| <?xml version="1.0" ?> |
| <!DOCTYPE translationbundle> |
| <translationbundle lang="th"> |
| <translation id="1002439864875515590">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงเปล่าหรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในระหว่างขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดงชื่อโดเมน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้พิมพ์เฉพาะชื่อผู้ใช้โดยไม่ต้องมีส่วนขยายชื่อโดเมน ผู้ใช้จะเขียนทับส่วนขยายชื่อโดเมนนี้ได้ |
| หากค่าของนโยบายนี้ไม่ใช่โดเมนที่ถูกต้อง ระบบจะไม่นำนโยบายนี้ไปใช้</translation> |
| <translation id="1010151305531217567">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวา</translation> |
| <translation id="1011266755572744012">ระบุจำนวนแผ่นงานสูงสุดที่อนุญาตให้พิมพ์สำหรับงานพิมพ์ 1 งาน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและผู้ใช้จะพิมพ์เอกสารใดก็ได้</translation> |
| <translation id="101438888985615157">หมุนหน้าจอ 180 องศา</translation> |
| <translation id="1017967144265860778">การจัดการพลังงานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="1018427234617066902">บังคับให้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการ |
| |
| หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุนอกเหนือจากภาษาที่ผู้ใช้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดไว้ |
| |
| หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ |
| |
| หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายนี้และเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น |
| |
| ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation> |
| <translation id="1019101089073227242">ตั้งค่าไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1022361784792428773">รหัสส่วนขยายที่ผู้ใช้ควรป้องกันไม่ให้มีการติดตั้ง (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation> |
| <translation id="102492767056134033">ตั้งสถานะเริ่มต้นของแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="1027000705181149370">ระบุว่าควรโอนคุกกี้การตรวจสอบสิทธิ์ที่กำหนดโดย SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้ไหม |
| |
| เมื่อผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเขียนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ลงในโปรไฟล์ชั่วคราวก่อน ซึ่งคุกกี้เหล่านี้สามารถโอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้เพื่อส่งต่อสถานะการตรวจสอบสิทธิ์ได้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ทุกครั้งที่ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์กับ SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น |
| |
| นโยบายนี้มีผลต่อผู้ใช้ที่มีโดเมนตรงกับโดเมนการลงทะเบียนของอุปกรณ์เท่านั้น สำหรับผู้ใช้คนอื่นๆ ทั้งหมด ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น</translation> |
| <translation id="1029052664284722254">บังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation> |
| <translation id="1032533786864478457">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้ผู้ใช้ตั้งค่าให้อุปกรณ์ซิงค์ SMS กับ Chromebook ได้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดแจ้งด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้จะรับและส่งข้อความใน Chromebook ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะตั้งค่าการซิงค์ข้อความไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้โดยค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้อื่นๆ จะใช้ได้</translation> |
| <translation id="1040446814317236570">เปิดใช้การตัด PAC URL (สำหรับ https://)</translation> |
| <translation id="1041719059374171202">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ JavaScript ไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="1046484220783400299">เปิดใช้ฟีเจอร์แพลตฟอร์มของเว็บที่เลิกใช้แล้วเป็นเวลาจำกัด</translation> |
| <translation id="1047128214168693844">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1049138910114524876">กำหนดค่าภาษาที่จะบังคับใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ได้มาจากค่าแรกของนโยบายนี้ทุกครั้ง (นโยบายได้รับการกำหนดค่าเป็นรายการเพื่อความเข้ากันได้ในอนาคต) หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ผู้ใช้ใช้ในเซสชันล่าสุด หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าภาษาไม่ถูกต้อง หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาสำรอง (ปัจจุบันคือ en-US)</translation> |
| <translation id="1052499923181221200">นโยบายนี้จะไม่มีผล เว้นแต่ SamlInSessionPasswordChangeEnabled เป็นจริง |
| หากนโยบายนั้นเป็นจริง และมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น 14 (ตัวอย่าง) หมายความว่าผู้ใช้ SAML จะได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า 14 วันว่ารหัสผ่านจะหมดอายุในวันที่ที่กำหนด |
| จากนั้นผู้ใช้จะจัดการกับเรื่องนี้ได้ทันทีโดยทำการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชันและอัปเดตรหัสผ่านก่อนหมดอายุ |
| แต่การแจ้งเตือนเหล่านี้จะแสดงเมื่อผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัว SAML ส่งข้อมูลการหมดอายุของรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ SAML เท่านั้น |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 หมายความว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่จะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อรหัสผ่านหมดอายุไปแล้วเท่านั้น |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation> |
| <translation id="105369313766849861">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา |
| |
| ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Supported_directory_variables |
| |
| หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีโปรไฟล์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1062011392452772310">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1062407476771304334">แทนที่</translation> |
| <translation id="1069489575852947981">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า ระบบจะตั้งค่าบัญชีในอุปกรณ์ให้ลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดำเนินการตามแป้นพิมพ์ลัด Ctrl+Alt+S เพื่อข้ามการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ และจะแสดงหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะข้ามการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 ไม่ได้ (หากกำหนดค่าไว้)</translation> |
| <translation id="1073983258515362346">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับแบ็กไลต์ของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลแบ็กไลต์ของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1076751984131277498">รายการที่อนุญาตของอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้</translation> |
| <translation id="1079801999187584280">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="1082802595100075771">ให้ผู้ใช้เลือกที่จะใช้บริการของ Google แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อให้คำอธิบายอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่มีป้ายกำกับ</translation> |
| <translation id="1087437665304381368">นโยบายนี้ควบคุมโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น หากคุณต้องการป้องกันการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Android ก็จะต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_DISABLED_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="1087707496788636333">เรากำลังย้ายรายการนโยบายของ Chrome Enterprise โปรดอัปเดตบุ๊กมาร์กเป็น <ph name="POLICY_DOCUMENTATION_URL" /></translation> |
| <translation id="1095209545735032039">บล็อก Serial API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1096105751829466145">ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1099282607296956954">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับทุกเว็บไซต์</translation> |
| <translation id="1117535567637097036">ไม่มีการใช้เครื่องจัดการโปรโตคอลที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ระหว่างการจัดการ Intent ของ Android</translation> |
| <translation id="1118093128235245168">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์จากผู้ใช้เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่</translation> |
| <translation id="1122089575901325963">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกล (DTC) ของ <ph name="WILCO_NAME" /> หากมีให้ใช้งานในอุปกรณ์ การตั้งค่าต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB (1,000,000 ไบต์) และต้องอยู่ในรูปแบบ JSON DTC ของ <ph name="WILCO_NAME" /> จะมีหน้าที่จัดการกับการกำหนดค่าดังกล่าว ระบบใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รวมถึงจะดาวน์โหลดและแคชการกำหนดค่า และดาวน์โหลดซ้ำอีกเมื่อใดก็ตามที่ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้</translation> |
| <translation id="1133814529606590009">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL อยู่เสมอ ข้อมูลนี้จะส่ง URL ของหน้าเว็บที่ผู้ใช้เข้าชมไปยัง Google เพื่อช่วยให้การค้นหาและการท่องเว็บดีขึ้น |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ในตอนแรกระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation> |
| <translation id="1138294736309071213">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| กำหนดระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้สำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="1144540226829648811">ระบุเวอร์ชันการเผยแพร่ที่อุปกรณ์นี้ควรจะใช้ได้ |
| |
| การตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> จะมีผลเฉพาะในกรณีที่ตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_DELEGATED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation> |
| <translation id="1151353063931113432">อนุญาตให้แสดงภาพบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1160479894929412407">อนุญาตโปรโตคอล QUIC</translation> |
| <translation id="1160939557934457296">ปิดใช้งานการดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือน Safe Browsing</translation> |
| <translation id="1163080558183062209">ปิดใช้ประเภทเครื่องพิมพ์ในรายการปฏิเสธ</translation> |
| <translation id="117059611145966538">เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอก</translation> |
| <translation id="1171785618439752042">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดประเภทการเข้ารหัสที่ได้รับอนุญาตเมื่อขอตั๋ว Kerberos จากเซิร์ฟเวอร์ <ph name="MS_AD_NAME" /> |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น |
| |
| * "ทั้งหมด" จะอนุญาตประเภทการเข้ารหัส AES ซึ่งได้แก่ aes256-cts-hmac-sha1-96 และ aes128-cts-hmac-sha1-96 รวมถึงประเภทการเข้ารหัส RC4 ซึ่งก็คือ rc4-hmac AES จะมีความสำคัญเหนือกว่าหากเซิร์ฟเวอร์รองรับประเภทการเข้ารหัส AES และ RC4 |
| |
| * "แรง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตเฉพาะประเภท AES |
| |
| * "แบบเดิม" จะอนุญาตเฉพาะประเภท RC4 ซึ่งไม่มีความปลอดภัย และควรใช้ในบางกรณีเท่านั้น หากเป็นไปได้ ให้กำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพื่อให้รองรับ AES |
| |
| รวมถึงดู https://wiki.samba.org/index.php/Samba_4.6_Features_added/changed#Kerberos_client_encryption_types</translation> |
| <translation id="1177567780207290133">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมตัวกรอง URL ของ SafeSites ซึ่งใช้ Google Safe Search API เพื่อจำแนก URL ว่าเป็นประเภทลามกอนาจารหรือไม่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น |
| |
| * "ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่กรองเว็บไซต์ |
| |
| * "กรองเว็บไซต์ระดับบนสุดที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" ระบบจะกรองเว็บไซต์ที่อยู่ในประเภทลามกอนาจารออก</translation> |
| <translation id="1177624681620856105"> นโยบายนี้กำหนดว่าจะมีการแสดงช่องทำเครื่องหมาย "เปิดตลอดเวลา" ในข้อความแจ้งยืนยันการเปิดใช้โปรโตคอลภายนอกหรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เมื่อการยืนยันโปรโตคอลภายนอกแสดงขึ้น ผู้ใช้จะเลือก "อนุญาตเสมอ" เพื่อข้ามข้อความแจ้งยืนยันทั้งหมดในอนาคตสำหรับโปรโตคอลดังกล่าวในเว็บไซต์นี้ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ช่องทำเครื่องหมาย "อนุญาตเสมอ" จะไม่แสดง และระบบจะแสดงข้อความแจ้งแก่ผู้ใช้ทุกครั้งที่มีการเรียกใช้โปรโตคอลภายนอก</translation> |
| <translation id="11903325225202653">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดโหมดคอนทราสต์สูงไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดโหมดคอนทราสต์สูงไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดอยู่ แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="1192875037379495940">การตั้งค่านโยบายหมายความว่า ระบบจะลงชื่อเข้าใช้เซสชันที่ระบุโดยอัตโนมัติหากไม่มีการโต้ตอบจากผู้ใช้ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ภายในระยะเวลาที่ระบุในนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_DELAY_POLICY_NAME" /> บัญชีในอุปกรณ์ต้องตั้งค่าไว้แล้ว (ดู <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNTS_POLICY_NAME" />) |
| |
| การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหมายความว่าจะไม่มีการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="1197437816436565375">คุณบังคับให้แอป Android ใช้พร็อกซีไม่ได้ แอป Android สามารถใช้ชุดย่อยของการตั้งค่าพร็อกซี ซึ่งแอป Android อาจเลือกทำตามโดยสมัครใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากนโยบาย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="1198183996903759302">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" (หรือตั้งค่า <ph name="HARDWARE_ACCELERATION_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ") ป้องกันไม่ให้หน้าเว็บเข้าถึง WebGL API และปลั๊กอินจะใช้ Pepper 3D API ไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้หน้าเว็บใช้ WebGL API และปลั๊กอินใช้ Pepper 3D API ได้ แต่การตั้งค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์อาจยังคงต้องใช้อาร์กิวเมนต์บรรทัดคำสั่งเพื่อใช้ API เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1199366379198964260">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ใช้ PIN ที่ไม่รัดกุมได้ ลักษณะบางอย่างของ PIN ที่ไม่รัดกุม ได้แก่ เลขตัวเดียวซ้ำกัน (1111) ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทีละ 1 (1234) ตัวเลขที่ลดลงทีละ 1 (4321) และ PIN ที่ใช้บ่อย การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่ไม่รัดกุมและคาดเดาง่ายได้ |
| |
| โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะได้รับคำเตือนซึ่งไม่ใช่ข้อผิดพลาดสำหรับ PIN ที่ไม่รัดกุม</translation> |
| <translation id="1202216683470826356">แสดงการ์ดในหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="1204263402976895730">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation> |
| <translation id="1209065772997672966">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เปิดป๊อปอัปได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_POPUPS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="120937472976628837">รายงานข้อมูลพัดลม</translation> |
| <translation id="1216919699175573511">เปิดใช้การสนับสนุน Signed HTTP Exchange (SXG)</translation> |
| <translation id="1219695476179627719">ระบุว่าอุปกรณ์ควรย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันที่ <ph name="DEVICE_TARGET_VERSION_PREFIX_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าไว้หรือไม่ หากใช้เวอร์ชันที่ใหม่กว่าอยู่ |
| |
| ค่าเริ่มต้นคือ RollbackDisabled</translation> |
| <translation id="1221359380862872747">โหลด URL ที่ระบุเมื่อลงชื่อเข้าใช้การสาธิต</translation> |
| <translation id="1223789468190631420">สถานะการเปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation> |
| <translation id="123081309365616809">เปิดใช้การแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1240722269871366886">นโยบายนี้ช่วยให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แนะนำอีโมจิเมื่อผู้ใช้พิมพ์ข้อความด้วยแป้นพิมพ์เสมือนหรือแป้นพิมพ์จริง |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ได้ |
| เมื่อตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่มีการแนะนำอีโมจิและผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่าไม่ได้</translation> |
| <translation id="1243570869342663665">ควบคุมการกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ของ SafeSites</translation> |
| <translation id="1244309789361056660">เราได้นำนโยบายนี้ออกจากเวอร์ชัน M87 และข้อมูลไดเรกทอรีของหน้าแรกจะย้ายไป ext4 โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้ |
| การตั้งค่านโยบายจะระบุการดำเนินการที่จะทำเมื่อมีการสร้างไดเรกทอรีหลักของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส ecryptfs แอป Android อาจไม่ทำงาน เว้นแต่ไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัส ecryptfs จะย้ายข้อมูลไปยังการเข้ารหัส ext4 |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น |
| |
| * Migrate (หรือตัวเลือกที่ไม่รองรับ เช่น AskUser หรือ AskForEcryptfsArcUsers) หมายความว่าไดเรกทอรีจะย้ายข้อมูลไปยัง ext4 โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้ โดยไม่ต้องขอคำยินยอมจากผู้ใช้ |
| |
| * Wipe หรือ MinimalMigrate หมายความว่าเมื่อลงชื่อเข้าใช้ ไดเรกทอรีหลักใหม่ที่เข้ารหัส ext4 จะแทนที่ไดเรกทอรีเก่าที่เข้ารหัส ecryptfs เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่ลงชื่อเข้าใช้ซ้ำ MinimalMigrate จะพยายามรักษาโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้ |
| |
| * DisallowArc หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการย้ายข้อมูล และแอป Android ของผู้ใช้จะหยุดทำงาน |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลกับผู้ใช้คีออสก์ |
| |
| คำเตือน: Wipe และ MinimalMigrate จะนำข้อมูลในเครื่องออก</translation> |
| <translation id="1252536192437793850">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรม</translation> |
| <translation id="125655429495551011">การตั้งค่านโยบายเป็นสตริงจะใช้สตริงดังกล่าวเป็นชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ในระหว่างที่ขอ DHCP สตริงอาจมีตัวแปร <ph name="ASSET_ID_PLACEHOLDER" />, <ph name="SERIAL_NUM_PLACEHOLDER" />, <ph name="MAC_ADDR_PLACEHOLDER" />, <ph name="MACHINE_NAME_PLACEHOLDER" />, <ph name="LOCATION_PLACEHOLDER" /> ซึ่งระบบจะแทนที่ด้วยค่าในอุปกรณ์ก่อนที่จะใช้เป็นชื่อโฮสต์ ชื่อที่จะแทนที่ได้จะต้องเป็นชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง (ตาม RFC 1035 ส่วน 3.1) |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหรือหากค่าหลังการแทนที่ไม่ใช่ชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีการกำหนดชื่อโฮสต์ในคำขอ DHCP</translation> |
| <translation id="1257550411839719984">ตั้งค่าไดเรกทอรีเริ่มต้นสำหรับดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="1265053460044691532">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML สามารถเข้าสู่ระบบในแบบออฟไลน์</translation> |
| <translation id="127264587838521316">เปิดใช้คำขอติดตั้งส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="1274997165432133392">คุกกี้และข้อมูลอื่นของเว็บไซต์</translation> |
| <translation id="127699919157094139">ปิดใช้การซิงค์ข้อมูลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยใช้บริการการซิงค์ที่โฮสต์ไว้ใน Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะใช้ Google Sync หรือไม่ |
| |
| หากต้องการปิดใช้ Google Sync โดยสมบูรณ์ ขอแนะนำให้คุณปิดใช้บริการ Google Sync ในคอนโซล Google Admin</translation> |
| <translation id="128059397544257017">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หมายความว่าหาก <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ก็จะรายงานเกี่ยวกับการสแกนดังกล่าวให้ Google ทราบ โดยเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้โดย <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม แล้วส่งผลลัพธ์ไปยัง Google |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หมายความว่าหาก <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ก็จะไม่รายงานเกี่ยวกับการสแกนดังกล่าวให้ Google ทราบ ไม่ว่าค่าของ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะเป็นอะไรก็ตาม <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม แต่ไม่รายงานผลลัพธ์ให้ Google ทราบ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> รายงานเกี่ยวกับการสแกนเพื่อตรวจหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ให้ Google ทราบ โดยเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้โดย <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม และต้องการแชร์ผลลัพธ์กับ Google เพื่อช่วยในการตรวจหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในอนาคตไหม ผลลัพธ์จะมีข้อมูลเมตาของไฟล์ ส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติ และคีย์รีจิสทรีตามที่อธิบายไว้ในสมุดปกขาวเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Chrome |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation> |
| <translation id="1290634681382861275">ควบคุมการตั้งค่าเบ็ดเตล็ด เช่น USB บลูทูธ การรีเฟรชนโยบาย โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และอื่นๆ</translation> |
| <translation id="1291880496936992484">คำเตือน: ระบบจะนำ RC4 ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดการเข้ารหัสของ RC4 ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์อีกครั้ง</translation> |
| <translation id="1294263471858445589">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันปกติ</translation> |
| <translation id="1295737447968372331">เปิดใช้ฟีเจอร์การเขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="1297182715641689552">ใช้สคริปต์พร็อกซี .pac</translation> |
| <translation id="1297961932043741908">ตั้งขีดจำกัดจำนวนเมกะไบต์ของหน่วยความจำที่อินสแตนซ์หนึ่งๆ ของ Chrome จะใช้ได้</translation> |
| <translation id="1304973015437969093">รหัสส่วนขยาย/แอปและ URL การอัปเดตจะติดตั้งอยู่ในพื้นหลัง</translation> |
| <translation id="1305400589435476516">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์โรมมิ่งข้อมูลได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใช้การโรมมิ่งข้อมูลไม่ได้</translation> |
| <translation id="1307454923744766368">ต้นทางหรือรูปแบบชื่อโฮสต์ที่ไม่ควรใช้ข้อจำกัด |
| เกี่ยวกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย</translation> |
| <translation id="1308526987406924874">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่) <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีความสำคัญเหนือกว่าตามลำดับข้างต้น |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="1309465583050255779">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NAME_POLICY_NAME" /> จะระบุชื่อของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NAME_POLICY_NAME" /> ไว้ ระบบจะใช้ชื่อโฮสต์ที่ URL การค้นหาระบุ</translation> |
| <translation id="1312799700549720683">ควบคุมการตั้งค่าการแสดงผล</translation> |
| <translation id="131353325527891113">แสดงชื่อผู้ใช้บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="1327466551276625742">เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์</translation> |
| <translation id="1330145147221172764">เปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ</translation> |
| <translation id="13356285923490863">ชื่อนโยบาย</translation> |
| <translation id="1338603603553894503">ระบุว่าเครื่องมือเลือกโปรไฟล์เปิดใช้อยู่ ปิดใช้อยู่ หรือบังคับใช้เมื่อเริ่มเบราว์เซอร์ |
| |
| เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะไม่แสดงอยู่โดยค่าเริ่มต้นหากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในโหมดผู้มาเยือนหรือโหมดไม่ระบุตัวตน มีการระบุไดเรกทอรีโปรไฟล์และ/หรือ URL ด้วยบรรทัดคำสั่ง มีการขอให้เปิดแอปอย่างชัดแจ้ง มีการเปิดเบราว์เซอร์ด้วยการแจ้งเตือนแบบเนทีฟ มีให้เลือกเพียงโปรโฟล์เดียว หรือมีการตั้งค่านโยบาย ForceBrowserSignin เป็น "จริง" |
| |
| หากเลือก "เปิดใช้" (0) ไว้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะแสดงเมื่อเริ่มต้นระบบโดยค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้จะเปิด/ปิดใช้ได้ |
| |
| หากเลือก "ปิดใช้" (1) ไว้ เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะไม่แสดงขึ้นมาและผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| หากเลือก "บังคับใช้" (2) ไว้ ผู้ใช้จะระงับการใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์ไม่ได้ เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะแสดงแม้ว่าจะมีให้เลือกเพียงโปรโฟล์เดียวเท่านั้น</translation> |
| <translation id="1339174690935954950">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็น</translation> |
| <translation id="1347198119056266798">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="FORCE_GOOGLE_SAFE_SEARCH_POLICY_NAME" /> และ <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> แทน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้หากมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="FORCE_GOOGLE_SAFE_SEARCH_POLICY_NAME" />, <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="FORCE_YOUTUBE_SAFETY_MODE_POLICY_NAME" /> (เลิกใช้งานแล้ว) |
| |
| บังคับให้การค้นหาใน "Google ค้นเว็บ" ต้องใช้งาน "ค้นหาปลอดภัย" และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ การตั้งค่านี้ยังบังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube ด้วย |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้งาน "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search และโหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เสมอ |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่บังคับใช้ "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search และโหมดที่จำกัดใน YouTube</translation> |
| <translation id="134745581157553029">หากตั้งค่านโยบาย "DeviceArcDataSnapshotHours" ระบบจะเปิดใช้กลไกการสรุปภาพรวมของข้อมูล ARC และการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาที่กำหนดได้ เมื่อช่วงเวลาดังกล่าวเริ่มต้น ระบบต้องอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบ ขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มโดยไม่แสดงการแจ้งเตือนต่อผู้ใช้ หากผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ การแจ้งเตือน UI จะแสดงขึ้นและผู้ใช้ต้องยอมรับเพื่อรีบูตอุปกรณ์และเริ่มขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC หมายเหตุ: ระบบจะไม่อนุญาตให้มีการใช้งานอุปกรณ์ในระหว่างที่อัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC</translation> |
| <translation id="1353416417709895349">ปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation> |
| <translation id="1354424209129232709">สูงสุด:</translation> |
| <translation id="1359553908012294236">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชม การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชมเป็นโปรไฟล์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งหน้าต่างทุกบานจะอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มต้นโปรไฟล์ผู้เยี่ยมชม</translation> |
| <translation id="1363275621236827384">เปิดใช้คำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks สำหรับโปรไฟล์ฮาร์ดแวร์</translation> |
| <translation id="1376119291123231789">เปิดใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง</translation> |
| <translation id="1384459581748403878">การอ้างอิง: <ph name="REFERENCE_URL" /></translation> |
| <translation id="138847842893090358">รายงานสถานะการอัปเดตระบบปฏิบัติการ</translation> |
| <translation id="1390529781843037070">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งเอกสารไปพิมพ์ที่ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ส่งงานพิมพ์ในเว็บไซต์ต่างๆ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะสั่งพิมพ์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากกล่องโต้ตอบการพิมพ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากต้องการให้ค้นพบปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ จะต้องตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" และต้องไม่รวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในนโยบาย <ph name="PRINTER_TYPE_DENY_LIST_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="1390901586107713894">ให้คุณระบุว่าส่วนขยายใดบ้างที่ผู้ใช้ติดตั้งไม่ได้ ระบบจะปิดใช้ส่วนขยายที่ติดตั้งแล้วหากถูกบล็อกโดยไม่มีวิธีให้ผู้ใช้เปิดใช้ เมื่อนำส่วนขยายที่ปิดใช้เนื่องจากอยู่ในรายการที่บล็อกออกแล้ว ระบบจะเปิดใช้อีกครั้งโดยอัตโนมัติ |
| |
| ค่า "*" ในรายการที่บล็อกหมายความว่าส่วนขยายทั้งหมดถูกบล็อก เว้นแต่จะแสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในรายการที่อนุญาต |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="1393485621820363363">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation> |
| <translation id="1397855852561539316">URL ที่แนะนำโดยผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1413936351612032792">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป Linux</translation> |
| <translation id="1418387035898607074">ข้ามการตรวจสอบของ Google Safe Browsing สำหรับไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation> |
| <translation id="142346659686073702">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ Crostini</translation> |
| <translation id="1425551776320718592">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB โดยไม่บังคับให้ทำ Powerwash ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์มีสถานะความปลอดภัยที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation> |
| <translation id="1426170570389588560">กำหนดช่วงเวลาเป็นจำนวนวันในการจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์</translation> |
| <translation id="1426410128494586442">ยอมรับ</translation> |
| <translation id="1427655258943162134">ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation> |
| <translation id="1428945832940687828">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดการซิงค์ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจะไม่มีการอัปโหลดข้อมูลไปยัง Google ไดรฟ์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้โอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ได้</translation> |
| <translation id="1434300053894025056">ปิดใช้การตรวจตัวสะกด</translation> |
| <translation id="1434743866147056474">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงรูปภาพไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_IMAGE_SETTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้ |
| |
| โปรดทราบว่าก่อนหน้านี้นโยบายนี้เปิดใช้อย่างไม่ถูกต้องใน Android แต่ Android ก็ไม่เคยรองรับฟังก์ชันนี้โดยสมบูรณ์</translation> |
| <translation id="1435659902881071157">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1438739959477268107">การตั้งค่าการสร้างคีย์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1449083855104537880">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะแสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ตัวเลือกดังกล่าวจะไม่แสดงในเมนู |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษจะไม่แสดงในเมนู แต่ผู้ใช้ทำให้ตัวเลือกปรากฏได้จากหน้าการตั้งค่า |
| |
| หากคุณเปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยวิธีอื่นๆ (เช่น ด้วยการกดแป้นร่วมกัน) ตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษจะแสดงในเมนูถาดระบบเสมอ</translation> |
| <translation id="1456822151187621582">Windows (ไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />):</translation> |
| <translation id="1464848559468748897">ควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์บนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักหรือผู้ใช้รองในเซสชันหลายโปรไฟล์ได้ |
| |
| หากกำหนดนโยบายเป็น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักได้เท่านั้นในเซสชันหลายโปรไฟล์ |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorNotAllowed" ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าร่วมเซสชันหลายโปรไฟล์ |
| |
| หากคุณทำการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแทนที่ได้ |
| |
| หากการตั้งค่ามีการเปลี่ยนแปลงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เซสชันหลายโปรไฟล์ ผู้ใช้ทั้งหมดในเซสชันจะได้รับการตรวจสอบเทียบกับการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องของพวกเขา เซสชันจะปิดลงหากมีผู้ใช้รายใดรายหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเซสชันอีกต่อไป |
| |
| หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการโดยองค์กรและ "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ</translation> |
| <translation id="1465619815762735808">คลิกเพื่อเล่น</translation> |
| <translation id="1467633031685836974">ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นำทาง URL จากไฮเปอร์ลิงก์และแถบที่อยู่ไปยังข้อความเป้าหมายที่เจาะจงภายในหน้าเว็บได้ ซึ่งหน้าเว็บจะเลื่อนไปยังตำแหน่งดังกล่าวเมื่อโหลดเสร็จแล้ว |
| |
| หากเปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การเลื่อนหน้าเว็บไปยัง Fragment ของข้อความที่เจาะจงผ่าน URL |
| |
| หากคุณปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การเลื่อนหน้าเว็บไปยัง Fragment ของข้อความที่เจาะจงผ่าน URL</translation> |
| <translation id="1469072784237350146">ควบคุมว่าอนุญาตให้เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหรือไม่ |
| |
| นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับข้อกำหนด CORS-RFC1918 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://wicg.github.io/cors-rfc1918 |
| |
| ปลายทางเครือข่ายหนึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าปลายทางเครือข่ายอีกแห่งหนึ่งในกรณีต่อไปนี้ |
| 1) ที่อยู่ IP ของปลายทางเครือข่ายนั้นเป็น localhost แต่อีกปลายทางหนึ่งไม่ใช่ |
| 2) ที่อยู่ IP ของปลายทางเครือข่ายนั้นเป็นแบบส่วนตัว แต่อีกปลายทางหนึ่งเป็นแบบสาธารณะ |
| ในอนาคต อาจมีการใช้นโยบายนี้กับคำขอข้ามต้นทางทั้งหมดที่ส่งไปที่ IP ส่วนตัวหรือ localhost ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพัฒนาข้อกำหนด |
| |
| จะถือว่าเว็บไซต์หนึ่งๆ ปลอดภัยหากเป็นไปตามคำจำกัดความของบริบทที่ปลอดภัยใน https://developer.mozilla.org/en-US/docs/Web/Security/Secure_Contexts มิฉะนั้น จะมีการดำเนินการกับเว็บไซต์นั้นเสมือนเป็นบริบทที่ไม่ปลอดภัย |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ลักษณะการทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับคำขอจากบริบทที่ไม่ปลอดภัยถึงปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าจะขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ <ph name="BLOCK_INSECURE_PRIVATE_NETWORK_REQUESTS_FEATURE_NAME" /> ซึ่งอาจตั้งค่าไว้ด้วยการทดสอบในวงจำกัดหรือในบรรทัดคำสั่ง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยจะได้รับอนุญาตให้ส่งคำขอถึงปลายทางเครือข่ายใดก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับการตรวจสอบข้ามต้นทางอื่นๆ</translation> |
| <translation id="1474273443907024088">ปิดใช้ TLS False Start</translation> |
| <translation id="1477934438414550161">TLS 1.2</translation> |
| <translation id="1479427764273213107">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดรายการอุปกรณ์ USB ที่ผู้ใช้จะปลดออกจากไดรเวอร์ Kernel เพื่อใช้งานผ่าน chrome.usb API ในเว็บแอปโดยตรงได้ รายการต่างๆ เป็นการจับคู่ระหว่างตัวระบุผู้ให้บริการ USB และตัวระบุผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะระบุฮาร์ดแวร์ที่เจาะจง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย รายการอุปกรณ์ USB ที่ปลดออกได้จะว่างเปล่า</translation> |
| <translation id="1481508277421549404">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะให้ส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กรใช้ Enterprise Hardware Platform API ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะป้องกันไม่ให้ส่วนขยายใช้ API นี้ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ยังมีผลกับส่วนขยายคอมโพเนนต์ด้วย เช่น ส่วนขยายบริการ Hangouts</translation> |
| <translation id="148194404518916594">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ "แตะเพื่อค้นหา"</translation> |
| <translation id="1486021504508098388">รายงานข้อมูลแบ็กไลต์</translation> |
| <translation id="1487916040416013623">การตั้งค่านโยบายจะระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดควรจะได้รับอนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวม การตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวมจะเปิดเฉพาะเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้รับคำขอตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในรายการที่ได้รับอนุญาตนี้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตไหม หากใช่ก็จะตอบรับคำขอ IWA หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจคำขอ IWA จากเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หมายเหตุ: คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation> |
| <translation id="1488406778491620405">ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอซึ่งมีความบกพร่องทางสายตารู้รายละเอียดของรูปภาพในเว็บที่ไม่มีป้ายกำกับบอกไว้ ผู้ใช้ที่เลือกเปิดใช้ฟีเจอร์จะมีตัวเลือกการใช้บริการ Google ที่ไม่ระบุตัวบุคคล เพื่อฟังคำอธิบายแบบอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่ได้ติดป้ายกำกับซึ่งผู้ใช้พบเจอในเว็บ |
| |
| หากมีการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ ระบบจะส่งเนื้อหาของรูปภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อสร้างคำอธิบาย จะไม่มีการส่งคุกกี้หรือข้อมูลผู้ใช้อื่นๆ และ Google จะไม่บันทึกเนื้อหารูปภาพใดๆ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้ แต่จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอหรือเทคโนโลยีความช่วยเหลือพิเศษที่คล้ายกันอื่นๆ เท่านั้น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกให้เปิดใช้ฟีเจอร์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้</translation> |
| <translation id="1502843533062797703">เปิดใช้การบล็อกการแทรกซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม</translation> |
| <translation id="1506017854924185821">เครื่องมือเลือกโปรไฟล์พร้อมใช้งานเมื่อเริ่มต้นระบบ</translation> |
