATE_NAME" /></translation>
<translation id="5705055136345677598">ปิดใช้โหมดพื้นหลัง</translation>
<translation id="5705632645298500887">ตั้งค่าตำแหน่งที่จะจัดเก็บการจับภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="5705828032077475554">รายงานเซสชัน CRD</translation>
<translation id="5706929446669049441">ปิดใช้การแชร์ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้</translation>
<translation id="57072195677044908">ปิดใช้การแยกโปรไฟล์</translation>
<translation id="5708969689202733975">กำหนดค่าโหมดปลดล็อกด่วนที่ได้รับอนุญาต</translation>
<translation id="5714563837055244378">เปิดใช้การแชร์จาก Android ไปยังเว็บแอป</translation>
<translation id="5715739768416614900">เปิดใช้เครื่องมือแก้ปัญหาคีออสก์</translation>
<translation id="5717973246079053225">ปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของโปรไฟล์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="572155275267014074">การตั้งค่า Android</translation>
<translation id="5722577409367087850">โหลดส่วนขยาย</translation>
<translation id="5728154254076636808">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="5729308727912841256">รหัสผ่าน Kerberos ตัวยึดตำแหน่ง <ph name="PASSWORD_PLACEHOLDER" /> นั้นแทนที่โดยรหัสผ่านการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="573183812760497142">บล็อกการแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สามสำหรับต้นทางเหล่านี้</translation>
<translation id="5732972008943405952">นำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="5733040281451845496">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการเริ่มการหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและการจำกัดความยาวของเซสชันจนกว่ากิจกรรมแรกของผู้ใช้จะเกิดขึ้นในเซสชัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้การหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและการจำกัดความยาวของเซสชันเริ่มทันทีหลังจากที่เริ่มเซสชัน</translation>
<translation id="5733357908790472408">ใช้ Chrome Root Store</translation>
<translation id="5735348887833535655">ควบคุมว่าจะให้ VM ที่ใช้การกําหนดค่านี้เข้าถึง vTPM หรือไม่ ซึ่งค่าเริ่มต้นคือ "เท็จ"</translation>
<translation id="5735915264686983150">ซ่อนและบล็อกฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation>
<translation id="5736498355107027047">แสดงปุ่มออกจากระบบในถาดระบบ</translation>
<translation id="5737394734996319911">ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอซึ่งมีความบกพร่องทางสายตารู้รายละเอียดของรูปภาพในเว็บที่ไม่มีป้ายกำกับบอกไว้ ผู้ใช้ที่เลือกเปิดใช้ฟีเจอร์จะมีตัวเลือกการใช้บริการ Google ที่ไม่ระบุตัวบุคคล เพื่อฟังคำอธิบายแบบอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่ได้ติดป้ายกำกับซึ่งผู้ใช้พบเจอในเว็บ
หากมีการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ ระบบจะส่งเนื้อหาของรูปภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อสร้างคำอธิบาย จะไม่มีการส่งคุกกี้หรือข้อมูลผู้ใช้อื่นๆ และ Google จะไม่บันทึกเนื้อหารูปภาพใดๆ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้ แต่จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอหรือเทคโนโลยีความช่วยเหลือพิเศษที่คล้ายกันอื่นๆ เท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกให้เปิดใช้ฟีเจอร์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้หรือไม่ใช้ฟีเจอร์นี้ได้
</translation>
<translation id="5738766588683307797">หากปิดใช้ <ph name="POWER_SMART_DIM_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="USER_ACTIVITY_SCREEN_DIM_DELAY_SCALE_POLICY_NAME" /> จะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัว การปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ค่าตัวคูณมาตราส่วนเริ่มต้น
หมายเหตุ: ค่าตัวคูณมาตราส่วนต้องเท่ากับ 100% ขึ้นไป</translation>
<translation id="5740636973289452345">เปิดใช้การรายงานข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน</translation>
<translation id="5741110260062082926">ปิดใช้ Orca</translation>
<translation id="5746149754419996562">เปิดใช้การแสดงวิดเจ็ต Glanceables ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นั่นคือวิดเจ็ตที่เข้าถึงได้ผ่านชิปวันที่ในแถบ
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ Glanceables ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
เมื่อปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่เปิดใช้ Glanceables ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5749396052108288586">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="574983287620584622">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5755002458331714762"> Web Components v0 API (Shadow DOM v0, Custom Elements v0 และ HTML Imports) เลิกใช้งานไปในปี 2018 และถูกปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นเริ่มตั้งแต่ในเวอร์ชัน M80 นโยบายนี้อนุญาตให้เลือกเปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้อีกครั้งจนถึงเวอร์ชัน M84
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดใช้ฟีเจอร์ Web Components v0 สำหรับทุกเว็บไซต์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะปิดใช้ฟีเจอร์ Web Components v0 โดยค่าเริ่มต้นเริ่มตั้งแต่ในเวอร์ชัน M80
เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจาก Chrome 84</translation>
<translation id="575647238840663288">เอกสารอาจอยู่ในคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับต้นทางโดยค่าเริ่มต้นและ document.domain จะตั้งค่าไม่ได้สำหรับเอกสารดังกล่าว</translation>
<translation id="5756680608782814094">รายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ (VPD) เป็นคอลเล็กชันการกำหนดค่าและข้อมูลต่างๆ (เช่น หมายเลขชิ้นส่วนและหมายเลขซีเรียล) ที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์</translation>
<translation id="5760227556806302854">เปิดใช้ผู้ให้บริการเฟรมเวิร์กการช่วยเหลือพิเศษสำหรับการทำงานอัตโนมัติของ UI ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เพื่อใช้เครื่องมือช่วยเหลือพิเศษ
เรารองรับนโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลง 1 ปี เพื่อให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถควบคุมการติดตั้งใช้งานของผู้ให้บริการเฟรมเวิร์กการช่วยเหลือพิเศษสำหรับการทำงานอัตโนมัติของ UI ของเบราว์เซอร์ได้ การช่วยเหลือพิเศษและเครื่องมืออื่นๆ ที่ใช้เฟรมเวิร์กการช่วยเหลือพิเศษสำหรับการทำงานอัตโนมัติของ UI เพื่อทำงานร่วมกับเบราว์เซอร์อาจต้องมีการอัปเดตจึงจะทำงานกับผู้ให้บริการการทำงานอัตโนมัติของ UI ของเบราว์เซอร์ได้อย่างถูกต้อง ผู้ดูแลระบบสามารถใช้นโยบายนี้เพื่อปิดใช้ผู้ให้บริการการทำงานอัตโนมัติของ UI ของเบราว์เซอร์ชั่วคราว (ดังนั้นจะมีการเปลี่ยนกลับไปเป็นลักษณะการทำงานแบบเดิม) ขณะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเพื่ออัปเดตเครื่องมือที่ได้รับผลกระทบ
เมื่อตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้เฉพาะผู้ให้บริการ Microsoft Active Accessibility การช่วยเหลือพิเศษและเครื่องมืออื่นๆ ที่ใช้เฟรมเวิร์กการช่วยเหลือพิเศษสำหรับการทำงานอัตโนมัติของ UI เวอร์ชันใหม่เพื่อทำงานร่วมกับเบราว์เซอร์จะสื่อสารกับเบราว์เซอร์โดยใช้รูปแบบความเข้ากันได้ใน <ph name="MS_WIN_NAME" />
เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้ผู้ให้บริการการทำงานอัตโนมัติของ UI เพิ่มเติมจากผู้ให้บริการ Microsoft Active Accessibility การช่วยเหลือพิเศษและเครื่องมืออื่นๆ ที่ใช้เฟรมเวิร์กการช่วยเหลือพิเศษสำหรับการทำงานอัตโนมัติของ UI เวอร์ชันใหม่เพื่อทำงานร่วมกับเบราว์เซอร์จะสื่อสารกับเบราว์เซอร์โดยตรง
เมื่อไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เฟรมเวิร์กรูปแบบต่างๆ ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เพื่อเปิดใช้หรือปิดใช้ผู้ให้บริการ
การรองรับการตั้งค่านโยบายนี้จะสิ้นสุดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 136</translation>
<translation id="5762969307102447459">ปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่</translation>
<translation id="5765780083710877561">คำอธิบาย:</translation>
<translation id="5766438888216077649">อย่าตั้งค่า <ph name="WINDOW_OPENER_PROPERTY" /> สำหรับลิงก์ที่กำหนดเป้าหมาย <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /></translation>
<translation id="5767776869128458023">ปิดใช้หน้าแสดงข้อผิดพลาดสำรอง</translation>
<translation id="5770738360657678870">เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา (อาจไม่เสถียร)</translation>
<translation id="5774345930803672932">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการรายงานเหตุการณ์ การวัดและส่งข้อมูลทางไกล และข้อมูลไปยังไปป์ไลน์การรายงานที่เข้ารหัส การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้ไปป์ไลน์การรายงานที่เข้ารหัส</translation>
<translation id="5774856474228476867">URL การค้นหาของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="5775235485119094648">ชาร์จแบตเตอรี่ขณะอยู่ภายในช่วงคงที่</translation>
<translation id="5776485039795852974">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการแสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="5783009211970309878">ส่วนหัวและส่วนท้ายของการพิมพ์</translation>
<translation id="5790763087505467169">ลดการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="5800329278018669527">ปิดใช้ข้อความแจ้งการกําหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์</translation>
<translation id="5802931736499687181">ปิดใช้ไปป์ไลน์การรายงานที่เข้ารหัส</translation>
<translation id="5803715507113569033">นโยบายนี้อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกําหนดค่าการต่อเชื่อมของ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="ALLOWED_NAME" />" ช่วยให้ผู้ใช้ตั้งค่า <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> ได้ หากต้องการ
หลังจากกระบวนการตั้งค่าเสร็จสิ้นแล้ว ระบบจะต่อเชื่อม <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> ในโปรแกรมจัดการไฟล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="DISALLOWED_NAME" />" จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ตั้งค่า <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="AUTOMATED_NAME" />" จะพยายามตั้งค่า <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> โดยอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้จะต้องเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ด้วยบัญชี Microsoft ในกรณีที่ไม่สำเร็จ ระบบจะย้อนกลับมาแสดงขั้นตอนการตั้งค่า
การไม่ตั้งค่านโยบายจะมีฟังก์ชันการทำงานเทียบเท่ากับการตั้งค่าเป็น "<ph name="ALLOWED_NAME" />" สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรที่ไม่ได้ตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเป็น "<ph name="DISALLOWED_NAME" />"
ทั้งนี้สามารถเพิ่มการจำกัดบัญชีเพิ่มเติมได้ด้วยนโยบาย <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_ACCOUNT_RESTRICTIONS" /></translation>
<translation id="5804795151506109282">ไม่ต้องแสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ย้ายข้อมูล</translation>
<translation id="5806128552675651249">อนุญาตเฉพาะการพิมพ์ที่ไม่มีกราฟิกพื้นหลังเท่านั้น</translation>
<translation id="5809210507920527553">ควบคุมการตั้งค่าของคอนเทนเนอร์ Linux (Crostini)</translation>
<translation id="5809728392451418079">ตั้งชื่อสำหรับแสดงสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="5810916450338110943">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_FILE_DOWNLOADED_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีการดาวน์โหลดไฟล์ใน Chrome
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งไฟล์สำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการดาวน์โหลดไฟล์จากหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับไฟล์นั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์ที่ดาวน์โหลด ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์นั้นทันที
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DEFAULT_ACTION_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น "บล็อก" หมายความว่า Chrome จะไม่ให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการเข้าถึงไฟล์ที่ดาวน์โหลดหากเกิดข้อผิดพลาดขณะสื่อสารกับบริการการวิเคราะห์ ค่าอื่นๆ หมายความว่า Chrome ให้สิทธิ์ผู้ใช้ในการเข้าถึงไฟล์ที่ดาวน์โหลด
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_PASSWORD_PROTECTED_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าฟิลด์นี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ฟิลด์ข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ฟิลด์ learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ฟิลด์ภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ฟิลด์ภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ฟิลด์แท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจมีหรือไม่มีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีฟิลด์ข้อความและฟิลด์แท็กที่ไม่เว้นว่างไว้
นโยบายนี้ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมจึงจะมีผล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a?p=chrome_enterprise_connector_policies_setting</translation>
<translation id="5812539307212402176">ซ่อนการติดป้ายองค์กรทั้งหมด</translation>
<translation id="5814301096961727113">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5815129011704381141">รีบูตอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต</translation>
<translation id="5815990343032461023">ลักษณะการทำงานเดิม: แอป Chrome Kiosk จะอัปเดตผ่านระบบส่วนขยายโดยใช้ URL อัปเดตจากไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย รวมถึงตัวจัดการการแคชโดยใช้ URL อัปเดตจากนโยบาย</translation>
<translation id="5828008775808363753">ไม่ต้องเปิดเบราว์เซอร์เมื่อเริ่มต้นทำงาน</translation>
<translation id="582857022372205358">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านสั้น</translation>
<translation id="5830196507442186669">อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ <ph name="BOREALIS_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5831286647961890695">เปิดใช้รูปแบบการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5832274826894536455">นโยบายที่เลิกใช้งาน</translation>
<translation id="5834583755928064072">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนเวอร์ชันการเผยแพร่</translation>
<translation id="5835312413892670446">การตั้งค่าการจับภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="5835674781974810379">ล้างคุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์อื่นๆ</translation>
<translation id="5836064773277134605">จำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่ใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="583627479140113555">เปิดใช้การนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้เมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="5838452040629810808">เปิดใช้การไฮไลต์เคอร์เซอร์</translation>
<translation id="5841157246593092717">ควบคุมว่าจะปิดใช้ตัวแฮนเดิลเหตุการณ์ <ph name="UNLOAD_EVENT_NAME" /> ได้หรือไม่</translation>
<translation id="5842283830553218200">โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะใช้การส่งเหตุการณ์แบบใหม่ในลักษณะการทํางานของตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้</translation>
<translation id="5843736977964493779">ไม่อนุญาตการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /></translation>
<translation id="5847509620317822100">เราได้นำฟีเจอร์นี้ออกจาก Chrome 100 แล้ว
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการแนะนำแอปที่ผู้ใช้เคยติดตั้งไว้ในอุปกรณ์อื่น การแนะนำเหล่านี้จะปรากฏใน Launcher หลังจากการแนะนำแอปในเครื่อง หากไม่มีการป้อนข้อความค้นหา
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้การแนะนำดังกล่าวไม่ปรากฏขึ้น
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้</translation>
<translation id="5848438019586925019">อัลกอริทึมสำหรับการสร้างคู่คีย์</translation>
<translation id="5851248808417680865">ใช้ธีมมืด</translation>
<translation id="585270638818921943">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation>
<translation id="5853547031212075792">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้โหมด "HTTPS เท่านั้น"</translation>
<translation id="5859344336338527083">การตั้งค่านโยบายจะระบุ URL ที่ติดตั้งส่วนขยาย แอป และธีมได้ ก่อน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 21 ผู้ใช้คลิกลิงก์เพื่อไปยังไฟล์ *.crx ได้ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอให้ติดตั้งไฟล์หลังจากแสดงคำเตือน 2-3 รายการ แต่ในเวอร์ชันต่อมา จะต้องมีการดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวและลากไปที่หน้าการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านี้อนุญาตให้บาง URL มีขั้นตอนการติดตั้งแบบเก่าแต่ใช้งานง่ายกว่าได้
แต่ละรายการในลิสต์นี้เป็นรูปแบบการจับคู่สไตล์ส่วนขยาย (ดู https://developer.chrome.com/extensions/match_patterns) ผู้ใช้จะติดตั้งรายการต่างๆ ได้โดยง่ายจาก URL ที่ตรงกับรายการในลิสต์นี้ ทั้งตำแหน่งของไฟล์ *.crx และหน้าเว็บที่เริ่มการดาวน์โหลด (URL ที่มา) จะต้องได้รับอนุญาตจากรูปแบบเหล่านี้
<ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะมีความสำคัญเหนือนโยบายนี้ ซึ่งหมายความว่าระบบจะไม่ติดตั้งส่วนขยายที่อยู่ในรายการที่บล็อก แม้ว่าจะปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ในลิสต์นี้ก็ตาม</translation>
<translation id="5860010874344790473">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งบันทึกของระบบไปที่เซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่รายงานบันทึกของระบบ</translation>
<translation id="5861856285460256766">การกำหนดค่ารหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง</translation>
<translation id="5868414965372171132">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับผู้ใช้</translation>
<translation id="5868454276721377379">เมื่อผู้ใช้เปลี่ยนไปมาระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่างๆ บริการ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์จะคืนค่าสถานะการตรวจสอบสิทธิ์การใช้เว็บเซอร์วิสของผู้ใช้จากอุปกรณ์ก่อนหน้าไปยังอุปกรณ์ใหม่ ซึ่งทำได้โดยการย้ายคุกกี้ของผู้ใช้ไปมาระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะคืนค่าสถานะการตรวจสอบสิทธิ์การใช้เว็บเซอร์วิสของผู้ใช้จากอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ผู้ใช้ใช้งานล่าสุดโดยอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ระบบ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่คืนค่าสถานะการตรวจสอบสิทธิ์การใช้เว็บเซอร์วิสของผู้ใช้เมื่อเข้าสู่ระบบในอุปกรณ์เครื่องอื่น
คุณกำหนดค่าโดเมนเว็บเซอร์วิสที่ถูกบล็อกไม่ให้คืนค่าได้โดยใช้นโยบาย <ph name="FLOATING_SSO_DOMAIN_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ส่วนข้อยกเว้นสำหรับนโยบายนั้นจะกำหนดค่าได้โดยใช้นโยบาย <ph name="FLOATING_SSO_DOMAIN_BLOCKLIST_EXCEPTIONS_POLICY_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายทั้งสองไว้ ระบบจะย้ายการตรวจสอบสิทธิ์การใช้เว็บเซอร์วิสทั้งหมด ยกเว้นการตรวจสอบสิทธิ์ของ Google</translation>
<translation id="5871786561822073630">ไม่อนุญาตให้ใช้ฟีเจอร์การส่งพจนานุกรมการบีบอัด</translation>
<translation id="5872327206018094848">นโยบายนี้ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่เลือกไว้สำหรับการรีแมปเหตุการณ์กับ F11 ในหน้าย่อย "รีแมปคีย์" การตั้งค่าเหล่านี้มีผลเฉพาะกับแป้นพิมพ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้</translation>
<translation id="587242272905978723">อนุญาตให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> รวบรวมข้อมูลการใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บรวบรวมข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> อาจเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ซึ่งต่อจากนั้นจะมีการรวมเข้าด้วยกันและวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="5872738620659477303">เชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่ระบบ Google กับอุปกรณ์</translation>
<translation id="5875873062228321803">กำหนดค่าข้อกำหนดของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชันต่ำสุดที่อนุญาต
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่ไม่ว่างเปล่า
หากไม่มีรายการใดมี <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> สูงกว่าเวอร์ชันปัจจุบันของอุปกรณ์ ก็จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและข้อจำกัดที่มีอยู่แล้วจะถูกเพิกถอน
หากมีอย่างน้อย 1 รายการที่มี <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> สูงกว่าเวอร์ชันปัจจุบัน ระบบจะเลือกรายการที่มีเวอร์ชันสูงกว่าและใกล้เคียงกับเวอร์ชันปัจจุบันมากที่สุด
ในกรณีที่มีความขัดแย้ง ระบบจะเลือกรายการที่มี <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หรือ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> ต่ำกว่าและนำนโยบายนี้ไปใช้โดยใช้รายการนั้น
หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังมีการใช้งานและเครือข่ายปัจจุบันจำกัดการอัปเดตอัตโนมัติ ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนบนหน้าจอให้อัปเดตอุปกรณ์ภายใน <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> ซึ่งระบุในการแจ้งเตือนนั้น
จะไม่มีการแจ้งเตือนหากเครือข่ายปัจจุบันอนุญาตการอัปเดตอัตโนมัติและต้องมีการอัปเดตอุปกรณ์ภายใน <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" />
<ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> จะเริ่มนับจากเวลาที่นำนโยบายไปใช้
หากไม่มีการอัปเดตอุปกรณ์จนกระทั่ง <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลา ผู้ใช้จะออกจากระบบเซสชันที่ใช้งานอยู่โดยอัตโนมัติ
หากพบว่าเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในขณะที่มีการเข้าสู่ระบบและ <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลาแล้ว ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้อัปเดตอุปกรณ์ก่อนลงชื่อเข้าใช้
หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังมีการใช้งานและการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้ว ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนบนหน้าจอให้ส่งคืนอุปกรณ์ภายใน <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" />
หากพบว่าการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้ว ณ เวลาที่ลงชื่อเข้าใช้โดยที่ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลาแล้ว ระบบจะบล็อกอุปกรณ์นั้นไม่ให้ผู้ใช้คนใดก็ตามลงชื่อเข้าใช้
เซสชันของผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนและจะถูกบังคับให้ออกจากระบบหากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="UNMANAGED_USER_RESTRICTED_PROPERTY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นว่างเปล่า จะไม่มีการใช้ข้อจำกัด ข้อจำกัดที่มีอยู่แล้วจะถูกเพิกถอน และผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเป็นเวอร์ชันใดก็ตาม
ในที่นี้ ค่า <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> อาจหมายถึงเวอร์ชันที่เจาะจง เช่น "13305.0.0" หรือตัวเลขนำหน้าเวอร์ชัน เช่น "13305"
ค่า <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> และ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> เป็นค่าที่ไม่บังคับและกำหนดให้ระบุเป็นจำนวนวัน ค่าเริ่มต้นคือ 0 วันซึ่งหมายความว่าไม่มีช่วงเวลาเตือน
<ph name="UNMANAGED_USER_RESTRICTED_PROPERTY_NAME" /> เป็นพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่บังคับโดยมีค่าเริ่มต้นเป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="5879014913445067283">ควบคุมการค้นหาพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายผ่าน <ph name="NETBIOS_NAME" /></translation>
<translation id="588135807064822874">เปิดใช้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหา</translation>
<translation id="5882345429632338713">หน่วงเวลาก่อนเปิดเบราว์เซอร์สำรอง (มิลลิวินาที)</translation>
<translation id="5883015257301027298">การตั้งค่าคุกกี้เริ่มต้น</translation>
<translation id="5883754873839596178">การตั้งค่านโยบายจะระบุจำนวนการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกันสูงสุด บางพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์จัดการการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นพร้อมกันจำนวนมากต่อไคลเอ็นต์ไม่ได้ ปัญหานี้แก้ไขได้โดยการตั้งค่านโยบายนี้ให้มีค่าต่ำลง ค่าไม่ควรเกิน 100 แต่สูงกว่า 6 เว็บแอปบางรายการนั้นเป็นที่ทราบว่าต้องใช้การเชื่อมต่อจำนวนมากเนื่องจากใช้ Hanging GET การตั้งค่าที่ต่ำกว่า 32 จึงอาจส่งผลให้การเชื่อมโยงเครือข่ายของเบราว์เซอร์ค้างได้ในกรณีที่เปิดเว็บแอปที่ใช้การเชื่อมต่อ Hanging เป็นจำนวนมากเกินไป คุณต้องยอมรับความเสี่ยงเองหากตั้งค่าต่ำกว่าค่าเริ่มต้น
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นที่ 32</translation>
<translation id="5887414688706570295">กำหนดค่าส่วนนำหน้าของ TalkGadget ที่จะถูกใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง
หากมีการระบุไว้ ส่วนนำหน้านี้จะถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าชื่อ TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักเพื่อสร้างชื่อโดเมนเต็มสำหรับ TalkGadget ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักนี้คือ '.talkgadget.google.com'
หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ โฮสต์จะใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองเมื่อเข้าถึง TalkGadget แทนการใช้ชื่อโดเมนค่าเริ่มต้น
หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นค่าเริ่มต้น ('chromoting-host.talkgadget.google.com') จะถูกใช้สำหรับโฮสต์ทั้งหมด
ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งค่านโยบายนี้ โดยจะใช้ 'chromoting-client.talkgadget.google.com' เพื่อเข้าถึง TalkGadget เสมอ</translation>
<translation id="5887517293968987221">นโยบายนี้ควบคุมว่าไฟล์ปฏิบัติการของโฮสต์ในเครื่องจะเปิดใช้งานใน Windows โดยตรงหรือไม่
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะบังคับให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดใช้งานโฮสต์การรับส่งข้อความในเครื่องที่ใช้เป็นไฟล์ปฏิบัติการโดยตรง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะส่งผลให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดใช้งานโฮสต์โดยใช้ cmd.exe เป็นสื่อกลาง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะเป็นการให้สิทธิ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เลือกว่าจะใช้แนวทางใด</translation>
<translation id="5888645257599699215">รายงานสถานะเสียงของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5890063326284543943">ควบคุมการใช้ Serial API</translation>
<translation id="5893223274510346852">ปิดใช้ฟีเจอร์การปกป้อง IP ของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /></translation>
<translation id="5893303508158298667">หากตั้งค่า <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_FIREWALL_TRAVERSAL_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_ALLOW_RELAYED_CONNECTION_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้สามารถใช้ไคลเอ็นต์ระยะไกลเพื่อใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์ในการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เมื่อเชื่อมต่อโดยตรงไม่ได้ เช่น เนื่องจากข้อจำกัดด้านไฟร์วอลล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่ปิดการเข้าถึงระยะไกล แต่จะอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น (ไม่อนุญาตการส่งผ่าน NAT หรือรีเลย์)</translation>
<translation id="5895569286536062756">เปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5895861015839311441">รายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของการใช้งานแอปสำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง
การตั้งค่านโยบายจะควบคุมการรายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของการใช้งานแอปสำหรับประเภทแอปที่ระบุ
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของการใช้งานแอป</translation>
<translation id="5897234314586602143">แสดงส่วนหัวและส่วนท้ายในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="5897913798715600338">ชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว</translation>
<translation id="5898486742390981550">เมื่อมีผู้ใช้หลายคนอยู่ในระบบ จะมีเพียงผู้ใช้หลักเท่านั้นที่ใช้แอป Android ได้</translation>
<translation id="5899751601113377553">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="5900919753933009463">รายงานการกำหนดค่าเครือข่าย</translation>
<translation id="5901427587865226597">การพิมพ์ 2 ด้านเท่านั้น</translation>
<translation id="5905114360004248993">อนุญาตให้แสดงป๊อปอัปในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5905473632148429217">เปิดใช้การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์</translation>
<translation id="5908808391744484238">เมื่อเปิดใช้ไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ตัวกรองพารามิเตอร์ของ URL อาจนำพารามิเตอร์บางรายการออกเมื่อผู้ใช้เลือก "เปิดลิงก์ในหน้าต่างที่ไม่ระบุตัวตน" จากเมนูตามบริบท
เมื่อปิดใช้ จะไม่มีการกรอง
นโยบายนี้เป็นนโยบายชั่วคราวและอาจถูกนำออกเมื่อมีการออกเวอร์ชันใหม่ในอนาคต</translation>
<translation id="5910810837616572201">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST" /> แทน</translation>
<translation id="591088232153082363">ชาร์จแบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติโดยอิงตามรูปแบบการใช้งานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="5915023683182228340">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใช้โปรโตคอล QUIC ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ใช้โปรโตคอล QUIC ไม่ได้</translation>
<translation id="5916855682471300200">นโยบายสำหรับเครื่องที่ใช้ระบบคลาวด์จะมีผลเหนือนโยบายสำหรับเครื่องที่ใช้แพลตฟอร์ม</translation>
<translation id="5917425424971710623">ไม่ต้องรายงานข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์การตรวจจับและการตอบสนองแบบขยาย (XDR)</translation>
<translation id="592036544845479336">เปิดใช้ Mutation Event ที่เลิกใช้งาน/นําออกไปแล้วอีกครั้ง</translation>
<translation id="5921713479449475707">อนุญาตการดาวน์โหลดการอัปเดตอัตโนมัติผ่านทาง HTTP</translation>
<translation id="5927903236543424081">บังคับให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ก่อนใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="5928633129285224981">ควบคุมว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> มีค่าเริ่มต้นเป็นตั้งค่าตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพเมื่อจะพิมพ์ PDF หรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีค่าเริ่มต้นเป็นตั้งค่าตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพในตัวอย่างก่อนพิมพ์เมื่อจะพิมพ์ PDF
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในเบื้องต้นระบบจะไม่ได้ตั้งค่าให้ผู้ใช้เลือกตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพ ผู้ใช้จะเลือกงานพิมพ์ PDF แต่ละรายการได้หากตัวเลือกพร้อมใช้งาน
สำหรับ <ph name="MS_WIN_NAME" /> หรือ <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อเปิดใช้ <ph name="PRINT_PDF_AS_IMAGE_AVAILABILITY_POLICY_NAME" /> ไว้ด้วย</translation>
<translation id="5932383301001325587">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M53 หลังจากที่นำ TLS เวอร์ชันสำรองออกจาก "<ph name="PRODUCT_NAME" />"
เมื่อแฮนด์เชคของ TLS ไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนหน้านี้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะพยายามเชื่อมต่อกับ TLS เวอร์ชันต่ำลงมาอีกครั้งเพื่อแก้ปัญหาข้อบกพร่องในเซิร์ฟเวอร์ HTTPS โดยเบื้องต้น การตั้งค่านี้จะกำหนดค่าเวอร์ชันที่ขั้นตอนสำรองจะหยุดทำงาน หากเซิร์ฟเวอร์จัดการกำหนดค่าเวอร์ชันได้อย่างถูกต้อง (กล่าวคือ โดยไม่ทำให้การเชื่อมต่อถูกตัด) ระบบจะไม่นำการตั้งค่านี้ไปใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อที่ได้มาจะยังคงต้องสอดคล้องกับ SSLVersionMin
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้หรือหากกำหนดเป็น "tls1.2" จะทำให้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" ไม่ใช้ขั้นตอนสำรองนี้อีกต่อไป โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้ไม่ได้ปิดการรองรับ TLS เวอร์ชันเก่ากว่า เพียงแต่เป็นการกำหนดว่า "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะแก้ปัญหาโดยเบื้องต้นหรือไม่เท่านั้นสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่องซึ่งไม่สามารถจัดการกำหนดค่าเวอร์ชันได้อย่างถูกต้อง
หรือคุณอาจตั้งค่านโยบายนี้เป็น "tls1.1" หากต้องรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรมีการแก้ไขปัญหาเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว</translation>
<translation id="5932767795525445337">นโยบายนี้ใช้เพื่อปักหมุดแอป Android ได้</translation>
<translation id="5936193585187054065">ClientHello ที่เข้ารหัส (ECH) คือส่วนขยายสำหรับ TLS เพื่อเข้ารหัสช่องที่มีความละเอียดอ่อนของ ClientHello และเพิ่มความเป็นส่วนตัว
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็นเปิดใช้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะทำตามกระบวนการเริ่มใช้งานเริ่มต้นของ ECH หากปิดใช้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะไม่เปิดใช้ ECH
เมื่อเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" อาจใช้หรือไม่ใช้ ECH โดยขึ้นอยู่กับการรองรับของเซิร์ฟเวอร์ ความพร้อมใช้งานของระเบียน DNS ผ่าน HTTPS หรือสถานะการเริ่มใช้งาน
ECH เป็นโปรโตคอลที่กำลังพัฒนา การใช้งานของ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จึงอาจมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น นโยบายนี้เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อควบคุมการใช้งานการทดสอบเริ่มต้น ซึ่งจะแทนที่ด้วยตัวควบคุมสุดท้ายเมื่อโปรโตคอลเสร็จสมบูรณ์</translation>
<translation id="5939656968921014919">ปิดใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับแอปที่แยกไว้</translation>
<translation id="5939873071468124100">จำกัดบัญชีที่ใช้การผสานรวม <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="5945312246863177268">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้คลิกการแจ้งเตือนฮับโทรศัพท์เพื่อเปิดแอปพลิเคชัน Eche</translation>
<translation id="5946082169633555022">เวอร์ชันเบต้า</translation>
<translation id="5946329690214660966">ตั้งค่ากำหนดการที่กำหนดเองเพื่อตรวจหาอัปเดต</translation>
<translation id="5950069117106131681">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดส่วนหัวและส่วนท้ายในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดส่วนดังกล่าวในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกได้เองว่าจะให้แสดงส่วนหัวและส่วนท้ายหรือไม่</translation>
<translation id="5951418260805607969">แสดงการแจ้งเตือนเมื่อพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย</translation>
<translation id="5958746038080720143">เปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ (WPAD)</translation>
<translation id="5961137303188584693">ที่อยู่ MAC ของ NIC ในตัวของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5962271004971310788">ส่วนขยายที่ผู้ใช้ต้องอนุญาตให้ทำงานในโหมดไม่ระบุตัวตนเพื่อไปยังส่วนต่างๆ ในโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="5963752574792883406">พอร์ต 990 (เลิกบล็อกได้จนถึง 01/02/2022)</translation>
<translation id="5964583455815172553">การตั้งค่านโยบายจะเป็นการระบุรายการ Isolated Web App (IWA) ซึ่งติดตั้งโดยผู้ใช้ไม่ต้องทำการโต้ตอบ
IWA คือแอปพลิเคชันที่มีพร็อพเพอร์ตี้ความปลอดภัยที่เป็นประโยชน์แต่ใช้ไม่ได้กับหน้าเว็บปกติ โดยจะอยู่ในแพ็กเกจ Signed Web Bundle คีย์สาธารณะของ Signed Web Bundle ใช้ในการสร้างรหัส Web Bundle ที่ระบุ IWA
ปัจจุบันนโยบายนี้ใช้ได้กับเซสชันผู้มาเยือนที่มีการจัดการเท่านั้น
แต่ละรายการในนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มี <ph name="URL_LABEL" /> ของไฟล์ Manifest สำหรับการอัปเดตและรหัส Web Bundle ของ Isolated Web App ต้องระบุข้อมูลทั้ง 2 ช่อง</translation>
<translation id="596523880465577341">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="EXTENSION_INSTALL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="5966615072639944554">ส่วนขยายได้รับอนุญาตให้ใช้ API การยืนยันระยะไกล</translation>
<translation id="596732417280023843">ชื่อของโปรไฟล์ใบรับรอง</translation>
<translation id="5972538402066550344">อนุญาตการควบคุมการรายงานแบบละเอียด</translation>
<translation id="5975765799383881158">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็นไปให้ Google ได้ผ่านเมนู &gt; ความช่วยเหลือ &gt; รายงานปัญหาหรือการกดแป้นร่วมกัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้งาน" หมายความว่าผู้ใช้จะส่งความคิดเห็นไปให้ Google ไม่ได้</translation>
<translation id="5976636832661103220">การตั้งค่า F11 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Shift</translation>
<translation id="5979376378555121803">แอปที่โฮสต์</translation>
<translation id="5981932073854958705">เลือกว่าจะเปิดใช้ฟีเจอร์การป้องกันลายนิ้วมือของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> หรือไม่</translation>
<translation id="5983274643567559194">ปิดการตั้งค่าแป้นพิมพ์ลัดสำหรับการดำเนินการ "ลบ"</translation>
<translation id="5984099692320899605">ไม่ใช้การตรวจสอบสิทธิ์ NTLM</translation>
<translation id="5984237109586500246">ยอมรับเนื้อหาเว็บที่แสดงเป็น Signed HTTP Exchange</translation>
<translation id="5987654816293745077">รายงานตัวนับรันไทม์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5991707691018985057">แสดงกล่องโต้ตอบการยกเลิกเมื่อมีการเรียกใช้ event.preventDefault() สำหรับเหตุการณ์ beforeunload ไม่ต้องแสดงกล่องโต้ตอบการยกเลิกเมื่อ event.returnValue เป็นสตริงว่างเปล่าสำหรับเหตุการณ์ beforeunload</translation>
<translation id="5992485316563377005">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเปิดฟีเจอร์ความสมบูรณ์ของโค้ดในการแสดงผล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความเสถียรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เนื่องจากจะทำให้โค้ดที่ไม่รู้จักหรืออาจมีเจตนาร้ายโหลดเข้ามาในกระบวนการแสดงผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ ปิดนโยบายนี้เฉพาะในกรณีที่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามซึ่งต้องเรียกใช้ภายในกระบวนการแสดงผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วใน Chrome 118 และการตั้งค่าจะไม่มีผลใดๆ
หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลดการประมวลผล (https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/HEAD/docs/design/sandbox.md#Process-mitigation-policies)</translation>
<translation id="5994438001592408007">เปิดใช้ Glanceables สำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="5997543603646547632">ใช้เวลารูปแบบ 24 ชั่วโมงโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5997846976342452720">ระบุว่าควรปิดเครื่องมือค้นหาปลั๊กอินไหม (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="5998198091336830580">นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มขนาดเล็กต่อไปนี้ (ระบบใช้เฉพาะนโยบายจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่ม)</translation>
<translation id="6001621991816939414">ล้างประวัติการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="600402562436559989">อนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ</translation>
<translation id="6004575267180297869">
ระบุว่าจะให้ส่งโมดูล WebAssembly ไปยังหน้าต่างหรือผู้ปฏิบัติงานอื่นแบบข้ามต้นทางหรือไม่ การแชร์โมดูล WebAssembly แบบข้ามต้นทางจะเลิกใช้งานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเลิกใช้งาน document.domain โปรดดู https://github.com/mikewest/deprecating-document-domain นโยบายนี้อนุญาตให้เปิดใช้การแชร์โมดูล WebAssembly แบบข้ามต้นทางอีกครั้งได้ เพื่อให้มีช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงนานขึ้นในขั้นตอนการเลิกใช้งาน
เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" เว็บไซต์จะส่งโมดูล WebAssembly แบบข้ามต้นทางได้ด้วยโดยที่ไม่มีข้อจำกัด
เมื่อตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า เว็บไซต์จะสามารถส่งโมดูล WebAssembly ไปยังหน้าต่างและผู้ปฏิบัติงานในต้นทางเดียวกันเท่านั้น</translation>
<translation id="6008497706608447728">รายการโดเมนที่บล็อกไว้สำหรับบริการ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์</translation>
<translation id="6009419785187615211">นโยบายนี้ควบคุมการดูแลแบบฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย (แบบฟอร์มที่ส่งผ่าน HTTP) ที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่ปลอดภัย (HTTPS) ในเบราว์เซอร์
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า คำเตือนแบบเต็มหน้าจะแสดงขึ้นมาเมื่อมีการส่งแบบฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ ลูกโป่งคำเตือนจะแสดงขึ้นมาข้างช่องแบบฟอร์มที่โฟกัสอยู่ และระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับแบบฟอร์มเหล่านั้น
หากปิดใช้นโยบาย คำเตือนแบบฟอร์มที่ไม่ปลอดภัยจะไม่แสดงขึ้นมา และฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติจะทำงานตามปกติ
นโยบายนี้มีแผนว่าจะนำออกใน Chrome 130</translation>
<translation id="6011193465932186973">ลายนิ้วมือ</translation>
<translation id="6011969832398368671">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรี</translation>
<translation id="601234435141599215">อนุญาตให้ส่งต่อพอร์ตไปยังเครื่องเสมือนใน Linux</translation>
<translation id="6012952794649558174">ใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="6015281292796053435">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูล Google Safe Browsing รวมถึงจำนวนคำเตือนของ Google Safe Browsing และจำนวนการคลิกผ่านคำเตือนของ Google Safe Browsing หรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="6016304107003486747">นโยบายนี้จะกำหนดลักษณะการทำงานสำหรับการรีแมปคีย์ "Delete" ในหน้าย่อย "รีแมปคีย์" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งคีย์ต่างๆ บนแป้นพิมพ์ได้ หากเปิดใช้ นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งการรีแมปที่เจาะจงเหล่านี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย แป้นพิมพ์ลัดที่อิงตามการค้นหาจะทำหน้าที่เป็นค่าเริ่มต้นและอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าแป้นพิมพ์ลัดได้</translation>
<translation id="6019162469732742754">ใช้โหมดอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6019606564278029236">เปิดให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเซสชันความช่วยเหลือระยะไกลได้</translation>
<translation id="602038990586229155">นโยบายนี้ควบคุมการขอติดตั้งส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ส่งคำขอไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google เพื่อขออนุมัติ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผลและจะไม่มีการสร้างหรืออัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยาย
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ จะไม่มีการสร้างหรืออัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยาย
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ จะมีการสร้างคำขอติดตั้งส่วนขยายและอัปโหลดไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
คำขอติดตั้งส่วนขยายจะสร้างขึ้นเมื่อผู้ใช้พยายามติดตั้งส่วนขยายที่ <ph name="EXTENSION_INSTALL_ALLOWLIST" /> หรือ <ph name="EXTENSION_SETTINGS" /> ไม่อนุญาต
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="6020795917180493154">ตั้งแต่เวอร์ชัน M119 เป็นต้นไป หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดใช้ WebSQL แต่สามารถเปิดใช้ผ่าน Chrome Flag "web-sql-access" ได้ หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้การเข้าถึง WebSQL
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วตั้งแต่รุ่น M124</translation>
<translation id="6022948604095165524">การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation>
<translation id="602318745029752898">อนุญาตเสียงของการอ่านออกเสียงข้อความของเครือข่ายที่ปรับปรุงใน "เลือกเพื่อให้อ่าน"</translation>
<translation id="6026722971789064331">ควบคุมการใช้ File System API สำหรับการเขียน</translation>
<translation id="602728333950205286">URL ค้นหาทันใจของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="603410445099326293">พารามิเตอร์สำหรับการแนะนำ URL ที่ใช้ POST</translation>
<translation id="6034341625190551415">ควบคุมเซสชันสาธารณะและประเภทบัญชีคีออสก์</translation>
<translation id="6035597431797865964">อนุญาตให้เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการคงพร็อพเพอร์ตี้การแสดงผลไว้</translation>
<translation id="6036459377708946958">วันที่ของเดือน [1-31] ที่ต้องการตรวจหาอัปเดต โดยตีความในเขตเวลาท้องถิ่นของอุปกรณ์ ใช้เมื่อ "frequency" เท่ากับ "MONTHLY" เท่านั้น หากต้องการระบุจำนวนที่มากกว่าจำนวนวันสูงสุดในเดือนหนึ่งๆ ให้เลือกวันสุดท้ายของเดือน</translation>
<translation id="6036523166753287175">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากโฮสต์สำหรับการเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="603768430528561926">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์ระดับองค์กรแลกรับข้อเสนอผ่านการลงทะเบียน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะแลกข้อรับเสนอเหล่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="6042407236638640864">อนุญาตให้หน้าที่มีส่วนหัว <ph name="CACHE_CONTROL_NO_STORE_NAME" /> ป้อน Back-Forward Cache ได้</translation>
<translation id="604243460476563291">ปิดใช้การโอนไฟล์ในการเชื่อมต่อเพื่อรับการสนับสนุนจากระยะไกลโดยผู้ดูแลระบบขององค์กร</translation>
<translation id="6042629184389251062">ไม่อนุญาตการรวบรวมเมตริกซึ่งผูกกับ URL</translation>
<translation id="6046615715547751255">ไม่อนุญาตการควบคุมการรายงานแบบละเอียด</translation>
<translation id="6048199181629830227">เปิดใช้การจัดการการใช้ไฟจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="6048690591359317353">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไข VPN ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="6049117606554031363">เปิดใช้การรายงานสถานะของบอร์ดอุปกรณ์</translation>
<translation id="6050796253724099706">เปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="605132676434455096">ไม่อนุญาตให้เพิ่มโปรไฟล์ใหม่</translation>
<translation id="6053260874233331700">ไม่อนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ในหน้าจอเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6053681087509103368">อนุญาตให้ WebRTC ใช้โปรโตคอล TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย</translation>
<translation id="6056517174496942473">เปิดใช้โฟลว์เอกสารรับรองของ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สำหรับรายการ URL</translation>
<translation id="6058879286588763839">หากไม่ได้ระบุ <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> ไว้ (ถ้าระบุ จะเป็นการลบล้าง <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" />) การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" /> จะระบุนโยบายการจัดการพลังงานของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ (หากอุปกรณ์รองรับ) นโยบายจะควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่แบบไดนามิกโดยลดความเค้นและการสึกหรอให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งนี้เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
การไม่ตั้งค่านโยบาย (หากอุปกรณ์รองรับ) จะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบมาตรฐาน และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
หมายเหตุ: หากเลือกโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเอง ให้ระบุ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> ด้วย</translation>
<translation id="6066761914755798079">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาเพื่อจัดเตรียมการแนะนำการค้นหา URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งข้อความค้นหาของผู้ใช้จะมาแทนที่ในการค้นหา
คุณระบุ URL การค้นหาของ Google เป็น <ph name="GOOGLE_SUGGEST_SEARCH_URL" /> ได้</translation>
<translation id="606742564823687992">ไม่รายงานงานพิมพ์</translation>
<translation id="6070667616071269965">รูปแบบแป้นพิมพ์ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="6074963268421707432">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="6074964551275531965">กำหนดระยะเวลาสำหรับการแจ้งเตือนการอัปเดต</translation>
<translation id="6075316301208933536">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_MODE_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> จะปรับแต่งเวลาที่แบตเตอรี่หยุดชาร์จ โดยอิงตามเปอร์เซ็นต์ของการชาร์จแบตเตอรี่ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> ต้องอยู่ที่จุดต่ำกว่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> อย่างน้อย 5%
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_STANDARD_MODE_NAME" /></translation>
<translation id="6082161804984853051">การตั้งค่านโยบายทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ไดเรกทอรีที่คุณให้ไว้สำหรับจัดเก็บไฟล์ที่แคชไว้ในดิสก์ ไม่ว่าจะระบุการตั้งค่าสถานะ --disk-cache-dir หรือไม่ก็ตาม
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีแคชเริ่มต้น แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้ด้วยการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง --disk-cache-dir
<ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของไดเรกทอรีรูทของวอลุ่ม ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญหายของข้อมูลหรือข้อผิดพลาดอื่นๆ โปรดอย่าตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีรูทหรือไดเรกทอรีอื่นที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ดูตัวแปรที่คุณใช้ได้ ( https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables )</translation>
<translation id="6082391187598394288">นโยบายนี้ใช้เพื่อบังคับให้เปิดใช้การรองรับ PPB_VideoDecoder(Dev) API ชั่วคราวได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" เบราว์เซอร์จะตัดสินใจว่าจะรองรับ API หรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะรองรับ API
นโยบายนี้จะใช้ได้ในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้นกับการเลิกรองรับ API นี้ซึ่งเรากำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องใช้นโยบาย โปรดรายงานข้อบกพร่องใน crbug.com โดยอธิบาย Use Case และสำเนาถึง {blundell, vasilyt}@chromium.org นโยบายนี้พร้อมใช้งานผ่าน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 114 ซึ่งหลังจากนั้นจะเลิกรองรับ API นี้อย่างไม่มีเงื่อนไข
หมายเหตุ: เฉพาะกระบวนการแสดงผลที่เพิ่งเริ่มใหม่เท่านั้นที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ขณะที่เบราว์เซอร์ทำงานอยู่</translation>
<translation id="6083631234867522991">Windows (ไคลเอ็นต์ของ Windows):</translation>
<translation id="608788685013546076">กำหนดเกณฑ์ระดับแบตเตอรี่สำหรับโหมดพาวเวอร์พีคชิฟต์เป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="6089679180657323464">ควบคุมการตั้งค่าตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation>
<translation id="6091233616732024397">บังคับให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เพื่อใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="6092073071805297119">อนุญาตให้ใช้การกรองประสิทธิภาพการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="60925735895026302">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงเครื่องพิมพ์ในเครือข่ายผ่าน WebPrinting API</translation>
<translation id="6093156968240188330">ให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเซสชันความช่วยเหลือระยะไกล</translation>
<translation id="6094314311474620462">ปิดใช้การพิมพ์</translation>
<translation id="6097601282776163274">เปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL</translation>
<translation id="6099853574908182288">โหมดสีการพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="6102342563050263313">เปิดใช้การเลื่อนไปยังข้อความที่เจาะจงใน Fragment ของ URL</translation>
<translation id="6102449843040973938">อนุญาตให้ <ph name="BOREALIS_NAME" /> ทำงานในอุปกรณ์</translation>
<translation id="610892566190435199">เปิดใช้การรายงานสถานะพลังงานของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6111936128861357925">อนุญาตให้เล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ได้</translation>
<translation id="6112524153927257380">การตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเลี่ยงการตัดสินเกี่ยวกับความปลอดภัยของการดาวน์โหลดไม่ได้
Chrome มีคำเตือนการดาวน์โหลดหลายประเภทซึ่งแบ่งคร่าวๆ ได้เป็นหมวดหมู่ต่อไปนี้ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพิจารณาของ Google Safe Browsing ที่ https://support.google.com/chrome/?p=ib_download_blocked)
* เป็นอันตราย ตามที่เซิร์ฟเวอร์ Google Safe Browsing แจ้งไว้
* ไม่ปกติหรือไม่พึงประสงค์ ตามที่เซิร์ฟเวอร์ Google Safe Browsing แจ้งไว้
* ประเภทไฟล์ที่เป็นอันตราย (เช่น การดาวน์โหลด SWF ทั้งหมดและการดาวน์โหลด EXE จำนวนมาก)
การตั้งค่านโยบายจะบล็อกส่วนย่อยต่างๆ ของหมวดหมู่เหล่านี้ตามค่าที่กำหนด
0: ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ ค่าเริ่มต้น
1: บล็อกไฟล์ที่เป็นอันตรายซึ่งเซิร์ฟเวอร์ Google Safe Browsing แจ้งไว้ และบล็อกประเภทไฟล์ที่เป็นอันตรายทั้งหมด แนะนำเฉพาะสำหรับ OU, เบราว์เซอร์ หรือผู้ใช้ที่แยกแยะการตรวจพบที่ผิดพลาดได้เป็นอย่างดี
2: บล็อกไฟล์ที่เป็นอันตรายซึ่งเซิร์ฟเวอร์ Google Safe Browsing แจ้งไว้ บล็อกไฟล์ที่ไม่ปกติหรือไม่พึงประสงค์ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ Google Safe Browsing แจ้งไว้ และบล็อกประเภทไฟล์ที่เป็นอันตรายทั้งหมด แนะนำเฉพาะสำหรับ OU, เบราว์เซอร์ หรือผู้ใช้ที่แยกแยะการตรวจพบที่ผิดพลาดได้เป็นอย่างดี
3: บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด ไม่แนะนำ ยกเว้นในกรณีการใช้งานพิเศษ
4: บล็อกไฟล์ที่เป็นอันตรายซึ่งเซิร์ฟเวอร์ Google Safe Browsing แจ้งไว้ แต่ไม่บล็อกประเภทไฟล์ที่เป็นอันตราย แนะนำ
หมายเหตุ: ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่ทริกเกอร์จากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนู "ดาวน์โหลดลิงก์..." ด้วย โดยข้อจำกัดเหล่านี้ไม่มีผลกับการดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือกับการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation>
<translation id="6115254134376460539">ปิดใช้ฟีเจอร์</translation>
<translation id="6118226055960302400">คืนค่าลักษณะการทำงานที่อนุญาต</translation>
<translation id="6119207979839638596">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M75 หลังจากที่นำนโยบายเวอร์ชัน TLS สูงสุดออกจาก "<ph name="PRODUCT_NAME" />"
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะใช้เวอร์ชันสูงสุดตามค่าเริ่มต้น
มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น "tls1.2" หรือ "tls1.3" เมื่อตั้งค่าแล้ว "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะไม่ใช้เวอร์ชัน SSL/TLS ที่สูงกว่าเวอร์ชันที่ระบุ ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก</translation>
<translation id="6123052603197028610">ไม่อนุญาตการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อเรียกการประทับเวลา</translation>
<translation id="6130360423841559818">ควบคุมลักษณะการทำงานใหม่ของกล่องโต้ตอบการยกเลิกที่เหตุการณ์ beforeunload สร้างขึ้น</translation>
<translation id="6131803221304830537">ปิดใช้ความสมบูรณ์ของโค้ดในโปรแกรมแสดงภาพ</translation>
<translation id="6132506775968708399">บล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="6133088669883929098">อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์</translation>
<translation id="6134295464078457940">กำหนดค่ารายการรูปภาพที่จะแสดงในโปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอล็อก
แต่ละรายการต้องเป็น URL ที่อ้างอิงไฟล์ภาพ โดยรูปแบบรูปภาพต้องเป็น JPEG และมีขนาดไฟล์ไม่เกิน 8 MB ระบบจะไม่สนใจ URL ที่ไม่ถูกต้องและรูปภาพที่ไม่รองรับ อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดรูปภาพเหล่านี้และจัดเก็บไว้ที่แคชในเครื่อง
ระบบจำกัดจำนวนรูปภาพที่แสดงในโปรแกรมรักษาหน้าจอไว้ที่ 25 ภาพ โดยจะใช้ URL 25 รายการแรกเท่านั้น
นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือรายการไม่มีการอ้างอิงรูปภาพที่ถูกต้อง โปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอล็อกจะไม่แสดง ไม่ว่าจะตั้งค่านโยบาย <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> ว่าอย่างไร</translation>
<translation id="6135398260575578389">Google Safe Browsing ทำงานในโหมดเพิ่มประสิทธิภาพ โหมดนี้รักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้นแต่ต้องมีการแชร์ข้อมูลการท่องเว็บกับ Google มากขึ้น</translation>
<translation id="6135552820180449830">Crosh (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 99)</translation>
<translation id="6138636318340561140">ตรวจสอบสถานะ Google Safe Browsing ของ URL แบบเรียลไทม์</translation>
<translation id="6141402445226505817">ใช้การตรวจหาเขตเวลาคร่าวๆ ทุกครั้ง</translation>
<translation id="6141944295566709543">อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นสื่อเมื่ออุปกรณ์ล็อกอยู่</translation>
<translation id="6142501278956229253">DPI การพิมพ์ PDF แรสเตอร์</translation>
<translation id="6143167485225352920">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการใช้ ARC ในอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องได้ เว้นแต่จะมีการปิด ARC ไว้ด้วยวิธีการอื่นๆ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้ที่มีการจัดการจะใช้ ARC ในอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่ได้
โปรดทราบว่าระบบจะยังคงดำเนินการตามข้อจำกัดอื่นๆ เช่น ที่กำหนดโดยนโยบาย ArcEnabled และ UnaffiliatedArcAllowed และปิดใช้งาน ARC หากมีนโยบายใดนโยบายหนึ่งระบุไว้</translation>
<translation id="6144046700495610112">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="614551633868957694">ส่วนขยายและแอป Chrome</translation>
<translation id="614616930188030377">รูปแบบในรายการนี้จะจับคู่กับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ
หากพบต้นทางที่ตรงกันหรือมีการปิดใช้ chrome://flags/#enable-webrtc-hide-local-ips-with-mdns ที่อยู่ IP ของเครื่องจะแสดงใน ICE Candidate ผ่าน WebRTC
หากไม่ ระบบจะปกปิดที่อยู่ IP ของเครื่องโดยใช้ชื่อโฮสต์ mDNS แทน
โปรดทราบว่าหากผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องปกป้อง IP ของเครื่อง นโยบายนี้จะทำให้การปกป้องนั้นด้อยประสิทธิภาพลง</translation>
<translation id="614662973812186053">นโยบายนี้จะยังควบคุมการใช้งาน Android และการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยด้วยเช่นกัน</translation>
<translation id="614665605501218241">อนุญาตให้เว็บไซต์ที่แสดงอยู่ส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าในลักษณะที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="614753473456574270">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนด PIN ที่ไม่รัดกุม</translation>
<translation id="6150044272483721831">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะปรับแต่งแป้นพิมพ์ลัดของระบบได้หรือไม่
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปรับแต่งแป้นพิมพ์ลัดของระบบได้ผ่านทางแอปแป้นพิมพ์ลัด
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ แอปแป้นพิมพ์ลัดจะอยู่ในโหมดอ่านอย่างเดียวและไม่สามารถปรับแต่งได้</translation>
<translation id="6150320133676152520">ปิดใช้การส่ง PIN อัตโนมัติในหน้าจอล็อกและหน้าจอเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6155350825868160236">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกหากใช้บริการเว็บของ Google เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation>
<translation id="6155936611791017817">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6157537876488211233">รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation>
<translation id="6158324314836466367">ชื่อเว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="6164441518097008843">จำกัดการลงชื่อเข้าใช้ไว้เฉพาะตามรายชื่อผู้ใช้</translation>
<translation id="6169504363239921686">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_ENABLED" /> หมายความว่าการสำรองและกู้คืนข้อมูล Android จะเปิดอยู่ตั้งแต่เริ่มต้น การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_DISABLED" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูลไว้ระหว่างการตั้งค่า
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_UNDER_USER_CONTROL" /> หมายความว่าผู้ใช้จะเห็นข้อความแจ้งให้ใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูล หากผู้ใช้เปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูล ระบบจะอัปโหลดข้อมูลแอป Android ไปยังเซิร์ฟเวอร์การสำรองข้อมูล Android และกู้คืนข้อมูลระหว่างการติดตั้งแอปที่เข้ากันได้อีกครั้ง
หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูลได้</translation>
<translation id="6169768162756928771">การตั้งค่าการจัดการข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ GAIA</translation>
<translation id="6172110090237528457">กำหนดค่าโปรแกรมรักษาหน้าจอระดับอุปกรณ์สำหรับหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงโปรแกรมรักษาหน้าจอเมื่อไม่มีการใช้งานในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า โปรแกรมรักษาหน้าจอจะไม่แสดงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
โปรแกรมรักษาหน้าจอของอุปกรณ์แสดงรูปภาพที่นโยบาย <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_IMAGES_POLICY_NAME" /> อ้างอิง หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_IMAGES_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า หรือเป็นรายการที่ไม่มีรูปภาพที่ถูกต้อง โปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะไม่แสดง
ระยะหมดเวลาเนื่องจากไม่มีการใช้งานเพื่อเริ่มโปรแกรมรักษาหน้าจอ และช่วงเวลาที่รูปภาพแสดงอยู่จะแก้ไขได้ด้วยนโยบาย <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_IDLE_TIMEOUT_SECONDS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_SCREENSAVER_LOGIN_SCREEN_DISPLAY_INTERVAL_SECONDS_POLICY_NAME" /> ตามลำดับ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายเหล่านี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นของนโยบายแทน</translation>
<translation id="6172896675583897796">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="6173712557351728099">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิด Wi-Fi</translation>
<translation id="6178075938488052838">นโยบายนี้ควบคุมว่าใครเริ่มเซสชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้บ้าง แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google เพิ่มเติมใน Android หากต้องการป้องกันการลงชื่อเข้าใช้ ให้กำหนดค่านโยบาย <ph name="ACCOUNT_TYPES_WITH_MANAGEMENT_DISABLED_CLOUDDPC_POLICY_NAME" /> เฉพาะสำหรับ Android ให้เป็นส่วนหนึ่งของ <ph name="ARC_POLICY_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="6181304954168534748">แฮช SHA-256 ของเทมเพลตเดสก์</translation>
<translation id="6181618732396778048">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรี</translation>
<translation id="6181783961196084973">ปุ่มเปิด/ปิดค่าของการรวบรวมกิจกรรมบนแอป หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานกิจกรรมบนแอปของผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อแสดงในแอป <ph name="PRODUCT_NAME" /> ของบุตรหลานและผู้ปกครอง หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ฟีเจอร์การจำกัดเวลาต่อแอปจะยังทำงาน แต่จะไม่มีการรายงานข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์และจะไม่แสดงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6182206125906000651">ปิดใช้การอัปเกรด HTTPS</translation>
<translation id="6182563940865917569">อนุญาตให้ Chrome เล่นสื่อโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="618635925649844912">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงหน้าจอแนะนำฟีเจอร์ AI ในเซสชันให้ผู้ใช้เห็นระหว่างการลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรกหรือไม่
หากตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" หน้าจอแนะนำ AI จะไม่แสดง
หากตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" หน้าจอแนะนำ AI จะแสดงขึ้นมา
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะข้ามหน้าจอแนะนำ AI สำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและแสดงต่อผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6187573347027372072">คำเตือน นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="CROS_GLS_POLICY_NAME" /> แทน ตอนนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> มีการสลับตําแหน่งของระบบ ซึ่งควบคุมทั้งระบบ รวมถึง <ph name="ANDROID_NAME" /> ขณะนี้ปุ่มสลับ <ph name="ANDROID_NAME" /> เป็นแบบอ่านอย่างเดียวและจะแสดงสถานะตำแหน่ง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
การตั้งค่า <ph name="GLS_ENABLED" /> จะเปิดบริการตำแหน่งของ Google ระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="DEFAULT_GEOLOCATION_SETTING_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="GLS_DISABLED" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดบริการตำแหน่งไว้ระหว่างการตั้งค่า
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="GLS_UNDER_USER_CONTROL" /> จะส่งข้อความแจ้งผู้ใช้ว่าจะใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่ หากผู้ใช้เปิดบริการตำแหน่ง แอป <ph name="ANDROID_NAME" />, แอป <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />, เว็บไซต์ และบริการของระบบจะใช้บริการดังกล่าวเพื่อค้นหาตำแหน่งของอุปกรณ์และส่งข้อมูลตำแหน่งแบบไม่ระบุตัวตนไปยัง Google
หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดบริการตำแหน่งของ Google ได้</translation>
<translation id="6187632100458475876">การตั้งค่าป้ายกำกับรูปโปรไฟล์ของแถบเครื่องมือที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6190367314942602985">รายงานข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้</translation>
<translation id="6191963383731098056">นโยบายนี้ให้ผู้ดูแลระบบกำหนดค่าสีธีมของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> สตริงอินพุตควรเป็นสตริงสีแบบเลขฐานสิบหกที่ถูกต้องซึ่งมีรูปแบบ "#RRGGBB"
การตั้งค่านโยบายเป็นสีแบบเลขฐานสิบหกที่ถูกต้องจะทำให้ระบบสร้างธีมที่มีสีดังกล่าวและนำไปใช้กับเบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จะเปลี่ยนธีมที่นโยบายกำหนดไว้ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนธีมของเบราว์เซอร์ได้ตามที่ต้องการ</translation>
<translation id="6195356309340063061">เปิดใช้ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สำหรับรายการ URL
การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุ URL ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอเพื่อเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองสำหรับเบราว์เซอร์ที่มีการจัดการ นโยบายหลังจะช่วยให้เว็บไซต์เหล่านั้นได้รับชุดเอกสารรับรองของสัญญาณที่มีการคำนึงถึงบริบทจากอุปกรณ์
นโยบายนี้กำหนดค่าได้ผ่านหน้าเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ใน <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือปล่อยว่างไว้จะทำให้เว็บไซต์ทั้งหมดไม่สามารถเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองระดับเบราว์เซอร์และไม่ได้รับสัญญาณจากอุปกรณ์ อย่างไรก็ตาม หากเปิดใช้นโยบาย <ph name="USER_CONTEXT_AWARE_ACCESS_SIGNALS_ALLOWLIST" /> ที่เกี่ยวข้อง ระบบจะเริ่มโฟลว์เอกสารรับรองสำหรับโปรไฟล์ที่มีการจัดการและรวบรวมสัญญาณของอุปกรณ์ได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format</translation>
<translation id="6195802366906945965">กำหนดว่าจะใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวเพื่อยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์หรือไม่</translation>
<translation id="6198947200418556248">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว หากคุณยังคงต้องการให้คุกกี้มีลักษณะการทำงานเดิม โปรดใช้ <ph name="LEGACY_SAMESITE_COOKIE_BEHAVIOR_ENABLED_FOR_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> อนุญาตให้คุณเปลี่ยนคุกกี้ทั้งหมดกลับไปมีลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เช่นเดิมได้ การเปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงานเดิมทำให้คุกกี้ที่ไม่ได้ระบุแอตทริบิวต์ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็น "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />", นำข้อกำหนดที่คุกกี้ "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />" ต้องมีแอตทริบิวต์ "<ph name="ATTRIBUTE_SECURE_NAME" />" ออกไป และข้ามการเปรียบเทียบสกีมเมื่อประเมินว่าเว็บไซต์ 2 แห่งเป็นเว็บไซต์เดียวกันหรือไม่ ดูคำอธิบายแบบเต็มใน https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/cookie-legacy-samesite-policies
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ที่เป็นค่าเริ่มต้นของคุกกี้จะขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" />, ฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_NONE_MUST_BE_SECURE" /> และฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SCHEMEFUL_SAME_SITE" /> ซึ่งอาจมีการตั้งค่าโดยการทดสอบในวงจำกัด หรือโดยการเปิดหรือปิดใช้แฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" />, แฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SAMESITE_NONE_MUST_BE_SECURE" /> หรือแฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SCHEMEFUL_SAME_SITE" /> ตามลำดับ</translation>
<translation id="6200225675236107198">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BLOCK_LOCAL_FONTS_POLICY_NAME" /> (ค่า 2) จะปฏิเสธการให้สิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่องแก่เว็บไซต์โดยอัตโนมัติตามค่าเริ่มต้น การดำเนินการนี้จะจำกัดไม่ให้เว็บไซต์ดูข้อมูลเกี่ยวกับแบบอักษรในเครื่องได้
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ASK_LOCAL_FONTS_POLICY_NAME" /> (ค่า 3) จะแสดงข้อความแจ้งผู้ใช้เมื่อขอสิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่องโดยค่าเริ่มต้น หากผู้ใช้อนุญาตสิทธิ์ดังกล่าว เว็บไซต์จะดูข้อมูลเกี่ยวกับแบบอักษรในเครื่องได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้น ซึ่งก็คือการแสดงข้อความแจ้งผู้ใช้ แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="6203715554101884845">การตั้งค่านโยบายนี้ทำให้คุณสามารถแสดงรายการ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่งได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงอุปกรณ์ HID โดยอัตโนมัติสำหรับผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่กำหนดในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่ละรายการในลิสต์ต้องระบุทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> จึงจะมีผล มิเช่นนั้น ระบบจะไม่สนใจรายการดังกล่าว แต่ละรายการในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> ต้องมี <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และอาจมีช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การไม่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่ระบุ รายการที่ระบุช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่ระบุช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด (ไม่มีการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ)</translation>
<translation id="6207607210601267301">ปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ใช้ PIN สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="6208896993204286313">รายงานข้อมูลนโยบายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6210259502936598222">รายงานข้อมูลระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6220835555850906733">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตเอาต์พุตเสียงทั้งหมดที่รองรับในอุปกรณ์ของผู้ใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่อนุญาตเอาต์พุตเสียงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่
หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับเอาต์พุตเสียงทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษที่เป็นเสียง อย่าปิดนโยบายนี้หากผู้ใช้ต้องการโปรแกรมอ่านหน้าจอ</translation>
<translation id="6221175752766085998">อนุญาตใบรับรองที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName</translation>
<translation id="6221327862246049151">Salt นี้จะใช้เป็นค่า Salt เมื่อแฮชข้อมูลประจำตัวที่รวมอยู่ในสตริง <ph name="DOH_TEMPLATES_WITH_IDENTIFIERS_POLICY_NAME" />
Salt ต้องเป็นสตริงที่ยาว 8 ถึง 32 อักขระ
ในเวอร์ชัน 114 ขึ้นไป นโยบายนี้เป็นนโยบายที่ไม่บังคับหากมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="DOH_TEMPLATES_WITH_IDENTIFIERS_POLICY_NAME" /> ไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะแฮชตัวระบุใน URI เทมเพลตที่กำหนดค่าผ่านนโยบาย <ph name="DOH_TEMPLATES_WITH_IDENTIFIERS_POLICY_NAME" /> โดยไม่ใช้ Salt</translation>
<translation id="622197575020133151">กำหนดค่าฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใช้ Generative AI</translation>
<translation id="6224070048795197148">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้เบราว์เซอร์โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="6224304369267200483">URL/โดเมนอนุญาตการยืนยันกุญแจรักษาความปลอดภัยโดยตรงโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6225938950222983458">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้ <ph name="NOTE_TAKING_APPS_LOCK_SCREEN_ALLOWLIST" /> แทน</translation>
<translation id="6230442621691161858">ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ รวมแอป หน้าเว็บ และอื่นๆ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจสำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเปิดใช้สำหรับผู้ใช้อื่นๆ
</translation>
<translation id="6233173491898450179">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="6234167788423986573">การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL จะไม่ทํางาน</translation>
<translation id="6234177445959386333">กำหนดค่ารายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กรที่บริการป้องกันด้วยรหัสผ่านควรบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่าน</translation>
<translation id="6236880578835238059">กำหนดค่ารายการ URL ที่ได้รับอนุญาตให้คงอยู่ในโหมดเต็มหน้าจอโดยไม่ต้องแสดงการแจ้งเตือนเมื่ออุปกรณ์ออกจากหน้าจอล็อก
โดยทั่วไปโหมดเต็มหน้าจอจะปิดเมื่อออกจากหน้าจอล็อกเพื่อลดความเสี่ยงต่อการโจมตีแบบฟิชชิง นโยบายนี้ให้คุณระบุ URL ที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในโหมดเต็มหน้าจอต่อไปเมื่อปลดล็อก โดยกำหนดนโยบายด้วยการระบุรายการรูปแบบ URL ที่จัดรูปแบบตามนี้ ( https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format ) เช่น อาจให้อยู่ในโหมดเต็มหน้าจออยู่เสมอเมื่อปลดล็อกและปิดการแจ้งเตือนทั้งหมดได้โดยระบุอักขระไวลด์การ์ด <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ที่ตรงกับ URL ทั้งหมด
การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่ว่างเปล่าหรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ไม่มี URL ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในโหมดเต็มหน้าจอต่อไปโดยไม่มีการแจ้งเตือน</translation>
<translation id="6240222568708113780">อนุญาตให้ดาวน์โหลดการสแกนอย่างละเอียดสำหรับผู้ใช้ที่เปิดใช้ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="624080397610861618">ปิดใช้เลย์เอาต์แป้นพิมพ์ภาษาฮินดี</translation>
<translation id="6242147107333796512">รายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรายงานข้อขัดข้อง เช่น รหัสระยะไกล การประทับเวลาการบันทึก และสาเหตุ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง</translation>
<translation id="624219423122512710">การดำเนินการเกี่ยวกับเบราว์เซอร์ที่ไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="6244061205361004687">อนุญาตให้ผู้ใช้ยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไข VPN ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="6244210204546589761">URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation>
<translation id="624595269193747921">ระบุว่าจะจำกัดการค้นหาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันเป็นชุดเครื่องพิมพ์ที่เจาะจงหรือไม่</translation>
<translation id="6246290059248303618">แสดงตัวควบคุมสื่อสำหรับเซสชัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่เริ่มต้นโดยอุปกรณ์อื่นๆ ในเครือข่ายภายใน</translation>
<translation id="6247316685259031374">นโยบายนี้ควบคุมกระบวนการของเสียงที่มีการใช้แซนด์บ็อกซ์
หากเปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยใช้แซนด์บ็อกซ์
หากปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์และโมดูลการประมวลผลเสียง WebRTC จะทำงานในกระบวนการของโหมดแสดงภาพ
ซึ่งทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียกใช้ระบบย่อยของเสียงโดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับแซนด์บ็อกซ์เสียง ซึ่งอาจแตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม
นโยบายนี้มีไว้เพื่อให้ความยืดหยุ่นแก่องค์กรในการปิดใช้แซนด์บ็อกซ์เสียง หากองค์กรใช้การตั้งค่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยที่รบกวนแซนด์บ็อกซ์</translation>
<translation id="624818583115864448">พอร์ต 554 (เลิกบล็อกได้จนถึง 15/10/2021)</translation>
<translation id="6249912382559535329">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยแป้นพิมพ์เสมือนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อผ่านการตั้งค่าการช่วยเหลือพิเศษ
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการเปิดหรือปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัส เช่น แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสจะยังคงแสดงบนอุปกรณ์แท็บเล็ต แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ก็ตาม</translation>
<translation id="6254498834449523938">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ข้ามคำเตือนของ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="625580680776945310">ระบบจะเปิดใช้โหมดประสิทธิภาพสูง</translation>
<translation id="6258314216623064461">การตั้งค่าสำหรับ "ช่วยฉันเขียน"</translation>
<translation id="6258502079038650092">ควบคุมว่าผู้ใช้จะใช้ Chrome สำหรับการทดสอบได้ไหม
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะติดตั้งและเรียกใช้ Chrome สำหรับการทดสอบได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ Chrome สำหรับการทดสอบ ผู้ใช้จะยังคงติดตั้ง Chrome สำหรับการทดสอบได้ แต่จะไม่เรียกใช้กับโปรไฟล์ที่ตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้"</translation>
<translation id="6258658183356534534">ควบคุมฟีเจอร์ User-Agent Client Hints GREASE Update</translation>
<translation id="6261643884958898336">รายงานข้อมูลการระบุเครื่อง</translation>
<translation id="6264247808139384018">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยรหัสผ่านล็อกหน้าจอได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ล็อกหน้าจอไม่ได้ (จะออกจากระบบเซสชันผู้ใช้ได้เท่านั้น)</translation>
<translation id="6265892395051519509">อนุญาตให้เข้าถึงเซ็นเซอร์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6266043141694454734">กำหนดว่าจะใช้ Chrome Root Store และตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวเพื่อยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์หรือไม่</translation>
<translation id="6267130578410325007">นโยบายนี้อนุญาตการสร้างคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับต้นทางโดยค่าเริ่มต้น
ส่วนหัว HTTP Origin-Agent-Cluster จะควบคุมว่าเอกสารจะถูกแยกไว้ในคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับต้นทาง หรือในคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับเว็บไซต์ ซึ่งจะมีนัยด้านความปลอดภัย เนื่องจากคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับต้นทางอนุญาตให้แยกเอกสารตามต้นทางได้ ผลที่ตามมาที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์จะมองเห็นคือตัวช่วยเข้าถึง document.domain จะตั้งค่าไม่ได้อีก
ลักษณะการทำงานเริ่มต้น (เมื่อไม่ได้ตั้งค่าส่วนหัว Origin-Agent-Cluster ไว้) ใน M111 จะเปลี่ยนจากผูกกับเว็บไซต์ไปเป็นผูกกับต้นทาง
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า เบราว์เซอร์จะทำตามค่าเริ่มต้นใหม่จากเวอร์ชันดังกล่าวเป็นต้นไป
หากปิดใช้นโยบาย การเปลี่ยนแปลงนี้จะย้อนกลับและเอกสารที่ไม่มีส่วนหัว Origin-Agent-Cluster จะได้รับการกำหนดให้กับคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับเว็บไซต์ ผลที่ตามมาคือตัวช่วยเข้าถึง document.domain จะยังคงตั้งค่าได้อยู่โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งจะตรงกันกับลักษณะการทำงานเดิม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://developer.chrome.com/blog/immutable-document-domain/</translation>
<translation id="6270615143812355589">เปิดใช้งานอินพุตเสียง</translation>
<translation id="6270791075656665237">ไม่อนุญาต QUIC</translation>
<translation id="6273015149273504999">
ระบุรายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ (ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ) ซึ่งผู้ใช้ถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้
ระบบจะให้สิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายขอโดยปริยาย โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายเวอร์ชันใหม่ๆ ในอนาคตจะขอเพิ่มเติมด้วย <ph name="PRODUCT_NAME" /> จำกัดชุดสิทธิ์ที่ส่วนขยายจะขอได้
โปรดทราบว่า จะติดตั้งได้เฉพาะแอปและส่วนขยายที่อยู่ในรายชื่อที่อนุญาตซึ่งรวมอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น ทั้งนี้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ระบบจะเพิกเฉยต่อรายการอื่นๆ ทั้งหมด
หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายชื่อนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
แต่ละรายการของนโยบายมีลักษณะเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยายและอาจมี URL "อัปเดต" ที่คั่นด้วยเครื่องหมายอัฒภาค (<ph name="SEMICOLON" />) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว เช่น ที่พบใน <ph name="CHROME_EXTENSIONS_LINK" /> เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL "อัปเดต" (หากระบุไว้) ควรชี้ไปยังเอกสาร XML ไฟล์ Manifest ของการอัปเดตตามที่อธิบายไว้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC1" /> โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์ (ปัจจุบันคือ "https://clients2.google.com/service/update2/crx") โปรดทราบว่า URL "อัปเดต" ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น ส่วนการอัปเดตส่วนขยายในครั้งต่อๆ ไปจะใช้ URL อัปเดตที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย
ตัวอย่างเช่น <ph name="LOGIN_SCREEN_EXTENSION_POLICY_EXAMPLE" /> จะติดตั้งแอป <ph name="SMART_CARD_CONNECTOR_APP_NAME" /> จาก URL "อัปเดต" ของ Chrome เว็บสโตร์มาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยายได้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC2" /></translation>
<translation id="6273107124506133797">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้ <ph name="USB_DETACHABLE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="6274202259872570803">Screencast</translation>
<translation id="6275497712828649588">ซ่อนคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย</translation>
<translation id="6275833043726517413">ควรใช้การใช้งาน <ph name="CORS" /> เดิมมากกว่า <ph name="CORS" /> ใหม่
หากตั้งค่านี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้การใช้งานเดิมซึ่งควรจะเข้ากันได้กับเวอร์ชันก่อนหน้า
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การใช้งานใหม่อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความเข้ากันได้เฉพาะสำหรับองค์กร
เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ <ph name="CORS" /> ได้ที่ <ph name="CORS_HELP_URL" />
โปรดทราบว่าเราได้ประกาศว่าจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 82 แต่ได้นำออกในเวอร์ชัน 84</translation>
<translation id="6276087670023098167">ปิดใช้การรายงานข้อมูลการระบุเครื่อง</translation>
<translation id="627672037430076089">ป้องกันไม่ให้มีการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เพื่อให้การสนับสนุนระยะไกล</translation>
<translation id="6277314550042130537">ใช้การอนุมัติจากนโยบาย KDC ระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP</translation>
<translation id="6278428485366576908">ธีม</translation>
<translation id="628084107912717806">ระบุว่าจะให้ส่งโมดูล WebAssembly แบบข้ามต้นทางหรือไม่</translation>
<translation id="6280973140313576289">บังคับใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="6282524907402492171">แสดงคำเตือนการเลิกใช้งาน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="6282799760374509080">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับเสียง</translation>
<translation id="6284362063448764300">TLS 1.1</translation>
<translation id="6287128640500683781">อนุญาตให้ผู้ใช้ทุกคนลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="6287310684159482272">การตั้งค่าคุกกี้</translation>
<translation id="6287742528823584153">เปิดใช้บริการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเปิดเดสก์ระยะไกลเมื่อเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6299147100249359151">อนุญาตการตรวจหาขอบเขตนโยบาย</translation>
<translation id="6299554629216555326">การตั้งค่าการจัดการหน้าต่าง</translation>
<translation id="6302021021024941085">ปิดใช้เครื่องมือแก้ปัญหาคีออสก์</translation>
<translation id="6303118494824248488">URL ของอิมเมจดิสก์ที่จะดาวน์โหลด</translation>
<translation id="6303278429164386663">ควบคุมการเปิดใช้ฟีเจอร์ EphemeralNetworkPolicies</translation>
<translation id="6305373713165475629">การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างโหมดการพิมพ์สีเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้</translation>
<translation id="6308109234708949641">นโยบายนี้เปิดใช้ฟีเจอร์ Screencast สำหรับผู้ใช้ Family Link และให้สิทธิ์ในการสร้างและถอดเสียงการบันทึกหน้าจอและอัปโหลดไปยังไดรฟ์
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อผู้ใช้ประเภทอื่นๆ
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อนโยบาย <ph name="PROJECTOR_ENABLED_POLICY_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร
หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะเปิดการลองใช้ Screencast สำหรับผู้ใช้ Family Link
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดการลองใช้ Screencast สำหรับผู้ใช้ Family Link
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย การลองใช้ Screencast จะปิดโดยค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ Family Link</translation>
<translation id="6310223829319187614">เปิดใช้การเติมชื่อโดเมนอัตโนมัติระหว่างการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้</translation>
<translation id="6310756730808079944">เปิดใช้ Screencast</translation>
<translation id="631081324835911099">บังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์บัญชีหลักของผู้ใช้ไม่ถูกต้อง
นโยบายนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดในผลิตภัณฑ์และบริการบนอินเทอร์เน็ตของ Google
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะนำผู้ใช้ออกจากระบบทันทีที่โทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ไม่ถูกต้องและพยายามคืนค่าโทเค็นนี้ไม่สำเร็จ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะทำงานต่อได้ในสถานะที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="631183702829488873">เมื่อเปิดใช้ไว้ ฟีเจอร์นี้จะแสดงปุ่มในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก ซึ่งจะช่วยให้แสดงรหัสผ่านได้
ปุ่มนี้จะแสดงเป็นไอคอนรูปดวงตาในช่องข้อความรหัสผ่าน ปุ่มดังกล่าวจะไม่แสดงเมื่อปิดใช้ฟีเจอร์นี้อยู่
</translation>
<translation id="6313108604615108577">นโยบายนี้ควบคุมว่าเวอร์ชันหลักของสตริง User-Agent ควรหยุดอยู่ที่ 99 หรือไม่
ส่วนหัวของคำขอ User-Agent ช่วยให้เว็บไซต์ระบุแอปพลิเคชัน ระบบปฏิบัติการ ผู้ให้บริการ และ/หรือเวอร์ชันของ User Agent ที่เป็นผู้ขอได้
เว็บไซต์บางแห่งคาดเดาเกี่ยวกับการจัดรูปแบบของส่วนหัวนี้และอาจพบปัญหากับสตริงของเวอร์ชันที่มีเลข 3 หลักในตำแหน่งหลัก (เช่น 100.0.0.0)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ค่าเริ่มต้น" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ระบบใช้การตั้งค่าเบราว์เซอร์เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับเวอร์ชันหลักของสตริง User-Agent
หากตั้งค่าเป็น ForceDisabled สตริง User-Agent จะไม่หยุดเวอร์ชันหลัก
หากตั้งค่าเป็น ForceEnabled สตริง User-Agent จะรายงานเวอร์ชันหลักเป็น 99 เสมอและรวมเวอร์ชันหลักของเบราว์เซอร์ไว้ในตำแหน่งรอง ตัวอย่างเช่น เบราว์เซอร์เวอร์ชัน 101.0.0.0 จะส่งส่วนหัวของคำขอ User-Agent ที่รายงานเวอร์ชัน 99.101.0.0
นโยบายนี้มีผลชั่วคราวและจะเลิกใช้งานในอนาคต โปรดทราบว่าหากเปิดใช้ทั้งนโยบายนี้และ <ph name="USER_AGENT_REDUCTION_POLICY_NAME" /> สตริงเวอร์ชัน User-Agent จะเป็น 99.0.0.0 เสมอ</translation>
<translation id="6313170479290171718">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เมื่อลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เมื่อลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="6315039134652691025">ผู้ใช้ไม่สามารถนำข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6316678265585263617">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เลือกว่าจะใช้แนวทางใด</translation>
<translation id="6316885783540658874">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะเปิดการใช้งาน <ph name="AES_KL_NAME" /> กับการเข้ารหัสพื้นที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้สำหรับหน้าแรกของผู้ใช้ <ph name="DM_CRYPT" /> ใน Chrome OS หรือไม่ (หากรองรับ)
นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับหน้าแรกของผู้ใช้ <ph name="DM_CRYPT" /> สำหรับการเข้ารหัส หน้าแรกของผู้ใช้เดิม (ซึ่งไม่ได้ใช้ <ph name="DM_CRYPT" />) ไม่รองรับการใช้ <ph name="AES_KL_NAME" /> และจะใช้ <ph name="AES_NI_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น
หากค่าของนโยบายมีการเปลี่ยนแปลง หน้าแรกของผู้ใช้ <ph name="DM_CRYPT" /> เดิมจะเข้าถึงได้โดยการใช้งานการเข้ารหัสซึ่งกำหนดค่าไว้โดยนโยบายเนื่องจากใช้งาน <ph name="AES_ALGORITHM_NAME" /> ร่วมกันได้
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย การเข้ารหัสพื้นที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้สำหรับหน้าแรกของผู้ใช้ <ph name="DM_CRYPT" /> จะใช้ <ph name="AES_NI_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6316971721180184579">ปิดเสียงเตือนแบตเตอรี่ต่ำ</translation>
<translation id="6319198883324703402">ตั้งเวลาของการแจ้งเตือนการเปิดใหม่ของผู้ใช้คนแรก</translation>
<translation id="6319907968994678054">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดการซิงค์ข้อมูลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งใช้บริการการซิงค์ข้อมูลที่โฮสต์ไว้ใน Google
หากต้องการปิดบริการ<ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> ทั้งหมด เราขอแนะนำให้ปิดบริการใน<ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะใช้<ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> หรือไม่
หมายเหตุ: อย่าเปิดใช้นโยบายนี้เมื่อเปิดใช้ <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> อยู่ เนื่องจากฟีเจอร์ดังกล่าวมีฟังก์ชันการทำงานฝั่งไคลเอ็นต์เหมือนกัน การซิงค์ที่โฮสต์ไว้ใน Google จะปิดโดยสมบูรณ์ในกรณีนี้</translation>
<translation id="6320935916601887506">ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบใหม่ของ offsetParent โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6321635563435539529">การตั้งค่าบริการ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์</translation>
<translation id="632248221998836641">ลบล้างการตรวจสอบความสามารถในการเข้าถึงของ IPv6 ค้นหาระเบียน AAAA เสมอสำหรับการแปลงชื่อโฮสต์</translation>
<translation id="6324274808543634377">การตั้งค่า F11/F12 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Alt</translation>
<translation id="6327643515544933974">การตั้งค่า USB ของเว็บ</translation>
<translation id="6330882599388782338">อนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงเซ็นเซอร์</translation>
<translation id="6331167725613770725">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนแสดงกล่องคำเตือนหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงกล่องคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่ากำลังจะเริ่มตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะไม่มีกล่องคำเตือนปรากฏขึ้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว
ข้อความเตือนจะแสดงต่อเมื่อการทำงานสำหรับการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือการปิดเครื่อง</translation>
<translation id="6331943515692769234">บังคับให้ใช้อัลกอริทึม User-Agent GREASE ที่มีอยู่ก่อน</translation>
<translation id="6332546092866098577">บล็อกสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านผ่าน File System API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6333338054007607863">ดาวน์โหลดโมเดลโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6334330017384340264">นโยบายนี้จะระบุว่าแอปพลิเคชันและ URL ใดควรได้รับอนุญาตสำหรับข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป
รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้กับแอปที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ที่มีการจำกัดเวลาต่อแอป
รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้เฉพาะกับบัญชีผู้ใช้ที่เป็นเด็กและมีผลเมื่อมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_POLICY_NAME" />
รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้กับแอปพลิเคชันและ URL เพื่อไม่ให้ถูกบล็อกโดยการจำกัดเวลาต่อแอป
การเข้าถึง URL ที่อนุญาตจะไม่นับรวมในการจำกัดเวลาของ Chrome
เพิ่มนิพจน์ทั่วไปของ URL ไปยังรายการ |url_list| เพื่อเพิ่ม URL ที่ตรงกับนิพจน์ทั่วไปใดๆ ในรายการลงในรายการที่อนุญาต
เพิ่มแอปพลิเคชันพร้อม |app_id| และ |app_type| ของแอปไปยังรายการ |app_list| เพื่อเพิ่มแอปพลิเคชันนั้นลงในรายการที่อนุญาต
</translation>
<translation id="6334397544347592516">อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เพื่อให้การสนับสนุนจากระยะไกล</translation>
<translation id="6335206050538331829">กลยุทธ์การย้ายข้อมูลสำหรับการย้ายข้อมูล VM ของ ARC</translation>
<translation id="6337782882143073193">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน
ปิดใช้รูปแบบโปรโตคอลที่ระบุไว้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
URL ที่ใช้รูปแบบจากรายการนี้จะไม่โหลดขึ้นมาและคุณจะไปยัง URL เหล่านั้นไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือรายการยังว่างอยู่ รูปแบบทั้งหมดจะเข้าถึงได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6338831500376286321">ตั้งค่าระดับการเข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ระดับอุปกรณ์สำหรับระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งมีผลก่อนที่ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ หลังจากลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะควบคุมระดับการเข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ผ่านการตั้งค่าของผู้ใช้แต่ละรายได้
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น <ph name="ALLOW" /> ระบบจะอนุญาตการเข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ในหน้าจอเข้าสู่ระบบสำหรับอุปกรณ์ที่มีการจัดการ หากส่งค่านโยบายที่ไม่ถูกต้อง สิทธิ์เข้าถึงจะกลับไปเป็น <ph name="DISALLOW" /> สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ สิทธิ์ดังกล่าวจะเป็น <ph name="ALLOW" /> เสมอ
คําเตือน: โปรดระมัดระวังเมื่อเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ เนื่องจากอาจละเมิดนโยบายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (เช่น <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_POLICY" />) กล่าวคือ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="DISALLOW" /> ตัวเลือก <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONSENDWIFIACCESSPOINTS" /> และ <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONSENDALLLOCATIONINFO" /> ของนโยบาย <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_POLICY" /> จะทำงานผิดปกติ และจะใช้ตำแหน่งที่อิงตาม <ph name="IP" /> ในหน้าจอ<ph name="LOG_IN" />เท่านั้น</translation>
<translation id="6338982178236723271">รายงานข้อมูลระบบ</translation>
<translation id="6339355882150329269">ถือว่าผู้ใช้ยังมีการใช้งานอยู่ขณะเล่นวิดีโอ</translation>
<translation id="6352714113109004581">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ HID ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_HID_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย รูปแบบต่อไปนี้จะมีความสำคัญสูงกว่าตามลำดับ
* <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่)
* <ph name="DEFAULT_WEB_HID_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือ
* การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="6353890097388312479">การตั้งค่านโยบายเป็น "All" (0) หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขการตั้งค่าความน่าเชื่อถือของใบรับรอง CA ทั้งหมด ลบใบรับรองที่ผู้ใช้นำเข้า และนำเข้าใบรับรองโดยใช้ตัวจัดการใบรับรองได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "UserOnly" (1) ทำให้ผู้ใช้จัดการได้เฉพาะใบรับรองที่ผู้ใช้นำเข้า และจะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความน่าเชื่อถือของใบรับรองในเครื่องไม่ได้ การตั้งค่าเป็น "None" (2) ทำให้ผู้ใช้ดูใบรับรอง CA ได้ (จัดการไม่ได้)</translation>
<translation id="6358320368815225772">ปิดใช้เอกสารรับรองระยะไกลสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="6362589180545896213">ปิดใช้การถอดรหัสวิดีโอฮาร์ดแวร์ GPU</translation>
<translation id="6362856770865555544">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD (Web Proxy Auto-Discovery) ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ซึ่งทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องรอเซิร์ฟเวอร์ WPAD แบบใช้ DNS เป็นเวลานานขึ้น
ไม่ว่าจะมีการตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ไม่ได้</translation>
<translation id="6363485842496031347">การตั้งค่าแป้นพิมพ์ลัด "Delete" จะใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Alt</translation>
<translation id="6366574325767783825">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะยอมรับเนื้อหาเว็บที่แสดงเป็น Signed HTTP Exchange
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะป้องกันไม่ให้ Signed HTTP Exchange โหลด</translation>
<translation id="6368011194414932347">กำหนดค่า URL ของหน้าแรก</translation>
<translation id="6368403635025849609">อนุญาตให้ใช้ JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6371005337713685988">การตั้งค่าชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="6371561334154580937">แสดงกล่องโต้ตอบการออกจากระบบเมื่อปิดหน้าต่างสุดท้าย</translation>
<translation id="6372105930898423193">อนุญาตให้เปิดใช้ฟีเจอร์ AppCache อีกครั้งหากฟีเจอร์นี้ปิดอยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6373299801585455337">เปิดใช้การรายงานข้อมูล CPU ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6374945506685352202">รายการที่บล็อกสำหรับประเภทส่วนขยายที่ติดตั้ง</translation>
<translation id="6376540107659524656">ปิดใช้ SSH ในแอประบบเทอร์มินัล</translation>
<translation id="6376659517206731212">อาจเป็นข้อบังคับ</translation>
<translation id="637677821295115289">ตั้งค่าไดเรกทอรีที่มีการบันทึกการจับภาพหน้าจอ (ทั้งภาพหน้าจอและการบันทึกหน้าจอ)
หากตั้งค่านโยบายเป็น "แนะนำ" ระบบจะใช้ค่านี้โดยค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนได้
หรือกรณีอื่นคือผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้และจะบันทึกการจับภาพลงในไดเรกทอรีที่กำหนดไว้เสมอ
นโยบายใช้รูปแบบเดียวกับนโยบาย <ph name="DOWNLOAD_DIRECTORY_POLICY_NAME" /> โดยอาจตั้งค่าตำแหน่งเป็นระบบไฟล์ในเครื่องหรือ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> (ที่มีคำนำหน้า "${google_drive}" ) หรือ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> (ที่มีคำนำหน้า "${microsoft_onedrive}")
หากตั้งค่านโยบายเป็นสตริงว่างเปล่า ระบบจะบังคับให้จัดเก็บการจับภาพหน้าจอไว้ในไดเรกทอรี "ดาวน์โหลด" ในเครื่อง
ดูรายการตัวแปรที่คุณใช้ได้ ( https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables )
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ไดเรกทอรี "ดาวน์โหลด" เริ่มต้นในการจัดเก็บการจับภาพหน้าจอและผู้ใช้จะเปลี่ยนได้</translation>
<translation id="6377031865393559909">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้เทมเพลตเดสก์</translation>
<translation id="6378076389057087301">ระบุว่ากิจกรรมเสียงมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation>
<translation id="6378393933102834628">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" แสดงทางลัดของแอป การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าทางลัดนี้จะไม่ปรากฏขึ้น
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะแสดงหรือซ่อนทางลัดของแอปในเมนูตามบริบทของแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="638003144128412430">ปิดใช้การรายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6382209369210116232">ปิดใช้ส่วนขยายที่ไม่ได้เผยแพร่</translation>
<translation id="6382351416269252693">สร้างรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะปฏิเสธการให้สิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่องโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะจำกัดไม่ให้เว็บไซต์ดูข้อมูลเกี่ยวกับแบบอักษรในเครื่องได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์ได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_LOCAL_FONTS_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นสิทธิ์ดังกล่าวจะเป็นไปตามค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์และอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกสิทธิ์สำหรับแต่ละเว็บไซต์</translation>
<translation id="6383774771168138899">กําหนดค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /></translation>
<translation id="6384542789059421431">เปิดใช้การแสดงหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นในแผงด้านข้างของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="6394350458541421998">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 29 โปรดใช้นโยบาย PresentationScreenDimDelayScale แทน</translation>
<translation id="6396956366662970339">ระบุว่าจะอนุญาตให้รูปแบบการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติพักขั้นตอนการชาร์จไว้ชั่วคราวเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่หรือไม่
เมื่อเสียบปลั๊กอุปกรณ์อยู่ รูปแบบการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติจะประเมินว่าควรพักขั้นตอนการชาร์จไว้ชั่วคราวเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่หรือไม่ หากรูปแบบการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติพักขั้นตอนการชาร์จไว้ชั่วคราวก็จะคงแบตเตอรี่ไว้ที่ระดับหนึ่ง (เช่น 80%) จากนั้นจะชาร์จจนถึง 100% เมื่อผู้ใช้ต้องการ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติและอนุญาตให้หยุดการชาร์จไว้ชั่วคราวได้เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การชาร์จแบบปรับอัตโนมัติจะไม่ส่งผลต่อขั้นตอนการชาร์จ</translation>
<translation id="6397588391180665797">รายงานการกำหนดค่าเครือข่ายของผู้ใช้ในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการรายงานการกำหนดค่าเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6398489342702562818">การตั้งค่านโยบายนี้จะบังคับให้เปิดหรือปิดใช้การจับคู่ด่วน
การจับคู่ด่วนเป็นขั้นตอนการจับคู่แบบใหม่ของบลูทูธที่ลิงก์อุปกรณ์ต่อพ่วงที่จับคู่กับบัญชี GAIA
ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์ Chrome OS (และ Android) อื่นๆ ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี GAIA เดียวกันจับคู่กันโดยอัตโนมัติ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร และเปิดใช้สำหรับบัญชีที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6401669939808766804">ออกจากระบบให้ผู้ใช้</translation>
<translation id="640244877779556713">เปิดใช้คำแนะนำอีโมจิ</translation>
<translation id="6403114173011456561">ควบคุมแป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสซึ่งทำหน้าที่เป็นนโยบายเสริมของนโยบาย <ph name="VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" />
หากเปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษ นโยบายนี้จะไม่มีผล
หากไม่ได้เปิดใช้ นโยบายนี้จะมีผลดังต่อไปนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ แป้นพิมพ์เสมือนจะแสดงตามการเรียนรู้เริ่มต้นของระบบ เช่น มีการเชื่อมต่อแป้นพิมพ์หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์เสมือนจะแสดงเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์เสมือนจะไม่แสดง
แป้นพิมพ์เสมือนอาจเปลี่ยนเป็นรูปแบบกะทัดรัดขึ้นอยู่กับวิธีการป้อนข้อมูล</translation>
<translation id="6404064917675764807">ไม่รายงานเหตุการณ์เซสชัน CRD</translation>
<translation id="6404360891305375004">อนุญาตให้ใช้พื้นที่แชร์ไฟล์ในเครือข่าย</translation>
<translation id="6407093060083181305">กำหนดค่ารายการที่บล็อกสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="640827304541402854">ปิดใช้การส่งผ่านไฟร์วอลล์จากโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="6410847321564585975">รายการที่อนุญาตสำหรับการรายงานกิจกรรมในเว็บไซต์</translation>
<translation id="6412352702230183710">อนุญาตเฉพาะโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมระดับระบบ</translation>
<translation id="6416506846917150119">ปิดใช้ฟีเจอร์การเขียนแบบช่วยคาดเดาบนแป้นพิมพ์จริงเมื่อผู้ใช้พิมพ์</translation>
<translation id="6417265370957905582">Google Assistant</translation>
<translation id="6419001911253110938">เปิดใช้การแสดงหน้าจอแนะนำสำหรับฟีเจอร์ AI ในเซสชันระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="6421254653839955267">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะข้ามการค้นหา CNAME ระบบจะใช้ชื่อเซิร์ฟเวอร์ตามที่ป้อนเมื่อสร้าง Kerberos SPN
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าการค้นหา CNAME จะกำหนดชื่อ Canonical ของเซิร์ฟเวอร์เมื่อสร้าง Kerberos SPN</translation>
<translation id="6424485010103067949"><ph name="OMA_URI" />:</translation>
<translation id="6424486395812679373">เริ่มการตรวจสอบของ Google Safe Browsing ในไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมด</translation>
<translation id="6426899507714989471">ปิดใช้การเร่งกราฟิก</translation>
<translation id="6430793593318487825">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่เข้าถึงเซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SENSORS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
หากมีรูปแบบ URL เดียวกันอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SENSORS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายนี้และสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์แสงจะถูกบล็อก
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="6431446111529802555">ยุโรป</translation>
<translation id="6433697627431665375">ป้องกันไม่ให้รวมข้อมูลจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไว้ในการสำรองข้อมูล</translation>
<translation id="6436052172226685535">ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของ LBS</translation>
<translation id="6438472072089952201"><ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามอัปเกรดการไปยังส่วนต่างๆ จาก HTTP เป็น HTTPS เมื่อทำได้ นโยบายนี้ใช้เพื่อปิดลักษณะการทำงานนี้ได้ หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์นี้โดยค่าเริ่มต้น
ฟีเจอร์นี้จะใช้นโยบาย <ph name="HTTP_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อยกเว้นชื่อโฮสต์หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ที่ต้องการไม่ให้อัปเกรดเป็น HTTPS ได้
โปรดดูนโยบาย <ph name="HTTPS_ONLY_MODE_POLICY_NAME" /> ด้วย</translation>
<translation id="6440051664870270040">อนุญาตให้เว็บไซต์นำทางและเปิดป๊อปอัปพร้อมกันได้</translation>
<translation id="6441781723322254041">อนุญาตคุกกี้ที่ตัดให้สั้นลง</translation>
<translation id="6446366416439249472">ปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ</translation>
<translation id="6447628816682315403">นโยบายสำหรับควบคุมว่าจะเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่าการป้องกันลายนิ้วมือของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> สำหรับผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดการตั้งค่าฟีเจอร์การป้องกันลายนิ้วมือสำหรับผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะเปิดการตั้งค่าฟีเจอร์การป้องกันลายนิ้วมือไว้สำหรับผู้ใช้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดฟีเจอร์การป้องกันลายนิ้วมือได้ในการตั้งค่า UI สถานะเริ่มต้นจะเป็น "เท็จ" หรือ "ปิดใช้" ซึ่งหมายความว่าฟีเจอร์การป้องกันลายนิ้วมือจะถูกปิด</translation>
<translation id="6447948611083700881">การสำรองและกู้คืนข้อมูลปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="6449476513004303784">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรอง</translation>
<translation id="6449541189334851559">เปิดใช้การผสานรวม "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />" ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ใช้ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" ดึงข้อมูลกิจกรรมจาก "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />" เพื่อป้อนข้อมูลวิดเจ็ตปฏิทินของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" ในแถบสถานะของระบบได้
หากเปิดใช้นโยบายนี้ อุปกรณ์ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" จะเรียกดูกิจกรรม "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />" เพื่อป้อนข้อมูลวิดเจ็ตปฏิทินของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" ในแถบสถานะของระบบสำหรับผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบได้
หากปิดใช้นโยบายนี้ อุปกรณ์ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" จะไม่สามารถเรียกดูกิจกรรม "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />" เพื่อป้อนข้อมูลวิดเจ็ตปฏิทินของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" ในแถบสถานะของระบบสำหรับผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ "<ph name="GOOGLE_CALENDAR_NAME" />" โดยค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร</translation>
<translation id="6452882999388592166">หากตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" ระบบจะโหลดส่วนขยายคอมโพเนนต์ CryptoToken ในตัวเมื่อเริ่มต้นระบบ หากตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่โหลด CryptoToken เมื่อเริ่มต้นเบราว์เซอร์ นโยบายนี้มีไว้เพื่อเป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวสำหรับเว็บไซต์ที่ไม่ทำงานเนื่องจากไม่ได้ระบุ "chrome.runtime" ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการนำ CryptoToken ออกใน M106 เว็บไซต์ต้องไม่ใช้ "chrome.runtime" ที่กำหนดไว้อย่างไม่มีเงื่อนไข</translation>
<translation id="6453641799812499182">เปิดใช้การลดการตรวจสอบ <ph name="CORS" /> ในการนำ <ph name="CORS" /> ใหม่ไปใช้</translation>
<translation id="645425387487868471">เปิดใช้การบังคับลงชื่อเข้าใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="645467061280066516">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกของผู้ใช้ โดยจะไม่สนใจตำแหน่ง URL ใดๆ ของหน้าแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าหน้าแรกจะไม่เป็นหน้าแท็บใหม่ เว้นแต่ URL หน้าแรกของผู้ใช้จะตั้งค่าไว้เป็น chrome://newtab
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนประเภทหน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกหรือไม่
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="6455842857207956758">เปิดใช้การซิงค์รหัสผ่าน SAML ระหว่างอุปกรณ์ Chrome หลายเครื่องโดยการตรวจสอบค่าของโทเค็นการซิงค์รหัสผ่าน และส่งผู้ใช้ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหากรหัสผ่านมีการอัปเดตและต้องซิงค์
เปิดใช้หน้าใน chrome://password-change ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ SAML เปลี่ยนรหัสผ่าน SAML ของตนขณะอยู่ในเซสชัน ซึ่งจะดูแลให้รหัสผ่าน SAML และรหัสผ่านหน้าจอล็อกอุปกรณ์ซิงค์กัน
นโยบายนี้ยังเปิดใช้การแจ้งเตือนที่เตือนผู้ใช้ SAML หากรหัสผ่าน SAML ใกล้จะหมดอายุ เพื่อให้ผู้ใช้จัดการเรื่องนี้ทันทีด้วยการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชัน
แต่การแจ้งเตือนเหล่านี้จะแสดงเมื่อผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัว SAML ส่งข้อมูลการหมดอายุของรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ SAML เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้เปลี่ยนรหัสผ่าน SAML ที่ chrome://password-change ไม่ได้ และจะไม่มีการแจ้งเตือนเมื่อรหัสผ่าน SAML ใกล้หมดอายุ</translation>
<translation id="6457477291648119596">Type 42</translation>
<translation id="6457901822929629835">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ JavaScript ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="6458361632497500815">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้ทั้งหมดใช้งาน <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ได้ตราบใดที่มีการเปิดใช้ทั้ง 3 นโยบาย ได้แก่ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" />, <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_UNAFFILIATED_CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้ที่ไม่ได้เชื่อมโยงจะใช้งาน <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ไม่ได้ การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มคอนเทนเนอร์ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ใหม่ ไม่ใช่คอนเทนเนอร์ที่ทำงานอยู่แล้ว</translation>
<translation id="6462604655173570082">การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้ผู้ใช้ดูและใช้ปุ่ม <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> ในช่องค้นหาบนหน้าแท็บใหม่ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นปุ่ม <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> ในช่องค้นหาบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6464074037294098618">เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่</translation>
<translation id="6464564464230511695">หากตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="SEARCH_SIDE_PANEL_FEATURE_NAME" /> จะได้รับอนุญาตในหน้าเว็บทุกหน้า
หากตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" <ph name="SEARCH_SIDE_PANEL_FEATURE_NAME" /> จะใช้งานไม่ได้ในหน้าเว็บทุกหน้า
ความสามารถของ GenAI ที่เป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์นี้ไม่พร้อมใช้งานสำหรับบัญชี Education หรือ Enterprise</translation>
<translation id="6467613372414922590">อนุญาตให้ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมระดับผู้ใช้ (ติดตั้งโดยไม่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ)</translation>
<translation id="6467707081687600148">กำหนดเวลารีบูตอัตโนมัติหลังจากใช้การอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แล้ว
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะกำหนดเวลารีบูตอัตโนมัติเมื่อใช้การอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แล้ว และจำเป็นต้องมีการรีบูตอุปกรณ์เพื่อให้ขั้นตอนการอัปเดตเสร็จสมบูรณ์ โดยจะกำหนดเวลารีบูตทันที แต่อาจมีความล่าช้าในอุปกรณ์ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้กำลังใช้งานอุปกรณ์อยู่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่มีการกำหนดเวลารีบูตอัตโนมัติหลังจากใช้การอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขั้นตอนการอัปเดตจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อผู้ใช้รีบูตอุปกรณ์ในครั้งถัดไป
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หมายเหตุ: ปัจจุบันการรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้ขณะกำลังแสดงหน้าจอการเข้าสู่ระบบ หรืออยู่ในระหว่างเซสชันของแอปคีออสก์เท่านั้น</translation>
<translation id="6471018476824827813">อนุญาตการรวบรวมเมตริกซึ่งผูกกับ URL</translation>
<translation id="6471927932956897852">ระบุว่าจะใช้ P2P สำหรับเพย์โหลดการอัปเดตระบบปฏิบัติการหรือไม่
หากตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์จะแชร์และพยายามใช้เพย์โหลดการอัปเดตใน LAN ซึ่งอาจลดการใช้แบนด์วิดท์และความหนาแน่นในอินเทอร์เน็ต หากเพย์โหลดการอัปเดตไม่พร้อมใช้งานใน LAN อุปกรณ์จะกลับไปใช้การดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์การอัปเดต
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ใช้ P2P
หมายเหตุ: ลักษณะการทำงานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคและขององค์กรนั้นแตกต่างกัน กล่าวคือ จะมีการเปิดใช้ P2P ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ แต่จะไม่มีการเปิดใช้ในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6473623140202114570">กำหนดค่ารายการโดเมนที่ Safe Browsing จะไม่เรียกให้คำเตือนแสดง</translation>
<translation id="6474194795370862403">ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบเก่าของ offsetParent</translation>
<translation id="647645276885673708">เปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> และกำหนดให้เป็นเบราว์เซอร์หลัก</translation>
<translation id="647698599569353771">อนุญาตให้เปิดใช้การแชร์ใกล้เคียง</translation>
<translation id="6477685422297715670">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีเขียว</translation>
<translation id="6478258366184919502">ต้นทางของการเข้าสู่ระบบและหน้าจอ</translation>
<translation id="6478261301433199402">การตั้งค่านโยบายจะระบุรูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ ระบุนโยบายนี้เป็นสตริงรูปแบบ JSON โดยที่ <ph name="URL_PLUGIN_VM_IMAGE_FIELD" /> ระบุตำแหน่งที่จะดาวน์โหลดรูปภาพและ <ph name="HASH_PLUGIN_VM_IMAGE_FIELD" /> เป็นแฮช SHA-256 ที่ใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="6481245670325946423">อนุญาตให้ใช้โหมดไม่มีส่วนหัว</translation>
<translation id="648158446793103284">การตั้งค่านโยบายนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกวิธีการป้อนข้อมูลวิธีใดวิธีหนึ่งสำหรับเซสชันของ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" ที่คุณระบุ
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลวิธีใดก็ได้ที่รองรับ
ตั้งแต่เวอร์ชัน M106 เป็นต้นไป ระบบจะเปิดใช้วิธีการป้อนข้อมูลที่อนุญาตโดยอัตโนมัติในเซสชันคีออสก์
หมายเหตุ: หากไม่รองรับวิธีการป้อนข้อมูลในปัจจุบัน ระบบจะเปลี่ยนไปใช้เลย์เอาต์ของแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์ (หากอนุญาตให้ใช้ได้) หรือวิธีการแรกที่ใช้ได้ในรายการนี้ โดยจะไม่สนใจวิธีการที่ใช้ไม่ได้หรือไม่รองรับ</translation>
<translation id="6483115462650732746">แสดงเมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยในโหมดคีออสก์</translation>
<translation id="6491139795995924304">อนุญาตบลูทูธบนอุปกรณ์</translation>
<translation id="6491305972928809525">ไม่แสดงเมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยในโหมดคีออสก์</translation>
<translation id="6491872498385040936">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ลองใช้ <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> ซึ่งจะลบล้างนโยบายนี้และช่วยให้ปรับแต่งการตั้งค่าได้ละเอียดยิ่งขึ้น
บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางเป็นอย่างน้อยใน YouTube อยู่เสมอ
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation>
<translation id="6492177700737407141">ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงจะได้รับการปกป้องผู้บริโภคระดับมาตรฐานเท่านั้น</translation>
<translation id="6492737559291967859">การตั้งค่านโยบายจะระบุภาษาที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ตั้งค่า ระบบจะใช้ภาษาแรกที่ใช้ได้จากรายการต่อไปนี้
1) ภาษาที่ผู้ใช้ระบุ (หากกำหนดค่าไว้)
2) ภาษาของระบบ
3) ภาษาสำรอง (en-US)</translation>
<translation id="6493089139124468815">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงคลิปบอร์ด</translation>
<translation id="6493918190032622602">เวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขั้นต่ำที่อนุญาต</translation>
<translation id="6495337487202227251">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="SCREEN_LOCK_DELAYS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
วิธีที่แนะนำสำหรับการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวก็คือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="6497085755801788141">ใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัว</translation>
<translation id="6499579502664610993">ลบล้างชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="6504720469162323184">การตั้งค่านโยบายจะระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้ก่อนการลงชื่อเข้าใช้บัญชีในอุปกรณ์ที่ระบุโดยนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> โดยอัตโนมัติ
การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหมายความว่าระยะหมดเวลาคือ 0 มิลลิวินาที
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้จะไม่มีผล</translation>
<translation id="65055701428353978">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุรายการ URL เปลี่ยนเส้นทาง OAuth ซึ่งส่วนขยายที่มี <ph name="IDENTITY_API_NAME" /> API (<ph name="IDENTITY_API_URL" />) สามารถใช้งานได้นอกเหนือจาก URL เปลี่ยนเส้นทาง https://&lt;extension id&gt;.chromiumapp.org/ มาตรฐาน สําหรับส่วนขยายแต่ละรายการที่ได้รับผลกระทบ
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือไม่ระบุรายการ URL จะทําให้แอปหรือส่วนขยายทั้งหมดใช้ได้เฉพาะ URL เปลี่ยนเส้นทางมาตรฐานเมื่อใช้ <ph name="IDENTITY_API_NAME" /> API</translation>
<translation id="6506486086262398387">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ NTLM สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ไปยังพื้นที่แชร์ SMB หากจำเป็น การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ NTLM ไปยังพื้นที่แชร์ SMB
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ลักษณะการทำงานตามค่าเริ่มต้นเป็น "ปิด" สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเป็น "เปิด" สำหรับผู้ใช้อื่นๆ</translation>
<translation id="6509376413448002446">กำหนดค่าโปรแกรมรักษาหน้าจอของผู้ใช้สำหรับหน้าจอล็อก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงโปรแกรมรักษาหน้าจอเมื่อไม่มีการใช้งานในหน้าจอล็อก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า โปรแกรมรักษาหน้าจอจะไม่แสดงในหน้าจอล็อก
โปรแกรมรักษาหน้าจอของผู้ใช้แสดงรูปภาพที่นโยบาย <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_IMAGES_POLICY_NAME" /> อ้างอิง หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_IMAGES_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า หรือเป็นรายการที่ไม่มีรูปภาพที่ถูกต้อง โปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอล็อกจะไม่แสดง
ระยะหมดเวลาเนื่องจากไม่มีการใช้งานเพื่อเริ่มโปรแกรมรักษาหน้าจอ และช่วงเวลาที่รูปภาพแสดงอยู่จะแก้ไขได้ด้วยนโยบาย <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_IDLE_TIMEOUT_SECONDS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_DISPLAY_INTERVAL_SECONDS_POLICY_NAME" /> ตามลำดับ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายเหล่านี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นของนโยบายแทน</translation>
<translation id="651248769129998376">ไม่สร้างหรืออัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยายไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบ</translation>
<translation id="6513453889192806240">เวลาในการตอบสนองของ HTTPS</translation>
<translation id="6515357889978918016">รูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="6518102411616460786">รอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบันในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation>
<translation id="6518894783486860562">ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย, API ของเว็บ
<ph name="SHOW_SUBAPPS_APP_API_NAME" />,
<ph name="SHOW_SUBAPPS_REMOVE_API_NAME" /> และ
<ph name="SHOW_SUBAPPS_LIST_API_NAME" /> จำเป็นต้องเรียกใช้ท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้า ("การเปิดใช้งานชั่วคราว") มิเช่นนั้นจะดำเนินการไม่สำเร็จ นอกจากนี้ ระบบจะขอให้ผู้ใช้ยืนยันการดำเนินการผ่านกล่องโต้ตอบการยืนยัน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ดูแลระบบสามารถระบุต้นทางที่จะเรียกใช้ API เหล่านี้ได้โดยไม่ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้าและไม่ต้องขอการยืนยันจากผู้ใช้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่
https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns * ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ต้นทางทั้งหมดจะกำหนดให้ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้าเพื่อเรียกใช้ API เหล่านี้ และจะแสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันแก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="6520053715392444458">เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งการดาวน์โหลดที่น่าสงสัยจากผู้ใช้ที่เปิดใช้ Google Safe Browsing ไปยัง Google เพื่อสแกนหามัลแวร์ได้ หรือแจ้งให้ผู้ใช้ระบุรหัสผ่านสำหรับที่เก็บถาวรที่เข้ารหัส
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่ทำการสแกนนี้
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการวิเคราะห์เนื้อหาดาวน์โหลดที่กำหนดค่าโดยเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise</translation>
<translation id="6520802717075138474">นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="6521971538031711337">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการกำหนดค่าชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6523079496775454310">เปิดใช้การให้ความยินยอมสำหรับสัญญาณของอุปกรณ์จากผู้ใช้ที่มีการจัดการในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6527674993612811419">แสดงคำเตือนและปิดใช้การป้อนข้อความอัตโนมัติในแบบฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="6532769014584932288">อนุญาตการทำงานขณะล็อก</translation>
<translation id="6533881418188970751">ถามผู้ใช้เกี่ยวกับตำแหน่งที่ต้องการบันทึกไฟล์ก่อนจะเริ่มดาวน์โหลด</translation>
<translation id="6534181153831265700">การตั้งค่านโยบายจะระบุจำนวนวันของความถี่ที่ไคลเอ็นต์จะเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง ไคลเอ็นต์จะสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มและไม่แสดงต่อผู้ใช้ การปิดใช้นโยบายนี้หรือการตั้งค่าจำนวนวันที่สูงจะส่งผลเสียต่อการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากทำให้ผู้ที่อาจโจมตีมีเวลามากขึ้นในการหาและใช้รหัสผ่านบัญชีของเครื่อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่องทุก 30 วัน
การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง
หมายเหตุ: รหัสผ่านอาจเก่ากว่าจำนวนวันที่ระบุไว้หากไคลเอ็นต์ออฟไลน์เป็นเวลานานกว่านั้น</translation>
<translation id="653616551212414363">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบเมื่อมีการเสียบอุปกรณ์ USB ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะไม่แสดงการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับอุปกรณ์ USB ที่เสียบอยู่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับอุปกรณ์ USB ที่เสียบอยู่</translation>
<translation id="6536600139108165863">เริ่มต้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ปิดเครื่อง</translation>
<translation id="6538653424603921690">ปิดใช้หน้าจอความเป็นส่วนตัวในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้เสมอ</translation>