| <translation id="1509377996969000672">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์องค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="NATIVE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง "id" หรือ "guid" ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้ |
| |
| * ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง |
| |
| * เป็นการเสริม <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY_NAME" /> และการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย |
| |
| หากไม่ตั้งค่า จะไม่มีเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์และระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="1509692106376861764">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29</translation> |
| <translation id="1514888685242892912">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="1515230621229117540">เปิดใช้เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอย</translation> |
| <translation id="1515824657887788963">อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ</translation> |
| <translation id="1522425503138261032">อนุญาตให้ไซต์ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1523774894176285446">เบราว์เซอร์สำรองที่จะเปิดสำหรับเว็บไซต์ที่กำหนดค่า</translation> |
| <translation id="152657506688053119">รายการ URL สำรองของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1530812829012954197">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้เสมอในเบราว์เซอร์โฮสต์</translation> |
| <translation id="1534690481294492142">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีระหว่าง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> กับเครื่องพิมพ์แบบเดิมที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง ผู้ใช้เปิดพร็อกซี Cloud Print ได้ด้วยการตรวจสอบสิทธิ์กับบัญชี Google ของตน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะเปิดพร็อกซีไม่ได้ และคอมพิวเตอร์จะแชร์เครื่องพิมพ์ของตนกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ไม่ได้</translation> |
| <translation id="1552418937045050762">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้การแชร์ใกล้เคียงเพื่อส่งและรับไฟล์จากผู้ที่อยู่ใกล้กันได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้การแชร์ใกล้เคียงไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="1553532014072799546">รายการที่อนุญาตพิเศษสำหรับการจำกัดเวลาต่อแอป</translation> |
| <translation id="1553956579506604198">บล็อกไม่ให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก</translation> |
| <translation id="1555248923316727072">การตั้งค่าการจัดการข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ SAML</translation> |
| <translation id="1560205870554624777">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos หรือไม่ Kerberos เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้เพื่อตรวจสอบสิทธิ์เว็บแอปและพื้นที่แชร์ไฟล์ได้ |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos คุณเพิ่มบัญชี Kerberos ได้ผ่านนโยบาย "กำหนดค่าบัญชี Kerberos" หรือผ่านการตั้งค่าบัญชี Kerberos ในหน้าการตั้งค่าบุคคล |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดใช้การตั้งค่าบัญชี Kerberos คุณจะเพิ่มบัญชี Kerberos ไม่ได้และจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์ของ Kerberos ไม่ได้ บัญชี Kerberos ที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกลบ รวมถึงรหัสผ่านที่จัดเก็บไว้ทั้งหมดด้วย</translation> |
| <translation id="1561424797596341174">การลบล้างนโยบายสำหรับเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="1561967320164410511">U2F พร้อมส่วนขยายสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation> |
| <translation id="1575015449587326319">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnFileDownloaded</translation> |
| <translation id="1583248206450240930">ใช้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1588240398285670601">การตั้งค่าเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="1593245608325508847">การตั้งค่านโยบายจะเปิดฟีเจอร์การลงชื่อเข้าใช้แบบจำกัดของ Chrome ใน G Suite และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือของ Google ได้โดยใช้บัญชีจากโดเมนที่ระบุเท่านั้น (หากต้องการอนุญาตบัญชี gmail หรือ googlemail ให้เพิ่ม consumer_accounts ลงในรายการโดเมน) การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และเพิ่มบัญชีรองในอุปกรณ์ที่จัดการซึ่งต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์จาก Google หากบัญชีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในโดเมนที่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง |
| |
| การปล่อยให้การตั้งค่านี้ว่างหรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะเข้าถึง G Suite ด้วยบัญชีใดก็ได้ |
| |
| ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ส่งผลให้ต้องเติมส่วนหัว X-GoogApps-Allowed-Domains ในคำขอ HTTP และ HTTPS ทั้งหมดที่ส่งไปยังโดเมน google.com ทั้งหมดตามที่อธิบายไว้ใน https://support.google.com/a/answer/1668854</translation> |
| <translation id="1599424828227887013">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจงในอุปกรณ์ Android</translation> |
| <translation id="159946228300522107">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า Chrome จะขยายหน้าต่างแรกที่แสดงเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า Chrome อาจขยายหน้าต่างแรก โดยขึ้นอยู่กับขนาดหน้าจอ</translation> |
| <translation id="1600340610556453828">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ปิด Wi-Fi และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เปิดหรือปิด Wi-Fi ได้</translation> |
| <translation id="1601848091543601739">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมกลยุทธ์การจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| การทำงานมีทั้งหมด 4 รูปแบบ |
| |
| * หน้าจอจะสลัวหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="SCREEN_DIM_FIELD_NAME" /> |
| |
| * หน้าจอจะดับลงหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" /> |
| |
| * กล่องคำเตือนจะปรากฏขึ้นหากผู้ใช้ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="IDLE_WARNING_FIELD_NAME" /> ซึ่งจะเตือนผู้ใช้ว่าจะมีการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวและจะแสดงหากการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือปิดเครื่อง |
| |
| * การทำงานที่ <ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> ระบุจะเริ่มต้นหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="IDLE_FIELD_NAME" /> |
| |
| การทำงานแต่ละประเภทข้างต้นควรระบุการหน่วงเวลาโดยใช้หน่วยมิลลิวินาทีและต้องตั้งค่าเป็นค่าที่มากกว่า 0 เพื่อเรียกการทำงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่การหน่วงเวลามีค่าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เริ่มการทำงานที่เกี่ยวข้อง |
| |
| สำหรับการหน่วงเวลาแต่ละประเภทข้างต้น เมื่อไม่มีการตั้งค่าระยะเวลา ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น |
| |
| ค่า <ph name="SCREEN_DIM_FIELD_NAME" /> จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" /> <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" /> และ <ph name="IDLE_WARNING_FIELD_NAME" /> จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ <ph name="IDLE_FIELD_NAME" /> |
| |
| <ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> อาจเป็นการทำงาน 1 ใน 4 กรณีต่อไปนี้ |
| |
| * <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SUSPEND" /> |
| |
| * <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_LOGOUT" /> |
| |
| * <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SHUTDOWN" /> |
| |
| * <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_DO_NOTHING" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> ระบบจะใช้ <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SUSPEND" /> |
| |
| หมายเหตุ: มีการตั้งค่าแยกต่างหากสำหรับการทำงานโดยเสียบปลั๊กและแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="1606917441621112087">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะปิดโปรแกรมอ่าน PDF ภายในของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รวมถึงถือว่าไฟล์ PDF เป็นไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา และอนุญาตให้ผู้ใช้เปิด PDF ด้วยแอปพลิเคชันที่เป็นค่าเริ่มต้น |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าหากผู้ใช้ไม่ได้ปิดปลั๊กอิน PDF ปลั๊กอินจะเปิดไฟล์ PDF</translation> |
| <translation id="1608755754295374538">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่ต้องแจ้ง</translation> |
| <translation id="1609917034797989341">การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรแก่ส่วนขยาย คีย์มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรเฉพาะในกรณีที่สร้างขึ้นโดยใช้ chrome.enterprise.platformKeys API ในบัญชีที่มีการจัดการ ผู้ใช้จะให้สิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรแก่ส่วนขยายหรือถอนสิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรจากส่วนขยายไม่ได้ |
| |
| โดยค่าเริ่มต้น ส่วนขยายจะใช้คีย์ที่กำหนดไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรไม่ได้ ซึ่งเทียบเท่ากับการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น "เท็จ" สำหรับส่วนขยายนั้น ส่วนขยายจะใช้คีย์ของแพลตฟอร์มที่มีการทำเครื่องหมายไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรเพื่อลงนามข้อมูลที่กำหนดเองได้เฉพาะในกรณีที่มีการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น "จริง" สำหรับส่วนขยายดังกล่าว ควรมอบสิทธิ์นี้ต่อเมื่อมั่นใจว่าส่วนขยายมีการป้องกันการเข้าถึงคีย์จากผู้โจมตีเท่านั้น</translation> |
| <translation id="1611394564825535541">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ของตนเองได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของตนเองไม่ได้ และจะสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่กำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วย |
| </translation> |
| <translation id="1615221548356595305">อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 สำหรับโฮสต์เหล่านี้แม้จะมีการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation> |
| <translation id="1617235075406854669">เปิดใช้งานการนำออกเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="1620510694547887537">กล้อง</translation> |
| <translation id="1626379196197114720">อนุญาตให้ใช้แคชย้อนหลัง</translation> |
| <translation id="1628974048137236820">หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงการ์ด</translation> |
| <translation id="1630263002012156148">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกของผู้ใช้ โดยจะไม่สนใจตำแหน่ง URL ใดๆ ของหน้าแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าหน้าแรกจะไม่เป็นหน้าแท็บใหม่ เว้นแต่ URL หน้าแรกของผู้ใช้จะตั้งค่าไว้เป็น chrome://newtab |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนประเภทหน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกหรือไม่ |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="163200210584085447">รูปแบบในรายการนี้จะได้รับการจับคู่กับต้นทาง |
| การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบว่าตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้ |
| เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML หากไม่พบว่าตรงกัน |
| ระบบจะปฏิเสธการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ และไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบสัญลักษณ์แทน</translation> |
| <translation id="1634770710106162474">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะระงับการแสดงคำเตือนที่ปรากฏขึ้นเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กำลังทำงานในคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการที่ไม่รองรับ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้คำเตือนปรากฏขึ้นในระบบที่ไม่รองรับ</translation> |
| <translation id="1634989431648355062">อนุญาตปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1641394008743444477">อนุญาตให้คุณสร้างรายการฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่จะปิดใช้ |
| |
| การปิดใช้ฟีเจอร์ใดๆ ในรายการนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์นั้นจากอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (UI) ไม่ได้และจะเห็นข้อความ "ปิดใช้โดยผู้ดูแลระบบ" ประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะกำหนดโดย <ph name="SYSTEM_FEATURES_DISABLE_MODE" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทั้งหมดจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นและผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์ใดก็ได้ |
| |
| หมายเหตุ: ขณะนี้ฟีเจอร์การสแกนปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้นผ่านแฟล็กฟีเจอร์ หากผู้ใช้เปิดใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวผ่านแฟล็กฟีเจอร์ ฟีเจอร์นี้จะยังคงปิดใช้ได้ด้วยนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="1645793986494086629">สคีมา</translation> |
| <translation id="1647558381546345298">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่าขนาดของแคชที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ในการจัดเก็บไฟล์สื่อที่แคชไว้ในดิสก์ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ --media-cache-size หรือไม่ก็ตาม ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ขอบเขตตายตัว แต่เป็นค่าที่แนะนำสำหรับระบบการแคช ระบบจะปัดเศษค่าที่ต่ำกว่า 2-3 เมกะไบต์ |
| |
| การตั้งค่าของนโยบายให้เป็น 0 จะทำให้ระบบใช้ขนาดแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ขนาดแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้ด้วยการตั้งค่าสถานะ --media-cache-size</translation> |
| <translation id="1648816843164517573">รายชื่อที่จะข้ามการตรวจสอบตามนโยบาย HSTS</translation> |
| <translation id="1654087023995670109">บังคับใช้โหมดผู้เยี่ยมชมในเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="1655229863189977773">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์เป็นไบต์</translation> |
| <translation id="166427968280387991">พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation> |
| <translation id="1669584285557771729">หากตั้งค่านโยบายนี้ นโยบายจะควบคุมประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เต็มหน้าจอ" แว่นขยายหน้าจอจะเปิดใช้เสมอในโหมดแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บางส่วน" แว่นขยายหน้าจอจะเปิดใช้เสมอในโหมดแว่นขยายหน้าจอบางส่วนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่มี" แว่นขยายหน้าจอจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="1675002386741412210">ได้รับการสนับสนุนบน:</translation> |
| <translation id="167514072300004091">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่อได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่อ |
| |
| การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="1682063842123336408">ต้องมีพื้นที่ว่างในดิสก์ (หน่วยเป็น GB) เพื่อติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ การติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่สำเร็จหากอุปกรณ์มีพื้นที่ว่างในดิสก์น้อยกว่า 20 GB (ค่าเริ่มต้น) |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ การติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่สำเร็จหากอุปกรณ์มีพื้นที่ว่างในดิสก์น้อยกว่าที่นโยบายกำหนดไว้</translation> |
| <translation id="1690383938831887552">ป้องกันไม่ให้โหลด Signed HTTP Exchange</translation> |
| <translation id="1700811900332333712">อนุญาตให้อุปกรณ์ขอทำ Powerwash</translation> |
| <translation id="1708496595873025510">ตั้งค่าข้อจำกัดการเรียกเมล็ดรูปแบบ</translation> |
| <translation id="1713829924716792485">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเพื่อโอนไฟล์ระหว่างไคลเอ็นต์และโฮสต์ได้ นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเชื่อมต่อความช่วยเหลือระยะไกล ซึ่งไม่รองรับการโอนไฟล์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้โอนไฟล์ไม่ได้</translation> |
| <translation id="171511968762040550">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เพิ่ม แก้ไข หรือนำบุ๊กมาร์กออกได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะเพิ่ม แก้ไข หรือนำบุ๊กมาร์กออกไม่ได้ แต่ยังใช้บุ๊กมาร์กที่มีได้</translation> |
| <translation id="1715151459541210849">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอก</translation> |
| <translation id="1721158690981421598">การตั้งค่านโยบายจะระบุชื่อโดเมนของโฮสต์ซึ่งจะกำหนดให้กับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงชื่อไม่ได้ ระบบจะแชร์โฮสต์ได้ต่อเมื่อใช้บัญชีที่ลงทะเบียนในชื่อโดเมนที่ระบุไว้เท่านั้น |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่าหรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ระบบแชร์โฮสต์โดยใช้บัญชีใดก็ได้ |
| |
| ดู <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> เพิ่มเติม |
| |
| หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะลบล้าง <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_POLICY_NAME" /> หากมี</translation> |
| <translation id="172374442286684480">อนุญาตให้ทุกไซต์ตั้งค่าข้อมูลภายในเครื่อง</translation> |
| <translation id="1729169799290004131">การตั้งค่านโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ โดยระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ ความสว่างหน้าจอเริ่มต้นจะปรับไปตามค่าของนโยบาย แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่านี้ได้ในภายหลัง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะไม่ส่งผลต่อการควบคุมหน้าจอของผู้ใช้หรือฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ |
| |
| หมายเหตุ: ระบุค่านโยบายเป็นเปอร์เซ็นต์จาก 0 ถึง 100</translation> |
| <translation id="1736269219679256369">อนุญาตให้ดำเนินการจากหน้าคำเตือน SSL</translation> |
| <translation id="174765717426930019">อนุญาตให้เปิดป๊อปอัปทั้งหมดโดยมีการกำหนดเป้าหมายให้ <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> โต้ตอบกับหน้าที่ขอเปิดป๊อปอัป เว้นแต่หน้าที่เปิดเลือกไม่ใช้การโต้ตอบดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง </translation> |
| <translation id="1750315445671978749">บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด</translation> |
| <translation id="1751429117283165017">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_WRITE_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_WRITE_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="1755310913456007816">ใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนแบบออนไลน์ที่มีอยู่</translation> |
| <translation id="1760951637494635692">อนุญาต Serial API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1767673020408652620">เปิดใช้แอปแนะนำในสถานะค่าเป็นศูนย์ของช่องค้นหา</translation> |
| <translation id="1780323582106687813">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="EXTENSION_INSTALL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการส่วนขยายที่ห้ามไว้ ใช้ค่า <ph name="ALL_EXTENSIONS" /> กับ <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> เพื่อห้ามส่วนขยายทั้งหมด และผู้ใช้จะติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่อนุญาตไว้อย่างชัดแจ้งเท่านั้น ส่วนขยายทั้งหมดได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น แต่ถ้าคุณห้ามส่วนขยายด้วยนโยบาย ให้ใช้รายการส่วนขยายที่อนุญาตเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้น</translation> |
| <translation id="1781356041596378058">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ หากตั้งเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการแตะหมายเลขบิลด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation> |
| <translation id="1787790976045065845">นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อตั้งค่านโยบาย <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOCK" /> หรือ <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOGOUT" /> และผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่านสมาร์ทการ์ดนำสมาร์ทการ์ดดังกล่าวออก จากนั้นนโยบายนี้จะระบุระยะเวลาเป็นวินาทีที่ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนซึ่งแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงการดำเนินการที่กำลังจะเกิดขึ้น การแจ้งเตือนนี้จะบล็อกหน้าจอ การดำเนินการจะเกิดขึ้นหลังจากที่การแจ้งเตือนนี้หมดอายุเท่านั้น ผู้ใช้ป้องกันไม่ให้เกิดการดำเนินการได้ด้วยการเสียบสมาร์ทการ์ดกลับเข้าไปก่อนที่การแจ้งเตือนจะหมดอายุ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 จะไม่มีการแสดงการแจ้งเตือนและการดำเนินการจะเกิดขึ้นทันที</translation> |
| <translation id="1793346220873697538">ปิดใช้การพิมพ์ด้วย PIN โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="179694024208061102">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามเปิด URL บางรายการในเบราว์เซอร์สำรอง เช่น <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ฟีเจอร์นี้กำหนดค่าโดยใช้นโยบายในกลุ่ม <ph name="LEGACY_BROWSER_SUPPORT_POLICY_GROUP" /> |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่พยายามเปิด URL ที่กำหนดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation> |
| <translation id="1797233582739332495">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation> |
| <translation id="1798559516913615713">อายุการใช้งานแคช GPO</translation> |
| <translation id="1803646570632580723">รายชื่อของแอปพลิเคชันที่ตรึงจะแสดงในตัวเรียกใช้งาน</translation> |
| <translation id="1808715480127969042">ปิดกั้นคุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="1810261428246410396">อนุญาตให้ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือแบบด่วน</translation> |
| <translation id="1819272352048746487">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ</translation> |
| <translation id="1823974945066396306">กำหนดรายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ระบบอุปกรณ์ โดยใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_FORMAT" /> เช่น <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_EXAMPLE" /> หากต้องการอนุญาตผู้ใช้ใดก็ได้ในโดเมน ให้ใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_WILDCARD" /> |
| |
| หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการจำกัดผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ โปรดทราบว่าการสร้างผู้ใช้ใหม่ยังคงต้องมีการกำหนดค่าของนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" /> อย่างเหมาะสม |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน |
| </translation> |
| <translation id="1827523283178827583">ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่</translation> |
| <translation id="1829839214911753838">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลทำงานในกระบวนการที่มีสิทธิ์ <ph name="UIACCESS_PERMISSION_NAME" /> ซึ่งทำให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเดสก์ท็อปของผู้ใช้เครือข่ายภายในได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลทำงานในบริบทของผู้ใช้ และผู้ใช้ระยะไกลจะโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเดสก์ท็อปไม่ได้</translation> |
| <translation id="1839278886947586809"> |
| นโยบายนี้ถูกนำออกตั้งแต่รุ่น M80 เพราะไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากตอนนี้ฟีเจอร์ WebDriver ใช้ได้กับทุกนโยบายที่มีอยู่แล้ว |
| |
| นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ใช้ฟีเจอร์ WebDriver ลบล้างนโยบายที่อาจรบกวนการทำงานได้ |
| |
| ปัจจุบันนโยบายนี้ปิดใช้นโยบาย SitePerProcess และ IsolateOrigins policies |
| |
| หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะอนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้ |
| หากปิดใช้หรือไม่กำหนดค่านโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation> |
| <translation id="1843117931376765605">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายผู้ใช้</translation> |
| <translation id="1844620919405873871">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับการปลดล็อกด่วน</translation> |
| <translation id="1844972978764975668">อนุญาตการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อเรียกการประทับเวลาที่ถูกต้อง</translation> |
| <translation id="1845405905602899692">การตั้งค่าคีออสก์</translation> |
| <translation id="1845429996559814839">จำกัดโหมดการพิมพ์ด้วย PIN</translation> |
| <translation id="1846545322805269573">ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังของหน้าแท็บใหม่ไม่ได้</translation> |
| <translation id="1847960418907100918">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาทันใจด้วย POST. ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าก็จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง |
| |
| นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาทันใจจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET |
| |
| นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="1852294065645015766">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="1859859319036806634">คำเตือน: TLS เวอร์ชันสำรองจะถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) และนโยบายนี้จะหยุดทำงานหลังจากนั้น |
| |
| เมื่อแฮนด์เชคของ TLS ล้มเหลว ก่อนหน้านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อใหม่กับ TLS เวอร์ชันต่ำลงมาเพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราวในเซิร์ฟเวอร์ HTTPS การตั้งค่านี้จะกำหนดค่าเวอร์ชันที่ขั้นตอนสำรองจะหยุดทำงาน หากเซิร์ฟเวอร์ต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้อง (กล่าวคือ โดยไม่ทำให้การเชื่อมต่อถูกตัด) ระบบจะไม่นำการตั้งค่านี้ไปใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อที่ได้มายังจะต้องสอดคล้องกับ SSLVersionMin |
| |
| หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้หรือหากกำหนดเป็น "tls1.2" ผลก็คือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้ขั้นตอนสำรองอีกต่อไป โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้ไม่ได้ปิดการสนับสนุน TLS เวอร์ชันเก่ากว่า เพียงแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่องชั่วคราวซึ่งต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้องไม่ได้หรือไม่เท่านั้น |
| |
| หรือคุณอาจตั้งค่านโยบายเป็น "tls1.1" หากต้องรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรมีการแก้ไขเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว</translation> |
| <translation id="1861206724856734193">ตั้งค่ารายการกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหล</translation> |
| <translation id="1865417998205858223">สิทธิ์ของคีย์</translation> |
| <translation id="186719019195685253">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC</translation> |
| <translation id="1885782360784839335">เปิดใช้การแสดงเนื้อหาโปรโมตแบบเต็มแท็บ</translation> |
| <translation id="1888871729456797026">โทเค็นการลงทะเบียนของนโยบายระบบคลาวด์ในเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="1894790493260633497">เปิดใช้โหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังโดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1897365952389968758">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดเรียกใช้ JavaScript</translation> |
| <translation id="1902043648529789224">ควบคุมตำแหน่งชั้นวาง</translation> |
| <translation id="1904323733389537794">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่าจะมีการตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" /> |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 19 ขึ้นไป |
| |
| หมายเหตุ: การตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" /> ไม่มีประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิผล</translation> |
| <translation id="1910704279188129272">อนุญาตให้กำหนดข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป |
| ข้อจำกัดการใช้งานนำไปใช้กับแอปที่ติดตั้งไว้ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้นั้นๆ ได้ |
| ข้อจำกัดควรส่งผ่านในรายการ |app_limits| มีข้อจำกัดได้ 1 รายการต่อแอปเท่านั้น แอปที่ไม่ได้อยู่ในรายการจะไม่มีข้อจำกัด |
| คุณบล็อกแอปที่จำเป็นต่อระบบปฏิบัติการไม่ได้ ระบบจะถือว่าข้อจำกัดสำหรับแอปดังกล่าวไม่มีผล |
| แอปมี |app_id| เป็นตัวระบุที่ไม่ซ้ำกัน เนื่องจากแอปต่างประเภทกันใช้รูปแบบรหัสที่ต่างกันได้ จึงต้องมีการระบุ |app_type| ไว้ข้าง |app_id| |
| ปัจจุบันการจำกัดเวลาต่อแอปรองรับเฉพาะแอป |ARC| ชื่อแพ็กเกจ Android จะใช้เป็น |app_id| |
| เราจะรองรับแอปพลิเคชันประเภทอื่นๆ ในอนาคต ตอนนี้คุณระบุประเภทเหล่านั้นในนโยบายได้ แต่ข้อจำกัดจะไม่มีผล |
| ข้อจำกัดที่ใช้ได้มี 2 ประเภทคือ |BLOCK| และ |TIME_LIMIT| |
| |BLOCK| ทำให้ผู้ใช้ใช้แอปไม่ได้ หากระบุ |daily_limit_mins| พร้อมกับข้อจำกัด |BLOCK| ระบบจะถือว่า |daily_limit_mins| ไม่มีผล |
| |TIME_LIMITS| ใช้ขีดจำกัดการใช้งานต่อวันและทำให้แอปใช้งานไม่ได้เมื่อถึงขีดจำกัดในวันนั้นๆ ขีดจำกัดการใช้งานระบุได้ใน |daily_limit_mins| และจะรีเซ็ตทุกวันตามเวลา UTC ที่ผ่านไปใน |reset_at| |
| นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น |
| นโยบายนี้เป็นส่วนเสริมของ "UsageTimeLimit" ข้อจำกัดที่ระบุไว้ใน "UsageTimeLimit" เช่น เวลาอยู่หน้าจอและเวลาเข้านอน จะมีผลไม่ว่าขีดจำกัดเวลาที่ระบุไว้ใน "PerAppTimeLimits" เป็นระยะเวลาเท่าใดก็ตาม</translation> |
| <translation id="1919802376548418720">ใช้นโยบาย KDC เพื่อมอบอำนาจข้อมูลเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="1920046221095339924">อนุญาตเซสชันที่จัดการในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="1920772397574801429">การตั้งค่านโยบายจะระบุประเภทของบัญชีที่มาจากแอปการตรวจสอบสิทธิ์ของ Android ที่รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos) ข้อมูลนี้ควรได้รับจากซัพพลายเออร์ของแอปการตรวจสอบสิทธิ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ The Chromium Projects ( https://goo.gl/hajyfN ) |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> ใน Android</translation> |
| <translation id="1930127294345368978">จำนวนแผ่นงานสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้สำหรับงานพิมพ์ 1 งาน</translation> |
| <translation id="193259052151668190">รายการที่อนุญาตพิเศษของอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้</translation> |
| <translation id="1933378685401357864">รูปภาพวอลเปเปอร์</translation> |
| <translation id="1945994447126139909">นโยบายระดับองค์กรนี้มีไว้สำหรับการใช้งานในระยะสั้น และเราจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 88 |
| |
| นโยบาย URL ที่มาตามค่าเริ่มต้นของ Chrome เข้มงวดขึ้น จากค่า "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด" ในปัจจุบันเป็นค่า "ต้นทางที่เข้มงวดเมื่อข้ามต้นทาง" ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นผ่านการทยอยเปิดตัวที่มีเป้าหมายเป็นรุ่น Chrome 85 เวอร์ชันเสถียร |
| |
| ทั้งนี้ นโยบายระดับองค์กรนี้จะไม่มีผลก่อนการเปิดตัวดังกล่าว หลังจากการเปิดตัว เมื่อเปิดใช้นโยบายระดับองค์กรนี้ นโยบาย URL ที่มาตามค่าเริ่มต้นของ Chrome จะตั้งค่าเป็น "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด" ซึ่งเป็นค่าของรุ่นก่อนหน้า |
| |
| นโยบายระดับองค์กรนี้จะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="1962273523772270623">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google</translation> |
| <translation id="1964634611280150550">ปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="1964802606569741174">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป YouTube ของ Android หากมีการใช้โหมดปลอดภัยใน YouTube ควรยกเลิกการอนุญาตการติดตั้งแอป YouTube ใน Android</translation> |
| <translation id="1969212217917526199">ลบล้างนโยบายในเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล |
| |
| ค่านี้จะได้รับการแยกวิเคราะห์เป็นพจนานุกรม JSON ของชื่อนโยบายไปยังการจับคู่ค่านโยบาย</translation> |
| <translation id="1969808853498848952">เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์เสมอ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="1971991630422430420">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อจุดเข้าใช้งานแบบไร้สายรองรับ การตั้งค่านี้จะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว</translation> |
| <translation id="1977581177449752640">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์ที่มีชื่อของผู้ออกใบรับรองที่กำหนดเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_VALIDATION_URL_POLICY_NAME" /> หากต้องการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์ทั้งหมดที่ใช้งานได้ ให้ตั้งค่าเป็น <ph name="WILDCARD_VALUE" /> หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้</translation> |
| <translation id="1988345404999458987">ระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่พร้อมใช้งาน |
| |
| นโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เป็นไฟล์ JSON ได้ |
| |
| โดยที่ไฟล์ดังกล่าวต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB และต้องมีอาร์เรย์ของระเบียน (ออบเจ็กต์ JSON) ระเบียนแต่ละรายการต้องมีช่อง "id", "url" และ "display_name" ที่มีสตริงเป็นค่า ค่าของช่อง "id" ต้องไม่ซ้ำกัน |
| |
| ระบบจะดาวน์โหลดและเก็บแคชของไฟล์ไว้ และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด โดยจะมีการดาวน์โหลดไฟล์อีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะพยายามค้นหาเครื่องพิมพ์ที่พร้อมใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่ระบุโดยใช้โปรโตคอล IPP |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าที่ไม่ถูกต้อง ผู้ใช้จะไม่เห็นเครื่องพิมพ์ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเตรียมไว้ทุกเครื่อง |
| |
| ขณะนี้มีการจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ไว้ที่ 16 เซิร์ฟเวอร์ ระบบจะค้นหาเครื่องพิมพ์จากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ 16 เซิร์ฟเวอร์แรกในรายการเท่านั้น |
| |
| นโยบายนี้คล้ายกับ <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> ยกเว้นเพียงแต่ว่านโยบายนี้ใช้กับอุปกรณ์ |
| </translation> |
| <translation id="1988371335297483117">การอัปเดตรายได้อัตโนมัติบน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถดาวน์โหลดผ่าน HTTP แทน HTTPS ได้ ซึ่งจะทำให้การแคชการดาวน์โหลดของ HTTP เป็นแบบโปร่งใส |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> พยายามดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติผ่าน HTTP หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งเลย จะมีการใช้ HTTPS สำหรับการดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="199011295049694531">รายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์ที่ตั้งไว้ในปัจจุบัน</translation> |
| <translation id="199764499252435679">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="1999000620918508488">บังคับให้หน้าจอลงชื่อเข้าใช้แสดงหรือซ่อนข้อมูลของระบบ</translation> |
| <translation id="2001420846508294174">การตั้งค่านโยบายนี้จะตั้งค่ากฎในการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะลบล้างกฎเริ่มต้น การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์ เมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกับแอตทริบิวต์ที่ระบุ ในกรณีที่การจับคู่ไม่สมบูรณ์แบบ จะตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้เลือกเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันเครื่องใดก็ได้โดยขึ้นอยู่กับลำดับในการค้นพบเครื่องพิมพ์ |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นแอตทริบิวต์ที่จับคู่ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ PDF ในตัวจะเป็นค่าเริ่มต้น หากไม่มีเครื่องพิมพ์ PDF ค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเป็น "ไม่มี" |
| |
| เครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จะถือว่าเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_CLOUD" /> ส่วนเครื่องพิมพ์ที่เหลือจะจัดประเภทเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_LOCAL" /> |
| |
| หมายเหตุ: การข้ามช่องใดช่องหนึ่งไปแสดงว่าค่าทั้งหมดตรงกัน ตัวอย่างเช่น การไม่ระบุการเชื่อมต่อจะทำให้การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์เริ่มการค้นหาเครื่องพิมพ์ทุกประเภท ทั้ง <ph name="PRINTER_TYPE_LOCAL" /> และ <ph name="PRINTER_TYPE_CLOUD" /> รูปแบบนิพจน์ทั่วไปต้องเป็นไปตามไวยากรณ์ JavaScript RegExp และการจับคู่จะคำนึงถึงตัวอักษรพิมพ์เล็กและใหญ่</translation> |
| <translation id="2006530844219044261">การจัดการพลังงาน</translation> |
| <translation id="2014757022750736514">ควบคุมลักษณะการทำงานของหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบบัญชี การตั้งค่ารวมไปถึงผู้ที่ลงชื่อเข้าสู่ระบบได้ ประเภทบัญชีที่อนุญาต วิธีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ควรใช้ ตลอดจนการช่วยเหลือพิเศษทั่วไป วิธีการป้อนข้อมูล และการตั้งค่าภาษา</translation> |
| <translation id="201557587962247231">ความถี่ในการอัปโหลดรายงานสถานะของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="2017301949684549118">URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้งแบบเงียบ</translation> |
| <translation id="2017459564744167827">ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสคีมาและการจัดรูปแบบได้ที่ <ph name="REFERENCE_URL" /></translation> |
| <translation id="2024476116966025075">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="2024821084720338323">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำให้ตัวจับเวลา JavaScript ในแท็บเบื้องหลังถูกควบคุมและรวมเป็นหนึ่งมากเกินไป ซึ่งทำให้ทำงานได้เพียงนาทีละ 1 ครั้งหลังจากที่หน้าอยู่ในเบื้องหลังเป็นเวลา 5 นาทีขึ้นไป |
| |
| ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่เป็นไปตามมาตรฐานของเว็บ แต่อาจทำให้บางเว็บไซต์ทำงานได้ไม่ถูกต้องโดยทำให้การทำงานบางอย่างล่าช้าได้ถึง 1 นาที แต่เมื่อเปิดใช้ จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่และ CPU ได้อย่างมาก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/30b1XR4 |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะบังคับให้เปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะบังคับให้ปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ฟีเจอร์จะถูกควบคุมโดยตรรกะภายในตัวฟีเจอร์เอง ซึ่งผู้ใช้จะกำหนดค่าด้วยตนเองได้ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้มีผลตามการประมวลผลของโหมดแสดงภาพ โดยจะบังคับใช้ค่าล่าสุดในการตั้งค่านโยบายเมื่อเริ่มการประมวลผลของโหมดแสดงภาพ คุณต้องรีสตาร์ทโดยสมบูรณ์เพื่อให้แน่ใจว่าทุกแท็บที่โหลดไว้จะได้รับการตั้งค่านโยบายที่สอดคล้องกัน การประมวลผลต่างๆ ทำงานโดยใช้ค่าที่ต่างกันของนโยบายนี้ได้โดยไม่มีปัญหา |