<translation id="6539246272469751178">นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อแอป Android โดยแอป Android จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้นเสมอ และไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ใดๆ ที่ดาวน์โหลดโดย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ลงในไดเรกทอรีการดาวน์โหลดที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6541383786427998658">เปิดใช้การบันทึกระบบของส่วนขยายสำหรับองค์กร</translation>
<translation id="654303922206238013">กลยุทธ์การย้ายข้อมูลสำหรับ eCryptfs</translation>
<translation id="6544601600794014309">เปิดใช้คำแปลของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="654546276700640113">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบบังคับใช้ความยาว PIN สูงสุดที่กำหนดค่าไว้ ค่า 0 หรือน้อยกว่าหมายความว่าผู้ใช้จะตั้ง PIN ที่มีความยาวเท่าใดก็ได้ หากค่าน้อยกว่า <ph name="PIN_UNLOCK_MINIMUM_LENGTH_POLICY_NAME" /> แต่มากกว่า 0 แสดงว่าได้ตั้งค่าความยาวสูงสุดเป็นความยาวขั้นต่ำ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการบังคับใช้ความยาวสูงสุด</translation>
<translation id="6546185795045702747">อนุญาตให้เว็บไซต์ตรวจสอบว่าผู้ใช้มีวิธีการชำระเงินที่บันทึกไว้ไหม</translation>
<translation id="6553143066970470539">เปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ</translation>
<translation id="6554236101741861403">อัตราที่เก็บรวบรวมการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์ในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้สำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 5 นาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้อัตราเริ่มต้น 15 นาที</translation>
<translation id="6556586932263358975">อนุญาตให้ล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="6558013557780651644">การหน่วงเวลาก่อนเรียกใช้การดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="6558812160831988140">การรายงานการใช้แอป</translation>
<translation id="6559057113164934677">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เข้าถึงกล้องและไมโครโฟน</translation>
<translation id="65591220958874949">ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวกับ Windows, macOS, Android และ ChromeOS</translation>
<translation id="6559221564468029245">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าทำให้ผู้ใช้ไม่ถูกพิจารณาว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะกำลังเล่นเสียง ซึ่งจะป้องกันระยะหมดเวลาเนื่องจากไม่ความเคลื่อนไหวและป้องกันการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว แต่จะยังมีการหรี่แสงหน้าจอ การปิดหน้าจอ และการล็อกหน้าจอหลังจากระยะหมดเวลาที่กำหนดค่าไว้ แม้จะมีกิจกรรมเสียงก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ระบบสามารถระบุว่าผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้จะมีกิจกรรมเสียง</translation>
<translation id="6559475864956112261">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี Chrome และแอป ARC จะไม่พิจารณาตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับพร็อกซีทั้งหมดที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ระบบจะไม่พิจารณาตัวเลือกอื่นๆ หากคุณเลือกตัวเลือกต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_DIRECT" /> = ไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_SYSTEM" /> = ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_AUTO_DETECT" /> = ตรวจจับพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ
หากคุณเลือกใช้ตัวเลือกต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> = พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่ คุณจะระบุตัวเลือกอื่นๆ ต่อไปได้ด้วย <ph name="PROXY_SERVER_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_POLICY_NAME" /> เฉพาะพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> = สคริปต์พร็อกซี .pac ใช้ <ph name="PROXY_PAC_URL_POLICY_NAME" /> เพื่อตั้งค่า URL เป็นไฟล์ .pac ของพร็อกซี
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="6559643481486165125">ไม่ต้องแจ้งให้ตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง</translation>
<translation id="656130159911161669">การอัปเดต ChromeOS ไม่สนใจเวอร์ชันที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของแอปคีออสก์</translation>
<translation id="6561396069801924653">แสดงตัวเลือกการเข้าถึงในเมนูถาดระบบ</translation>
<translation id="6562889469672829421">ระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนหรี่แสงหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้</translation>
<translation id="6563458316362153786">เปิดใช้การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว 802.11r</translation>
<translation id="6563462845077594854">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งใช้การจับภาพเดสก์ท็อป หน้าต่าง และแท็บได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบไม่พิจารณาเว็บไซต์เพื่อทำการลบล้างที่การจับภาพระดับนี้
ระบบจะไม่พิจารณานโยบายนี้หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบ URL ในนโยบาย <ph name="WINDOW_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />, <ph name="TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="SAME_ORIGIN_TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />
หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบ URL ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่พิจารณา <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_POLICY_NAME" />
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL</translation>
<translation id="6568977718979857253">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่
ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะไม่นำรายการปลั๊กอินที่ระบุมาใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะทำเครื่องหมายว่าปลั๊กอินเป็นปิดใช้อยู่ใน "about:plugins" และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้
โปรดทราบว่า EnabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions ลบล้างนโยบายนี้ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้ปลั๊กอินใดก็ตามที่ติดตั้งไว้ในระบบได้ ยกเว้นปลั๊กอินที่มีฮาร์ดโค้ดที่เข้ากันไม่ได้ ล้าสมัย หรือเป็นอันตราย</translation>
<translation id="6571055160227165318">อนุญาตให้ Chrome Flag เปิดใช้ WebSQL ได้</translation>
<translation id="6574903167639386816">ล้างข้อมูลโปรไฟล์ในดิสก์เมื่อเซสชันของผู้ใช้สิ้นสุดลง</translation>
<translation id="6575403002861093126">การตั้งค่านโยบายจะระบุอายุการใช้งาน (เป็นจำนวนชั่วโมง) ของแคช Group Policy Object (GPO) ซึ่งเป็นระยะเวลาสูงสุดที่สามารถใช้ GPO ซ้ำได้ก่อนที่จะดาวน์โหลดอีกครั้ง ระบบจะใช้ GPO ที่แคชไว้ ตราบใดที่ยังเป็นเวอร์ชันเดิม แทนการดาวน์โหลด GPO ซ้ำในการดึงข้อมูลนโยบายแต่ละครั้ง
การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการแคช GPO ซึ่งทำให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักขึ้น เนื่องจากระบบต้องดาวน์โหลด GPO ซ้ำทุกครั้งที่ดึงข้อมูลนโยบายแม้ว่า GPO จะเป็นรายการเดิมก็ตาม
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ GPO ที่แคชไว้ซ้ำได้เป็นเวลาสูงสุด 25 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การรีสตาร์ทและการออกจากระบบจะล้างแคช</translation>
<translation id="6575944031719151455">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการบัญชีในอุปกรณ์ที่จะแสดงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ตัวระบุจะเป็นตัวบอกความแตกต่างของบัญชีในอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือนโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่า ก็จะไม่มีบัญชีในอุปกรณ์แสดงเลย</translation>
<translation id="6577760914164385949">อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ในผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัวในระบบคลาวด์ของ Microsoft® โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6580851705156412587">ล็อกอุปกรณ์เมื่อมีการระงับการใช้งานหรือพับจอ</translation>
<translation id="6581048059229620221">หากปิดใช้นโยบายนี้ โฮสต์การสนับสนุนระยะไกลจะไม่สามารถเริ่มต้นหรือกำหนดค่าให้ยอมรับการเชื่อมต่อขาเข้า
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อสถานการณ์การเข้าถึงระยะไกล
นโยบายนี้ยังคงให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่มีการจัดการ
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากเปิดใช้ ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="6583249367505445969">ปิดใช้แถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="6584122839583172231">การตั้งค่า F12 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Ctrl และ Shift</translation>
<translation id="6584541828182430328">ปิดใช้การแสดงการแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="658537215958747575">อนุญาตให้ต้นทางที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ใช้ Direct Sockets</translation>
<translation id="6588634282328239769">แสดง URL แบบเต็ม</translation>
<translation id="6589049539706330510">เปิดใช้การรองรับ</translation>
<translation id="6593025196187527239">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ใช้ ARC ได้ เว้นแต่จะมีการปิด ARC ไว้ด้วยวิธีการอื่นๆ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้นอกโดเมนจะใช้ ARC ไม่ได้
การเปลี่ยนแปลงนโยบายจะมีผลขณะที่ ARC ไม่ได้ทำงานอยู่เท่านั้น เช่น ขณะเริ่มต้น ChromeOS</translation>
<translation id="6593350713192882944">เปิดใช้คำตอบด่วน</translation>
<translation id="6594372503585248865">เปิดใช้การแสดง UI ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อบนเดสก์ท็อปของโฮสต์ระยะไกลเมื่อมีการเชื่อมต่อ</translation>
<translation id="65947892191748867">ปิดใช้การให้ความยินยอมสำหรับสัญญาณของอุปกรณ์จากผู้ใช้ที่มีการจัดการในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6596675965208703569">นโยบายนี้จะระบุระยะเวลา (เป็นวินาที) ที่จะแสดงอุปกรณ์แคสต์ซึ่งเลือกไว้ก่อนหน้านี้ผ่านรหัสการเข้าถึงหรือคิวอาร์โค้ด ภายในเมนูอุปกรณ์แคสต์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
ระยะเวลาตลอดอายุของรายการหนึ่งจะเริ่ม ณ เวลาที่ป้อนรหัสการเข้าถึงหรือสแกนคิวอาร์โค้ดเป็นครั้งแรก
ระหว่างระยะเวลานี้ อุปกรณ์แคสต์ดังกล่าวจะปรากฏในรายชื่ออุปกรณ์แคสต์บนเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หลังจากระยะเวลานี้ หากต้องการใช้อุปกรณ์แคสต์นั้นอีกครั้ง จะต้องมีการป้อนรหัสการเข้าถึงหรือสแกนคิวอาร์โค้ดอีกครั้ง
โดยค่าเริ่มต้น ระยะเวลาจะอยู่ที่ 0 วินาที อุปกรณ์แคสต์จึงจะไม่คงอยู่ในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และจะต้องป้อนรหัสการเข้าถึงหรือสแกนคิวอาร์โค้ดอีกครั้งเพื่อเริ่มต้นเซสชันการแคสต์ใหม่
โปรดทราบว่านโยบายนี้ส่งผลต่อระยะเวลาที่อุปกรณ์แคสต์ปรากฏในเมนูของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น และจะไม่ส่งผลต่อเซสชันการแคสต์ต่อเนื่องใดๆ ซึ่งจะดำเนินต่อไปแม้ระยะเวลาดังกล่าวหมดอายุแล้ว
นโยบายนี้จะไม่มีผล เว้นแต่จะตั้งค่านโยบาย <ph name="ACCESS_CODE_CAST_ENABLED_POLICY_NAME" /> ไว้เป็น "เปิดใช้"</translation>
<translation id="6598235178374410284">รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="6600377630856879433">อนุญาตให้ต้นทางเหล่านี้จับภาพหน้าต่างและแท็บ</translation>
<translation id="6603004149426829878">ส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งใดก็ตามที่มีอยู่ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation>
<translation id="6604049565198492174">การตั้งค่านโยบายจะทำให้กำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้แต่ละคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ละเครื่องได้ การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิด (Open Network Configuration)</translation>
<translation id="660567106648774919">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย <ph name="TOS_DIALOG_BEHAVIOR_POLICY_NAME" /> แทน
โดยค่าเริ่มต้น ข้อกำหนดในการให้บริการจะแสดงเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการไม่แสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรกหรือการเรียกใช้ครั้งต่อๆ ไป การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการแสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรก ข้อสำคัญอื่นๆ ได้แก่
- นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Android ซึ่งมีการจัดการครบวงจรที่กำหนดค่าได้โดยผู้ให้บริการการจัดการปลายทางแบบรวม (Unified Endpoint Management)
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" นโยบาย BrowserSignin จะไม่มีผล
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่ส่งเมตริกต่างๆ ไปยังเซิร์ฟเวอร์
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" เบราว์เซอร์จะมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ผู้ดูแลระบบต้องแจ้งข้อมูลนี้กับผู้ใช้ปลายทางของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6605778633186421420">เปิดใช้การรองรับการส่งพจนานุกรมการบีบอัด</translation>
<translation id="6607983779935460461">การรองรับ URL ข้อมูลสำหรับ SVGUseElement</translation>
<translation id="6609867253856597039">ตั้งค่าประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation>
<translation id="6614557704487944013">อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="661610294649586421">ไม่อนุญาตคำขอ WebAuthn API ในเว็บไซต์ที่มีใบรับรอง TLS ไม่ถูกต้อง</translation>
<translation id="6617589895942747919">เวลาเริ่มต้นของระยะเวลา (รวมวันที่เริ่มต้น)</translation>
<translation id="6621830999036927230">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ URL นี้ในการตรวจสอบโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์จากไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลเพื่อยอมรับการเชื่อมต่อ หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้
หมายเหตุ: ใช้นโยบายนี้กับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_URL_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="6625136649067113817">ธงบูลีนที่ระบุว่าแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะมีฟีเจอร์การตรวจตัวสะกดหรือไม่</translation>
<translation id="66265932317331474">รายงานข้อมูล CPU</translation>
<translation id="6628120204569232711">รายงานสถานะของพื้นที่เก็บข้อมูล</translation>
<translation id="662991036483361836">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปิดใช้ฟีเจอร์การแชร์ใกล้เคียง</translation>
<translation id="6634974629075330608">นโยบายนี้ช่วยให้สามารถเลือกไม่รับการเปลี่ยนแปลงได้ชั่วคราวสำหรับวิธีที่ Chrome จัดการคุกกี้ที่ตั้งค่าผ่าน JavaScript ซึ่งมีอักขระควบคุมบางอย่าง (Null, อักขระขึ้นบรรทัดใหม่ และป้อนบรรทัด)
โดยก่อนหน้านี้ หากมีอักขระเหล่านี้อยู่ในสตริงคุกกี้ ระบบจะยังคงตั้งค่าแต่มีการตัดให้สั้นลง
ในตอนนี้ ระบบจะไม่สนใจสตริงคุกกี้ที่มีอักขระเหล่านี้ทั้งสตริง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" (ค่าเริ่มต้น) ระบบจะเปิดใช้ลักษณะการทำงานแบบใหม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะเปิดใช้ลักษณะการทำงานแบบเก่า</translation>
<translation id="663685822663765995">จำกัดโหมดสีการพิมพ์</translation>
<translation id="6640355849038068978">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปิดแอปพลิเคชัน Eche ได้ เช่น เปิดโดยคลิกการแจ้งเตือนฮับโทรศัพท์
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดแอปพลิเคชัน Eche
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation>
<translation id="6640748114867542396">ไม่อนุญาตให้ส่วนขยายที่มีการจัดการใช้ Enterprise Hardware Platform API</translation>
<translation id="6641109870010271671">ใบรับรอง TLS ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรเชื่อถือสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="6641981670621198190">ปิดใช้งานการสนับสนุน API ของกราฟิก 3 มิติ</translation>
<translation id="6646912445796087001">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อมีการเปิดใช้นโยบาย "VirtualKeyboardEnabled"
หากมีการตั้งค่าฟีเจอร์ใดในนโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์นั้นในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
หากมีการตั้งค่าฟีเจอร์ใดในนโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นั้นในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
โปรดทราบว่ามีการรองรับนโยบายนี้ในโหมดคีออสก์ PWA เท่านั้น</translation>
<translation id="6647965994887675196">หากตั้งค่าเป็นจริง จะสามารถสร้างและใช้งานผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลได้
หากตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้กำหนดค่า การสร้างผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลและการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลจะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้
หมายเหตุ: การทำงานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคและอุปกรณ์ขององค์กรจะแตกต่างกัน: บนอุปกรณ์ของผู้บริโภค ผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแลจะถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น แต่จะปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ขององค์กร</translation>
<translation id="6648746349186337075">นโยบายนี้ให้สิทธิ์ Screencast ในการสร้างและถอดเสียงการบันทึกหน้าจอ รวมถึงอัปโหลดไปที่ไดรฟ์สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อผู้ใช้ Family Link
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อนโยบาย <ph name="PROJECTOR_DOGFOOD_FOR_FAMILY_LINK_ENABLED_POLICY_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ Family Link
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือเปิดใช้ไว้ ระบบจะเปิดใช้ Screencast
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้ Screencast</translation>
<translation id="665023848306499203">อนุญาตให้อุปกรณ์เลือกเวอร์ชันที่จะอัปเดต</translation>
<translation id="6652197835259177259">การตั้งค่าผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการในเครื่อง</translation>
<translation id="6653897159826215341">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ในตัวเมื่อผู้ใช้ขอพิมพ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่า คำสั่งพิมพ์จะทำให้หน้าจอการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์เปิดขึ้นมา</translation>
<translation id="6655274714135630366">แฮช SHA-256 ที่เข้ารหัสเลขฐานสิบหกของอิมเมจดิสก์</translation>
<translation id="6655844456903132379">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP จะยึดตามการอนุมัติโดยนโยบาย KDC กล่าวคือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ให้แก่บริการที่กำลังเข้าถึงในกรณีที่ KDC ตั้งค่า <ph name="OK_AS_DELEGATE" /> ในตั๋วบริการ ดู RFC 5896 (https://tools.ietf.org/html/rfc5896.html) บริการควรได้รับอนุญาตจาก <ph name="AUTH_NEGOTIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ด้วย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าระบบจะไม่สนใจนโยบาย KDC ในแพลตฟอร์มที่รองรับ และจะดำเนินการตาม <ph name="AUTH_NEGOTIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ระบบจะดำเนินการตามนโยบาย KDC เสมอ</translation>
<translation id="6658245400435704251">ระบุจำนวนวินาทีสูงสุดที่อุปกรณ์อาจสุ่มหน่วงเวลาการดาวโหลดการอัปเดตนับตั้งแต่ที่มีการส่งการอัปเดตไปยังเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์อาจใช้เวลาส่วนหนึ่งรอขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มทำงานจนกระทั่งเสร็จสิ้นและใช้เวลาส่วนที่เหลือสำหรับการตรวจสอบการอัปเดตจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าในกรณีใด การกระจายจะเข้าใกล้ขอบเขตบนของระยะเวลาคงที่ อุปกรณ์จึงไม่ต้องค้างรอการดาวน์โหลดการอัปเดตอย่างไม่สิ้นสุด</translation>
<translation id="6659537776197644458">อย่าเรียกใช้โฟลว์การตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการซิงค์รหัสผ่าน</translation>
<translation id="6659877981632400997">เมนูตามบริบทจะไม่มีรายการในเมนูให้แชร์รูปภาพไปยัง <ph name="GOOGLE_PHOTOS_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6661178198729301029">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของโปรไฟล์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="6665670272107384733">กำหนดความถี่ที่ผู้ใช้ต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อใช้การปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="6667586534922258705">แสดงปุ่ม "แสดงรหัสผ่าน" ในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="6669691206059842248">กําหนดค่า URL เปลี่ยนเส้นทาง OAuth เพิ่มเติมต่อส่วนขยาย</translation>
<translation id="6669700740683748046">ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้การแสดง URL แบบเต็มในแถบที่อยู่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะแสดง URL แบบเต็มในแถบที่อยู่ รวมถึงรูปแบบและโดเมนย่อยต่างๆ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะใช้การแสดง URL โดยค่าเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การแสดง URL โดยค่าเริ่มต้น และผู้ใช้จะสลับระหว่างการแสดง URL โดยค่าเริ่มต้นและแบบเต็มได้ด้วยตัวเลือกเมนูตามบริบท
</translation>
<translation id="6670716303606644752">ตามที่อธิบายไว้ใน https://www.chromestatus.com/feature/5148698084376576 กล่องโต้ตอบในโหมด JavaScript ที่เกิดจาก <ph name="JS_ALERT" />, <ph name="JS_CONFIRM" /> และ <ph name="JS_PROMPT" /> จะถูกบล็อกใน "<ph name="PRODUCT_NAME" />" เมื่อมีการเรียกใช้จากเฟรมย่อยที่มีต้นทางต่างจากต้นทางของเฟรมหลัก
นโยบายนี้อนุญาตให้ลบล้างการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะบล็อกกล่องโต้ตอบ JavaScript ซึ่งเกิดจากเฟรมย่อยที่เป็นต้นทางเฟรมอื่น
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่บล็อกกล่องโต้ตอบ JavaScript ซึ่งเกิดจากเฟรมย่อยที่เป็นต้นทางเฟรมอื่น
เราจะนำนโยบายนี้ออกจาก "<ph name="PRODUCT_NAME" />" ในอนาคต</translation>
<translation id="6670794785040100077">ปิดใช้การส่งเอกสารไปยัง "<ph name="CLOUD_PRINT_NAME" />"</translation>
<translation id="6672070613706645316">อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งพื้นหลังในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6672630473862787247">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันปกติ เซสชันไม่ระบุตัวตน และเซสชันผู้เยี่ยมชม</translation>
<translation id="6676012253361586167">ระบุว่าอนุญาตการส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะกำหนดค่าการส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini</translation>
<translation id="6677291257287862684">เปิดใช้คีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="668153983584136017">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วเนื่องจากมีการเปิดใช้อัลกอริทึม GREASE ที่อัปเดตโดยค่าเริ่มต้นตั้งแต่เวอร์ชัน M103
เมื่อฟีเจอร์ User-Agent Client Hints GREASE Update ที่เปิดใช้อยู่ปรับอัลกอริทึม User-Agent GREASE ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดล่าสุด
ข้อกำหนดที่อัปเดตดังกล่าวอาจทำให้บางเว็บไซต์ที่จำกัดจำนวนอักขระในคำขอขัดข้อง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ในข้อกำหนดที่ https://wicg.github.io/ua-client-hints/#grease
เราจะนำนโยบายนี้ออกในรุ่นที่จะออกในอนาคต</translation>
<translation id="6682305153467826752">เปิดใช้การรายงานข้อมูลระบุตัวตนของเครื่อง</translation>
<translation id="6685903773201985073">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันผู้เยี่ยมชมและเซสชันปกติ</translation>
<translation id="6687291630099400188">ไม่แสดงข้อมูลของระบบในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="6689343802305995925">ไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น</translation>
<translation id="6689792153960219308">รายงานสถานะของฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="6690425645391461516">ปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS อนุญาตแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation>
<translation id="669066148640728553">ระบุกรอบเวลาเป้าหมายสำหรับช่วงสิ้นสุดระยะเวลาการแจ้งเตือนการเปิดอีกครั้ง
ผู้ใช้ได้รับการแจ้งเตือนว่าต้องเปิดเบราว์เซอร์อีกครั้งหรือรีสตาร์ทอุปกรณ์ตามการตั้งค่านโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_POLICY_NAME" /> และ <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" /> เบราว์เซอร์และอุปกรณ์จะถูกบังคับให้รีสตาร์ทเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการแจ้งเตือนหากมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_POLICY_NAME" /> เป็น "จำเป็น" นโยบาย <ph name="RELAUNCH_WINDOW_POLICY_NAME" /> นี้ใช้เพื่อเลื่อนช่วงสิ้นสุดระยะเวลาการแจ้งเตือนให้อยู่ในกรอบเวลาหนึ่งๆ ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ กรอบเวลาเป้าหมายเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอยู่ระหว่าง 2:00 - 4:00 น. ส่วนกรอบเวลาเป้าหมายเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> คือทั้งวัน (ไม่มีการเลื่อนช่วงสิ้นสุดระยะเวลาการแจ้งเตือน)
หมายเหตุ: แม้ว่านโยบายจะยอมรับได้หลายรายการใน <ph name="ENTRIES_FIELD_NAME" /> แต่ระบบจะพิจารณาเฉพาะรายการแรก
คำเตือน: การตั้งค่านโยบายนี้อาจทำให้การนำอัปเดตซอฟต์แวร์ไปใช้ล่าช้า</translation>
<translation id="6695441448686167614">การตั้งค่าการพิมพ์ผ่านเว็บ</translation>
<translation id="6698632841807204978">เปิดใช้การพิมพ์ขาวดำ</translation>
<translation id="6699740789657890714">ระบุว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าในลักษณะที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่</translation>
<translation id="6699880231565102694">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="6703251016607733593">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้การบังคับใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> โฮสต์ที่เป็นองค์กรจะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ หากต้องการปิดใช้การบังคับใช้ แฮชนั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งต่อไปนี้
* มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์
* มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ซึ่งแสดงในใบรับรองของผู้ออกใบรับรอง (CA) ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA ดังกล่าวถูกจำกัดผ่านส่วนขยาย X.509v3 nameConstraints มี directoryName nameConstraints อย่างน้อย 1 รายการใน permittedSubtrees และ directoryName มีแอตทริบิวต์ organizationName
* มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่แสดงในใบรับรอง CA ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA มีแอตทริบิวต์ organizationName อย่างน้อย 1 รายการในชื่อใบรับรอง และใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์มีจำนวนแอตทริบิวต์ organizationName เท่ากัน ในลำดับเดียวกัน และมีค่าเท่ากันแบบไบต์ต่อไบต์
ระบุ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช เครื่องหมายทับ และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ระบบรู้จักอัลกอริทึมของแฮชเพียงรายการเดียวนั่นคือ sha256 และจะไม่สนใจอัลกอริทึมของแฮชอื่นๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น</translation>
<translation id="6703381779632216549">เปิดใช้การนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="6704445641918520643">เปิดใช้การโหลด Login WebUI แบบ Lazy Loading</translation>
<translation id="6704515759227307131">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและเปลี่ยนมาใช้ AdvancedProtectionAllowed
นโยบายนี้ควบคุมว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนหามัลแวร์หรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะได้รับแจ้งให้ส่งไฟล์ไปให้ Google สแกนอย่างละเอียด หากผู้ใช้เลือก "สแกน" ระบบจะส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปยัง Google หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งและระบบจะไม่ส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปยัง Google</translation>
<translation id="670597451099978576">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6706330611356546885">อนุญาตให้เว็บไซต์เรียกใช้ JIT ใน JavaScript</translation>
<translation id="6706728459859947543">นโยบายนี้ให้สิทธิ์ฟีเจอร์คำตอบด่วนในการเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์
หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะเปิดใช้คำตอบด่วน
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้คำตอบด่วน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดใช้คำตอบด่วน</translation>
<translation id="670675748066383347">การตั้งค่าตัวจัดระเบียบแท็บ</translation>
<translation id="6712624291905573620">นโยบายนี้ควบคุมการรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเบราว์เซอร์ไปยัง <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่เก็บรวบรวมหรืออัปโหลดข้อมูล
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะเก็บรวบรวมข้อมูลและอัปโหลดไปยัง <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องด้วย <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> เท่านั้น
และสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลเสมอ</translation>
<translation id="6720330829631914048">ชั่วโมงที่ผ่านไปตั้งแต่เริ่มวันใน (รูปแบบ 24 ชั่วโมง)</translation>
<translation id="6721252203593581486">WebSQL ในบริบทของบุคคลที่สาม (เช่น iframe ข้ามเว็บไซต์) จะปิดอยู่โดยค่าเริ่มต้นตั้งแต่ M97 และจะถูกนำออกโดยสมบูรณ์ใน M101
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า WebSQL ในบริบทของบุคคลที่สามจะยังคงปิดอยู่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ WebSQL ในบริบทของบุคคลที่สามอีกครั้ง</translation>
<translation id="6723472666969849951">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ โฮสต์ที่แอปและส่วนขยายนั้นโต้ตอบด้วยได้ และจำกัดการเข้าถึงรันไทม์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อจำกัดใดๆ สำหรับประเภทของส่วนขยายและแอปที่ยอมรับได้
ส่วนขยายและแอปซึ่งเป็นประเภทที่ไม่ได้อยู่ในรายการจะติดตั้งไม่ได้ แต่ละค่าควรเป็นสตริงรายการใดรายการหนึ่งต่อไปนี้
* "extension"
* "theme"
* "user_script"
* "hosted_app"
* "legacy_packaged_app"
* "platform_app"
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเหล่านี้ได้ในเอกสารประกอบส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
ระบบไม่รองรับการใช้รหัสส่วนขยายหลายรายการที่คั่นด้วยจุลภาคในเวอร์ชันก่อน 75 และจะข้ามรหัสดังกล่าวไป นโยบายส่วนที่เหลือจะมีผลบังคับใช้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ส่งผลต่อส่วนขยายและแอปที่จะบังคับติดตั้งโดยใช้ <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> ด้วย</translation>
<translation id="6731757988219967594">กรองเว็บไซต์ระดับบนสุด (แต่ไม่กรอง iframe ที่ฝังไว้) ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation>
<translation id="6733851879899284032">
ระบุว่าสามารถใช้ SharedArrayBuffers ในบริบทที่แยกแบบไม่ข้ามต้นทางได้หรือไม่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะต้องใช้การแยกแบบข้ามต้นทางเมื่อใช้ SharedArrayBuffers นับตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 91 เป็นต้นไป (25-05-2021) ด้วยเหตุผลด้านความเข้ากันได้กับเว็บ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://developer.chrome.com/blog/enabling-shared-array-buffer/
เมื่อตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" เว็บไซต์จะใช้ SharedArrayBuffer ได้โดยไม่มีข้อจำกัด
เมื่อตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า เว็บไซต์จะใช้ SharedArrayBuffers ได้เฉพาะเมื่อมีการแยกแบบข้ามต้นทาง</translation>
<translation id="6734397897213913438">อนุญาตให้อ่านออกเสียงเสมอ</translation>
<translation id="6735701345096330595">บังคับให้เปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation>
<translation id="6736283207617136584">เปิดใช้การรายงานสถานะการอัปเดตระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6739541168983991680">ทําให้การทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> เป็นแบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6739847036322230891">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่ม กําหนดค่า และพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กร</translation>
<translation id="6740611636377710500">อนุญาตให้ผู้ใช้รายนี้เรียกใช้ PluginVm ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้คนดังกล่าว
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้รายนี้ ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดใช้ได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="USER_PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" และต้องมีการตั้งค่า <ph name="PLUGIN_VM_LICENSE_KEY_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="PLUGIN_VM_USER_ID_POLICY_NAME" /> จึงจะเรียกใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="6749641778238480311">อนุญาตให้เรียกใช้ SubApps API โดยไม่ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้าและไม่ต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้</translation>
<translation id="6750902920405577210">รายการข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลที่จะรายงานในเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงความแรงสัญญาณ
ระบบจะรายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลแต่ละรายการที่ระบุเฉพาะในกรณีที่ข้อมูลดังกล่าวไม่ได้ถูกปิดใช้โดยนโยบายการควบคุม
นโยบายการควบคุมสำหรับ https_latency และ network_telemetry คือ ReportDeviceNetworkStatus
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลเพิ่มเติมในเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงความแรงสัญญาณ</translation>
<translation id="6751612743847158732">คืนค่าเซสชันล่าสุดเสมอ</translation>
<translation id="6752711782954612641">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์เมื่อค้นหา URL ด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ข้อมูลข้อความค้นหาจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอค้นหาโดยใช้เมธอด GET</translation>
<translation id="6757413365906304125">นโยบายนี้จะกำหนดลักษณะการทำงานสำหรับการรีแมปคีย์ PageUp/PageDown ในหน้าย่อย "รีแมปคีย์" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งคีย์ต่างๆ บนแป้นพิมพ์ได้ หากเปิดใช้ นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งการรีแมปที่เจาะจงเหล่านี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย แป้นพิมพ์ลัดที่อิงตามการค้นหาจะทำหน้าที่เป็นค่าเริ่มต้นและอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าแป้นพิมพ์ลัดได้</translation>
<translation id="6757613329154374267">การสำรองและกู้คืนข้อมูลเปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="6758659208493449452">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงจะได้รับการปกป้องเพิ่มเติมหรือไม่ บางฟีเจอร์เหล่านี้อาจมีการแชร์ข้อมูลกับ Google (เช่น ผู้ใช้การปกป้องขั้นสูงจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนหามัลแวร์ได้) หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะได้รับการปกป้องเพิ่มเติม หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ผู้ใช้การปกป้องขั้นสูงจะได้รับเฉพาะฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับผู้ใช้ทั่วไป</translation>
<translation id="6763023079133439068">อนุญาตใบรับรองที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName เมื่อออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่</translation>
<translation id="6766216162565713893">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียงจากผู้ใช้</translation>
<translation id="6770454900105963262">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเซสชันคีออสก์ที่ใช้งาน</translation>
<translation id="6774132787348495175">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้เครื่องเสมือนที่จำเป็นต่อการรองรับแอป Linux</translation>
<translation id="6782331708811245959">เปิดใช้การรายงานโหมดเปิดเครื่องของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6785201942412171878">ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่ใช้ในการเรียกใช้งานคีย์ "Six Pack" ของ PageUp/PageDown</translation>
<translation id="6786666051053129545">แสดงขั้นตอนการเปิดใช้ Voice Match สำหรับ Google Assistant</translation>
<translation id="6786747875388722282">ส่วนขยาย</translation>
<translation id="6786967369487349613">ตั้งค่าไดเรกทอรีโปรไฟล์โรมมิ่ง</translation>
<translation id="6787638035953731324">การตั้งค่าแป้นพิมพ์ลัด "Insert" จะใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีตัวปรับแต่งการค้นหา</translation>
<translation id="6788500377069760677">เปิดใช้การแชร์ข้อมูลการวินิจฉัยไปยัง PluginVm</translation>
<translation id="6789319144568227749">กำหนดค่าการรองรับส่วนหัวของคำขอที่ไม่มีไวลด์การ์ดสำหรับ CORS
<ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 97 เพิ่มการรองรับส่วนหัวของคำขอที่ไม่มีไวลด์การ์ดสำหรับ CORS เมื่อสคริปต์ส่งคำขอเครือข่ายแบบข้ามต้นทางผ่าน fetch() และ XMLHttpRequest โดยมีส่วนหัว Authorization ที่สคริปต์เพิ่มเข้าไป ส่วนหัวนี้ต้องได้รับสิทธิ์อย่างชัดเจนจากส่วนหัว Access-Control-Allow-Headers ในการตอบกลับการตรวจสอบล่วงหน้าของ CORS "อย่างชัดเจน" ในที่นี้หมายความว่าสัญลักษณ์ไวลด์การ์ด "*" ไม่ครอบคลุมส่วนหัว Authorization ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ <ph name="CORS_NON_WILDCARD_REQUEST_HEADERS_FEATURE_URL" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรองรับส่วนหัวของคำขอที่ไม่มีไวลด์การ์ดสำหรับ CORS และมีลักษณะการทำงานตามที่อธิบายไว้ข้างต้น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" Chrome จะอนุญาตให้สัญลักษณ์ไวลด์การ์ด ("*") ในส่วนหัว Access-Control-Allow-Headers ของการตอบกลับการตรวจสอบล่วงหน้าของ CORS ครอบคลุมส่วนหัว Authorization
นโยบายองค์กรนี้เป็นนโยบายชั่วคราว และมีแผนที่จะนำออกในอนาคต</translation>
<translation id="6789422336869764846">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถานะโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์เมื่อเปิดเครื่อง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถานะโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="6789441722870183939">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์ทดลองของเบราว์เซอร์ได้ผ่านไอคอนในแถบเครื่องมือ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะนำไอคอนฟีเจอร์ทดลองของเบราว์เซอร์ออกจากแถบเครื่องมือ
การใช้ chrome://flags รวมถึงการปิดและเปิดฟีเจอร์ของเบราว์เซอร์ด้วยวิธีการอื่นใดจะยังคงมีลักษณะการทำงานตามที่คาดไว้ไม่ว่าจะมีการ "เปิดใช้" หรือ "ปิดใช้" นโยบายนี้</translation>
<translation id="6795485990775913659">อนุญาตให้พิมพ์เท่านั้นเมื่อไม่มี PIN</translation>
<translation id="6796215185873669533">ใช้การตั้งค่าเบราว์เซอร์เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับเวอร์ชันสตริงของ User-Agent</translation>
<translation id="6800181452282128474">ไม่ส่งคำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks</translation>
<translation id="68031099365512050">รายงานสถานะเสียง</translation>
<translation id="680356860463873420">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้ PluginVm</translation>
<translation id="6807947647944603395">ปิดใช้ข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์ในการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมของ Kyber สำหรับ TLS</translation>
<translation id="6810445994095397827">ปิดกั้น JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6813263547126514821">การเปิดและปิดระบบ</translation>
<translation id="681446116407619279">สกีมการตรวจสอบสิทธิ์ที่ได้รับการสนับสนุน</translation>
<translation id="6815628711329903153">อนุญาตการจัดสรรบัฟเฟอร์แบบใหม่สำหรับ Graphics3D API ในปลั๊กอิน PPAPI</translation>
<translation id="6819838337315703072">หากเปิดใช้การสนับสนุนสำหรับแอป <ph name="LINUX_OS_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป <ph name="LINUX_OS_NAME" /> กลับไปที่เซิร์ฟเวอร์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการรายงานข้อมูลการใช้งาน</translation>
<translation id="6820251681466503297">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้บันทึกรูปภาพไปยัง <ph name="GOOGLE_PHOTOS_PRODUCT_NAME" /> จากเมนูตามบริบทโดยตรงหรือไม่
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้บันทึกรูปภาพไปยัง <ph name="GOOGLE_PHOTOS_PRODUCT_NAME" /> จากเมนูตามบริบทได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นตัวเลือกในเมนูตามบริบท
นโยบายนี้ยังคงให้ผู้ใช้บันทึกรูปภาพไปยัง <ph name="GOOGLE_PHOTOS_PRODUCT_NAME" /> ได้โดยใช้วิธีอื่นๆ ข้างเมนูตามบริบท</translation>
<translation id="6823711520976094072">การตั้งค่าต่ำกว่า 1 MB หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ขนาดเริ่มต้นซึ่งก็คือ 256 เมบิไบต์สำหรับการแคชแอปและส่วนขยายสำหรับการติดตั้งโดยผู้ใช้หลายคนในอุปกรณ์เดียว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ทุกครั้งสำหรับผู้ใช้แต่ละคน</translation>
<translation id="6827666400941600157">นโยบายนี้จะกำหนดช่วงเวลารายสัปดาห์สำหรับการตั้งเวลาการระงับอัตโนมัติ เมื่อช่วงเวลาเริ่มต้นขึ้น อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเข้าสู่โหมดระงับและจะทำงานอีกครั้งเมื่อช่วงเวลาสิ้นสุดลง
ไม่รองรับการตั้งเวลาที่มีช่วงเวลาทับซ้อนกัน นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ หากมีช่วงเวลา 2 ช่วงทับซ้อนกัน
อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ช่วงเวลาเหล่านี้ตามเขตเวลาของระบบ</translation>
<translation id="6828729771894228555">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุต้นทางระดับบนสุด (URL ในแถบที่อยู่ของแท็บ) ที่บล็อกการแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สาม (การแบ่งพาร์ติชันของพื้นที่เก็บข้อมูล iframe แบบข้ามต้นทาง)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือต้นทางระดับบนสุดไม่ตรงกัน ระบบจะใช้ค่าจาก <ph name="DEFAULT_THIRD_PARTY_STORAGE_PARTITIONING_SETTING_POLICY_NAME" />
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบที่ถูกต้องได้ใน https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns
โปรดทราบว่ารูปแบบต่างๆ ที่ระบุไว้ที่นี่ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็นต้นทาง ไม่ใช่ URL คุณจึงไม่ควรระบุเส้นทาง
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สามได้ใน https://developer.chrome.com/docs/privacy-sandbox/storage-partitioning/</translation>
<translation id="6829632070341067746">นโยบายนี้ควบคุมการเปลี่ยนโครงสร้างภายในโค้ดล่าสุดสำหรับ Graphics3D API ในปลั๊กอิน PPAPI
การย้ายข้อมูลจะส่งผลต่อรายละเอียดการใช้งานภายในเท่านั้น และไม่ควรเปลี่ยนลักษณะการทำงานใดๆ อย่างไรก็ตาม คุณจะใช้นโยบายนี้ได้ในกรณีที่แอปพลิเคชัน PPAPI ไม่ทำงานตามที่คาดไว้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" เบราว์เซอร์จะตัดสินใจว่าจะใช้การติดตั้งใช้งานรายการใด
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" เบราว์เซอร์จะใช้การใช้งานเดิมจนกว่านโยบายจะหมดอายุ
หากคุณต้องใช้นโยบาย โปรดรายงานข้อบกพร่องใน crbug.com โดยอธิบาย Use Case และสำเนาถึง {blundell, vasilyt}@chromium.org นโยบายนี้มีกำหนดเวลาที่จะให้บริการผ่าน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 114 ซึ่งหลังจากนั้นระบบจะนำการใช้งานเดิมออก
หมายเหตุ: เฉพาะกระบวนการแสดงผลที่เพิ่งเริ่มใหม่เท่านั้นที่จะแสดงการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ขณะที่เบราว์เซอร์ทำงานอยู่</translation>
<translation id="6833023569065717572">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้นาฬิกาในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ของอุปกรณ์มีรูปแบบเป็น 24 ชั่วโมง
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะทำให้นาฬิกาในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ของอุปกรณ์มีรูปแบบเป็น 12 ชั่วโมง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้อุปกรณ์ใช้รูปแบบจากภาษาปัจจุบัน
เซสชันผู้ใช้ก็จะใช้รูปแบบของอุปกรณ์เป็นค่าเริ่มต้นเช่นกัน แต่ผู้ใช้เปลี่ยนรูปแบบนาฬิกาของบัญชีได้</translation>
<translation id="6833064854262015312">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนโหมดคอนทราสต์สูงเป็นเปิดหรือปิดได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที โหมดนี้จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_HIGH_CONTRAST_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="6833465247597603843">การตั้งค่าแป้นพิมพ์ลัด "Delete" จะใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วมการค้นหา</translation>
<translation id="6833988859168635883">เริ่มต้นใช้งาน หน้าแรก และหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6835254082476223414">เปิดใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูลกับเครื่องเสมือนใน Linux</translation>
<translation id="6835883744948188639">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าควรเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation>
<translation id="683688607121170501">การตั้งค่านี้ทำให้ผู้ใช้สลับการใช้งานระหว่างบัญชี Google ได้ภายในพื้นที่เนื้อหาของหน้าต่างเบราว์เซอร์และในแอปพลิเคชันของ Android หลังจากที่ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็นเท็จ ระบบจะไม่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์ที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นจริง ระบบจะใช้การทำงานเริ่มต้นคืออนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันของ Android ยกเว้นบัญชีของบุตรหลานซึ่งระบบจะบล็อกพื้นที่เนื้อหาที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน
ในกรณีที่ไม่ต้องการอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นผ่านโหมดไม่ระบุตัวตน ให้บล็อกโหมดดังกล่าวโดยใช้นโยบาย IncognitoModeAvailability
โปรดทราบว่าผู้ใช้จะยังเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Google ในสถานะที่ไม่ผ่านการรับรองได้ด้วยการบล็อกคุกกี้</translation>
<translation id="6841254611279513739">การตั้งค่านโยบายนี้จะตั้งค่าการพิมพ์เป็นสีเท่านั้น ขาวดำเท่านั้น หรือไม่มีข้อจำกัดโหมดสี การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อจำกัด</translation>
<translation id="6843008643303282259">อัตราการอัปโหลดที่ต้องการเป็นหน่วย kbits/s</translation>
<translation id="6843296367238757293">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว เราไม่แนะนำให้ใช้นโยบายนี้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation>
<translation id="6846126863870444592">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์เมื่อส่วนขยายนั้นใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /> ของ <ph name="PRINTING_API" /> เพื่อส่งงานพิมพ์
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่ได้ตั้งค่ารายการไว้ ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์ให้ผู้ใช้เห็นทุกครั้งที่มีการเรียกใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTING_API_EXTENSIONS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="6847379587945465889">เปิดใช้การโอนคุกกี้ของ SAML SSO ไปยังเซสชันของผู้ใช้ระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="684856667300805181">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_GLS_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="6850300477973481112">การตั้งค่าเครื่องมือเชื่อมต่อเดสก์</translation>
<translation id="6851199885688265233">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์</translation>
<translation id="6851315055469993882">เปิดใช้แคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่มีขอบเขตทั่วไป</translation>
<translation id="6854767649023671426">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งหากมีการเข้าถึงการจับภาพวิดีโอ ยกเว้นใน URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ VideoCaptureAllowedUrls
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดข้อความแจ้ง และการจับภาพวิดีโอจะใช้ได้เฉพาะกับ URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ VideoCaptureAllowedUrls เท่านั้น
หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับอินพุตวิดีโอทั้งหมด (ไม่ใช่แค่กล้องในตัว)</translation>
<translation id="6856743875250214792">เราเลิกใช้นโยบายนี้และนำออกแล้วใน M66 เพราะมีไว้เพื่อใช้ทดสอบภายในเท่านั้นและไม่เหมาะสำหรับการรักษาความปลอดภัย
ระบุการแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ควรนำไปใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเริ่มใช้งาน ระบบจะใช้การแจ้งที่ระบุนี้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเท่านั้น การแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ตั้งผ่านนโยบายนี้จะไม่เผยแพร่ในเซสชันผู้ใช้</translation>
<translation id="6857240169209507953">ป้องกันไม่ให้ <ph name="BOREALIS_NAME" /> ทำงานในอุปกรณ์</translation>
<translation id="6857372417233723544">การตั้งค่านโยบายจะเปิดใช้เลย์เอาต์แป้นพิมพ์ภาษาฮินดีใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า เลย์เอาต์จะใช้งานไม่ได้ ต้องรีบูตเพื่อให้มีผล</translation>
<translation id="685769593149966548">บังคับใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube</translation>
<translation id="686079137349561371">Microsoft Windows 7 ขึ้นไป</translation>
<translation id="6866755486434471318">อนุญาตให้ <ph name="PEPPER_NAME" /> ใช้รูปภาพที่แชร์ในการถอดรหัสวิดีโอ</translation>
<translation id="6870288354334274313">Direct Sockets API ช่วยให้สื่อสารกับเอนด์พอยต์ที่กำหนดเองได้โดยใช้ TCP และ UDP
โปรดดูรายละเอียดที่ https://github.com/WICG/direct-sockets
การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุรูปแบบ URL ซึ่งเจาะจงเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ Direct Sockets API
ซึ่งอาจรวมถึงแอป Chrome, Isolated Web App และเว็บคีออสก์ API จะใช้ไม่ได้ในเว็บแบบเปิด
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_DIRECT_SOCKETS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้)
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="DIRECT_SOCKETS_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="6878757724611298427">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แอป Android ในอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="6881397131210596522">การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะบล็อกเว็บไซต์ไม่ให้ใช้ WebPrinting API โดยอัตโนมัติ
การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะแสดงข้อความแจ้งแก่ผู้ใช้เมื่อเว็บไซต์ต้องการใช้ WebPrinting API
การไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงเครื่องพิมพ์ในเครือข่าย แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="6881447940489194100">แฮช SHA-256 ที่เข้ารหัสเลขฐานสิบหกของข้อมูล</translation>
<translation id="68818134518270542">การตั้งค่านโยบายจะระบุแอปที่ผู้ใช้เปิดเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้
หากแอปที่ต้องการอยู่ในหน้าจอล็อก องค์ประกอบ UI สำหรับการเปิดแอปจดโน้ตที่ต้องการจะปรากฏขึ้นในหน้าจอ เมื่อเปิดแล้ว แอปจะสร้างหน้าต่างทับหน้าจอล็อกและสร้างโน้ตในบริบทนี้ได้ แอปจะนำเข้าโน้ตที่สร้างไว้ไปยังเซสชันหลักของผู้ใช้ได้เมื่อเซสชันนั้นไม่ได้ล็อก แอปที่ใช้ได้ในหน้าจอล็อกต้องเป็นแอปจดโน้ตของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายหมายความว่าผู้ใช้จะเปิดแอปในหน้าจอล็อกได้หากรหัสส่วนขยายของแอปอยู่ในค่ารายการของนโยบาย ดังนั้น การตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่าจะเป็นการปิดใช้การจดโน้ตในหน้าจอล็อก ไม่จำเป็นว่านโยบายที่มีรหัสแอปจะทำให้ผู้ใช้เปิดแอปดังกล่าวเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกได้ ตัวอย่างเช่น ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 61 แพลตฟอร์มยังจำกัดชุดแอปที่พร้อมใช้งานด้วย
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปิดใช้ชุดแอปในหน้าจอล็อกได้โดยไม่มีข้อจำกัดจากนโยบาย</translation>
<translation id="6882028194958060206">ขยายการตั้งค่าเนื้อหา Flash ไปยังเนื้อหาทั้งหมด (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="6882345904422482308">(คำเตือน Dependency นี้จะถูกยกเลิกในเร็วๆ นี้ โปรดเริ่มใช้ <ph name="GLS_POLICY_NAME" /> แทน) หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> แอป Android จะเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งไม่ได้ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่นๆ หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขอให้ผู้ใช้ให้ความยินยอมเมื่อแอป Android ต้องการเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง</translation>
<translation id="6883050310557769428">ควบคุมการเปิดใช้ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์ และรายการโดเมนคุกกี้ที่บล็อกไว้รวมถึงข้อยกเว้น</translation>
<translation id="6889123056995503704">ผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation>
<translation id="6889617338886728275">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะอนุญาตสิทธิ์การจัดการหน้าต่างโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะทำให้เว็บไซต์สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์ได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_WINDOW_MANAGEMENT_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นสิทธิ์ดังกล่าวจะเป็นไปตามค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์และอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกสิทธิ์สำหรับแต่ละเว็บไซต์
นโยบายนี้มาแทนที่นโยบาย <ph name="WINDOW_PLACEMENT_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ที่เลิกใช้งานแล้ว</translation>
<translation id="6894178810167845842">URL หน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6897730193187922386">ระงับข้อความการเลิกใช้งานของ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="6899705656741990703">ตรวจหาการตั้งค่าพร็อกซีอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6902561336084511004">ระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่พร้อมใช้งาน
นโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เป็นไฟล์ JSON ได้
โดยที่ไฟล์ดังกล่าวต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB และต้องมีอาร์เรย์ของระเบียน (ออบเจ็กต์ JSON) ระเบียนแต่ละรายการต้องมีช่อง "id", "url" และ "display_name" ที่มีสตริงเป็นค่า ค่าของช่อง "id" ต้องไม่ซ้ำกัน
ระบบจะดาวน์โหลดและเก็บแคชของไฟล์ไว้ และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด โดยจะมีการดาวน์โหลดไฟล์อีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะพยายามค้นหาเครื่องพิมพ์ที่พร้อมใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่ระบุโดยใช้โปรโตคอล IPP
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าที่ไม่ถูกต้อง ผู้ใช้จะไม่เห็นเครื่องพิมพ์ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเตรียมไว้ทุกเครื่อง
ขณะนี้มีการจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ไว้ที่ 16 เซิร์ฟเวอร์ ระบบจะค้นหาเครื่องพิมพ์จากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ 16 เซิร์ฟเวอร์แรกในรายการเท่านั้น
</translation>
<translation id="6903814433019432303">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนดชุด URL ที่จะโหลดเมื่อเริ่มเซสชันการสาธิต นโยบายนี้จะลบล้างกลไกใดๆ ที่ใช้ในการตั้งค่า URL เริ่มต้น และจะสามารถใช้ได้กับเซสชันที่ไม่เชื่อมโยงกับผู้ใช้ใดเป็นการเฉพาะเท่านั้น</translation>
<translation id="6903818804346914108">เปิดใช้การรายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์</translation>
<translation id="690734633209203892">ควบคุมวิธีการและเวลาในการอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="6907778402784621686">บล็อกเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6908640907898649429">กำหนดค่าผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น คุณสามารถระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่ผู้ใช้จะใช้หรือเลือกปิดใช้งานการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="6913068954484253496">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด</translation>
<translation id="6915493311660114995">หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะอนุญาตคำขอการตรวจสอบสิทธิ์ผ่านเว็บในเว็บไซต์ที่มีใบรับรอง TLS ว่ามีข้อผิดพลาด (เช่น เว็บไซต์ที่ถือว่าไม่ปลอดภัย)
หากตั้งค่านโยบายเป็นปิดใช้ หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของการบล็อกคำขอดังกล่าว</translation>
<translation id="6915524162137327111">แสดงป้ายกำกับการจัดการเป็นเวลา 30 วินาที</translation>
<translation id="6919819553978815392">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ <ph name="LACROS_NAME" /> จะเปิดใช้การเข้าสู่ระบบแบบผู้มาเยือน การเข้าสู่ระบบแบบผู้มาเยือนคือโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่หน้าต่างทั้งหมดจะอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ <ph name="LACROS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มโปรไฟล์ผู้มาเยือน
โปรดทราบว่าหากไม่กำหนดค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" แต่ตั้งค่า <ph name="LACROS_SECONDARY_PROFILES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" <ph name="LACROS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มโปรไฟล์ผู้มาเยือน</translation>
<translation id="692096803256767290">ย้อนระบบปฏิบัติการกลับไปเป็นเวอร์ชันเป้าหมาย</translation>
<translation id="6921241119085515674">อนุญาตการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /></translation>
<translation id="6921544339867564740">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน Chrome OS ได้</translation>
<translation id="6922884955650325312">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation>
<translation id="6924223708804692571">บังคับให้ปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น
หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ ผู้ใช้จะยังคงเปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ไม่ได้อยู่ในรายการได้
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ
หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น
ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation>
<translation id="6926703471186170050">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านยาว</translation>
<translation id="6929639826067341257">แนะนำให้ผู้ใช้นำข้อมูลที่มีอยู่ไปไว้ในโปรไฟล์ที่มีการจัดการและให้ตัวเลือกในการปฏิเสธแก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="6929746927224321095">ปิดใช้การป้อนข้อความอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6931242315485576290">ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลกับ Google</translation>
<translation id="6932282102911647185">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีม่วง</translation>
<translation id="6938424179790370595">การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดแว่นขยายหน้าจอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า แว่นขยายหน้าจอจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="6940243892299228102">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้เทมเพลตเดสก์</translation>
<translation id="6943577887654905793">ชื่อค่ากำหนด Mac/Linux:</translation>
<translation id="694602410134474029">ควบคุมว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โต้ตอบกับไดรเวอร์เครื่องพิมพ์จากกระบวนการของบริการที่แยกต่างหากหรือไม่ การเรียกใช้การพิมพ์ของแพลตฟอร์มเพื่อค้นหาเครื่องพิมพ์ที่พร้อมใช้งาน รับการตั้งค่าไดรเวอร์การพิมพ์ และส่งเอกสารไปพิมพ์ที่เครื่องพิมพ์ในพื้นที่จะมาจากกระบวนการของบริการ การย้ายการเรียกใช้ดังกล่าวออกจากกระบวนการของเบราว์เซอร์จะช่วยปรับปรุงความเสถียรและลดลักษณะการทำงานของ UI ที่ค้างในตัวอย่างก่อนพิมพ์
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กระบวนการของบริการที่แยกต่างหากสำหรับงานพิมพ์ของแพลตฟอร์ม
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กระบวนการของเบราว์เซอร์สำหรับงานพิมพ์ของแพลตฟอร์ม
เราจะนำนโยบายนี้ออกในอนาคต หลังจากที่เปิดตัวฟีเจอร์ไดรเวอร์การพิมพ์นอกกระบวนการโดยสมบูรณ์แล้ว</translation>
<translation id="6946652757373377924">
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M77
นโยบายนี้จะใช้กับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> ด้วยซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้
หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางที่มีชื่อแต่ละรายการในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในกระบวนการของตนเอง ซึ่งจะเป็นการแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อยด้วย เช่น การระบุ https://example.com/ จะเป็นการแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายหรือปิดใช้ไว้ ระบบจะใช้การตั้งค่าการแยกเว็บไซต์เริ่มต้นของแพลตฟอร์มสำหรับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้
</translation>
<translation id="6947587367703216074">ยับยั้งการสร้างเซสชัน <ph name="WEBXR_AR_SESSION_ENUM_VALUE" /> ของ <ph name="WEBXR_API_NAME_SHORT" /></translation>
<translation id="6949867264289339206">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์องค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง "id" หรือ "guid" ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้
* ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
* เป็นการเสริม <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> และการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากไม่ตั้งค่า จะไม่มีเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์และระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ</translation>
<translation id="69525503251220566">พารามิเตอร์ที่ให้ฟีเจอร์การค้นหาโดยภาพสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="6953102253399571439">เปิดใช้การพิมพ์ด้วย PIN โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6956272732789158625">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ใช้การสร้างคีย์</translation>
<translation id="6960996423652450945">ปิดใช้การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6961602002757991199">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น URL ที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="BROWSER_SWITCHER_URL_GREYLIST_POLICY_NAME" /> นโยบายเหล่านี้จะป้องกันไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเบราว์เซอร์สำรองเปิดกันได้
การไม่ได้ตั้งค่านโยบาย (หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง) หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการไม่เปลี่ยนเบราว์เซอร์
หมายเหตุ: นโยบายนี้ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="6967623535060479585">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณควบคุมการแสดงคำเตือนของการปกป้องรหัสผ่าน การปกป้องรหัสผ่านจะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่น่าสงสัย
ใช้ <ph name="PASSWORD_PROTECTION_LOGIN_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PASSWORD_PROTECTION_CHANGE_PASSWORD_URL_POLICY_NAME" /> เพื่อระบุรหัสผ่านที่จะปกป้อง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น
* PasswordProtectionWarningOff จะไม่มีการแสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่าน
* PasswordProtectionWarningOnPasswordReuse คำเตือนการปกป้องรหัสผ่านจะแสดงเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่ไม่อนุญาต
* PasswordProtectionWarningOnPhishingReuse คำเตือนการปกป้องรหัสผ่านจะแสดงเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ฟิชชิง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้บริการปกป้องรหัสผ่านปกป้องเฉพาะรหัสผ่านของ Google แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="6969108216182455619">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว และมีกำหนดที่จะนำออกใน Chrome 78 โดยไม่มีนโยบายทดแทน
นโยบายนี้เปิดใช้ HTTP/0.9 ในพอร์ตอื่นที่ไม่ใช่พอร์ต 80 สำหรับ HTTP และพอร์ต 443 สำหรับ HTTPS
นโยบายนี้ปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น และหากมีการเปิดใช้จะทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาด้านความปลอดภัย https://crbug.com/600352
นโยบายนี้มีไว้เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ ย้ายข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่ออกจาก HTTP/0.9 และจะมีการนำออกในอนาคต