| </translation> |
| <translation id="2030905906517501646">คีย์เวิร์ดของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="203096360153626918">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป Android โดยแอปยังสามารถเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอได้แม้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="FALSE" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="2032848225007871645">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ปลดล็อกหน้าจอล็อกได้ |
| |
| หากต้องการอนุญาต |
| |
| * โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] (รวมถึงโหมดที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วย) |
| |
| * สำหรับการปลดล็อกด้วย PIN เท่านั้น ให้ใช้ ["PIN"] |
| |
| * สำหรับ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"] |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="QUICK_UNLOCK_MODE_ALLOW_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="2033784678146670379">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อรับรองตัวตนจากระยะไกลไปยัง CA ความเป็นส่วนตัวผ่านทาง <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> โดยใช้ <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" /> |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้เรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation> |
| <translation id="2036522553891755455">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้การสำรวจพื้นที่แชร์ (ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ใช้ <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อสำรวจพื้นที่แชร์ในเครือข่าย การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การสำรวจพื้นที่แชร์ไม่ใช้โปรโตคอลนี้ในการสำรวจพื้นที่แชร์ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ลักษณะการทำงานตามค่าเริ่มต้นเป็น "ปิด" สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเป็น "เปิด" สำหรับผู้ใช้อื่นๆ</translation> |
| <translation id="2037214548071298156">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์ เช่น การใช้งาน CPU/RAM |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์</translation> |
| <translation id="2040479044912658454">โหมดการแรสเตอร์งานพิมพ์</translation> |
| <translation id="2042513383871755994">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_READ_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_READ_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="2043749682619281558">เปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="2043770014371753404">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation> |
| <translation id="2057317273526988987">อนุญาตให้เข้าถึงรายการ URL</translation> |
| <translation id="2061810934846663491">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="2069350366303315077">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะบังคับใช้เซสชันผู้เยี่ยมชมและป้องกันการลงชื่อเข้าใช้โปรไฟล์ การลงชื่อเข้าใช้ของผู้เยี่ยมชมเป็นโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้", ไม่ตั้งค่านโยบาย หรือปิดใช้โหมดผู้เยี่ยมชมของเบราว์เซอร์ (ผ่าน <ph name="BROWSER_GUEST_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" />) จะทำให้ใช้โปรไฟล์ใหม่และโปรไฟล์ที่มีอยู่ได้</translation> |
| <translation id="2070744136203607632">ไม่ทำการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS</translation> |
| <translation id="2073552873076775140">อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2075732129949889165">Crostini Ansible Playbook</translation> |
| <translation id="2077129598763517140">ใช้การเร่งฮาร์ดแวร์เมื่อสามารถใช้ได้</translation> |
| <translation id="2077273864382355561">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="2082205219176343977">กำหนดค่าเวอร์ชัน Chrome ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation> |
| <translation id="208566302163036794">บล็อกฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation> |
| <translation id="208623333578980446">อนุญาต Wake Lock สำหรับหน้าจอเพื่อการจัดการพลังงาน</translation> |
| <translation id="2090939118981888335">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้พร็อกซีการบีบอัดข้อมูลทำงาน การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้พร็อกซีไม่ทำงาน |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกใช้ฟีเจอร์ได้</translation> |
| <translation id="209586405398070749">เวอร์ชันเสถียร</translation> |
| <translation id="2098658257603918882">เปิดใช้งานการรายงานการใช้และข้อมูลเกี่ยวกับการขัดข้อง</translation> |
| <translation id="2104418465060359056">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน</translation> |
| <translation id="2106166591774188922">อนุญาตผู้ใช้ SAML ให้เปลี่ยนรหัสผ่าน SAML ในเซสชันที่ chrome://password-change</translation> |
| <translation id="2106627642643925514">ลบล้างโหมดการพิมพ์ด้วย PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="2107563874993284076">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ช่วยให้ผู้ใช้ใช้พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="2107601598727098402"> |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M72 โปรดใช้ CloudManagementEnrollmentToken แทน |
| </translation> |
| <translation id="2113068765175018713">จำกัดเวลาใช้งานของอุปกรณ์โดยการรีบูตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="2124881675920287921">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M82 และได้นำออกจาก M85 โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> แทน การปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_OPT_IN_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เทียบเท่ากับการปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> การเปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_OPT_IN_ALLOWED_POLICY_NAME" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเทียบเท่ากับการไม่ได้ตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะทำให้ผู้ใช้เลือกส่งข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าเว็บบางอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ไม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะส่งข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าเว็บบางอย่างไปยัง Google Safe Browsing เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้ |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="2127599828444728326">อนุญาตการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="2131902621292742709">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="2132424782557550556">กำหนดค่านโยบายการรายงานในระบบคลาวด์ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายเหล่านี้จะไม่มีผล |
| |
| นโยบายเหล่านี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="2134437727173969994">อนุญาตให้ล็อกหน้าจอ</translation> |
| <translation id="2135335181634291106">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ICON_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของไอคอนรายการโปรดของผู้ให้บริการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น |
| |
| การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ICON_URL_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีไอคอนสำหรับผู้ให้บริการค้นหารายนั้น</translation> |
| <translation id="2145735238144543545">ต้องมีใบรับรองไคลเอ็นต์</translation> |
| <translation id="214901426630414675">จำกัดโหมดพิมพ์ 2 ด้าน</translation> |
| <translation id="2149330464730004005">เปิดใช้การพิมพ์สี</translation> |
| <translation id="2149592087996467903">ป้องกันไม่ให้ WebRTC ใช้ TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย</translation> |
| <translation id="2149957154942061013">ใช้ภายในเท่านั้น</translation> |
| <translation id="2151831603578119302">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ</translation> |
| <translation id="2156132677421487971">กำหนดค่านโยบายต่างๆ สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ส่งเนื้อหาในแท็บ ไซต์ หรือเดสก์ท็อปจากเบราว์เซอร์ไปยังจอแสดงผลและระบบเสียงระยะไกลได้</translation> |
| <translation id="2156755242840687300">เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกที่เปิดใช้</translation> |
| <translation id="2160336427036785721">กำหนดขนาดหน่วยความจำที่อินสแตนซ์หนึ่งๆ ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ได้ก่อนเริ่มทิ้งแท็บ (กล่าวคือ หน่วยความจำที่แท็บใช้จะถูกล้างและจะต้องโหลดแท็บซ้ำเมื่อมีการสลับไปยังแท็บนั้น) เพื่อประหยัดหน่วยความจำ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะเริ่มทิ้งแท็บเพื่อประหยัดหน่วยความจำเมื่อการใช้หน่วยความจำเกินขีดจำกัดแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรับประกันว่าเบราว์เซอร์จะทำงานตลอดเวลาแม้ว่าจะยังไม่เกินขีดจำกัดก็ตาม ทุกค่าที่ต่ำกว่า 1024 จะปัดเป็น 1024 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะเริ่มพยายามประหยัดหน่วยความจำก็ต่อเมื่อตรวจพบว่าหน่วยความจำจริงของเครื่องเหลือน้อย</translation> |
| <translation id="2164922809922345834">เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่างในเครื่องที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจพบเวลาที่หน้าต่างใดก็ตามถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่และระงับการระบายสีพิกเซล ทั้งนี้เพื่อลดการใช้ CPU และพลังงาน |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจหาว่ามีหน้าต่างใดถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่หรือไม่ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจหาการบัง</translation> |
| <translation id="2166472654199325139">ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation> |
| <translation id="2168397434410358693">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="217013996107840632">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับการเปลี่ยนจากเบราว์เซอร์ทางเลือก</translation> |
| <translation id="2170233653554726857">เปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD</translation> |
| <translation id="2178899310296064282">บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เป็นอย่างน้อย</translation> |
| <translation id="2182291258410176649">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้การสำรองข้อมูลและการกู้คืนหรือไม่</translation> |
| <translation id="219297066914002620">สั่งให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เปิดใช้หรือปิดใช้เครื่องมือคอนโซลสำหรับการจัดการเครื่องเสมือน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้ CLI การจัดการ VM ได้ |
| หรือไม่เช่นนั้น CLI การจัดการ VM ทั้งหมดจะถูกปิดใช้และซ่อนไว้ |
| </translation> |
| <translation id="2195032660890227692">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_BR_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="2197625019569762163">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะแสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขโดยค่าเริ่มต้นสำหรับใส่รหัสผ่านในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้ยังคงสลับไปเป็นแป้นพิมพ์ปกติได้ |
| |
| ถ้าคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ก็จะไม่มีผลอะไร</translation> |
| <translation id="2200698565850397198">กำหนดค่ารายการที่บล็อกสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="2201555246697292490">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตพิเศษสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="2202787915587511214">เปิด NTLMv2</translation> |
| <translation id="2204753382813641270">ควบคุมการซ่อนชั้นวางอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="2208976000652006649">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="2215238871726750562">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ป้องกันไม่ให้หน้าต่างเบราว์เซอร์เปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มเซสชัน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าทำให้หน้าต่างเปิดขึ้นมา |
| |
| โปรดทราบว่าหน้าต่างเบราว์เซอร์อาจไม่เปิดขึ้นมาเนื่องจากนโยบายหรือการติดธงบรรทัดคำสั่งอื่นๆ</translation> |
| <translation id="2215471798823435557">การกำหนดค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุรูปแบบต่างๆ ที่อนุญาตให้ใช้กับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่จัดการโดยองค์กรได้ |
| |
| รูปแบบต่างๆ เป็นวิธีที่ช่วยให้เสนอการแก้ไข <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้โดยไม่ต้องส่งเวอร์ชันใหม่ด้วยการเลือกเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Manage_the_Chrome_variations_framework |
| |
| การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_ENABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่านโยบายจะเป็นการอนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ได้กับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| การตั้งค่า <ph name="CRITICAL_VARIATIONS_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะรูปแบบที่ถือว่าเป็นการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากหรือการแก้ไขด้านความเสถียรกับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_DISABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ตามกับเบราว์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ โปรดทราบว่าโหมดนี้อาจขัดขวางไม่ให้นักพัฒนาแอปของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทำการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากได้อย่างทันท่วงที และด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้</translation> |
| <translation id="2223582957891074498">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพหน้าจอด้วยแป้นพิมพ์ลัดหรือ API ส่วนขยาย การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" อนุญาตให้ถ่ายภาพหน้าจอ</translation> |
| <translation id="2223598546285729819">การตั้งค่าการแจ้งเตือนเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2231817271680715693">นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="2236488539271255289">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่อง</translation> |
| <translation id="2241498944622759244">ไม่เคยมีการเปิดตัวฟีเจอร์นี้ เราจึงเลิกใช้งานนโยบายนี้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือ "ไม่ได้ตั้งค่า" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแนะนำหน้าที่เกี่ยวข้องกับหน้าปัจจุบัน |
| โดยดึงข้อมูลการแนะนำแบบระยะไกลจากเซิร์ฟเวอร์ของ Google |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการดึงข้อมูลหรือแสดงคำแนะนำ</translation> |
| <translation id="225340736558643885">เปิดใช้คำเตือนสำหรับฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย</translation> |
| <translation id="2258126710006312594">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลโอนไฟล์ไปยัง/จากโฮสต์</translation> |
| <translation id="2261329877420573811">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_WHITELIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="2266422599396179941">อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็น</translation> |
| <translation id="2269319728625047531">เปิดใช้การแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์ในระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="2270747976331889601">เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย TLS 1.3 สำหรับ Trust Anchor ในพื้นที่</translation> |
| <translation id="2281496157391382819"> ควบคุมคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้งานคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติในเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการ |
| |
| ไม่ควรใช้นโยบายนี้กับอุปกรณ์ที่สาธารณชนใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า ระบบจะตรึงการแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวในเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการซึ่งเรียกใช้อัตโนมัติไว้จนกว่าผู้ใช้จะปิด</translation> |
| <translation id="2289265947759479962">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลเวอร์ชันหรือไม่ เช่น เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ สถาปัตยกรรมระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และช่องของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="2292084646366244343"><ph name="PRODUCT_NAME" /> สามารถใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในการสะกดผิด หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ไว้ บริการนี้จะถูกใช้อยู่เสมอ หากปิดใช้งานการตั้งค่า บริการนี้จะไม่ถูกใช้เลย |
| |
| การตรวจสอบการสะกดยังสามารถทำงานได้โดยใช้พจนานุกรมที่ดาวน์โหลดมา แต่นโยบายนี้จะควบคุมเฉพาะการใช้งานบริการออนไลน์เท่านั้น |
| |
| หากการตั้งค่านี้ไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกว่าจะใช้บริการตรวจสอบการสะกดหรือไม่</translation> |
| <translation id="229322770310505679">เปิดใช้แนวคิดนโยบายที่มาจากกลุ่มขนาดเล็ก</translation> |
| <translation id="22941467117331786">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" แสดงปุ่มออกจากระบบสีแดงขนาดใหญ่ในถาดระบบระหว่างที่เซสชันดำเนินอยู่และหน้าจอไม่ได้ล็อก |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะไม่มีปุ่มใดแสดง</translation> |
| <translation id="2294382669900758280">ไม่มีการพิจารณาการเล่นวิดีโอในแอป Android แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="2299220924812062390">ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="2303795211377219696">เปิดใช้ "ป้อนข้อความอัตโนมัติ" สำหรับบัตรเครดิต</translation> |
| <translation id="2307496301287881990">รายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก</translation> |
| <translation id="2309390639296060546">การตั้งค่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2327252517317514801">กำหนดโดเมนที่อนุญาตให้เข้าถึง G Suite</translation> |
| <translation id="2331354174913096226">เทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการ วิธีระบุรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS หลายรายการคือเว้นวรรคระหว่างเทมเพลต URI ที่เกี่ยวข้อง |
| |
| หากตั้งค่า DnsOverHttpsMode เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_SECURE" /> ก็ต้องตั้งค่านโยบายนี้และนโยบายต้องไม่ว่างเปล่า |
| |
| หากตั้งค่า DnsOverHttpsMode เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_AUTOMATIC" /> และตั้งค่านโยบายนี้ด้วย ระบบก็จะใช้เทมเพลต URI ที่ระบุไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การจับคู่ที่ฮาร์ดโค้ดเพื่อพยายามอัปเกรดรีโซลเวอร์ DNS ปัจจุบันของผู้ใช้เป็นรีโซลเวอร์ DoH ที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการรายเดียวกัน |
| |
| หากเทมเพลต URI มีตัวแปร <ph name="HTTP_VARIABLE_DNS" /> คำขอที่ส่งไปยังรีโซลเวอร์จะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_GET" /> หากไม่มี คำขอจะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_POST" /> |
| |
| ระบบจะไม่สนใจเทมเพลตที่จัดรูปแบบไม่ถูกต้อง</translation> |
| <translation id="2333228572393176330">นโยบายนี้ควบคุมฟีเจอร์ความปลอดภัยใน TLS 1.3 ซึ่งปกป้องการเชื่อมต่อจากการโจมตีแบบดาวน์เกรด โดยจะใช้งานย้อนหลังได้และไม่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์หรือพร็อกซี TLS 1.2 ที่เข้ากันได้ อย่างไรก็ตาม พร็อกซีสำหรับดักจับข้อมูล TLS บางตัวในเวอร์ชันเก่ามีข้อบกพร่องในการใช้งานซึ่งทำให้ใช้งานร่วมกันไม่ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สำหรับการเชื่อมต่อทั้งหมด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปิดใช้การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สำหรับการเชื่อมต่อที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะเปิดใช้อยู่เสมอสำหรับการเชื่อมต่อที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรอง CA ที่ได้รับความเชื่อถือจากสาธารณะ |
| |
| มีการเปลี่ยนค่าเริ่มต้นสำหรับนโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 81 จาก "เท็จ" เป็น "จริง" คาดว่าพร็อกซีที่ได้รับผลกระทบจะทำให้การเชื่อมต่อไม่สำเร็จโดยมีรหัสข้อผิดพลาด ERR_TLS13_DOWNGRADE_DETECTED ผู้ดูแลระบบที่ต้องการเวลามากขึ้นในการอัปเกรดพร็อกซีที่ได้รับผลกระทบอาจใช้นโยบายนี้เพื่อปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยนี้ชั่วคราว เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน 86 |
| </translation> |
| <translation id="2333763898098246468">ควบคุมวิธีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พิมพ์ใน Windows |
| |
| เมื่อสั่งพิมพ์ไปยังเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ PostScript ใน Windows บางครั้งงานพิมพ์จะต้องมีการแรสเตอร์เพื่อให้พิมพ์ได้อย่างถูกต้อง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เต็ม" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแรสเตอร์แบบเต็มหน้าหากจำเป็น |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เร็ว" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะหลีกเลี่ยงการแรสเตอร์หากทำได้ เพราะการลดปริมาณการแรสเตอร์จะช่วยลดขนาดของงานพิมพ์และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอยู่ในโหมด "เต็ม"</translation> |
| <translation id="2337859888277013371">ไม่อนุญาตให้ใช้แคชย้อนหลัง</translation> |
| <translation id="2341509917222115272">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จับคู่ไคลเอ็นต์และโฮสต์ในเวลาเชื่อมต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องป้อน PIN ทุกครั้ง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ฟีเจอร์นี้ไม่พร้อมใช้งาน</translation> |
| <translation id="2345547870894930157">เปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS ที่ไม่มีการถอยหลังกลับที่ไม่ปลอดภัย</translation> |
| <translation id="2349117476121456297">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้แป้นแถวบนสุดบนแป้นพิมพ์ทำหน้าที่เป็นคำสั่งแป้นฟังก์ชัน การกดแป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นดังกล่าวกลับไปเป็นแป้นสื่อ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า แป้นพิมพ์จะมีค่าเริ่มต้นเป็นส่งคำสั่งแป้นสื่อ การกดแป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation> |
| <translation id="2358176879566587521">เรานำนโยบายนี้ออกแล้ว เพราะใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันนี้ไม่ได้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation> |
| <translation id="2364639863953745682">โหมดของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation> |
| <translation id="2384233438419344179">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้องค์ประกอบหน้าเว็บที่ไม่ได้มาจากโดเมนในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ตั้งค่าคุกกี้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้องค์ประกอบเหล่านั้นตั้งค่าคุกกี้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| การไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="2386362615870139244">อนุญาตล็อกปลุกหน้าจอ</translation> |
| <translation id="2394674739523870144">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริงหมายความว่า สตริงดังกล่าวจะเชื่อมต่อกันด้วยการเว้นวรรคและส่งผ่าน <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไปยัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง หากพารามิเตอร์มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ก็จะมีการแทนที่ <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด หากไม่มีพารามิเตอร์ใดที่มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ระบบจะใส่ URL ดังกล่าวต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง |
| |
| ระบบจะขยายตัวแปรสภาพแวดล้อม โดยใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_WIN_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" /> |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะส่ง URL ไป <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเท่านั้น |
| |
| หมายเหตุ: หากไม่ได้มีการติดตั้ง Add-in การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าสำหรับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล</translation> |
| <translation id="2399987589969059485">การกำหนดค่านโยบายนี้จะอนุญาตให้ระบุรูปแบบที่อนุญาตให้ใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| รูปแบบต่างๆ เป็นวิธีที่ช่วยให้เสนอการแก้ไข <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้โดยไม่ต้องส่งเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่ด้วยการเลือกเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Manage_the_Chrome_variations_framework |
| |
| การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_ENABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้ใช้รูปแบบทั้งหมดกับเบราว์เซอร์ได้ |
| |
| การตั้งค่า <ph name="CRITICAL_VARIATIONS_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะรูปแบบที่ถือว่าเป็นการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากหรือการแก้ไขด้านความเสถียรกับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_DISABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ตามกับเบราว์เซอร์ โปรดทราบว่าโหมดนี้อาจขัดขวางไม่ให้นักพัฒนาแอปของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากได้อย่างทันท่วงที และด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้</translation> |
| <translation id="2411629345938804022">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียงได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="2411817661175306360">การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านปิดอยู่</translation> |
| <translation id="2411919772666155530">บล็อกการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="2413022450179356125">เปิด/ปิดใช้ฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัว |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเสมอ |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบล้างค่าไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะควบคุมต่อจากนั้นได้</translation> |
| <translation id="2421677964966613267">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่รองรับรูปแบบที่มีไวลด์การ์ด "*" และ "[*.]" ในโฮสต์อีกแล้วตั้งแต่รุ่น M85</translation> |
| <translation id="2423255396068675416">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เรียกใช้ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ได้ตราบใดที่มีการเปิดใช้ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ไม่ให้ผู้ใช้ใช้งาน การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มคอนเทนเนอร์ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ใหม่ ไม่ใช่คอนเทนเนอร์ที่ทำงานอยู่แล้ว</translation> |
| <translation id="2426782419955104525">เปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาทันใจของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการเปิดใช้ "ค้นหาทันใจ" |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการปิดใช้ "ค้นหาทันใจ" |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันนี้ |
| |
| การตั้งค่านี้ได้ถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 29 และเวอร์ชันที่สูงกว่าแล้ว</translation> |
| <translation id="2435052056904485763">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos</translation> |
| <translation id="2448315169529769573">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รายงานเมตริกการใช้งานและข้อมูลการวินิจฉัย รวมถึงรายงานข้อขัดข้อง กลับมาที่ Google การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัย |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะปิดการรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัยเสมอในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการและเปิดในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="2449263772062368618">กำหนดค่ารายการประเภทข้อมูลการท่องเว็บที่ควรจะลบออกเมื่อปิดเบราว์เซอร์ |
| ประเภทข้อมูลที่มี ได้แก่ ประวัติการท่องเว็บ (<ph name="DATA_TYPE_BROWSING_HISTORY" />) ประวัติการดาวน์โหลด (<ph name="DATA_TYPE_DOWNLOAD_HISTORY" />) คุกกี้ (<ph name="DATA_TYPE_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA" />) แคช <ph name="DATA_TYPE_CACHED_IMAGES_AND_FILES" /> ข้อความป้อนอัตโนมัติ (<ph name="DATA_TYPE_AUTOFILL" />) รหัสผ่าน (<ph name="DATA_TYPE_PASSWORD" />) การตั้งค่าเว็บไซต์ (<ph name="DATA_TYPE_SITE_SETTINGS" />) และข้อมูลแอปที่โฮสต์ไว้ (<ph name="DATA_TYPE_HOSTED_APP_DATA" />) |
| นโยบายนี้ไม่มีความสำคัญเหนือ <ph name="ALLOW_DELETING_BROWSER_HISTORY_POLICY_NAME" /> |
| นโยบายนี้กำหนดให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" มิเช่นนั้นระบบจะไม่สนใจนโยบายดังกล่าว |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับแพลตฟอร์ม ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์ที่ระดับแพลตฟอร์ม |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับผู้ใช้ ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์สำหรับผู้ใช้รายดังกล่าวเพื่อให้นโยบายนี้มีผล |
| </translation> |
| <translation id="2454228136871844693">เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อความเสถียร</translation> |
| <translation id="2455033019778127130">ใช้การทำงานเริ่มต้นของเบราว์เซอร์ แสดงข้อกำหนดในการให้บริการและรอให้ผู้ใช้ยอมรับ</translation> |
| <translation id="2463034609187171371">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส DHE ใน TLS</translation> |
| <translation id="2463365186486772703">ภาษาของแอปพลิเคชัน</translation> |
| <translation id="2463832514638083341">นโยบายนี้ควบคุมระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์ในอุปกรณ์โดยมีหน่วยเป็นวัน |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -1 ระบบจะจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์อย่างไม่มีกำหนด เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 ระบบจะไม่จัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์เลย เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่น จะเป็นการระบุระยะเวลาที่จัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในอุปกรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 90 วันสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นวัน</translation> |
| <translation id="2466131534462628618">การตรวจสอบสิทธิ์ของแคพทีฟพอร์ทัลจะข้ามพร็อกซีไป</translation> |
| <translation id="247658312644322296">ปลายทาง "บันทึกเป็น PDF"</translation> |
| <translation id="2478756867046106663">อนุญาตให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="2480971699591919564">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทรซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ส่งหมายเลขโทรศัพท์จาก Chrome ในเดสก์ท็อปไปยังอุปกรณ์ Android ได้เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/answer/9430554?hl=th |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดใช้ความสามารถในการส่งหมายเลขโทรศัพท์ไปยังอุปกรณ์ Android สำหรับผู้ใช้ Chrome |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดใช้ความสามารถในการส่งหมายเลขโทรศัพท์ไปยังอุปกรณ์ Android สำหรับผู้ใช้ Chrome |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทรโดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2482676533225429905">การรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="2483146640187052324">คาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ</translation> |
| <translation id="2496180316473517155">ประวัติการเข้าชมที่เรียกดู</translation> |
| <translation id="2498238926436517902">ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเสมอ</translation> |
| <translation id="250022556568924228">การตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการและแสดงต่อผู้ใช้เมื่อมีการเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เซสชันได้หลังจากที่ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการแล้วเท่านั้น |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการแสดงข้อกำหนดในการให้บริการ |
| |
| ควรตั้งค่านโยบายไปยัง URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการได้ ข้อกำหนดในการให้บริการต้องเป็นข้อความธรรมดาที่แสดงเป็นข้อความ/ธรรมดาประเภท MIME และไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation> |
| <translation id="2500699707048942472">ฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติจะเปลี่ยนแปลงการป้อน PIN ใน Chrome OS |
| ฟีเจอร์นี้จะแสดง UI พิเศษที่แสดงให้ผู้ใช้เห็นอย่างชัดเจนว่า PIN ต้องมีกี่หลัก แทนการแสดงช่องข้อความเดียวกันกับที่ใช้ป้อนรหัสผ่าน ดังนั้นระบบจะจัดเก็บความยาว PIN ของผู้ใช้ไว้นอกข้อมูลที่เข้ารหัสของผู้ใช้ ใช้ได้เฉพาะ PIN ที่มีความยาวระหว่าง 6 ถึง 12 หลัก |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกในการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ในหน้าการตั้งค่า</translation> |
| <translation id="250151283451228612">หากเปิดใช้ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_BATTERY_THRESHOLD_POLICY_NAME" /> จะกำหนดเกณฑ์ระดับแบตเตอรี่สำหรับการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เป็นเปอร์เซ็นต์ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การใช้ไฟจากแบตเตอรี่ปิดอยู่เสมอ</translation> |
| <translation id="2502467045153796624">ลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation> |
| <translation id="250670737672448119">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์บริเวณโดยรอบเคอร์เซอร์ข้อความ ขณะที่แก้ไขข้อความ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="2509919237512982967">ใช้ตัวควบคุมแบบฟอร์มเดิมจนถึงเวอร์ชัน M84</translation> |
| <translation id="2517466659416174529">อนุญาตการระงับแท็บที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง</translation> |
| <translation id="2518231489509538392">อนุญาตให้เล่นเสียง</translation> |
| <translation id="2521581787935130926">แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="2522304491589804974">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="2529880111512635313">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่บังคับให้ติดตั้ง</translation> |
| <translation id="253135976343875019">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="2535370400681639351">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้คำขอการตรวจสอบสิทธิ์ gnubby จะทำผ่านพร็อกซีในการเชื่อมต่อโฮสต์ระยะไกล |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้คำขอการตรวจสอบสิทธิ์ gnubby ไม่ทำผ่านพร็อกซี |
| |
| โปรดทราบว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้คอมโพเนนต์เพิ่มเติมซึ่งไม่มีให้บริการนอกระบบเครือข่ายของ Google จึงจะทำงานได้อย่างถูกต้อง</translation> |
| <translation id="2536525645274582300">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่</translation> |
| <translation id="254653220329944566">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2547854230073316008">การตั้งค่านโยบายจะตั้งค่าความละเอียดและค่าตัวคูณมาตราส่วนของจอแสดงผลแต่ละจอ การตั้งค่าจอแสดงผลภายนอกจะใช้กับจอแสดงผลที่เชื่อมต่อ (นโยบายจะไม่มีผลหากจอแสดงผลไม่รองรับความละเอียดหรือขนาดที่ระบุ) |
| |
| การตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_USE_NATIVE" /> เป็น "จริง" หมายความว่านโยบายจะไม่สนใจ <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> และ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> และจะตั้งค่าจอแสดงผลภายนอกเป็นความละเอียดของระบบ การตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_USE_NATIVE" /> เป็น "เท็จ" หรือการไม่ตั้งค่ารายการดังกล่าวและ <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> หรือ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> หมายความว่านโยบายจะไม่ส่งผลต่อจอแสดงผลภายนอก |
| |
| การตั้งค่าแฟล็กที่แนะนำเป็น "จริง" จะให้ผู้ใช้เปลี่ยนความละเอียดและค่าตัวคูณมาตราส่วนของจอแสดงผลได้จากหน้าการตั้งค่า แต่จะมีการเปลี่ยนการตั้งค่าเมื่อรีบูตครั้งถัดไป การตั้งค่าแฟล็กที่แนะนำเป็น "เท็จ" หรือการไม่ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าจอแสดงผลไม่ได้ |
| |
| หมายเหตุ: ตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> และ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> เป็นพิกเซล และ <ph name="EXTERNAL_SCALE_PERCENTAGE" /> และ <ph name="INTERNAL_SCALE_PERCENTAGE" /> เป็นเปอร์เซ็นต์</translation> |
| <translation id="2548397295248733155">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation> |
| <translation id="2548572254685798999">รายงานข้อมูล Google Safe Browsing</translation> |
| <translation id="2550593661567988768">การพิมพ์ด้านเดียวเท่านั้น</translation> |
| <translation id="2552318891854145040">การตั้งค่านโยบายนี้จะสร้างรายการบุ๊กมาร์กที่แต่ละรายการเป็นพจนานุกรมที่มีคีย์ "<ph name="NAME" />" และ "<ph name="URL_LABEL" />" คีย์เหล่านี้เก็บชื่อและเป้าหมายของบุ๊กมาร์กไว้ ผู้ดูแลระบบสร้างโฟลเดอร์ย่อยได้โดยกำหนดบุ๊กมาร์กที่ไม่มีคีย์ "<ph name="URL_LABEL" />" แต่มีคีย์ "<ph name="CHILDREN" />" เพิ่มเติม คีย์นี้ยังมีรายการบุ๊กมาร์กด้วย ซึ่งบุ๊กมาร์กบางอันอาจเป็นโฟลเดอร์ด้วยก็ได้ Chrome จะแก้ไข URL ที่ไม่สมบูรณ์ให้เหมือนว่า URL เหล่านั้นได้รับการส่งผ่านทางแถบที่อยู่ เช่น "<ph name="GOOGLE_COM" />" จะเปลี่ยนเป็น "<ph name="HTTPS_GOOGLE_COM" />" |
| |
| ผู้ใช้เปลี่ยนโฟลเดอร์ที่บุ๊กมาร์กอยู่ไม่ได้ (แต่ซ่อนโฟลเดอร์จากแถบบุ๊กมาร์กได้) ชื่อโฟลเดอร์เริ่มต้นของบุ๊กมาร์กที่มีการจัดการคือ "บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ" แต่ก็เปลี่ยนได้โดยเพิ่มพจนานุกรมย่อยใหม่ที่มีคีย์เดียวชื่อ "<ph name="TOPLEVEL_NAME" />" ลงในนโยบาย โดยมีชื่อโฟลเดอร์ที่ต้องการเป็นค่า บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการจะไม่ซิงค์กับบัญชีผู้ใช้และส่วนขยายจะแก้ไขบุ๊กมาร์กเหล่านี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="2552966063069741410">เขตเวลา</translation> |
| <translation id="2562339630163277285">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ URL ควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา |
| |
| นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ |
| |
| URL ผลการค้นหาแบบทันใจของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_INSTANT_SEARCH_URL" /> |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation> |
| <translation id="2567227673131796227">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="NATIVE_MESSAGING_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ระบบไม่ควรโหลด ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="2568488785376704318">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="257788512393330403">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 6 ชั่วโมง</translation> |
| <translation id="2580757713966614760">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ |
| |
| * หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_BLOCKLISTRESTRICTIONS" /> (ค่า 0) <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ได้ |
| |
| * หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_ALLOWLISTPRINTERSONLY" /> (ค่า 1) <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้ |
| |
| * หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_ALLOWALL" /> (ค่า 2) เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ใช้งาน |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /></translation> |
| <translation id="2586117300379904732">อนุญาต Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงาน</translation> |
| <translation id="2587719089023392205">ตั้ง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="2588252329503406673">การตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้คุณกำหนดลักษณะการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งในขณะที่หน้าจอลงชื่อเข้าใช้ปรากฏขึ้น นโยบายนี้ควบคุมการตั้งค่าหลายรายการ สำหรับความหมายของคำแต่ละความหมายและช่วงค่า ให้ดูนโยบายที่สอดคล้องกันที่ควบคุมการจัดการพลังงานภายในเซสชัน |
| |
| การเบี่ยงเบนจากนโยบายเหล่านี้มีดังนี้ |
| |
| * การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวหรือปิดฝาจะเป็นการจบเซสชันไม่ได้ |
| |
| * การกระทำเริ่มต้นที่ดำเนินการเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวเมื่อใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC คือการปิด |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหรือไม่ตั้งค่าใดก็ตามในนโยบายจะทำให้มีการใช้ค่าเริ่มต้นในการตั้งค่าพลังงานแบบต่างๆ</translation> |
| <translation id="2592091433672667839">ระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation> |
| <translation id="259289618675490104">การตั้งค่านโยบายเป็น "ทั้งหมด" (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" (ค่า 2) จะทำให้ผู้ใช้ดูใบรับรองได้อย่างเดียว (จัดการไม่ได้) |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ผู้ใช้เท่านั้น" (ค่า 1) จะทำให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองได้ แต่ต้องไม่ใช่ใบรับรองแบบทั่วทั้งอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="2593762551209145088">Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย</translation> |
| <translation id="2600410857944104685">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_FILE_ATTACHED_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีไฟล์แนบไปกับ Chrome |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งไฟล์สำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการแนบไฟล์มากับหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับไฟล์นั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์หน้าในการเข้าถึงไฟล์ ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์เข้าถึงหน้าแก่ไฟล์โดยทันที |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_PASSWORD_PROTECTED_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป (50 MB ขึ้นไป) |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ช่องข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ช่อง learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ช่องภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ช่องภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ช่องแท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจไม่มีรายการย่อยเลยหรือมีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีช่องข้อความและช่องแท็กที่ไม่เว้นว่างไว้ |
| |
| นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation> |
| <translation id="26023406105317310">กำหนดค่าบัญชี Kerberos</translation> |
| <translation id="2604182581880595781">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation> |
| <translation id="2615240493030733717">รายงานข้อมูลเขตเวลา</translation> |
| <translation id="2619966380594000538">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าคำเตือนด้านความปลอดภัยจะแสดงเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตรายเพื่อเปิด Chrome |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบไม่แสดงคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการเปิดใช้ Chrome โดยมีการติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="2623014935069176671">รอกิจกรรมเริ่มต้นของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="262740370354162807">เปิดใช้งานการส่งเอกสารไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="2633084400146331575">เปิดใช้งานการตอบสนองด้วยเสียง</translation> |
| <translation id="2635872253077105112">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎสำหรับบางอย่างที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎเหล่านั้นเมื่อเลือกว่า URL ควรเปิดในเบราว์เซอร์สำรองหรือไม่ เมื่อ Add-in ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะเปลี่ยนกลับไปยัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อกฎไม่ตรงกัน หากกฎขัดแย้งกัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎที่เจาะจงที่สุด |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ |
| |
| โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย <ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย</translation> |
| <translation id="2640898752536996430">นำผู้ใช้ออกจากระบบ</translation> |
| <translation id="264093234299818170">ระบบจะแสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมดยกเว้นที่อยู่ในรายการที่บล็อก</translation> |
| <translation id="264252574246191885">ไม่แสดง</translation> |
| <translation id="2647069081229792812">เปิดหรือปิดใช้การแก้ไขบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="2649896281375932517">ให้ผู้ใช้เลือก</translation> |
| <translation id="2650049181907741121">การทำงานของอุปกรณ์เมื่อผู้ใช้ปิดฝา</translation> |
| <translation id="2658653824183107970">ควรใช้การใช้งาน <ph name="CORS" /> เดิมมากกว่า <ph name="CORS" /> ใหม่</translation> |
| <translation id="2660846099862559570">ไม่ใช้พร็อกซี</translation> |
| <translation id="2664682171745499686">ระงับคำเตือนโดเมนที่เหมือนกันในหลายโดเมน</translation> |
| <translation id="2665422249821137126">เปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="2672012807430078509">ควบคุมการเปิดใช้ NTLM เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการต่อเชื่อม SMB</translation> |
| <translation id="2678503605767349615">ต้องมีใบรับรองไคลเอ็นต์ระดับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="268577405881275241">เปิดใช้ฟีเจอร์พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล</translation> |
| <translation id="2691668238491124549">การตั้งค่านโยบาย (ตามที่แนะนำเท่านั้น) จะย้ายภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการไปไว้ที่ลำดับต้นๆ ของรายการ ในลำดับที่ภาษานั้นปรากฏในนโยบาย ระบบเลือกภาษาที่แนะนำเป็นอันดับแรกไว้ล่วงหน้า |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเลือกภาษาของ UI ปัจจุบันไว้ล่วงหน้า |
| |
| เมื่อมีภาษาที่แนะนำมากกว่า 1 ภาษาจะถือว่าผู้ใช้ต้องการเลือกภาษาเหล่านี้ ให้ความสำคัญกับการเลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ เมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ หากไม่ได้เลือกค่าดังกล่าว ระบบจะถือว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการใช้ภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้า ลดความสำคัญของการเลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ เมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้และเปิดการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ (ดูนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_DELAY_POLICY_NAME" />) เซสชันที่มีการจัดการจะใช้ภาษาที่แนะนำและรูปแบบแป้นพิมพ์ยอดนิยมที่คู่กันเป็นอันดับแรก |
| |
| รูปแบบแป้นพิมพ์ที่เลือกไว้ล่วงหน้าจะเป็นรูปแบบยอดนิยมคู่กับภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้าเสมอ ผู้ใช้เลือกภาษาที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รองรับสำหรับเซสชันได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="2693108589792503178">กำหนดค่า URL การเปลี่ยนรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="2694143893026486692">แว่นขยายหน้าจอบางส่วนเปิดอยู่</translation> |
| <translation id="2696077732471707315"> |
| เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M77 |
| นโยบายนี้จะใช้กับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ด้วยซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ ขอแนะนำให้ตั้งค่าของนโยบายทั้งสองเป็นค่าเดียวกัน หากค่าไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเวลาเข้าสู่เซสชันของผู้ใช้ และระบบจะใช้ค่าที่นโยบายผู้ใช้ระบุไว้ |
| </translation> |
| <translation id="2702023190395322609">เปิดใช้คำแนะนำสื่อ</translation> |
| <translation id="2706708761587205154">อนุญาตให้พิมพ์เฉพาะเมื่อมี PIN เท่านั้น</translation> |
| <translation id="2707873794476722903">Google Safe Browsing ทำงานในโหมดมาตรฐาน</translation> |
| <translation id="2709516037105925701">ป้อนอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="2714359695399346815">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ใช้เซิร์ฟเวอร์ STUN ได้ ซึ่งจะทำให้ไคลเอ็นต์ระยะไกลค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องนี้ได้แม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" เมื่อไฟร์วอลล์กรองการเชื่อมต่อ UDP ขาออกจะทำให้เครื่องอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครื่องไคลเอ็นต์ภายในเครือข่าย LAN เท่านั้น</translation> |
| <translation id="2716623398185506073">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์และตัวระบุที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติด้านพลังงาน</translation> |
| <translation id="2723692978495226412">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการแนะนำแอปที่ผู้ใช้เคยติดตั้งไว้ในอุปกรณ์อื่น การแนะนำเหล่านี้จะปรากฏใน Launcher หลังจากการแนะนำแอปในเครื่อง หากไม่มีการป้อนข้อความค้นหา |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้การแนะนำดังกล่าวไม่ปรากฏขึ้น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้</translation> |
| <translation id="2724313944474873275">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถใช้เอกสารรับรองระยะไกล (การเข้าถึงที่ยืนยันแล้ว) เพื่อรับใบรับรองที่ออกโดย CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งยืนยันว่าอุปกรณ์มีสิทธิ์เล่นเนื้อหาที่มีการคุ้มครอง กระบวนการนี้มีการส่งข้อมูลการรับรองฮาร์ดแวร์ไปยัง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ระบุอุปกรณ์โดยไม่ซ้ำกัน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ไม่ใช้เอกสารรับรองระยะไกลกับการปกป้องเนื้อหาและอาจไม่เล่นเนื้อหาที่มีการคุ้มครอง</translation> |
| <translation id="2725855586003209701">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานรายชื่อผู้ใช้อุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้เมื่อเร็วๆ นี้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานรายชื่อผู้ใช้</translation> |
| <translation id="2731627323327011390">ปิดการใช้งานใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation> |
| <translation id="2742843273354638707">ซ่อนแอป Chrome เว็บสโตร์ และลิงก์ส่วนท้ายจากหน้าแท็บใหม่ และเครื่องเรียกใช้งานแอป <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True จะมีการซ่อนไอคอนไป |
| เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น False หรือไม่มีการกำหนดค่า จะสามารถมองเห็นไอคอนได้</translation> |
| <translation id="2744751866269053547">ลงทะเบียนเครื่องจัดการโปรโตคอล</translation> |
| <translation id="2746016768603629042">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ DefaultJavaScriptSetting แทน |
| |
| สามารถใช้เพื่อปิดใช้งาน JavaScript ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ |
| |
| หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้ หน้าเว็บจะไม่สามารถใช้ JavaScript และผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้ |
| |
| หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าเว็บจะสามารถใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้</translation> |
| <translation id="274769314493317695">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_WHITELIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="2752046642026416564">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ที่ระดับผู้ใช้ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้โฮสต์เหล่านี้ได้เฉพาะเมื่อติดตั้งไว้ที่ระดับระบบเท่านั้น</translation> |
| <translation id="2753637905605932878">จำกัดช่วงของพอร์ต UDP ในเครื่องที่ WebRTC ใช้งาน</translation> |
| <translation id="2757054304033424106">ประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้ง</translation> |
| <translation id="2759224876420453487">ควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์</translation> |
| <translation id="2761483219396643566">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้กำลังแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="2769952903507981510">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="2772955711376920612">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" และการตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_BATTERY_THRESHOLD_POLICY_NAME" /> กับ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะเปิดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ต่อไป (หากอุปกรณ์รองรับ) นโยบายการจัดการการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เป็นนโยบายการประหยัดพลังงานที่ลดการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับในช่วงที่มีการใช้งานสูงสุด คุณกำหนดเวลาเริ่มเปิดและปิดใช้โหมดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในแต่ละวันได้ ในช่วงเวลาดังกล่าว อุปกรณ์จะทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ (แม้ว่าจะยังมีไฟฟ้ากระแสสลับอยู่) ตราบใดที่ระดับแบตเตอรี่อยู่เหนือเกณฑ์ที่ระบุ หลังเวลาสิ้นสุดที่ระบุ อุปกรณ์จะทำงานโดยใช้พลังงานจากไฟฟ้ากระแสสลับ (หากมีอยู่) แต่จะไม่ชาร์จแบตเตอรี่ แล้วจะกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้งโดยใช้ไฟฟ้ากระแสสลับและชาร์จแบตเตอรี่ใหม่หลังจากเวลาเริ่มต้นการชาร์จที่ระบุ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดโหมดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะปิดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในตอนแรก ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="2784880732336446591">ล้างข้อมูลการท่องเว็บเมื่อออก</translation> |
| <translation id="2787173078141616821">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของ Android</translation> |
| <translation id="2787774054174244402">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้ผู้ใช้เขียนลงในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกไม่ได้ |
| |
| หากคุณตั้งค่า ExternalStorageReadOnly เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสร้างและแก้ไขไฟล์ได้ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่เป็นแบบเขียนได้ เว้นแต่ที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกจะถูกบล็อกไว้ (คุณบล็อกที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้โดยตั้งค่า ExternalStorageDisable เป็น "จริง")</translation> |
| <translation id="2796714419743648316">รายการที่อนุญาตสำหรับการจำกัดเวลาต่อแอป</translation> |
| <translation id="2796896367838042659">นโยบายนี้ระบุว่าแอปพลิเคชันและ URL ใดควรจะได้รับอนุญาตพิเศษสำหรับข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป |
| รายการที่อนุญาตพิเศษที่กำหนดจะใช้กับแอปที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้รายที่มีการจำกัดเวลาต่อแอป |
| รายการที่อนุญาตพิเศษที่กำหนดจะใช้กับบัญชีผู้ใช้ที่เป็นเด็กและมีผลเฉพาะเมื่อมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_POLICY_NAME" /> |
| รายการที่อนุญาตพิเศษที่กำหนดจะใช้กับแอปพลิเคชันและ URL เพื่อไม่ให้ถูกบล็อกโดยการจำกัดเวลาต่อแอป |
| การเข้าถึง URL ที่อนุญาตพิเศษจะไม่นับรวมในการจำกัดเวลาของ Chrome |
| เพิ่มนิพจน์ทั่วไปของ URL ไปยังรายการ |url_list| เพื่อเพิ่ม URL ที่ตรงกับนิพจน์ทั่วไปใดๆ ในรายการลงในรายการที่อนุญาตพิเศษ |
| เพิ่มแอปพลิเคชันพร้อม |app_id| และ |app_type| ของแอปไปยังรายการ |app_list| เพื่อเพิ่มแอปพลิเคชันนั้นลงในรายการที่อนุญาตพิเศษ |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_ALLOWLIST" /> แทน |
| </translation> |
| <translation id="2799297758492717491">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติในรายการรูปแบบ URL ที่อนุญาตพิเศษ</translation> |
| <translation id="2801065672151277034">การตั้งค่าการจัดการใบรับรอง</translation> |
| <translation id="2801155097555584385">ตั้งค่าการเริ่มชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเองเป็นเปอร์เซ็นต์</translation> |
| <translation id="2805707493867224476">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงป๊อปอัป</translation> |
| <translation id="2818074121667686266">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งหากมีการเข้าถึงการจับเสียง ยกเว้นใน URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ AudioCaptureAllowedUrls |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดข้อความแจ้ง และการจับเสียงจะใช้ได้เฉพาะกับ URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ AudioCaptureAllowedUrls เท่านั้น |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับอินพุตเสียงทั้งหมด (ไม่ใช่แค่ไมโครโฟนในตัว)</translation> |
| <translation id="2823870601012066791">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> คือ</translation> |
| <translation id="2824715612115726353">เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="2829975392104323514">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุเครื่องหรือไม่ เช่น ชื่อเครื่องและที่อยู่ของเครือข่าย |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้ |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น</translation> |
| <translation id="283478052049914107">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" และการป้อนพอร์ตที่ไม่ใช่มาตรฐาน (กล่าวคือ พอร์ตอื่นใดที่ไม่ใช่ 80 หรือ 443) จะรวมพอร์ตนั้นใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นมา |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า จะไม่มีการรวมพอร์ตใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นมา</translation> |
| <translation id="2838830882081735096">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation> |
| <translation id="2839294585867804686">การตั้งค่าพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation> |
| <translation id="284288632677954003">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="2854607717796010700">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยความจำของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลหน่วยความจำของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="285480231336205327">เปิดใช้งานโหมดความคมชัดสูง</translation> |
| <translation id="285627849510728211">ตั้งค่ากำหนดวันของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง</translation> |
| <translation id="2856674246949497058">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ทำ Powerwash ในขั้นตอนนี้</translation> |
| <translation id="2869762730352628426">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="2872961005593481000">ปิด</translation> |
| <translation id="2874209944580848064">หมายเหตุสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่รองรับแอป Android:</translation> |
| <translation id="2875192972412983412">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มี ID ตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ |
| |
| ID ดังกล่าวต้องตรงกับช่อง ID ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่มีการกรองและใช้เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดในการค้นหา</translation> |
| <translation id="2877225735001246144">ปิดใช้งานการค้นหา CNAME เมื่อมีการเจรจาตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation> |
| <translation id="288448261660192095">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลระหว่างการเชื่อมต่อระยะไกล |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ทั้งผู้ใช้เครือข่ายภายในและผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับโฮสต์ระหว่างที่แชร์ได้</translation> |
| <translation id="2886215882246310669">ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้เพิ่มบัญชีผู้ใช้ Family Link บัญชีใหม่ลงในอุปกรณ์หรือไม่ |
| นโยบายนี้จะมีประโยชน์เมื่อใช้ร่วมกับ <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ซึ่งจะอนุญาตให้มีการเพิ่มบัญชี Family Link นอกเหนือจากบัญชีที่ระบุไว้ในรายการที่อนุญาต |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อลักษณะการทำงานของนโยบายลงชื่อเข้าใช้อื่นๆ กล่าวโดยเจาะจงคือจะไม่มีผลในกรณีต่อไปนี้ |
| - มีการปิดใช้การเพิ่มผู้ใช้ใหม่ในอุปกรณ์ด้วยนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" /> |
| - มีการอนุญาตให้เพิ่มผู้ใช้ทั้งหมดด้วยนโยบาย <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" (หรือไม่กำหนดค่า) กฎเพิ่มเติมอื่นๆ จะไม่มีผลกับบัญชี Family Link |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะอนุญาตให้เพิ่มบัญชีผู้ใช้ Family Link บัญชีใหม่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="2886969306951284125">หากแอป Android เปิดอยู่ การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ก็จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานข้อมูลสถานะ Android |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลสถานะ Android</translation> |
| <translation id="2890645751406497668">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุ</translation> |
| <translation id="2893546967669465276">ส่งบันทึกของระบบไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการ</translation> |
| <translation id="2899002520262095963">แอป Android สามารถใช้การกำหนดค่าเครือข่ายและใบรับรอง CA ที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ได้ แต่จะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงตัวเลือกการตั้งค่าบางอย่าง</translation> |
| <translation id="2899213072616346687">จำกัดโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย</translation> |
| <translation id="290002216614278247">ให้คุณล็อกเซสชันของผู้ใช้ตามเวลาของไคลเอ็นต์หรือโควต้าการใช้งานประจำวัน |
| |
| |time_window_limit| ระบุกรอบเวลารายวันที่ควรล็อกเซสชันของผู้ใช้ เรารองรับ 1 กฎต่อแต่ละวันในสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นอาร์เรย์ |entries| จึงอาจมีขนาดต่างกันไปตั้งแต่ 0-7 |starts_at| และ |ends_at| คือจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของขีดจำกัดกรอบเวลา เมื่อ |ends_at| น้อยกว่า |starts_at| หมายความว่า |time_limit_window| สิ้นสุดในวันต่อมา |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม |
| |
| |time_usage_limit| ระบุโควต้าการอยู่หน้าจอรายวัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ใช้งานถึงระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ระบบจะล็อกเซสชันของผู้ใช้ มีคุณสมบัติ 1 รายการสำหรับแต่ละวันในสัปดาห์ ซึ่งควรตั้งค่าเฉพาะเมื่อมีโควต้าที่ใช้งานอยู่ของวันนั้นๆ |usage_quota_mins| คือระยะเวลาในแต่ละวันที่ผู้ใช้จะใช้อุปกรณ์ที่มีการจัดการได้ และ |reset_at| คือเวลาที่มีการต่ออายุโควต้าการใช้งาน ค่าเริ่มต้นของ |reset_at| คือเที่ยงคืน ({'hour': 0, 'minute': 0}) |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม |
| |
| |overrides| มีไว้เพื่อทำให้กฎก่อนหน้าอย่างน้อย 1 ข้อใช้งานไม่ได้ชั่วคราว |
| * หากทั้ง time_window_limit และ time_usage_limit ไม่ได้ทำงานอยู่ ระบบอาจใช้ |LOCK| เพื่อล็อกอุปกรณ์ |
| * |LOCK| จะล็อกเซสชันของผู้ใช้ชั่วคราวจนกว่าจะถึง time_window_limit ครั้งต่อไป หรือ time_usage_limit เริ่มต้นขึ้น |
| * |UNLOCK| จะปลดล็อกเซสชันของผู้ใช้ที่ล็อกด้วย time_window_limit หรือ time_usage_limit |
| |created_time_millis| คือการประทับเวลาการสร้างการลบล้างตามเขตเวลา UTC ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม และใช้เพื่อตัดสินว่ายังควรใช้การลบล้างนี้อยู่หรือไม่ หากฟีเจอร์ขีดจำกัดเวลาใช้งานปัจจุบัน (ขีดจำกัดการใช้เวลาหรือขีดจำกัดกรอบเวลา) เริ่มต้นหลังจากที่สร้างการลบล้าง ก็จะไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ หากมีการสร้างการลบล้างก่อนการเปลี่ยนแปลง time_window_limit หรือ time_usage_window ซึ่งใช้อยู่ครั้งล่าสุด ระบบจะไม่ใช้การลบล้างนี้ |
| |
| ส่งการลบล้างหลายรายการได้แต่ระบบจะใช้รายการล่าสุดที่ถูกต้อง</translation> |
| <translation id="2901725272378498025">เปิดใช้คำเตือนด้านความปลอดภัยสำหรับการติดธงบรรทัดคำสั่ง</translation> |
| <translation id="2905984450136807296">อายุการใช้งานของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="2906874737073861391">รายการส่วนขยายของ AppPack</translation> |
| <translation id="2908277604670530363">จำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน</translation> |
| <translation id="291853569864365550">ไม่แสดงการแนะนำเนื้อหาในหน้า "แท็บใหม่"</translation> |
| <translation id="2919544577647246857">กำหนดรายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ระบบอุปกรณ์ โดยใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_FORMAT" /> เช่น <ph name="USER_WHITELIST_ENTRY_EXAMPLE" /> หากต้องการอนุญาตผู้ใช้ใดก็ได้ในโดเมน ให้ใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_WILDCARD" /> |
| |
| หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการจำกัดผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ โปรดทราบว่าการสร้างผู้ใช้ใหม่ยังคงต้องมีการกำหนดค่าของนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" /> อย่างเหมาะสม |
| หากมีการเปิดใช้ <ph name="DEVICE_FAMILY_LINK_ACCOUNTS_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ระบบจะอนุญาตให้เพิ่มผู้ใช้ Family Link นอกเหนือจากบัญชีที่ระบุไว้ในนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="2921222258441684334">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์ติดตามสถานที่ตั้งจริงของผู้ใช้เป็นสถานะเริ่มต้นได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการติดตามนี้โดยค่าเริ่มต้น คุณตั้งค่านี้ได้เพื่อถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการติดตามสถานที่ตั้งจริงของผู้ใช้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่านโยบาย <ph name="ASK_GEOLOCATION_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="2940127076681735544">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น URL ที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="SITELIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| การไม่ได้ตั้งค่านโยบาย (หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง) หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation> |
| <translation id="2947111924404450461">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="NATIVE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> และ <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" /> |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="2949765875529121431">การตั้งค่านโยบายจะเป็นการระบุรายชื่อโฮสต์ที่ได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบนโยบาย HSTS ที่อาจอัปเกรดคำขอจาก http เป็น https นโยบายนี้อนุญาตเฉพาะชื่อโฮสต์ที่ติดป้ายกำกับป้ายเดียวเท่านั้น ชื่อโฮสต์ต้องกำหนดเป็น Canonical ซึ่งหมายความว่าต้องแปลง IDN ทั้งหมดเป็นรูปแบบ A-label และตัวอักษร ASCII ทั้งหมดต้องเป็นตัวพิมพ์เล็ก นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้บางรายการเท่านั้น ไม่ใช่กับโดเมนย่อยของชื่อที่ระบุ</translation> |
| <translation id="2952347049958405264">ข้อจำกัด:</translation> |
| <translation id="2957047180944828740">ระบุว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหรือไม่</translation> |
| <translation id="2957506574938329824">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธผ่าน Web Bluetooth API</translation> |
| <translation id="2957513448235202597">ประเภทบัญชีสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /></translation> |
| <translation id="2959469725686993410">ส่งจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation> |
| <translation id="2959898425599642200">กฎการข้ามพร็อกซี</translation> |
| <translation id="2960013482187484833">ใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้ล่าสุดเป็นตัวเลือกเริ่มต้นในตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation> |
| <translation id="2960128438010718932">กำหนดการใช้อัปเดตใหม่แบบทีละขั้น</translation> |
| <translation id="2960691910306063964">เปิดหรือปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ใช้ PIN สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="2964373560810620158">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation> |
| <translation id="2969797921412053304">นโยบายนี้กำหนดค่าว่า URL ใดจะได้รับสิทธิ์ให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลของข้อมูลประจำตัวของอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของ SAML ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| กล่าวโดยละเอียดคือ หาก URL ตรงกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่จัดเตรียมไว้ให้ผ่านนโยบายนี้ URL ดังกล่าวจะได้รับส่วนหัวแบบ HTTP ซึ่งมีการตอบสนองต่อภารกิจตามเอกสารรับรองระยะไกล ข้อมูลประจำตัวของอุปกรณ์รับรอง และสถานะของอุปกรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า จะไม่มี URL ได้รับอนุญาตให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| URL ต้องมีรูปแบบ HTTPS เช่น "https://example.com" |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation> |
| <translation id="2985927503455169394">ใช้โหมดเริ่มต้นของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation> |
| <translation id="2987155890997901449">เปิดใช้ ARC</translation> |
| <translation id="2987227569419001736">ควบคุมการใช้ Web Bluetooth API</translation> |
| <translation id="2988481278211008583">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า ค่าของคีย์ไฟล์ Manifest <ph name="REQUIRED_PLATFORM_VERSION" /> ของแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 จะใช้เป็นคำนำหน้าเวอร์ชันเป้าหมายการอัปเดตอัตโนมัติ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า ระบบจะไม่สนใจคีย์ไฟล์ Manifest ของ <ph name="REQUIRED_PLATFORM_VERSION" /> และการอัปเดตอัตโนมัติจะดำเนินการไปตามปกติ |
| |
| คำเตือน: อย่ามอบสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับแอปคีออสก์ เพราะอาจขัดขวางไม่ให้อุปกรณ์ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญ การมอบสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยง</translation> |
| <translation id="299519952839316970">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 88 และไม่รองรับเซสชันสาธารณะอีกต่อไป โปรดใช้ <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNTS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแทน |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการจะทำงานตามลักษณะที่บันทึกไว้ใน https://support.google.com/chrome/a/answer/3017014 - "เซสชันสาธารณะ" มาตรฐาน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการจะใช้ลักษณะการทำงานของ "เซสชันที่มีการจัดการ" ซึ่งจะยกเลิกข้อจำกัดจำนวนมากที่มีอยู่ใน "เซสชันสาธารณะ" ทั่วไป |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation> |
| <translation id="2999597974578784672">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| โปรดดูนโยบาย <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_SESSIONS_ONLY_FOR_URLS" /> ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="3001285126226650303">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดนโยบายทดลอง |
| |
| คำเตือน: นโยบายทดลองไม่ได้มาพร้อมการสนับสนุนและอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือถูกนำออกโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบสำหรับเวอร์ชันในอนาคตของเบราว์เซอร์ |
| |
| นโยบายทดลองอาจยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรือยังมีข้อบกพร่องที่ทราบแล้วหรือยังไม่ทราบ ระบบอาจเปลี่ยนแปลงหรือนำนโยบายออกโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ การเปิดใช้นโยบายทดลองอาจทำให้คุณสูญเสียข้อมูลในเบราว์เซอร์หรือทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของคุณ |
| |
| หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เวอร์ชันเบต้าและเวอร์ชันเสถียรจะไม่สนใจค่าของนโยบาย |
| |
| หากนโยบายอยู่ในรายการและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ระบบจะใช้ค่าของนโยบาย |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อนโยบายที่เปิดตัวไปแล้ว</translation> |
| <translation id="3016255526521614822">อนุญาตพิเศษให้แอปสำหรับจดโน้ตแสดงในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="3020953534071988875">การกำหนดค่านโยบายนี้จะอนุญาต/ไม่อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับโปรไฟล์ที่ไม่ระบุตัวตนและโปรไฟล์ผู้เยี่ยมชมใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์คือการตรวจสอบสิทธิ์ http ด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบเริ่มต้นหากไม่ได้ระบุข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ชัดแจ้งผ่านรูปแบบคำถาม/คำตอบแบบ NTLM/Kerberos/Negotiate |
| |
| การตั้งค่าเป็น <ph name="REGULAR_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันปกติเท่านั้น เซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันผู้เยี่ยมชมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ |
| |
| การตั้งค่าเป็น <ph name="INCOGNITO_AND_REGULAR_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันปกติ เซสชันผู้เยี่ยมชมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ |
| |
| การตั้งค่าเป็น <ph name="GUEST_AND_REGULAR_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันผู้เยี่ยมชมและเซสชันปกติ เซสชันไม่ระบุตัวตนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ |
| |
| การตั้งค่าเป็น <ph name="ALL_OPTION_NAME" /> (ค่า 3) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับทุกเซสชัน |
| |
| โปรดทราบว่าระบบจะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในโปรไฟล์ปกติเสมอ |
| |
| ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 81 ขึ้นไป หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์เฉพาะในเซสชันปกติ</translation> |
| <translation id="3021288356473993647">นโยบายนี้ควบคุมการตรวจสอบ URL แบบเรียลไทม์เพื่อระบุ URL ที่เป็นอันตราย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ระบบจะใช้การตรวจสอบกับ Google Safe Browsing สำหรับผู้บริโภค การตรวจสอบกับ Google Safe Browsing สำหรับผู้บริโภคยังคงรวมการค้นหาแบบเรียลไทม์ได้อยู่ โดยขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า "ปรับปรุงการค้นหาและการท่องเว็บให้ดียิ่งขึ้น" และค่าของนโยบาย UrlKeyedAnonymizedDataCollectionEnabled |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะส่ง URL ไปสแกนแบบเรียลไทม์ตามข้อกำหนดในการให้บริการขององค์กร ซึ่งจะทำให้ Chrome ส่ง URL ไปยัง Google Cloud หรือบุคคลที่สามที่คุณเลือกเพื่อตรวจสอบ URL เหล่านั้นแบบเรียลไทม์ ระบบจะปิดการค้นหาแบบเรียลไทม์ของ Google Safe Browsing เวอร์ชันสำหรับผู้บริโภค |
| |
| นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation> |
| <translation id="3021562480854470924">อนุญาตให้มีจุดการย้อนกลับ</translation> |
| <translation id="3023572080620427845">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่จะโหลดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation> |
| <translation id="3025855836862205995">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะระบุส่วนขยายที่ผู้ใช้ติดตั้งไม่ได้ ส่วนขยายที่ห้ามไว้แต่ติดตั้งไปแล้วจะปิดไป และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้อีก ถ้านำส่วนขยายที่ห้ามไว้ออกจากรายการที่บล็อก ส่วนขยายนั้นจะเปิดใช้อีกครั้งโดยอัตโนมัติ ใช้ค่า <ph name="ALL_EXTENSIONS" /> เพื่อห้ามใช้ส่วนขยายทั้งหมด ยกเว้นส่วนขยายที่อนุญาตไว้อย่างชัดแจ้ง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3026740867910702435">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบอยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบอยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้นแต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="3028296787914825213">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ |
| |
| * หากเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> (ค่า 0) <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" /> จะจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ |
| |
| * หากเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้ <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> (ค่า 1) จะระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้ |
| |
| * <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> (ค่า 2) แสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="3030000825273123558">เปิดใช้งานการรายงานเมตริก</translation> |