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ HTTP/0.9 ในพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6969332115615661188">ปิดใช้งานอินพุตวิดีโอ</translation>
<translation id="6972540544240464302">เลือกการกำหนดค่าเครื่องจัดตารางเวลางาน</translation>
<translation id="6975533677426693807">เปิดไฟล์ PDF โดยใช้โปรแกรมอ่าน PDF ภายในเสมอ</translation>
<translation id="6986172482189158664">การตั้งค่าอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บ</translation>
<translation id="6986838929449128437">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_ALLOWLIST_DOMAINS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนที่คุณระบุ และจะไม่ตรวจหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้ และบริการปกป้องรหัสผ่านก็จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าการปกป้องด้วย Google Safe Browsing ตามค่าเริ่มต้นจะมีผลกับทรัพยากรทั้งหมด
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="6988791975283483023">ปิดใช้ Wi-Fi</translation>
<translation id="6990736882800900101">อนุญาตให้เปิดป๊อปอัปทั้งหมดที่มีการกำหนดเป้าหมายแบบ <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> เพื่อโต้ตอบกับหน้าที่ขอเปิดป๊อปอัป เว้นแต่หน้าที่เปิดเลือกไม่ใช้การโต้ตอบดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง </translation>
<translation id="6991623831629598930">ใช้ค่าเริ่มต้นสำหรับข้อตกลงเกี่ยวกับคีย์ในการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมของ Kyber สำหรับ TLS</translation>
<translation id="6992943675460798920">อนุญาตให้ผู้ใช้ถ่ายภาพหน้าจอและบันทึกวิดีโอ</translation>
<translation id="6994082778848658360">ระบุวิธีที่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์องค์ประกอบความปลอดภัยในเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สอง หากขั้นตอนดังกล่าวใช้ได้กับฟีเจอร์นี้ จะมีการใช้ปุ่มเปิด/ปิดของเครื่องในการตรวจหาตัวตนจริงของผู้ใช้
หากเลือก "ปิดใช้" จะไม่มีการแจ้งปัจจัยที่ 2
หากเลือก "U2F" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะดำเนินการตามข้อกำหนดของ FIDO U2F
หากเลือก "U2F_EXTENDED" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะแจ้งฟังก์ชัน U2F พร้อมส่วนขยายบางอย่างสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation>
<translation id="69942621143543910">นโยบายนี้อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกําหนดค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="ALLOWED_NAME" />" ช่วยให้ผู้ใช้ตั้งค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> ได้ หากต้องการ
หลังจากกระบวนการตั้งค่าเสร็จสิ้นแล้ว ระบบจะย้ายไฟล์ที่มีรูปแบบตรงกันไปที่ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น และแฮนเดิลโดยแอป <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> เมื่อผู้ใช้พยายามเปิดไฟล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="DISALLOWED_NAME" />" จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ตั้งค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นและนําแอป <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> ออกจากตัวแฮนเดิลไฟล์ที่เป็นไปได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="AUTOMATED_NAME" />" จะตั้งค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สำหรับ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> โดยอัตโนมัติ ระบบจึงจะย้ายไฟล์ที่มีรูปแบบตรงกันไปที่ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น และแฮนเดิลโดยแอป <ph name="MICROSOFT_365_NAME" /> เมื่อผู้ใช้พยายามเปิดไฟล์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะมีฟังก์ชันการทำงานเทียบเท่ากับการตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="ALLOWED_NAME" />" สําหรับผู้ใช้ทั่วไป และสําหรับผู้ใช้ระดับองค์กรที่ไม่ได้ตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเป็น "<ph name="DISALLOWED_NAME" />"</translation>
<translation id="6999948519306285655">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุ URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซีได้ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="7001915679435065291">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้ทุกเว็บไซต์แสดงรูปภาพได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธไม่ให้แสดงรูปภาพ
การไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้แสดงรูปภาพ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="7002040773317582266">เปิดใช้การตรวจหา URL ในเมนเฟรมแบบเรียลไทม์อยู่</translation>
<translation id="7003746348783715221">ค่ากำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7007283257527015835">ธงบูลีนที่ระบุว่าเครื่องจัดการโปรโตคอลควรตั้งค่าเป็นค่าเริ่มต้นหรือไม่</translation>
<translation id="7007403084376547341">เลือกไบนารีของเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="7008308728445338159">เปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS แล้ว</translation>
<translation id="7009043124653876961">ปิดใช้การแนะนำอีโมจิเมื่อผู้ใช้พิมพ์</translation>
<translation id="7010006999849135962">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ใช้ PIN สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7013333561002112085">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "<ph name="PROVISION_MANAGED_CLIENT_CERTIFICATE_FOR_USER_ENABLED" />" (ค่า 1) จะทำให้เบราว์เซอร์ขอใบรับรองไคลเอ็นต์จากเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้หรือโปรไฟล์ที่มีการจัดการ ใบรับรองนี้จะมีให้ใช้กับการเชื่อมต่อ mTLS เป็นต้น
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "<ph name="PROVISION_MANAGED_CLIENT_CERTIFICATE_FOR_USER_DISABLED" />" (ค่า 0) จะป้องกันไม่ให้เบราว์เซอร์ขอใบรับรองไคลเอ็นต์ หากมีการจัดสรรใบรับรองไคลเอ็นต์ที่มีการจัดการของโปรไฟล์อยู่แล้ว ระบบจะไม่ลบใบรับรองดังกล่าวเนื่องจากมีการเปิดใช้นโยบายนี้มาก่อน แต่ใบรับรองจะใช้ไม่ได้กับการเชื่อมต่อ mTLS และจะไม่ต่ออายุเมื่อหมดอายุ</translation>
<translation id="7013484314513229844">เปิดใช้การเปิดเครื่องเมื่อเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟฟ้ากระแสสลับ</translation>
<translation id="7014427417852575165">ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงจะได้รับการปกป้องเพิ่มเติม</translation>
<translation id="7016587686120059767">ปิดใช้โหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="7019805045859631636">เร็ว</translation>
<translation id="7021590945154530517">เปิดใช้การตรวจสอบความสมบูรณ์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7025332601572838001">การกำหนดค่าการทำงานของข้อกำหนดในการให้บริการระหว่างการเรียกใช้ CCT ครั้งแรก</translation>
<translation id="7026351325994257733">อนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ</translation>
<translation id="7027057540229843762">ใช้ธีมสว่าง</translation>
<translation id="7027785306666625591">กำหนดค่าการจัดการพลังงานใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
นโยบายเหล่านี้ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้</translation>
<translation id="7027923238554618852">การตั้งค่านโยบายจะสั่งให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้การกำหนดค่าเครื่องจัดตารางเวลางานที่ระบุโดยชื่อที่เจาะจง นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็น <ph name="CONSERVATIVE_VALUE" /> หรือ <ph name="PERFORMANCE_VALUE" /> ก็ได้ ซึ่งจะปรับแต่งเครื่องจัดตารางเวลางานเพื่อความเสถียรหรือประสิทธิภาพสูงสุดตามลำดับ
หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกการตั้งค่าเองได้</translation>
<translation id="7028640460148648082">ไม่รายงานสถานะเครือข่าย</translation>
<translation id="7030205756530739128">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_NAME" /> เป็น <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_MODE_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> จะปรับแต่งเวลาที่แบตเตอรี่เริ่มชาร์จ โดยอิงตามเปอร์เซ็นต์ของการชาร์จแบตเตอรี่ ค่านี้ต้องอยู่ที่จุดต่ำกว่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> อย่างน้อย 5%
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบมาตรฐาน</translation>
<translation id="7030407698292813622">อนุญาตคำขอ DNS สำหรับประเภทระเบียน DNS เพิ่มเติม</translation>
<translation id="7030632236140191991">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_BULK_DATA_ENTRY_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีการป้อนข้อมูลใน Chrome จากคลิปบอร์ดหรือผ่านการลากและวางเนื้อหาเว็บ
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการป้อนข้อมูลจากหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับข้อมูลนั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์หน้าเว็บในการเข้าถึงข้อมูล ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์หน้าเว็บในการเข้าถึงข้อมูลโดยทันที
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DEFAULT_ACTION_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น "บล็อก" หมายความว่า Chrome จะไม่ให้สิทธิ์หน้าเว็บในการเข้าถึงข้อมูลหากเกิดข้อผิดพลาดขณะสื่อสารกับบริการการวิเคราะห์ ค่าอื่นๆ หมายความว่า Chrome ให้สิทธิ์หน้าเว็บในการเข้าถึงข้อมูล
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MINIMUM_DATA_SIZE" /> ระบุขนาดขั้นต่ำ (หน่วยเป็นไบต์) ซึ่งข้อมูลที่ป้อนใน Chrome ต้องเท่ากับหรือเกินค่านี้จึงจะได้รับการสแกน ค่าเริ่มต้นคือ 100 ไบต์หากไม่ได้ตั้งค่าฟิลด์นี้
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าฟิลด์นี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ฟิลด์ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ฟิลด์ข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ฟิลด์ learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ฟิลด์ภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ฟิลด์ภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ฟิลด์แท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจมีหรือไม่มีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีฟิลด์ข้อความและฟิลด์แท็กที่ไม่เว้นว่างไว้
นโยบายนี้ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมจึงจะมีผล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a?p=chrome_enterprise_connector_policies_setting</translation>
<translation id="7032813174556919004">ปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS</translation>
<translation id="703672323011778742">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้คุณกำหนดว่าทุกเว็บไซต์จะเรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติได้หรือไม่ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธปลั๊กอินนี้ในทุกเว็บไซต์ ฟีเจอร์คลิกเพื่อเล่นจะให้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ทำงานได้ แต่ผู้ใช้จะคลิกตัวยึดตำแหน่งเพื่อเริ่ม
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะใช้ <ph name="BLOCK_PLUGINS_POLICY_NAME" /> และให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หมายเหตุ: การเล่นอัตโนมัติใช้ได้เฉพาะกับโดเมนที่แสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในนโยบาย <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากต้องการเปิดการเล่นอัตโนมัติในทุกเว็บไซต์ ให้เพิ่ม http://* และ https://* ในรายการนี้</translation>
<translation id="7037812781389976160">ควบคุมตำแหน่งของชั้นวาง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านล่าง"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านซ้าย"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านขวา"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านขวาของหน้าจอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นแบบบังคับ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอโดยค่าเริ่มต้น และผู้ใช้จะเปลี่ยนตำแหน่งของชั้นวางได้</translation>
<translation id="7039815268521168329">แสดงขั้นตอนการเปิดใช้ Voice Match สำหรับ Google Assistant ระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7040229947030068419">ค่าตัวอย่าง:</translation>
<translation id="7043157348967593138">เปิดใช้ผู้ให้บริการเฟรมเวิร์กการช่วยเหลือพิเศษสำหรับการทำงานอัตโนมัติของ UI ของเบราว์เซอร์ใน Windows</translation>
<translation id="7044883996351280650">ควบคุมบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลใน Android</translation>
<translation id="7045221780834308118">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้เว็บแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามใช้ Desk API เพื่อควบคุมเดสก์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="DESK_API_NAME" /> จะใช้งานไม่ได้ นโยบายนี้จะมีผลกับอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น</translation>
<translation id="7046113122884041950">ไม่อนุญาตให้ใช้ Smart Lock</translation>
<translation id="7046997898355294677">แสดงการแจ้งเตือนด้านความเป็นส่วนตัวจนกว่าผู้ใช้จะปิด</translation>
<translation id="7047495632846973438">ระบุว่าจะตรวจสอบนโยบายสิทธิ์ display-capture หรือข้ามไป</translation>
<translation id="7055022222176591388">ไม่อนุญาต "<ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" />" ที่ล้าสมัย</translation>
<translation id="7056040036973126753">ระบบอาจส่งข้อมูลความเสถียรของโดเมนไปยัง Google โดยขึ้นอยู่กับนโยบายเมตริกผู้ใช้ของ Chrome (UMA)</translation>
<translation id="7062803946218028349">อนุญาตให้มีการเปิดใช้ฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="7066292150801784098">ปิดไม่ให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเซสชันความช่วยเหลือระยะไกล</translation>
<translation id="706669471845501145">อนุญาตให้ไซต์แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="70681795425744184">ไม่อนุญาตให้ CRD เรียกใช้คำขอ WebAuthn API ที่ทำพร็อกซีจากโฮสต์ระยะไกล</translation>
<translation id="7070525176564511548">ต้องป้อนรหัสผ่านทุกสัปดาห์ (168 ชั่วโมง)</translation>
<translation id="7072208053150563108">อัตราการเปลี่ยนรหัสผ่านโดยเครื่อง</translation>
<translation id="7072567600438630966">อนุญาตให้มีการเปิดใช้ฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="7074437930865599190">ทำให้เวอร์ชันหลักของสตริง User-Agent หยุดอยู่ที่ 99</translation>
<translation id="7075847434649667522">ใช้ใบรับรอง TLS ที่ผู้ใช้เพิ่มไว้จาก Trust Store ของแพลตฟอร์มสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="7077471517869658421">ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่าของการตั้งค่า "ใช้ Launcher/แป้นค้นหาเพื่อเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชัน" ได้อย่างอิสระ</translation>
<translation id="707988220162760379">เปิดไฟล์ PDF โดยใช้โปรแกรมอ่าน PDF ภายนอกเสมอ</translation>
<translation id="7081401546407362463">รายการของประเภทไฟล์ที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ไม่ควรใส่ตัวคั่นข้างหน้าเมื่อระบุประเภทไฟล์ เช่น ให้ใช้ "txt" แทน ".txt"
ไฟล์ประเภทที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติยังจะต้องผ่านการตรวจสอบของ Google Safe Browsing ที่เปิดใช้อยู่ และระบบจะไม่เปิดไฟล์หากไม่ผ่านการตรวจสอบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เมื่อดาวน์โหลดเสร็จระบบจะเปิดเฉพาะประเภทไฟล์ที่ผู้ใช้ระบุไว้แล้วว่าให้เปิดโดยอัตโนมัติ
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="7081699207881888532">เปิดใช้การแนะนำอีโมจิเมื่อผู้ใช้พิมพ์</translation>
<translation id="7081784525008938771">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าทำให้ผู้ใช้ไม่ถูกพิจารณาว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะกำลังเล่นวิดีโอ ซึ่งจะป้องกันระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอ ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ และระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอ รวมถึงป้องกันไม่ให้มีการทำงานที่สอดคล้องกัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ระบบสามารถระบุว่าผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้จะมีกิจกรรมวิดีโอ</translation>
<translation id="7084631508902923941">ส่วนขยายที่เชื่อมต่อกับหนึ่งในต้นทางเหล่านี้จะยังคงทำงานอยู่ตราบใดที่มีการเชื่อมต่อพอร์ต
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นของนโยบาย รายการต่อไปนี้เป็นต้นทางของแอปที่ให้บริการ SDK ซึ่งทราบแล้วว่าไม่อนุญาตให้คุณรีสตาร์ทการเชื่อมต่อแบบปิดเป็นสถานะก่อนหน้า
- เครื่องมือเชื่อมต่อสมาร์ทการ์ด
- ตัวรับ Citrix (เวอร์ชันเสถียร เบต้า สำรอง)
- VMware Horizon (เวอร์ชันเสถียร เบต้า)
หากตั้งค่าไว้ ระบบจะขยายรายการค่าเริ่มต้นด้วยค่าที่กำหนดไว้ใหม่ ทั้งค่าเริ่มต้นและรายการที่ได้จากนโยบายจะยกเว้นส่วนขยายที่เชื่อมต่อ ตราบใดที่มีการเชื่อมต่อพอร์ตอยู่</translation>
<translation id="7086720321892395256">ควบคุมนโยบายด้านผู้ใช้และอุปกรณ์สำหรับฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัว</translation>
<translation id="7090500018761495290">เปิดใช้ Event.path API อีกครั้งสำหรับเวอร์ชัน M115 และเวอร์ชันที่ต่ำกว่า</translation>
<translation id="7090668780328470271">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="7091220433954923921">การตั้งค่านโยบายจะจำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลในเครื่องนี้ใช้
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลสามารถใช้พอร์ตใดก็ได้ที่ว่างอยู่
หมายเหตุ: หากปิดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_FIREWALL_TRAVERSAL_POLICY_NAME" /> โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะใช้พอร์ต UDP ในช่วง 12400-12409</translation>
<translation id="7091842872805965910">เปิดใช้ฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติในหน้าจอล็อกและหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7093294902558672021">รายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์</translation>
<translation id="710003290625031750">คำอธิบายสคีมาแบบขยาย</translation>
<translation id="7101550508196914704">ไม่แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="7105084505972468353">หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะควบคุมประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เต็มหน้าจอ" แว่นขยายหน้าจอจะเปิดใช้เสมอในโหมดแว่นขยายทั้งหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บางส่วน" แว่นขยายหน้าจอจะเปิดใช้เสมอในโหมดแว่นขยายหน้าจอบางส่วนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่มี" แว่นขยายหน้าจอจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้แว่นขยายหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="7109384070286741861">ปิดใช้ CECPQ2</translation>
<translation id="7113439794629928551">แสดงตัวควบคุมสื่อสำหรับเซสชัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ที่เริ่มต้นโดยอุปกรณ์อื่นๆ</translation>
<translation id="7114169791477667553">ปิดใช้ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="7121046543122812054">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ให้ลองใช้ <ph name="BROWSER_SIGNIN_POLICY_NAME" /> แทน
อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />"
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />"
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้มีการลงชื่อเข้าใช้ และยังบล็อกแอปและส่วนขยายที่ใช้ chrome.identity API ไม่ให้ทำงานด้วย โปรดใช้ <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> แทนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้
</translation>
<translation id="7122626777103192518">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้แชร์ข้อความ/ไฟล์จากแอป Android ไปยังเว็บแอปที่รองรับได้โดยใช้ระบบการแชร์ในตัวของ Android
เมื่อเปิดใช้ การดำเนินการนี้จะส่งข้อมูลเมตาของเว็บแอปที่ติดตั้งไปยัง Google เพื่อสร้างและติดตั้งแอป Android ที่แสดงถึงเว็บแอป
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานนี้</translation>
<translation id="7123271473727774529">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการแก้สี</translation>
<translation id="7123365950656684184">บังคับให้โฮสต์การรับส่งข้อความในเครื่องที่เป็นไฟล์ปฏิบัติการของ Windows เปิดใช้งานโดยตรง</translation>
<translation id="7126716959063786004">เปิดใช้การหยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน</translation>
<translation id="7126787606641224668">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ฟีเจอร์ "จำรหัสผ่าน" ในกล่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos หรือไม่ จะมีการเข้ารหัสและจัดเก็บรหัสผ่านในดิสก์ ซึ่งจะเข้าถึงได้โดย Daemon ของระบบ Kerberos และระหว่างเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะให้ระบบจำรหัสผ่าน Kerberos หรือไม่ เพื่อที่จะไม่ต้องป้อนรหัสผ่านอีกครั้ง ระบบจะดึงข้อมูลตั๋ว Kerberos โดยอัตโนมัติ เว้นแต่จะต้องตรวจสอบสิทธิ์เพิ่มเติม (การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย)
หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่จำรหัสผ่านและจะนำรหัสผ่านที่จัดเก็บไว้ก่อนหน้านี้ออกทั้งหมด ผู้ใช้จะต้องป้อนรหัสผ่านทุกครั้งที่จำเป็นต้องตรวจสอบสิทธิ์กับระบบ Kerberos การตรวจสอบสิทธิ์มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ทุกๆ 8 ชั่วโมงไปจนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="7126928806195745404">การตั้งค่า JavaScript</translation>
<translation id="7127732963662601239">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงหน้าจอเซ็นเซอร์ตรวจหาบุคคลในบ้านต่อผู้ใช้หรือไม่ระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่แสดงหน้าจอเซ็นเซอร์ตรวจหาบุคคลในบ้าน
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หน้าจอเซ็นเซอร์ตรวจหาบุคคลในบ้านจะแสดงขึ้นมา
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น "เท็จ" กับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและใช้ค่าเริ่มต้น "จริง" สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7127980134843952133">ประวัติการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7128513247945602297">เปิดใช้การอัปเกรดเนื้อหาผสมโดยอัตโนมัติในเว็บไซต์ HTTPS</translation>
<translation id="712963038874313213">นโยบายที่มี Ansible Playbook ที่ควรจะเรียกใช้ในคอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้น
นโยบายนี้อนุญาตให้มี Ansible Playbook ที่จะใช้ในคอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้นหากมีในอุปกรณ์นั้นๆ และนโยบายต่างๆ อนุญาตให้ใช้ได้
ขนาดของข้อมูลต้องไม่เกิน 1MB (1000000 bytes) และต้องเข้ารหัสเป็น YAML และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด
รวมถึงจะดาวน์โหลดและแคชการกำหนดค่า แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้คอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้นต่อไปได้ในการกำหนดค่าต่อเนื่องของคอนเทนเนอร์หากนโยบายต่างๆ อนุญาตให้ใช้ Crostini ได้</translation>
<translation id="7132877481099023201">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่ต้องแจ้ง</translation>
<translation id="7134420220355750019">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวา
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ปุ่มด้านขวาของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะสลับปุ่มได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="7136237405361383549">ใช้ตัวแสดงผลที่เป็นค่าเริ่มต้นโดยอิงตามการกำหนดค่าการทดลองใช้ในวงจำกัด</translation>
<translation id="7138762292550697459">ควบคุมระยะหมดเวลาขั้นต่ำสำหรับฟังก์ชัน JavaScript setTimeout()</translation>
<translation id="7138792262152376158">ดำเนินการตามไทม์ไลน์การเลิกใช้งานตามปกติสำหรับ PrefixedVideoFullscreen API</translation>
<translation id="714219487865269980">เปิดใช้การไฮไลต์โฟกัสแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="7144022711746703451">
นโยบายนี้ถูกนำออกตั้งแต่รุ่น M80 เพราะไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากตอนนี้ฟีเจอร์ WebDriver ใช้ได้กับทุกนโยบายที่มีอยู่แล้ว
นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ใช้ฟีเจอร์ WebDriver ลบล้างนโยบายที่อาจรบกวนการทำงานได้
ปัจจุบันนโยบายนี้ปิดใช้นโยบาย SitePerProcess และ IsolateOrigins
หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะอนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้
หากปิดใช้หรือไม่กำหนดค่านโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation>
<translation id="7145335384492396213">โหมดการพิมพ์ด้วย PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7146198347561863646">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้ Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงานได้ ส่วนขยายจะขอ Wake Lock ได้ผ่านทาง Power Management Extension API และแอป ARC
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบเพิกเฉยต่อคำขอ Wake Lock</translation>
<translation id="7149042336307555519"> ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตให้ใช้สำหรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ การอัปเดตระบบปฏิบัติการอาจทำให้การเชื่อมต่อทำงานหนักมากเนื่องจากขนาดของการอัปเดต และอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น โดยค่าเริ่มต้นจึงไม่มีการเปิดใช้การอัปเดตกับประเภทการเชื่อมต่อที่ถือว่ามีค่าใช้จ่ายสูง (ปัจจุบันมีเพียง "เน็ตมือถือ")
ตัวระบุประเภทการเชื่อมต่อที่รู้จัก ได้แก่ <ph name="CONNECTION_TYPE_ETHERNET_NAME" /> <ph name="CONNECTION_TYPE_WIFI_NAME" /> และ <ph name="CONNECTION_TYPE_CELLULAR_NAME" /></translation>
<translation id="7150722575502017208">ไม่จำเป็นต้องจับคู่ผู้ใช้ในเครื่องและเจ้าของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7151366515472588710">ไคลเอ็นต์ไม่ควรแปลข้อมูลนี้และควรส่งต่อตามที่ได้รับ DMServer ใช้ policy_version เพื่อยืนยันว่าการแสดงผลนโยบายของ DMServer ตรงกับการแสดงผลของอุปกรณ์ Chrome OS</translation>
<translation id="7152605873936173525">ควบคุมโหมดของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS โปรดทราบว่านโยบายนี้จะตั้งค่าโหมดเริ่มต้นสำหรับการค้นหาแต่ละรายการเท่านั้น อาจมีการลบล้างโหมดได้สำหรับประเภทการค้นหาพิเศษ เช่น คำขอแก้ไขชื่อโฮสต์ของเซิร์ฟเวอร์ DNS-over-HTTPS
โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_OFF" /> จะปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS
โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_AUTOMATIC" /> จะส่งการค้นหา DNS-over-HTTPS ไปก่อน หากเซิร์ฟเวอร์ DNS-over-HTTPS พร้อมใช้งาน และอาจถอยหลังกลับไปส่งการค้นหาที่ไม่ปลอดภัยที่เป็นข้อผิดพลาด
โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_SECURE" /> จะส่งเฉพาะการค้นหา DNS-over-HTTPS และจะแก้ไขข้อผิดพลาดไม่สำเร็จ
สำหรับ <ph name="ANDROID_VERSION" /> ขึ้นไป หากโหมด DNS-over-TLS เปิดใช้งานอยู่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ส่งคำขอ DNS ที่ไม่ปลอดภัย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์อาจส่งคำขอ DNS-over-HTTPS ไปยังรีโซลเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับรีโซลเวอร์ระบบของผู้ใช้ซึ่งมีการกำหนดค่าไว้</translation>
<translation id="7152640356717355643">เปิดใช้การรายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7153786895642570081">นโยบายนี้ควบคุมการเปิดใช้ฟีเจอร์ EphemeralNetworkPolicies
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะดำเนินการตาม DeviceOpenNetworkConfiguration entries RecommendedValuesAreEphemeral และ UserCreatedNetworkConfigurationsAreEphemeral
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะดำเนินการตามนโยบายเครือข่ายที่กล่าวถึงต่อเมื่อฟีเจอร์ EphemeralNetworkPolicies เปิดใช้อยู่
เราจะนำนโยบายนี้ออกเมื่อฟีเจอร์ EphemeralNetworkPolicies เปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7157329428182136164">เปิดใช้การรองรับ API ของกราฟิก 3 มิติ</translation>
<translation id="7158358621906236999">การตั้งค่าเซ็นเซอร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="7158731543031879810">อนุญาตให้ผู้ใช้ระดับองค์กรใช้ ARC ในอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="7161568070244869726">บังคับเปิดใช้ AppCache</translation>
<translation id="7165879643294314958">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าระบบจะตั้งค่าบัญชีในอุปกรณ์ให้ลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดำเนินการตามแป้นพิมพ์ลัด Ctrl+Alt+S เพื่อข้ามการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ และจะแสดงหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะข้ามการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 ไม่ได้ (หากกำหนดค่าไว้)</translation>
<translation id="7165882688932913315">นโยบายนี้ควบคุมการเข้าถึงฟีเจอร์ที่ควบคุมได้ใน UI การค้นหาภายใน (<ph name="CHROME_DEVICES_LINK" />) ซึ่งแสดงอุปกรณ์ที่ค้นพบได้ใกล้ตัวผู้ใช้ ตลอดจนอุปกรณ์ระบบคลาวด์ที่ลงทะเบียนไว้กับอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย ในทุกระบบปฏิบัติการยกเว้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> UI การค้นหาภายในยังอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มเครื่องพิมพ์แบบคลาสสิกที่เชื่อมต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ด้วย
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้มีการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้มีการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน
</translation>
<translation id="7167436895080860385">อนุญาตให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านในตัวจัดการรหัสผ่าน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="7172046613126456732">อนุญาตให้ Chrome เปิดขึ้นหากไม่ลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome</translation>
<translation id="7173856672248996428">โปรไฟล์ชั่วคราว</translation>
<translation id="7174158612490351828">รายการคีย์สาธารณะของใบรับรองที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ควรเชื่อถือสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เซิร์ฟเวอร์ TLS
ค่าของนโยบายคือรายการใบรับรอง X.509 ที่เข้ารหัสฐาน 64 ระบบจะไม่เชื่อถือใบรับรองทั้งหมดที่มี SPKI (SubjectPublicKeyInfo) ที่ตรงกัน</translation>
<translation id="717630378807352957">อนุญาตเครื่องพิมพ์ทั้งหมดจากไฟล์การกำหนดค่า</translation>
<translation id="7177293255621000064">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้สื่อจัดเก็บข้อมูลภายนอกทุกประเภท (แฟลชไดรฟ์ USB, ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก, การ์ด SD และการ์ดหน่วยความจำอื่นๆ, ที่เก็บข้อมูลออปติคอล) ไม่พร้อมใช้งานในโปรแกรมเรียกดูไฟล์ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะใช้ที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกในอุปกรณ์ของตนได้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลต่อ Google ไดรฟ์และที่จัดเก็บข้อมูลภายใน ผู้ใช้จะยังเข้าถึงไฟล์ที่บันทึกไว้ในโฟลเดอร์ดาวน์โหลดได้อยู่</translation>
<translation id="7177857088692019405">ปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="7179157174254421614">หากนโยบาย <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_POLICY_NAME" /> ไม่ปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายก็จะกำหนดวิธีตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้เปลี่ยนแปลงไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น
* <ph name="TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_DISABLED" /> จะปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ
* <ph name="TTIMEZON_AUTOMATIC_DETECTION_IP_ONLY" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยใช้เมธอดแบบ IP เท่านั้น
* <ph name="TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_SEND_WIFI_ACCESS_POINTS" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยส่งรายชื่อจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ที่มองเห็นไปยังเซิร์ฟเวอร์ Geolocation API อย่างต่อเนื่องเพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด
* <ph name="TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_SEND_ALL_LOCATION_INFO" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยส่งข้อมูลตำแหน่ง (เช่น จุดเข้าใช้งาน Wi-Fi, เสาสัญญาณมือถือที่เข้าถึงได้) ไปยังเซิร์ฟเวอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด
หากไม่ได้ตั้งค่า ตั้งค่าไว้เป็น "ให้ผู้ใช้เลือก" หรือตั้งค่าไว้เป็น "ไม่มี" ผู้ใช้จะควบคุมการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติโดยใช้ส่วนควบคุมปกติใน <ph name="OS_SETTINGS_URL" />
หมายเหตุ: หากใช้นโยบายนี้เพื่อแก้ไขเขตเวลาโดยอัตโนมัติ โปรดอย่าลืมตั้งค่านโยบาย <ph name="CROS_GLS_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="GLS_ALLOWED" /> หรือ <ph name="GLS_ONLY_ALLOWED_FOR_SYSTEM" /></translation>
<translation id="7179187054027029272">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้ แอป หรือส่วนขยายที่มีสิทธิ์ที่เหมาะสมจะเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอ (ซึ่งแสดงเฉพาะเนื้อหาเว็บ) ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้ แอป หรือส่วนขยายจะเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอไม่ได้</translation>
<translation id="718126088895133062">นโยบายนี้ระบุ User ID การอนุญาตให้ใช้สิทธิของ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์นี้</translation>
<translation id="7185078796915954712">TLS 1.3</translation>
<translation id="7185630966939835143">ใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation>
<translation id="7187248416163189586">ปิดใช้การรายงานข้อมูลแบ็กไลต์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="718850220532931090">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="ATTESTATION_EXTENSION_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายจะกำหนดส่วนขยายที่สามารถใช้ฟังก์ชันการทำงาน <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" /> ของ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับเอกสารรับรองระยะไกล ส่วนขยายต้องอยู่ในรายการนี้เพื่อใช้ API ดังกล่าว
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่มีการตั้งค่ารายการไว้ จะเรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="718956142899066210">ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตสำหรับการอัปเดต</translation>
<translation id="7190286937411178540">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="7193489339723768342">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุรายการ URL ที่จะมีการจับคู่รูปแบบกับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากรูปแบบตรงกัน ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่แสดงข้อความแจ้ง
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="719398790886719721">ปิดใช้การเข้าถึงรูทของเครื่องเสมือนใน Linux</translation>
<translation id="7194407337890404814">ชื่อผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="7198134478421755850">ส่วนขยาย</translation>
<translation id="7199304109870655950">กำหนดค่าตัวเลือกการเข้าถึงระยะไกลในโฮสต์ Chrome Remote Desktop
โฮสต์ Chrome Remote Desktop คือบริการแบบเนทีฟที่ทำงานในอุปกรณ์เป้าหมายซึ่งผู้ใช้เชื่อมต่อได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Chrome Remote Desktop บริการแบบเนทีฟนี้จะรวมอยู่ในแพ็กเกจและมีการดำเนินการแยกจากเบราว์เซอร์<ph name="PRODUCT_NAME" />
ระบบจะไม่สนใจนโยบายเหล่านี้หาก
ไม่มีการติดตั้งโฮสต์ Chrome Remote Desktop</translation>
<translation id="7202925763179776247">อนุญาตข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7207095846245296855">บังคับใช้ ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยโดย Google </translation>
<translation id="7211368186050418507">ไม่ต้องตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation>
<translation id="721617466745658461">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกไบนารีของเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="7216442368414164495">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกใช้การรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing</translation>
<translation id="721970071627370558">ปิดใช้การรายงานสถานะพลังงานของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7221574724100909818">ใช้ไอคอนแม่กุญแจสำหรับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย</translation>
<translation id="7227348936232766462">อนุญาตให้ผู้ใช้รวมข้อมูลการแก้ไขข้อบกพร่องระดับต่ำจากอุปกรณ์ทุกประเภทที่มีอยู่ด้านล่างในความคิดเห็นของผู้ใช้</translation>
<translation id="7229365071755865554">เปิดใช้การบันทึกรหัสผ่านด้วยเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="7229975860249300121">มีนิพจน์ทั่วไปซึ่งใช้เพื่อกำหนดบัญชี Google ที่ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ (นั่นคือ บัญชีที่เลือกระหว่างขั้นตอนการเลือกใช้การซิงค์)
ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องจะแสดงขึ้นหากผู้ใช้พยายามตั้งค่าบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ด้วยชื่อผู้ใช้ที่ไม่ตรงกับรูปแบบนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือเว้นว่างไว้ ผู้ใช้จะตั้งค่าบัญชี Google ใดก็ได้ให้เป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="723103540848640830">ตั้งค่าความยาวขั้นต่ำของ PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="7234280155140786597">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมต้องห้าม (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation>
<translation id="723621412149834592">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BLOCK_WINDOW_PLACEMENT_POLICY_NAME" /> (ค่า 2) จะปฏิเสธสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่างของเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้นโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะจำกัดไม่ให้เว็บไซต์ดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอ
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ASK_WINDOW_PLACEMENT_POLICY_NAME" /> (ค่า 3) จะแสดงข้อความแจ้งผู้ใช้เมื่อขอสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่างโดยค่าเริ่มต้น หากผู้ใช้อนุญาตสิทธิ์ดังกล่าว เว็บไซต์จะสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่านโยบาย <ph name="ASK_WINDOW_PLACEMENT_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="7244600351241637530">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์อยู่แล้วจะสามารถดูและดาวน์โหลดรูปภาพและวิดีโอล่าสุดที่ถ่ายในโทรศัพท์ของตนบน Chrome OS ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ หากปิดใช้นโยบาย <ph name="PHONE_HUB_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เช่นกัน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation>
<translation id="7246767840750730334">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การแจ้งเตือนของฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="7249828445670652637">เปิดใช้ใบรับรอง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="7251825257294351251">อนุญาตการแจ้งเตือนของระบบ</translation>
<translation id="7252681704926980614">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมพร้อมด้วยงานพิมพ์ทั้งหมด ค่าเริ่มต้นคือไม่ส่ง
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะปิดใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้โปรโตคอลอื่นๆ ที่ไม่ใช่ IPPS, USB หรือ IPP-over-USB เนื่องจากไม่ควรส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ผ่านเครือข่ายอย่างเปิดเผย</translation>
<translation id="7253446510183499868">ไม่อนุญาตให้รีบูตโดยอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต</translation>
<translation id="7253705688881857796">การตั้งค่านโยบายระบุว่าจะมีการประมวลผลนโยบายผู้ใช้จาก Group Policy Object (GPO) ของคอมพิวเตอร์หรือไม่และอย่างไร
* "ค่าเริ่มต้น" หรือการไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการอ่านนโยบายผู้ใช้จาก GPO ของผู้ใช้เท่านั้น ระบบจะไม่พิจารณา GPO ของคอมพิวเตอร์
* "ผสานรวม" จะผสานรวมนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้กับนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ GPO ของคอมพิวเตอร์จะมีความสำคัญเหนือกว่า
* "แทนที่" จะแทนที่นโยบายผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้ด้วยนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ ระบบจะไม่พิจารณา GPO ของผู้ใช้</translation>
<translation id="7258250780552783197">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_FILE_TRANSFER_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีการโอนไฟล์ใน "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />"
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SOURCE_DESTINATION_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งไฟล์สำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการโอนระหว่างแหล่งที่มาและปลายทาง รวมถึงแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับไฟล์นั้น แท็กที่สอดคล้องกับกฎ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หากแหล่งที่มาและปลายทางตรงกับกฎที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีกฎ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับการโอน การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ กฎ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SOURCE_DESTINATION_LIST_FIELD" /> กำหนดโดยรายการการจับคู่ ซึ่งแต่ละคู่มีรายการแหล่งที่มาและรายการปลายทาง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_FILE_SYSTEM_TYPE_FIELD" /> จะกำหนดว่าควรใช้กฎกับระบบไฟล์ใด
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนอนุญาตการโอน ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" จะอนุญาตการโอนทันที
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_PASSWORD_PROTECTED_FIELD" /> จะควบคุมให้ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" บล็อกหรืออนุญาตไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ช่องข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" /> มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> จะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> ที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ช่องแท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" /> อาจมีหรือไม่มีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีช่องข้อความและช่องแท็กที่ไม่เว้นว่างไว้
นโยบายนี้ต้องมีการตั้งค่าเพิ่มเติมจึงจะมีผล โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a?p=chrome_enterprise_connector_policies_setting</translation>
<translation id="7258823566580374486">เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7260204423892780600">ควบคุมการตั้งค่าสำหรับ Google Assistant</translation>
<translation id="7261140115553020049">เปิดใช้บริการพื้นที่ทำงานแบบลอย</translation>
<translation id="7261252191178797385">รูปภาพวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7264704483008663819">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M68 โปรดใช้ DeveloperToolsAvailability แทน
ปิดใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ และองค์ประกอบในเว็บไซต์จะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกต่อไป ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดและเมนูใดๆ หรือรายการเมนูตามบริบทที่ใช้เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript
การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ตั้งค่าเลยทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้
หากมีการตั้งค่านโยบาย DeveloperToolsAvailability ระบบจะเพิกเฉยต่อค่าของนโยบาย DeveloperToolsDisabled</translation>
<translation id="7265638080114610885">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แอป Android ในอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="7266471712301230894">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 64
ไม่รองรับการค้นหาอัตโนมัติและการติดตั้งปลั๊กอินที่ขาดหายไปแล้ว</translation>
<translation id="7267809745244694722">แป้นสื่อมีค่าเริ่มต้นเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation>
<translation id="7268365133021434339">ปิดแท็บ</translation>
<translation id="7269263983506766969">ใช้ลำดับความสำคัญเริ่มต้นกับกระบวนการของเสียง</translation>
<translation id="7270001383428188269">ตัวระบุสำหรับใบรับรองไคลเอ็นต์นี้</translation>
<translation id="7271085005502526897">การนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="7272043145652398361">ปิดใช้ API แบบเต็มหน้าจอของวิดีโอที่มีคำต่อท้าย</translation>
<translation id="7272892848025145170">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos หรือไม่ Kerberos เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้เพื่อตรวจสอบสิทธิ์เว็บแอปและพื้นที่แชร์ไฟล์ได้
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos คุณเพิ่มบัญชี Kerberos ได้ผ่านนโยบาย "กำหนดค่าบัญชี Kerberos" หรือผ่านการตั้งค่าบัญชี Kerberos ในหน้าการตั้งค่า Kerberos
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้การตั้งค่าบัญชี Kerberos คุณจะเพิ่มบัญชี Kerberos ไม่ได้และจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์ของ Kerberos ไม่ได้ บัญชี Kerberos ที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกลบ รวมถึงรหัสผ่านที่จัดเก็บไว้ทั้งหมดด้วย</translation>
<translation id="7273785848231509306">ไม่ต้องแสดงชื่อและรูปภาพผู้ใช้</translation>
<translation id="7274077256421167535">เปิดใช้การแชร์พลังงานผ่าน USB</translation>
<translation id="7275334191706090484">บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7275689301063927473">ปฏิเสธการให้สิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่องในทุกเว็บไซต์โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7275878175078795558">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการรับรองว่าใช้ได้โดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่องอยู่เสมอ หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้รับข้อมูลสถานะการเพิกถอน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถือว่าใบรับรองดังกล่าวถูกเพิกถอน (ดึงข้อมูลไม่สำเร็จ)
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ที่มีอยู่
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่านโยบาย <ph name="CHROME_ROOT_STORE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="7278854311116092134">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่จะยกเว้นจากรายการที่บล็อก</translation>
<translation id="7291084543582732020">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ Smart Lock ได้หากปฏิบัติตามข้อกำหนดของฟีเจอร์นี้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ Smart Lock ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7295019613773647480">เปิดใช้งานผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแล</translation>
<translation id="7297476773981993405">อนุญาตให้เรียกใช้อัลกอริทึม User-Agent GREASE ที่อัปเดต</translation>
<translation id="7298197471363105063">ลบล้างชุดบุคคลที่หนึ่ง</translation>
<translation id="7300320787419338290">การตั้งค่า F11/F12 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Ctrl และ Shift</translation>
<translation id="7302043767260300182">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="7302500623317853506">อนุญาตการอัปเดตอัตโนมัติเพิ่มเติม</translation>
<translation id="7303655680460311843">เปิดใช้ฟีเจอร์แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7303902834678570827">ผู้ใช้เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการจะจัดเก็บการตั้งค่าการแสดงผลแบบทั่วทั้งอุปกรณ์ไม่ได้</translation>
<translation id="7306926210354955892">การตั้งค่านโยบายจะระบุการดำเนินการที่จะทำเมื่อมีการสร้างไดเรกทอรีข้อมูล ARC ของผู้ใช้ด้วย virtio-fs แอป Android อาจทำงานช้าลงใน VM ของ ARC เว้นแต่ว่าจะมีการย้ายข้อมูล virtio-fs ไปยัง virtio-blk
การตั้งค่านโยบายเป็น
* <ph name="DO_NOT_PROMPT" /> หมายความว่าระบบจะไม่ขอให้ผู้ใช้ทำตามขั้นตอนการย้ายข้อมูล ค่านี้เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย
* <ph name="PROMPT" /> (หรือค่าที่ไม่รองรับ) หมายความว่าเมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะแจ้งให้ทำตามขั้นตอนการย้ายข้อมูล ซึ่งอาจใช้เวลาสูงสุด 10 นาที
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ ARM ที่ย้ายข้อมูลไปยัง ARCVM เท่านั้น</translation>
<translation id="731208205557053914">รายงานข้อมูล VPD</translation>
<translation id="7313672174502374994">แฮช SHA-256 ของรูปภาพวอลเปเปอร์</translation>
<translation id="7313681786668291607">การตั้งค่านโยบายช่วยให้คุณระบุลักษณะการทำงานของระบบเมื่อเริ่มต้นใช้งานได้ การปิดการตั้งค่านี้จะเท่ากับไม่ได้ตั้งค่า เนื่องจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องมีลักษณะการทำงานที่เจาะจงเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="POLICY_ENUM_RESTOREONSTARTUP_RESTOREONSTARTUPISLASTSESSION" /> หรือ <ph name="POLICY_ENUM_RESTOREONSTARTUP_RESTOREONSTARTUPISLASTSESSIONANDURLS" /> จะปิดการตั้งค่าบางอย่างที่ต้องอาศัยเซสชันหรือที่ปฏิบัติตามคำสั่งในขณะออกจากระบบ เช่น การล้างข้อมูลการท่องเว็บเมื่อออกจากระบบหรือคุกกี้เฉพาะเซสชัน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="POLICY_ENUM_RESTOREONSTARTUP_RESTOREONSTARTUPISLASTSESSIONANDURLS" /> เบราว์เซอร์จะคืนค่าเซสชันก่อนหน้า และเปิดหน้าต่างแยกเพื่อแสดง URL ที่ตั้งค่าไว้จาก <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_URLS_POLICY_NAME" /> โปรดทราบว่าผู้ใช้เลือกเปิด URL เหล่านั้นเอาไว้ได้ และระบบจะคืนค่า URL ดังกล่าวในเซสชันครั้งต่อไปด้วย
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="7317472245305274219">กําหนดว่าการสร้างพาสคีย์จะมีค่าเริ่มต้นเป็นพวงกุญแจ iCloud หรือไม่</translation>
<translation id="7322825363493984512">รหัสผ่านสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์บริการระบบสำหรับเข้าถึงพร็อกซีเว็บทางไกล</translation>
<translation id="7323773727263636287">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการแก้สี
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ปรับการตั้งค่าการแก้สีในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่มีการจัดการของตนได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ที่มีความบกพร่องในการมองเห็นสีสามารถรับรู้สีบนหน้าจอได้ง่ายขึ้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์การแก้สีอยู่เสมอ โดยผู้ใช้จะต้องไปที่การตั้งค่าเพื่อเลือกตัวเลือกการแก้สีที่เจาะจง (เช่น ฟิลเตอร์ตาบอดสีเขียว/ตาบอดสีแดง/ตาบอดสีน้ำเงิน/โหมดสีเทาและความเข้ม) การตั้งค่าการแก้สีจะแสดงต่อผู้ใช้เมื่อใช้ครั้งแรก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การแก้สีอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การแก้สีในตอนแรก แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="7323855063560306712">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะปฏิเสธสิทธิ์การจัดการหน้าต่างโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะจำกัดไม่ให้เว็บไซต์ดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์เพื่อใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอ
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์ได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_WINDOW_MANAGEMENT_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นสิทธิ์ดังกล่าวจะเป็นไปตามค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์และอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกสิทธิ์สำหรับแต่ละเว็บไซต์
นโยบายนี้มาแทนที่นโยบาย <ph name="WINDOW_PLACEMENT_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ที่เลิกใช้งานแล้ว</translation>
<translation id="7323896582714668701">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเพิ่มเติมสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7325801934761922681">ป้องกันไม่ให้ Chrome บล็อกการเรียกออกไปยังโปรโตคอลนอก iframe ที่ทำแซนด์บ็อกซ์</translation>
<translation id="7326394567531622570">เหมือนกับ Wipe (ค่า 2) แต่ให้ลองเก็บโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง</translation>
<translation id="7331387825106440104">ไม่บังคับใช้ข้อจำกัดใน Trust Anchor ที่เพิ่มในเครื่อง</translation>
<translation id="7331962793961469250">เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์จะไม่ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็น "เท็จ" หรือการปล่อยไว้แบบไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="7332963785317884918">นโยบายนี้ถูกกำหนดให้เลิกใช้แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้กลยุทธ์ในการล้างข้อมูลแบบ "RemoveLRU" เสมอ
ควบคุมพฤติกรรมการล้างข้อมูลอัตโนมัติบนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะเริ่มขึ้นเมื่อพื้นที่ว่างของดิสก์ลดลงถึงระดับวิกฤตเพื่อกู้คืนพื้นที่บางส่วนของดิสก์
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRU" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้จากอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRUIfDormant" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบอย่างน้อย 3 เดือนไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะใช้กลยุทธ์เริ่มต้นที่มีในตัว ซึ่งปัจจุบันคือกลยุทธ์ "RemoveLRUIfDormant"</translation>
<translation id="733381360015511815">กำหนดค่ารายการ Isolated Web App ซึ่งบังคับติดตั้งแล้ว</translation>
<translation id="7334517274921831425">อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้ <ph name="BOREALIS_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7334639219471717734">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ที่มี Smart Lock</translation>
<translation id="7336785017449297672">ควบคุมการตั้งค่านาฬิกาและเขตเวลา</translation>
<translation id="7336878834592315572">เก็บคุกกี้ไว้ในระหว่างช่วงเวลาของเซสชัน</translation>
<translation id="7338217396351647423">การตั้งค่านโยบายจะระบุชุดนโยบายที่จะส่งไปยังรันไทม์ของ ARC ผู้ดูแลระบบจะใช้การตั้งค่านี้เพื่อเลือกแอป Android ที่จะติดตั้งโดยอัตโนมัติได้ โปรดป้อนค่าเป็นรูปแบบ JSON ที่ถูกต้อง
หากต้องการปักหมุดแอปกับ Launcher โปรดดู PinnedLauncherApps</translation>
<translation id="7339315111520512972">บังคับให้เรียกใช้โค้ดเครือข่ายในกระบวนการของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7340034977315324840">รายงานจำนวนครั้งของกิจกรรมบนอุปกรณ์</translation>
<translation id="734095828044419464">ปิดใช้การจัดสรรใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="7343004974628511824">ทำการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS</translation>
<translation id="7343497214039883642">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กรสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="7357148531287978404">ปิดใช้งานอินพุตเสียง</translation>
<translation id="7358012133037776875">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะอนุญาตสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่างโดยอัตโนมัติ การดำเนินการนี้จะทำให้เว็บไซต์สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับหน้าจอของอุปกรณ์แล้วใช้ข้อมูลนั้นในการเปิดและวางหน้าต่างหรือขอโหมดเต็มหน้าจอในบางหน้าจอได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องของเว็บไซต์ได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_WINDOW_PLACEMENT_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นสิทธิ์ดังกล่าวจะเป็นไปตามค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์และอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกสิทธิ์สำหรับแต่ละเว็บไซต์</translation>
<translation id="7358359585412734876">เปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="736486789939370545">อนุญาตให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก</translation>
<translation id="7366948865469126526">ปิดใช้การแปลงหน่วยของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="7367734504783638685">การซิงค์รหัสผ่านระหว่างผู้ให้บริการ SSO บุคคลที่สามกับอุปกรณ์ Chrome</translation>
<translation id="7372169427762612484">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนที่คุณระบุ และจะไม่ตรวจหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้ และบริการปกป้องรหัสผ่านก็จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การปกป้องด้วย Google Safe Browsing ตามค่าเริ่มต้นมีผลกับทรัพยากรทั้งหมด
นโยบายนี้ต้องตั้งค่าเป็นลิสต์ชื่อโดเมนแบบสมบูรณ์ในตัวเอง โดยไม่รองรับนิพจน์ทั่วไป และจะไม่อนุญาตรายการโดเมนย่อยของโดเมนที่แสดงอยู่ในนโยบาย
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="7372831798009983116">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7373200034079131670">รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android หรือ VM เริ่มต้นแล้ว</translation>
<translation id="7374784840090523241">ค่าเริ่มต้นคือสร้างพาสคีย์ในสโตร์อื่นๆ เช่น โปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7375785904116479354">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="7383581189726479261">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M96 โปรดใช้ <ph name="REPORT_DEVICE_NETWORK_CONFIGURATION" /> และ <ph name="REPORT_DEVICE_NETWORK_STATUS" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานรายการอินเทอร์เฟซเครือข่ายพร้อมด้วยประเภทและที่อยู่ฮาร์ดแวร์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่าย</translation>
<translation id="7389872682701720082">หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ปลั๊กอินที่ยังไม่ล้าสมัยจะทำงานเสมอ
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขออนุญาตจากผู้ใช้เพื่อเรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์ ปลั๊กอินเหล่านี้อาจทำให้ระบบผ่อนปรนเรื่องความปลอดภัย</translation>
<translation id="7390361032458549775">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากมีรูปแบบ URL ใน "KeygenAllowedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="7394023172636522064">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะรายงานสถานะความปลอดภัย TPM ของอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่บันทึกหรือรายงานสถานะความปลอดภัย TPM
ข้อยกเว้น: ข้อมูล TPM จะควบคุมโดย <ph name="REPORT_DEVICE_HARDWARE_STATUS" /> สำหรับรุ่น M95 ลงมา</translation>
<translation id="739556497251174388">อนุญาตให้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> มาใช้ซ้ำสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย</translation>
<translation id="7402772023599097052">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าคำเตือนด้านความปลอดภัยจะแสดงเมื่อมีการใช้แฟล็กบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตรายเพื่อเปิด Chrome
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบไม่แสดงคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการเปิดใช้ Chrome โดยมีแฟล็กบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="7406039009275722824">การปิดใช้<ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> จะทำให้การสำรองข้อมูลและการคืนค่าของ Android ทำงานได้อย่างไม่สมบูรณ์</translation>
<translation id="7406276857470642718">ควบคุมการตั้งค่าของผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML ด้วย IdP ภายนอก</translation>
<translation id="7407441173422042771">นโยบายนี้ควบคุมการคาดคะเนเครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะควบคุมการดึงข้อมูล DNS ล่วงหน้า, TCP, การเชื่อมต่อ SSL ล่วงหน้า และการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้า
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ การไม่ตั้งค่าจะเปิดการคาดคะเนเครือข่าย แต่ผู้ใช้เปลี่ยนได้</translation>
<translation id="7408815947231046196">อนุญาตให้สำรองข้อมูลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="740885188496462583">เปิดใช้โหมดประหยัดแบตเตอรี่</translation>
<translation id="7410074797376205571">อนุญาตให้ <ph name="CHROME_REMOTE_DESKTOP_PRODUCT_NAME" /> เรียกใช้คำขอ WebAuthn API ที่ทำพร็อกซีจากโฮสต์ระยะไกล</translation>
<translation id="7412456346709338637">เปิดใช้การเข้าถึงข้อมูลของอุปกรณ์ต่อพ่วง Thunderbolt/USB4</translation>
<translation id="7414890119082492552">ไม่มีค่ากำหนด</translation>
<translation id="7417438464912687020">อนุญาตให้เข้าถึงการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้จากระยะไกล</translation>
<translation id="7417972229667085380">เปอร์เซ็นต์สำหรับการปรับการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานในโหมดการนำเสนอ (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="7421230730436851224">ไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์กับกระบวนการของเสียง</translation>
<translation id="7421483919690710988">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อเป็นไบต์</translation>
<translation id="7424751532654212117">รายการยกเว้นสำหรับรายการของปลั๊กอินที่ถูกปิดใช้งาน</translation>
<translation id="742531731411208578">แสดงการติดป้ายองค์กรในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการเท่านั้น</translation>
<translation id="7426112309807051726">ระบุว่าควรปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ <ph name="TLS_FALSE_START" /> ไหม ด้วยเหตุผลในอดีต นโยบายนี้มีชื่อว่า DisableSSLRecordSplitting
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะเปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /> หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /></translation>
<translation id="7427607504279694910">ไม่แชร์บันทึกเหตุการณ์การติดตั้งแอป Android กับ Google</translation>
<translation id="7433253680989311514">เปิดใช้เลย์เอาต์แป้นพิมพ์ภาษาฮินดี</translation>
<translation id="7433714841194914373">เปิดใช้งานค้นหาทันใจ</translation>
<translation id="7434202861148928348">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7436939516497076240">ปิดใช้การแสดงหน้าผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นในแผงด้านข้างของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7438379915013106443">นโยบายนี้อนุญาตให้ผู้ดูแลระบบกําหนดค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="ALLOWED_NAME" />" ช่วยให้ผู้ใช้ตั้งค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /> ได้ หากต้องการ
หลังจากกระบวนตั้งค่าเสร็จสิ้นแล้ว ระบบจะย้ายไฟล์ที่มีรูปแบบไฟล์ตรงกันไปที่ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น และแฮนเดิลโดยแอปใดแอปหนึ่งของ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /> เมื่อผู้ใช้พยายามเปิดไฟล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="DISALLOWED_NAME" />" จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ตั้งค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นและนําแอป <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /> ออกจากตัวแฮนเดิลไฟล์ที่เป็นไปได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="AUTOMATED_NAME" />" จะตั้งค่าการทำงานของ <ph name="CLOUD_UPLOAD_NAME" /> สําหรับ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> และ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /> โดยอัตโนมัติ ดังนั้นระบบจะย้ายไฟล์ที่มีรูปแบบไฟล์ที่ตรงกันไปที่ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น และแฮนเดิลโดยแอปใดแอปหนึ่งของ <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_NAME" /> เมื่อผู้ใช้พยายามเปิด
การไม่ตั้งค่านโยบายจะมีฟังก์ชันการทำงานเทียบเท่ากับการตั้งค่านโยบายเป็น "<ph name="ALLOWED_NAME" />" สําหรับผู้ใช้ทั่วไป และสําหรับผู้ใช้ระดับองค์กรที่ไม่ได้ตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเป็น "<ph name="DISALLOWED_NAME" />"</translation>
<translation id="7438982301540282785">ตั้งค่า <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> อัตโนมัติ</translation>
<translation id="7443356543619955157">การตั้งค่านโยบายจะทำให้กำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้ทุกคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิด (Open Network Configuration)</translation>