| <translation id="3038323923255997294">เรียกใช้แอปพลิเคชันพื้นหลังต่อไปเมื่อปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3041887182529293512">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะแสดงคำแนะนำเนื้อหาซึ่งสร้างโดยอัตโนมัติในหน้าแท็บใหม่ โดยอิงจากประวัติการท่องเว็บ ความสนใจ หรือตำแหน่งของผู้ใช้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะป้องกันไม่ให้คำแนะนำเนื้อหาซึ่งสร้างโดยอัตโนมัติแสดงในหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="3046192273793919231">ส่งแพ็กเก็ตเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อติดตามดูสถานะการออนไลน์</translation> |
| <translation id="3047732214002457234">ควบคุมวิธีที่การทำความสะอาด Chrome รายงานข้อมูลไปยัง Google</translation> |
| <translation id="3048744057455266684">หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้และ URL ค้นหาที่แถบอเนกประสงค์แนะนำมีพารามิเตอร์นี้ในสตริงข้อความค้นหาหรือในตัวระบุชิ้นส่วน คำแนะนำจะแสดงคำค้นหาและผู้ให้บริการค้นหาแทน URL ค้นหาดิบ |
| |
| นโยบายนี้ไม่บังคับ หากไม่ตั้งค่านโยบาย จะไม่มีการแทนที่คำค้นหา |
| |
| นโยบายนี้มีผลต่อเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled"</translation> |
| <translation id="3049115011983576556">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่) <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีความสำคัญเหนือกว่าตามลำดับข้างต้น |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="3053265701996417839">Microsoft Windows 7</translation> |
| <translation id="3066446511111537292">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่เชื่อมโยงของอุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB</translation> |
| <translation id="3072045631333522102">โปรแกรมรักษาหน้าจอที่จะใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation> |
| <translation id="3072788420987305247">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะแสดงตัวควบคุมสื่อในหน้าจอล็อกในกรณีที่ผู้ใช้ล็อกอุปกรณ์เมื่อสื่อกำลังเล่นอยู่ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะเปิดตัวควบคุมสื่อเมื่อหน้าจอล็อกปิดอยู่</translation> |
| <translation id="3072847235228302527">ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="3086995894968271156">กำหนดค่า Cast Receiver ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3091832372132789233">ชาร์จแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟภายนอกเป็นหลัก</translation> |
| <translation id="3092059499596000593">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นตัวเลือกเริ่มต้นในตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation> |
| <translation id="309416443108680956">ระบุสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่านโทเค็นความปลอดภัย (เช่น ด้วยสมาร์ทการ์ด) นำโทเค็นดังกล่าวออกขณะอยู่ในเซสชัน <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_IGNORE" />: ไม่มีอะไรเกิดขึ้น <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOCK" />: หน้าจอจะล็อกจนกว่าผู้ใช้จะตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOGOUT" />: เซสชันจะสิ้นสุดและนำผู้ใช้ออกจากระบบ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_IGNORE" /> เป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3096595567015595053">รายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="3101501961102569744">เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation> |
| <translation id="3101709781009526431">วันที่และเวลา</translation> |
| <translation id="3102177185340515316">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_FILE_DOWNLOADED_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีการดาวน์โหลดไฟล์ใน Chrome |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งไฟล์สำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการดาวน์โหลดไฟล์จากหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับไฟล์นั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์ที่ดาวน์โหลด ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์นั้นทันที |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_PASSWORD_PROTECTED_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป (50 MB ขึ้นไป) |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ช่องข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ช่อง learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ช่องภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ช่องภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ช่องแท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจไม่มีรายการย่อยเลยหรือมีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีช่องข้อความและช่องแท็กที่ไม่เว้นว่างไว้ |
| |
| นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation> |
| <translation id="3110248563985502478">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะใช้ปลั๊กอินเก่าเป็นปลั๊กอินปกติ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการใช้ปลั๊กอินเก่า |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่าระบบจะขออนุญาตผู้ใช้เพื่อเรียกใช้ปลั๊กอินเก่า</translation> |
| <translation id="3117676313396757089">คำเตือน: ระบบจะนำ DHE ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 57 (ประมาณเดือนกันยายน 2017) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE และรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์เวอร์อีกครั้ง |
| |
| ควรย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังชุดเข้ารหัส ECDHE แต่หากไม่มี ให้ตรวจสอบว่าเปิดใช้ชุดเข้ารหัสที่ใช้กลไกการแลกเปลี่ยนคีย์ RSA อยู่</translation> |
| <translation id="3122082892722698079">ควบคุมการใช้ข้อยกเว้นเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย</translation> |
| <translation id="3142410959002029864">การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างโหมดการพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="3143265893557969814">หากตั้งค่านโยบายนี้ ประเภทข้อมูลที่ระบุไว้ทั้งหมดจะถูกยกเว้นจากการซิงค์ข้อมูลทั้งสำหรับ Google Sync และการซิงค์ข้อมูลโปรไฟล์โรมมิ่ง วิธีนี้อาจช่วยลดขนาดของโปรไฟล์โรมมิ่งหรือจำกัดประเภทข้อมูลที่อัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ Google Sync |
| |
| ประเภทข้อมูลปัจจุบันของนโยบายนี้ ได้แก่ "bookmarks", "preferences", "passwords", "autofill", "themes", "typedUrls", "extensions", "apps", "tabs", "wifiConfigurations" โดยชื่อประเภทข้อมูลเหล่านี้จะคำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่</translation> |
| <translation id="3144173889708944482">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="3152425128389603870">ทำให้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอพร้อมใช้งานและเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3159375329008977062">อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งออก/นำเข้าคอนเทนเนอร์ Crostini ผ่าน UI</translation> |
| <translation id="3165808775394012744">เรารวมนโยบายเหล่านี้ไว้ที่นี่เพื่อให้นำออกได้ง่ายๆ</translation> |
| <translation id="3166210414652928099">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation> |
| <translation id="316778957754360075">การตั้งค่านี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29 วิธีที่แนะนำในการตั้งค่าคอลเล็กชันส่วนขยาย/แอปที่โฮสต์โดยองค์กรคือการรวมไซต์ที่โฮสต์แพ็กเกจ CRX ใน ExtensionInstallSources และการวางลิงก์ดาวน์โหลดโดยตรงไปยังแพ็กเกจบนหน้าเว็บ ตัวเรียกใช้งานสำหรับหน้าเว็บนั้นสามารถถูกสร้างขึ้นโดยใช้นโยบาย ExtensionInstallForcelist</translation> |
| <translation id="3168303368727724798">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="3168968618972302728">นโยบายเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation> |
| <translation id="3171369832001535378">เทมเพลตชื่อโฮสต์เครือข่ายของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="3176903288465566098">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์อยู่แล้วจะส่ง/รับการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ใน Chrome OS ได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ หากปิดใช้นโยบาย PhoneHubAllowed ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เช่นกัน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation> |
| <translation id="3177802893484440532">ต้องใช้การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์สำหรับ Trust Anchor ในพื้นที่</translation> |
| <translation id="3184161739683646075">ควบคุมโหมด DNS-over-HTTPS</translation> |
| <translation id="3185009703220253572">ตั้งแต่รุ่น <ph name="SINCE_VERSION" /></translation> |
| <translation id="3187220842205194486">แอป Android ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกุญแจขององค์กร นโยบายนี้ไม่มีผลต่อกุญแจเหล่านั้น</translation> |
| <translation id="3192902750888034827">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NEW_TAB_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้เพื่อจัดเตรียมหน้าแท็บใหม่ |
| |
| การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NEW_TAB_URL_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีการจัดเตรียมหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="3195103497550111266">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="DEVICE_LTS_TAG_VALUE" /> จะอนุญาตให้อุปกรณ์รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับ LTS (การสนับสนุนระยะยาว)</translation> |
| <translation id="3196585866522778760">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว โดยกำหนดค่าการตอบสนองแยกต่างหากได้ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="3205649498518960697">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม (เช่น เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ที่บล็อกได้ (เช่น แบบแอ็กทีฟ) และที่ระบบจะปิดใช้การอัปเกรดเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะบล็อกเนื้อหาผสมที่บล็อกได้ ส่วนเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้จะได้รับการอัปเกรด และผู้ใช้จะตั้งค่าข้อยกเว้นให้แสดงเนื้อหาดังกล่าวในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้ |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="3205825995289802549">ขยายขนาดหน้าต่างเบราว์เซอร์บานแรกให้ใหญ่ที่สุดเมื่อเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="3206959584699016689">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่เข้าถึงเซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SENSORS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| หากมีรูปแบบ URL เดียวกันอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SENSORS_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์แสงจะถูกบล็อก |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="3210408472559816322">การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ระบบไม่ควรโหลด ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="3211426942294667684">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="3219421230122020860">โหมดไม่ระบุตัวตนพร้อมใช้งาน</translation> |
| <translation id="3220624000494482595">หากแอปคีออสก์เป็นแอป Android แอปจะไม่มีสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แม้ว่าจะตั้งนโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="322359555555487980">กำหนดความพร้อมใช้ของรูปแบบต่างๆ ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="3231837273069128027">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่าความพร้อมใช้งานและลักษณะการทำงานของการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> |
| |
| ระบุการตั้งค่าแต่ละรายการในคุณสมบัติของ JSON ได้ดังนี้ |
| |
| * <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH" />: หากตั้งค่าเป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอน Powerwash เพื่อติดตั้งการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ได้ |
| |
| * <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE" /> (มีให้ใช้งานใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 68 เป็นต้นไป): หากตั้งค่าเป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอนการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่รักษาสถานะของทั้งอุปกรณ์ (รวมถึงการลงทะเบียนองค์กร) ไว้ได้ แต่จะเสียข้อมูลผู้ใช้ |
| |
| * <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_AUTO_UPDATE_MODE" /> (มีให้ใช้งานใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 75 เป็นต้นไป): ควบคุมลักษณะการบังคับใช้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> แบบอัตโนมัติกับเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่มีความเสี่ยง ทุกขั้นตอนจะรักษาสถานะของอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกันไว้ หากตั้งค่าเป็น |
| |
| * 1 หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการบังคับใช้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> |
| |
| * 2 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตเมื่อรีบูตครั้งถัดไปหลังจากที่ผู้ใช้รับทราบการอัปเดต |
| |
| * 3 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตเมื่อรีบูตครั้งถัดไป |
| |
| * 4 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตหลังการลงทะเบียน ก่อนที่ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ไม่พร้อมใช้งาน</translation> |
| <translation id="3232691106293445015">การเชื่อมต่อผ่าน HTTP ที่ไม่ปลอดภัยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" /> ต้องใช้ HTTPS</translation> |
| <translation id="3234647080363107863">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_BULK_DATA_ENTRY_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีการป้อนข้อมูลใน Chrome จากคลิปบอร์ดหรือผ่านการลากและวางเนื้อหาเว็บ |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการป้อนข้อมูลจากหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับข้อมูลนั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์หน้าในการเข้าถึงข้อมูล ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์หน้าในการเข้าถึงข้อมูลโดยทันที |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MINIMUM_DATA_SIZE" /> ระบุขนาดขั้นต่ำ (หน่วยเป็นไบต์) ซึ่งข้อมูลที่ป้อนใน Chrome ต้องเท่ากับหรือเกินค่านี้จึงจะได้รับการสแกน ค่าเริ่มต้นคือ 100 ไบต์หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ช่องข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ช่อง learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ช่องภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ช่องภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ช่องแท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจไม่มีรายการย่อยเลยหรือมีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีช่องข้อความและช่องแท็กที่ไม่เว้นว่างไว้ |
| |
| นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation> |
| <translation id="3236046242843493070">รูปแบบ URL ที่อนุญาตส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และการติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้จาก</translation> |
| <translation id="3240609035816615922">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์</translation> |
| <translation id="324062325008698789">กำหนดค่ารายการเครื่องพิมพ์</translation> |
| <translation id="3240655340884151271">ที่อยู่ MAC ของ NIC ในตัวของแท่นชาร์จ</translation> |
| <translation id="3242756958360374888">มีรายการของรูปแบบที่ใช้ในการควบคุมการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| บัญชี Google แต่ละบัญชีในอุปกรณ์จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบที่จัดเก็บไว้ในนโยบายนี้ เพื่อกำหนดการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะเปิดเผยบัญชีหากชื่อบัญชีตรงกับรูปแบบใดๆ ในหน้ารายการ แต่หากไม่ตรงกัน ระบบจะซ่อนบัญชีไว้ |
| |
| ใช้อักขระ "*" ที่เป็นสัญลักษณ์แทนเพื่อจับคู่อักขระ 0 หรืออักขระอื่นๆ ที่กำหนดเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นหากต้องการจับคู่อักขระ "*" หรือ "\" จริง ต้องใส่ "\" ไว้หน้าอักขระเหล่านั้นด้วย |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ บัญชี Google ทั้งหมดในอุปกรณ์จะแสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3251500716404598358">กำหนดค่านโยบายเพื่อสลับระหว่างเบราว์เซอร์ |
| |
| เว็บไซต์ที่กำหนดค่าไว้จะเปิดในเบราว์เซอร์อื่นแทน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="3255624750680556186">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ทริกเกอร์ Powerwash ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ทริกเกอร์ Powerwash ไม่ได้ อาจเกิดข้อยกเว้นให้ทำ Powerwash ได้หากตั้งค่า <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_NAME" /> เป็นค่าที่อนุญาตให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ TPM แต่เฟิร์มแวร์ TPM ยังไม่ได้รับการอัปเดต</translation> |
| <translation id="3255762580838224124">การตั้งค่านโยบายจะมีการหมุนจอแสดงผลแต่ละจอไปตามการวางแนวที่กำหนดทุกครั้งที่รีบูตและเมื่อเชื่อมต่อเป็นครั้งแรกหลังจากเปลี่ยนค่าของนโยบาย ผู้ใช้อาจเปลี่ยนการหมุนจอแสดงผลได้จากหน้าการตั้งค่าหลังจากลงชื่อเข้าใช้ แต่จะมีการเปลี่ยนเมื่อรีบูตครั้งถัดไป นโยบายนี้จะใช้กับจอแสดงผลหลักและรอง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ค่าเริ่มต้นจะเป็น 0 องศา และผู้ใช้เปลี่ยนค่าได้ตามต้องการ ในกรณีนี้ ระบบจะไม่ใช้ค่าเริ่มต้นซ้ำเมื่อรีสตาร์ท</translation> |
| <translation id="325883417142483505">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดรายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กร (โปรโตคอล HTTP และ HTTPS เท่านั้น) บริการปกป้องรหัสผ่านจะบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใน URL เหล่านี้และนำไปใช้เพื่อตรวจหาการใช้รหัสผ่านซ้ำ โปรดตรวจสอบว่าหน้าลงชื่อเข้าใช้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ (https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms) เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านได้อย่างถูกต้อง |
| |
| การปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าบริการปกป้องรหัสผ่านจะบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใน https://accounts.google.com เท่านั้น |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="3264793472749429012">การเข้ารหัสของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3273221114520206906">การตั้งค่า JavaScript เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="328347261792478720">โดยค่าเริ่มต้น เบราว์เซอร์จะแสดงคำแนะนำสื่อที่มีการปรับเปลี่ยนในแบบของผู้ใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบซ่อนคำแนะนำเหล่านี้ไม่ให้ผู้ใช้เห็น การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ระบบแสดงคำแนะนำสื่อต่อผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3284094172359247914">ควบคุมการใช้ WebUSB API</translation> |
| <translation id="3288595667065905535">ช่องเผยแพร่</translation> |
| <translation id="3294430356898755483">การตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบตั้งค่ารายการเครื่องพิมพ์สำหรับผู้ใช้ได้ การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์ |
| |
| นโยบายนี้ใช้ในการดำเนินการต่อไปนี้ |
| |
| * ปรับแต่ง <ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> ซึ่งมีรูปแบบอิสระเพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น |
| |
| * ช่วยผู้ใช้ระบุเครื่องพิมพ์โดยใช้ <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" /> |
| |
| * <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากเครื่องไคลเอ็นต์ รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" /> |
| |
| * ระบุ <ph name="PRINTER_UUID" /> เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก หากต้องการ |
| |
| * ใช้ชื่อรุ่นสำหรับ <ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> หรือจะตั้งค่า <ph name="PRINTER_AUTOCONF" /> เป็น "จริง" ก็ได้ ระบบจะเพิกเฉยต่อเครื่องพิมพ์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการหรือไม่มีเลย |
| |
| ระบบจะดาวน์โหลด PPD หลังการใช้งานเครื่องพิมพ์ และแคช PPD ที่ใช้บ่อยไว้ นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง |
| |
| หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย <ph name="MS_AD_NAME" /> นโยบายนี้รองรับการขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> เป็นชื่อเครื่อง <ph name="MS_AD_NAME" /> หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบจะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> ตำแหน่งจะเริ่มนับจากศูนย์ |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="3295118731207421797">นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบระบุว่าหน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บได้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะอนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ |
| |
| เราจะนำนโยบายนี้ออกใน Chrome 88 |
| |
| โปรดดู https://www.chromestatus.com/feature/4664843055398912</translation> |
| <translation id="3302829897293005699">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์ที่ใช้งานอยู่ เช่น รหัสและเวอร์ชันของแอปพลิเคชัน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์</translation> |
| <translation id="3303911765031636277">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับ OnFileAttached Chrome Enterprise Connector</translation> |
| <translation id="3304662785258434098">ช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้เพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตเนื้อหาผสมในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้หรือไม่ |
| |
| นโยบายนี้จะถูกลบล้างสำหรับรูปแบบ URL ที่เจาะจงได้โดยใช้นโยบาย "InsecureContentAllowedForUrls" และ "InsecureContentBlockedForUrls" |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะสามารถเพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตเนื้อหาผสมที่บล็อกได้และปิดใช้การอัปเกรดอัตโนมัติสำหรับเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้</translation> |
| <translation id="3308724602356134956">หากคุณตั้งค่านโยบาย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์ที่คุณตั้งค่าไว้เป็นพื้นหลังของเดสก์ท็อปของผู้ใช้และหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ระบุ URL (ที่เข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์) ซึ่ง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์ รวมถึงแฮชแบบเข้ารหัส (เป็นรูปแบบ JPEG ที่มีขนาดไฟล์ไม่เกิน 16 MB) ได้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกรูปภาพสำหรับพื้นหลังของเดสก์ท็อปและหน้าจอลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="3312206664202507568">เปิดใช้หน้าใน chrome://password-change ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ SAML เปลี่ยนรหัสผ่าน SAML ของตนขณะอยู่ในเซสชัน ซึ่งจะดูแลให้รหัสผ่าน SAML และรหัสผ่านหน้าจอล็อกอุปกรณ์ซิงค์กัน |
| |
| นโยบายนี้ยังเปิดใช้การแจ้งเตือนที่เตือนผู้ใช้ SAML หากรหัสผ่าน SAML ใกล้จะหมดอายุ เพื่อให้ผู้ใช้จัดการเรื่องนี้ทันทีด้วยการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชัน |
| แต่การแจ้งเตือนเหล่านี้จะแสดงเมื่อผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัว SAML ส่งข้อมูลการหมดอายุของรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ SAML เท่านั้น |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation> |
| <translation id="332771718998993005">กำหนดชื่อที่โฆษณาเป็นปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า ระบบจะใช้สตริงนั้นเป็นชื่อปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> มิเช่นนั้นชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ และเจ้าของอุปกรณ์ (หรือผู้ใช้จากโดเมนที่จัดการอุปกรณ์) จะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อ ชื่อต้องมีความยาวไม่เกิน 24 อักขระ</translation> |
| <translation id="3339271789059866414">กำหนดค่าความพร้อมใช้งานของบริการพร็อกซีของระบบและข้อมูลเข้าสู่ระบบของพร็อกซีสำหรับบริการของระบบ |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย บริการพร็อกซีของระบบจะใช้งานไม่ได้</translation> |
| <translation id="3348799281602260763">หากเปิดใช้ การเชื่อมต่อแบบเพียร์ WebRTC จะดาวน์เกรดเป็นโปรโตคอล TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย (DTLS 1.0, TLS 1.0 และ TLS 1.1) ได้ |
| เมื่อปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้เวอร์ชัน TLS/DTLS เหล่านี้ |
| |
| นโยบายนี้เป็นแบบชั่วคราวและระบบจะนำออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันในอนาคต</translation> |
| <translation id="3356657927302977341">กำหนดค่าว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใน Linux ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิมหรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะได้รับอนุญาตให้ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิม |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิม ระบบจะใช้ศูนย์ข้อความของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นวิธีสำรอง</translation> |
| <translation id="3360093276083825336">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนแสดงกล่องคำเตือนหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยพลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงกล่องคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่ากำลังจะเริ่มตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะไม่มีกล่องคำเตือนปรากฏขึ้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| ข้อความเตือนจะแสดงต่อเมื่อการทำงานสำหรับการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือการปิดเครื่อง</translation> |
| <translation id="3367868895271989224">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด (แต่ละเว็บไซต์จะทำงานด้วยกระบวนการของตัวเอง) การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ปิดการแยกเว็บไซต์ แต่จะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกไม่ใช้ได้ (เช่น ด้วยการใช้ Disable site isolation (ปิดใช้การแยกเว็บไซต์) ใน chrome://flags) |
| |
| <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> อาจเป็นประโยชน์ในการปรับต้นทางให้เหมาะสมยิ่งขึ้นด้วย ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 76 และเวอร์ชันก่อนหน้า ให้ตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ด้วยค่าเดียวกันนี้ (เนื่องจากหากค่าไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันของผู้ใช้) |
| |
| หมายเหตุ: สำหรับ Android ให้ใช้นโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_ANDROID_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="3373381043600809954">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="3374587000313305002">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้มีการระบุสถานะ "--user-data-dir" หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียข้อมูลหรือข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดอื่นๆ คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นเพราะ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของตัวเอง |
| |
| ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Supported_directory_variables |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์เริ่มต้นและผู้ใช้จะลบล้างเส้นทางนี้ได้ด้วยการตั้งสถานะโดยใช้บรรทัดคำสั่ง "--user-data-dir"</translation> |
| <translation id="3378482432905539452">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่ |
| |
| ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะนำรายการปลั๊กอินที่ระบุมาใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ ผู้ใช้เปิดหรือปิดใช้ปลั๊กอินเหล่านั้นได้ใน "about:plugins" แม้ว่าปลั๊กอินนั้นจะตรงกับรูปแบบใน DisabledPlugins ก็ตาม นอกจากนี้ยังเปิดหรือปิดใช้ปลั๊กอินที่ไม่ตรงกับรูปแบบใดๆ ใน DisabledPlugins, DisabledPluginsExceptions และ EnabledPlugins ได้ด้วย |
| |
| นโยบายนี้มีไว้เพื่ออนุญาตการขึ้นบัญชีดำปลั๊กอินที่เข้มงวดในกรณีที่รายการ "DisabledPlugins" มีรายการที่เป็นอักขระไวลด์การ์ด เช่น ปิดใช้ปลั๊กอินทั้งหมด "*" หรือปิดใช้ปลั๊กอิน Java ทั้งหมด "*Java*" แต่ผู้ดูแลระบบต้องการเปิดใช้ปลั๊กอินบางเวอร์ชัน เช่น "IcedTea Java 2.3" ก็ระบุเฉพาะปลั๊กอินเวอร์ชันนี้ในนโยบายได้ |
| |
| โปรดทราบว่าต้องยกเว้นทั้งชื่อปลั๊กอินและชื่อกลุ่มของปลั๊กอิน ปลั๊กอินแต่ละกลุ่มจะแสดงแยกกันคนละส่วนใน about:plugins และแต่ละส่วนมีปลั๊กอินได้มากกว่า 1 รายการ ตัวอย่างเช่น ปลั๊กอิน "Shockwave Flash" เป็นของกลุ่ม "Adobe Flash Player" และทั้ง 2 ชื่อต้องมีชื่อที่ตรงกันในรายการข้อยกเว้นหากจะยกเว้นปลั๊กอินดังกล่าวจากบัญชีดำ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะล็อกปลั๊กอินใดก็ตามที่ตรงกับรูปแบบใน "DisabledPlugins" เป็นปิดใช้และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="3381968327636295719">ใช้เบราว์เซอร์โฮสต์โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3387211681524224831">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกประวัติการท่องเว็บ การซิงค์แท็บจะปิด และผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะบันทึกประวัติการท่องเว็บ</translation> |
| <translation id="3391457705621770207">การตั้งค่านโยบายจะระบุปริมาณเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้ก่อนการลงชื่อเข้าใช้บัญชีในอุปกรณ์ที่ระบุโดยนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> โดยอัตโนมัติ |
| |
| การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหมายความว่า ระยะหมดเวลาคือ 0 มิลลิวินาที |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้จะไม่มีผล</translation> |
| <translation id="3412937883532015092">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นตัวเลขจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อความเป็นมิลลิวินาทีตามจำนวนดังกล่าว จากนั้นจึงเปิดเบราว์เซอร์สำรอง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น 0 หมายความว่าการไปยัง URL ที่กำหนดจะเป็นการเปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรองทันที</translation> |
| <translation id="3415954062311826850">นโยบายนี้ไม่รองรับใน ARC</translation> |
| <translation id="34160070798637152">ควบคุมการกำหนดค่าเครือข่ายของทั้งอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="3417130629744653218">อนุญาตให้เว็บไซต์ถามหาวิธีการชำระเงินที่พร้อมใช้งาน</translation> |
| <translation id="3417418267404583991">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปิดใช้งานการลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือน การลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือนจะเป็นเซสชันผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนและไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มเซสชันของผู้มาเยือน</translation> |
| <translation id="3420141485959154417">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการค้นหารูปภาพ (หากตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> ไว้ คำขอค้นหารูปภาพจะใช้เมธอด POST แทน) |
| |
| หากไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POLICY_NAME" /> จะไม่มีการใช้การค้นหารูปภาพ</translation> |
| <translation id="3428247105888806363">เปิดใช้งานการคาดการณ์เครือข่าย</translation> |
| <translation id="3432863169147125747">ควบคุมการตั้งค่าการพิมพ์</translation> |
| <translation id="3434053014926283175">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวาในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ปุ่มด้านขวาของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะสลับปุ่มได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="3434932177006334880">ก่อน Chrome 42 การตั้งค่านี้เคยมีชื่อว่า EnableWebBasedSignin เราจะยกเลิกการสนับสนุนทั้งหมดของนโยบายนี้ใน Chrome 43 |
| |
| การตั้งค่านี้มีประโยชน์สำหรับลูกค้าที่เป็นองค์กรซึ่งใช้โซลูชัน SSO ที่ยังใช้ร่วมกับขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่ไม่ได้ |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่เป็นค่าเริ่มต้น ผู้ใช้อาจยังเปิดใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่าได้โดยใช้สถานะบรรทัดคำสั่ง enable-web-based-signin |
| |
| ในอนาคตจะมีการนำการตั้งค่าแบบทดลองนี้ออกเมื่อการลงชื่อเข้าใช้ในหน้ารองรับขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ SSO ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์</translation> |
| <translation id="3435796032110614169">อนุญาตให้ลบประวัติงานพิมพ์</translation> |
| <translation id="3437924696598384725">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN</translation> |
| <translation id="3442269905344976871">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" เมื่อตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกล (DTC) ของ <ph name="WILCO_NAME" /> พร้อมให้ใช้งานในอุปกรณ์จะเป็นการเปิดการรวบรวม ประมวลผล และรายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลและการวินิจฉัย |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ DTC ปิดไป ซึ่งส่งผลให้รวบรวม ประมวลผล หรือรายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลและการวินิจฉัยจากอุปกรณ์ไม่ได้</translation> |
| <translation id="3450649825886735618">ไม่ใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation> |
| <translation id="3451951038162074887">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามแทรกโค้ดสั่งการลงในกระบวนการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้ซอฟต์แวร์นี้แทรกโค้ดดังกล่าวลงในกระบวนการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ |
| |
| ไม่ว่าค่าของนโยบายนี้จะเป็นอะไร เบราว์เซอร์จะไม่บล็อกซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามไม่ให้แทรกโค้ดสั่งการลงในกระบวนการในเครื่องที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /></translation> |
| <translation id="3456292544936505775">นโยบายนี้ควบคุมช่วงเวลาที่ไม่อนุญาตให้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติ |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ด้วยช่วงเวลาที่ไม่ใช่รายการที่ว่างเปล่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้ |
| อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติไม่ได้ระหว่างช่วงเวลาที่ระบุ อุปกรณ์ที่ต้องย้อนกลับเวอร์ชันโดยองค์กรหรือมีเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่ำกว่าขั้นต่ำจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้เพราะอาจมีปัญหาความปลอดภัย นอกจากนี้ นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตที่ผู้ใช้หรือผู้ดูแลระบบขอ |
| ตั้งแต่รุ่น M88 นโยบายนี้จะยกเลิกอัปเดตที่ดำเนินอยู่เมื่อถึงช่วงเวลาที่ถูกจำกัด อัปเดตอัตโนมัติครั้งถัดไปหลังจากที่ช่วงเวลาที่ถูกจำกัดสิ้นสุดลงจะดำเนินการอัปเดตต่อโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์ที่อัปเดตเป็นเวอร์ชัน Quick Fix จะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ได้ใส่ช่วงเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้ |
| นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตอัตโนมัติ แต่นโยบายอื่นๆ อาจบล็อกการตรวจหา |
| จนถึงรุ่น M88 ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้เฉพาะในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่กำหนดค่าเป็นคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติ นโยบายนี้ไม่ได้จำกัดอุปกรณ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่รุ่น M89 จะมีการเปิดใช้นโยบายนี้ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="3459509316159669723">การพิมพ์</translation> |
| <translation id="3461279434465463233">รายงานสถานะพลังงาน</translation> |
| <translation id="3478024346823118645">ล้างข้อมูลผู้ใช้เมื่อออกจากระบบ</translation> |
| <translation id="3480961938508521469">ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มด้วยอัตรามาตรฐาน</translation> |
| <translation id="348110646151632565">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="348495353354674884">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์เสมือน</translation> |
| <translation id="3485200437120267231">ปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="3492834335089638487">นโยบายนี้ควบคุมการใช้งานแอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ (แหล่งที่ไม่ใช่ Google Play Store) สำหรับอุปกรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าในนโยบายนี้ จะถือว่าตั้งค่าเป็นไม่อนุญาต |
| |
| ความพร้อมใช้งานของฟังก์ชันนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องด้วย</translation> |
| <translation id="3496296378755072552">ตัวจัดการรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="3498109920669229084">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุว่าส่วนขยายใดบ้างไม่ขึ้นอยู่กับรายการที่บล็อก |
| |
| ค่า <ph name="ALL_EXTENSIONS" /> ในรายการที่บล็อกหมายความว่า ส่วนขยายทั้งหมดถูกบล็อก และผู้ใช้จะติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่ระบุไว้ในรายการที่อนุญาต |
| |
| ส่วนขยายทั้งหมดได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น แต่ถ้าคุณห้ามส่วนขยายด้วยนโยบาย ให้ใช้รายการส่วนขยายที่อนุญาตเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้น</translation> |
| <translation id="3502555714327823858">อนุญาตโหมดพิมพ์ 2 ด้านทั้งหมด</translation> |
| <translation id="350443680860256679">กำหนดค่า ARC</translation> |
| <translation id="350797926066071931">เปิดใช้งานแปลภาษา</translation> |
| <translation id="3508047333410537654">เปิดใช้ฟีเจอร์เสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="3509819648242653622">การตั้งค่านโยบายจะทำให้หน้าเว็บที่ใช้ URL ต้องห้ามโหลดขึ้นมาไม่ได้ โดยจะมีรายการรูปแบบ URL ที่ระบุ URL ต้องห้ามไว้ การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการห้าม URL ใดเลยในเบราว์เซอร์ ให้จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) คุณกำหนดข้อยกเว้นใน <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ได้ไม่เกิน 1,000 รายการ |
| |
| เริ่มจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 73 เป็นต้นไป คุณจะบล็อก URL javascript://* ได้ แต่จะมีผลเฉพาะกับ JavaScript ที่พิมพ์ลงในแถบที่อยู่ (หรือ bookmarklet เป็นต้น) นโยบายนี้ไม่มีผลกับ URL JavaScript แบบในหน้าเว็บและมีการโหลดข้อมูลแบบไดนามิก ตัวอย่างเช่น หากคุณบล็อก example.com/abc ไว้ example.com จะยังคงโหลด example.com/abc โดยใช้ XMLHTTPRequest ได้ |
| |
| หมายเหตุ: การบล็อก URL chrome://* ซึ่งใช้ภายในอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด</translation> |