<translation id="7446978687387327623">อนุญาตการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ผ่านพร็อกซีของ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="7448430478749155471">เปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7453470801190369311">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงรูปภาพไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_IMAGE_SETTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
โปรดทราบว่าก่อนหน้านี้นโยบายนี้เปิดใช้อย่างไม่ถูกต้องใน Android แต่ Android ก็ไม่เคยรองรับฟังก์ชันนี้โดยสมบูรณ์</translation>
<translation id="7455912144588577399">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ผู้ใช้จะอนุญาตให้หน้าเว็บที่มีสิทธิ์อ่านออกเสียงโดยใช้การอ่านออกเสียงข้อความได้ ซึ่งทำได้โดยแยกเนื้อหาฝั่งเซิร์ฟเวอร์และสังเคราะห์เสียง การตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะปิดใช้ฟีเจอร์นี้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าเริ่มต้นหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้การอ่านออกเสียง</translation>
<translation id="7456922722153109956">นโยบายนี้ควบคุมการแสดงประกาศในช่องกลางบนหน้าแท็บใหม่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะแสดงประกาศในช่องกลางหากมีประกาศ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงประกาศในช่องกลางแม้ว่าจะมีประกาศ
</translation>
<translation id="7459601923199346224">ควบคุมนโยบายด้านผู้ใช้และอุปกรณ์สำหรับการจัดการใบรับรอง</translation>
<translation id="7459633275230216698">อนุญาตกล่องโต้ตอบการเลือกไฟล์</translation>
<translation id="7462256705280836453">เลือกว่าจะปิดใช้การตั้งค่าโฆษณาที่เว็บไซต์แนะนำโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ได้หรือไม่</translation>
<translation id="7463055558720530430">อนุญาตให้ผู้ใช้จดจำรหัสผ่าน Kerberos</translation>
<translation id="7463934096276667908">เปิดใช้ API แบบเต็มหน้าจอของวิดีโอที่มีคำต่อท้าย</translation>
<translation id="7464058117970792805">เปิดใช้การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="7464991223784276288">จำกัดคุกกี้จาก URL ที่ตรงกันให้อยู่ในเซสชันปัจจุบัน</translation>
<translation id="7468182772656807573">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดความถี่ในการส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่ายเป็นมิลลิวินาที ช่วงเวลาอาจอยู่ที่ตั้งแต่ 30 วินาทีถึง 24 ชั่วโมง ค่าที่ไม่อยู่ในช่วงดังกล่าวจะถูกจำกัดตามช่วงนี้
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ช่วงเวลาเริ่มต้น 3 นาที</translation>
<translation id="7469182444144588294">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงหน้าจอแนะนำ <ph name="FEATURE_NAME" /> ต่อผู้ใช้หรือไม่ระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก
หากตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" หน้าจอแนะนำ <ph name="FEATURE_NAME" /> จะไม่แสดง
หากตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" หน้าจอแนะนำ <ph name="FEATURE_NAME" /> จะแสดงขึ้นมา
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะข้ามหน้าจอแนะนำ <ph name="FEATURE_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและแสดงต่อผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7469554574977894907">เปิดใช้งานคำแนะนำในการค้นหา</translation>
<translation id="747275827471712187">เปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมสำหรับคุกกี้ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7476030153540156377">เลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์การปกป้อง IP ของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /></translation>
<translation id="7476158778585368567">รายงานงานพิมพ์ของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานงานพิมพ์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7476447711788742702">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดการดำเนินการที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะทำเมื่อผู้ใช้ปิดฝาอุปกรณ์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้การระงับ
หมายเหตุ: หากมีการระงับการทำงาน คุณจะตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อให้ล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนที่จะมีการระงับได้</translation>
<translation id="7477149584454865826">ธงบูลีนที่ระบุว่าควรใช้ IPP Everywhere เพื่อตั้งค่าเครื่องพิมพ์หรือไม่</translation>
<translation id="7477231245051133709">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโน</translation>
<translation id="7479408102162550711">รายงานเหตุการณ์ในเครือข่าย</translation>
<translation id="7481702249684965639">เปิดใช้ถังขยะสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="7482768039644066614">เปิดใช้การดึงข้อมูลเมตาของการโหลดหน้าเว็บและโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพประสบการณ์การท่องเว็บ</translation>
<translation id="748292668225669178">กําหนดค่าการต่อเชื่อมของ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /></translation>
<translation id="7485481791539008776">กฎการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="7486205887492534734">แสดงข้อความแจ้งเมื่อมีใบรับรองตรงกันหลายรายการบนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="748873163367340515">ใช้เฉพาะคุกกี้และข้อมูลที่จำเป็นในการค้นหา</translation>
<translation id="7489169777107143496">ปิดใช้การสแกนอย่างละเอียดสำหรับการดาวน์โหลดด้วย Google Safe Browsing</translation>
<translation id="7489661071474025727">ระบุว่าผู้ใช้บนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้เปิดใช้งานบริการกู้คืนบัญชีอยู่หรือไม่
เมื่อเปิดใช้นโยบาย การกู้คืนข้อมูลผู้ใช้จะเปิดใช้งาน เมื่อปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่เปิดใช้งานการกู้คืนข้อมูลผู้ใช้
การตั้งค่านโยบายเป็นระดับที่แนะนำจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการเปิดใช้งานการกู้คืนบัญชีได้ผ่านหน้าการตั้งค่า การตั้งค่านโยบายเป็นระดับบังคับหมายความว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนการเปิดใช้งานการกู้คืนบัญชีไม่ได้
สำหรับการเปลี่ยนแปลงค่านโยบาย กระบวนการอัปเดตจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อเข้าสู่ระบบอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ครั้งถัดไป หลังจากที่ดึงข้อมูลค่านโยบายใหม่แล้ว
หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะมีผลกับบัญชีใหม่ที่เพิ่มในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น
</translation>
<translation id="7491720878670299691">อัตราที่ใช้ในการโพลและตรวจสอบกิจกรรมของข้อมูลเครือข่าย ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 1 นาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้อัตราเริ่มต้น 1 นาที</translation>
<translation id="7498595166686106721">
นโยบายสิทธิ์ display-capture เป็นประตูสู่การเข้าถึง getDisplayMedia() ตามข้อกำหนดเฉพาะนี้ https://www.w3.org/TR/screen-capture/#feature-policy-integration อย่างไรก็ตาม หากปิดใช้นโยบายนี้ จะไม่มีการบังคับใช้ข้อกำหนดนี้ และ getDisplayMedia() จะได้รับอนุญาตจากบริบทที่อาจถูกห้าม นโยบายองค์กรนี้เป็นนโยบายชั่วคราว และมีแผนที่จะนำออกหลัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 100 ใช้สำหรับเลิกบล็อกผู้ใช้ระดับองค์กรที่มีแอปพลิเคชันที่ไม่ตรงตามข้อกำหนด แต่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข
เมื่อเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ เว็บไซต์จะเรียกใช้ getDisplayMedia() ได้เฉพาะจากบริบทที่นโยบายสิทธิ์ display-capture ใส่ไว้ในรายการที่อนุญาต
เมื่อปิดใช้ เว็บไซต์สามารถเรียกใช้ getDisplayMedia() แม้กระทั่งจากบริบทที่นโยบายสิทธิ์ display-capture ไม่ได้ใส่ในรายการที่อนุญาต โปรดทราบว่าอาจจะยังมีข้อจำกัดอื่นๆ อีก</translation>
<translation id="7506745375479451616">นโยบายนี้จะควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเปลี่ยนมาจาก <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็นเส้นทางไฟล์ที่สั่งการได้หรือ <ph name="PRODUCT_NAME_PLACEHOLDER" /> เพื่อตรวจหาตำแหน่งของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะตรวจหาเส้นทางสั่งการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เองโดยอัตโนมัติเมื่อเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> จาก Internet Explorer
หมายเหตุ: หากไม่ได้มีการติดตั้ง Add-in การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าสำหรับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล</translation>
<translation id="7507553960917214561">ปิดใช้การปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7508067364927180229">การตั้งค่านี้ทำให้มีตัวเลือกด้านความพร้อมใช้งานของเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> หลายตัวเลือก
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_AVAILABILITY_USER_CHOICE_VALUE" /> ผู้ใช้จะเปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> และกำหนดให้เป็นเบราว์เซอร์หลักได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_AVAILABILITY_LACROS_DISALLOWED_VALUE" /> ผู้ใช้จะใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_AVAILABILITY_SIDE_BY_SIDE_VALUE" /> จะมีการเปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> แต่ไม่ให้เป็นเบราว์เซอร์หลัก
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_AVAILABILITY_LACROS_PRIMARY_VALUE" /> จะมีการเปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> และให้เป็นเบราว์เซอร์หลัก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ค่าเริ่มต้นจะเป็น <ph name="LACROS_AVAILABILITY_LACROS_DISALLOWED_VALUE" /> สำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและ <ph name="LACROS_AVAILABILITY_USER_CHOICE_VALUE" /> สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ
ในอนาคตคุณจะกำหนดให้ <ph name="LACROS_NAME" /> เป็นเพียงเบราว์เซอร์เดียวที่มีให้ใช้ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ด้วยค่า <ph name="LACROS_AVAILABILITY_LACROS_ONLY_VALUE" /></translation>
<translation id="751071954873065775">เลือก DLC (เนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้) ที่ต้องดาวน์โหลดล่วงหน้า</translation>
<translation id="7512065400265675158">กำหนดเวลาลดส่วนหัวของคำขอ HTTP <ph name="USER_AGENT_HEADER_NAME" /> แล้ว นโยบายนี้สามารถเปิดใช้ฟีเจอร์การลดส่วนหัวสำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด หรือปิดไม่ให้เปิดใช้ฟีเจอร์นี้ผ่านช่วงทดลองใช้จากต้นทางหรือช่วงทดลองใช้งานภาคสนาม เพื่อให้เอื้อต่อการทดสอบและความเข้ากันได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ <ph name="USER_AGENT_REDUCTION_FEATURE_NAME" /> และไทม์ไลน์ได้ที่นี่ https://blog.chromium.org/2021/09/user-agent-reduction-origin-trial-and-dates.html
</translation>
<translation id="7512514325152952954">การอัปเดตเพย์โหลดอัตโนมัติใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถดาวน์โหลดผ่าน HTTP แทน HTTPS ได้ ซึ่งจะทำให้การแคชการดาวน์โหลดของ HTTP เป็นแบบโปร่งใส
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> พยายามดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติผ่าน HTTP หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งเลย จะมีการใช้ HTTPS สำหรับการดาวน์โหลดการอัปเดตเพย์โหลดอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7515953732107149296">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M53 หลังจากที่นำ RC4 ออกจาก "<ph name="PRODUCT_NAME" />"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการเปิดใช้ชุดการเข้ารหัส RC4 ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น "จริง" เพื่อรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวและควรจะต้องมีการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ใหม่</translation>
<translation id="751615601677744094">ปิดใช้: ลักษณะการทำงานปกติสำหรับ Mutation Event ซึ่งหมายความว่าจะไม่เริ่มการทำงานของเหตุการณ์เหล่านี้หลังจากวันที่นําออก</translation>
<translation id="7519218194072744342">URL ของเครื่องจัดการโปรโตคอล</translation>
<translation id="7519251620064708155">อนุญาตให้สร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7521864460386999758">ป้องกันไม่ให้มีการแทรกโค้ดของบุคคลที่สามใน Chrome</translation>
<translation id="7524983116584990314">ล้างการป้อนข้อความอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7529144158022474049">ปัจจัยการกระจายการอัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7529332889403151669">ระบุว่าจะให้แสดงการแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอหรือไม่เมื่ออุปกรณ์ออกจากโหมดสลีปหรือหน้าจอตอนกลางคืน
เมื่อไม่ได้ตั้งนโยบายหรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนเพื่อช่วยเตือนให้ผู้ใช้ออกจากโหมดเต็มหน้าจอก่อนป้อนรหัสผ่าน เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่แสดงการแจ้งเตือน</translation>
<translation id="7531630046107845550">อนุญาตการเชื่อมต่อไคลเอ็นต์ขาออกของ SSH ในแอประบบเทอร์มินัล</translation>
<translation id="7533385610709354870">นอกจากจะตั้งค่า <ph name="ENABLE_MEDIA_ROUTER_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="MEDIA_ROUTER_CAST_ALLOW_ALL_IPS_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" จะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์ในทุกที่อยู่ IP ไม่ใช่แค่ที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์เฉพาะในที่อยู่ RFC1918/RFC4193 เท่านั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายจะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์เฉพาะในที่อยู่ RFC1918/RFC4193 เท่านั้น เว้นเสียแต่ว่ามีการเปิดใช้ฟีเจอร์ CastAllowAllIPs</translation>
<translation id="7534199150025803530">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันการใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ คุณต้องยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation>
<translation id="7538583957913002726">นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งควบคุมให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานชื่อรุ่น สถาปัตยกรรม และความเร็วนาฬิกาสูงสุดของ CPU (รวมถึงการใช้งานและอุณหภูมิของ CPU สำหรับรุ่น M96 ขึ้นไป)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูล CPU
ข้อยกเว้น: การรายงานการใช้งานและอุณหภูมิของ CPU จะควบคุมโดย <ph name="REPORT_DEVICE_HARDWARE_STATUS" /> สำหรับรุ่น M95 ลงมา</translation>
<translation id="7540622499178214923">อนุญาตตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation>
<translation id="7540826630642174841">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบไม่สนใจนโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ (ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเหล่านี้) ระหว่างระยะเวลาที่ระบุ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้นโยบายด้านอุปกรณ์อีกครั้งเมื่อระยะเวลาของนโยบายเริ่มต้นหรือสิ้นสุดลง ระบบจะแจ้งเตือนและบังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลานี้และการตั้งค่าของนโยบายด้านอุปกรณ์ (ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่ไม่อนุญาต)</translation>
<translation id="7540945123920084379">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ปลดล็อกหน้าจอล็อกได้
หากต้องการอนุญาต
* โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] (รวมถึงโหมดที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วย)
* สำหรับการปลดล็อกด้วย PIN เท่านั้น ให้ใช้ ["PIN"]
* สำหรับ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"]
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย</translation>
<translation id="754176366378585605">ควบคุมการใช้ File Handling API</translation>
<translation id="754421082295668587">ข้อมูลเมตาของโปรแกรมติดตั้ง</translation>
<translation id="7544392541165889987">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีระหว่าง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> กับเครื่องพิมพ์แบบเดิมที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง ผู้ใช้เปิดพร็อกซี Cloud Print ได้ด้วยการตรวจสอบสิทธิ์กับบัญชี Google ของตน
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะเปิดพร็อกซีไม่ได้ และคอมพิวเตอร์จะแชร์เครื่องพิมพ์ของตนกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ไม่ได้</translation>
<translation id="7546699946724795644">อนุญาตให้ Chrome บล็อกการเรียกออกไปยังโปรโตคอลนอก iframe ที่ทำแซนด์บ็อกซ์</translation>
<translation id="7547549430720182663">รวม</translation>
<translation id="7554382342294940216">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ข้ามพร็อกซีของการตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลได้ หน้าเว็บการตรวจสอบสิทธิ์เหล่านี้ (ซึ่งเริ่มตั้งแต่หน้าการลงชื่อเข้าใช้แคพทีฟพอร์ทัลไปจนถึงเมื่อ Chrome ตรวจพบว่าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำเร็จ) จะเปิดในหน้าต่างใหม่โดยไม่ยึดตามข้อจำกัดและการตั้งค่านโยบายทั้งหมดสำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อมีการตั้งค่าพร็อกซี (โดยนโยบาย ส่วนขยาย หรือผู้ใช้ใน chrome://settings)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้หน้าการตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลต่างๆ แสดงในแท็บใหม่ (ปกติ) ของเบราว์เซอร์โดยใช้การตั้งค่าพร็อกซีของผู้ใช้ปัจจุบัน</translation>
<translation id="756693807309043286">กำหนดค่ารายการโดเมนคุกกี้ที่เป็นข้อยกเว้นของรายการที่บล็อกไว้ซึ่งจะถูกย้ายเมื่อผู้ใช้เปลี่ยนไปมาระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่างๆ ขณะมีการเปิดใช้บริการ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์
หากมีการตั้งค่าคุกกี้หนึ่งๆ สำหรับโดเมนที่ตรงกับหนึ่งในตัวกรองที่มีให้ คุกกี้นั้นจะรวมอยู่ในการย้าย ระบบจะจับคู่โดเมนคุกกี้ตามกฎของฟิลด์ host ที่ระบุไว้ใน https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format โดยไม่สนใจฟิลด์อื่นๆ ทั้งหมด ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
การปล่อยให้นโยบายว่างไว้จะทำให้ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ <ph name="FLOATING_SSO_DOMAIN_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> หากต้องการอนุญาตให้ย้ายโดเมนได้ในจำนวนจำกัด ให้บล็อกโดเมนทั้งหมดโดยตั้งค่านโยบาย <ph name="FLOATING_SSO_DOMAIN_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="WILDCARD_VALUE" /> และกำหนดค่าข้อยกเว้นของรายการที่บล็อกไว้ที่นี่</translation>
<translation id="7567373982693549834">นโยบายนี้ควบคุมการใช้งานแอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ (แหล่งที่ไม่ใช่ Google Play Store) สำหรับผู้ใช้แต่ละราย
หากไม่ได้ตั้งค่าในนโยบายนี้ จะถือว่าตั้งค่าเป็นไม่อนุญาต
หากอุปกรณ์ของผู้ใช้มีการจัดการ ความพร้อมใช้งานของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายด้านอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้วย
หากอุปกรณ์ของผู้ใช้ไม่มีการจัดการ ความพร้อมใช้งานของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้เป็นเจ้าของอุปกรณ์หรือไม่ด้วย</translation>
<translation id="7570291542739287032">เฉพาะในระบบคลาวด์</translation>
<translation id="7571530187275708765">นโยบายนี้ควบคุมลักษณะการลงชื่อเข้าใช้ของเบราว์เซอร์ โดยให้คุณระบุว่าผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยบัญชีของตนและใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น การซิงค์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชีไม่ได้ ในกรณีนี้ฟีเจอร์ระดับเบราว์เซอร์ เช่น การซิงค์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไม่ได้และไม่พร้อมใช้งาน ใน <ph name="IOS_NAME" /> หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และมีการตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะออกจากระบบทันที ในแพลตฟอร์มอื่นๆ ผู้ใช้จะออกจากระบบเมื่อเรียกใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ครั้งถัดไป ในทุกแพลตฟอร์ม ระบบจะเก็บข้อมูลโปรไฟล์ในเครื่อง เช่น บุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน ฯลฯ ไว้ และข้อมูลเหล่านี้ยังใช้ได้อยู่ ผู้ใช้จะยังลงชื่อเข้าใช้และใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail ได้ต่อไป
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์ ในทุกแพลตฟอร์มยกเว้น <ph name="IOS_NAME" /> ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หมายถึงเบราว์เซอร์จะเก็บข้อมูลบัญชีของผู้ใช้ไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าระบบจะเปิดใช้การซิงค์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้แยกต่างหาก การเปิดใช้นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปิดการตั้งค่าที่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์ หากต้องการควบคุมความพร้อมใช้งานของฟีเจอร์การซิงค์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้ใช้นโยบาย <ph name="SYNC_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น "บังคับให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการเลือกบัญชีและบังคับให้ผู้ใช้เลือกบัญชีเพื่อลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์ ในกรณีของบัญชีที่จัดการ วิธีนี้ช่วยให้แน่ใจว่าจะมีการใช้งานและบังคับใช้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้น ค่าเริ่มต้นของ <ph name="GUEST_MODE_POLICY_NAME" /> ตั้งไว้เป็น "ปิดใช้" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่มีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7572556 ตัวเลือกนี้ใช้กับ <ph name="LINUX_OS_NAME" />, <ph name="ANDROID_NAME" /> หรือ <ph name="IOS_NAME" /> ไม่ได้ และจะเปลี่ยนกลับไปเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" หากมีการใช้ตัวเลือกนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หรือไม่ในการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> และใช้งานได้ตามความเหมาะสม</translation>
<translation id="757395965347379751">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตใบรับรองที่มีการลงชื่อของ SHA-1 ตราบใดที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและอยู่ในห่วงโซ่เดียวกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่อง
โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มการตรวจสอบใบรับรองระบบปฏิบัติการที่อนุญาตลายเซ็นของ SHA-1 หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงการจัดการใบรับรอง SHA-1 ของระบบปฏิบัติการ นโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อให้องค์กรต่างๆ มีเวลามากขึ้นในการเลิกใช้งาน SHA-1 การถอดนโยบายนี้ออกจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปฏิบัติตามกำหนดเวลาเลิกใช้งาน SHA-1 ที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะ</translation>
<translation id="7577082478271919056">อนุญาตให้เว็บแอปคีออสก์เปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์อื่นอีก</translation>
<translation id="7578142001795552218">นโยบายนี้ให้สิทธิ์ฟีเจอร์คำตอบด่วนในการเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อรับผลการแปลงหน่วย
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้การแปลงหน่วยของคำตอบด่วน
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะปิดใช้การแปลงหน่วยของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="7585312329612243723">เปิดใช้โฟลว์เอกสารรับรองของ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สำหรับรายการ URL ในเบราว์เซอร์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7587345076013230465">แสดงข้อความแจ้งให้ผู้ใช้เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์เมื่อนโยบายการเลือกอัตโนมัติตรงกับใบรับรองหลายรายการบนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="7587921466180902617">เปิดการลองใช้ Screencast สำหรับผู้ใช้ Family Link</translation>
<translation id="7595074040612182185">การตั้งค่านโยบายนี้จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่อาจมีการแสดงรูปภาพได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_IMAGES_SETTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
โปรดทราบว่าก่อนหน้านี้นโยบายนี้เปิดใช้อย่างไม่ถูกต้องใน Android แต่ Android ก็ไม่เคยรองรับฟังก์ชันนี้โดยสมบูรณ์</translation>
<translation id="759957074386651883">การตั้งค่า Safe Browsing</translation>
<translation id="7602621823177962064">ปิดใช้การรายงานข้อมูลหน่วยความจำของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7604169113182304895">แอป Android อาจเลือกใช้รายการด้วยความสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับแอปให้เลือกได้</translation>
<translation id="7608186022704392724">ฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติจะเปลี่ยนรูปแบบการป้อน PIN ใน "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />"
ฟีเจอร์นี้จะแสดง UI พิเศษให้ผู้ใช้เห็นอย่างชัดเจนว่า PIN ต้องมีกี่หลัก แทนการแสดงช่องข้อความแบบเดียวกับที่ใช้ป้อนรหัสผ่าน ดังนั้นระบบจะจัดเก็บความยาว PIN ของผู้ใช้ไว้นอกข้อมูลที่เข้ารหัสของผู้ใช้ ใช้ได้เฉพาะ PIN ที่มีความยาวระหว่าง 6 ถึง 12 หลัก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ผู้ใช้จะเห็นฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติในหน้าจอล็อกและหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่เห็นฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติในหน้าจอล็อกและหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกในการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="7612059745454194563">ไม่อนุญาตให้แสดงการโปรโมตส่วนขยายผู้ให้บริการเอกสารสิทธิ์</translation>
<translation id="7612157962821894603">การตั้งค่าสถานะที่ใช้ทั้งระบบที่จะนำไปใช้กับการเริ่มต้นใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7613115815080726221">ระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูล</translation>
<translation id="7614663184588396421">รายการสกีมของโปรโตคอลที่ถูกปิดใช้งาน</translation>
<translation id="7616631530432070402">ชุดการเข้ารหัส 3DES จะถูกเปิดใช้ใน TLS</translation>
<translation id="761788785484453836">ต้องมีการแยกเว็บไซต์สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด</translation>
<translation id="7620869951155758729">นโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าที่ใช้เพื่อสร้างและยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง
|current_config| จะใช้เพื่อสร้างรหัสการเข้าถึงทุกครั้ง และควรใช้เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| ไม่ได้เท่านั้น
|future_config| คือการกำหนดค่าหลักที่ใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึง
|old_configs| ควรใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| หรือ |current_config| ไม่ได้เท่านั้น
การใช้นโยบายนี้ตามที่คาดไว้จะค่อยๆ ช่วยหมุนเวียนการกำหนดค่ารหัสการเข้าถึง การกำหนดค่าใหม่จะเพิ่มไว้ใน |future_config| ทุกครั้ง
และในขณะเดียวกันระบบจะย้ายค่าที่มีอยู่ไปยัง |current_config| ส่วนค่าก่อนหน้าของ |current_config| จะย้ายไปยัง |old_configs| และจะถูกนำออกหลังจากสิ้นสุดรอบการหมุนเวียน
นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กไม่ได้</translation>
<translation id="7623431489198474050">ปิดใช้เอกสารรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหา</translation>
<translation id="7628747690141606652">ปิดใช้คำแปลของคำตอบด่วน</translation>
<translation id="7629840767216985001">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที เคอร์เซอร์จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_LARGE_CURSOR_ENABLED" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="7632147323011514740">ช่วงเวลาที่ขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มต้นสำหรับเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการได้</translation>
<translation id="7632724434767231364">ชื่อไลบรารี GSSAPI</translation>
<translation id="7635106595080609261">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ Chrome แสดงผลได้ และผู้ใช้จะเปิดกล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าเมื่อผู้ใช้ดำเนินการที่เรียกใช้กล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ เช่น การนำเข้าบุ๊กมาร์ก การอัปโหลดไฟล์ และการบันทึกลิงก์ จะมีข้อความปรากฏขึ้นแทน โดยถือว่าผู้ใช้ได้คลิก "ยกเลิก" ในกล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ไว้</translation>
<translation id="7638300388094655454">Google Cast</translation>
<translation id="7638764766629234761">อนุญาตให้ใช้การแจ้งเตือนของระบบ</translation>
<translation id="7643151458117317518">นโยบายสำหรับควบคุมว่าจะปิดใช้การตั้งค่าการวัดผลโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดการตั้งค่าการวัดผลโฆษณาสำหรับผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการตั้งค่าการวัดผลโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ได้
การตั้งค่านโยบายนี้กำหนดให้ต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_PROMPT_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้"</translation>
<translation id="7643883929273267746">จำกัดบัญชีที่แสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7648664871086956188">นโยบายนี้เป็นตัวเปิดปิดทั่วไปสำหรับกฎทั้งหมดที่กำหนดไว้ในนโยบาย DataLeakPreventionRulesList
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดการรายงานแบบเรียลไทม์สำหรับเหตุการณ์การป้องกันข้อมูลรั่วไหล
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งค่าจะปิดการรายงาน
กฎที่กำหนดไว้โดยมีข้อจำกัดระดับ "อนุญาต" ใน DataLeakPreventionRulesList จะไม่รายงานเหตุการณ์ในทั้ง 2 กรณี</translation>
<translation id="7648907905084499629">ใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" /> สำหรับคุกกี้ในทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="765347139142030086">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้นโยบายที่เชื่อมโยงกับบัญชี <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" /> มีผลบังคับเหนือกว่าในกรณีที่ขัดแย้งกับนโยบาย <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
เฉพาะนโยบายที่มาจากผู้ใช้ที่ปลอดภัยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับเหนือกว่าได้ ผู้ใช้ที่ปลอดภัยจะเชื่อมโยงกับองค์กรที่จัดการเบราว์เซอร์ของตนโดยใช้ <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> นโยบายระดับผู้ใช้อื่นๆ ทั้งหมดจะมีลำดับความสำคัญตามค่าเริ่มต้น
นโยบายนี้สามารถใช้ร่วมกับ <ph name="POLICY_CLOUDPOLICYOVERRIDESPLATFORMPOLICY" /> หากมีการเปิดใช้ทั้ง 2 นโยบาย นโยบายระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์ก็จะมีผลบังคับเหนือกว่านโยบายระดับแพลตฟอร์มที่ขัดแย้งกันด้วย
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" จะทำให้นโยบายระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์มีลำดับความสำคัญตามค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7657261947024629645">เพิ่มประสิทธิภาพ</translation>
<translation id="76580522298425324">อนุญาตให้จับภาพหน้าจอโดยไม่ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้า</translation>
<translation id="7666228839913571182">อนุญาตคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="7669630878711068277">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะสั่งพิมพ์จาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ การสั่งพิมพ์จะปิดทั้งในเมนู 3 จุด ส่วนขยาย และแอปพลิเคชัน JavaScript</translation>
<translation id="7671234734316758429">นโยบายนี้ให้ผู้ดูแลระบบระบุแอปที่ทำหน้าที่เป็นตัวแฮนเดิลเริ่มต้นสำหรับนามสกุลไฟล์ที่เกี่ยวข้องใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งผู้ใช้เปลี่ยนแปลงไม่ได้
สำหรับนามสกุลไฟล์ทั้งหมดที่ไม่ได้ระบุไว้ในนโยบาย ผู้ใช้จะกำหนดค่าเริ่มต้นของตนเองตามเวิร์กโฟลว์ปกติได้อย่างอิสระ
ระบุแอป Chrome ตามรหัส เช่น <ph name="DEFAULT_HANDLERS_FOR_FILE_EXTENSIONS_POLICY_CHROME_APP_EXAMPLE" />
ระบุเว็บแอปตาม URL ที่ใช้ใน <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" /> เช่น <ph name="DEFAULT_HANDLERS_FOR_FILE_EXTENSIONS_POLICY_WEB_APP_EXAMPLE" />
ระบุแอป Android ตามชื่อแพ็กเกจ เช่น <ph name="DEFAULT_HANDLERS_FOR_FILE_EXTENSIONS_POLICY_ANDROID_APP_EXAMPLE" />
ระบุ System Web Apps ตามชื่อ Snake Case เช่น <ph name="DEFAULT_HANDLERS_FOR_FILE_EXTENSIONS_POLICY_SYSTEM_WEB_APP_EXAMPLE" />
ระบุ Virtual Tasks ตามชื่อที่กำหนดซึ่งขึ้นต้นด้วย <ph name="DEFAULT_HANDLERS_FOR_FILE_EXTENSIONS_POLICY_VIRTUAL_TASK_PREFIX" /> เช่น <ph name="DEFAULT_HANDLERS_FOR_FILE_EXTENSIONS_POLICY_VIRTUAL_TASK_EXAMPLE" />
โปรดทราบว่าแอป "ต้อง" ประกาศว่าตนเองเป็นตัวแฮนเดิลไฟล์สำหรับนามสกุลไฟล์ที่ระบุในไฟล์ Manifest เพื่อให้รายการดังกล่าวในนโยบายมีผล (นโยบาย "ไม่ได้" ขยายความสามารถของแอปที่มีอยู่)
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เลือกตัวแฮนเดิลเริ่มต้นตามตรรกะภายในได้</translation>
<translation id="7673194325208122247">ระยะเวลา (มิลลิวินาที)</translation>
<translation id="7677220829878081413">
เมื่อตั้งค่าเป็น ArcSession นโยบายนี้จะบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android เริ่มต้นแล้ว
เมื่อตั้งค่าเป็น ArcSessionOrVMStart นโยบายนี้จะบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android หรือ VM เริ่มต้นแล้ว
การตั้งค่าเป็น "ทุกครั้ง" จะเป็นการบังคับให้อุปกรณ์รีบูตทุกครั้งที่ผู้ใช้ออกจากระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีผลอะไรและไม่มีการบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ เช่นเดียวกันกับการตั้งค่าเป็น "ไม่เลย"
นโยบายนี้จะมีผลต่อผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์เท่านั้น
</translation>
<translation id="7679483888150212009">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="7680437377926096177">ระงับการแสดงกล่องโต้ตอบการออกจากระบบเมื่อปิดหน้าต่างสุดท้าย</translation>
<translation id="7683777542468165012">การรีเฟรชนโยบายแบบไดนามิก</translation>
<translation id="7687943045976362719">หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะจัดการประเภทของเนื้อหาที่ระบุไว้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การแสดงผลเริ่มต้นกับทุกเว็บไซต์ (อาจมีการใช้นโยบาย <ph name="CHROME_FRAME_RENDERER_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าการแสดงผลเริ่มต้น)</translation>
<translation id="768925347918758827">สหรัฐอเมริกา</translation>
<translation id="7696412993033202071">URL สำหรับเปิดแอป Authenticator ภายนอก</translation>
<translation id="7701341006446125684">ตั้งค่าขนาดแคชของแอปและส่วนขยาย (เป็นไบต์)</translation>
<translation id="7703041979684393741">ไม่อนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ของ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="770339941914297201">ลักษณะการทำงานใหม่: แอป Chrome Kiosk จะอัปเดตโดยใช้ URL อัปเดตจากนโยบายเท่านั้น</translation>
<translation id="7703737669292992839">ป้องกันกล่องโต้ตอบการเลือกไฟล์</translation>
<translation id="7703819160640109959">กำหนดว่าจะให้โปรแกรมอ่าน PDF ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ตัวแสดงผล Skia หรือไม่
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้ โปรแกรมอ่าน PDF จะใช้ตัวแสดงผล Skia
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ โปรแกรมอ่าน PDF จะใช้ตัวแสดงผล AGG ในปัจจุบัน
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะเลือกตัวแสดงผล PDF</translation>
<translation id="7707869387893611318">เปิดใช้ฟีเจอร์เสียงการชาร์จ
ฟีเจอร์นี้จะทำหน้าที่ส่งเสียงว่ามีการชาร์จ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะส่งเสียงว่ามีการชาร์จเมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อกับที่ชาร์จ AC
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่ส่งเสียงการชาร์จ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ตอนแรกฟีเจอร์นี้จะปิดอยู่ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่มีการจัดการ แต่ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="7708934468069982537">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M58 หลังจากที่นำ DHE ออกจาก "<ph name="PRODUCT_NAME" />"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการเปิดใช้ชุดการเข้ารหัส DHE ใน TLS หรืออาจตั้งค่าเป็น "จริง" เพื่อเปิดใช้ชุดการเข้ารหัส DHE และรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวและควรจะต้องมีการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ใหม่
ขอแนะนำให้ย้ายข้อมูลเซิร์ฟเวอร์ไปใช้ชุดการเข้ารหัส ECDHE หากไม่มีชุดการเข้ารหัสดังกล่าว ให้ตรวจดูว่าได้เปิดใช้ชุดการเข้ารหัสที่ใช้การแลกเปลี่ยนคีย์ RSA ไว้</translation>
<translation id="7709470712369261710">ไม่ใช้บริการของ Google เพื่อให้คำอธิบายรูปภาพอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7712109699186360774">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการเข้าถึงกล้องและ/หรือไมโครโฟน</translation>
<translation id="7712245244073542805">การพิมพ์ของแพลตฟอร์มจากกระบวนการของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7713608076604149344">ข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7713845740295404764">รายงานเหตุการณ์การเข้าสู่ระบบ/ออกจากระบบ</translation>
<translation id="7715711044277116530">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอ</translation>
<translation id="7716020145539921591">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ได้ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="7716587310609820801">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงการแจ้งเตือนไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_NOTIFICATIONS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="7717938661004793600">กำหนดค่าฟีเจอร์การเข้าถึงของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7718127720248642697">นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" โดยค่าเริ่มต้น ซึ่งควบคุมให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์และตัวระบุของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติพื้นที่เก็บข้อมูล
ข้อยกเว้น: ขนาดและพื้นที่ว่างในดิสก์จะควบคุมโดย <ph name="REPORT_DEVICE_HARDWARE_STATUS" /> สำหรับรุ่น M95 ลงมา</translation>
<translation id="7719175048012980445">การตั้งค่านโยบายนี้จะเปลี่ยนไดเรกทอรีเริ่มต้นที่ Chrome จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนไดเรกทอรีได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า Chrome จะใช้ไดเรกทอรีเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนั้นๆ
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่านโยบาย <ph name="DOWNLOAD_DIRECTORY_POLICY_NAME" />
หมายเหตุ: ดูรายการตัวแปรที่คุณใช้ได้ (https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables)</translation>
<translation id="7719808201797990069">การยกเว้นรูปแบบ URL สำหรับการละทิ้งแท็บ</translation>
<translation id="7721944091689270995">User ID <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="7728486978686128364">ไม่ต้องใช้เมธอดคำขอตัวพิมพ์ใหญ่ ยกเว้น DELETE/GET/HEAD/OPTIONS/POST/PUT</translation>
<translation id="7731026922044991970">เปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมสำหรับคุกกี้ในทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="7732907212083471072">นโยบายที่นำออก</translation>
<translation id="7734212505800048991">
การเรียกใช้ getDisplayMedia ที่มาจากบริบทที่ไม่อยู่ในรายการที่อนุญาตถูกปฏิเสธ</translation>
<translation id="7734846328530412287">จัดการความพร้อมใช้งานของ API แบบเต็มหน้าจอของวิดีโอที่มีคำต่อท้ายที่เลิกใช้งานแล้ว</translation>
<translation id="7736218466096907954">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะแสดง UI ลูกโป่งแบบใหม่สำหรับการดาวน์โหลดใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะยังแสดง UI แถบดาวน์โหลดแบบเก่าต่อไป
นโยบายนี้มีไว้เพื่อใช้ชั่วคราวและจะนำออกหลังจากมีการเปิดตัว UI ลูกโป่งการดาวน์โหลดแบบใหม่อย่างเต็มรูปแบบ</translation>
<translation id="7736521021425189418">เทอร์มินัล (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 117)</translation>
<translation id="77379430721695807">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุรายการ URL ที่จะมีการจับคู่รูปแบบกับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากรูปแบบตรงกัน ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่แสดงข้อความแจ้ง
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="7740644123648617252">เปิดใช้การนำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="7744253761377202223">เปอร์เซ็นต์ความสว่างของหน้าจอขณะที่เครื่องทำงานโดยเสียบปลั๊ก</translation>
<translation id="7747447585227954402">อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7749024457938190837">ส่วนขยายที่ได้รับอนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันเมื่อส่งงานพิมพ์ผ่าน chrome.printing API</translation>
<translation id="7749402620209366169">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลแทนการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้
หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้จะต้องระบุรหัสแบบสองปัจจัยที่ถูกต้องเมื่อเข้าถึงโฮสต์
หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่สามารถใช้สองปัจจัยดังกล่าวได้และจะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งเป็นการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้แทน</translation>
<translation id="7749402921503577264">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงขึ้นเมื่อผู้ใช้ไปที่เว็บไซต์ที่มีข้อผิดพลาด SSL
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนใดๆ ไม่ได้</translation>
<translation id="7750991880413385988">เปิดหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="7753678409577376761">เปิดจุดเข้าใช้งานแถบเครื่องมือสำหรับฟีเจอร์ทดลองของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7754704193130578113">สอบถามที่เก็บไฟล์ก่อนดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7754893969683595513">การตั้งค่านโยบายจะมีระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลนโยบายผู้ใช้จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,800,000 (30 นาที) ถึง 86,400,000 (1 วัน) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 3 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การแจ้งเตือนเรื่องนโยบายจะบังคับรีเฟรชเมื่อนโยบายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรีเฟรชบ่อยๆ ดังนั้น หากแพลตฟอร์มรองรับการแจ้งเตือนเหล่านี้ การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะอยู่ที่ 24 ชั่วโมง (โดยไม่สนใจค่าเริ่มต้นและค่าของนโยบายนี้)</translation>
<translation id="775822241671489040">ควบคุมการตั้งค่า "ใช้ Launcher/แป้นค้นหาเพื่อเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชัน"</translation>
<translation id="7758378441185523981">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับโปรไฟล์ประเภทต่างๆ</translation>
<translation id="776110834126722255">เลิกใช้งาน</translation>
<translation id="7763614521440615342">แสดงคำแนะนำเนื้อหาบนหน้า "แท็บใหม่"</translation>
<translation id="7763650553214838209">ปิดการตั้งค่าแป้นพิมพ์ลัดสำหรับการดำเนินการ "แทรก"</translation>
<translation id="776465643636059256">ปิดใช้ชุดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="7765879851993224640">อนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock</translation>
<translation id="7767066506143083523">การตั้งค่านโยบายจะช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งใช้การจับภาพแท็บได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบไม่พิจารณาเว็บไซต์เพื่อทำการลบล้างที่การจับภาพระดับนี้
โปรดทราบว่าจะยังมีการจับภาพแอป Chrome ในโหมดหน้าต่างได้อยู่
ระบบจะไม่พิจารณานโยบายนี้หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบ URL ในนโยบาย <ph name="SAME_ORIGIN_TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />
หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบ URL ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่พิจารณานโยบาย <ph name="WINDOW_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />, <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_POLICY_NAME" />
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ระบบจึงไม่สนใจเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL</translation>
<translation id="77675082813227181">หน้าทดสอบนโยบายถูกบล็อก</translation>
<translation id="7769289607378631288">เปิดใช้: เปิดใช้ Mutation Event อีกครั้งชั่วคราว</translation>
<translation id="7771298620150437359">กำหนดค่าเนื้อหาและลำดับภาษาที่ต้องการ</translation>
<translation id="7773790010815041731">แอป Chrome เลิกใช้งานแล้วใน <ph name="MS_WIN_NAME" />, <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" />
หากเปิดใช้นโยบายนี้ "<ph name="PRODUCT_NAME" />" จะอนุญาตให้แอป Chrome ทำงานในแพลตฟอร์มดังกล่าวต่อไปจนกระทั่งถึงวันที่เรายกเลิกการสนับสนุนแอป Chrome ในทุกแพลตฟอร์มเดือนมิถุนายน 2022
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบอาจไม่อนุญาตให้แอป Chrome ทำงาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานะของการเริ่มเลิกใช้งาน
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด แอป Chrome ที่นโยบายบังคับติดตั้งจะยังได้รับอนุญาตต่อไป</translation>
<translation id="7774768074957326919">ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ</translation>
<translation id="7775077662962729812">การเลือกวอลเปเปอร์จาก Google Photos</translation>
<translation id="7776848995687565978">กำหนดค่ารายการต้นทางที่ยืดอายุการใช้งานในเบื้องหลังให้กับส่วนขยายที่เชื่อมต่อ</translation>
<translation id="777734450201217641">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะเปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7777535871204167559">ทำให้อุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกเป็นแบบอ่านอย่างเดียว</translation>
<translation id="7781452670568828399">เปลี่ยนการกำหนดค่าที่แนะนำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7784062550705119230">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="7785199109546027763">นโยบายสำหรับควบคุมว่าควรเปิดใช้ฟีเจอร์การปกป้อง IP ของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ไหม
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การปกป้อง IP และผู้ใช้จะเปิดฟีเจอร์ดังกล่าวผ่านการตั้งค่า UI ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์การปกป้อง IP และผู้ใช้จะปิดฟีเจอร์ดังกล่าวผ่านการตั้งค่า UI ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดฟีเจอร์การปกป้อง IP ในอุปกรณ์ได้ผ่านการตั้งค่า UI
หมายเหตุ: ลักษณะการทำงานของฟีเจอร์การปกป้อง IP สำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรอาจแตกต่างกันไปเมื่อเวลาผ่านไป หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายและเปิดฟีเจอร์ดังกล่าวผ่านการตั้งค่า UI</translation>
<translation id="7788511847830146438">ต่อโปรไฟล์</translation>
<translation id="7790221177424764797">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะโหลดกฎจากนโยบาย SiteList ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอ่าน <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เพื่อรับ URL ของรายการเว็บไซต์ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="BROWSER_SWITCHER_URL_LIST_POLICY_NAME" />
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="7791215522423893512">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ถ่ายภาพหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอ</translation>
<translation id="7792796937016596423">ผู้ใช้จะทำการบันทึกแพ็กเก็ตเครือข่ายไม่ได้</translation>
<translation id="7798441698807517880">นโยบายนี้ถูกนำออกตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 89 เนื่องจากเลิกใช้งาน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> แล้ว
การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะแสดงเนื้อหา <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ทั้งหมดซึ่งฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่อนุญาต <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> รวมถึงเนื้อหาจากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าอาจบล็อกเนื้อหา <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> จากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก
หมายเหตุ: หากต้องการควบคุมเว็บไซต์ที่แสดง <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้ โปรดดูนโยบาย <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" />, <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PLUGINS_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="7804859754080118507">รายงานเหตุการณ์การเชื่อมต่อเครือข่ายและความแรงของสัญญาณในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานเหตุการณ์ในเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="780629758750905699">อนุญาตให้มีการเพิ่มบัญชี Family Link ลงในอุปกรณ์</translation>
<translation id="7807139251387225825">รายการของประเภทที่จะไม่รวมในการซิงค์ข้อมูล</translation>
<translation id="781268256210530471">การตั้งค่าปลั๊กอิน</translation>
<translation id="7816326058023670173">ข้อมูลลับที่แชร์ระหว่างอุปกรณ์ของบุตรหลานและผู้ปกครอง</translation>
<translation id="7818131573217430250">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7821864705813933283">อนุญาตให้รายการในเมนูการค้นหาภูมิภาคของ <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> แสดงในเมนูตามบริบท (หากรองรับ)</translation>
<translation id="7823902813460802031">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหยุดไม่ให้อุปกรณ์เข้าสู่โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้เสมอ</translation>
<translation id="7824000841504721945">ปิดใช้นโยบายที่มาจากกลุ่มขนาดเล็ก</translation>
<translation id="7824833865123899471">เปิดใช้ผู้ให้บริการการทำงานอัตโนมัติของ UI</translation>
<translation id="782661371433719637">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีผ่าน File System API</translation>
<translation id="7827127381981620448">แอปแพลตฟอร์ม</translation>
<translation id="7829436838673974723">อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคําขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ</translation>
<translation id="782978857350824974">อนุญาตคำขอการตรวจสอบสิทธิ์ผ่านเว็บในเว็บไซต์ที่มีใบรับรอง TLS ไม่ถูกต้อง</translation>
<translation id="7830775338190021763">เปิดใช้ความสามารถในการโอนไฟล์ในเซสชันการสนับสนุนจากระยะไกลขององค์กร</translation>
<translation id="7832225468415136704">ป้องกันไม่ให้ฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome สแกนระบบเป็นระยะและปิดใช้การสแกนด้วยตนเอง</translation>
<translation id="7833148823006528332">ตัวระบุแอป Android เช่น "com.google.android.gm" สำหรับ Gmail</translation>
<translation id="7835218570504220753">ปิดใช้การคลิกอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7839124608155212387">อัตราที่เก็บรวบรวมการวัดและส่งข้อมูลทางไกลจากการใช้งานแอปในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้สำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 5 นาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้อัตราเริ่มต้น 15 นาที</translation>
<translation id="7839180815400079700">หากเปิดใช้ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะเป็นการกำหนดค่าวันที่มีการใช้ไฟจากแบตเตอรี่
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การใช้ไฟจากแบตเตอรี่ปิดอยู่เสมอ
ค่าที่ใช้ได้สำหรับช่อง <ph name="MINUTE_FIELD_NAME" /> ใน <ph name="START_TIME_FIELD_NAME" />, <ph name="END_TIME_FIELD_NAME" /> และ <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> ได้แก่ 0, 15, 30, 45</translation>
<translation id="7840258755683573560">เปิดใช้การคลิกอัตโนมัติ</translation>
<translation id="784165160128690202">การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดการขยายหน้าจอในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแว่นขยายหน้าจอได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที แว่นขยายหน้าจอจะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แว่นขยายหน้าจอจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ทั้งนี้ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
ค่าที่ใช้ได้ ได้แก่ • 0 = ปิด • 1 = เปิด • 2 = เปิดแว่นขยายหน้าจอบางส่วน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SCREEN_MAGNIFIER_TYPE_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากมีการระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="7841880500990419427">TLS เวอร์ชันต่ำสุดที่ใช้สำรอง</translation>
<translation id="7841883965249733328">ปิดใช้การอัปเกรดเนื้อหาผสมอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7845130996290850593">เปิดใช้ Kerberos</translation>
<translation id="7846952520291088817">URL ที่ IP ของเครื่องแสดงใน ICE Candidate ผ่าน WebRTC</translation>
<translation id="7848641140449742406">การตั้งค่าระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="7850846808758624237">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าหน้าแรกเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายหน้าแรกไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="7851455107499999468">นโยบายนี้ควบคุมป้ายกำกับซึ่งใช้เพื่อระบุโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้ ป้ายกำกับนี้จะแสดงอยู่ในตำแหน่งต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ระบุโปรไฟล์ได้ เช่น ข้างไอคอนโปรไฟล์ในแถบเครื่องมือ
นอกจากนี้จะใช้เป็นชื่อเริ่มต้นของโปรไฟล์ที่สร้างขึ้นใหม่ซึ่งผู้ใช้แก้ไขได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ป้ายกำกับเริ่มต้น "งาน" หรือ "โรงเรียน"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ติดป้ายกำกับโปรไฟล์เป็นงาน (0)" ระบบจะใช้ป้ายกำกับ "งาน"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ติดป้ายกำกับโปรไฟล์เป็นโรงเรียน (1)" ระบบจะใช้ป้ายกำกับ "โรงเรียน"
นโยบายนี้จะลบล้างโดยนโยบาย <ph name="CUSTOM_PROFILE_LABEL_POLICY_NAME" /> หากได้ตั้งค่าไว้</translation>
<translation id="7852952453329293282">Direct Sockets API ช่วยให้สื่อสารกับเอนด์พอยต์ที่กำหนดเองได้โดยใช้ TCP และ UDP
โปรดดูรายละเอียดที่ https://github.com/WICG/direct-sockets
การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะอนุญาตให้ต้นทางที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ใช้ Direct Sockets
ซึ่งรวมถึงแอป Chrome, Isolated Web App และเว็บคีออสก์ API จะใช้ไม่ได้ในเว็บแบบเปิด
การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะบล็อกต้นทางไม่ให้ใช้ Direct Sockets
การไม่ตั้งค่าจะอนุญาต Direct Sockets</translation>
<translation id="7853140303943875314">เปิดใช้การช่วยเหลือสำหรับการเข้าสู่ระบบโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7854187834842629068">ปิดใช้การพิมพ์ตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7858352166858826505">การตั้งค่าโมเดลพื้นฐานเฉพาะพื้นที่ของ GenAI</translation>
<translation id="7863947545897944083">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้โหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="7864539943188674973">ปิดใช้งานบลูทูธ</translation>
<translation id="7869986671709030417">กำหนดค่าเริ่มต้นของโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง</translation>
<translation id="7872692545596413465">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" และการป้อนพอร์ตที่ไม่ใช่มาตรฐาน (กล่าวคือ พอร์ตอื่นใดที่ไม่ใช่ 80 หรือ 443) จะรวมพอร์ตนั้นใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นมา
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะไม่มีการรวมพอร์ตใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นมา</translation>
<translation id="7877924399554599110">เปิดใช้การรวมนโยบายในระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์เข้ากับนโยบายระดับแมชชีน</translation>
<translation id="7881421274383404138">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้</translation>
<translation id="7882585827992171421">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนด ID ของส่วนขยายที่จะใช้เป็นโปรแกรมรักษาหน้าจอบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ส่วนขยายนี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของ AppPack ซึ่งได้รับการกำหนดค่าสำหรับโดเมนนี้ผ่านทางนโยบาย DeviceAppPack</translation>
<translation id="7882890448959833986">ระงับคำเตือนระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุน</translation>
<translation id="788480874436328004">ปิดใช้การบันทึกรหัสผ่านด้วยเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="7891884447851425349">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ระหว่างการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งข้อความค้นหาของผู้ใช้จะมาแทนที่ในการค้นหา
คุณระบุ URL การค้นหาของ Google เป็น <ph name="GOOGLE_SEARCH_URL" /> ได้</translation>
<translation id="7894185046683379696">การตั้งค่านโยบายจะระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใน <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" />
เมื่อตั้งค่าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เวลาเริ่มต้น
คำแนะนำ: ล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวด้วยการเปิดการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้<ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหว ใช้นโยบายนี้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการระงับการใช้งานเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวเท่านั้น</translation>
<translation id="7895553628261067384">การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7898807590879163195">ปิดใช้ฮาร์ตบีตของกิจกรรมในอุปกรณ์</translation>
<translation id="789975630884141379">เปิดใช้เนื้อหาที่แนะนำ</translation>
<translation id="7899952578398457262">ขอความยินยอมจากผู้ใช้ที่มีการจัดการเพื่อแชร์สัญญาณของอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการเพื่อรับสิทธิ์เข้าถึง</translation>
<translation id="7900469325540540107">เก็บข้อมูลการท่องเว็บไว้เมื่อสร้างโปรไฟล์องค์กรโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7902040092815978832">แสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขสำหรับรหัสผ่าน</translation>
<translation id="7904434413881624417">รายการรูปแบบ URL คำขอที่เริ่มต้นมาจากเว็บไซต์ที่แสดงโดยต้นทางที่ตรงกันจะไม่ต้องมีการตรวจสอบ<ph name="PRIVATE_NETWORK_ACCESS" />
หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายนี้จะทำงานเหมือนตั้งค่าไว้เป็นรายการที่ว่างเปล่า
สำหรับต้นทางที่ไม่รวมอยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ที่นี่ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางจากนโยบาย <ph name="INSECURE_PRIVATE_NETWORK_REQUESTS_ALLOWED_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="7904584382309857420">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M121 นโยบายดังกล่าวมีไว้เพื่อเปิดใช้และปิดใช้เอกสารรับรองระยะไกลสำหรับอุปกรณ์ แต่ระบบจะเปิดใช้เอกสารนี้โดยค่าเริ่มต้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ใช้การรับรองระยะไกลกับอุปกรณ์ได้ ระบบจะสร้างการรับรองแล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการสร้างการรับรองและเรียกใช้ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> ไม่สำเร็จ</translation>
<translation id="7906983682927840536">ดึงข้อมูลระยะเวลา Keepalive เมื่อปิดเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7908384265697653397">เวลาเป็นวันก่อนที่ผู้ใช้จะออกจากระบบหากเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> น้อยกว่า <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> ตามที่ระบุไว้</translation>
<translation id="7911685775490889216">กำหนดค่าช่วงเวลาเป็นวินาทีเพื่อแสดงรูปภาพเมื่อโปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอล็อกมีรูปภาพหลายรูปที่จะแสดง
ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1-9,999 วินาที การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 60 วินาที
นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="7912255076272890813">กำหนดค่าประเภทแอปพลิเคชัน/ส่วนขยายที่อนุญาต</translation>
<translation id="791267408364877739">แสดงคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย</translation>
<translation id="7919665519909231619">อนุญาตให้เปิดใช้ฟีเจอร์รายการช็อปปิ้ง</translation>
<translation id="7922358664346625612">เปิดแท็บสุดท้ายไว้ใน Chrome</translation>
<translation id="7923734850959347297">การตั้งค่าโปรแกรมรักษาหน้าจอ</translation>
<translation id="7924321157669251966">เปอร์เซ็นต์ความสว่างของหน้าจอขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="7925224837072026018">การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรแก่ส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android คีย์มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรเฉพาะในกรณีที่สร้างขึ้นโดยใช้ chrome.enterprise.platformKeys API ในบัญชีที่มีการจัดการ ผู้ใช้จะให้สิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรแก่ส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android หรือถอนสิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรจากส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android ไม่ได้
โดยค่าเริ่มต้น ส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android จะใช้คีย์ที่กำหนดไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรไม่ได้ ซึ่งเทียบเท่ากับการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น "เท็จ" สำหรับส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android นั้น ส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android จะใช้คีย์ของแพลตฟอร์มที่มีการทำเครื่องหมายไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรเพื่อลงนามข้อมูลที่กำหนดเองได้เฉพาะในกรณีที่มีการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น "จริง" สำหรับส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android ดังกล่าว ควรมอบสิทธิ์นี้ต่อเมื่อมั่นใจว่าส่วนขยายหรือแอปพลิเคชัน Android มีการป้องกันการเข้าถึงคีย์จากผู้โจมตีเท่านั้น</translation>
<translation id="7930383470029339167">ThrottleDisplayNoneAndVisibilityHiddenCrossOriginIframes เป็นฟีเจอร์ของ Chrome ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้ iframe แบบข้ามต้นทางในกระบวนการเดียวกันและข้ามกระบวนการมีลักษณะการแสดงผลที่สอดคล้องกัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการควบคุมในกระบวนการเดียวกันและข้ามกระบวนการได้ที่ https://chromestatus.com/feature/5175574929080320
นโยบายระดับองค์กรนี้มีไว้เพื่อให้ผู้ดูแลระบบควบคุมว่าจะให้ผู้ใช้เปิดการควบคุมเพิ่มเติมได้หรือไม่ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้สามารถเปิดใช้การควบคุม เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกใช้การควบคุมได้ หรืออาจมีการเปิดใช้การควบคุมผ่าน Chrome เวอร์ชันต่างๆ</translation>
<translation id="793188693675675950">ปิดใช้การนำเข้าหน้าแรกเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="7932017046032784156">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแสดงไอคอน "แคสต์" ในแถบเครื่องมือหรือในเมนูรายการเพิ่มเติม และผู้ใช้จะนำออกไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ปักหมุดหรือนำไอคอนออกได้ผ่านทางเมนูตามบริบทของไอคอนนั้นๆ
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="ENABLE_MEDIA_ROUTER_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" ค่าของนโยบายนี้ก็จะไม่มีผล และไอคอนแถบเครื่องมือจะไม่แสดงขึ้นมา</translation>
<translation id="7933141401888114454">เปิดใช้งานการสร้างผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแล</translation>
<translation id="793473937901685727">ตั้งค่าความพร้อมใช้งานของใบรับรองสำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="7936302526928951356">สตริง User-Agent จะไม่หยุดเวอร์ชันหลัก</translation>
<translation id="7937766917976512374">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับวิดีโอ</translation>