| <translation id="3513655665999652754">เซิร์ฟเวอร์ Quirks มีไฟล์การกำหนดค่าเฉพาะฮาร์ดแวร์ เช่น |
| โปรไฟล์การแสดง ICC เพื่อปรับการปรับเทียบจอภาพ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะไม่พยายามติดต่อเซิร์ฟเวอร์ Quirks เพื่อดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่า |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะติดต่อเซิร์ฟเวอร์ Quirks โดยอัตโนมัติและดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่าโดยอัตโนมัติ (หากมี) และเก็บไฟล์เหล่านั้นไว้ในอุปกรณ์ ระบบอาจใช้ไฟล์เหล่านั้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพของจอแสดงผลที่เชื่อมต่อกับจอภาพ</translation> |
| <translation id="3524204464536655762">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน WebUSB API</translation> |
| <translation id="3526752951628474302">การพิมพ์ขาวดำเท่านั้น</translation> |
| <translation id="3528000905991875314">เปิดใช้งานหน้าเว็บแสดงข้อผิดพลาดสำรอง</translation> |
| <translation id="3531084733660068324">การตั้งค่าการควบคุมดูแลโดยผู้ปกครอง</translation> |
| <translation id="3536263244905016305">ปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ (WPAD)</translation> |
| <translation id="3539103206548425861">การตั้งค่านโยบายอนุญาตให้วิดีโอเล่นโดยอัตโนมัติ (โดยไม่ต้องมีคำยินยอมจากผู้ใช้) พร้อมเนื้อหาเสียงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" รูปแบบ URL ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะยังเล่นได้อยู่ หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation> |
| <translation id="3540935459049973317">การจำกัดเวลาต่อแอป</translation> |
| <translation id="3547954654003013442">การตั้งค่าพร็อกซี</translation> |
| <translation id="3550122827225052130">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="SCREEN_LOCK_DELAYS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| วิธีที่แนะนำสำหรับการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวก็คือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation> |
| <translation id="3550875587920006460">อนุญาตการตั้งค่ากำหนดการที่กำหนดเองเพื่อตรวจหาอัปเดต การตั้งค่านี้จะมีผลต่อผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์ เมื่อตั้งค่าแล้ว อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตตามกำหนดการ คุณต้องนำนโยบายออกเพื่อยกเลิกการตรวจหาอัปเดตรายการอื่นๆ ที่กำหนดเวลาไว้</translation> |
| <translation id="355118380775352753">เว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation> |
| <translation id="3554498762428140109">เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่างในเครื่อง</translation> |
| <translation id="3554984410014457319">อนุญาตให้ Google Assistant คอยฟังข้อความการเปิดใช้งานด้วยเสียง</translation> |
| <translation id="3562741878192828370">รายการของประเภทไฟล์ที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ไม่ควรใส่ตัวคั่นข้างหน้าเมื่อระบุประเภทไฟล์ เช่น ให้ใช้ "txt" แทน ".txt" |
| |
| ไฟล์ประเภทที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติยังจะต้องผ่านการตรวจสอบของ Google Safe Browsing ที่เปิดใช้อยู่ และระบบจะไม่เปิดไฟล์หากไม่ผ่านการตรวจสอบ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เมื่อดาวน์โหลดเสร็จระบบจะเปิดเฉพาะประเภทไฟล์ที่ผู้ใช้ระบุไว้แล้วว่าให้เปิดโดยอัตโนมัติ |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมในโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="356579196325389849">ผู้ใช้อาจกำหนดค่าเวอร์ชันการเผยแพร่ของ Chrome OS</translation> |
| <translation id="3575011234198230041">การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP</translation> |
| <translation id="3577251398714997599">เครื่องมือตั้งค่าโฆษณาสำหรับเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation> |
| <translation id="3577628175311752799">ใช้นโยบาย URL ที่มาเริ่มต้นของ "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด"</translation> |
| <translation id="357917253161699596">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3580414086211696382">ควบคุมการใช้ File System API สำหรับการอ่าน</translation> |
| <translation id="3584194414857209694">เปิดใช้นโยบายทดลอง</translation> |
| <translation id="3584722841530002134">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจมอบสิทธิ์ให้ คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่มอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ แม้จะตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินทราเน็ตก็ตาม</translation> |
| <translation id="3585177699591644295">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ "เลือกเพื่อให้อ่าน" |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านอยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านอยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในขั้นต้นแต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="3591527072193107424">เปิดใช้ฟีเจอร์การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation> |
| <translation id="3591584750136265240">กำหนดค่าลักษณะการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="3603469950773500315">เปิดใช้การลดการตรวจสอบ <ph name="CORS" /> ในการนำ <ph name="CORS" /> ใหม่ไปใช้ เพื่อให้ส่วนขยายยังคงทำงานร่วมกันได้ และให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ส่งส่วนหัวที่ระบุโดยไม่ต้องตรวจสอบ <ph name="CORS" /> |
| |
| หากตั้งค่ารายการนี้ให้ว่างเปล่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเรียกใช้ส่วนขยายในลักษณะการทำงานที่เข้ากันได้ และจะไม่แสดงการเปลี่ยนแปลง <ph name="API" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 79 ดังที่อธิบายไว้ใน <ph name="WEB_REQUEST_API_MANUAL" /> |
| |
| หากตั้งค่ารายการนี้ให้มีชื่อส่วนหัวของคำขอ <ph name="HTTP" /> การตรวจสอบ <ph name="CORS" /> จะเพิกเฉยต่อส่วนหัวที่อยู่ในรายการ พร้อมทั้งเปิดใช้การลดการตรวจสอบสำหรับส่วนขยาย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่ารายการนี้ไว้ ระบบจะไม่บังคับใช้การลดการตรวจสอบทั้ง 2 รายการที่อธิบายไว้ด้านบน |
| |
| ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ <ph name="CORS" /> ได้ที่ <ph name="CORS_HELP_URL" /> |
| |
| โปรดทราบว่าเราได้ประกาศว่าจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 82 แต่ได้นำออกในเวอร์ชัน 84</translation> |
| <translation id="3606571057705314194">ปิดใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation> |
| <translation id="3627678165642179114">เปิดหรือปิดใช้งานบริการเว็บสำหรับการตรวจสอบการสะกด</translation> |
| <translation id="3628480121685794414">เปิดใช้การพิมพ์แบบด้านเดียว</translation> |
| <translation id="3643284063603988867">เปิดใช้ฟีเจอร์ "จำรหัสผ่าน"</translation> |
| <translation id="3646859102161347133">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอ</translation> |
| <translation id="3647212518036289905">การตั้งค่านโยบายจะระบุไลบรารี GSSAPI ที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP จะตั้งค่านโยบายเป็นชื่อไลบรารีหรือเส้นทางแบบเต็มก็ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ชื่อไลบรารีเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3652670852519271837">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีผ่าน File System API</translation> |
| <translation id="3653234084868565720">ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่หรือไม่ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้ที่ยังไม่มีบัญชีจะเข้าสู่ระบบไม่ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ระบบจะอนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่หาก <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="3653237928288822292">ไอคอนของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3654906736796256792">อนุญาตให้เรียกใช้แซนด์บ็อกซ์เสียง</translation> |
| <translation id="3659542706175323490">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้การบูตด้วย AC เปิดใช้อยู่เสมอ หากอุปกรณ์รองรับ การบูตด้วย AC ทำให้ระบบรีสตาร์ทจากสถานะ "ปิด" หรือ "ไฮเบอร์เนต" ได้หลังจากเสียบสายไฟ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การบูตด้วย AC ปิดใช้อยู่เสมอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดการบูตด้วย AC และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้</translation> |
| <translation id="3660562134618097814">โอนคุกกี้ SAML IdP ขณะลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="3685979383016152590">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ |
| |
| * <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> (ค่า 0) ใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST" /> เพื่อจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ |
| |
| * <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> (ค่า 1) ใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST" /> เพื่อระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้ |
| |
| * <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> (ค่า 2) แสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /></translation> |
| <translation id="3695706037816556327">การดำเนินการเมื่อมีการนำโทเค็นความปลอดภัยออก (เช่น สมาร์ทการ์ด) สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="3701121231485832347">ควบคุมการตั้งค่าเฉพาะของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ <ph name="MS_AD_NAME" /> จัดการ</translation> |
| <translation id="3702518095257671450">เอกสารรับรองระยะไกล</translation> |
| <translation id="3702647575225525306"><ph name="POLICY_NAME" /> (เราเลิกใช้งานช่องบรรทัดเดียวแล้วและจะนำออกในเร็วๆ นี้ โปรดเริ่มใช้กล่องข้อความหลายบรรทัดด้านล่างนี้)</translation> |
| <translation id="3709266154059827597">กำหนดค่ารายการที่ไม่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="3711895659073496551">ระงับการใช้งาน</translation> |
| <translation id="3715569262675717862">การตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation> |
| <translation id="3727476641336727380">ในกรณีที่ไม่ได้ตั้งค่า <ph name="ALLOW_WAKE_LOCKS_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="ALLOW_SCREEN_WAKE_LOCKS_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้ Wake Lock สำหรับหน้าจอเพื่อการจัดการพลังงานได้ ส่วนขยายจะขอ Wake Lock สำหรับหน้าจอได้ผ่านทาง Power Management Extension API และแอป ARC |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะลดระดับคำขอ Wake Lock สำหรับหน้าจอไปเป็นคำขอ Wake Lock สำหรับระบบ</translation> |
| <translation id="3727675072430693164">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์สำหรับคอมโพเนนต์ SoC |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติ</translation> |
| <translation id="3731968520685217674">การตั้งค่านโยบายช่วยให้คุณระบุลักษณะการทำงานของระบบเมื่อเริ่มต้นใช้งานได้ การปิดการตั้งค่านี้จะเท่ากับไม่ได้ตั้งค่า เนื่องจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องมีลักษณะการทำงานที่เจาะจงเมื่อเริ่มต้นใช้งาน |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="POLICY_ENUM_RESTOREONSTARTUP_RESTOREONSTARTUPISLASTSESSION" /> จะปิดการตั้งค่าบางอย่างที่ต้องอาศัยเซสชันหรือที่ปฏิบัติตามคำสั่งในขณะออกจากระบบ เช่น การล้างข้อมูลการท่องเว็บเมื่อออกจากระบบหรือคุกกี้เฉพาะเซสชัน |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="3736879847913515635">เปิดใช้การเพิ่มบุคคลในการจัดการผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3750220015372671395">บล็อกการสร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="3755237588083934849">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดความถี่ในการส่งการอัปโหลดสถานะอุปกรณ์เป็นมิลลิวินาที ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 60 วินาที |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ช่วงเวลาเริ่มต้น 3 ชั่วโมง</translation> |
| <translation id="3756011779061588474">บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="3758089716224084329">ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่: |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และแอป ARC จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation> |
| <translation id="3758249152301468420">ปิดใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="3760148113224469113">กำหนดให้ผู้ใช้ยืนยันข้อความแจ้งของโปรโตคอลภายนอกเสมอ</translation> |
| <translation id="3760231600118073732">ล็อกเซสชันปัจจุบัน</translation> |
| <translation id="3762520180381586267">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทริกเกอร์การรีสตาร์ทเมื่อผู้ใช้ปิดอุปกรณ์เครื่องนั้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงปุ่มรีสตาร์ทแทนปุ่มปิดเครื่องทุกปุ่มใน UI หากผู้ใช้ปิดอุปกรณ์โดยใช้ปุ่มเปิด/ปิด อุปกรณ์จะไม่รีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะเปิดใช้นโยบายอยู่ก็ตาม |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อนุญาตให้ผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ได้</translation> |
| <translation id="3765260570442823273">ระยะเวลาของข้อความเตือนการออกจากระบบจากการไม่มีการใช้งาน</translation> |
| <translation id="3770407495263198786">การตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบตั้งค่ารายการเครื่องพิมพ์สำหรับผู้ใช้ได้ การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์ |
| |
| นโยบายนี้ใช้ในการดำเนินการต่อไปนี้ |
| |
| * ปรับแต่ง <ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> ซึ่งมีรูปแบบอิสระเพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น |
| |
| * ช่วยผู้ใช้ระบุเครื่องพิมพ์โดยใช้ <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" /> |
| |
| * <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากเครื่องไคลเอ็นต์ รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" /> |
| |
| * ระบุ <ph name="PRINTER_UUID" /> เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก หากต้องการ |
| |
| * ใช้ชื่อรุ่นสำหรับ <ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> หรือจะตั้งค่า <ph name="PRINTER_AUTOCONF" /> เป็น "จริง" ก็ได้ ระบบจะเพิกเฉยต่อเครื่องพิมพ์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการหรือไม่มีเลย |
| |
| ระบบจะดาวน์โหลด PPD หลังการใช้งานเครื่องพิมพ์ และแคช PPD ที่ใช้บ่อยไว้ นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง |
| |
| หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย <ph name="MS_AD_NAME" /> นโยบายนี้รองรับการขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> เป็นชื่อเครื่อง <ph name="MS_AD_NAME" /> หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบจะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> ตำแหน่งจะเริ่มนับจากศูนย์</translation> |
| <translation id="377044054160169374">การบังคับใช้การแทรกแซงเมื่อเกิดประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสม</translation> |
| <translation id="3778689139323007309">ตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการรับรองว่าใช้ได้โดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่องอยู่เสมอ</translation> |
| <translation id="3780152581321609624">รวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานใน Kerberos SPN</translation> |
| <translation id="3788662722837364290">การตั้งค่าการจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน</translation> |
| <translation id="3790085888761753785">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตนด้วย Smart Lock ลักษณะการทำงานโดยทั่วไปของ Smart Lock จะอนุญาตให้ผู้ใช้ปลดล็อกหน้าจอได้เพียงเท่านั้น การอนุญาตนี้จึงถือว่าให้สิทธิ์มากกว่าปกติ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรและอนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="3796527892245558832">เครื่องมือเลือกโปรไฟล์พร้อมใช้งานเมื่อเริ่มต้นระบบ</translation> |
| <translation id="3798922329287609568">การตั้งค่านโยบายนี้จะจำกัดโหมดการพิมพ์ 2 ด้าน |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้ ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัด</translation> |
| <translation id="3803171355925844705">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ โหลดเนื้อหาผสม</translation> |
| <translation id="3808945828600697669">ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="3810642039169532482">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="3811562426301733860">อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="3816312845600780067">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์ลัด bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="3817323252437541502">เปิดใช้การปกป้องเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง</translation> |
| <translation id="3821861026311587684">บังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อบัญชีของผู้ใช้ไม่ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="3823381379309653965">การตั้งค่านโยบายจะมีระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลนโยบายด้านอุปกรณ์จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,800,000 (30 นาที) ถึง 86,400,000 (1 วัน) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 3 ชั่วโมง |
| |
| หมายเหตุ: การแจ้งเตือนเรื่องนโยบายจะบังคับรีเฟรชเมื่อนโยบายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรีเฟรชบ่อยๆ ดังนั้น หากแพลตฟอร์มรองรับการแจ้งเตือนเหล่านี้ การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะอยู่ที่ 24 ชั่วโมง (โดยไม่สนใจค่าเริ่มต้นและค่าของนโยบายนี้)</translation> |
| <translation id="382476126209906314">กำหนดค่าส่วนนำหน้า TalkGadget สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="3824972131618513497">ควบคุมการตั้งค่าที่เกี่ยวกับการจัดการพลังงานและการรีบูต</translation> |
| <translation id="3825873934240606959">ป้องกันการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน</translation> |
| <translation id="3826475866868158882">บริการตำแหน่งของ Google เปิดใช้อยู่</translation> |
| <translation id="3831376478177535007">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เชื่อถือใบรับรองที่ได้รับจากการดำเนินการสำหรับ PKI แบบเดิมของ Symantec Corporation หากการดำเนินการดังกล่าวผ่านการตรวจสอบและอยู่ในห่วงโซ่ของใบรับรอง CA ที่เป็นที่ยอมรับ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับว่าระบบปฏิบัติการยังยอมรับใบรับรองจากโครงสร้างพื้นฐานเดิมของ Symantec อยู่หรือไม่ หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การจัดการใบรับรองดังกล่าวของระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงไป นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังใช้แก้ปัญหาเป็นการชั่วคราวเพื่อให้องค์กรมีเวลามากขึ้นในการเปลี่ยนจากการใช้ใบรับรองแบบเดิมของ Symantec นโยบายนี้จะถูกนำออกไปประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดำเนินการตามกำหนดการเลิกใช้งานที่ประกาศต่อสาธารณะ |
| |
| ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกใช้งานข้างต้นใน https://g.co/chrome/symantecpkicerts</translation> |
| <translation id="3831836327853123066">การตั้งค่านโยบายจะจำกัดระยะเวลาทำงานของอุปกรณ์ด้วยการตั้งเวลารีสตาร์ทอัตโนมัติ ซึ่งคุณอาจกำหนดให้ช้าลงได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้กำลังใช้อุปกรณ์ ค่านโยบายต้องมีหน่วยเป็นวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลืออย่างน้อย 3,600 วินาที (1 ชั่วโมง) |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการจำกัดระยะเวลาทำงานของอุปกรณ์ |
| |
| หมายเหตุ: การรีสตาร์ทอัตโนมัติจะเปิดเฉพาะในขณะที่หน้าจอลงชื่อเข้าใช้ปรากฏขึ้นหรือในระหว่างเซสชันของแอปคีออสก์</translation> |
| <translation id="3835692988507803626">บังคับให้ปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation> |
| <translation id="3837424079837455272">นโยบายนี้กำหนดว่าจะเพิ่มผู้ใช้ใหม่ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้หรือไม่ แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google เพิ่มเติมใน Android หากคุณต้องการป้องกันการลงชื่อเข้าใช้ ให้กำหนดค่านโยบาย <ph name="ACCOUNT_TYPES_WITH_MANAGEMENT_DISABLED_CLOUDDPC_POLICY_NAME" /> เฉพาะสำหรับ Android ให้เป็นส่วนหนึ่งของ <ph name="ARC_POLICY_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="3838094946886335701">การตั้งค่านโยบาย (ตามที่แนะนำเท่านั้น) จะให้คุณลงทะเบียนรายการเครื่องจัดการโปรโตคอล ซึ่งรวมเข้ากับรายการที่ผู้ใช้ลงทะเบียน และทำให้มีการนำทั้ง 2 ชุดไปใช้งาน ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ "โปรโตคอล" เป็นรูปแบบ เช่น "mailto" และตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ "URL" เป็นรูปแบบ URL ของแอปพลิเคชันที่จัดการรูปแบบที่ระบุไว้ในช่อง "โปรโตคอล" รูปแบบ URL อาจมีตัวยึดตำแหน่ง "%s" ได้ ซึ่ง URL ที่มีการจัดการจะมาแทนที่ |
| |
| ผู้ใช้จะนำเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนไว้ออกไม่ได้ แต่หากติดตั้งเครื่องจัดการเริ่มต้นเครื่องใหม่ ก็จะเปลี่ยนเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายติดตั้งไว้ได้</translation> |
| <translation id="3858128774616573616">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแสดงไอคอน Cast ในแถบเครื่องมือหรือในเมนูรายการเพิ่มเติม และผู้ใช้จะนำออกไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ตรึงหรือนำไอคอนออกได้ผ่านทางเมนูตามบริบทของไอคอนนั้นๆ |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย <ph name="ENABLE_MEDIA_ROUTER_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" ค่าของนโยบายนี้ก็จะไม่มีผล และไอคอนแถบเครื่องมือจะไม่แสดงขึ้นมา</translation> |
| <translation id="3858658082795336534">โหมดพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="3859780406608282662">เพิ่มพารามิเตอร์เพื่อเรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากมีการระบุ จะมีการเพิ่มพารามิเตอร์การค้นหาชื่อ "ข้อจำกัด" ลงใน URL ที่ใช้เรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ ค่าพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้ |
| |
| หากไม่มีการระบุ จะไม่มีการแก้ไข URL ข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ</translation> |
| <translation id="3863409707075047163">เวอร์ชัน SSL ขั้นต่ำที่เปิดใช้</translation> |
| <translation id="3864129983143201415">กำหนดค่าภาษาที่อนุญาตในเซสชันของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3866249974567520381">คำอธิบาย</translation> |
| <translation id="386723261607812952">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="3868347814555911633">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| แสดงรายการส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้การสาธิตสำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก ส่วนขยายเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์และติดตั้งขณะที่ออฟไลน์ได้หลังจากการติดตั้ง |
| |
| แต่ละรายการจะมีพจนานุกรมที่ต้องมี ID ส่วนขยายในฟิลด์ "extension-id" และ URL การอัปเดตในฟิลด์ "update-url"</translation> |
| <translation id="3870059789954671543">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์วัตถุที่แป้นพิมพ์โฟกัส |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="3870300103958000506">หากไม่ตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" การตั้งค่า <ph name="ADS_SETTINGS_FOR_INTRUSIVE_ADS_SITES_POLICY_NAME" /> เป็น 1 หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้แสดงโฆษณาในทุกเว็บไซต์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะบล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ซึ่งมีโฆษณาที่แทรก</translation> |
| <translation id="3877517141460819966">โหมดการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สองที่ผสานรวม</translation> |
| <translation id="3879208481373875102">กำหนดค่ารายการเว็บแอปที่บังคับติดตั้งแล้ว</translation> |
| <translation id="388237772682176890">นโยบายนี้เลิกใช้งานใน M53 และนำออกจาก M54 เนื่องจากไม่มีการสนับสนุน SPDY/3.1 อีกต่อไป |
| |
| ปิดใช้โปรโตคอล SPDY ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ โปรโตคอล SPDY จะไม่สามารถใช้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| การปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้สามารถใช้ SPDY ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะสามารถใช้ SPDY ได้</translation> |
| <translation id="3891357445869647828">เปิดใช้งาน JavaScript</translation> |
| <translation id="3892015543543011887">นโยบายนี้ควบคุมการขอติดตั้งส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ส่งคำขอไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google เพื่อขออนุมัติ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผลและจะไม่มีการสร้างหรืออัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยาย |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ จะไม่มีการสร้างหรืออัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยาย |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ จะมีการสร้างคำขอติดตั้งส่วนขยายและอัปโหลดไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google |
| |
| คำขอติดตั้งส่วนขยายจะสร้างขึ้นเมื่อผู้ใช้พยายามติดตั้งส่วนขยายที่ไม่ได้รับอนุญาตพิเศษโดย <ph name="EXTENSION_INSTALL_WHITELIST" /> หรือ <ph name="EXTENSION_SETTINGS" /> |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="3898345958122666461">ปิด NTLMv2</translation> |
| <translation id="3898795800259311780">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับภาพหน้าจอ</translation> |
| <translation id="3907683835264956726">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ออนไลน์ลงชื่อเข้าใช้ในหน้าจอล็อก หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" นโยบายอย่างเช่น <ph name="POLICY" /> จะทำให้มีการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทางออนไลน์ในหน้าจอล็อก |
| ระบบจะบังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทันทีที่อยู่ในหน้าจอล็อก หรือครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ล็อกหน้าจอหลังเงื่อนไขตรงตามที่กำหนด |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปลดล็อกหน้าจอได้เสมอด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบในเครื่อง</translation> |
| <translation id="3911737181201537215">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการบันทึกที่ดำเนินการโดย Android</translation> |
| <translation id="3912092044353890761">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยแป้นพิมพ์เสมือนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์แป้นพิมพ์เสมือนจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์แป้นพิมพ์เสมือนจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="3915395663995367577">URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี</translation> |
| <translation id="3915587396318773837">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์เพื่อรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์จาก URL นี้จึงจะเชื่อมต่อได้ |
| |
| หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้ |
| |
| หมายเหตุ: ต้องใช้นโยบายนี้กับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_VALIDATION_URL_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="3925377537407648234">ตั้งค่าความละเอียดและปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผล</translation> |
| <translation id="3927137827189017535">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับคีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้คีย์ติดหนึบเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้คีย์ติดหนึบเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้คีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="3942041691320538491">การตั้งค่านโยบายเป็น 0 (ค่าเริ่มต้น) หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ แต่ไม่ใช่ในบริบทของส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กร การตั้งค่านโยบายเป็น 1 หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ในทุกบริบท ซึ่งรวมถึงส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กร การตั้งค่านโยบายเป็น 2 หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้และตรวจสอบองค์ประกอบของเว็บไซต์ไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านี้ยังปิดแป้นพิมพ์ลัดและเมนูหรือรายการในเมนูตามบริบทเพื่อเปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript ด้วย</translation> |
| <translation id="3947431236979598549">อนุญาตให้เปิดหรือปิดใช้การแจ้งเตือนเมื่อพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย การตั้งค่านี้มีผลกับผู้ใช้ทุกคนในอุปกรณ์ |
| |
| ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้และการแจ้งเตือนจะแสดงเสมอหากอุปกรณ์ไม่มีการจัดการหรือมีผู้ใช้เพียงคนเดียว |
| |
| หากมีบัญชีผู้ใช้หลายบัญชีในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ การแจ้งเตือนจะแสดงเฉพาะเมื่อเปิดใช้นโยบายนี้เท่านั้น</translation> |
| <translation id="3950110092991281616">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันปกติเท่านั้น</translation> |
| <translation id="3950239119790560549">อัปเดตการจำกัดเวลา</translation> |
| <translation id="3956686688560604829">ใช้นโยบาย SiteList ของ Internet Explorer กับการรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation> |
| <translation id="3958586912393694012">อนุญาตให้ใช้ Smart Lock</translation> |
| <translation id="3962445567482559878">ใช้โหมด EDU ของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation> |
| <translation id="396261881101930204">ซ่อนคำแนะนำสื่อจากผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3964262920683972987">กำหนดค่ารูปภาพวอลเปเปอร์ระดับอุปกรณ์ซึ่งจะแสดงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้รายใดลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องดังกล่าว นโยบายนี้กำหนดได้ด้วยการระบุ URL ที่อุปกรณ์ Chrome OS ใช้ดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์และการแฮชแบบเข้ารหัสที่ใช้ในการยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลดได้ รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบ JPEG และมีขนาดไม่เกิน 16 MB ส่วน URL ก็ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ ระบบจะดาวน์โหลดและแคชรูปภาพวอลเปเปอร์ แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ไว้ อุปกรณ์ Chrome OS จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้รายใดลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องดังกล่าว เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะทำงานแทน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะเลือกสิ่งที่จะแสดงหากมีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="3964298692570794635">อนุญาตเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="3965339130942650562">หมดเวลาจนกว่าจะดำเนินการออกจากระบบของผู้ใช้ที่ไม่มีการใช้งาน</translation> |
| <translation id="3971673686578912106">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> เปิดขึ้นสำหรับอุปกรณ์เครื่องนั้น ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="USER_PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องเป็น "จริง" รวมทั้ง <ph name="PLUGIN_VM_LICENSE_KEY_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="PLUGIN_VM_USER_ID_POLICY_NAME" /> อย่างใดอย่างหนึ่งต้องมีการตั้งค่าเพื่อให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ทำงานได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์เครื่องนั้น</translation> |
| <translation id="3973371701361892765">ไม่ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเลย</translation> |
| <translation id="3979738908158213640">URL ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเพื่อทำการรับรองอุปกรณ์ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ SAML</translation> |
| <translation id="3984028218719007910">กำหนดว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เก็บข้อมูลบัญชีในตัวเครื่องหลังจากที่ออกจากระบบหรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เก็บบัญชีใดๆ ไว้อย่างถาวร และข้อมูลทั้งหมดจากเซสชันผู้ใช้จะถูกยกเลิกหลังจากที่ออกจากระบบ ถ้านโยบายนี้ถูกกำหนดเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า อุปกรณ์อาจเก็บข้อมูลผู้ใช้ในตัวเครื่องไว้ (โดยที่เข้ารหัส)</translation> |
| <translation id="398884292557092447">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะควบคุมคำแนะนำการป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับบัตรเครดิตใน UI ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าการป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลบัตรเครดิต และจะไม่บันทึกข้อมูลบัตรเครดิตอื่นๆ ที่ผู้ใช้อาจส่งขณะท่องเว็บ</translation> |
| <translation id="3997519162482760140">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML</translation> |
| <translation id="4007646377576030214"> โปรดทราบว่านโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M87 และได้นำออกจาก M89 โปรดใช้ <ph name="MANAGED_GUEST_SESSION_PRIVACY_WARNINGS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแทน |
| |
| ควบคุมการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" การแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวจะปิดหลังผ่านไปสักครู่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวจะตรึงอยู่จนกว่าผู้ใช้จะปิดการแจ้งเตือนดังกล่าว</translation> |
| <translation id="4008507541867797979">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้เลือกได้ 1 รายการ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่จะแสดงหน้าจอการเข้าสู่ระบบตามปกติ (แจ้งให้ผู้ใช้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านหรือหมายเลขโทรศัพท์) หรือหน้าจอโฆษณาคั่นระหว่างหน้า SAML (หากเปิดใช้ผ่านนโยบาย <ph name="LOGIN_AUTHENTICATION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" />) ยกเว้นว่าจะมีการกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการ เมื่อกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการแล้ว ระบบจะแสดงเฉพาะบัญชีของเซสชันที่มีการจัดการเท่านั้นและอนุญาตให้เลือกบัญชีหนึ่งในนั้นได้ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อการที่อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่องหรือไม่</translation> |
| <translation id="4010738624545340900">อนุญาตให้เรียกดูช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้</translation> |
| <translation id="401260868452018796">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ</translation> |
| <translation id="4012737788880122133">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติเมื่อตั้งค่าเป็น True |
| |
| อุปกรณ์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจหาการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False |
| |
| คำเตือน: เราขอแนะนำให้เปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติไว้เสมอเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การปิดการอัปเดตอัตโนมัติอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation> |
| <translation id="4016367078069682737">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M61 |
| |
| ระบุลักษณะการทำงานของอุปกรณ์ที่มาพร้อม ecryptfs และต้องเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส ext4 |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DisallowArc" ระบบจะปิดใช้แอป Android ให้กับผู้ใช้ทั้งหมดในอุปกรณ์ (รวมทั้งผู้ใช้ที่มีการเข้ารหัส ext4 อยู่แล้ว) และจะไม่เสนอการย้ายข้อมูลจาก ecryptfs ไปใช้การเข้ารหัส ext4 แก่ผู้ใช้คนใดทั้งสิ้น |
| |
| หากคุณตั้งนโยบายนี้เป็น "AllowMigration" ระบบจะเสนอผู้ใช้ที่มีไดเรกทอรีหน้าแรกแบบ ecryptfs ให้ย้ายข้อมูลเหล่านี้ไปใช้การเข้ารหัส ext4 ตามความจำเป็น (ปัจจุบันคือเมื่อสามารถใช้ Android N ในอุปกรณ์ได้) |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลกับแอปคีออสก์ โดยระบบจะย้ายข้อมูลแอปเหล่านี้โดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ อุปกรณ์จะทำงานราวกับว่ามีการเลือก "DisallowArc"</translation> |
| <translation id="401650904918322517">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 89 |
| |
| นโยบายนี้ให้สิทธิ์ฟีเจอร์คำตอบด่วนในการเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะอนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก |
| หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกหรือไม่</translation> |
| <translation id="4020682745012723568">แอป Android ไม่สามารถเข้าถึงคุกกี้ที่โอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4025500273782820766">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือก "อนุญาตเสมอ" เมื่อมีการแสดงกล่องโต้ตอบของโปรโตคอลภายนอกให้ข้ามข้อความแจ้งยืนยันในอนาคต</translation> |
| <translation id="402759845255257575">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เรียกใช้ JavaScript</translation> |
| <translation id="4027608872760987929">เปิดใช้งานผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4041577849977347218">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าระบบจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ แม้ว่าไฟล์นั้นจะมาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ก็ตาม |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าระบบจะไม่ส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ เมื่อมาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ |
| |
| ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่เกิดขึ้นจากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนู "ดาวน์โหลดลิงก์" ด้วย แต่ไม่มีผลกับการบันทึกหรือการดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์ |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="4056910949759281379">ปิดใช้งานโปรโตคอล SPDY</translation> |
| <translation id="4061590579642538878">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง</translation> |
| <translation id="4075675819066819571">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ</translation> |
| <translation id="408029843066770167">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังบริการเวลาของ Google</translation> |
| <translation id="408076456549153854">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="4082498585300984671">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทร</translation> |