<translation id="7941528208359969119">อนุญาตให้ดำเนินการตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" /> ออนไลน์</translation>
<translation id="7941975817681987555">อย่าคาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ</translation>
<translation id="7945445169067895719">เปิดใช้การล็อกเมื่ออุปกรณ์มีการระงับการใช้งานหรือพับจอ</translation>
<translation id="7946350455013548764">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ HID ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการเข้าถึงอุปกรณ์ HID
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
นโยบายนี้จะถูกลบล้างสำหรับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่เจาะจงได้โดยใช้นโยบาย <ph name="WEB_HID_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="7951605113561734721">ระบุใบรับรองไคลเอ็นต์ระดับอุปกรณ์ที่ต้องลงทะเบียนโดยใช้โปรโตคอลการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="7952007677054834789">กำหนดค่าหน้าที่จะโหลดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน หน้าแรกเริ่มต้นและหน้าแท็บใหม่เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงหน้าเหล่านี้
การตั้งค่าหน้าแรกของผู้ใช้จะถูกล็อกโดยสมบูรณ์ หากคุณเลือกหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ หรือตั้งค่าให้เป็น URL และระบุ URL ของหน้าแรก หากคุณไม่ได้ระบุ URL ของหน้าแรก ผู้ใช้จะยังตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ได้โดยระบุ "chrome://newtab"
ระบบจะไม่สนใจนโยบาย "URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน" เว้นแต่ว่าคุณจะเลือก "เปิดรายการ URL" ใน "การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน"</translation>
<translation id="7952958573604504839">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วใน M48 เพื่อใช้นโยบาย <ph name="NETWORK_PREDICTION_OPTIONS_POLICY_NAME" /> และได้นำออกใน M54
เปิดใช้การคาดคะเนเครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
การตั้งค่านี้ไม่เพียงควบคุมการโหลด DNS ล่วงหน้า แต่ยังควบคุมการเชื่อมต่อ TCP และ SSL ล่วงหน้า รวมถึงการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้าด้วย ชื่อนโยบายอ้างถึงการโหลด DNS ล่วงหน้าเพื่อจุดประสงค์ด้านประวัติ
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตั้งค่านี้แต่ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="7956210013490975468">กำหนดค่าบริการพร็อกซีของระบบสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7958537754689366707">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 12 ชั่วโมง</translation>
<translation id="7959035883875301444">ควบคุมการใช้ JIT ใน JavaScript</translation>
<translation id="7961779417826583251">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการผู้ออกใบรับรองเดิม</translation>
<translation id="7962093600142350905">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงเครื่องพิมพ์ Privet ที่พร้อมใช้งานต่อผู้ใช้หรือไม่ในกล่องโต้ตอบการแสดงตัวอย่างการพิมพ์
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะแสดงเครื่องพิมพ์ Privet ที่พร้อมใช้งาน
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้เครื่องพิมพ์ Privet ไม่ปรากฏในตัวอย่างก่อนพิมพ์ เนื่องจากเป็นวิธีการพิมพ์ที่เลิกใช้งานแล้ว</translation>
<translation id="7970660709107174905">การตั้งค่าการแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="7972223739742725350">อย่าเปิดใช้ Save and Share API สำหรับการควบคุม <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="7972642710812569707">บังคับให้เปิดใช้ WebSQL ในบริบทของบุคคลที่สามอีกครั้ง</translation>
<translation id="7973609468423251675">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="7974114691960514888">นโยบายนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป เปิดใช้งานการใช้ STUN และเซิร์ฟเวอร์ถ่ายทอดเมื่อเชื่อมต่อกับไคลเอ็นต์ระยะไกล หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน เครื่องนี้จะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องโฮสต์ระยะไกลแม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานและการเชื่อมต่อ UDP ขาออกถูกกรองโดยไฟร์วอลล์ เครื่องนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องโฮสต์ภายในเครือข่ายท้องถิ่นเท่านั้น</translation>
<translation id="7976103461034266553">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" JavaScript setTimeout() ที่มีระยะหมดเวลาเป็น 0 มิลลิวินาทีจะไม่ถูกปรับเป็น 1 มิลลิวินาที
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" JavaScript setTimeout() ที่มีระยะหมดเวลาเป็น 0 มิลลิวินาทีจะถูกปรับเป็น 1 มิลลิวินาที
เมื่อไม่มีการตั้งค่าสำหรับนโยบายนี้ ให้ใช้พฤติกรรมเริ่มต้นของเบราว์เซอร์สำหรับการปรับฟังก์ชัน setTimeout()
ฟีเจอร์นี้เป็นไปตามมาตรฐานของเว็บ แต่อาจทำให้ลำดับงานของบางหน้าเว็บเปลี่ยนไปได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ได้คาดไว้ในเว็บไซต์ที่อาศัยการเรียงลำดับงานในบางรูปแบบ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลต่อเว็บไซต์ที่มี setTimeout() จำนวนมากที่มีการใช้ระยะหมดเวลาที่ 0 มิลลิวินาทีด้วย เช่น ทำให้โหลดของ CPU มากขึ้น
สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ Chrome จะทยอยทำการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยในเวอร์ชันเสถียร
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วใน Chrome 110
</translation>
<translation id="7976157349247117979">ชื่อของปลายทาง <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="797820628785995988">หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะยกเว้นประเภทข้อมูลที่ระบุไว้ทั้งหมดจากการซิงค์ข้อมูลทั้งสำหรับ<ph name="CHROME_SYNC_NAME" /> และการซิงค์ข้อมูลโปรไฟล์แบบโรมมิ่ง วิธีนี้อาจช่วยลดขนาดของโปรไฟล์แบบโรมมิ่งหรือจำกัดประเภทข้อมูลที่อัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์<ph name="CHROME_SYNC_NAME" />
ประเภทข้อมูลปัจจุบันของนโยบายนี้ ได้แก่ "apps", "autofill", "bookmarks", "extensions", "preferences", "passwords", "payments", "readingList", "savedTabGroups", "tabs", "themes", "typedUrls", "wifiConfigurations" โดยชื่อประเภทข้อมูลเหล่านี้จะคำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่
หมายเหตุ: การรีเฟรชนโยบายแบบไดนามิกรองรับเฉพาะใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 123 ขึ้นไปเท่านั้น การปิดใช้ประเภทข้อมูล "autofill" จะเป็นการปิดใช้ "payments" ด้วย "typedUrls" หมายถึงประวัติการท่องเว็บทั้งหมด</translation>
<translation id="7982057585796399404">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุรายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบ (ไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้) และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้ ระบบจะให้สิทธิ์โดยปริยาย ซึ่งรวมถึงสิทธิ์การใช้ API ของส่วนขยาย enterprise.deviceAttributes และ enterprise.platformKeys (API ทั้งสองนี้ใช้ไม่ได้กับแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้บังคับติดตั้ง)
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีแอปหรือส่วนขยายใดที่ติดตั้งโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้จะมีผลแทนนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายชื่อนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายนั้นโดยอัตโนมัติ
ผู้ใช้จะแก้ไขซอร์สโค้ดของส่วนขยายใดๆ ผ่านเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ ซึ่งอาจทำให้ส่วนขยายทำงานผิดปกติ หากกังวลว่าจะเกิดปัญหานี้ขึ้น ให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_DISABLED_POLICY_NAME" />
แต่ละรายการของนโยบายเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยาย และอาจมี URL อัปเดตที่คั่นด้วยเซมิโคลอน (;) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว เช่น ที่พบใน chrome://extensions เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL อัปเดต (หากระบุไว้) ควรชี้ไปยังเอกสาร XML ไฟล์ Manifest ของการอัปเดต ( https://developer.chrome.com/extensions/autoupdate ) URL อัปเดตควรใช้รูปแบบ <ph name="HTTP_SCHEME" />, <ph name="HTTPS_SCHEME" /> หรือ <ph name="FILE_SCHEME" /> ระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์โดยค่าเริ่มต้น URL อัปเดตที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น ส่วนการอัปเดตส่วนขยายในครั้งต่อๆ ไปจะใช้ URL อัปเดตในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย ลบล้าง URL อัปเดตสำหรับการอัปเดตในครั้งต่อๆ ไปได้โดยใช้นโยบาย <ph name="EXTENSION_SETTINGS_POLICY_NAME" /> โปรดดูที่ http://support.google.com/chrome/a?p=Configure_ExtensionSettings_policy
ในอินสแตนซ์ <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ในอินสแตนซ์ <ph name="MAC_OS_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นจัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลกับโหมดไม่ระบุตัวตน อ่านเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยาย (https://developer.chrome.com/extensions/hosting)</translation>
<translation id="7985242821674907985"><ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7985781946183471651">Glanceables ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7986473886676689183">เปิดใช้การรายงานของ Android</translation>
<translation id="7990280274626154329">เปิดใช้ <ph name="SEARCH_SIDE_PANEL_FEATURE_NAME" /></translation>
<translation id="7991022023019679916">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="7992613144342460685">อนุญาตสิทธิ์สำหรับตำแหน่งหน้าต่างในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7995610550667275367">การสแกน (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 87 เป็นต้นไป)</translation>
<translation id="7999023147219236247">นโยบายสำหรับการให้สิทธิ์คำขอเข้าถึงแอป PERMISSION_POLICY_UNSPECIFIED: ไม่มีการระบุนโยบาย หากไม่มีการระบุนโยบายสำหรับสิทธิ์ในทุกระดับ ระบบจะใช้การทำงานของ "PROMPT" โดยค่าเริ่มต้น PROMPT: แจ้งให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์ GRANT: ให้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ DENY: ปฏิเสธสิทธิ์โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7999336306414770162">ปิดใช้การรายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7999818120028621358">เปิดใช้การรายงานเหตุการณ์การป้องกันข้อมูลรั่วไหล</translation>
<translation id="8001701200415781021">จำกัดบัญชี Google ที่อนุญาตให้ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8004582292198964060">เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="8005143535239983809">นโยบายนี้ควบคุมความสามารถของเบราว์เซอร์ในการจดจํารหัสผ่านในเว็บไซต์โดยอัตโนมัติ และบันทึกไว้ในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านในตัว โดยไม่จํากัดสิทธิ์เข้าถึงหรือเปลี่ยนแปลงเนื้อหาของรหัสผ่านที่บันทึกไว้ในเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และอาจซิงค์กับโปรไฟล์บัญชี Google และ <ph name="ANDROID_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ผู้ใช้จะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จดจำและบอกรหัสผ่านเมื่อลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ครั้งต่อไปได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะบันทึกรหัสผ่านใหม่ไม่ได้ แต่รหัสผ่านที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้จะยังใช้ได้อยู่
หากตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไปเปลี่ยนค่าใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปิดการบันทึกรหัสผ่านได้</translation>
<translation id="800595420827930383">ใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองของแพลตฟอร์มเดิม</translation>
<translation id="8006219716745491366">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ALTERNATE_URLS_POLICY_NAME" /> จะระบุรายการ URL ทางเลือกสำหรับการแยกข้อความค้นหาออกจากเครื่องมือค้นหา URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" />
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ALTERNATE_URLS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีการใช้ URL ทางเลือกเพื่อแยกข้อความค้นหา</translation>
<translation id="8006921530139404577">หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่แสดงการเชื่อมต่อที่เกี่ยวข้องกับ UI (เช่น หน้าต่างยกเลิกการเชื่อมต่อ) สำหรับการเชื่อมต่อของการเข้าถึงจากระยะไกลที่ไม่ได้อยู่ในโหมดปิดม่าน นโยบายนี้จะไม่มีผลกับเซสชันการเข้าถึงจากระยะไกลในโหมดปิดม่านและเซสชันการสนับสนุนจากระยะไกล
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่าเป็น "จริง" ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="8008421342605619236">กำหนดค่านโยบายสำหรับการรับส่งข้อความแบบเนทีฟ โฮสต์การรับส่งข้อความแบบเนทีฟที่ถูกบล็อกจะไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่ว่าเป็นรายการที่อนุญาตพิเศษ</translation>
<translation id="8011935490612940798">ควบคุมฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8013646845541206453">ใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองใดก็ได้</translation>
<translation id="8013739405949922317">การตั้งค่านี้เลิกใช้งานแล้ว ให้ใช้ <ph name="LACROS_AVAILABILITY_POLICY_NAME" /> แทน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="8016036090567963459">ไม่อนุญาตให้ Chrome เล่นสื่อโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="802147957407376460">หมุนหน้าจอ 0 องศา</translation>
<translation id="8021777486638359878">ถือว่าผู้ใช้ไม่มีการใช้งานขณะเล่นเสียง</translation>
<translation id="8022597231371051452">รายการที่อนุญาตสำหรับการรายงานการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์</translation>
<translation id="8022909529579794519">การตั้งค่านี้จะกำหนดค่าเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ที่จะใช้งาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="LACROS_SELECTION_USER_CHOICE_VALUE" /> ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะโหลดเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ไบนารีจากพาร์ติชัน <ph name="LACROS_ROOTFS_NAME" /> หรือ <ph name="LACROS_STATEFUL_NAME" />
หากผู้ใช้ไม่ได้ตั้งค่ากำหนดไว้ ระบบจะเลือกไบนารีที่มีเวอร์ชันใหม่สุด
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="LACROS_SELECTION_ROOTFS_VALUE" /> ระบบจะโหลดไบนารี <ph name="LACROS_ROOTFS_NAME" /> ของเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> เสมอ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ค่าเริ่มต้นจะเป็น <ph name="LACROS_SELECTION_ROOTFS_VALUE" /> สำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและ <ph name="LACROS_SELECTION_USER_CHOICE_VALUE" /> สำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ
โปรดทราบว่าการเปลี่ยนค่าของนโยบายอาจทำให้ข้อมูลของเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> สูญหายหากเวอร์ชันที่เปลี่ยนไปของเบราว์เซอร์นั้นเก่ากว่าเวอร์ชันปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น หากนโยบายเปลี่ยนจาก <ph name="LACROS_SELECTION_USER_CHOICE_VALUE" />
เป็น <ph name="LACROS_SELECTION_ROOTFS_VALUE" /> และมีการอัปเดตค่าแรก หรือหากมีการอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> พร้อมกับเบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> แบบ <ph name="LACROS_ROOTFS_NAME" /> และแบบ <ph name="LACROS_STATEFUL_NAME" /> ยังไม่ได้รับการอัปเดต
ระบบจะไม่รับประกันการย้ายข้อมูลที่ถูกต้องในสถานการณ์ดังกล่าว
การใช้ <ph name="LACROS_SELECTION_USER_CHOICE_VALUE" /> หรือ <ph name="LACROS_SELECTION_ROOTFS_VALUE" /> เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย การเปลี่ยนจาก <ph name="LACROS_SELECTION_ROOTFS_VALUE" /> เป็น <ph name="LACROS_SELECTION_USER_CHOICE_VALUE" /> ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยเช่นกัน</translation>
<translation id="80243978433618492">ไม่อนุญาตให้กรองพารามิเตอร์ของ URL</translation>
<translation id="8025620823136567878">แป้นพิมพ์ลัดสากลจะแมปกับตำแหน่งของแป้นต่างๆ บนแป้นพิมพ์แทนที่จะเป็นรูปอักขระบนแป้น</translation>
<translation id="802776363472387903">แฮช SHA-256 ของรูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="8028814157747157754">เปิดใช้ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้นและอนุญาตให้ผู้ใช้แก้ไขรายชื่อผู้ให้บริการค้นหา</translation>
<translation id="8029201909194194377">ระยะเวลาเซสชันสูงสุดที่อนุญาตสำหรับการเชื่อมต่อของการเข้าถึงจากระยะไกล</translation>
<translation id="8035570672225663428">เปิดใช้รูปแบบการชาร์จแบบปรับอัตโนมัติซึ่งจะพักขั้นตอนการชาร์จไว้ชั่วคราวเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="8036284429246268475">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ช่วยให้ผู้ใช้สามารถให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตรวจสอบว่าชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ป้อนรวมอยู่ในข้อมูลที่รั่วไหลด้วยหรือไม่
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตให้มีการตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลเข้าสู่ระบบ แต่ผู้ใช้ปิดการตั้งค่านี้ได้
ลักษณะการทำงานนี้จะไม่ทริกเกอร์ในกรณีที่ (นโยบายหรือผู้ใช้) ปิดใช้ Google Safe Browsing หากต้องการบังคับให้ Google Safe Browsing เปิดใช้งาน ให้ใช้นโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือนโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_PROTETION_LEVEL_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="8038007682032315784">ปิดใช้ <ph name="SEARCH_SIDE_PANEL_FEATURE_NAME" /> ในหน้าเว็บทุกหน้า</translation>
<translation id="8044493735196713914">รายงานโหมดการบูตอุปกรณ์</translation>
<translation id="80453040817068401">กำหนดให้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="804619600634661088">อนุญาตให้ใช้การแก้ไขข้อบกพร่องจากระยะไกล</translation>
<translation id="8047600674992048328">ชื่อที่ผู้ใช้ให้เห็นได้สำหรับการกำหนดค่านี้</translation>
<translation id="8050080920415773384">การพิมพ์ดั้งเดิม</translation>
<translation id="8056237304861875584">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การทำงานอย่างต่อเนื่องในฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="8056273037819805106">ระบบจะใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่ายไปยังพร็อกซีที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="8056800559672904373">บัญชีที่จัดการต้องเป็นบัญชีหลักและไม่มีบัญชีรอง และผู้ใช้สามารถนำเข้าข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ในขณะที่สร้างโปรไฟล์</translation>
<translation id="8059164285174960932">URL ที่ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลควรรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="8059352177830050556">เปิดใช้การรายงานข้อมูลแบ็กไลต์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8062375903420954294">นโยบายนี้อนุญาตให้จำกัดที่อยู่ IP และอินเทอร์เฟซที่ WebRTC จะใช้เมื่อพยายามค้นหาการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดที่มีอยู่ ดู RFC 8828 ส่วนที่ 5.2 (https://tools.ietf.org/html/rfc8828.html#section-5.2) โดยค่าเริ่มต้นจะเป็นใช้อินเทอร์เฟซทั้งหมดที่มีอยู่เมื่อไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="8062485064082966327">ใช้บริการของ Google แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อให้คำอธิบายอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่มีป้ายกำกับ</translation>
<translation id="8066428282805800713">ส่งข้อมูลฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมบน ChromeOS Flex</translation>
<translation id="8066532561081127944">ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย API ของเว็บ <ph name="REQUEST_FULLSCREEN_API_NAME" /> จำเป็นต้องเรียกใช้ด้วยท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อน ("Transient Activation") มิเช่นนั้นจะดำเนินการไม่สำเร็จ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้อาจอนุญาตให้ต้นทางบางแห่งเรียกใช้ API นี้โดยไม่ต้องมีการกระทำของผู้ใช้ก่อนตามที่อธิบายไว้ใน <ph name="AUTOMATIC_FULLSCREEN_HELP_URL" />
นโยบายนี้มีผลแทนการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้ และบล็อกต้นทางที่ตรงกันไม่ให้เรียกใช้ API เมื่อไม่มีการกระทำของผู้ใช้ก่อน
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่
https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns
ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
ต้นทางที่ตรงกับทั้งรูปแบบนโยบายที่บล็อกและอนุญาตไว้จะถูกบล็อก
ต้นทางที่นโยบายหรือการตั้งค่าของผู้ใช้ไม่ได้ระบุไว้จะต้องมีการกระทำของผู้ใช้ก่อนเพื่อเรียกใช้ API นี้</translation>
<translation id="8071371098891664137">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="8078297389450285582">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะและสามารถขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง หากมีการหน่วงเวลา ระบบจะปรับการหน่วงเวลาของการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ ตลอดจนการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาระยะห่างจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่ารูปแบบการหรี่แสงอัตโนมัติจะไม่มีผลต่อการหรี่แสงของหน้าจอ</translation>
<translation id="8078540622602481084">ฟีเจอร์นี้ช่วยให้สามารถใช้การเข้ารหัสเนื้อหาเฉพาะพจนานุกรมในส่วนหัวของคําขอ "ยอมรับการเข้ารหัส" ("sbr" และ "zst-d") ได้เมื่อมีพจนานุกรมพร้อมใช้งาน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ยอมรับเนื้อหาเว็บโดยใช้ฟีเจอร์การส่งพจนานุกรมการบีบอัด
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดฟีเจอร์การส่งพจนานุกรมการบีบอัด</translation>
<translation id="8079544387901313374">โปรดทราบว่าเราเลิกใช้งานนโยบายนี้และนําออกจาก "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" เวอร์ชัน 88 แล้ว รวมถึงไม่รองรับเซสชันสาธารณะอีกต่อไป โปรดใช้ <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNTS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าเซสชันผู้มาเยือนที่มีการจัดการแทน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เซสชันผู้มาเยือนที่มีการจัดการจะทำงานตามลักษณะที่บันทึกไว้ใน https://support.google.com/chrome/a/answer/3017014 - "เซสชันสาธารณะ" มาตรฐาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เซสชันผู้มาเยือนที่มีการจัดการจะใช้ลักษณะการทำงานของ "เซสชันที่มีการจัดการ" ซึ่งจะยกเลิกข้อจำกัดจำนวนมากที่มีอยู่ใน "เซสชันสาธารณะ" ทั่วไป
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation>
<translation id="8080200590486938727">ปิดใช้เครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน</translation>
<translation id="8086746212954621799">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติเมื่อตั้งค่าเป็น "จริง"
อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจหาการอัปเดตโดยอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ"
คำเตือน: ขอแนะนำให้เปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการแก้ไขข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่สำคัญ การปิดการอัปเดตอัตโนมัติอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="8089200718228084417">เปิดใช้การพิมพ์ Privet ที่เลิกใช้งาน</translation>
<translation id="8091982561085048989">ธงบูลีนที่ระบุว่าควรใช้ IPP Everywhere เพื่อตั้งค่าเครื่องพิมพ์หรือไม่ ธงนี้ได้รับการรองรับใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 76 ขึ้นไป</translation>
<translation id="8094095107731619070">เปิดใช้ฟีเจอร์การแก้ไขอัตโนมัติบนแป้นพิมพ์จริงเมื่อผู้ใช้พิมพ์</translation>
<translation id="8099880303030573137">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="8101381354936029836">กลุ่มขนาดเล็กของนโยบาย</translation>
<translation id="8102854005031553638">โปรแกรมอ่าน PDF ใช้ตัวแสดงผล AGG</translation>
<translation id="8102913158860568230">การตั้งค่า mediastream เริ่มต้น</translation>
<translation id="8104962233214241919">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="8109762054721090517">เทมเพลตสำหรับ<ph name="IPP_ATTRIBUTE" /> <ph name="CLIENT_NAME_IPP_ATTRIBUTE" /> <ph name="INTERNET_PRINTING_PROTOCOL" /></translation>
<translation id="8111331908123507719">กำหนดค่าเวลาเป็นวินาทีที่ต้องการให้อุปกรณ์รอเมื่อไม่มีการใช้งานก่อนแสดงโปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอล็อก
ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1-9,999 วินาที การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 7 วินาที
นโยบายนี้จะไม่มีผลใดๆ หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SCREENSAVER_LOCK_SCREEN_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="8113731369695819720">ปิดใช้ฟีเจอร์เสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8114382167597081590">ไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube</translation>
<translation id="8117662664312039036">ไม่อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ PluginVm</translation>
<translation id="8117921351531866504">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ตรวจสอบว่าผู้ใช้บันทึกวิธีการชำระเงินไว้ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะแจ้งเว็บไซต์ที่ใช้ API PaymentRequest.canMakePayment หรือ PaymentRequest.hasEnrolledInstrument ว่าไม่มีวิธีการชำระเงินพร้อมใช้งาน
หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ เว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบว่าผู้ใช้บันทึกวิธีการชำระเงินไว้หรือไม่</translation>
<translation id="8118665053362250806">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อ</translation>
<translation id="8123648898339555150">อนุญาตให้จัดเก็บหน้าที่มีส่วนหัว <ph name="CACHE_CONTROL_NO_STORE_NAME" /> ใน Back-Forward Cache</translation>
<translation id="8124468781472887384">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="8128192446158421884">URL ที่ใช้กับ AutoOpenFileTypes ได้</translation>
<translation id="8131046602440880289">อนุญาตเสียงของการอ่านออกเสียงข้อความของเครือข่ายที่ปรับปรุงเมื่อใช้ "เลือกเพื่อให้อ่าน"</translation>
<translation id="8132419228205300235">ไม่แสดงหน้าจอแนะนำ AI ระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8133152694354699657">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหาพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ โดยผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหา</translation>
<translation id="81354521512895891">เปิดใช้คอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8136081272045145135">ไม่แชร์ผลลัพธ์จากการล้างข้อมูลด้วยฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome กับ Google</translation>
<translation id="8136345780578030573">เปิดใช้ชุดบุคคลที่หนึ่ง</translation>
<translation id="8136906469922284163">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในขณะที่มีการยกเลิกการโหลด
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะป้องกันไม่ให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในขณะที่มีการยกเลิกการโหลด
นโยบายนี้ไม่มีใน Chrome 88 และการตั้งค่าจะไม่มีผลแต่อย่างใด
โปรดดูที่ https://www.chromestatus.com/feature/5989473649164288</translation>
<translation id="8137443729340035928">ถามผู้ใช้เมื่อเข้าสู่ระบบว่าจะคืนค่าเซสชันล่าสุดหรือไม่</translation>
<translation id="8141795997560411818">นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันเข้าถึง Google ไดรฟ์ คุณควรยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation>
<translation id="8142894094385450823">กำหนดภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="8147132931626030921">ตั้งสถานะของฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบล้างค่าไม่ได้เมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะยังควบคุมได้ต่อไปเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น</translation>
<translation id="814753199998535240">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วตั้งแต่รุ่น M96 โปรดใช้ <ph name="REPORT_DEVICE_CPU_INFO" />, <ph name="REPORT_DEVICE_MEMORY_INFO" />, <ph name="REPORT_DEVICE_STORAGE_STATUS" />, <ph name="REPORT_DEVICE_SECURITY_STATUS" /> และ <ph name="REPORT_DEVICE_AUDIO_STATUS" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์ เช่น การใช้งาน CPU/RAM
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="8147730407149297036">ปิดใช้การตรวจหาการรั่วไหลของรหัสผ่าน</translation>
<translation id="815061180603915310">หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้นโยบาย นโยบายนี้จะบังคับให้โปรไฟล์เปลี่ยนเป็นโหมดชั่วคราว หากระบุนโยบายนี้เป็นนโยบาย OS (เช่น GPO ใน Windows) นโยบายจะใช้กับทุกโปรไฟล์บนระบบ หากตั้งค่านโยบายเป็นนโยบายระบบคลาวด์ นโยบายจะใช้กับโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีการจัดการเท่านั้น
ในโหมดนี้ ข้อมูลโปรไฟล์จะยังอยู่ในดิสก์เป็นเวลาเท่ากับเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น จะไม่มีการเก็บฟีเจอร์ต่างๆ หลังปิดเบราว์เซอร์ เช่น ประวัติการเข้าชมของเบราว์เซอร์ ส่วนขยายและข้อมูลของส่วนขยาย ข้อมูลเว็บ เช่น คุกกี้และฐานข้อมูลเว็บ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ลงในดิสก์ บันทึกหน้าหรือพิมพ์หน้าดังกล่าวด้วยตนเอง
หากผู้ใช้ได้เปิดใช้การซิงค์ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะเก็บไว้ในโปรไฟล์การซิงค์ของพวกเขาเหมือนกับโปรไฟล์ทั่วไป ทั้งนี้โหมดไม่ระบุตัวตนยังสามารถใช้งานได้หากไม่ได้ปิดใช้ตามนโยบาย
หากตั้งค่าปิดใช้นโยบายหรือไม่ตั้งค่า การลงชื่อเข้าใช้จะนำไปสู่โปรไฟล์ทั่วไป</translation>
<translation id="8151299379693359769">เปิดใช้การตรวจสอบความปลอดภัยเพิ่มเติมโดยอิงเอกสารรับรองทางไกล (ไม่บังคับ โดยค่าเริ่มต้นคือ "จริง")</translation>
<translation id="8151490482515839285">เปิดใช้การรายงานการป้องกันข้อมูลรั่วไหล</translation>
<translation id="8158758865057576716">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8158897487095710470">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะแสดงแถบบุ๊กมาร์กใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะไม่เห็นแถบบุ๊กมาร์กเลย
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่</translation>
<translation id="8159760979508295709">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์บริเวณโดยรอบเคอร์เซอร์เมาส์ขณะที่เลื่อนเคอร์เซอร์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์เคอร์เซอร์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8160572976152509481">อนุญาตให้ผู้ใช้ปิดอุปกรณ์โดยใช้ปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์เท่านั้น</translation>
<translation id="8164144100557223371">ปิดจุดเข้าใช้งานแถบเครื่องมือสำหรับฟีเจอร์ทดลองของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="8164687848393015214">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่าย (<ph name="HEARTBEATS_TERM" />) ไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อตรวจสอบสถานะออนไลน์ เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ออฟไลน์อยู่หรือไม่
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ส่งแพ็กเก็ต</translation>
<translation id="8168359201203671567">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีรุ้ง</translation>
<translation id="8169452762291746260">ปิดใช้การตรวจสอบความสมบูรณ์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8171262216089271568">เปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8171924760436219650">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวาในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="81724933026241365">อนุญาตให้ผู้ใช้ปิดอุปกรณ์โดยใช้ไอคอนปิดหรือปุ่มเปิด/ปิดบนอุปกรณ์ก็ได้</translation>
<translation id="8173864651667424191">ตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพจะมีค่าเริ่มต้นเป็นตั้งค่าสำหรับตัวอย่างก่อนพิมพ์เอกสาร PDF เมื่อพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="8175922758834816585">เปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้ผู้ใช้ปิดใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="8176035528522326671">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นผู้ใช้หลักแบบหลายโปรไฟล์เท่านั้น (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการ)</translation>
<translation id="8179082421668183060">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริงหมายความว่า สตริงดังกล่าวจะเชื่อมต่อกันด้วยการเว้นวรรคและส่งผ่าน <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไปยัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง หากพารามิเตอร์มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ก็จะมีการแทนที่ <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด หากไม่มีพารามิเตอร์ใดที่มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ระบบจะใส่ URL ดังกล่าวต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง
ระบบจะขยายตัวแปรสภาพแวดล้อม โดยใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_WIN_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะส่ง URL ไป <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเท่านั้น
หมายเหตุ: หากไม่ได้มีการติดตั้ง Add-in การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าสำหรับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล</translation>
<translation id="8179161412673077784">ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation>
<translation id="8183108371184777472">ระงับการเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ขึ้นมา</translation>
<translation id="8185312100223853315">ป้ายกำกับโปรไฟล์</translation>
<translation id="8186911565834244165">อนุญาตความคิดเห็นจากผู้ใช้</translation>
<translation id="8195133650230097559">ไม่สนใจคำขอ Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="8196558469954193908">นโยบายนี้อนุญาตให้มีการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 เมื่อใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อยู่ โดยทั้งชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อใหม่ที่เป็นไปได้และชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อเดิมต้องตรงกับรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งที่อธิบายไว้ในนโยบายนี้ จึงจะรวมการเชื่อมต่อได้ นโยบายนี้คือรายการโฮสต์ที่ใช้รูปแบบตัวกรอง <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ได้แก่ "example.com" ตรงกับ "example.com" และโดเมนย่อยทั้งหมด (เช่น "sub.example.com") ขณะที่ ."example.net" ตรงกับ "example.net" ทุกประการ
คำขอรวมกับโฮสต์อื่นผ่านการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อาจสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากผู้ออกใบรับรองแวดล้อมจะได้รับคำขอทั้งหมด แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ให้สิทธิ์อย่างชัดแจ้ง นโยบายนี้เป็นแบบชั่วคราวและระบบจะนำออกในรุ่นต่อไป โปรดดู https://crbug.com/855690
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นที่ไม่อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 ในการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="8197373549462388216">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือนที่บริการ Google Safe Browsing แสดงและไปยังเว็บไซต์อันตราย นโยบายนี้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อในกรณีที่ได้รับคำเตือนจาก Google Safe Browsing เช่น มัลแวร์และฟิชชิงเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับใบรับรอง SSL เช่น ใบรับรองไม่ถูกต้องหรือหมดอายุ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าผู้ใช้เลือกที่จะดำเนินการต่อไปยังเว็บไซต์ที่มีการแจ้งว่าไม่เหมาะสมหลังจากที่คำเตือนปรากฏขึ้นได้
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation>
<translation id="8199823751103472868">การตั้งค่านโยบายจะเปิดใช้เลย์เอาต์แป้นพิมพ์ภาษาฮินดีใน "<ph name="PRODUCT_OS_NAME" />" หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า เลย์เอาต์จะใช้งานไม่ได้</translation>
<translation id="8202834945144737726">เปิดใช้โฟลว์เอกสารรับรองของ <ph name="CHROME_ENTERPRISE_DEVICE_TRUST_CONNECTOR" /> สำหรับรายการ URL ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8213475033260328041">เลือกเก็บข้อมูลที่ครอบคลุมของคุณจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไว้ในสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ต้องการ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น <ph name="DATA_REGION_SETTING_NO_PREFERENCE_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) ระบบอาจจัดเก็บข้อมูลที่ครอบคลุมไว้ในสถานที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ใดก็ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="DATA_REGION_SETTING_UNITED_STATES_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) ระบบจะจัดเก็บข้อมูลที่ครอบคลุมในสหรัฐอเมริกา
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="DATA_REGION_SETTING_EUROPE_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) ระบบจะจัดเก็บข้อมูลที่ครอบคลุมในยุโรป</translation>
<translation id="8213770777756919897">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการระบุการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวนานประมาณหนึ่งตามระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ซึ่งกำหนดค่าแยกต่างหากได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะดำเนินการตามค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือระงับการทำงาน
หากมีการระงับการทำงาน คุณจะกำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อให้ล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนที่จะมีการระงับได้</translation>
<translation id="8214600119442850823">กำหนดค่าตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8217664958939773083">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="ENABLED" /> หรือไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้ใช้โหมดไม่มีส่วนหัว การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="DISABLED" /> จะปฏิเสธการใช้โหมดไม่มีส่วนหัว</translation>
<translation id="8217837574199617401">นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบกำหนดค่ารายการรหัสส่วนขยายที่จำเป็นสำหรับการไปยังส่วนต่างๆ ในโหมดไม่ระบุตัวตน
ผู้ใช้ต้องอนุญาตอย่างชัดแจ้งให้ส่วนขยายทั้งหมดในรายการนี้ทำงานในโหมดไม่ระบุตัวตน ไม่เช่นนั้นระบบจะไม่อนุญาตการไปยังส่วนต่างๆ ในโหมดไม่ระบุตัวตน
หากไม่ได้ติดตั้งส่วนขยายที่ระบุในนโยบายนี้ ระบบจะบล็อกการไปยังส่วนต่างๆ ในโหมดไม่ระบุตัวตน
นโยบายนี้มีผลกับโหมดไม่ระบุตัวตน ซึ่งหมายความว่าคุณต้องเปิดใช้โหมดไม่ระบุตัวตนในเบราว์เซอร์ หากปิดใช้โหมดไม่ระบุตัวตนผ่านนโยบาย <ph name="INCOGNITO_MODE_AVAILABILITY" /> นโยบายนี้จะไม่มีผล</translation>
<translation id="8219813789911069300">บล็อกการดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย แนะนำ</translation>
<translation id="8220023426952118761">อัตราการดาวน์โหลดที่ต้องการเป็นหน่วย kbits/s</translation>
<translation id="8220156281401380422">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="822055204938220476">รายการ URL ที่ได้รับอนุญาตให้คงอยู่ในโหมดเต็มหน้าจอโดยไม่ต้องแสดงการแจ้งเตือน</translation>
<translation id="8225579382697740712">ควบคุมการใช้ WebHID API</translation>
<translation id="8229912067600517877">เปิดใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="8234565689501421293">ฟีเจอร์ "สร้างธีมด้วย AI" ช่วยให้ผู้ใช้สร้างธีม/วอลเปเปอร์ที่กำหนดเองได้โดยการเลือกรายการตัวเลือกไว้ล่วงหน้า
0 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แล้วส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง Google เพื่อช่วยฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอาจรวมถึงพรอมต์ อินพุต เอาต์พุต และเนื้อหาแหล่งที่มา โดยทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับฟีเจอร์นั้นๆ อาจมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงโมเดล AI เท่านั้น
0 คือค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะระบุไว้ด้านล่าง
1 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แต่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยัง Google เพื่อฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI 1 คือค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
2 = ปิดใช้ฟีเจอร์ 2 คือค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชี Education ที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" />
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลสำหรับฟีเจอร์ Generative AI ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=generative_ai_settings</translation>
<translation id="8238421250255592181">ธงบูลีนที่ระบุว่าแป้นพิมพ์บนหน้าจอจะมีฟีเจอร์การเติมคำอัตโนมัติหรือไม่</translation>
<translation id="8239109177194627162">ปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับบัตรเครดิต</translation>
<translation id="8239143983379015783">บังคับให้เปิดใช้โควต้าถาวร</translation>
<translation id="8244171102276095471">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส RC4 ใน TLS</translation>
<translation id="8244525275280476362">การหน่วงเวลาสูงสุดในการดึงข้อมูลภายหลังการลบล้างนโยบาย</translation>
<translation id="8245574649143980200">การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้ผู้ใช้ดูและใช้รายการในเมนูการค้นหาภูมิภาคของ <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> ในเมนูตามบริบท การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นรายการในเมนูการค้นหาภูมิภาคของ <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> ในเมนูตามบริบทในกรณีที่รองรับการค้นหาภูมิภาคของ <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8247143534027746614">บล็อกการเข้าถึงรายการรูปแบบ URL ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="824818544897669723">ปิดใช้การลบเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="8250048892729838843">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์รับการควบคุมการรายงานแบบละเอียดได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้จะไม่ได้รับการควบคุมการรายงานแบบละเอียด</translation>
<translation id="82530263956734297">รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่บล็อก</translation>
<translation id="8254792295762772851">การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น <ph name="DISPLAY_MANAGEMENT_LABEL_PERMAMENT_VALUE" /> (ค่า 0) จะแสดงป้ายกำกับ "ที่ทำงาน" หรือ "โรงเรียน" ข้างรูปโปรไฟล์ของแถบเครื่องมือ
ป้ายกำกับเหล่านี้จะแสดงก็ต่อเมื่อบัญชีที่ลงชื่อเข้าใช้มีการจัดการบัญชี
การตั้งค่าเป็น <ph name="DISPLAY_MANAGEMENT_LABEL_TRANSIENT_VALUE" /> (ค่า 1) จะแสดงป้ายกำกับ "ที่ทำงาน" หรือ "โรงเรียน" ข้างรูปโปรไฟล์ของแถบเครื่องมือเป็นเวลา 30 วินาทีหลังจากเปิดโปรไฟล์</translation>
<translation id="8256006033157034334">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="8256688113167012935">ควบคุมชื่อบัญชี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้สำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกัน
หากตั้งค่านโยบายนี้ หน้าลงชื่อเข้าใช้จะใช้ข้อมูลที่ระบุในตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้แบบรูปภาพสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ ID บัญชีอีเมลของบัญชีภายในอุปกรณ์เป็นชื่อสำหรับแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้
นโยบายนี้จะไม่มีผลกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไป</translation>
<translation id="8257863622304579015">เปิดใช้แซนด์บ็อกซ์ของบริการเครือข่าย</translation>
<translation id="8259375588339409826">ทั้ง Chromium และ Google Chrome รองรับนโยบายชุดเดียวกัน โปรดทราบว่าเอกสารนี้อาจมีนโยบายที่ยังไม่ได้เผยแพร่ (รายการ "รองรับใน" หมายถึงเวอร์ชันที่ยังไม่เปิดตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือนำออกโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีการรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่มีการรับประกันในแง่คุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผลิตภัณฑ์
นโยบายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการกำหนดค่าอินสแตนซ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ภายในองค์กรของคุณเท่านั้น การใช้นโยบายภายนอกองค์กร (ตัวอย่างเช่น ในโปรแกรมที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ) จะถือว่าเป็นมัลแวร์และมีแนวโน้มที่ Google และผู้ให้บริการป้องกันไวรัสจะติดป้ายว่าเป็นมัลแวร์
คุณไม่ต้องกำหนดการตั้งค่าเหล่านี้ด้วยตนเอง เพราะมีเทมเพลตที่ใช้งานง่ายสำหรับ Windows, Mac และ Linux ให้ดาวน์โหลดจาก <ph name="POLICY_TEMPLATE_DOWNLOAD_URL" />
วิธีกำหนดค่านโยบายใน Windows ที่แนะนำคือผ่าน GPO แม้จะยังคงมีการรองรับการจัดสรรนโยบายผ่านรีจิสทรีสำหรับอินสแตนซ์ Windows ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="8261008508574620157">นโยบายสำหรับควบคุมว่าผู้ใช้จะเห็นข้อความแจ้งเกี่ยวกับ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> หรือไม่
ข้อความแจ้งนี้จะบล็อกการทำงานของผู้ใช้โดยจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเกี่ยวกับการตั้งค่าของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ดูรายละเอียดเกี่ยวกับความพยายามของ Chrome ในการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สามได้ที่ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_URL" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่แสดงข้อความแจ้งเกี่ยวกับ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพิจารณาว่าจะแสดงข้อความแจ้งเกี่ยวกับ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ได้หรือไม่ จากนั้นจะแสดงหากเป็นไปได้
หากตั้งค่านโยบายต่อไปนี้ก็จะต้องตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้"
<ph name="PRIVACY_SANDBOX_AD_TOPICS_ENABLED_POLICY_NAME" />
<ph name="PRIVACY_SANDBOX_SITE_ENABLED_ADS_ENABLED_POLICY_NAME" />
<ph name="PRIVACY_SANDBOX_AD_MEASUREMENT_ENABLED_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="826163650738550159">นโยบายนี้จะให้สิทธิ์เข้าถึงหน้าทดสอบนโยบาย โดยระบบจะไม่สนใจนโยบายอื่นๆ ทั้งหมดในขณะที่ทดสอบนโยบายในหน้านี้
ฟีเจอร์จะใช้ได้ในเวอร์ชัน Canary เท่านั้น
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่าก็จะเข้าถึงหน้าเว็บได้
แต่หากปิดใช้นโยบาย หน้าเว็บจะถูกบล็อก</translation>
<translation id="8266778278542911985">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรม
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="8267520984570984190">ไม่แก้ไขลักษณะการทำงานเริ่มต้นในการปรับขนาดของแป้นพิมพ์เสมือน</translation>
<translation id="8269238942896230153">บัญชีที่จัดการต้องเป็นบัญชีหลัก และผู้ใช้สามารถนำเข้าข้อมูลการท่องเว็บที่มีอยู่ในขณะที่สร้างโปรไฟล์</translation>
<translation id="8270320981823560179">ไดรฟ์</translation>
<translation id="827054846390793641">เปิดใช้การแสดง UI ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อบนเดสก์ท็อปของโฮสต์เมื่อมีการเชื่อมต่อ</translation>
<translation id="8272422063636310696">ควบคุมว่าจะรายงานหน้าเว็บที่ใช้เทคโนโลยีเดิมหรือไม่ โดยอิงตาม URL ของหน้าเว็บ
เมื่อตั้งค่านโยบายแล้ว ระบบจะใช้ URL ที่มีคำนำหน้าตรงกับรายการที่อนุญาตเพื่อสร้างรายงานและอัปโหลด โดยจะไม่สนใจ URL ที่ไม่ตรงกัน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าให้ใช้กับรายการที่ว่างเปล่า จะไม่มีการสร้างรายงาน
รูปแบบที่ตรงกันใช้รูปแบบที่คล้ายกับของนโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" ตามที่บันทึกไว้ใน https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format โดยมีข้อยกเว้นบางประการด้านล่างดังนี้
* ไม่รองรับไวลด์การ์ด "*"
* ระบบจะไม่พิจารณาสคีมา พอร์ต และคำค้นหา
* เพิ่ม URL ลงในรายการที่อนุญาตได้สูงสุด 100 รายการ
สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> เท่านั้น
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีเดิมได้ที่ https://chromestatus.com/features</translation>
<translation id="8273183018575414926">Progressive Web App</translation>
<translation id="8274603902181597201">ล้างข้อมูลไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัสของผู้ใช้และเริ่มด้วยไดเรกทอรีหลักใหม่แบบ ext4 ที่เข้ารหัส</translation>
<translation id="8274926413890711289">เปิดใช้การควบคุมการรายงานแบบละเอียด</translation>
<translation id="8275103737670730746">อนุญาตให้เรียกใช้ File API หรือ Directory Picker API โดยไม่ต้องมีท่าทางสัมผัสของผู้ใช้ก่อนหน้า</translation>
<translation id="8278133379873210419">ระงับกล่องโต้ตอบ JavaScript ที่เกิดจากเฟรมย่อยที่เป็นต้นทางเฟรมอื่น</translation>
<translation id="8284296539558710573">พรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP แบบข้ามต้นทาง</translation>
<translation id="8284527236880877730">หากปิดใช้ <ph name="POWER_SMART_DIM_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRESENTATION_SCREEN_DIM_DELAY_SCALE_POLICY_NAME" /> จะระบุเปอร์เซ็นต์การปรับขนาดการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่ออุปกรณ์กำลังนำเสนอ เมื่อมีการปรับขนาดการหน่วงเวลาการหรี่แสง ระบบจะปรับการหน่วงเวลาของการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ ตลอดจนการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาระยะห่างจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ค่าตัวคูณมาตราส่วนเริ่มต้น
หมายเหตุ: ค่าตัวคูณมาตราส่วนต้องเท่ากับ 100% ขึ้นไป</translation>
<translation id="8284621384813278750">เลือกว่าจะปิดใช้การตั้งค่าหัวข้อโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ได้หรือไม่</translation>
<translation id="8285435910062771358">เปิดใช้งานแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="828566872219880247">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากมีรูปแบบ URL ใน "KeygenBlockedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="8288199156259560552">เปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation>
<translation id="8289824033213234651">ระบบจะเปิดใช้โหมดประหยัดแบตเตอรี่เมื่ออุปกรณ์ใช้พลังงานแบตเตอรี่และระดับแบตเตอรี่เหลือน้อย</translation>
<translation id="8290875622178450531">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการเขียนตามคำบอกไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการเขียนตามคำบอกไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8293414596801971604">นิพจน์ทั่วไปที่ตรงกับชื่อที่แสดงของเครื่องพิมพ์</translation>
<translation id="8293509904023267821">หากตั้งค่านโยบายนี้ ข้อมูลในคลิปบอร์ดที่ส่งไปยังและส่งจากโฮสต์จะถูกตัดให้อยู่ในขีดจำกัดที่นโยบายกำหนด
การตั้งค่าเป็น 0 เป็นการปิดใช้การซิงค์คลิปบอร์ด
นโยบายนี้มีผลกับทั้งสถานการณ์การเข้าถึงและการสนับสนุนระยะไกล
และจะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่า
การตั้งค่านโยบายเป็นค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงต่ำสุด/สูงสุดอาจทำให้โฮสต์ไม่เริ่มทำงาน
โปรดทราบว่าขีดจำกัดสูงสุดจริงของขนาดคลิปบอร์ดขึ้นอยู่กับขนาดสูงสุดของข้อความช่องข้อมูล WebRTC</translation>
<translation id="8294750666104911727">ตามปกติหน้าที่มีการตั้งค่า X-UA-Compatible เป็น Chrome=1 จะได้รับการแสดงผลใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ไม่ว่านโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" จะเป็นเช่นไร
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะไม่ได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก
หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก</translation>
<translation id="8295496526151576383">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์เมื่อส่วนขยายนั้นใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /> ของ <ph name="PRINTING_API" /> เพื่อส่งงานพิมพ์
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่ได้ตั้งค่ารายการไว้ ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์ให้ผู้ใช้เห็นทุกครั้งที่มีการเรียกใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /></translation>
<translation id="8300992833374611099">ควบคุมว่าเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะใช้ในที่ใดได้บ้าง</translation>
<translation id="8301065459352777588">ผู้ใช้เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการจะจัดเก็บการตั้งค่าการแสดงผลแบบทั่วทั้งอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="8303780229975459754">อนุญาตให้ Chrome แสดงคำเตือนเมื่อเปิดใช้ในระบบที่ไม่รองรับ</translation>
<translation id="8303923135132440974">ควบคุมกล่องโต้ตอบ "เตือนก่อนออก (⌘Q)" เมื่อผู้ใช้พยายามออกจากเบราว์เซอร์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า กล่องคำเตือนจะแสดงขึ้นมาเมื่อผู้ใช้พยายามออก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" กล่องคำเตือนจะไม่แสดงขึ้นมาเมื่อผู้ใช้พยายามออก</translation>
<translation id="830440838848984847">อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8306117673860983372">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8307340233340602723">อนุญาตหรือปฏิเสธการเข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="830819203330820450">หากเปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่า (ค่าเริ่มต้น) หน้าเว็บจะใช้ API การแชร์หน้าจอ (เช่น getDisplayMedia() หรือ API ส่วนขยายสำหรับการจับภาพเดสก์ท็อป) เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้เลือกแท็บ หน้าต่าง หรือเดสก์ท็อปที่จะจับภาพได้
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ การเรียกใช้ API การแชร์หน้าจอจะไม่สำเร็จและมีข้อความแสดงข้อผิดพลาด อย่างไรก็ตาม ระบบจะไม่พิจารณานโยบายนี้ (และเว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ใช้ API การแชร์หน้าจอ) หากเว็บไซต์ตรงกับรูปแบบต้นทางในนโยบาย <ph name="SCREEN_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />, <ph name="WINDOW_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />, <ph name="TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="SAME_ORIGIN_TAB_CAPTURE_ALLOWED_BY_ORIGINS_POLICY_NAME" />
</translation>
<translation id="8310392396850884147">รองรับส่วนหัวของคำขอที่ไม่มีไวลด์การ์ดสำหรับ CORS</translation>
<translation id="8312129124898414409">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์หรือไม่ โดยสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ "BlockKeygen" และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8314214821702356835">อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นสื่อเมื่อมีการล็อกอุปกรณ์อยู่</translation>
<translation id="8314308739926578606">ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กร หรือตั้งแต่เวอร์ชัน 114 หากเป็นผู้ใช้ที่มีการจัดการ ส่วนขยายจะมีอยู่ในตัวเบราว์เซอร์ อนุญาตให้ใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในบริบทอื่นๆ</translation>
<translation id="8316940611391250886">ไม่อนุญาตใบรับรองที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName</translation>
<translation id="8319678975002906774">ตั้งค่าการกำหนดค่าที่มีการจัดการสำหรับต้นทางที่เจาะจงของเว็บไซต์</translation>
<translation id="8320149248919453401">โหมดการชาร์จแบตเตอรี่</translation>
<translation id="8320576119308783142">แสดงแป้นพิมพ์บนหน้าจอตามความเหมาะสม</translation>
<translation id="8327651196906278510">อนุญาตให้ต้นทางเหล่านี้จับภาพแท็บ</translation>
<translation id="8329434144708110">เรียกใช้โฟลว์การตรวจสอบสิทธิ์เพื่อซิงค์รหัสผ่านกับผู้ให้บริการ SSO</translation>
<translation id="8329984337216493753">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
เมื่อมีการระบุค่า DeviceIdleLogoutTimeout นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาของช่องเตือนที่มีตัวเลขนับถอยหลังซึ่งจะแสดงให้ผู้ใช้เห็นก่อนที่จะดำเนินการออกจากระบบ
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="8330437518362176921">ใช้ URL อัปเดตจากนโยบายเท่านั้นเมื่อดาวน์โหลดและอัปเดตแอป Chrome Kiosk</translation>
<translation id="8331479227794770304">เปิดใช้คีย์ติดหนึบ</translation>
<translation id="8332822245414537447">ปิดใช้การตรวจสอบการใช้งานคีย์ RSA</translation>
<translation id="8334685561819743286">ปิดใช้ฟีเจอร์การแก้ไขอัตโนมัติบนแป้นพิมพ์จริงเมื่อผู้ใช้พิมพ์</translation>
<translation id="8336819406993366823">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ENABLED_VALUE_NAME" /> จะอนุญาตให้ใช้ API แบบเต็มหน้าจอเฉพาะวิดีโอที่มีคำต่อท้าย (เช่น Video.webkitEnterFullscreen()) จาก JavaScript
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="DISABLED_VALUE_NAME" /> จะป้องกันไม่ให้มีการใช้ API แบบเต็มหน้าจอเฉพาะวิดีโอที่มีคำต่อท้ายใน JavaScript ทำให้เหลือเฉพาะ API แบบเต็มหน้าจอมาตรฐาน (เช่น Element.requestFullscreen())
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="RUNTIME_ENABLED_VALUE_NAME" /> จะอนุญาตให้แฟล็กฟีเจอร์ที่เปิดใช้รันไทม์ PrefixedFullscreenVideo เพื่อระบุว่า API แบบเต็มหน้าจอเฉพาะวิดีโอที่มีคำต่อท้ายพร้อมใช้งานสำหรับเว็บไซต์ไหม
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ลักษณะการทำงานตามค่าเริ่มต้นจะเป็น <ph name="RUNTIME_ENABLED_VALUE_NAME" />
หมายเหตุ: นโยบายนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาชั่วคราวที่จะช่วยเปลี่ยนจาก API แบบเต็มหน้าจอที่มีคำต่อท้ายเป็น webkit ซึ่งอาจจะถูกนำออกในรุ่น M130 หรือในอีก 2-3 รุ่นหลังจากนี้</translation>
<translation id="8337114537412769126">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์ระหว่างการค้นหาที่แนะนำด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ข้อมูลข้อความค้นหาจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอการค้นหาที่แนะนำโดยใช้เมธอด GET</translation>
<translation id="8337961007759352651">สคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงาน (Web Worker, Service Worker ฯลฯ) ต้องใช้ประเภท MIME ของ JavaScript เช่น <ph name="MIMETYPE_TEXT_JAVASCRIPT" /> สคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีประเภท MIME เดิม เช่น <ph name="MIMETYPE_TEXT_ASCII" /> จะถูกปฏิเสธ</translation>
<translation id="8339089771335211509">WebRTC จะใช้อินเทอร์เฟซที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสาธารณะเท่านั้น แต่จะไม่เชื่อมต่อโดยใช้ที่อยู่ IP ส่วนตัว</translation>
<translation id="8339420913453596618">ปิดใช้งานปัจจัยที่ 2 แล้ว</translation>
<translation id="8341175887542205077">ปิดใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูลกับเครื่องเสมือนใน Linux</translation>
<translation id="8344454543174932833">นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="8347993687936322631">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
นโยบายนี้จะให้ค่าสำรองสำหรับนโยบาย <ph name="IDLE_ACTION_AC_POLICY_NAME" /> และ <ph name="IDLE_ACTION_BATTERY_POLICY_NAME" /> ที่เจาะจงยิ่งขึ้น หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าของนโยบายในกรณีที่ไม่มีการตั้งค่านโยบายที่เจาะจงยิ่งขึ้นตามลำดับ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ลักษณะการทำงานของนโยบายที่เจาะจงยิ่งขึ้นจะไม่ได้รับผลกระทบ</translation>
<translation id="8350643689940867542">ปิดใช้การรายงานข้อมูลนโยบาย</translation>
<translation id="835283681355955417">รายงานรายละเอียดอุปกรณ์ต่อพ่วง</translation>
<translation id="8356953698979920095">การตั้งค่านโยบายเป็นหนึ่งในตัวเลือกเหล่านี้จะกำหนดสีเริ่มต้นสำหรับไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์บนอุปกรณ์ขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8357681633047935212">จำกัดระยะเวลาเซสชันของผู้ใช้</translation>
<translation id="8357989008292691856">รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาตให้เข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8359734107661430198">เปิดใช้ ExampleDeprecatedFeature API ได้ถึง 02/09/2008</translation>
<translation id="8367069206652407172">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้หยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้หยุดกระบวนการในตัวจัดการงานได้</translation>
<translation id="8367209241899435947">เปิดใช้การทำความสะอาด Chrome ใน Windows</translation>
<translation id="8367446818896241968">เปิดใช้การแสดงหน้าจอทิศทางการเลื่อนของทัชแพดระหว่างลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8367473200119029349">การรายงานในระบบคลาวด์</translation>
<translation id="8367488518695804749">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ แสดงป๊อปอัป</translation>
<translation id="8369359426872560378">ปิดใช้การเปิดเครื่องเมื่อเชื่อมต่อกับปลั๊กไฟฟ้ากระแสสลับ</translation>
<translation id="8369602308428138533">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="8371178326720637170">อนุญาตให้ส่วนขยายที่มีการจัดการใช้ Enterprise Hardware Platform API</translation>
<translation id="8373176843640227330">ปิดใช้การรายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8375817202037102567">บล็อกสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8378266419596669629">บล็อกสิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่องในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8379281645427937253">รายการใบรับรอง TLS ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ควรเชื่อถือสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เซิร์ฟเวอร์
ใบรับรองควรเข้ารหัสฐาน 64</translation>
<translation id="8379317372795444261">อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />ในการเชื่อมต่อผ่าน HTTP</translation>
<translation id="8381678031726288574">ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับการเลิกใช้งาน U2F API</translation>
<translation id="8381774264911275515">ปิดใช้การโอนคุกกี้ของ SAML SSO ไปยังเซสชันของผู้ใช้ระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8382184662529825177">เปิดใช้การใช้งานการรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="838870586332499308">เปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูล</translation>
<translation id="8392478748777481636">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="8393850527597048037">แพลตฟอร์มเท่านั้น</translation>
<translation id="8394518861160238324">การแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สามจะเปิดอยู่โดยค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้บางรายตั้งแต่เวอร์ชัน M113 แต่จะปิดใช้ผ่าน Chrome Flag ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="ALLOW_PARTITIONING_VALUE" /> หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบอาจเปิดใช้การแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สาม
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BLOCK_PARTITIONING_VALUE" /> คุณจะไม่สามารถเปิดใช้การแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สาม
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการแบ่งพาร์ติชันพื้นที่เก็บข้อมูลของบุคคลที่สามได้ใน https://developer.chrome.com/docs/privacy-sandbox/storage-partitioning/</translation>
<translation id="8395350646076131800">ระยะหมดเวลาเนื่องจากไม่มีการใช้งานหน้าจอล็อกสำหรับโปรแกรมรักษาหน้าจอของผู้ใช้</translation>
<translation id="8395749934754392549">จัดการการตั้งค่าของคอนเทนเนอร์ Android (ARC) และแอป Android</translation>
<translation id="8398952282584132331">เปิดใช้หน้าจอส่วนตัว</translation>
<translation id="8399825694820904218">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นตัวเลขจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อความเป็นมิลลิวินาทีตามจำนวนดังกล่าว จากนั้นจึงเปิดเบราว์เซอร์สำรอง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น 0 หมายความว่าการไปยัง URL ที่กำหนดจะเป็นการเปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรองทันที</translation>
<translation id="8402079500086185021">เปิดไฟล์ PDF จากภายนอกทุกครั้ง</translation>
<translation id="8402357110539568621">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยแป้นพิมพ์เสมือน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษจะปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อด้วยการตั้งค่าการช่วยเหลือพิเศษ