| <translation id="4086150283035515220">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ไหนก่อนที่จะดาวน์โหลด การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การดาวน์โหลดเริ่มต้นทันที และระบบจะไม่ถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ไหน |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation> |
| <translation id="4088589230932595924">บังคับใช้โหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="4089849819635523136">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_KEYWORD_POLICY_NAME" /> จะระบุคีย์เวิร์ดหรือทางลัดที่ใช้ในแถบที่อยู่เพื่อทริกเกอร์การค้นหาสำหรับผู้ให้บริการรายนี้ |
| |
| หากไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_KEYWORD_POLICY_NAME" /> จะไม่มีคีย์เวิร์ดใดเลยที่เปิดใช้งานผู้ให้บริการค้นหาดังกล่าว</translation> |
| <translation id="409035987613226003">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดใช้การรายงานแบบไม่ระบุชื่อของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและข้อขัดข้องเกี่ยวกับ Chrome ไปยัง Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบไม่ส่งข้อมูลนี้ไปยัง Google |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกลักษณะการทำงานเมื่อทำการติดตั้งหรือเรียกใช้ครั้งแรกได้ |
| |
| นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์ และอินสแตนซ์ macOS ที่ได้รับการจัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX |
| |
| (สำหรับ Chrome OS โปรดดู DeviceMetricsReportingEnabled)</translation> |
| <translation id="4097556069183835428">การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดแว่นขยายหน้าจอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า แว่นขยายหน้าจอจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="410068710490553233">อนุญาตการลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เพิ่มเติม</translation> |
| <translation id="4103177213841380258">นโยบายนี้ควบคุมการเข้าถึงฟีเจอร์ที่ควบคุมได้ใน UI การค้นพบในพื้นที่ (<ph name="CHROME_DEVICES_LINK" />) ซึ่งแสดงอุปกรณ์ที่ค้นพบได้ใกล้ตัวผู้ใช้ ตลอดจนอุปกรณ์ระบบคลาวด์ที่ลงทะเบียนไว้กับอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย ในระบบปฏิบัติการทั้งหมดยกเว้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นั้น UI การค้นพบในพื้นที่ยังอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มเครื่องพิมพ์แบบคลาสสิกที่เชื่อมต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ด้วย |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้มีการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้อยู่ต่อไป</translation> |
| <translation id="4103289232974211388">เปลี่ยนเส้นทางไปยัง SAML IdP หลังจากผู้ใช้ยืนยัน</translation> |
| <translation id="4105884561459127998">กำหนดค่าประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าเริ่มต้น (ค่า 0) เบราว์เซอร์จะเป็นตัวกำหนดลักษณะการทำงานของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML ตามปัจจัยอื่นๆ ในกรณีพื้นฐานที่สุด การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ที่แคชไว้จะทำด้วยการใช้รหัสผ่านที่ผู้ใช้ป้อนด้วยตนเอง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น ClientCertificate (ค่า 1) ระบบจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับผู้ใช้ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ซึ่งลงชื่อเข้าสู่ระบบผ่าน SAML และจะไม่มีการใช้รหัสผ่านสำหรับผู้ใช้ประเภทนี้ ระบบจะปกป้องข้อมูลในเครื่องที่แคชไว้โดยใช้คีย์การเข้ารหัสที่สอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่น การตั้งค่านี้ช่วยให้กำหนดค่าการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ด้วยสมาร์ทการ์ดได้ (จะต้องติดตั้งแอปมิดเดิลแวร์สมาร์ทการ์ดผ่านนโยบาย DeviceLoginScreenExtensions) |
| |
| นโยบายนี้ส่งผลกับผู้ใช้ที่ยืนยันตัวตนโดยใช้ SAML เท่านั้น</translation> |
| <translation id="4105989332710272578">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการ URL</translation> |
| <translation id="4114059938441379876">การตั้งค่านโยบายจะกำหนด URL ที่ให้ผู้ใช้ไปเปลี่ยนรหัสผ่านหลังจากเห็นคำเตือนในเบราว์เซอร์ บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้ไปยัง URL (โปรโตคอล HTTP และ HTTPS เท่านั้น) ที่คุณกำหนดผ่านนโยบายนี้ โปรดตรวจสอบว่าหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเป็นไปตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ (https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms) เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใหม่ได้อย่างถูกต้องในหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านนี้ |
| |
| การปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าบริการจะส่งผู้ใช้ไปที่ https://myaccount.google.com เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="4121350739760194865">ป้องกันไม่ให้การส่งเสริมของแอปพลิเคชันไปปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="4122473079291425973">หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="412697421478384751">ยอมให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่คาดเดาง่ายเป็น PIN หน้าจอล็อก</translation> |
| <translation id="4138655880188755661">การจำกัดเวลา</translation> |
| <translation id="4147818922357566987">เปิดใช้รูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขที่สำคัญเท่านั้น</translation> |
| <translation id="4150201353443180367">การแสดงผล</translation> |
| <translation id="4157003184375321727">รายงานรุ่นของระบบปฏิบัติการและเฟิร์มแวร์</translation> |
| <translation id="4157594634940419685">อนุญาตให้เข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS ดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="4160962198980004898">แหล่งที่มาของที่อยู่ MAC ของอุปกรณ์เมื่อเสียบแท่นชาร์จอยู่</translation> |
| <translation id="4161589119744364846">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่เริ่มต้นและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงหน้าดังกล่าว |
| |
| หน้าแท็บใหม่จะเปิดขึ้นโดยมีแท็บและหน้าต่างใหม่ |
| |
| นโยบายนี้ไม่ได้กำหนดว่าหน้าใดจะเปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มต้นใช้งาน นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> จะเป็นตัวควบคุมหน้าเหล่านั้น นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อหน้าแรก หากตั้งค่าหน้าแรกให้เปิดหน้าแท็บใหม่ และจะส่งผลกระทบต่อหน้าเริ่มต้นใช้งานเช่นกัน หากตั้งค่าให้เปิดหน้าแท็บใหม่ |
| |
| แนวทางปฏิบัติแนะนำคือการระบุ URL ที่กำหนดหน้า Canonical แบบเต็ม หาก URL ไม่ได้กำหนดหน้า Canonical แบบเต็ม <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ https:// เป็นค่าเริ่มต้น |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้จะทำให้ระบบใช้หน้าแท็บใหม่เริ่มต้น |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="4165986682804962316">การตั้งค่าเว็บไซต์</translation> |
| <translation id="4166174702671320480">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะไม่สนใจนโยบายที่มีผลกับกลุ่มขนาดเล็กซึ่งไม่แชร์แหล่งที่มากับนโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่ม |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าระบบจะพิจารณานโยบายทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากแหล่งที่มาใดก็ตาม ระบบจะไม่สนใจนโยบายในกรณีที่มีความขัดแย้งและนโยบายดังกล่าวไม่ได้มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่มเท่านั้น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้จากแหล่งที่มาในระบบคลาวด์ นโยบายจะกำหนดเป้าหมายเป็นผู้ใช้ที่เจาะจงไม่ได้</translation> |
| <translation id="4169692397912242417">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="4175667688338118889">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนที่คุณระบุ และจะไม่ตรวจหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้ และบริการปกป้องรหัสผ่านก็จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าการปกป้องด้วย Google Safe Browsing ตามค่าเริ่มต้นจะมีผลกับทรัพยากรทั้งหมด |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="417956245902013347">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="4183229833636799228">การตั้งค่าเริ่มต้นของ <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation> |
| <translation id="4192388905594723944">URL สำหรับตรวจสอบความถูกต้องโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="4203643479966921607">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งผู้ใช้จะเรียกใช้ได้จากเมนูแอป เมนูตามบริบทของหน้าเว็บ ตัวควบคุมสื่อในเว็บไซต์ที่พร้อมใช้งาน Cast และไอคอนแถบเครื่องมือของ Cast (หากมีแสดงขึ้นมา) |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="4203879074082863035">มีเฉพาะเครื่องพิมพ์ในรายการที่อนุญาตพิเศษที่จะแสดงต่อผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4209297478239988291">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติ |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่คลิกโดยไม่ต้องกดเมาส์หรือทัชแพดเมื่อวางเมาส์เหนือวัตถุที่ต้องการคลิก |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการคลิกอัตโนมัติไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการคลิกอัตโนมัติไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="4224610387358583899">การหน่วงเวลาในการล็อกหน้าจอ</translation> |
| <translation id="4225260426043444650">การตั้งค่านี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation> |
| <translation id="4228745249339680042">การตั้งค่านโยบายจะระบุ URL และโดเมนที่จะไม่แสดงข้อความแจ้งเมื่อมีการขอใบรับรองเอกสารรับรองจากคีย์ความปลอดภัย และจะมีการส่งสัญญาณไปยังคีย์ความปลอดภัยด้วยเพื่อระบุว่าอาจมีการใช้เอกสารรับรองเฉพาะของแต่ละรายการ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ เมื่อเว็บไซต์ขอเอกสารรับรองของคีย์ความปลอดภัย ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 65 ขึ้นไป |
| |
| URL จะจับคู่เป็น U2F AppID เท่านั้น โดเมนจะจับคู่เป็น Webauthn RP ID เท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้ครอบคลุมทั้ง U2F และ Webauthn API ให้ระบุทั้ง URL และโดเมนของ AppID สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการ</translation> |
| <translation id="4239720644496144453">ไม่มีการใช้แคชสำหรับแอป Android หากมีผู้ใช้หลายคนติดตั้งแอป Android เดียวกัน จะมีการดาวน์โหลดแอปใหม่สำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation> |
| <translation id="4247914291127524388">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดการซิงค์ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่ออุปกรณ์ใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ ระบบจะซิงค์ข้อมูลกับ Google ไดรฟ์เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรืออีเทอร์เน็ตเท่านั้น |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้โอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ขณะเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือได้</translation> |
| <translation id="4250680216510889253">ไม่มี</translation> |
| <translation id="4261820385751181068">ภาษาในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4269859918103560644">ให้ผู้ใช้ตัดสินใจ</translation> |
| <translation id="4272533771695747453">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำการยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัว |
| เมื่อปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำการยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมที่แพลตฟอร์มมีให้ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านี้ ระบบอาจใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวหรือตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมก็ได้ |
| |
| เรามีแผนจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 81 เมื่อถึงกำหนดการหยุดรองรับตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| เรามีแผนจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> สำหรับ Linux เวอร์ชัน 83 เมื่อถึงกำหนดการหยุดรองรับตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมใน Linux |
| |
| เรามีแผนจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> สำหรับ Mac OS X เวอร์ชัน 91 เมื่อถึงกำหนดการหยุดรองรับตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมใน Mac OS X |
| </translation> |
| <translation id="4274691295133617461">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการเข้าถึง |
| |
| การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="4285674129118156176">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ ARC</translation> |
| <translation id="4311195029067684288">เต็ม</translation> |
| <translation id="4313767483634435271">ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4322842393287974810">อนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="4325690621216251241">เพิ่มปุ่มออกจากระบบลงในถาดระบบ</translation> |
| <translation id="4329095223358818804">อนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก</translation> |
| <translation id="4330372709562934569">อนุญาตเว็บไซต์ในรายการให้ส่งคำขอจากบริบทที่ไม่ปลอดภัยไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า</translation> |
| <translation id="4332177773549877617">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งแอป Android</translation> |
| <translation id="4341199399451274159">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENCODINGS_POLICY_NAME" /> จะระบุการเข้ารหัสอักขระที่ผู้ให้บริการค้นหารองรับ การเข้ารหัสคือชื่อ Code Page เช่น UTF-8, GB2312 และ ISO-8859-1 โดยจะมีการใช้งานตามลำดับที่ระบุ |
| |
| การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENCODINGS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบใช้งาน UTF-8</translation> |
| <translation id="4343382787226139147">ระบุใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ต้องลงทะเบียนโดยใช้โปรโตคอลการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4347908978527632940">หากเป็น True และผู้ใช้เป็นผู้ใช้ภายใต้การดูแล แอป Android อื่นๆ จะสามารถสืบค้นข้อจำกัดด้านเว็บของผู้ใช้คนดังกล่าวผ่านผู้ให้บริการเนื้อหาได้ |
| |
| หากเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ให้บริการเนื้อหาจะไม่แสดงข้อมูลใดๆ</translation> |
| <translation id="4363057787588706121">อนุญาตให้รวมนโยบายรายการจากแหล่งที่มาหลายแห่ง</translation> |
| <translation id="4363101430102811068">เปิดใช้นโยบายการตรวจหาการรั่วไหลของข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ป้อน</translation> |
| <translation id="436581050240847513">รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4368848648036709662">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่รองรับรูปแบบที่มีไวลด์การ์ด "*" และ "[*.]" ในโฮสต์อีกแล้วตั้งแต่รุ่น M85</translation> |
| <translation id="4372704773119750918">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของหลายโปรไฟล์ (หลักหรือรอง)</translation> |
| <translation id="4377599627073874279">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงภาพทั้งหมด</translation> |
| <translation id="437791893267799639">ไม่ได้ตั้งนโยบาย ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation> |
| <translation id="4382413175336720282">ปิดใช้การตรวจสอบ URL แบบเรียลไทม์อยู่</translation> |
| <translation id="4387922553629365459">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เปิดป๊อปอัปไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_POPUPS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="4389073105055031853">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองทั้งหมด</translation> |
| <translation id="4389091865841123886">กำหนดค่าการยืนยันระยะไกลกับกลไก TPM</translation> |
| <translation id="4401496838830169080">ให้คุณควบคุมว่าจะเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และกำหนดโหมดการทำงานของฟีเจอร์นี้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "NoProtection" (ค่า 0) Google Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "StandardProtection" (ค่า 1 ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น) Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดมาตรฐานเสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "EnhancedProtection" (ค่า 2) Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดเพิ่มประสิทธิภาพเสมอ ซึ่งรักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้นแต่ต้องมีการแชร์ข้อมูลการท่องเว็บกับ Google มากขึ้น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นแบบบังคับ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า Google Safe Browsing ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดการปกป้องแบบมาตรฐาน แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="4402887080007986374">เวอร์ชันที่ถูกต้องของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence</translation> |
| <translation id="4408428864159735559">รายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า</translation> |
| <translation id="4410236409016356088">เปิดใช้การควบคุมปริมาณแบนด์วิดท์ของเครือข่าย</translation> |
| <translation id="441217499641439905">ปิดใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือในแอป "ไฟล์" ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="4415603335307944578">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า เบราว์เซอร์จะแสดงหน้ายินดีต้อนรับอีกครั้งเมื่อเรียกใช้เบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เบราว์เซอร์จะไม่แสดงหน้ายินดีต้อนรับอีกครั้งเมื่อเรียกใช้เบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ</translation> |
| <translation id="4423597592074154136">ระบุการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง</translation> |
| <translation id="4432762137771104529">เปิดใช้การรายงานแบบขยายของ Safe Browsing</translation> |
| <translation id="443454694385851356">แบบเดิม (ไม่ปลอดภัย)</translation> |
| <translation id="443665821428652897">ล้างข้อมูลไซต์เมื่อปิดเบราว์เซอร์ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="4439336120285389675">ระบุรายชื่อฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วเพื่อเปิดใช้ใหม่ชั่วคราว |
| |
| นโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มซึ่งเลิกใช้ไปแล้วได้ใหม่อีกครั้งครั้งในเวลาจำกัด ฟีเจอร์เหล่านี้จะระบุโดยสตริงแท็ก ซึ่งฟีเจอร์ที่สอดคล้องกับแท็กที่มีอยู่ในรายการที่นโยบายนี้กำหนดจะถูกเปิดใช้อีกครั้ง |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ไม่มีข้อมูลในรายการ หรือไม่ตรงกับสตริงแท็กที่สนับสนุนใดๆ ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วทั้งหมดจะยังถูกปิดใช้ |
| |
| แม้ตัวนโยบายจะได้รับการสนับสนุนบนแพลตฟอร์มข้างต้น แต่ฟีเจอร์ที่นโยบายเปิดใช้อาจใช้ได้บนแพลตฟอร์มไม่กี่แห่ง ฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วบางรายการอาจไม่สามารถเปิดใช้ได้อีก เฉพาะฟีเจอร์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนด้านล่างเท่านั้นที่สามารถเปิดใช้ได้อีกภายในช่วงเวลาจำกัด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์ รูปแบบของสตริงแท็กทั่วไปคือ [DeprecatedFeatureName]_EffectiveUntil[yyyymmdd] ตามข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถค้นหาเจตนาในการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มได้ที่ https://bit.ly/blinkintents |
| </translation> |
| <translation id="4442582539341804154">เปิดใช้งานการล็อกเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือระงับใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4447668084338250480">ลักษณะการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ต</translation> |
| <translation id="4449469846627734399">กำหนดค่าวันที่เปิดใช้พาวเวอร์พีคชิฟต์</translation> |
| <translation id="4449545651113180484">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 270 องศา</translation> |
| <translation id="4450005376189179872">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะอนุญาตให้คุณตั้งค่าโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง ค่าของ <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> ต้องน้อยกว่า <ph name="CHARGE_END_TIME_FIELD_NAME" /> |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงปิดอยู่เสมอ |
| |
| ค่าที่ใช้ได้ของช่อง <ph name="MINUTE_FIELD_NAME" /> ใน <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> และ <ph name="CHARGE_END_TIME_FIELD_NAME" /> ได้แก่ 0, 15, 30, 45</translation> |
| <translation id="445270821089253489">ควบคุมประเภทข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลอุปกรณ์ที่จะรายงาน</translation> |
| <translation id="4453913621209182880">อนุญาตเฉพาะการพิมพ์ที่มีกราฟิกพื้นหลังเท่านั้น</translation> |
| <translation id="4454820008017317557">แสดงไอคอนแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="445505634382262792">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการเข้าถึง |
| |
| การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="4467952432486360968">ปิดกั้นคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation> |
| <translation id="4474167089968829729">เปิดการบันทึกรหัสผ่านไปยังโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="4476769083125004742">หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> แอป Android จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง แต่หากตั้งค่าเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขอการยินยอมจากผู้ใช้หากแอป Android ต้องการเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง</translation> |
| <translation id="4479671363221255277">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_READ_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_READ_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="4480694116501920047">บังคับใช้ค้นหาปลอดภัย</translation> |
| <translation id="4483649828988077221">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="4485425108474077672">กำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="4492287494009043413">ปิดใช้งานการจับภาพหน้าจอ</translation> |
| <translation id="4494132853995232608">Wilco DTC</translation> |
| <translation id="449423975179525290">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="4510923771103268849">ผู้ใช้มีสิทธิ์เข้าถึงรากของคอนเทนเนอร์ Crostini ได้</translation> |
| <translation id="4515404363392014383">เปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation> |
| <translation id="4518251772179446575">ถามเมื่อไซต์ต้องการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4529868888205510667">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ใช้ ARC ได้ เว้นแต่จะมีการปิด ARC ไว้ด้วยวิธีการอื่นๆ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้ที่ไม่ได้เชื่อมโยงจะใช้ ARC ไม่ได้ |
| |
| การเปลี่ยนแปลงนโยบายจะมีผลขณะที่ ARC ไม่ได้ทำงานอยู่เท่านั้น เช่น ขณะเริ่มต้น Chrome OS</translation> |
| <translation id="453031441196755904">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว</translation> |
| <translation id="4531482429171731618">การตั้งค่านโยบายนี้จะสร้างไดเรกทอรีที่ Chrome จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ และจะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้นี้ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุไดเรกทอรีใดไว้ หรือได้เปิดใช้การแสดงข้อความแจ้งเพื่อระบุตำแหน่งการดาวน์โหลดทุกครั้งไว้หรือไม่ก็ตาม |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า Chrome จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้น และผู้ใช้จะเปลี่ยนได้ |
| |
| หมายเหตุ: ดูรายการตัวแปรที่คุณใช้ได้ (https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables)</translation> |
| <translation id="4531706050939927436">สามารถบังคับการติดตั้งแอป Android ได้จากคอนโซล Google Admin ผ่าน Google Play แอปดังกล่าวไม่ได้ใช้นโยบายนี้</translation> |
| <translation id="4534500438517478692">ชื่อการจำกัด Android:</translation> |
| <translation id="4541530620466526913">บัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4543502256674577024">การตั้งค่าการอัปเดตอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4548555985107150628">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่ |
| |
| ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้ |
| |
| รายการปลั๊กอินที่ระบุจะเปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เสมอหากมีการติดตั้งเอาไว้ โดยจะทำเครื่องหมายว่าปลั๊กอินเป็นเปิดใช้อยู่ใน "about:plugins" และผู้ใช้จะปิดใช้ไม่ได้ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้จะลบล้างทั้ง DisabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะปิดใช้ปลั๊กอินใดก็ตามที่ติดตั้งไว้ในระบบได้</translation> |
| <translation id="4554651132977135445">โหมดประมวลผล Loopback ของนโยบายด้านผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4555850956567117258">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4557134566541205630">URL หน้าแท็บใหม่ของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4558166110367609724">ข้ามข้อกำหนดในการให้บริการและโหลดเบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="4559846397119102037">อนุญาตให้ใช้งาน <ph name="LACROS_NAME" /></translation> |
| <translation id="4562165737444703281">อนุญาตให้ผู้ใช้ [เปิดใช้/กำหนดค่า] การส่งต่อพอร์ต Crostini</translation> |
| <translation id="456686782928669977">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะโหลดกฎจากนโยบาย SiteList ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอ่าน <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เพื่อรับ URL ของรายการเว็บไซต์ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="BROWSER_SWITCHER_URL_LIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation> |
| <translation id="4567137030726189378">อนุญาตการใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="4567818663772614440">นโยบายนี้ควบคุมการรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งจะอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเบราว์เซอร์ไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่เก็บรวบรวมหรืออัปโหลดข้อมูล |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเก็บรวบรวมและอัปโหลดข้อมูลไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google |
| |
| สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> เท่านั้น |
| และสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลเสมอ</translation> |
| <translation id="4578265298946081589">ไม่ต้องรีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation> |
| <translation id="4587365491100112056">การตั้งค่านโยบายจะระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตที่ขอบเขตของเครื่องเชื่อถือ (ขอบเขตที่เชื่อมโยง) การแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์จึงช่วยให้ลงชื่อเข้าใช้ได้เร็วขึ้น จะไม่มีการแคชข้อมูลที่ระบุตัวผู้ใช้และข้อมูลสำหรับขอบเขตที่ไม่เชื่อมโยง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งทำให้ระบบต้องดึงข้อมูลที่เจาะจงขอบเขตทุกครั้งที่มีการลงชื่อเข้าใช้ การปิดการแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์จึงจะทำให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ได้ช้าลงอย่างมาก |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่แคชไว้ซ้ำได้เป็นเวลาสูงสุด 73 ชั่วโมง |
| |
| หมายเหตุ: การรีสตาร์ทอุปกรณ์จะล้างแคช ระบบแคชข้อมูลขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราวด้วยเช่นกัน ปิดแคชเพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดตามขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราว</translation> |
| <translation id="4591366717022345234">ให้บริการเวอร์ชัน Quick Fix แก่ผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4592246263545654202">ระบุว่าผู้ใช้จะเปิดหน้าด้วยโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ |
| |
| หากเลือก "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งนโยบายไว้ หน้าอาจเปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| หากเลือก "ปิดใช้" หน้าอาจไม่เปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| หากเลือก "บังคับใช้" หน้าอาจเปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตนเท่านั้น โปรดทราบว่าการ "บังคับใช้" ไม่ทำงานใน Android ที่อยู่บน Chrome</translation> |
| <translation id="4594467366027975448">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับเก็บสำเนาโรมมิ่งของโปรไฟล์ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้ไว้เพื่อเก็บสำเนาโรมมิ่งของโปรไฟล์ในกรณีที่มีการเปิดใช้นโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่ใช้ค่าที่เก็บไว้ในนโยบายนี้ |
| |
| ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables |
| |
| บนแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ของ Windows นโยบายนี้จะต้องตั้งค่าให้โปรไฟล์โรมมิ่งทำงาน |
| |
| บนแพลตฟอร์มของ Windows หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์โรมมิ่งเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4600786265870346112">เปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่</translation> |
| <translation id="4607416370554533118">การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่ง Chrome จะเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์ให้โดยอัตโนมัติได้ ค่าจะเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ที่มีรูปแบบเป็นสตริงซึ่งแต่ละรายการมีรูปแบบ <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_EXAMPLE" /> โดยที่ <ph name="URL_PATTERN_PLACEHOLDER" /> เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> จำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง |
| |
| ตัวอย่างการใช้งานส่วน <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> |
| |
| * เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_FILTER_EXAMPLE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName <ph name="ISSUER_CN_PLACEHOLDER" /> |
| |
| * เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีทั้งส่วน <ph name="ISSUER_STRING_VALUE" /> และ <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ |
| |
| * เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATION" /> ใบรับรองต้องมีอย่างน้อย 1 องค์กรที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก |
| |
| * เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATIONAL_UNIT" /> ใบรับรองต้องมีหน่วยขององค์กรอย่างน้อย 1 หน่วยที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก |
| |
| * เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="EMPTY_DICTIONARY" /> การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม โปรดทราบว่าตัวกรองที่ได้มาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์จะยังคงมีผลอยู่ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าจะไม่มีการเลือกอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม</translation> |
| <translation id="4617338332148204752">ข้ามการตรวจสอบเมตาแท็กใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="4625915093043961294">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="4632343302005518762">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาตามที่แสดงในรายการ</translation> |
| <translation id="4632566332417930481">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กร อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในบริบทอื่นๆ</translation> |
| <translation id="4649395978608361979">ปลายทางเครื่องพิมพ์ในพื้นที่</translation> |
| <translation id="4650759511838826572">ปิดใช้งานสกีมโปรโตคอล URL</translation> |
| <translation id="465099050592230505">URL เว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation> |
| <translation id="4653465451589191309">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จัดการ (ยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไข) การเชื่อมต่อ VPN ได้ หากมีการสร้างการเชื่อมต่อ VPN โดยใช้แอป VPN นโยบายจะไม่ส่งผลต่อ UI ภายในแอป ผู้ใช้จึงอาจยังใช้แอปดังกล่าวเพื่อแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN ได้อยู่ ใช้นโยบายนี้ร่วมกับฟีเจอร์ "VPN แบบเปิดตลอดเวลา" ซึ่งให้ผู้ดูแลระบบเลือกที่จะสร้างการเชื่อมต่อ VPN เมื่อเปิดเครื่องได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งจะให้ผู้ใช้ยกเลิกการเชื่อมต่อและแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN</translation> |
| <translation id="4654729794394330974">การตั้งค่านโยบายจะระบุชื่อโดเมนของไคลเอ็นต์ซึ่งจะกำหนดให้กับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงชื่อไม่ได้ จะมีเฉพาะไคลเอ็นต์จากโดเมนที่ระบุที่เชื่อมต่อกับโฮสต์ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่าหรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้นโยบายเริ่มต้นของการเชื่อมต่อประเภทนั้นๆ สำหรับความช่วยเหลือระยะไกล ระบบจะอนุญาตให้ไคลเอ็นต์จากโดเมนต่างๆ เชื่อมต่อกับโฮสต์ได้ สำหรับการเข้าถึงระยะไกลได้ตลอดเวลา จะมีเฉพาะเจ้าของโฮสต์ที่เชื่อมต่อได้ |
| |
| ดู <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> เพิ่มเติม |
| |
| หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะลบล้าง <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_POLICY_NAME" /> หากมี</translation> |
| <translation id="4661889655253181651">การตั้งค่าเนื้อหาช่วยให้คุณระบุวิธีจัดการเนื้อหาบางประเภท (เช่น คุกกี้ รูปภาพ หรือ JavaScript) ได้</translation> |
| <translation id="4665897631924472251">การตั้งค่าการจัดการส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="4666930704271463612">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ |
| |
| รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "id" ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่มีการกรองและจะใช้เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดในการค้นหา |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_ALLOWLIST" /> แทน</translation> |
| <translation id="4668325077104657568">การตั้งค่าภาพเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4670865688564083639">ต่ำสุด:</translation> |
| <translation id="467236746355332046">ฟีเจอร์ที่ได้รับการสนับสนุน:</translation> |
| <translation id="4674167212832291997">กำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ทุกครั้ง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" |
| |
| สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation> |
| <translation id="467449052039111439">เปิดรายการ URL</translation> |
| <translation id="4674871290487541952">อนุญาตอัลกอริทึมที่ไม่ปลอดภัยในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของการอัปเดตและการติดตั้งส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="4680936297850947973">เลิกใช้งานไปแล้วใน M68 โปรดใช้ DefaultPopupsSetting แทน |
| |
| ดูคำอธิบายฉบับเต็มได้ที่ https://www.chromestatus.com/features/5675755719622656 |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ เว็บไซต์จะมีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกันได้ |
| หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เว็บไซต์จะไม่มีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกัน</translation> |
| <translation id="4680961954980851756">เปิดใช้งานการป้อนอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="4693779768620889402">ปลายทางตามส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="4699172675775169585">รูปภาพและไฟล์ในแคช</translation> |
| <translation id="4699592681017489215">นโยบายนี้กำหนดค่าการสลับในเครื่องที่จะใช้สำหรับการปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS ได้ การตรวจสอบจะพยายามหาว่าเบราว์เซอร์อยู่หลังพร็อกซีที่เปลี่ยนเส้นทางชื่อโฮสต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่ |
| |
| การตรวจจับนี้อาจไม่จำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อมแบบองค์กรที่รู้ค่ากำหนดของเครือข่าย เพราะการตรวจจับจะก่อให้เกิดปริมาณการจราจรของ DNS และ HTTP ในการเริ่มต้นและในการเปลี่ยนค่ากำหนด DNS แต่ละครั้ง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเปิดใช้ การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS จะทำงาน หากตั้งค่าอย่างชัดแจ้งว่าปิดใช้ การตรวจสอบจะไม่ทำงาน</translation> |
| <translation id="4700190441681139987">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ เข้าถึงเซ็นเซอร์</translation> |
| <translation id="4703402283970867140">เปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะเพื่อขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง</translation> |
| <translation id="4722122254122249791">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจง</translation> |
| <translation id="4723122879352880315">การตั้งค่านี้อนุญาตให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ไปยังพร็อกซีที่มีการจัดการซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบสิทธิ์ NTLM โดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่ายไปยังพร็อกซีที่มีการจัดการ ในกรณีที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ไม่สำเร็จ จะมีการแสดงข้อความเตือนขอข้อมูลเข้าสู่ระบบจากผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4723829699367336876">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากไคลเอ็นต์ที่เข้าถึงจากระยะไกล</translation> |
| <translation id="4725528134735324213">เปิดใช้ Android Backup Service</translation> |
| <translation id="4725801978265372736">กำหนดให้ชื่อผู้ใช้ในเครื่องและเจ้าของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องตรงกัน</translation> |
| <translation id="4733471537137819387">นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ในตัว</translation> |
| <translation id="4735099388031364207">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลกับอุปกรณ์ได้ ระบบจะสร้างใบรับรองโดยอัตโนมัติแล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการสร้างใบรับรองและเรียกใช้ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> ไม่สำเร็จ</translation> |
| <translation id="4742973303930120836">จำกัดโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง</translation> |