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการเปิดหรือปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัส เช่น แป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัสจะยังคงแสดงบนอุปกรณ์แท็บเล็ต แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ก็ตาม ใช้นโยบาย <ph name="TOUCH_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมลักษณะการทำงานของแป้นพิมพ์เสมือนแบบสัมผัส</translation>
<translation id="8410477879938914253">นโยบายนี้ใช้กับเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการเท่านั้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะแสดงกล่องโต้ตอบเพื่อขอให้ผู้ใช้ยืนยันหรือปฏิเสธการออกจากระบบเมื่อหน้าต่างสุดท้ายปิดไป
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะทำให้กล่องโต้ตอบแสดงขึ้นไม่ได้ และด้วยเหตุนี้จึงเป็นการปิดใช้การออกจากระบบอัตโนมัติหลังจากปิดหน้าต่างสุดท้ายด้วย</translation>
<translation id="8411050083243181286"> ตั้งแต่เวอร์ชัน M109 เป็นต้นไป ระบบจะนํา Event.path API ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานออกเพื่อปรับปรุงความเข้ากันได้กับเว็บ นโยบายนี้เปิดใช้ API อีกครั้งสำหรับเวอร์ชัน M115 และต่ำกว่า
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" Event.path API จะพร้อมใช้งาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" Event.path API จะใช้งานไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ Event.path API จะอยู่ในสถานะเริ่มต้น ได้แก่ พร้อมใช้งานในเวอร์ชันที่เก่ากว่า M109 และไม่พร้อมใช้งานในเวอร์ชัน M109 ถึง 114
เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจาก Chrome 115</translation>
<translation id="841395160262233331">แป้น Launcher/แป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชันไม่ได้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้เช่นกัน</translation>
<translation id="8415506434606458373">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ต้นทางในรายการรับแอตทริบิวต์ของอุปกรณ์ (เช่น หมายเลขซีเรียล ชื่อโฮสต์) ได้โดยใช้ Device Attributes API
ต้นทางต้องสอดคล้องกับเว็บแอปพลิเคชันที่บังคับติดตั้งโดยใช้นโยบาย <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="ISOLATED_WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" /> (ตั้งแต่เวอร์ชัน 125) หรือตั้งค่าเป็นแอปคีออสก์ โปรดดูข้อกำหนดของ Device Attributes API ที่ https://wicg.github.io/WebApiDevice/device_attributes</translation>
<translation id="8415953438346821074">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบันทึกการตั้งค่าที่เก็บไว้ในโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น บุ๊กมาร์ก ข้อมูลการป้อนข้อความอัตโนมัติ รหัสผ่าน และอื่นๆ ไปยังไฟล์ที่เก็บไว้ในโฟลเดอร์โปรไฟล์ผู้ใช้โรมมิ่งหรือตำแหน่งที่ผู้ดูแลระบบระบุไว้ผ่านนโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_LOCATION_POLICY_NAME" /> ด้วย การเปิดใช้นโยบายนี้จะปิดใช้คลาวด์ซิงค์
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เฉพาะโปรไฟล์ปกติในเครื่อง</translation>
<translation id="8417305981081876834">ตั้งค่าความยาวสูงสุดของ PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="841977920223099909">ทริกเกอร์การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8419965165591256432">อัตราการรวบรวมสถานะกิจกรรมในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้สำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 1 นาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้อัตราเริ่มต้น 15 นาที</translation>
<translation id="8420426128163801949">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดบลูทูธ</translation>
<translation id="8422658829373743789">ควบคุมลักษณะการทํางานแบบใหม่สําหรับการส่งเหตุการณ์ในตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้</translation>
<translation id="8422866312638683210">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พยายามลงทะเบียนตนเองกับ <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ค่าของนโยบายนี้จะเป็นโทเค็นการลงทะเบียนที่คุณเรียกมาจาก <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
ดูรายละเอียดที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/9301891?ref_topic=9301744</translation>
<translation id="8424255554404582727">ตั้งค่าการหมุนหน้าจอเริ่มต้น ใช้การตั้งค่านี้ซ้ำทุกครั้งที่เริ่มระบบใหม่</translation>
<translation id="8426231401662877819">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 90 องศา</translation>
<translation id="8426326725481825773">นโยบายนี้จะกำหนดลักษณะการทำงานสำหรับการรีแมปคีย์ "Home/End" ในหน้าย่อย "รีแมปคีย์" ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งคีย์ต่างๆ บนแป้นพิมพ์ได้ หากเปิดใช้ นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งการรีแมปที่เจาะจงเหล่านี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย แป้นพิมพ์ลัดที่อิงตามการค้นหาจะทำหน้าที่เป็นค่าเริ่มต้นและอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าแป้นพิมพ์ลัดได้</translation>
<translation id="8427466947904008809">อนุญาตให้ CRD เรียกใช้คำขอ WebAuthn API ที่ทำพร็อกซีจากโฮสต์ระยะไกล</translation>
<translation id="8428295225823548121">เปิดใช้การรายงานข้อมูลหน่วยความจำของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8428635849021776523">ปิดใช้การรายงานของ Android</translation>
<translation id="8429593528367808164">เปิดใช้ฟีเจอร์การเขียนแบบช่วยคาดเดาบนแป้นพิมพ์จริงเมื่อผู้ใช้พิมพ์</translation>
<translation id="8433186206711564395">การตั้งค่าเครือข่าย</translation>
<translation id="8433769814000220721">เปิดใช้เนื้อหาที่แนะนำ</translation>
<translation id="843609873781525167">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" กำหนดให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตรวจสอบเสมอว่าเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่เมื่อเริ่มต้นใช้งาน และลงทะเบียนตัวเองโดยอัตโนมัติหากเป็นไปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ให้ตรวจสอบว่าเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และปิดการควบคุมโดยผู้ใช้สำหรับตัวเลือกนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้ผู้ใช้ควบคุมว่าจะให้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และควรแสดงการแจ้งเตือนผู้ใช้หรือไม่หากไม่ใช่เบราว์เซอร์เริ่มต้น
โปรดทราบว่าสำหรับผู้ดูแลระบบ <ph name="MS_WIN_NAME" /> การเปิดการตั้งค่านี้จะใช้ได้กับเครื่องที่ใช้ Windows 7 เท่านั้น ส่วนเวอร์ชันที่ใหม่กว่า คุณต้องใช้ไฟล์ "การเชื่อมโยงแอปพลิเคชันเริ่มต้น" ที่ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเครื่องจัดการโปรโตคอล <ph name="HTTPS_PROTOCOL" /> และ <ph name="HTTP_PROTOCOL" /> (อาจรวมถึงโปรโตคอล <ph name="FTP_PROTOCOL" /> และรูปแบบไฟล์อื่นๆ ด้วยก็ได้) ความช่วยเหลือของ Chrome ( https://support.google.com/chrome?p=make_chrome_default_win )</translation>
<translation id="8441105784056442638">เปิดใช้ฟีเจอร์การคืนค่าทั้งหมด</translation>
<translation id="8444157920689124099">เปิดใช้การเข้ารหัสระดับแอปพลิเคชัน</translation>
<translation id="8445576299806775661">ในการอัปเดตเวอร์ชันครั้งใหญ่แต่ละครั้ง Chrome จะสร้างสแนปชอตของข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้เอาไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้ในกรณีที่ต้องทำการย้อนกลับเวอร์ชันฉุกเฉินในภายหลัง หากทำการย้อนกลับฉุกเฉินไปยังเวอร์ชันที่ผู้ใช้มีสแนปชอตที่ตรงกัน ข้อมูลในสแนปชอตจะได้รับการคืนค่า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เก็บการตั้งค่าดังกล่าวเป็นบุ๊กมาร์กและข้อมูลสำหรับป้อนข้อความอัตโนมัติได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นที่ 3
หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะลบสแนปชอตเก่าตามที่จำเป็นเพื่อให้จำนวนอยู่ในขีดจำกัดที่กำหนด หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 จะไม่มีการสร้างสแนปชอต</translation>
<translation id="8446679541472571487">แสดงหน้าจอแนะนำ AI ระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8451988835943702790">ใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรก</translation>
<translation id="8452787853105404870">ส่งข้อมูลฮาร์ดแวร์ไปยัง Google เพื่อสนับสนุนการปรับปรุง ChromeOS Flex</translation>
<translation id="8453218444172088993">ปิดใช้การตั้งค่าหัวข้อโฆษณาโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> สำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="8455529558077979314">การตั้งค่าหน้าจอส่วนตัว</translation>
<translation id="8461914792118322307">พร็อกซี</translation>
<translation id="8465065632133292531">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาทันใจที่ใช้ POST</translation>
<translation id="8467267413626499807">เปิดใช้บริการ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์</translation>
<translation id="846994437739309080">หากเปิดใช้ (หรือไม่ได้ตั้งค่า) จะมีการใช้ใบรับรอง TLS ที่ผู้ใช้เพิ่มไว้จาก Trust Store ของแพลตฟอร์มในการสร้างเส้นทางสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ TLS
หากปิดใช้ จะไม่มีการใช้ใบรับรอง TLS ที่ผู้ใช้เพิ่มไว้จาก Trust Store ของแพลตฟอร์มในการสร้างเส้นทางสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ TLS</translation>
<translation id="8470317291588703478">ไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดของ YouTube</translation>
<translation id="8471117881949952479">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและจะแทนที่ด้วย DataControlsRules แทน
นโยบายนี้จะบล็อกไม่ให้คัดลอกข้อมูลไปยังคลิปบอร์ดใน URL ที่เจาะจง
รายการ URL ที่<ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" />และ<ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" />จะควบคุมเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้เขียนไปยังคลิปบอร์ด การเขียนไปยังคลิปบอร์ดจะถูกบล็อกหาก URL ตรงกับรูปแบบใน "เปิดใช้" แต่ไม่ตรงกับรูปแบบใน "ปิดใช้" การคัดลอกจะไม่ถูกบล็อกหาก URL ไม่ตรงกับรูปแบบใดๆ
รูปแบบที่ตรงกันของต้นทางใช้รูปแบบที่คล้ายกับของนโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" ตามที่บันทึกไว้ใน https://support.google.com/chrome/a?p=url_blocklist_filter_format
<ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MINIMUM_DATA_SIZE" /> จะระบุจำนวนข้อมูลต่ำสุด (หน่วยเป็นไบต์) ที่จะเรียกให้การตรวจสอบรูปแบบทำงาน ซึ่งหมายความว่าระบบจะอนุญาตการเขียนไปยังคลิปบอร์ดจาก URL ที่ถูกบล็อกหากขนาดของข้อมูลที่คัดลอกเล็กกว่าค่าที่ระบุในฟิลด์นี้ ค่าเริ่มต้นคือ 100 ไบต์หากไม่ได้ตั้งค่าฟิลด์นี้</translation>
<translation id="8473107305327396242">นำเข้าใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ TLS ที่ผู้ใช้เพิ่มไว้จาก Trust Store ของแพลตฟอร์ม</translation>
<translation id="8477885780684655676">TLS 1.0</translation>
<translation id="8479032202539686055">WebRTC จะใช้อินเทอร์เฟซทั้งหมดที่มีอยู่เมื่อค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุด</translation>
<translation id="8479496880635054740">ปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนสำหรับการช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8482518340010585741">กำหนดการคืนค่าแอปเมื่อเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8483004350080020634">ตัดส่วนที่ละเอียดอ่อนต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยใน URL แบบ https:// ก่อนส่งต่อไปยังสคริปต์ PAC (การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ) ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ระหว่างการแก้ปัญหาพร็อกซี
เมื่อมีค่าเป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยและตัด URL แบบ https://
ออกก่อนส่งไปยังสคริปต์ PAC เมื่อดำเนินการแบบนี้ สคริปต์ PAC
จะดูข้อมูลที่ปกป้องไว้ตามปกติโดยช่องทางที่เข้ารหัส
(เช่น เส้นทางและคำค้นหาของ URL) ไม่ได้
เมื่อมีค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย และสคริปต์ PAC
จะดูคอมโพเนนต์ทั้งหมดของ URL แบบ https:// ได้โดยปริยาย
การตั้งค่านี้มีผลกับสคริปต์ PAC ทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากที่ใด
(ซึ่งรวมถึงสคริปต์ที่ที่ดึงผ่านการขนส่งที่ไม่ปลอดภัย หรือค้นพบ
อย่างไม่ปลอดภัยผ่าน WPAD)
นโยบายนี้มีค่าเริ่มต้นเป็น "จริง" (เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย)
ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" และตั้งค่าเป็น "เท็จ"
เฉพาะในกรณีที่นโยบายนี้ก่อให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับสคริปต์ PAC ที่มีอยู่เท่านั้น
นโยบายนี้จะถูกนำออกในรุ่น M75</translation>
<translation id="8484375800789836289">อนุญาตให้เบราว์เซอร์กรองพารามิเตอร์ของ URL</translation>
<translation id="8484458986062090479">กำหนดค่ารายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลด้วยเบราว์เซอร์โฮสต์ทุกครั้ง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้ระบุไว้โดยนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings"
สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation>
<translation id="8489964335640955763">PluginVm</translation>
<translation id="8493645415242333585">ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="8499172469244085141">การตั้งค่าเริ่มต้น (ผู้ใช้แทนที่ได้)</translation>
<translation id="8503018573167958506">ระบุว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้กำหนดค่าชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์หรือไม่
หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_HOSTNAME_TEMPLATE_POLICY_NAME" /> ไว้ ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าชื่อโฮสต์ และผู้ใช้จะไม่สามารถเลือกได้ไม่ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้ว่าอย่างไร
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" และไม่ได้ตั้งค่า <ph name="DEVICE_HOSTNAME_TEMPLATE_POLICY_NAME" /> ไว้ ผู้ดูแลระบบจะไม่ตั้งค่าชื่อโฮสต์ และผู้ใช้สามารถเลือกชื่อโฮสต์ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" และไม่ได้ตั้งค่า <ph name="DEVICE_HOSTNAME_TEMPLATE_POLICY_NAME" /> ไว้ ผู้ดูแลระบบจะไม่ตั้งค่าชื่อโฮสต์ และผู้ใช้ไม่สามารถเลือกชื่อโฮสต์ได้ ดังนั้น ระบบจะใช้ชื่อเริ่มต้น</translation>
<translation id="8504243661032323176">การตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้ความยาว PIN ขั้นต่ำที่เลือกไว้ (ค่าต่ำกว่า 1 จะปัดเศษขึ้นเป็นค่าขั้นต่ำที่ 1)
การไม่ตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้ความยาว PIN ขั้นต่ำ 6 หลัก ซึ่งเป็นความยาวขั้นต่ำที่แนะนำ</translation>
<translation id="8507835864888987300">ตั้งค่าเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดตอัตโนมัติ
กำหนดส่วนนำของเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หากอุปกรณ์กำลังเรียกใช้เวอร์ชันที่ออกมาก่อนส่วนนำที่กำหนด อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดพร้อมส่วนนำที่ระบุนั้นๆ หากอุปกรณ์เป็นเวอร์ชันใหม่กว่าอยู่แล้ว ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับค่าของ <ph name="DEVICE_ROLLBACK_TO_TARGET_VERSION_POLICY_NAME" /> รูปแบบของส่วนนำทำงานได้อย่างชาญฉลาดร่วมกับส่วนประกอบดังเช่นที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้
"" (หรือที่ไม่ได้กำหนดค่า): อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีให้บริการ
"1412.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412 (เช่น 1412.24.34 หรือ 1412.60.2)
"1412.2.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412.2 (เช่น 1412.2.34 หรือ 1412.2.2)
"1412.24.34": อัปเดตเป็นเวอร์ชันนี้เท่านั้น
คำเตือน: เราไม่แนะนำให้กำหนดค่าข้อจำกัดของเวอร์ชันเพราะอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การจำกัดการอัปเดตเป็นส่วนนำเวอร์ชันที่เจาะจงอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="8508489378025029342">เปิดใช้การรายงานเวลาของกิจกรรมในอุปกรณ์</translation>
<translation id="8510357716574220408"><ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="8511192250554640451">อนุญาตให้ตรรกะของ Chrome ควบคุมตัวจับเวลา JavaScript ในเบื้องหลัง และให้ผู้ใช้กำหนดค่าเอง</translation>
<translation id="8511708772548158302">ย้อนอุปกรณ์กลับไปเป็นเวอร์ชันเป้าหมายหากระบบปฏิบัติการปัจจุบันใช้เวอร์ชันที่ใหม่กว่า อุปกรณ์จะทำการ Powerwash แต่ระบบจะเก็บการกำหนดค่าเครือข่ายสำหรับทั้งอุปกรณ์โดยไม่มีใบรับรองไว้ และอุปกรณ์จะลงทะเบียนซ้ำโดยอัตโนมัติ
ระบบไม่รองรับการย้อนกลับไปยัง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 106 หรือเวอร์ชันก่อนหน้า</translation>
<translation id="8519264904050090490">URL ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="8519516251436131647">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8519563483516917705">การตั้งค่านี้อนุญาตให้อุปกรณ์เลือก <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชันเป้าหมายที่ต้องการอัปเดต
หากไม่ได้ตั้งค่า อุปกรณ์จะอัปเดตตามการตั้งค่าอื่นๆ หรืออัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีอยู่
หากตั้งค่า อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่เลือก
รูปแบบค่าของนโยบายนี้คือรายละเอียดการใช้บริการอัปเดตและอาจเปลี่ยนแปลงได้ ค่าของนโยบายไม่ได้ประมวลผลในอุปกรณ์
หากใช้ร่วมกับ <ph name="DEVICE_TARGET_VERSION_PREFIX_POLICY_NAME" /> บริการอัปเดตจะตรวจสอบนโยบายนี้ก่อน
ต่างจาก <ph name="DEVICE_TARGET_VERSION_PREFIX_POLICY_NAME" /> (ซึ่งอาจอนุญาตให้มีการอัปเดตที่ไม่สำคัญ) อุปกรณ์จะยังคงเป็นเวอร์ชันที่เลือกจนกระทั่งค่าของนโยบายนี้เปลี่ยนแปลง
หากใช้ร่วมกับ <ph name="DEVICE_ROLLBACK_TO_TARGET_VERSION_POLICY_NAME" /> เวอร์ชันอุปกรณ์จะสามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นเวอร์ชันก่อนหน้าที่ต้องการ
คำเตือน: ไม่แนะนำให้กำหนดค่าการจำกัดเวอร์ชันเนื่องจากอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงด้านความปลอดภัยที่สำคัญ การจำกัดการอัปเดตเป็นเวอร์ชันใดเวอร์ชันหนึ่งอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="8519617069657262768">เปิดใช้การซิงค์ Google ไดรฟ์</translation>
<translation id="8520064498689833152">บังคับใช้ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัยใน Google Search และโหมดที่จำกัดปานกลางเป็นอย่างน้อยใน YouTube</translation>
<translation id="8520950040439618600">อนุญาต PIN และวิธีการตรวจสอบสิทธิ์การจับคู่สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="8524334245528364388">URL ไปยังไฟล์ JSON ที่มีรายชื่อเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์</translation>
<translation id="8525526490824335042">คอนเทนเนอร์ Linux</translation>
<translation id="8526745614158856826">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติในการเข้าถึงอุปกรณ์ที่ใช้ได้ทั้งหมด
URL ต้องใช้การได้ มิเช่นนั้น นโยบายจะไม่มีผล ระบบพิจารณาเฉพาะต้นทาง (รูปแบบ โฮสต์ และพอร์ต) ของ URL เท่านั้น
ใน Chrome OS นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่เชื่อมโยงเท่านั้น
นโยบายนี้จะลบล้าง <ph name="DEFAULT_WEB_HID_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" />, <ph name="WEB_HID_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" />, <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และค่ากำหนดของผู้ใช้</translation>
<translation id="8528951285051082869">ไม่อนุญาตให้เว็บแอปเข้าถึงไฟล์ประเภทต่างๆ ผ่าน File Handling API</translation>
<translation id="8533145294731270627">บล็อกการดาวน์โหลดและประเภทไฟล์ที่เป็นอันตราย</translation>
<translation id="8543108307976719751">ป้องกันไม่ให้เข้าถึงการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้จากระยะไกล</translation>
<translation id="8543639085146778837">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกข้อความ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="8543975123557636331">เปิดใช้เอาต์พุตเสียง</translation>
<translation id="8544375438507658205">โปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นสำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8544465954173828789">อนุญาตให้ซิงค์ข้อความ SMS จากโทรศัพท์ไปยัง Chromebook</translation>
<translation id="8549906780629620346">เปิดใช้งานการกู้คืนบัญชี</translation>
<translation id="855291439519960768">ปิดใช้ฟีเจอร์การป้องกันลายนิ้วมือของ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /></translation>
<translation id="8553491595730354263">อนุญาตให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ PIN และการตรวจสอบสิทธิ์การจับคู่เมื่อยอมรับการเชื่อมต่อไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="8553955290407912156">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ HID ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_HID_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย รูปแบบต่อไปนี้จะมีความสำคัญสูงกว่าตามลำดับ
* <ph name="WEB_HID_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่)
* <ph name="DEFAULT_WEB_HID_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือ
* การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_HID_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="8554750769356971993">นโยบายสำหรับควบคุมว่าจะปิดใช้การตั้งค่าโฆษณาที่เว็บไซต์แนะนำโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะปิดการตั้งค่าโฆษณาที่เว็บไซต์แนะนำสำหรับผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการตั้งค่าโฆษณาที่เว็บไซต์แนะนำโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ในอุปกรณ์ได้
การตั้งค่านโยบายนี้กำหนดให้ต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_PROMPT_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้"</translation>
<translation id="8559221882677768248">ปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8561512522781085002">การตั้งค่า PageUp/PageDown ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วมการค้นหา</translation>
<translation id="8566842294717252664">ซ่อนเว็บสโตร์จากหน้าแท็บใหม่และเครื่องเรียกใช้งานแอป</translation>
<translation id="8571314270766672278">ย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าและรีเซ็ตอุปกรณ์ในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน พยายามรักษาการตั้งค่าของการลงทะเบียนไว้</translation>
<translation id="8571871284943706125">รายงานเหตุการณ์เซสชัน CRD ในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้สำหรับผู้ใช้ที่เชื่อมโยง
หากปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากเปิดใช้ ระบบจะรายงานเหตุการณ์ CRD หากเชื่อมโยงผู้ใช้ไว้</translation>
<translation id="85723976805793612">แชร์บันทึกเหตุการณ์การติดตั้งแอป Android กับ Google</translation>
<translation id="857369585509260201">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ผู้ใช้ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยโปรไฟล์ของตนก่อนใช้เบราว์เซอร์ และระบบจะตั้งค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8575739761246140675">เปิดใช้การเชื่อถือใบรับรองที่ออกโดย PKI เดิมของ Symantec Corporation</translation>
<translation id="8575746110808109915">การตั้งค่านโยบายเพื่อเปิดใช้ฟีเจอร์การคืนค่าโดยสมบูรณ์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะคืนค่าหรือไม่คืนค่าแอปและหน้าต่างแอปหลังมีข้อขัดข้องหรือมีการรีบูต โดยเป็นไปตามการตั้งค่าการคืนค่าแอป
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะมีเพียงหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="8583509234908413302">อนุญาตให้ TLS/DTLS เดิมดาวน์เกรดใน WebRTC</translation>
<translation id="8584279193368801689">จำกัดโหมดการพิมพ์ด้วย PIN ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้ โปรดทราบว่าฟีเจอร์การพิมพ์ด้วย PIN จะใช้ได้กับเครื่องพิมพ์ที่ใช้โปรโตคอล IPPS, HTTPS, USB หรือ IPP-over-USB เท่านั้น</translation>
<translation id="858510846828945657">รายการข้อยกเว้นของโดเมนที่บล็อกไว้สำหรับบริการ SSO แบบย้ายระหว่างอุปกรณ์</translation>
<translation id="8587229956764455752">อนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่</translation>
<translation id="8589285015138337712">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งแป้นพิมพ์ลัดของระบบ</translation>
<translation id="8589346048177748110">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นเกมไดโนเสาร์ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะเล่นเกมไดโนเสาร์ที่เป็น Easter Egg ขณะที่อุปกรณ์ออฟไลน์อยู่ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเล่นเกมดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ลงทะเบียนไว้ไม่ได้ แต่จะเล่นในที่อื่นๆ ได้</translation>
<translation id="8591713876665299827">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว โดยกำหนดค่าการตอบสนองแยกต่างหากได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="8592363656632862875">ไม่ดาวน์โหลดโมเดล</translation>
<translation id="859579553230883285">ปิดใช้การตั้งค่าโฆษณาที่เว็บไซต์แนะนำโดย <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> สำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="8597758693275075382">สตริง OEM ของ SMBIOS เพื่อส่งไปยัง VM ระหว่างการติดตั้ง ค่าเริ่มต้นจะเป็นรายการที่ว่างเปล่า</translation>
<translation id="8598786284856179541">เปิดใช้การรายงานข้อมูลเวอร์ชัน</translation>
<translation id="859937827887158048">ไม่อนุญาตให้ดาวน์โหลดการอัปเดตแบบเพียร์ทูเพียร์โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="8600280933078435582">แอปพลิเคชัน Linux</translation>
<translation id="8603454805657060638">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ดูแลระบบเปลี่ยนที่อยู่ MAC (Media Access Control หรือการควบคุมการเข้าถึงสื่อ) เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์กับแท่นชาร์จได้ เมื่อแท่นชาร์จเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บางรุ่น ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์จะช่วยระบุตัวตนอุปกรณ์ในอีเทอร์เน็ตโดยค่าเริ่มต้น
หากเลือก "DeviceDockMacAddress" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์
หากเลือก "DeviceNicMacAddress" ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของ NIC (Network Interface Controller หรือตัวควบคุมอินเทอร์เฟซเครือข่าย) ของอุปกรณ์
หากเลือก "DockNicMacAddress" ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของ NIC ของแท่นชาร์จ
ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="8604178325750278068">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant ฟังวลีการเปิดใช้งานด้วยเสียง การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant ไม่ฟังวลีการเปิดใช้งานด้วยเสียง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="8604906464981340229">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ HID ที่มีการรวบรวมระดับบนสุดเกี่ยวกับการใช้งาน HID ที่กำหนด</translation>
<translation id="8605216171953003144">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะเปิด NTLMv2
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด NTLMv2
เซิร์ฟเวอร์ Samba และ <ph name="MS_WIN_NAME" /> เวอร์ชันล่าสุดทั้งหมดรองรับ NTLMv2 ควรปิดใช้การตั้งค่านี้เฉพาะเมื่อต้องการความเข้ากันได้แบบย้อนหลังเท่านั้น เพราะการปิดใช้จะทำให้ความปลอดภัยในการตรวจสอบสิทธิ์ลดลง</translation>
<translation id="8605627672203601098">กำหนดค่าปัจจัยของ WebAuthn ที่ได้รับอนุญาต</translation>
<translation id="8606263947930257189">ควบคุมว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระงับแท็บที่ทำงานมาอย่างน้อย 5 นาทีในเบื้องหลังได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบอาจระงับแท็บที่ทำงานมาอย่างน้อย 5 นาทีในเบื้องหลัง การระงับแท็บจะช่วยลดการใช้งาน CPU, แบตเตอรี่ และหน่วยความจำ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้การเรียนรู้เพื่อหลีกเลี่ยงการระงับแท็บที่ทำงานในเบื้องหลังที่มีประโยชน์ (เช่น แสดงการแจ้งเตือน เล่นเสียง สตรีมวิดีโอ) ทั้งนี้ นักพัฒนาเว็บเลือกไม่ใช้การระงับกับเว็บไซต์ของตนได้ (https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/HEAD/chrome/browser/performance_manager/docs/freezing_opt_out_opt_in.md)
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ระงับแท็บใดๆ ทั้งสิ้น</translation>
<translation id="8610216287193516769">ถูกนำออกใน M122 - นโยบายนี้เป็นนโยบายฝั่งเซิร์ฟเวอร์เท่านั้นซึ่งไม่เคยใช้โครงสร้างพื้นฐานของนโยบาย ChromeOS เพื่อการเผยแพร่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="POLICY_VALUE_ALL" /> หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตการใช้งานทั้งหมดของบัญชีที่จัดการ ซึ่งอาจส่งผลต่อบัญชีที่จัดการที่เป็นบัญชีรอง โดยจะได้รับนโยบายเฉพาะเมื่อลงชื่อเข้าใช้บัญชีในฐานะบัญชีหลักในโปรไฟล์เบราว์เซอร์
ระบบจะไม่บังคับใช้นโยบายที่ตั้งค่าไว้สำหรับบัญชีในสถานการณ์ต่อไปนี้
- บัญชีเป็นบัญชีรองในระดับระบบปฏิบัติการ (การตั้งค่าบัญชี)
- บัญชีเป็นบัญชีรองในโปรไฟล์เบราว์เซอร์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="POLICY_VALUE_PRIMARY_ACCOUNT_SIGNIN" /> ในบัญชี ระบบจะอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีนั้นในฐานะบัญชีหลักเท่านั้น โดยจะไม่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ในฐานะบัญชีรอง</translation>
<translation id="8612188068319977428">ควบคุมความถี่ของการอัปโหลดรายงานสถานะของ Chrome
ซึ่งรวมถึงรายงานที่เปิดใช้โดย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะอัปโหลดรายงานทุก 24 ชั่วโมง
เมื่อตั้งค่าไว้ นโยบายนี้จะกำหนดจำนวนชั่วโมงระหว่างการอัปโหลดรายงาน 2 ฉบับต่อเนื่องกัน</translation>
<translation id="8618037841203431360">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบายหรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบาย
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบาย
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="8619748440665904084">ปิดใช้การนำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="8623672932476443039">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้เข้าถึงโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับแอปที่แยกไว้ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงโหมดดังกล่าว
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรใน Chrome OS แต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้และระบบปฏิบัติการอื่นๆ ทั้งหมด</translation>
<translation id="862621549134406761">เปิดใช้การตรวจสอบการใช้งานคีย์ RSA</translation>
<translation id="8626826495474944836">ต้องมีการแยกเว็บไซต์สำหรับทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="8631314130868563649">ปิดใช้การจัดการการใช้ไฟจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="8631434304112909927">จนถึงรุ่น <ph name="UNTIL_VERSION" /></translation>
<translation id="8631437968147930597">รายการแอปสำหรับจดโน้ตที่อนุญาตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="8633550872001751090">อนุญาตให้รวมข้อมูลจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไว้ในการสำรองข้อมูล</translation>
<translation id="8634062512783775032">ใช้ <ph name="AES_KL_NAME" /> เป็นอัลกอริทึมสำหรับการเข้ารหัสพื้นที่เก็บข้อมูลของผู้ใช้ (หากรองรับ)</translation>
<translation id="8637566476051166626">พอร์ตเครือข่ายที่ได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง</translation>
<translation id="8643838501942693770">อนุญาตคุกกี้ของบุคคลที่สามแต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="864611373241249369">หลังจากปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> แล้ว เราจะพยายามย้ายข้อมูลทั้งหมด</translation>
<translation id="8648844602494595665">นโยบายนี้ควบคุมการดูแลไอคอนแม่กุญแจในแถบอเนกประสงค์
ตั้งแต่ Chrome M93 จะมีไอคอนในแถบอเนกประสงค์ใหม่สำหรับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย
หากเปิดใช้นโยบาย Chrome จะใช้ไอคอนแม่กุญแจที่มีอยู่สำหรับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย
หากปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า Chrome จะใช้ไอคอนเริ่มต้นสำหรับการเชื่อมต่อที่ปลอดภัย</translation>
<translation id="8650974590712548439">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ Windows คือ</translation>
<translation id="8653085952260859632">รายงานข้อมูลหน่วยความจำ</translation>
<translation id="8653212052128283886">แสดงมุมมองประวัติการเข้าชมใน Chrome โดยแบ่งหน้าเว็บเป็นกลุ่มๆ</translation>
<translation id="8653561013005884087">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การอธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8656110680728938054">เปิดใช้การเลือกเพื่อให้อ่าน</translation>
<translation id="8657026983981036230">การตั้งค่านโยบายนี้จะสร้างไดเรกทอรีที่ Chrome จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ และจะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้นี้ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุไดเรกทอรีใดไว้ หรือได้เปิดใช้การแสดงข้อความแจ้งเพื่อระบุตำแหน่งการดาวน์โหลดทุกครั้งไว้หรือไม่ก็ตาม
นโยบายนี้จะลบล้างนโยบาย <ph name="DEFAULT_DOWNLOAD_DIRECTORY_POLICY_NAME" />
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า Chrome จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้น และผู้ใช้จะเปลี่ยนได้
ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> คุณจะสร้างไดเรกทอรีได้เฉพาะบนไดเรกทอรี Google ไดรฟ์เท่านั้น
หมายเหตุ: ดูรายการตัวแปรที่คุณใช้ได้ (https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables)</translation>
<translation id="8657543427358173663">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ของ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="8659843732895043951">อนุญาตคลิปบอร์ดในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8661297125441579970">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="8661538142776716004">ล้างการตั้งค่าเว็บไซต์</translation>
<translation id="8661980316738569557">เปิดใช้คอนทราสต์สูง</translation>
<translation id="8665314828727504286">ระดับการปกป้องของ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="8666123502812856425">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุ URL ซึ่งเจาะจงเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติในการเข้าถึงอุปกรณ์ HID ที่มีการรวบรวมระดับบนสุดเกี่ยวกับการใช้งาน HID ที่กำหนด แต่ละรายการในลิสต์ต้องระบุทั้งช่อง <ph name="USAGES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> นโยบายจึงจะมีผล แต่ละรายการในช่อง <ph name="USAGES_FIELD_NAME" /> ต้องมี <ph name="USAGE_PAGE_FIELD_NAME" /> และอาจมีช่อง <ph name="USAGE_FIELD_NAME" /> การไม่ระบุช่อง <ph name="USAGE_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีการรวบรวมระดับบนสุดเกี่ยวกับการใช้งานจากหน้าการใช้งานที่ระบุ รายการที่ระบุช่อง <ph name="USAGE_FIELD_NAME" /> แต่ไม่ระบุช่อง <ph name="USAGE_PAGE_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_HID_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลหากตั้งค่าไว้ แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับ URL ที่กำหนดค่าผ่าน <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากขัดแย้งกัน นโยบายนี้จะมีความสำคัญสูงกว่า <ph name="WEB_HID_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="8667754887193084187">นโยบายนี้จะเปิดใช้การตรวจสอบประเภท MIME ที่เข้มงวดกับสคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงาน
เมื่อเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า สคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงานจะใช้การตรวจสอบประเภท MIME ที่เข้มงวดกับ JavaScript ซึ่งเป็นลักษณะการทำงานเริ่มต้นแบบใหม่ สคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีประเภท MIME เดิมจะถูกปฏิเสธ
เมื่อปิดใช้ สคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงานจะใช้การตรวจสอบประเภท MIME แบบ Lax เพื่อให้ระบบโหลดและดำเนินการกับสคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงานที่มีประเภท MIME เดิม เช่น <ph name="MIMETYPE_TEXT_ASCII" /> ต่อไป
แต่เดิมเบราว์เซอร์ใช้การตรวจสอบประเภท MIME แบบ Lax เพื่อให้ทรัพยากรที่มีประเภท MIME เดิมจำนวนมากสามารถใช้งานได้ เช่น สำหรับทรัพยากร JavaScript <ph name="MIMETYPE_TEXT_ASCII" /> จะเป็นประเภท MIME ที่รองรับเวอร์ชันเดิม ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยด้วยการอนุญาตให้โหลดทรัพยากรเป็นสคริปต์ซึ่งไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ในกรณีนี้ Chrome จะเปลี่ยนไปใช้การตรวจสอบประเภท MIME ที่เข้มงวดในอนาคตอันใกล้นี้ นโยบายที่เปิดใช้ดังกล่าวจะติดตามลักษณะการทำงานเริ่มต้น การปิดใช้นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบคงลักษณะการทำงานเดิมไว้ได้หากต้องการ
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทสื่อ JavaScript/ECMAScript ได้ที่ https://html.spec.whatwg.org/multipage/scripting.html#scriptingLanguage
</translation>
<translation id="8671119576957984818">เปิดใช้ฮับการแชร์เดสก์ท็อป</translation>
<translation id="8671193325113134911">เปิดใช้การตรวจสอบประเภท MIME ที่เข้มงวดกับสคริปต์สำหรับผู้ปฏิบัติงาน</translation>
<translation id="8671303329680827168">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTH_NEGOTIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="8671314659400112135">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้การตรวจสอบความปลอดภัยของจุดขยายสัญญาณเพิ่มเติมเพื่อบล็อกจุดขยายสัญญาณเดิมในกระบวนการของเบราว์เซอร์ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความเสถียรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เนื่องจากจะทำให้โค้ดที่ไม่รู้จักหรืออาจมีเจตนาร้ายโหลดเข้ามาในกระบวนการของเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ ปิดนโยบายนี้เฉพาะในกรณีที่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามซึ่งต้องเรียกใช้ภายในกระบวนการของเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลดการประมวลผล (https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/HEAD/docs/design/sandbox.md#Process-mitigation-policies)</translation>
<translation id="8672321184841719703">กำหนดเป้าหมายรุ่นที่อัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="867410340948518937">U2F (Universal Second Factor)</translation>
<translation id="8676959842615154675">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเปรียบเทียบชื่อของผู้ใช้เครือข่ายภายในที่เชื่อมโยงกับโฮสต์กับชื่อบัญชี Google ที่ลงทะเบียนเป็นเจ้าของโฮสต์ ("johndoe" หากเจ้าของโฮสต์คือ "johndoe@example.com") โฮสต์นี้จะไม่เริ่มหากชื่อของเจ้าของโฮสต์แตกต่างจากชื่อผู้ใช้เครือข่ายภายในที่เชื่อมโยงกับโฮสต์ หากต้องการยืนยันให้บัญชี Google ของเจ้าของเชื่อมโยงกับโดเมนที่เจาะจง ให้ใช้นโยบายกับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_POLICY_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเชื่อมโยงกับผู้ใช้เครือข่ายภายในรายใดก็ได้</translation>
<translation id="867708016260789630">บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางเป็นอย่างน้อยใน YouTube</translation>
<translation id="8677853537025397834">อนุญาต WebHID API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8684000025871334499">กําหนดค่านโยบายการติดตั้งและรันไทม์สําหรับ Bruschetta VM ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้ง VM ของบุคคลที่สามได้ ฟีเจอร์นี้ปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น
นโยบายนี้คือแมปของรหัสการกําหนดค่ากับการกำหนดค่า VM เมื่อติดตั้ง VM จากการกําหนดค่าแล้ว VM นั้นจะได้รับการเชื่อมโยงกับรหัสการกำหนดค่าอย่างถาวร และนโยบายรันไทม์ใดๆ ในการกำหนดค่านั้นจะมีผลกับ VM VM หลายรายการอาจได้รับการติดตั้งจากการกำหนดค่าเดียวกันในอุปกรณ์เดียวกัน</translation>
<translation id="8685018726115727387">ปิดใช้การนำเข้าประวัติการท่องเว็บเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="8685024486845674965">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำ</translation>
<translation id="8685680544554917389">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เล่นสื่ออัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ห้ามไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เล่นสื่ออัตโนมัติ
โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่เล่นสื่ออัตโนมัติ แต่สำหรับ URL บางรูปแบบ คุณใช้นโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น</translation>
<translation id="8685748277907759932">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้ "แตะเพื่อค้นหา"</translation>
<translation id="8686700500128191717">เปิดใช้การรายงานผู้ใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="8687958770985542440">เปิดใช้ Web Components v0 API ได้อีกครั้งจนกว่าจะถึงเวอร์ชัน M84</translation>
<translation id="8693243869659262736">ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว</translation>
<translation id="8695006038397632296">สร้างและอัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยายไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบ</translation>
<translation id="8695108198606654558">นโยบายนี้ควบคุมเฉพาะลักษณะการนําเข้าครั้งแรกหลังจากการติดตั้งเท่านั้น ซึ่งจะช่วยให้การเปลี่ยนไปใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในสภาพแวดล้อมที่มีการใช้เบราว์เซอร์อื่นอย่างกว้างขวางก่อนติดตั้งเบราว์เซอร์นี้เป็นไปอย่างราบรื่น นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของเครื่องมือจัดการรหัสผ่านสําหรับบัญชี Google
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนําเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก และทำให้สามารถนําเข้าด้วยตนเองจากหน้าการตั้งค่าได้ด้วย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทําให้ไม่มีการนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้เมื่อเรียกใช้ครั้งแรก และจะนำเข้าด้วยตนเองจากหน้าการตั้งค่าไม่ได้ด้วย
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทําให้ไม่มีการนําเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้เมื่อเรียกใช้ครั้งแรก แต่ผู้ใช้สามารถเลือกที่จะนำเข้าได้จากหน้าการตั้งค่า</translation>
<translation id="8697738827698599333">การตั้งค่านโยบายจะระบุ WebAuthn RP ID ที่จะไม่แสดงข้อความแจ้งเมื่อมีการขอใบรับรองสำหรับเอกสารรับรองจากคีย์ความปลอดภัย และจะมีการส่งสัญญาณไปยังคีย์ความปลอดภัยด้วยเพื่อระบุว่าอาจมีการใช้เอกสารรับรองขององค์กร หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ เมื่อเว็บไซต์ขอเอกสารรับรองของคีย์ความปลอดภัย ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 65 ขึ้นไป</translation>
<translation id="8698286761337647563">จำนวนวันที่จะแจ้งผู้ใช้ SAML ล่วงหน้าเมื่อรหัสผ่านจะหมดอายุ</translation>
<translation id="8699392919012430269">รายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8700633400000170881">ปุ่มซ้ายคือปุ่มหลัก</translation>
<translation id="8703378568562190813">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บแอปที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงไฟล์ประเภทต่างๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_HANDLING_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับเว็บแอปทั้งหมด (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับ <ph name="FILE_HANDLING_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="FILE_HANDLING_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะใช้ <ph name="DEFAULT_FILE_HANDLING_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้ตามลำดับ
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_HANDLING_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="8703488928438047864">รายงานสถานะของบอร์ด</translation>
<translation id="8704831857353097849">รายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation>
<translation id="8705317513271779649">นโยบายนี้ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่เลือกไว้สำหรับการรีแมปเหตุการณ์กับ F12 ในหน้าย่อย "รีแมปคีย์" การตั้งค่าเหล่านี้มีผลเฉพาะกับแป้นพิมพ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้</translation>
<translation id="8705895771006864851">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเสนอฟังก์ชันแปลภาษาแก่ผู้ใช้ตามความเหมาะสมด้วยการแสดงแถบเครื่องมือแปลภาษาที่ผสานรวมอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และตัวเลือกการแปลเมื่อคลิกขวาที่เมนูตามบริบท การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดฟีเจอร์แปลภาษาในตัวทั้งหมด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนฟังก์ชันนี้ไม่ได้ การไม่ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="8707790573162457301">เรียกใช้การทำความสะอาดดิสก์อัตโนมัติในระหว่างเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8712609946151927008">กำหนดช่วงเวลาการระงับรายสัปดาห์</translation>
<translation id="8713535263782304771">ปิดใช้ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="8714556680280715750">URL สำหรับให้ผู้ใช้เข้าชมเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มี URL สำหรับ "ดูข้อมูลเพิ่มเติม" ในโปรแกรมติดตั้ง หากมี ก็ต้องใช้รูปแบบ HTTPS</translation>
<translation id="8715885991031124968">อนุญาตกล่องโต้ตอบ JavaScript ที่เกิดจากเฟรมย่อยที่เป็นต้นทางเฟรมอื่น</translation>
<translation id="8720547069538712402">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกด</translation>
<translation id="8721685661759544418">เปิดใช้การอ่านออกเสียง (การแยกข้อความและการสังเคราะห์การอ่านออกเสียงข้อความ) สำหรับหน้าเว็บ</translation>
<translation id="8726080977639508431">นโยบายนี้ควบคุมลักษณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตีความนโยบายรายการเว็บไซต์/รายการที่ต้องสงสัยของฟีเจอร์การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า ซึ่งจะส่งผลต่อนโยบาย <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" />, <ph name="URL_GREYLIST_POLICY_NAME" />, <ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" />, <ph name="EXTERNAL_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_GREYLIST_POLICY_NAME" />
หากเป็น "ค่าเริ่มต้น" (0) หรือไม่ได้ตั้งค่า การจับคู่ URL จะไม่เข้มงวดนัก กฎที่ไม่มีอักขระ "/" จะค้นหาสตริงย่อยจากทุกส่วนในชื่อโฮสต์ของ URL การจับคู่คอมโพเนนต์เส้นทางของ URL จะพิจารณาตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่
หากเป็น "IESiteListMode" (1) การจับคู่ URL จะเข้มงวดยิ่งขึ้น กฎที่ไม่มีอักขระ "/" จะจับคู่ที่ส่วนท้ายของชื่อโฮสต์เท่านั้น และต้องอยู่ที่ขอบเขตของชื่อโดเมนด้วย การจับคู่คอมโพเนนต์เส้นทางของ URL จะไม่คำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่ นโยบายนี้เข้ากันกับ <ph name="MS_IE_PRODUCT_NAME" /> และ <ph name="MS_EDGE_PRODUCT_NAME" /> ได้ดีกว่า
ตัวอย่างเช่น เมื่อใช้กฎ "example.com" และ "acme.com/abc" แล้ว "http://example.com/", "http://subdomain.example.com/" และ "http://acme.com/abc" จะถือว่าตรงกันไม่ว่าจะอยู่ในโหมดแยกวิเคราะห์หรือไม่
ส่วน "http://notexample.com/", "http://example.com.invalid.com/", "http://example.comabc/" จะถือว่าตรงกันเมื่ออยู่ในโหมด "ค่าเริ่มต้น" เท่านั้น
"http://acme.com/ABC" จะถือว่าตรงกันเฉพาะใน "IESiteListMode"</translation>
<translation id="8728854710675158426">เปิดใช้แฮชที่ไม่ปลอดภัยในแฮนด์เชค TLS อยู่</translation>
<translation id="8734543507835977857">เริ่มต้นการหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและขีดจํากัดระยะเวลาเซสชันเมื่อเริ่มต้นเซสชัน</translation>
<translation id="8736538322216687231">บังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube</translation>
<translation id="873800217865395140">อัตราการรวบรวมการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของเว็บไซต์เป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="8743902569031401303">อนุญาตแบบสำรวจเกี่ยวกับ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="8744844164152340112">ควบคุมธีมที่ใช้สำหรับแสดงผล UI ใน OOBE และในเซสชัน (มืด/สว่าง/อัตโนมัติ)
โหมดอัตโนมัติจะสับเปลี่ยนระหว่างธีมมืดและธีมสว่างให้โดยอัตโนมัติตามเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก
แนะนำให้ใช้นโยบายนี้ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนธีมในการตั้งค่าระบบได้</translation>
<translation id="8744997936011793680">แจ้งให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์กับโปรไฟล์อีกครั้ง</translation>
<translation id="8749536858950505376">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8750941317035081777">ระบบจะบีบ setTimeout() ของ JavaScript หลังจากถึงเกณฑ์ที่ซ้อนอยู่ตามปกติ</translation>
<translation id="8753264624162178499">ตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพมีไว้เพื่อให้ผู้ใช้ทำแรสเตอร์ PDF ก่อนส่งงานพิมพ์ไปยังปลายทางได้</translation>
<translation id="8756304146356317273">ปิดใช้การรายงานข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน</translation>
<translation id="8757552286070680084">การกำหนดค่า Wilco DTC</translation>
<translation id="8758831693895931466">เปิดใช้การลงทะเบียนการจัดการระบบคลาวด์ที่บังคับ</translation>
<translation id="8759829385824155666">ประเภทของการเข้ารหัสลับ Kerberos ที่อนุญาต</translation>
<translation id="8766308369516978190">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" บนเว็บได้ เช่น เพื่อชำระเงินและเปลี่ยนรหัสผ่านได้เร็วขึ้น การใช้ "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" ต้องได้รับความยินยอมเพิ่มเติมจากผู้ใช้ และ "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" จะทำงานก็ต่อเมื่อผู้ใช้เลือกให้ความยินยอมนี้แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ใช้ "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" บนเว็บไม่ได้
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะปิด "<ph name="ASSISTANT_PRODUCT_NAME" />" ได้</translation>
<translation id="8766910236040529804">เปิดใช้คอนเทนเนอร์ของแอปตัวแสดงผล</translation>
<translation id="8767743923206070405">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแสดงปุ่มหน้าแรกในแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ปุ่มหน้าแรกไม่ปรากฏขึ้นมา
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกว่าจะแสดงปุ่มหน้าแรกหรือไม่</translation>
<translation id="8767749141825412133">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTH_SERVER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="8768528324886802059">การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ไม่อยู่ในรายการปฏิเสธ ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง
ระบบจะอนุญาตโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดโดยค่าเริ่มต้น แต่หากนโยบายปฏิเสธโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมด ผู้ดูแลระบบจะใช้รายการอนุญาตเพื่อเปลี่ยนนโยบายนั้นได้</translation>
<translation id="877101880914876353">ช่วงเวลาแสดงรูปภาพหน้าจอการเข้าสู่ระบบสำหรับโปรแกรมรักษาหน้าจอของอุปกรณ์</translation>
<translation id="877557628527387598">ลงชื่อเข้าใช้ด้วยรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8777369558049831576">แสดงช่องทำเครื่องหมาย "เปิดตลอดเวลา" ในกล่องโต้ตอบของโปรโตคอลภายนอก</translation>
<translation id="8778320022586618010">เปิดใช้การรายงานสถานะกราฟิกของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8780039702448388726">ปิดใช้การรายงานข้อมูลเวอร์ชันอุปกรณ์</translation>
<translation id="8782203407766130175">นโยบายนี้เปิดใช้การรองรับ URL ข้อมูลของ SVGUseElement ซึ่งจะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นตั้งแต่ในเวอร์ชัน M119 เป็นต้นไป
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" URL ข้อมูลจะใช้งานได้ต่อไปใน SVGUseElement
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ URL ข้อมูลจะใช้งานไม่ได้ใน SVGUseElement</translation>
<translation id="8786409859071107656">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดนโยบายการจัดการพลังงานของการแชร์พลังงานผ่าน USB
อุปกรณ์บางเครื่องจะมีพอร์ต USB พอร์ตหนึ่งซึ่งมีไอคอนรูปสายฟ้าหรือรูปแบตเตอรี่สำหรับชาร์จอุปกรณ์โดยใช้แบตเตอรี่ของระบบ นโยบายนี้ส่งผลต่อลักษณะการชาร์จของพอร์ตนี้ขณะที่ระบบอยู่ในโหมดสลีปและโหมดปิดเครื่อง นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อพอร์ต USB อื่นๆ และลักษณะการชาร์จขณะที่ระบบทำงานอยู่ เมื่อพอร์ต USB จ่ายไฟเสมอ
เมื่อระบบอยู่ในโหมดสลีป จะมีการจ่ายไฟไปยังพอร์ต USB เมื่ออุปกรณ์เสียบอยู่กับที่ชาร์จแบบเสียบผนังหรือหากระดับแบตเตอรี่มากกว่า 50% เมื่อระบบอยู่ในโหมดปิดเครื่อง จะมีการจ่ายไฟไปยังพอร์ต USB เมื่ออุปกรณ์เสียบอยู่กับที่ชาร์จแบบเสียบผนัง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการจ่ายไฟ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะเป็นการเปิดใช้นโยบาย และผู้ใช้จะปิดการใช้ไม่ได้</translation>
<translation id="8789053142986648624">บัญชีที่จัดการต้องเป็นบัญชีหลัก และผู้ใช้สามารถนำเข้าข้อมูลที่มีอยู่ในขณะที่สร้างบัญชี</translation>
<translation id="8789338675663014675">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยาย ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งส่วนขยายที่ถูกบล็อก เว้นแต่ว่าเป็นรายการที่อนุญาตพิเศษ คุณยังบังคับให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ติดตั้งส่วนขยายโดยอัตโนมัติได้ด้วยการระบุส่วนขยายใน <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> ระบบจะติดตั้งส่วนขยายที่บังคับติดตั้งแม้ว่าส่วนขยายจะอยู่ในรายการที่บล็อกก็ตาม</translation>
<translation id="879697755145469671">ไม่ตรวจหาหน้าต่างที่ถูกบัง</translation>
<translation id="8798099450830957504">ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="879863472982972634">การตั้งค่านโยบายนี้ให้คุณระบุรูปแบบ URL ซึ่งเจาะจงเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์เข้าถึงเครื่องพิมพ์ในเครือข่ายโดยอัตโนมัติผ่าน WebPrinting API
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_PRINTING_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_PRINTING_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="8799492680917278474">หากตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการยกเลิกการเชื่อมต่อของการเข้าถึงจากระยะไกลโดยอัตโนมัติหลังพ้นระยะเวลา (หน่วยเป็นนาที) ที่กำหนดไว้ในนโยบาย แต่ยังคงอนุญาตให้ไคลเอ็นต์เชื่อมต่ออีกครั้งหลังครบระยะเวลาเซสชันสูงสุด การตั้งค่านโยบายเป็นค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงต่ำสุด/สูงสุดอาจทำให้โฮสต์ไม่เริ่มทำงาน นโยบายนี้ไม่มีผลต่อสถานการณ์การสนับสนุนระยะไกล
และจะไม่มีผลหากไม่ได้ตั้งค่า ในกรณีนี้ การเชื่อมต่อของการเข้าถึงจากระยะไกลจะไม่กำหนดระยะเวลาสูงสุดสำหรับเครื่องนี้</translation>
<translation id="8800453707696044281">ตั้งค่าการหยุดชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเองเป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="8801680448782904838">แจ้งผู้ใช้ว่าควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์</translation>
<translation id="8802800226877198994">เปิดใช้การรองรับ GIF</translation>
<translation id="8804685015028424497">ปิดใช้โหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="8806478127647484805">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ยุติกระบวนการโดยใช้ตัวจัดการงานของ Chrome</translation>
<translation id="8807274441692477185">ไม่แสดงหน้าจอทิศทางการเลื่อนของทัชแพดระหว่างลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8807313206348471682">แสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันการออกจากระบบ</translation>
<translation id="8809082103104823938">การรองรับ GIF ในเครื่องมือเลือกอีโมจิ</translation>
<translation id="8812091410765157924">อนุญาตให้เปิดเฉพาะป๊อปอัปที่มีการกำหนดเป้าหมายแบบ <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> เพื่อโต้ตอบกับหน้าที่เปิดป๊อปอัป หากหน้าที่เปิดเลือกใช้การโต้ตอบดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง</translation>
<translation id="8816370949847593408">ระบบอาจไม่อนุญาตให้แอป Chrome ทำงาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานะของการเริ่มเลิกใช้งาน</translation>
<translation id="8818768076343557335">คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนเครือข่ายต่างๆ ที่ไม่ใช่เครือข่ายมือถือ
(เลิกใช้งานใน 50, นำออกใน 52 หลังจาก 52 หากมีการกำหนดค่า 1 ระบบจะถือว่าเป็นค่า 0 - คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ)</translation>
<translation id="8820434908768990758">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับเว็บไซต์ทั้งหมด แต่อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกไม่ใช้ได้</translation>
<translation id="8821678641132607468">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าประวัติการท่องเว็บจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าประวัติการท่องเว็บเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายประวัติการท่องเว็บไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="8825154502356129120">ปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ gnubby สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="8825261718850860999">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะปรากฏขึ้นเมื่อระบบคาดการณ์ว่าผู้ใช้จะใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ใช้แตะที่ช่องป้อนข้อมูลอย่างชัดแจ้งหรือเมื่อแอปพลิเคชันร้องขอ
เช่น สมมติว่าผู้ใช้ใช้แป้นพิมพ์เสมือนเพื่อพิมพ์ชื่อผู้ใช้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบแบบ 2 ขั้นตอน เมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบเปลี่ยนไปเป็นขั้นตอนการป้อนรหัสผ่าน หากนโยบายเป็น "จริง" อาจยังมองเห็นแป้นพิมพ์เสมือนได้อยู่ แม้ว่าผู้ใช้ไม่ได้แตะช่องป้อนรหัสผ่านก็ตาม หากนโยบายเป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์เสมือนจะหายไป
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือน (เช่น การใช้นโยบาย <ph name="TOUCH_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือหากอุปกรณ์เชื่อมต่อกับแป้นพิมพ์จริง)</translation>
<translation id="8825782996899863372">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำบนหน้าฟิชชิง</translation>
<translation id="8827275450034266143">สตริง User-Agent จะหยุดเวอร์ชันหลักไว้ที่ 99 และรวมเวอร์ชันหลักของเบราว์เซอร์ไว้ในตำแหน่งรอง</translation>
<translation id="8827366480126575426">โปรโตคอลสำหรับเครื่องจัดการโปรโตคอล</translation>
<translation id="8827417642396462482">อนุญาตประเภทคำขอ DNS เพิ่มเติม</translation>
<translation id="8830717323204407209">อนุญาตให้แสดงการโปรโมตส่วนขยายผู้ให้บริการเอกสารสิทธิ์แก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="8832829916385857156">หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา</translation>
<translation id="8833109046074170275">การตรวจสอบสิทธิ์ผ่านขั้นตอน GAIA เริ่มต้น</translation>
<translation id="8834641112681661892">การตั้งค่านโยบายจะระบุการหน่วงเวลาสูงสุดเป็นมิลลิวินาทีสำหรับช่วงเวลาระหว่างการรับข้อมูลการลบล้างนโยบายและการดึงข้อมูลนโยบายใหม่จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,000 (1 วินาที) ถึง 300,000 (5 นาที) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 10 วินาที</translation>
<translation id="8835322836315560274">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรอง นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ระหว่าง <ph name="INTERNET_EXPLORER_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="FIREFOX_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="SAFARI_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="OPERA_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="EDGE_VALUE_PLACEHOLDER" /> หรือเส้นทางของไฟล์ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเส้นทางของไฟล์ ระบบจะใช้ไฟล์นั้นเป็นไฟล์ที่ดำเนินการได้ <ph name="INTERNET_EXPLORER_VALUE_PLACEHOLDER" /> จะมีเฉพาะใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> <ph name="SAFARI_VALUE_PLACEHOLDER" /> และ <ph name="EDGE_VALUE_PLACEHOLDER" /> จะมีเฉพาะใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> และ <ph name="MAC_OS_NAME" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเฉพาะแพลตฟอร์มนั้นๆ ได้แก่ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> สำหรับ <ph name="MS_WIN_NAME" /> หรือ <ph name="SAFARI_PRODUCT_NAME" /> สำหรับ <ph name="MAC_OS_NAME" /> ส่วนใน <ph name="LINUX_OS_NAME" /> การเปิดเบราว์เซอร์สำรองจะทำไม่สำเร็จ</translation>
<translation id="8836975838488342340">เวลาที่ใช้รหัสการเข้าถึงได้ (เป็นวินาที)</translation>
<translation id="883744045558067826">ระบบอาจใช้ Chrome Root Store ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการเปิดตัวฟีเจอร์</translation>
<translation id="8837957135252624017">เปิดแท็บ Chrome ไว้อย่างน้อย 1 แท็บ</translation>
<translation id="8839799083601163225">นโยบายนี้ควบคุมว่ากระบวนการของบริการเครือข่ายจะเรียกใช้โดยใช้แซนด์บ็อกซ์หรือไม่
หากเปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของบริการเครือข่ายจะเรียกใช้โดยใช้แซนด์บ็อกซ์
หากปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของบริการเครือข่ายจะเรียกใช้โดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์ ซึ่งทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการเรียกใช้บริการเครือข่ายโดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่ากำหนดเริ่มต้นของแซนด์บ็อกซ์เครือข่าย ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามรุ่นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การทดสอบในวงจำกัดที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และแพลตฟอร์ม
นโยบายนี้มีไว้เพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการปิดใช้แซนด์บ็อกซ์เครือข่ายหากองค์กรใช้ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามซึ่งรบกวนแซนด์บ็อกซ์ของบริการเครือข่าย</translation>
<translation id="8840243776706727185">ฟีเจอร์ NewBaseUrlInheritanceBehavior ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="8842208363354615697">อนุญาตให้เปิดใช้โหมด "HTTPS เท่านั้น"</translation>
<translation id="8843331294082716286">ไม่ต้องแสดงข้อความแจ้งเกี่ยวกับ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ต่อผู้ใช้</translation>
<translation id="885147810817138322">แสดงคำแนะนำสื่อให้แก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="8852579753940989645">เปิดใช้ฟีเจอร์ความสมบูรณ์ของโค้ดในการแสดงผล</translation>
<translation id="8854571659927427063">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าบุ๊กมาร์กเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายบุ๊กมาร์กไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="8857793979935465678">นโยบายนี้ใช้กำหนดว่าจะอนุญาตให้โหมดการปกป้องแบบมาตรฐานของ Google Safe Browsing ส่งแฮชแบบบางส่วนของ URL ไปยัง Google ผ่านพร็อกซีทาง Oblivious HTTP ไหม เพื่อดูว่าสามารถเข้าชมได้อย่างปลอดภัยหรือไม่
พร็อกซีจะอนุญาตให้เบราว์เซอร์อัปโหลดแฮชแบบบางส่วนของ URL ไปยัง Google โดยไม่ลิงก์กับที่อยู่ IP ของผู้ใช้ นโยบายยังอนุญาตให้เบราว์เซอร์อัปโหลดแฮชแบบบางส่วนของ URL ด้วยความถี่ที่สูงขึ้น เพื่อคุณภาพการปกป้องที่ดียิ่งขึ้นของ Google Safe Browsing
ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้หาก Google Safe Browsing ปิดใช้อยู่หรือตั้งค่าเป็นโหมดการปกป้องที่ดียิ่งขึ้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้ทำการค้นหาผ่านพร็อกซีที่มีการปกป้องสูงขึ้นได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่อนุญาตให้ทำการค้นหาผ่านพร็อกซีที่มีการปกป้องสูงขึ้น ระบบจะอัปโหลดแฮชแบบบางส่วนของ URL ไปยัง Google โดยตรงด้วยความถี่ที่ต่ำลงมาก ซึ่งจะลดระดับการปกป้องลง</translation>
<translation id="8858642179038618439">บังคับใช้โหมดปลอดภัยของ YouTube</translation>
<translation id="8860342862142842017">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช subjectPublicKeyInfo</translation>
<translation id="8860894781631833477">ผู้ใช้จะกำหนดค่าเวอร์ชันการเผยแพร่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="8862086508140571198">นโยบายนี้ช่วยให้ตั้งค่ารายการ DLC (เนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้) ให้ดาวน์โหลดโดยเร็วที่สุด จากนั้น DLC ที่ดาวน์โหลดมาจะพร้อมให้ผู้ใช้ทุกคนในอุปกรณ์ใช้งานได้
วิธีนี้มีประโยชน์เมื่อผู้ดูแลระบบทราบว่าผู้ใช้อุปกรณ์มีแนวโน้มที่จะใช้ฟีเจอร์ที่ต้องมี DLC</translation>
<translation id="8864727482158496280">ไม่อนุญาตการอัปเดตอัตโนมัติเพิ่มเติม</translation>
<translation id="8864975621965365890">ระงับการแจ้งเรื่องการปฏิเสธ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อไซต์แสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8865404058177794289">ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นสําหรับการตรวจสอบการใช้งานคีย์ RSA</translation>
<translation id="8866430022832109569">การรายงานพื้นที่โฆษณาในแอป</translation>
<translation id="886645881209114007">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="8867166356020504023">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ระบบจะทำการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบที่อยู่ หากต้องการระบุผู้ให้บริการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น ให้ตั้งค่าส่วนที่เหลือของนโยบายการค้นหาเริ่มต้น หากปล่อยนโยบายเหล่านี้ว่างไว้ ผู้ใช้จะเลือกผู้ให้บริการเริ่มต้นได้ หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่มีการค้นหาเมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบที่อยู่ <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" /> ไม่รองรับค่า "ปิดใช้"
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะเปิดใช้ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น และผู้ใช้จะกำหนดรายการผู้ให้บริการค้นหาได้
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, เข้าร่วม <ph name="MS_AAD_NAME" /> หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" />
ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM, เข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX หรือลงทะเบียนใน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="8867894831390233044">ควบคุมว่าผู้ใช้จะใช้การแก้ไขข้อบกพร่องจากระยะไกลได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้อาจใช้การแก้ไขข้อบกพร่องจากระยะไกลได้โดยระบุการเปลี่ยนบรรทัดคำสั่ง --remote-debugging-port และ --remote-debugging-pipe
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การแก้ไขข้อบกพร่องจากระยะไกล</translation>
<translation id="8870995142109792885">เปิดใช้เครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน</translation>
<translation id="8871974300055371298">การตั้งค่าเนื้อหา</translation>
<translation id="8872402969096027761">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
ฟีเจอร์นี้ทำให้เกิดการคลิกโดยอัตโนมัติเมื่อเคอร์เซอร์ของเมาส์หยุดลงโดยผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มเมาส์หรือทัชแพด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8873089107816226072">การตั้งค่านโยบายจะระบุเขตเวลาของอุปกรณ์และปิดการปรับเขตเวลาตามตำแหน่งโดยอัตโนมัติในขณะที่ลบล้างนโยบาย <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_POLICY_NAME" /> ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงเขตเวลาไม่ได้
อุปกรณ์เครื่องใหม่จะมีเขตเวลาเริ่มต้นเป็น "สหรัฐฯ/แปซิฟิก" รูปแบบของค่าเป็นไปตามชื่อในฐานข้อมูลเขตเวลาของ IANA (https://en.wikipedia.org/wiki/Tz_database) การป้อนค่าที่ไม่ถูกต้องจะเปิดใช้งานนโยบายที่ใช้ GMT
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือป้อนสตริงว่าง อุปกรณ์จะใช้เขตเวลาที่ใช้อยู่ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8880146422959594776">อนุญาตให้บริการบางอย่างใน <ph name="PRODUCT_OS_FLEX_NAME" /> ส่งข้อมูลฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม
ระบบใช้ข้อมูลฮาร์ดแวร์นี้เพื่อปรับปรุง <ph name="PRODUCT_OS_FLEX_NAME" /> โดยรวม
เช่น เราอาจวิเคราะห์ผลกระทบของการขัดข้องตาม CPU หรือจัดลำดับความสำคัญในการแก้ไขข้อบกพร่องตามจำนวนอุปกรณ์ที่แชร์คอมโพเนนต์
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะส่งรายละเอียดฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมจากอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_FLEX_NAME" />
หากปิดใช้ ระบบจะส่งเฉพาะข้อมูลฮาร์ดแวร์มาตรฐาน</translation>
<translation id="8880294585549584028">อนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8882006618241293596">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8882255181490012651">ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์เข้าถึงรูปภาพและวิดีโอล่าสุดที่ถ่ายในโทรศัพท์ของตน</translation>
<translation id="8882307005437314052">เปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้ผู้ใช้ปิดใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="8883577480680089760">ปิดใช้บริการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> V2 และไม่ต้องเปิดเดสก์ระยะไกลเมื่อเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8887709920496070892">ระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนแสดงกล่องคำเตือนหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้</translation>
<translation id="8888289774309799423">ไม่อนุญาตให้ตั้งค่า <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /></translation>
<translation id="8890438048579188548">ซ่อนคำเตือนการเลิกใช้งาน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="8891334958985336685">ปิดใช้การรายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8892286064305622118">ต้องมีพื้นที่ว่างในดิสก์เพื่อติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="8892783613915541293">การหน่วงเวลาและการดำเนินการที่จะทำเมื่อไม่มีการใช้งานอุปกรณ์ขณะเสียบปลั๊ก</translation>
<translation id="8897796778265450949">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน GAIA โดยไม่มี SAML จะเข้าสู่ระบบแบบออฟไลน์ได้</translation>
<translation id="889814528399907891">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> และกำหนดให้เป็นเบราว์เซอร์หลัก</translation>
<translation id="8900312706328930425">ความถี่ของการรายงานในระบบคลาวด์ (เป็นชั่วโมง)</translation>
<translation id="8903283771634816230">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการเป็นปลายทางเริ่มต้นสำหรับการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้ล่าสุดเป็นปลายทางเริ่มต้นสำหรับการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="8904721489610046109">การตั้งค่านโยบายจะเปิดหรือปิดการควบคุมเครือข่าย ซึ่งเป็นการควบคุมระบบให้มีอัตราการอัปโหลดและดาวน์โหลดที่ระบุไว้ (หน่วยเป็น kbit/s) การตั้งค่านี้จะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์</translation>
<translation id="8906768759089290519">เปิดใช้งานโหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="8908294717014659003">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงหรือไม่ การเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงอาจได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้สามารถรับข้อความสอบถามทุกๆ ครั้งที่เว็บไซต์ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ "PromptOnAccess" จะถูกใช้และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8911348623012274122">ตั้งขีดจำกัดหน่วยความจำสำหรับอินสแตนซ์ของ Chrome</translation>
<translation id="8911736066340032670">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผล เช่น อัตราการรีเฟรช และข้อมูลเกี่ยวกับกราฟิก เช่น เวอร์ชันของไดรเวอร์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก</translation>
<translation id="891435090623616439">เข้ารหัสเป็นสตริง JSON ดูรายละเอียดได้ที่ <ph name="COMPLEX_POLICIES_URL" /></translation>
<translation id="8917070657147922192">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้</translation>
<translation id="8919100556245407184">เวลาเป็นจำนวนวันหลังจากโพสต์การหมดอายุของอัปเดตอัตโนมัติซึ่งผู้ใช้จะออกจากระบบหากเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่ำกว่า <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> ตามที่ระบุไว้</translation>
<translation id="8919369436496201075">อนุญาตให้อุปกรณ์รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับ LTS</translation>
<translation id="8921669704201370845">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> สำหรับโปรไฟล์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="8922231993239705844">ปิดใช้การไฮไลต์เคอร์เซอร์</translation>
<translation id="8922494933893518624">บังคับให้เปิดใช้ WebSQL ในบริบทที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="8923028772162236077">แสดง URL เริ่มต้น</translation>
<translation id="8930064580550462145">ในระหว่างการเข้าสู่ระบบผ่านหน้าจอล็อก <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ (แบบออนไลน์) หรือใช้รหัสผ่านในแคช (แบบออฟไลน์) ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -2 นโยบายจะใช้ค่าขีดจำกัดเวลาในการลงชื่อเข้าใช้แบบออฟไลน์ของหน้าจอการเข้าสู่ระบบซึ่งมาจาก <ph name="POLICY" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น -1 นโยบายจะไม่บังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์ในหน้าจอล็อกและจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออฟไลน์ เว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนโยบายนี้บังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์
หากตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะต้องตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์เสมอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่น จะเป็นการระบุจำนวนวันตั้งแต่เวลาที่ตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์ครั้งสุดท้ายถึงเวลาที่ผู้ใช้ต้องตรวจสอบสิทธิ์แบบออนไลน์อีกครั้งในการลงชื่อเข้าสู่ระบบครั้งถัดไปผ่านหน้าจอล็อก
นโยบายนี้มีผลกับผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วย GAIA โดยไม่มี SAML
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นวัน</translation>
<translation id="8931555638815157255">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันเฟิร์มแวร์เป็นระยะ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลเวอร์ชัน</translation>
<translation id="8934485887744460569">กำหนดค่าวิธีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ดาวน์โหลดโมเดล GenAI พื้นฐานและใช้สำหรับการอนุมานเป็นการภายใน
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "อนุญาต" (0) หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะดาวน์โหลดโมเดลโดยอัตโนมัติและใช้สำหรับการอนุมาน
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" (1) ระบบจะไม่ดาวน์โหลดโมเดล
แต่ <ph name="COMPONENT_UPDATES_ENABLED_POLICY_NAME" /> อาจปิดใช้การดาวน์โหลดโมเดลได้เช่นกัน</translation>
<translation id="8937282917198525844"> ตั้งแต่เวอร์ชัน M81 เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์มมาตรฐาน (เช่น &lt;select&gt;, &lt;button&gt;, &lt;input type=date&gt;) ได้รับการปรับรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมด้วยการช่วยเหลือพิเศษที่ได้รับการปรับปรุง และแพลตฟอร์มที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น นโยบายนี้คืนค่าเอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์ม "เดิม" แบบเก่าไปจนถึงเวอร์ชัน M84
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์ม "เดิม" กับเว็บไซต์ทั้งหมด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์มตามที่มีการเปิดตัวใน M81, M82 และ M83
เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจาก Chrome 84</translation>
<translation id="8940173892071872775">ควบคุมการดำเนินการที่เรียกใช้เมื่อไม่มีการใช้งานเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="8941673774841510404">ควบคุมการตั้งค่าโปรแกรมรักษาหน้าจอสำหรับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของอุปกรณ์และหน้าจอล็อกของผู้ใช้</translation>
<translation id="8942616385591203339">นโยบายนี้ควบคุมว่าการขอคำยินยอมให้ซิงค์จะแสดงต่อผู้ใช้รายหนึ่งๆ ในระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้เป็นครั้งแรกได้หรือไม่ ตั้งค่านโยบายนี้เป็นเท็จหากไม่จำเป็นต้องขอคำยินยอมให้ซิงค์จากผู้ใช้
หากตั้งค่าเป็นเท็จ ระบบจะไม่แสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์
หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์</translation>
<translation id="8943744188513019866">นโยบายนี้ระบุเวอร์ชันที่ถูกต้องในปัจจุบันของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence
ซึ่งจะนำไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชันที่ผู้ปกครองยอมรับล่าสุดและใช้เพื่อแจ้งให้ผู้ปกครองต่ออายุสิทธิ์เมื่อจำเป็น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันของข้อกำหนดในการให้บริการได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence ไม่ได้
นโยบายนี้ใช้สำหรับผู้ใช้ Family Link เท่านั้น</translation>
<translation id="8947415621777543415">รายงานตำแหน่งอุปกรณ์</translation>
<translation id="8948062138228904066">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="8951350807133946005">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับแคชของดิสก์</translation>
<translation id="8952611478149810182">มีการเปลี่ยนแปลงการส่งเหตุการณ์ในตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้ใน Chromium เพื่อปรับปรุงความเข้ากันได้กับเบราว์เซอร์อื่นๆ รวมถึงปรับปรุงการใช้งานสําหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้มีการส่งเหตุการณ์ MouseEvents ไปยังองค์ประกอบของตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้ ยกเว้นเหตุการณ์ click, mouseup และ mousedown โดยเหตุการณ์ใหม่จะรวมถึง mousemove, mouseenter และ mouseleave เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังจะตัดทอนเส้นทางของเหตุการณ์ click, mouseup และ mousedown เมื่อมีการส่งไปยังองค์ประกอบย่อยของตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีการส่งเหตุการณ์ดังกล่าวไปยังตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้อยู่ หรือไปยังตัวควบคุมขององค์ประกอบระดับบนขององค์ประกอบย่อยนั้นๆ
ลักษณะการทํางานแบบใหม่นี้อาจทำให้บางเว็บไซต์เสียหาย
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบใหม่
หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบเก่า
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทํางานแบบใหม่เช่นเดียวกับผู้ใช้ Chromium ที่เหลือ</translation>
<translation id="8955719471735800169">กลับไปด้านบน</translation>
<translation id="8956312248048980644">อนุญาตการสร้างคลัสเตอร์ Agent ที่ผูกกับต้นทางโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8963464192296208229">การตั้งค่า F11 ใช้แป้นพิมพ์ลัดที่มีแป้นกดร่วม Alt</translation>
<translation id="8970205333161758602">ระงับการแจ้งเตือนการปฏิเสธของ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8973579598359969188">เลือกว่าจะแสดงข้อความแจ้งเกี่ยวกับ <ph name="PRIVACY_SANDBOX_NAME" /> ต่อผู้ใช้ได้หรือไม่</translation>
<translation id="8974457039656761249">ควบคุมฟีเจอร์การเขียนแบบช่วยคาดเดาบนแป้นพิมพ์จริง</translation>
<translation id="8974588819713914715">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="8976248126101463034">อนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="8976531594979650914">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8977192934280677167">อนุญาตการเข้าถึงการค้นหาเมนูตามบริบทของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="8983537551095611459">กำหนดค่ารายการรหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากขั้นตอนการล้างข้อมูลเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแบบจำกัด</translation>
<translation id="8983539044126123594">เปิดการลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google บัญชีอื่นๆ</translation>
<translation id="8985219286836584291">เปิดใช้การรายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8986738188516411168">เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยอนุญาตให้ข้อมูลจากแอปและบริการของ Google ปรากฏในแพลตฟอร์มระบบของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้การผสานรวมที่เลือกใน <ph name="CONTEXTUAL_GOOGLE_INTEGRATIONS_CONFIGURATION" />
หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การผสานรวมทั้งหมด</translation>
<translation id="8992176907758534924">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดแสดงภาพ</translation>
<translation id="8994850249590725417">ไม่แสดงการแจ้งเตือนด้านความเป็นส่วนตัว</translation>
<translation id="8994954504552592260">เปิดใช้การย้ายข้อมูลของอุปกรณ์ที่มีการจัดการของ <ph name="MS_AD_NAME" /> ไปยังการจัดการระบบคลาวด์ นโยบายนี้ทำให้เกิดการเริ่มจากระยะไกลสำหรับการย้ายข้อมูลแบบไร้สัมผัสของอุปกรณ์หลายเครื่องในบริษัท นอกจากนี้ การย้ายข้อมูลยังมีความโปร่งใสมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับผู้ใช้ปลายทาง
หากเปิดใช้นโยบายนี้และมีการอัปโหลดรหัสการลงทะเบียนไปยัง DMServer แล้ว ระบบจะเรียกให้ฟีเจอร์ Powerwash ของอุปกรณ์ระยะไกลทำงาน
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่เรียกให้ฟีเจอร์ Powerwash ของอุปกรณ์ระยะไกลทำงานแยกออกจากสถานะการอัปโหลดรหัสการลงทะเบียน
ระบบจะเรียกให้ตัวเลือกนี้ทำงานเมื่อมีการโหลดหน้าจอการเข้าสู่ระบบ และจะลองใหม่ทุกชั่วโมง (หากอุปกรณ์อยู่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบต่อไป) การดำเนินการนี้จะป้องกันไม่ให้การย้ายเข้ามูลเริ่มต้นขึ้นระหว่างเซสชันของผู้ใช้ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหากับผู้ใช้ปลายทาง</translation>
<translation id="8995019632040507706">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่เข้าถึงเซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SENSORS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
หากมีรูปแบบ URL เดียวกันอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SENSORS_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์แสงจะถูกบล็อก
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="9003823644527627017">กำหนดค่า Bruschetta VM ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="9004469022085379212">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต้องเปิดใช้ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เพื่อใช้ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าอุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนไม่ได้ การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มเครื่องเสมือนใหม่ ไม่ใช่เครื่องเสมือนที่ทำงานอยู่แล้ว
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ อุปกรณ์ดังกล่าวจะเรียกใช้เครื่องเสมือนไม่ได้ อุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการจะเรียกใช้เครื่องเสมือนได้</translation>
<translation id="9005558710192691218">นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบจำกัดบัญชีที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> เมื่อเปิดใช้นโยบาย <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_MOUNT_POLICY_NAME" />
หากนโยบายนี้มีค่าเป็น "<ph name="COMMON_NAME" />" จะใช้บัญชีใดก็ได้เพื่อลงชื่อเข้าใช้
หากนโยบายนี้มีค่าเป็น "<ph name="ORGANIZATIONS_NAME" />" จะใช้บัญชีงานหรือบัญชีโรงเรียนก็ได้เพื่อลงชื่อเข้าใช้
หากนโยบายนี้มีค่าเป็น "<ph name="CONSUMERS_NAME" />" จะใช้บัญชี <ph name="MICROSOFT_NAME" /> ส่วนบุคคลเพื่อลงชื่อเข้าใช้ได้
หากนโยบายนี้มีชื่อโดเมนหรือ Tenant ID จะใช้บัญชีจากชื่อโดเมนหรือ Tenant ID เหล่านี้ (ดูที่ https://learn.microsoft.com/en-us/azure/active-directory/develop/v2-protocols#endpoints) เพื่อลงชื่อเข้าใช้ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือนโยบายมีเพียงค่าว่าง สำหรับผู้ใช้ทั่วไป นโยบายจะทำงานเสมือนมีการระบุ "<ph name="COMMON_NAME" />" ไว้ และสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กร นโยบายจะทำงานเสมือนมีการระบุ "<ph name="ORGANIZATIONS_NAME" />" ไว้
การเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดดังกล่าวอาจนำไปสู่การนำผู้ใช้ออกจากระบบบัญชี <ph name="MICROSOFT_ONE_DRIVE_NAME" /> ในกรณีที่ไม่เป็นไปตามข้อจำกัดใหม่
หมายเหตุ: ในขณะนี้ระบบจะพิจารณาเฉพาะรายการแรกเท่านั้น ส่วนขยายรุ่นต่อมาจะรองรับหลายรายการ</translation>
<translation id="9007632512838819703">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน
บังคับให้ปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น
หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ ผู้ใช้จะยังคงเปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ไม่ได้อยู่ในรายการได้
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ
หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น
ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation>
<translation id="9009119876570708617">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่รุ่น M85 โปรดใช้ <ph name="POLICY_NAME" /> เพื่ออนุญาตเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยแบบรายเว็บไซต์แทน
นโยบายนี้ควบคุมการดูแลเนื้อหาผสม (เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ในเบราว์เซอร์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอัปเกรดเนื้อหาผสมประเภทเสียงและวิดีโอเป็น HTTPS โดยอัตโนมัติ (เช่น ระบบจะเขียน URL ใหม่เป็น HTTPS โดยไม่มี URL สำรองหากทรัพยากรไม่พร้อมใช้งานใน HTTPS) และจะแสดงคำเตือน "ไม่ปลอดภัย" ในแถบ URL สำหรับเนื้อหาผสมประเภทรูปภาพ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การอัปเกรดอัตโนมัติสำหรับเสียงและวิดีโอ และจะไม่แสดงคำเตือนสำหรับรูปภาพ
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อเนื้อหาผสมประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสียง วิดีโอ และรูปภาพ
นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 84</translation>
<translation id="9009505213521705952">หากปิดใช้ <ph name="SSL_ERROR_OVERRIDE_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ไว้ การตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้คุณตั้งค่ารายการรูปแบบต้นทางได้ ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ผู้ใช้จะคลิกผ่านหน้าคำเตือนที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงขึ้นเมื่อผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่มีข้อผิดพลาด SSL ผู้ใช้จะคลิกผ่านหน้าคำเตือน SSL ในต้นทางที่ไม่อยู่ในรายการนี้ไม่ได้
หากเปิดใช้ <ph name="SSL_ERROR_OVERRIDE_ALLOWED_POLICY_NAME" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ นโยบายนี้จะไม่ดำเนินการใดๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="SSL_ERROR_OVERRIDE_ALLOWED_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบอินพุตที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้ นโยบายนี้จะจับคู่โดยอิงตามต้นทางเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงเพิกเฉยต่อเส้นทางใดก็ตามในรูปแบบ URL</translation>
<translation id="9010080992450148617">เปิดใช้การส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนอย่างละเอียดสำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง</translation>
<translation id="9012101302849557459">ขยายการรองรับแอป Chrome ใน <ph name="MS_WIN_NAME" />, <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /></translation>
<translation id="9013875414788074110">ในระหว่างการเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ (แบบออนไลน์) หรือใช้รหัสผ่านในแคช (แบบออฟไลน์) ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -1 ผู้ใช้จะตรวจสอบสิทธิ์แบบออฟไลน์ได้ตลอดเวลา เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่นจะเป็นการระบุช่วงเวลานับตั้งแต่การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์ครั้งสุดท้าย และผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ขีดจำกัดเวลา 14 วันเป็นค่าเริ่มต้น และผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้ SAML
ค่านโยบายต้องมีหน่วยเป็นวินาที</translation>
<translation id="9015578113567730893">อัตราการรวบรวมการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของวิดีโอเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="9015759770696099204">การตั้งค่า F11/F12 ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="9015952763003753868">ทำให้ <ph name="ACAM_HEADER_NAME" /> ตรงกันกับข้อกำหนดในการตรวจสอบล่วงหน้าของ <ph name="CORS" /> ที่เข้ากันได้</translation>
<translation id="9020630127193895800">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีคราม</translation>
<translation id="9031831501689819108">เปิดการรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="9032595854515551464">เปิดใช้บริการ <ph name="PRODUCT_NAME" /> V2 และเปิดเดสก์ระยะไกลเมื่อเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="903334067190374761">ตั้งค่าป้ายกำกับโปรไฟล์ที่กำหนดเอง</translation>
<translation id="9034285085962866065">อนุญาตให้ปรับแต่งแป้นพิมพ์ลัดของระบบ</translation>
<translation id="9035086760683255833">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์วัตถุที่แป้นพิมพ์โฟกัส
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="9038839118379817310">เปิดใช้ Wi-Fi</translation>
<translation id="9039822628127365650">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุระยะเวลาสิ้นสุดเซสชันหลังจากที่ผู้ใช้ออกจากระบบโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จะได้ดูเวลาที่เหลือได้จากนาฬิกานับเวลาถอยหลังที่แสดงในถาดระบบ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่จำกัดระยะเวลาของเซสชัน
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะแก้ไขหรือลบล้างนโยบายไม่ได้
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที โดยจำกัดช่วงของค่าให้อยู่ระหว่าง 30 วินาทีถึง 24 ชั่วโมง</translation>
<translation id="9040042535845939426">ตั้งสถานะหน้าจอส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="904090524252041302">นโยบายสําหรับควบคุมว่าจะอนุญาตให้เครื่องมือการช่วยเหลือพิเศษใช้การคํานวณแบบไดนามิกกับตัวกรองสําหรับโครงสร้างการช่วยเหลือพิเศษใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพหรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า เครื่องมือการช่วยเหลือพิเศษจะได้รับอนุญาตให้ใช้การคํานวณแบบไดนามิกกับโหมดตัวกรองสําหรับโครงสร้างการช่วยเหลือพิเศษใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" เครื่องมือการเข้าถึงพิเศษจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การคํานวณแบบไดนามิกกับโหมดตัวกรองสําหรับโครงสร้างการช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="9046248916118130378">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รวบรวมบันทึกข้อความ WebRTC จากบริการของ Google เช่น Google Meet และอัปโหลดไปยัง Google ได้ บันทึกเหล่านี้มีข้อมูลการวินิจฉัยสำหรับแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องเกี่ยวกับการประชุมด้วยเสียงหรือการประชุมทางวิดีโอใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น ข้อมูลเมตาข้อความที่อธิบายสตรีมขาเข้าและขาออกใน WebRTC, รายการบันทึกที่เจาะจงของ WebRTC รวมถึงข้อมูลระบบเพิ่มเติม บันทึกเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาเสียงหรือวิดีโอจากการประชุม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการอัปโหลดบันทึกดังกล่าวไปยัง Google บันทึกจะยังคงเก็บสะสมไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> สามารถรวบรวมและอัปโหลดบันทึกเหล่านี้ได้โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="9050853837490399534">นโยบายนี้จะควบคุมว่าอุปกรณ์ควรอัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix หรือไม่
หากกำหนดค่านโยบายเป็นโทเค็นที่แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อุปกรณ์จะได้รับการอัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix ที่เกี่ยวข้องหากการอัปเดตไม่ได้ถูกบล็อกโดยนโยบายอื่น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือหากค่าของนโยบายไม่ได้แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อุปกรณ์ก็จะไม่อัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix หากอุปกรณ์ใช้บิวด์ Quick Fix อยู่แล้วและไม่ได้มีการตั้งค่านโยบายอีกต่อไป หรือค่าของนโยบายไม่ได้แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อีกต่อไป อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นบิวด์ปกติหากการอัปเดตไม่ได้ถูกบล็อกโดยนโยบายอื่น</translation>
<translation id="9051019223077908578">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งไว้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="9053841574218808519">เรียกใช้ปลั๊กอินที่ทันสมัยเสมอ</translation>
<translation id="9055866143096316150">ลดระดับคำขอ Wake Lock หน้าจอเป็นคำขอ Wake Lock ระบบ</translation>
<translation id="9057444687284972605">ช่วยให้คุณแจ้งรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่มีการเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์โดยอัตโนมัติในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในเฟรมที่โฮสต์ขั้นตอน SAML หากเว็บไซต์นั้นขอใบรับรอง ตัวอย่างการใช้งานคือกำหนดค่าใบรับรองสำหรับทั้งอุปกรณ์เพื่อแสดงต่อ SAML IdP
ค่าจะเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ที่มีรูปแบบเป็นสตริงซึ่งแต่ละรายการมีรูปแบบ <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_EXAMPLE" /> โดยที่ <ph name="URL_PATTERN_PLACEHOLDER" /> เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> จำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง
ตัวอย่างการใช้งานส่วน <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" />
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_FILTER_EXAMPLE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName <ph name="ISSUER_CN_PLACEHOLDER" />
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีทั้งส่วน <ph name="ISSUER_STRING_VALUE" /> และ <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATION" /> ใบรับรองต้องมีอย่างน้อย 1 องค์กรที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATIONAL_UNIT" /> ใบรับรองต้องมีหน่วยขององค์กรอย่างน้อย 1 หน่วยที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="EMPTY_DICTIONARY" /> การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม โปรดทราบว่าตัวกรองที่ได้มาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์จะยังคงมีผลอยู่
หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มีการเลือกใบรับรองโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="9066311316566875681">เทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการ วิธีระบุรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS หลายรายการคือเว้นวรรคระหว่างเทมเพลต URI ที่เกี่ยวข้อง
หากตั้งค่า DnsOverHttpsMode เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_SECURE" /> ก็ต้องตั้งค่านโยบายนี้และนโยบายต้องไม่ว่างเปล่า คุณจะต้องตั้งค่านโยบายนี้หรือ <ph name="DOH_TEMPLATES_WITH_IDENTIFIERS_POLICY_NAME" /> มิเช่นนั้น การแปลง DNS จะไม่สำเร็จ (เฉพาะใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น)
หากตั้งค่า DnsOverHttpsMode เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_AUTOMATIC" /> และตั้งค่านโยบายนี้ด้วย ระบบก็จะใช้เทมเพลต URI ที่ระบุไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การจับคู่แบบฮาร์ดโค้ดเพื่อพยายามอัปเกรดรีโซลเวอร์ DNS ปัจจุบันของผู้ใช้เป็นรีโซลเวอร์ DoH ที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการรายเดียวกัน
หากเทมเพลต URI มีตัวแปร <ph name="HTTP_VARIABLE_DNS" /> คำขอที่ส่งไปยังรีโซลเวอร์จะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_GET" /> หากไม่มี คำขอจะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_POST" />
ระบบจะไม่สนใจเทมเพลตที่จัดรูปแบบไม่ถูกต้อง</translation>
<translation id="9068629430243705879">พอร์ต 6566 (เลิกบล็อกได้จนถึง 15/10/2021)</translation>
<translation id="9069503402414011061">การตั้งค่านโยบายจะระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตที่ขอบเขตของเครื่องเชื่อถือ (ขอบเขตที่เชื่อมโยง) การแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์จึงช่วยให้ลงชื่อเข้าใช้ได้เร็วขึ้น จะไม่มีการแคชข้อมูลที่ระบุตัวผู้ใช้และข้อมูลสำหรับขอบเขตที่ไม่เชื่อมโยง
การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งทำให้ระบบต้องดึงข้อมูลที่เจาะจงขอบเขตทุกครั้งที่มีการลงชื่อเข้าใช้ การปิดการแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์จึงอาจทำให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ได้ช้าลงอย่างมาก
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่แคชไว้ซ้ำได้เป็นเวลาสูงสุด 73 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การรีสตาร์ทอุปกรณ์จะล้างแคช ระบบแคชข้อมูลขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราวด้วยเช่นกัน ปิดแคชเพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดตามขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="9069588907259547232">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานระดับเสียงของอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่บันทึกหรือรายงานสถานะเสียง
ข้อยกเว้น: ข้อมูลระดับเสียงของระบบจะควบคุมโดย <ph name="REPORT_DEVICE_HARDWARE_STATUS" /> สำหรับรุ่น M95 ลงมา</translation>
<translation id="9072475476775217730">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตป๊อปอัปที่กำหนดเป้าหมายแบบ <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> เพื่อเข้าถึง (ผ่าน JavaScript) หน้าที่ขอเปิดป๊อปอัปดังกล่าว
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้มีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="WINDOW_OPENER_PROPERTY" /> เป็น <ph name="NULL_VALUE" /> เว้นแต่แท็ก Anchor จะระบุ <ph name="REL_OPENER_ATTRIBUTE" />
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 102
ดู https://chromestatus.com/feature/6140064063029248</translation>
<translation id="9073405975862312795">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานระยะเวลาเมื่อผู้ใช้กำลังใช้งานอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่บันทึกหรือรายงานจำนวนครั้งของกิจกรรม</translation>
<translation id="9076477053438828079">แสดงชื่อและรูปภาพผู้ใช้เสมอ</translation>
<translation id="9077227880520270584">ตัวจับเวลาการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="9079531125758468956">ปิดใช้การนำเข้าบุ๊กมาร์กเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="9084038227968802480">เปิดใช้การรายงานฮาร์ตบีตของกิจกรรมในอุปกรณ์</translation>
<translation id="9084985621503260744">ระบุว่ากิจกรรมวิดีโอมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation>
<translation id="9087434639296483430">รายงานเหตุการณ์การเข้าสู่ระบบ/ออกจากระบบของผู้ใช้ในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ รวมถึงการเข้าสู่ระบบไม่สำเร็จ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานเหตุการณ์การเข้าสู่ระบบ/ออกจากระบบของอุปกรณ์</translation>
<translation id="9087652369391570821">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnFileTransfer</translation>
<translation id="9088191250434406767">การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้ผู้ใช้ค้นหาด้วยกล้องของตนโดยใช้ <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้จะไม่เห็นปุ่ม <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /> ในช่องค้นหาเมื่อระบบรองรับการค้นหาที่ได้รับความช่วยเหลือจากกล้อง <ph name="GOOGLE_LENS_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="9088433379343318874">เปิดใช้ผู้ให้บริการเนื้อหาสำหรับผู้ใช้ภายใต้การควบคุมดูแล</translation>
<translation id="9088444059179765143">กำหนดค่าวิธีการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation>
<translation id="9096772739225230999">ไม่รายงานการกำหนดค่าเครือข่าย</translation>
<translation id="9098409326885953506">ตรวจหาหน้าต่างที่ถูกบังและระงับการระบายสี</translation>
<translation id="9105265795073104888">แอป Android สามารถใช้เพียงชุดย่อยของตัวเลือกการกำหนดค่าพร็อกซี โดยแอป Android อาจเลือกใช้พร็อกซีโดยสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับให้แอปใช้พร็อกซีได้</translation>
<translation id="9106865192244721694">อนุญาต WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="9107635531763682565">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์แสดงการแจ้งเตือนในเดสก์ท็อปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการแจ้งเตือนในเดสก์ท็อป
การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="ASK_NOTIFICATIONS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="9110251436602897914">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เสียบเข้ากับอุปกรณ์</translation>
<translation id="9110485853581788150">รายการใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือหรือเชื่อถือไม่ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่สามารถใช้เป็นคำแนะนำในการสร้างเส้นทาง ใบรับรองควรเข้ารหัสฐาน 64</translation>
<translation id="9111850884577810507">ช่องนี้ต้องตรงกับสตริงใดสตริงหนึ่งที่แสดงถึงเครื่องพิมพ์ที่รองรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะใช้สตริงนี้เพื่อระบุและติดตั้ง PPD ที่เหมาะสมสำหรับเครื่องพิมพ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome?p=noncloudprint</translation>
<translation id="9112727953998243860">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร</translation>
<translation id="9113058104383612727">เปิดใช้เครื่องมือแก้ปัญหาคีออสก์</translation>
<translation id="9113065986946552397">แชร์ผลลัพธ์จากการล้างข้อมูลด้วยฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome กับ Google</translation>
<translation id="9113262510565261950">ระยะหมดเวลาเนื่องจากไม่มีการใช้งานหน้าจอการเข้าสู่ระบบสำหรับโปรแกรมรักษาหน้าจอของอุปกรณ์</translation>
<translation id="911605919007170833">รายงานสถานะความปลอดภัย</translation>
<translation id="9117826695152538214">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดคีย์ติดหนึบไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดคีย์ติดหนึบไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ คีย์ติดหนึบจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="91206085111961438">ควบคุมความพร้อมใช้งานของส่วนขยายที่ใช้ไฟล์ Manifest V2</translation>
<translation id="9122865885571719292">ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะคืนค่าเซสชันล่าสุดเมื่อเข้าสู่ระบบหรือไม่และอย่างไร
นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อตั้งค่านโยบาย <ph name="FULL_RESTORE_ENABLED_NAME" /> เป็น "จริง"</translation>
<translation id="9123464369663964441">อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม</translation>
<translation id="9124770007620653639">ไม่ส่งข้อมูลความเสถียรของโดเมนไปยัง Google</translation>
<translation id="9126331659955304300">อนุญาตให้เลือกรูปโปรไฟล์ของผู้ใช้จากระบบไฟล์ในเครื่อง กล้อง และโปรไฟล์ Google</translation>
<translation id="9126491667911789829">การตั้งค่านโยบายนี้จะเป็นการระบุรายการเว็บแอปที่ติดตั้งโดยผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ และจะถอนการติดตั้งหรือปิดไม่ได้
รายการย่อยแต่ละรายการในนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มีสมาชิกที่จำเป็น 1 รายการ ซึ่งก็คือ <ph name="URL_LABEL" /> (URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้ง) และสมาชิกที่ไม่บังคับ 6 รายการคือ <ph name="DEFAULT_LAUNCH_CONTAINER_LABEL" /> (สำหรับการเปิดเว็บแอป ค่าเริ่มต้นคือแท็บใหม่) และ <ph name="CREATE_DESKTOP_SHORTCUT_LABEL" /> (เป็น "จริง" หากคุณต้องการสร้างทางลัดบนเดสก์ท็อปสำหรับ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> และ <ph name="MS_WIN_NAME" />)
- <ph name="FALLBACK_APP_NAME_LABEL" />
(<ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 90 เป็นต้นไปจะอนุญาตให้ลบล้างชื่อแอปได้หากไม่ใช่ Progressive Web App (PWA) หรือชื่อแอปที่ติดตั้งชั่วคราวหากเป็น PWA แต่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ก่อนที่จะติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ หากมีการระบุทั้ง <ph name="CUSTOM_NAME_LABEL" /> และ <ph name="FALLBACK_APP_NAME_LABEL" /> ระบบจะไม่สนใจรายการหลัง)
- <ph name="OVERRIDE_APP_NAME_LABEL" />
(<ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 99 เป็นต้นไป และเวอร์ชัน 112 ในระบบปฏิบัติการอื่นทั้งหมดสำหรับเดสก์ท็อปจะอนุญาตให้ลบล้างชื่อแอปสำหรับเว็บแอปและ PWA ทั้งหมดได้อย่างถาวร)
- <ph name="CUSTOM_ICON_LABEL" />
(<ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 99 เป็นต้นไป และเวอร์ชัน 112 ในระบบปฏิบัติการอื่นทั้งหมดสำหรับเดสก์ท็อปจะอนุญาตให้ลบล้างไอคอนแอปของแอปที่ติดตั้งไว้ ไอคอนต้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดไม่เกิน 1 MB และอยู่ในรูปแบบ jpeg, png, gif, webp หรือ ico
ค่าแฮชต้องเป็นแฮช SHA256 ของไฟล์ไอคอน)
- <ph name="INSTALL_AS_SHORTCUT_LABEL" />
(<ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 107 เป็นต้นไป) หากเปิดใช้แล้ว ระบบจะติดตั้ง <ph name="URL_LABEL" /> ที่ระบุเป็นทางลัด เช่นเดียวกับที่ทำผ่านตัวเลือก "สร้างทางลัด..."
ใน GUI ของเบราว์เซอร์ในเดสก์ท็อป
โปรดทราบว่าเมื่อติดตั้งเป็นทางลัด URL นั้นจะไม่อัปเดตหากไฟล์ Manifest ใน <ph name="URL_LABEL" /> มีการเปลี่ยนแปลง
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการติดตั้งเว็บแอปใน <ph name="URL_LABEL" /> ที่ระบุตามปกติ
ดูการปักหมุดแอปไว้ที่แถบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ <ph name="PINNED_LAUNCHER_APPS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="9128095645860384292">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ของเว็บไซต์ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript ที่เปิดใช้คอมไพเลอร์ JIT (Just In Time)
การปิดใช้ JIT ใน JavaScript อาจทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงเนื้อหาเว็บช้าลงและปิดใช้ส่วนต่างๆ ของ JavaScript รวมถึง WebAssembly การปิดใช้ JIT ใน JavaScript อาจช่วยให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงเนื้อหาเว็บในการกำหนดค่าที่ปลอดภัยขึ้น
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
การยกเว้นนโยบาย JIT ใน JavaScript จะบังคับใช้ที่รายละเอียดระดับเว็บไซต์ (eTLD+1) เท่านั้น นโยบายที่ตั้งค่าไว้เฉพาะสำหรับ subdomain.site.com จะไม่มีผลกับ site.com หรือ subdomain.site.com อย่างถูกต้องเนื่องจากทั้งสองจับคู่กับ eTLD+1 (site.com) เดียวกันซึ่งไม่มีนโยบาย ในกรณีนี้ ต้องตั้งค่านโยบายใน site.com เพื่อให้มีผลกับทั้ง site.com และ subdomain.site.com อย่างถูกต้อง
นโยบายนี้มีผลกับแต่ละเฟรมแยกกันและไม่ได้อิงตาม URL ต้นทางระดับบนสุดเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น หากมีการระบุ site-one.com ในนโยบาย <ph name="JAVA_SCRIPT_JIT_BLOCKED_FOR_SITES_POLICY_NAME" /> แต่ site-one.com โหลดเฟรมที่มี site-two.com สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ site-one.com มีการปิดใช้ JIT ใน JavaScript แต่ site-two.com จะใช้นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_JIT_SETTING_POLICY_NAME" /> หากตั้งค่าไว้ หรือมีค่าเริ่มต้นเป็นเปิดใช้ JIT ใน JavaScript
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้สำหรับเว็บไซต์ นโยบายจาก <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_JIT_SETTING_POLICY_NAME" /> ก็จะมีผลกับเว็บไซต์เมื่อตั้งค่าไว้ ไม่เช่นนั้นจะมีการเปิดใช้ JIT ใน JavaScript ในเว็บไซต์</translation>
<translation id="9129169595075460149">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า "ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search จะทำงานตลอดเวลาและผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า "ฟีเจอร์ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search จะไม่ทำงาน</translation>
<translation id="9130298333414322767">รายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์</translation>
<translation id="9131419675479917141">อนุญาตให้ผู้ใช้กำหนด PIN ที่ไม่รัดกุม แต่แสดงคำเตือน</translation>
<translation id="913195841488580904">บล็อกการเข้าถึงรายการ URL</translation>
<translation id="9133526448421932754">ไฟแบ็กไลต์ของแป้นพิมพ์เป็นสีเหลือง</translation>
<translation id="9135033364005346124">เปิดใช้งานพร็อกซี <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="9135095804754272364">แสดงการแจ้งเตือนเมื่อตรวจพบอุปกรณ์ USB</translation>
<translation id="9136212796239682721">ปิดใช้ UI ลูกโป่งสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="9136399279941091445">ระยะเวลาปิดเครื่องเมื่อเผยแพร่นโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ</translation>
<translation id="9139775903828905867">ควบคุมแป้นพิมพ์ลัดที่ใช้ในการเรียกใช้งาน F11</translation>
<translation id="9140064482233876338">เลิกใช้งานแล้วใน M69 โปรดใช้ OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin แทน
นโยบายนี้จะระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ (เช่น "*.example.com") ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัยกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย
นโยบายนี้มีไว้ให้องค์กรกำหนดต้นทางที่อนุญาตสำหรับแอปพลิเคชันเดิมที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว สำหรับการพัฒนาเว็บภายในเพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว นโยบายนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า "ไม่ปลอดภัย" ในแถบอเนกประสงค์
การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า Flag บรรทัดคำสั่ง "--unsafely-treat-insecure-origin-as-secure" เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยคอมมา หากตั้งค่านโยบายนี้ นโยบายจะลบล้าง Flag บรรทัดคำสั่งดังกล่าว
นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M69 เพื่อเริ่มใช้ OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin หากมีทั้ง 2 นโยบาย OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin จะลบล้างนโยบายนี้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัยได้ที่ https://www.w3.org/TR/secure-contexts/</translation>
<translation id="9142561920976791097">ระบบจะใช้การส่งเหตุการณ์แบบใหม่ในลักษณะการทํางานของตัวควบคุมแบบฟอร์มที่ปิดใช้</translation>
<translation id="91459503271584213">เปิดใช้งานโฮสต์การรับส่งข้อความในเครื่องที่เป็นไฟล์ปฏิบัติการบน Windows โดยตรง</translation>
<translation id="9148720248753722892">ไม่อนุญาตใบรับรองที่ลงนามโดยใช้ SHA-1</translation>
<translation id="9149678135092892302">ปิดใช้การรายงานข้อมูลเวอร์ชัน</translation>
<translation id="9150416707757015439">นโยบายนี้เลิกใช้แล้ว โปรดใช้ IncognitoModeAvailability แทน เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตน หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานและผู้ใช้จะสามารถใช้โหมดไม่ระบุตัวตนได้</translation>
<translation id="9152473318295429890">เปิดใช้คำแนะนำตามบริบทของหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="9155218447258425310">ระยะเวลาของการแจ้งเตือนเมื่อมีการนำสมาร์ทการ์ดออกสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="9155375380628728544">การตั้งค่านโยบายให้ผู้ใช้เพิ่มภาษาที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ลงในรายการภาษาที่ต้องการได้เพียงภาษาเดียว
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะระบุภาษาเป็นภาษาที่ต้องการได้
หากตั้งค่าเป็นรายการที่มีค่าที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะไม่สนใจค่าเหล่านั้น หากผู้ใช้เพิ่มภาษาที่นโยบายนี้ไม่อนุญาตลงในรายการภาษาที่ต้องการ ระบบจะนำภาษานั้นออก หากผู้ใช้มี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงเป็นภาษาซึ่งนโยบายนี้ไม่อนุญาต เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ครั้งถัดไป ภาษาที่แสดงจะเปลี่ยนเป็นภาษาที่อนุญาตสำหรับ UI ไม่เช่นนั้น หากนโยบายนี้มีแต่รายการที่ไม่ถูกต้อง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปลี่ยนไปใช้ค่าที่ถูกต้องค่าแรกที่นโยบายนี้ระบุ หรือเปลี่ยนเป็นภาษาทางเลือก เช่น en-US</translation>
<translation id="9159126470527871268">แจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ท <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้
การตั้งค่านโยบายนี้จะเปิดใช้การแจ้งเตือนที่จะบอกว่าผู้ใช้ควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแจ้งผู้ใช้ว่าจำเป็นต้องมีการเปิดขึ้นมาใหม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเมนู ส่วน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแจ้งข้อความเช่นนี้ผ่านการแจ้งเตือนในถาดระบบ หากตั้งค่าเป็น "แนะนำ" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าขอแนะนำให้เปิดขึ้นมาใหม่ ผู้ใช้ปิดคำเตือนนี้เพื่อเลื่อนการเปิดใหม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จำเป็น" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าจะมีการบังคับเปิดเบราว์เซอร์ใหม่หลังจากสิ้นสุดระยะการแจ้งเตือน โดยค่าเริ่มต้น ระยะเวลาดังกล่าวคือ 7 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ 4 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แต่คุณกำหนดค่าผ่านการตั้งค่านโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" /> ได้
ระบบจะคืนค่าเซสชันของผู้ใช้หลังการเปิดใหม่/รีสตาร์ท</translation>
<translation id="9160028464653564229">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมผ่าน Serial API</translation>
<translation id="9162444960513782569">บังคับไม่ให้มีการควบคุมตัวจับเวลา JavaScript เบื้องหลัง</translation>
<translation id="9164656078867027374">กำหนดโดเมนที่อนุญาตให้เข้าถึง <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="9165128017344777105">อนุญาตสิทธิ์สำหรับแบบอักษรในเครื่องในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="9166670902476893480">นโยบายนี้ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งคำขอประเภทระเบียน DNS เพิ่มเติมเมื่อสร้างคำขอ DNS ที่ไม่ปลอดภัยได้หรือไม่ นโยบายนี้ไม่มีผลต่อคำขอ DNS ที่สร้างผ่าน DNS ที่ปลอดภัย ซึ่งจะส่งคำขอประเภท DNS เพิ่มเติมทุกครั้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เปิดใช้" ระบบจะส่งคำขอประเภทเพิ่มเติม เช่น <ph name="DNS_TYPE_HTTPS" /> (DNS ประเภท 65) นอกเหนือไปจาก <ph name="DNS_TYPE_A" /> (DNS ประเภท 1) และ <ph name="DNS_TYPE_AAAA" /> (DNS ประเภท 28)
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" DNS จะส่งคำขอเฉพาะ <ph name="DNS_TYPE_A" /> (DNS ประเภท 1) และ/หรือ <ph name="DNS_TYPE_AAAA" /> (DNS ประเภท 28)
นโยบายนี้เป็นมาตรการชั่วคราวและจะถูกนำออกใน<ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันต่อๆ ไป หลังจากนำนโยบายออกแล้ว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งคำขอประเภท DNS เพิ่มเติมได้ทุกครั้ง</translation>
<translation id="9167719789236691545">ปิดใช้ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="9172911925443428317">ไม่อนุญาตให้แสดงโปรโมชันการให้คะแนนของ App Store</translation>
<translation id="9173133289347070466">แบบสำรวจในผลิตภัณฑ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้สำหรับเบราว์เซอร์นี้ คำตอบจากแบบสำรวจจะไม่เชื่อมโยงกับบัญชีผู้ใช้
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบอาจแสดงแบบสำรวจในผลิตภัณฑ์ต่อผู้ใช้
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่แสดงแบบสำรวจในผลิตภัณฑ์ให้ผู้ใช้เห็น
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่า <ph name="METRICS_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" ซึ่งจะปิดใช้แบบสำรวจในผลิตภัณฑ์ด้วย</translation>
<translation id="9173633148008709976">เปิดใช้การเร่งกราฟิก</translation>
<translation id="9180108183162961002">อนุญาตให้เข้าสู่ระบบเบราว์เซอร์ในโหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="9185963199234034321">เปิดใช้คอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้ผู้ใช้ปิดใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="9187743794267626640">ปิดใช้งานการต่อเชื่อมที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation>
<translation id="9190022798664427644">เปิดใช้เสียงแบบโมโน</translation>
<translation id="9190456586252617675">นโยบายนี้ควบคุมโหมดของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น <ph name="ASSISTANT_ONBOARDING_MODE_DEFAULT" /> ระบบจะใช้โหมดเริ่มต้นของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ASSISTANT_ONBOARDING_MODE_EDUCATION" /> ระบบจะใช้โหมด EDU ของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="9191821120522935133">อนุญาตให้เปิดใช้การควบคุม iframe แบบข้ามต้นทางที่มองไม่เห็น</translation>
<translation id="9192220384862917760">เปิดใช้การปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="9195766455191826480">ไม่รายงานสถานะความปลอดภัย</translation>
<translation id="9197238499850071076">ระบุว่าอุปกรณ์ควรย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันที่ <ph name="DEVICE_TARGET_VERSION_PREFIX_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าไว้หรือไม่ หากใช้เวอร์ชันที่ใหม่กว่าอยู่
ค่าเริ่มต้นคือ RollbackDisabled</translation>
<translation id="9197740283131855199">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ หากผู้ใช้มีการใช้งานหลังจากการสลัวหน้าจอ</translation>
<translation id="9200828125069750521">พารามิเตอร์สำหรับ URL รูปภาพที่ใช้ POST</translation>
<translation id="9204863016826119209">แอปพลิเคชัน Android ที่ติดตั้งไว้และระบุอยู่ในนโยบายนี้จะใช้คีย์ขององค์กรได้</translation>
<translation id="9206472508136116830">ไม่อนุญาตให้ใช้การสำรวจพื้นที่แชร์ไฟล์ NetBIOS</translation>
<translation id="9207596996305971030">ไม่รายงานเหตุการณ์การเข้าสู่ระบบ/ออกจากระบบ</translation>
<translation id="9210647066889383361">อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ที่มี Smart Lock</translation>
<translation id="9213751049772256263">ปิดใช้รูปแบบทั้งหมด</translation>
<translation id="9217154963008402249">ความถี่ในการติดตามดูแพ็กเก็ตเครือข่าย</translation>
<translation id="9220314833408124365">ใช้นโยบาย URL ที่มาเริ่มต้นเป็น "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด"</translation>
<translation id="922160134042190462">อย่าเปิดใช้ <ph name="DESK_API_NAME" /> สำหรับการควบคุม <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="9221827710437832530">อนุญาตให้เข้าถึงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ในหน้าจอเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="922540222991413931">กำหนดค่าส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และแหล่งติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="924557436754151212">นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="927384371566552478">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ใช้งาน UI การส่งออก-นำเข้าได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ใช้งาน UI การส่งออก-นำเข้าไม่ได้</translation>
<translation id="929549405492388749">หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะเป็นการบังคับให้เปิดใช้ AppCache แม้ว่า AppCache ใน Chrome จะไม่พร้อมใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" AppCache จะใช้ค่าเริ่มต้นของ Chrome</translation>
<translation id="930930237275114205">ตั้งไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="935779984563655842">รายงานข้อมูลบลูทูธ</translation>
<translation id="936188865879911137">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตการติดตั้งและการอัปเดตส่วนขยายที่โฮสต์นอก Chrome เว็บสโตร์ ซึ่งอาจทำให้มีการปกป้องเนื้อหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตการติดตั้งใหม่ (และการอัปเดต) ของส่วนขยายดังกล่าว นโยบายนี้ไม่มีผลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 78 และเวอร์ชันหลังจากนั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะเท่ากับการ "เปิดใช้" นโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 73-75 และ "ปิดใช้" นโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 76 และ 77</translation>
<translation id="93985900824506396">ชุดการเข้ารหัส 3DES จะถูกปิดใช้งานใน TLS</translation>
<translation id="940706688964479124">รายการของประเภทไฟล์ที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ</translation>
<translation id="942977875497446094">เปิดเบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติเมื่อเริ่มต้นทำงาน</translation>
<translation id="943865157632139008">ให้คุณกำหนดค่าโปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นเมื่อติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" />
การตั้งค่าเริ่มต้นจะอนุญาตให้เบราว์เซอร์โฮสต์แสดงผล แต่คุณเลือกลบล้างการตั้งค่านี้ได้และให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงผลหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="944817693306670849">ตั้งค่าขนาดแคชดิสก์</translation>
<translation id="946458935955389273">ตัวจัดระเบียบแท็บเป็นเครื่องมือที่ทำงานด้วย AI ซึ่งจะสร้างกลุ่มแท็บโดยอัตโนมัติตามแท็บที่เปิดอยู่ของผู้ใช้ คำแนะนำต่างๆ จะอิงตามแท็บที่เปิดอยู่ (ไม่ใช่เนื้อหาของหน้าเว็บ)
0 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แล้วส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยัง Google เพื่อช่วยฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอาจรวมถึงพรอมต์ อินพุต เอาต์พุต และเนื้อหาแหล่งที่มา โดยทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับฟีเจอร์นั้นๆ อาจมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงโมเดล AI เท่านั้น
0 คือค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะระบุไว้ด้านล่าง
1 = เปิดใช้ฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ แต่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยัง Google เพื่อฝึกหรือปรับปรุงโมเดล AI 1 คือค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ระดับองค์กรที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
2 = ปิดใช้ฟีเจอร์ 2 คือค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชี Education ที่จัดการโดย <ph name="GOOGLE_WORKSPACE_PRODUCT_NAME" />
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลสำหรับฟีเจอร์ Generative AI ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=generative_ai_settings</translation>
<translation id="957322141096206402">การแปลง DNS ของระบบอาจทำงานในหรือนอกกระบวนการของเครือข่าย โดยขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าของระบบและแฟล็กฟีเจอร์</translation>
<translation id="957778406002650056">URL ที่ระบบไปดาวน์โหลดรูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="957920984193041197">อนุญาตให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในระหว่างการยกเลิกการโหลด</translation>
<translation id="958285142322823422">ป้องกันไม่ให้เว็บแอปคีออสก์เปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์อื่นอีก</translation>
<translation id="958577147847681221">ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" มีเพียงผู้ใช้ซึ่งอยู่ใน <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เท่านั้นที่จะเข้าสู่ระบบได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้ทั้งหมดจะเข้าสู่ระบบได้</translation>
<translation id="966425658642788645">ใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้น</translation>
<translation id="971677226939413180">ไม่มีตัวเลือกการพิมพ์เป็นรูปภาพให้ผู้ใช้เลือก</translation>
<translation id="974349541138387272">ระบุเทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการ</translation>
<translation id="978658824596356870">รูปแบบนาฬิการะบบ 24 ชั่วโมง</translation>
<translation id="979467274961593903">ไม่อนุญาตให้ใช้การแก้ไขข้อบกพร่องจากระยะไกล</translation>
<translation id="980218166381006412">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดใช้โหมดเบื้องหลัง ในโหมดเบื้องหลัง การประมวลผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเริ่มต้นเมื่อมีการลงชื่อเข้าใช้ระบบปฏิบัติการและจะยังทำงานอยู่เมื่อมีการปิดเบราว์เซอร์หน้าต่างสุดท้าย ซึ่งทำให้แอปในเบื้องหลังและเซสชันการท่องเว็บทำงานต่อไป การประมวลผลในเบื้องหลังจะแสดงไอคอนในถาดระบบและปิดได้ทุกเมื่อจากตำแหน่งดังกล่าว
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดใช้โหมดเบื้องหลัง
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า โหมดเบื้องหลังจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="981245424658084931">เปิดใช้ฮาร์ตบีตของกิจกรรมในอุปกรณ์</translation>
<translation id="981346395360763138">บริการตำแหน่งของ Google ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="982195863867062122">เปิดใช้ <ph name="DBSC_FEATURE_NAME" /></translation>
<translation id="982497069985795632">เปิดใช้การตรวจการสะกด</translation>
<translation id="983256325512298435">กำหนดรายการโปรโตคอลที่เปิดแอปพลิเคชันภายนอกจากต้นทางที่ระบุได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้</translation>
<translation id="984365509386992443">เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้อาจได้รับแบบสำรวจเกี่ยวกับ Google Safe Browsing
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับแบบสำรวจเกี่ยวกับ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="985148612300045106">แป้น Launcher/แป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นฟังก์ชันได้ การตั้งค่านี้ไม่สามารถเปลี่ยนโดยผู้ใช้</translation>
<translation id="986223659726677100">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเชื่อมโยงคีย์การเข้ารหัสที่ใช้สำหรับที่เก็บข้อมูลในพื้นที่กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเป็นไปได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เนื่องจากแอปที่ไม่รู้จักหรืออาจมีเจตนาร้ายสามารถเรียกคีย์การเข้ารหัสที่ใช้เพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้
ปิดนโยบายนี้ในกรณีที่มีปัญหาด้านความสามารถในการใช้งานร่วมกันเท่านั้น เช่น แอปพลิเคชันอื่นๆ ที่ต้องเข้าถึงข้อมูลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อย่างถูกต้องตามกฎหมาย คาดว่าจะมีการถ่ายโอนข้อมูลผู้ใช้ที่เข้ารหัสระหว่างคอมพิวเตอร์เครื่องต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ หรือความสมบูรณ์และตำแหน่งไฟล์ปฏิบัติการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> มีความไม่สอดคล้องกัน</translation>
<translation id="987261962216071510">อนุญาตให้เข้าสู่ระบบเบราว์เซอร์ในโหมดผู้มาเยือนเท่านั้น</translation>
<translation id="987975731398348803">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานรายชื่อผู้ใช้อุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้เมื่อเร็วๆ นี้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานรายชื่อผู้ใช้
เมื่อเปิดใช้ <ph name="DEVICE_EPHEMERAL_USERS_ENABLED_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่สนใจนโยบาย <ph name="REPORT_DEVICE_USERS_POLICY_NAME" /> และจะปิดใช้เสมอ</translation>
<translation id="989197274317162189">เราเลิกใช้งานและไม่รองรับนโยบายนี้แล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน</translation>
<translation id="990830704772547092">กำหนดค่าโปรแกรมติดตั้งสำหรับ Bruschetta VM ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="991560005425213776">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเครื่องพิมพ์ดั้งเดิม</translation>
<translation id="99232017131102456">นโยบายนี้กำหนดค่าแคชต่อโปรไฟล์ทั่วไปรายการเดียวที่มีข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ HTTP
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของการตรวจสอบสิทธิ์แบบข้ามเว็บไซต์ ซึ่งตั้งแต่เวอร์ชัน 80 เป็นต้นไปจะกำหนดขอบเขตข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ HTTP ตามเว็บไซต์ระดับบน ดังนั้นหากเว็บไซต์ 2 รายการใช้ทรัพยากรจากโดเมนการตรวจสอบสิทธิ์เดียวกัน คุณจะต้องระบุข้อมูลเข้าสู่ระบบไว้แยกกันในบริบทของทั้งสองเว็บไซต์ ระบบจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบพร็อกซีที่แคชไว้มาใช้ซ้ำในเว็บไซต์ต่างๆ
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่ป้อนในบริบทของเว็บไซต์หนึ่งไปใช้ในบริบทของอีกเว็บไซต์หนึ่งโดยอัตโนมัติ
การเปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้เว็บไซต์เสี่ยงต่อการโจมตีแบบข้ามเว็บไซต์บางประเภท และจะอนุญาตให้มีการติดตามผู้ใช้ในเว็บไซต์ต่างๆ แม้จะไม่มีคุกกี้ ด้วยการเพิ่มรายการในแคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP โดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ฝังไว้ใน URL
นโยบายนี้มีไว้เพื่อให้องค์กรต่างๆ มีโอกาสอัปเดตขั้นตอนการเข้าสู่ระบบขององค์กร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานเดิม เราจะนำนโยบายนี้ออกในอนาคต</translation>
<translation id="999340611001666174">ปิดใช้การแก้สี</translation>
</translationbundle>