| <translation id="4752880493649142945">ใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับการเชื่อมต่อกับ RemoteAccessHostTokenValidationUrl</translation> |
| <translation id="4757053978738874325">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโน |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่เอาต์พุตเสียงสเตอริโอซึ่งรวมช่องสัญญาณเสียงที่ต่างกันเพื่อให้หูคนละข้างได้รับเสียงที่ต่างกัน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดเสียงแบบโมโนไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดเสียงแบบโมโนไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เสียงโมโนในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="4787763197941188108">ลบล้างขนาดหน้าการพิมพ์เริ่มต้น |
| |
| <ph name="PAGE_SIZE_NAME" /> ควรมีรูปแบบที่อยู่ในรายการ 1 รูปแบบ หรือมีรูปแบบ "ที่กำหนดเอง" หากไม่มีขนาดกระดาษที่จำเป็นอยู่ในรายการ หากระบุค่า "ที่กำหนดเอง" ก็ควรระบุพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="PAGE_SIZE_CUSTOM_SIZE" /> ซึ่งอธิบายความสูงและความกว้างที่ต้องการเป็นไมโครเมตรด้วย มิเช่นนั้นก็ไม่ควรมีการระบุพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="PAGE_SIZE_CUSTOM_SIZE" /> ระบบจะไม่สนใจนโยบายที่ละเมิดกฎนี้ |
| |
| หากไม่มีขนาดหน้าดังกล่าวในเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้เลือก ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="4790588245699320140">อนุญาตให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอ</translation> |
| <translation id="4802744647065138872">จำกัดจำนวนสแนปชอตข้อมูลผู้ใช้ที่เก็บรักษาไว้สำหรับใช้ในกรณีที่ต้องทำการย้อนกลับฉุกเฉิน</translation> |
| <translation id="4802905909524200151">กำหนดค่าพฤติกรรมอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /></translation> |
| <translation id="4804828344300125154">รีบูตทุกครั้งเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation> |
| <translation id="4807950475297505572">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดจะถูกลบจนกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation> |
| <translation id="4812270373673968774">การตั้งค่านโยบายเป็น "เสมอ" จะซ่อนแถบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> โดยอัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่เลย" จะแสดงแถบดังกล่าวเสมอ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะซ่อนแถบดังกล่าวโดยอัตโนมัติหรือไม่</translation> |
| <translation id="4812714598405913256">กำหนดค่าข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติสำหรับนโยบาย DeviceMinimumVersion</translation> |
| <translation id="4816674326202173458">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นทั้งผู้ใช้หลักและรอง (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ)</translation> |
| <translation id="4826326557828204741">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="482803100714220060">แสดง URL แบบเต็ม</translation> |
| <translation id="4832852360828533362">การรายงานผู้ใช้และอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4834526953114077364">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบภายใน 3 เดือนที่ผ่านมาจะถูกลบจากกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation> |
| <translation id="483544442646753291">ควบคุมประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้ที่ระบุไว้ใน <ph name="SYSTEM_FEATURES_DISABLE_LIST" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บล็อก" ฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะไม่สามารถใช้ได้ แต่ผู้ใช้จะยังคงมองเห็น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ซ่อน" ฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะไม่สามารถใช้ได้และผู้ใช้จะมองไม่เห็น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือมีค่าไม่ถูกต้อง โหมดปิดใช้ของฟีเจอร์ของระบบจะ "ถูกบล็อก"</translation> |
| <translation id="4835470005923546373">ปิดใช้โหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังโดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4835622243021053389">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ NTLMv2</translation> |
| <translation id="4855636880814771207">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดบลูทูธได้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดบลูทูธ และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้ |
| |
| หมายเหตุ: ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบและลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งจึงจะเปิดบลูทูธได้</translation> |
| <translation id="4856471929724652373">รายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ เช่น สถานะการอัปเดต เวอร์ชันของแพลตฟอร์ม การตรวจสอบอัปเดตครั้งล่าสุด การรีบูตครั้งล่าสุด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ</translation> |
| <translation id="4858735034935305895">อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอ</translation> |
| <translation id="4861767323695239729">กำหนดค่าวิธีการป้อนข้อมูลที่อนุญาตในเซสชันผู้ใช้</translation> |
| <translation id="487460824085252184">ย้ายข้อมูลอัตโนมัติโดยไม่ขอคำยินยอมจากผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4874982543810021567">บล็อก WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="4876805738539874299">เปิดใช้เวอร์ชันสูงสุดของ SSL ไว้</translation> |
| <translation id="4886783562285047261">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะบังคับให้มีการลงทะเบียน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> และบล็อกกระบวนการเปิดตัว <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากไม่สำเร็จ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะแสดง <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> เป็นไม่บังคับและจะไม่บล็อกกระบวนการเปิดตัว <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากไม่สำเร็จ |
| |
| การลงทะเบียนนโยบายระบบคลาวด์ตามขอบเขตของเครื่องบนเดสก์ท็อปจะใช้นโยบายนี้ ดูรายละเอียดที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/9301891?ref_topic=9301744</translation> |
| <translation id="4887274746092315609">เปิดใช้หน้าสำหรับการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชันของผู้ใช้ SAML</translation> |
| <translation id="4890453377345554695">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_WRITE_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_WRITE_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="4892647988357350237">โดยค่าเริ่มต้น ข้อกำหนดในการให้บริการจะแสดงเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> จะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการไม่แสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรกหรือการเรียกใช้ครั้งต่อๆ ไป การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="STANDARD_TOS_DIALOG" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการแสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรก ข้อสำคัญอื่นๆ ได้แก่ |
| |
| - นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Android ซึ่งมีการจัดการครบวงจรที่กำหนดค่าได้โดยผู้ให้บริการการจัดการปลายทางแบบรวม (Unified Endpoint Management) |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> นโยบาย BrowserSignin จะไม่มีผล |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> ระบบจะไม่ส่งเมตริกต่างๆ ไปยังเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> เบราว์เซอร์จะมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> ผู้ดูแลระบบต้องแจ้งข้อมูลนี้กับผู้ใช้ปลายทางของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="4894290482695457375">นอกจากว่าจะตั้งค่าเป็น <ph name="ENABLE_MEDIA_ROUTER_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="MEDIA_ROUTER_CAST_ALLOW_ALL_IPS_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" จะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์ในทุกที่อยู่ IP ไม่ใช่แค่ที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193 |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์เฉพาะในที่อยู่ RFC1918/RFC4193 เท่านั้น |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์เฉพาะในที่อยู่ RFC1918/RFC4193 เท่านั้น เว้นเสียแต่ว่ามีการเปิดใช้ฟีเจอร์ CastAllowAllIPs</translation> |
| <translation id="489803897780524242">พารามิเตอร์ที่ควบคุมตำแหน่งข้อความค้นหาสำหรับผู้ให้บริการค้นหาในค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="4899708173828500852">เปิดใช้ Google Safe Browsing</translation> |
| <translation id="4906194810004762807">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="49093841899738146">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google เช่น Hangouts Meet และอัปโหลดบันทึกไปยัง Google ได้ บันทึกเหล่านี้มีข้อมูลการวินิจฉัยสำหรับแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการประชุมด้วยเสียงหรือการประชุมทางวิดีโอใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น เวลาและขนาดของแพ็กเก็ต RTP, ผลป้อนกลับเกี่ยวกับความหนาแน่นในเครือข่าย ตลอดจนข้อมูลเมตาเกี่ยวกับระยะเวลาและคุณภาพของเสียงและเฟรมของวิดีโอ บันทึกเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาเสียงหรือวิดีโอจากการประชุม เพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ง่ายขึ้น Google อาจเชื่อมโยงบันทึกเหล่านี้ (โดยใช้รหัสเซสชัน) กับบันทึกอื่นๆ ที่บริการของ Google รวบรวมไว้เอง |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะส่งผลให้ไม่มีการรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกดังกล่าว |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในเวอร์ชันตั้งแต่ M76 ลงมา โดยค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกเหล่านี้ไม่ได้ เริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน M77 ขึ้นไป ค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมและอัปโหลดบันทึกเหล่านี้ได้จากโปรไฟล์ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายองค์กรในระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์ ตั้งแต่เวอร์ชัน M77 ขึ้นไปจนถึงเวอร์ชัน M80 โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมและอัปโหลดบันทึกเหล่านี้ได้จากโปรไฟล์ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดการภายในองค์กรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="4917385247580444890">แรง</translation> |
| <translation id="4919122295221518724">เปิดใช้การดูแลที่เข้มงวดขึ้นสำหรับเนื้อหาผสม</translation> |
| <translation id="4920367374739265095">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ |
| |
| * หากตั้งค่าเป็น <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> (ค่า 0) <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ได้ |
| |
| * หากตั้งค่าเป็น <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> (ค่า 1) <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLCY_NAME" /> จะระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้ |
| |
| * <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> (ค่า 2) จะทำให้เครื่องพิมพ์ทั้งหมดแสดงขึ้นมา |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="4923806312383904642">อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation> |
| <translation id="4927214690104703256">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดส่วนขยายที่ใช้ฟังก์ชันการทำงาน <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับเอกสารรับรองระยะไกลได้ ส่วนขยายต้องอยู่ในรายการนี้เพื่อใช้ API ดังกล่าว |
| |
| หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่มีการตั้งค่ารายการไว้ จะเรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation> |
| <translation id="4927797103413916381">หาก <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="ABUSIVE_EXPERIENCE_INTERVENTION_ENFORCE_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือการไม่ตั้งค่าก็จะป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่ |
| |
| การตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="ABUSIVE_EXPERIENCE_INTERVENTION_ENFORCE_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="4929721861648439998">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำให้สลับโหมดของอุปกรณ์จากโหมดเสียงสเตอริโอที่เป็นค่าเริ่มต้นไปเป็นโหมดเสียงโมโนได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" โหมดเสียงโมโนจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โหมดเสียงโมโนจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้โหมดเสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="4942681160308347946">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอดังกล่าว |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที ฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การอธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน |
| |
| หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SPOKEN_FEEDBACK_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation> |
| <translation id="494613465159630803">Cast Receiver</translation> |
| <translation id="494924690085329212">รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android เริ่มต้นแล้ว</translation> |
| <translation id="4952347392677351397">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์เข้าถึงและใช้เซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ |
| |
| การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="ALLOW_SENSORS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="4954185885991137927">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดการรายงานแบบขยายของ Google Safe Browsing ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการส่งรายงาน |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะส่งรายงานหรือไม่ |
| |
| ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation> |
| <translation id="4962262530309732070">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เพิ่มบุคคลจากการจัดการผู้ใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้สร้างโปรไฟล์ใหม่จากการจัดการผู้ใช้</translation> |
| <translation id="4970855112942626932">ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="4977702914571821981">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม (เช่น เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ที่บล็อกได้ (เช่น แบบแอ็กทีฟ) และที่ระบบจะอัปเกรดเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้ (เช่น แบบแพสซีฟ) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะบล็อกเนื้อหาผสมที่บล็อกได้ ส่วนเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้จะได้รับการอัปเกรด แต่ผู้ใช้จะตั้งค่าข้อยกเว้นให้แสดงเนื้อหาดังกล่าวในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้ |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="4978533099939732984">แสดงคำเตือนพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อยเสมอ</translation> |
| <translation id="4980635395568992380">ประเภทข้อมูล:</translation> |
| <translation id="4983201894483989687">อนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอินที่เก่าแล้ว</translation> |
| <translation id="4986560318567565414">เส้นทางไปยัง Chrome สำหรับการเปลี่ยนจากเบราว์เซอร์ทางเลือก</translation> |
| <translation id="4988291787868618635">การทำงานที่ต้องทำเมื่อถึงระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="4996068111491152684">ระบบจะไม่ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย</translation> |
| <translation id="4996086761250834365">อนุญาตการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ของ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="500149597848135831">เปิดใช้รูปแบบทั้งหมด</translation> |
| <translation id="5017369989680827157">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าให้ผู้ใช้ควบคุมการป้อนที่อยู่อัตโนมัติใน UI ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าการป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลที่อยู่ และจะไม่บันทึกข้อมูลที่อยู่อื่นๆ ที่ผู้ใช้ส่งขณะท่องเว็บ</translation> |
| <translation id="5021550478471824215">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายซึ่งกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ละรายการย่อยคือออบเจ็กต์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ 2 รายการ ได้แก่ <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /> และ <ph name="MODE_FIELD_NAME" /> |
| |
| URL พื้นที่แชร์ควรเป็น <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /> |
| |
| สำหรับ <ph name="MODE_FIELD_NAME" /> ควรเป็น <ph name="MODE_ENUM_DROP_DOWN" /> หรือ <ph name="MODE_ENUM_PRE_MOUNT" /> |
| |
| * <ph name="MODE_ENUM_DROP_DOWN" /> บ่งชี้ว่าจะมีการเพิ่ม <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /> ลงในรายการการสำรวจพื้นที่แชร์ |
| |
| * <ph name="MODE_ENUM_PRE_MOUNT" /> บ่งชี้ว่าจะมีการต่อเชื่อม <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /></translation> |
| <translation id="5023555740504506178">หากเปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่า (ค่าเริ่มต้น) หน้าเว็บจะใช้ API การแชร์หน้าจอ (เช่น getDisplayMedia() หรือ API ส่วนขยายสำหรับการจับภาพเดสก์ท็อป) เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้เลือกแท็บ หน้าต่าง หรือเดสก์ท็อปที่จะจับภาพได้ |
| |
| เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ การเรียกใช้ API การแชร์หน้าจอจะไม่สำเร็จและมีข้อความแสดงข้อผิดพลาด</translation> |
| <translation id="5025239932007658691">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ส่งการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เป็นครั้งคราวเพื่อเรียกการประทับเวลาที่ถูกต้อง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ให้ส่งการค้นหาเหล่านี้</translation> |
| <translation id="504116558738617678">แสดงคำเตือนพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อยเฉพาะในกรณีที่อุปกรณ์ไม่มีการจัดการหรือมีผู้ใช้เพียงคนเดียว</translation> |
| <translation id="5052278640307929670">การตั้งค่านโยบายทำให้สามารถรวมนโยบายที่เลือกเมื่อนโยบายมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตและระดับเดียวกัน |
| |
| หากนโยบายอยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มาซึ่งมี |
| |
| * ขอบเขตและระดับเดียวกัน: ค่าจะรวมอยู่ในรายการนโยบายใหม่ |
| |
| * ขอบเขตหรือระดับที่ต่างกัน: ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด |
| |
| หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มา ขอบเขต หรือระดับ ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด</translation> |
| <translation id="5056708224511062314">ปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ</translation> |
| <translation id="5058573563327660283">เลือกกลยุทธ์ที่ใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างของดิสก์ระหว่างการล้างข้อมูลอัตโนมัติ (เลิกใช้แล้ว)</translation> |
| <translation id="5061114193960158745">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะไม่ทำให้มีการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎ กฎที่ตรงกันจะไม่เปิดเบราว์เซอร์สำรอง ซึ่งต่างจากนโยบาย <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" /> ที่กฎต่างๆ จะใช้กับทั้ง 2 ทาง เมื่อ Add-in ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ ก็จะเป็นตัวควบคุมด้วยว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ควรเปิด URL เหล่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ |
| |
| โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย</translation> |
| <translation id="5065753964276395784">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้ามพร็อกซีสำหรับรายชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้ที่นี่ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว |
| |
| หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation> |
| <translation id="5067143124345820993">ลงชื่อเข้าใช้รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาต</translation> |
| <translation id="5073609397321802133">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หน้าแท็บใหม่จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งพื้นหลัง ระบบจะนำพื้นหลังที่กำหนดเองที่มีอยู่ทั้งหมดออกอย่างถาวร แม้จะมีการตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ในภายหลัง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังในหน้าแท็บใหม่ได้</translation> |
| <translation id="5075190314377370852">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการรับรองว่าใช้ได้โดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่องอยู่เสมอ หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้รับข้อมูลสถานะการเพิกถอน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถือว่าใบรับรองดังกล่าวถูกเพิกถอน (hard-fail) |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ที่มีอยู่</translation> |
| <translation id="5082572440690475059">อนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านผ่าน File System API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="5085647276663819155">ปิดใช้งานหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation> |
| <translation id="5087424855041813182">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงการแจ้งเตือนได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="5090209345759901501">ขยายการตั้งค่าเนื้อหา Flash ไปยังเนื้อหาทั้งหมด</translation> |
| <translation id="5090791951240382356">อนุญาตให้รวมนโยบายพจนานุกรมจากแหล่งที่มาต่างๆ</translation> |
| <translation id="5091315650312105069">อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />สำหรับ HTTP</translation> |
| <translation id="5103112931744164177">นโยบายนี้ควบคุมกลุ่มซอฟต์แวร์ที่จะใช้เพื่อสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ DNS ซึ่งได้แก่ ไคลเอ็นต์ DNS ของระบบปฏิบัติการ หรือไคลเอ็นต์ DNS ในตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้ไม่มีผลกับเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่จะใช้ เช่น หากมีการกำหนดค่าให้ระบบปฏิบัติการใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS ขององค์กร ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวก็จะใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกันนี้ด้วย นอกจากนี้ นโยบายยังไม่ได้ควบคุมว่าจะใช้ DNS-over-HTTPS หรือไม่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้รีโซลเวอร์ในตัวเมื่อมีคำขอ DNS-over-HTTPS เสมอ โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุม DNS-over-HTTPS ในนโยบาย <ph name="DNS_OVER_HTTPS_MODE_POLICY_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว (หากมี) |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะมีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวเฉพาะเมื่อมีการใช้งาน DNS-over-HTTPS อยู่เท่านั้น |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน <ph name="MAC_OS_NAME" />, <ph name="ANDROID_NAME" /> (เมื่อปิดใช้ทั้ง DNS ส่วนตัวและ VPN) และ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="5105313908130842249">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="5108031557082757679">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation> |
| <translation id="5109383437323376357">กำหนดความพร้อมใช้งานของรูปแบบต่างๆ</translation> |
| <translation id="5115168755602871392">รายงานข้อมูล CPU ของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานชื่อรุ่น สถาปัตยกรรม และความเร็วนาฬิกาสูงสุดของ CPU แต่ละตัว</translation> |
| <translation id="5119324103901618897">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงอุปกรณ์ USB โดยอัตโนมัติซึ่งมีผู้ให้บริการที่กำหนดและรหัสผลิตภัณฑ์ แต่ละรายการย่อยในรายการต้องมีทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> นโยบายจึงจะมีผล แต่ละรายการย่อยในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> อาจมีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และ <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การละเว้นช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่อง การละเว้นช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่กำหนด นโยบายที่มีช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่มีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล |
| |
| โมเดลสิทธิ์ USB จะใช้ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังเพื่อให้สิทธิ์ URL ที่ส่งคำขอเข้าถึงอุปกรณ์ USB โดย URL ที่ส่งคำขออาจต่างจาก URL ที่มีการฝังเมื่อมีการโหลดเว็บไซต์ที่ส่งคำขอใน iframe ช่อง <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> จึงมีสตริง URL ได้สูงสุด 2 รายการซึ่งคั่นด้วยเครื่องหมายคอมม่าเพื่อระบุ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังตามลำดับ หากมีการระบุ URL เพียงรายการเดียว ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เกี่ยวข้องเมื่อ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอตรงกับ URL นี้ไม่ว่าสถานะการฝังจะเป็นอย่างไร URL ต้องเป็น URL ที่ถูกต้อง มิเช่นนั้น ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลหากตั้งค่าไว้ แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน <ph name="WEB_USB_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากขัดแย้งกัน นโยบายนี้จะมีความสำคัญสูงกว่า <ph name="WEB_USB_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="5124368997194894978">เปิดใช้การบูตด้วย AC (ไฟฟ้ากระแสสลับ)</translation> |
| <translation id="5141670636904227950">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอเริ่มต้นที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="5142301680741828703">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้ใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="514870861066611127">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุผู้ใช้หรือไม่ เช่น ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ชื่อโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เส้นทางโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเส้นทางที่เรียกใช้ได้ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้ |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้ |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="5148753489738115745">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่จะนำมาใช้เมื่อ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> เปิดใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ คำสั่งที่เป็นค่าเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้</translation> |
| <translation id="5152393033264257734">อนุญาตการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation> |
| <translation id="5152787786897382519">ทั้ง Chromium และ Google Chrome ต่างก็มีกลุ่มนโยบายที่พึ่งพากันและกันเพื่อให้การควบคุมฟีเจอร์หนึ่งๆ ชุดเหล่านี้แสดงด้วยกลุ่มนโยบายต่อไปนี้ เนื่องจากนโยบายมีแหล่งที่มาได้หลายแหล่ง ระบบจึงจะใช้เฉพาะค่าที่มาจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด และจะไม่สนใจค่าที่มาจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญต่ำในกลุ่มเดียวกัน ลำดับความสำคัญกำหนดไว้ใน <ph name="POLICY_PRIORITY_DOC_URL" /></translation> |
| <translation id="515816885693899426">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะทำให้หน้าเว็บที่ใช้ URL ต้องห้ามโหลดขึ้นมาไม่ได้ โดยจะมีรายการรูปแบบ URL ที่ระบุ URL ต้องห้ามไว้ การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการห้าม URL ใดเลยในเบราว์เซอร์ ให้จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) คุณกำหนดข้อยกเว้นใน <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ได้ไม่เกิน 1,000 รายการ |
| |
| เริ่มจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 73 เป็นต้นไป คุณจะบล็อก URL javascript://* ได้ แต่จะมีผลเฉพาะกับ JavaScript ที่พิมพ์ลงในแถบที่อยู่ (หรือ bookmarklet เป็นต้น) นโยบายนี้ไม่มีผลกับ URL JavaScript แบบในหน้าเว็บและมีการโหลดข้อมูลแบบไดนามิก ตัวอย่างเช่น หากคุณบล็อก example.com/abc ไว้ example.com จะยังคงโหลด example.com/abc โดยใช้ XMLHTTPRequest ได้ |
| |
| หมายเหตุ: การบล็อก URL chrome://* ซึ่งใช้ภายในอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด</translation> |
| <translation id="5163002264923337812">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า</translation> |
| <translation id="516520353995300280">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้การบังคับใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายชื่อผู้ออกใบรับรอง (CA) เดิมของกลุ่มใบรับรองซึ่งมีแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่ระบุ โฮสต์ที่เป็นองค์กรจะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ หากต้องการปิดใช้การบังคับใช้ แฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ต้องแสดงในใบรับรอง CA ที่ถือว่าเป็น CA เดิม โดย CA เดิม คือ CA ที่ได้รับความเชื่อถือต่อสาธารณะจากระบบปฏิบัติการอย่างน้อย 1 ระบบซึ่งรองรับโดย <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ไม่ใช่โครงการโอเพนซอร์ส Android หรือ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| ระบุแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช เครื่องหมายทับ และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ระบบรู้จักอัลกอริทึมของแฮชเพียงรายการเดียวนั่นคือ sha256 และจะไม่สนใจอัลกอริทึมของแฮชอื่นๆ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น</translation> |
| <translation id="5168529971295111207">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ให้ใช้ ProxyMode แทน |
| |
| ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อไม่มีการระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| หากคุณเลือกที่จะไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากคุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง คุณจะระบุตัวเลือกอื่นๆ ได้ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์", "URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" มีเฉพาะพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC |
| |
| ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ |
| <ph name="PROXY_HELP_URL" /> |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีเองได้</translation> |
| <translation id="5177260184597743704">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnSecurityEvent</translation> |
| <translation id="5179734767316042713">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_SECURITY_EVENT_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อเกิดการดำเนินการด้านความปลอดภัยใน Chrome โดยจะรวมถึงคำตัดสินในแง่ลบจากเครื่องมือเชื่อมต่อ Enterprise การวิเคราะห์, การใช้รหัสผ่านซ้ำ, การนำทางไปยังหน้าที่ไม่ปลอดภัย และการดำเนินการอื่นๆ ของผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อนต่อความปลอดภัย |
| |
| ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการรายงานใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า |
| |
| นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation> |
| <translation id="5182055907976889880">กำหนดค่า Google ไดรฟ์ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="5182483318861266793">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านขวาของหน้าจอ</translation> |
| <translation id="5190426551516379357">การตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เลือกโหมดที่จำกัดต่ำกว่านี้ หากตั้งค่านี้เป็น |
| |
| * "เข้มงวด" ระบบจะใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube เสมอ |
| |
| * "ปานกลาง" ผู้ใช้อาจเลือกได้เฉพาะโหมดที่จำกัดปานกลางและโหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube แต่จะปิดใช้โหมดที่จำกัดไม่ได้ |
| |
| * "ปิด" หรือไม่ได้ตั้งค่า Chrome จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation> |
| <translation id="519247340330463721">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Safe Browsing</translation> |
| <translation id="5196520640744454600">เปิดใช้คีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="5206454085187851382">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="5208675398826212411">นโยบายนี้กำหนดลักษณะการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ตผ่านการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS การตรวจสอบจะพยายามหาว่าเบราว์เซอร์อยู่หลังพร็อกซีที่เปลี่ยนเส้นทางชื่อโฮสต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และคำแนะนำการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ต ลักษณะการทำงานเหล่านี้จะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้นในรุ่น M88 แต่จะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นในรุ่นต่อไป |
| |
| <ph name="DNS_INTERCEPTION_CHECKS_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็นนโยบายที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS ด้วย นโยบายนี้เป็นเวอร์ชันที่ยืดหยุ่นมากกว่าซึ่งอาจควบคุมแถบข้อมูลการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ตแยกต่างหากและอาจมีการขยายการใช้งานในอนาคต |
| หาก <ph name="DNS_INTERCEPTION_CHECKS_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือนโยบายนี้ขอปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น ระบบก็จะปิดใช้การตรวจสอบ</translation> |
| <translation id="5212118847531454979">อนุญาตให้คุณตั้งค่าระยะเวลา (หน่วยเป็นมิลลิวินาที) ที่จะแสดงการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้ |
| |
| ระหว่างช่วงเวลานี้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนอยู่เรื่อยๆ ว่าต้องทำการอัปเดต สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การแจ้งเตือนให้รีสตาร์ทจะปรากฏในถาดระบบตามนโยบาย <ph name="RELAUNCH_HEADS_UP_PERIOD_POLICY_NAME" /> สำหรับเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมนูแอปจะเปลี่ยนไปเพื่อบ่งชี้ว่าผู้ใช้ต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่เมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 1 ใน 3 จากนั้นการแจ้งเตือนจะเปลี่ยนสีเมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 2 ใน 3 ของระยะเวลาทั้งหมด และเปลี่ยนสีอีกครั้งเมื่อการแจ้งเตือนครบกำหนด การแจ้งเตือนอื่นๆ ที่เปิดใช้โดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_POLICY_NAME" /> จะเป็นไปตามกำหนดเวลานี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 604,800,000 มิลลิวินาที (1 สัปดาห์)</translation> |
| <translation id="5212810195096589189">ระบุสิทธิ์ CLI สำหรับ VM</translation> |
| <translation id="5213038356678567351">เว็บไซต์ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="5219844027738217407">สำหรับแอป Android นโยบายนี้จะส่งผลต่อไมโครโฟนเท่านั้น เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ไมโครโฟนจะปิดเสียงสำหรับแอป Android ทุกแอปโดยไม่มีข้อยกเว้น</translation> |
| <translation id="5220594484746830711">อนุญาตให้เปิดป๊อปอัปโดยมีการกำหนดเป้าหมายให้ <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> โต้ตอบกับหน้าที่เปิดป๊อปอัปเท่านั้น หากหน้าที่เปิดเลือกใช้การโต้ตอบดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง</translation> |
| <translation id="5227647876065695164">นโยบายนี้ระบุลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชันในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ การดาวน์เกรดเวอร์ชันคือการเปลี่ยนเป็นเวอร์ชันที่เสถียรกว่า เช่น จากเวอร์ชันเบต้าเป็นเวอร์ชันเสถียร |
| |
| ค่าของนโยบายนี้จะมีผลกับการดาวน์เกรดเวอร์ชันที่ผู้ใช้เริ่มดำเนินการและการดาวน์เกรดเวอร์ชันที่ผู้ดูแลระบบเริ่มดำเนินการ |
| |
| ในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าและรีเซ็ต หรือรอให้เวอร์ชันปัจจุบัน (หรือสูงกว่า) พร้อมใช้ในเวอร์ชันดังกล่าวและจะไม่มีการอัปเดตจนกว่าจะถึงเวอร์ชันที่ดาวน์เกรด |
| |
| หากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนเริ่มดำเนินการดาวน์เกรดเวอร์ชัน ก็จะเลือกได้ว่าจะรีเซ็ตหรือรอ หรือตัวเลือกดังกล่าวสร้างไว้สำหรับผู้ใช้โดยอิงจากค่าของนโยบายนี้ หากผู้ดูแลระบบเริ่มดำเนินการดาวน์เกรดเวอร์ชันผ่านการตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> อุปกรณ์จะย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าในการตรวจสอบการอัปเดตครั้งถัดไปเมื่อมีการเลือกให้ย้อนกลับไว้เท่านั้น ไม่เช่นนั้น อุปกรณ์จะรอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบัน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าไม่ถูกต้อง ลักษณะการทำงานจะเหมือนกับ "รอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบันในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน"</translation> |
| <translation id="523505283826916779">การตั้งค่าสำหรับการเข้าถึง</translation> |
| <translation id="52393120393725840">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้สามารถให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จดจำและบอกรหัสผ่านเมื่อลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ครั้งต่อไป |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้บันทึกรหัสผ่านใหม่ไม่ได้ แต่รหัสผ่านที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้จะยังใช้ได้อยู่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไปเปลี่ยนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปิดการบันทึกรหัสผ่านได้</translation> |
| <translation id="5239333626804545932">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome จะสแกนหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในระบบอยู่เป็นระยะ และหากพบ ก็จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ดังกล่าวออกไหม ระบบจะอนุญาตให้เรียกใช้การทำความสะอาด Chrome ด้วยตนเองจาก chrome://settings |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome จะไม่มีการสแกนเป็นระยะ และจะเรียกใช้ด้วยตนเองไม่ได้ |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome</translation> |
| <translation id="5245671702326993331">อนุญาตการแจ้งเตือนดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="524637053580639111">เราจะนำนโยบายนี้ออกในเวอร์ชัน M82 โปรดใช้ DeviceMinimumVersion แทน |
| |
| กำหนดค่าข้อกำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันต่ำสุดที่อนุญาต เวอร์ชันที่ระบุด้านล่างถือเป็นเวอร์ชันที่ล้าสมัย และอุปกรณ์จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ก่อนที่จะอัปเดตระบบปฏิบัติการ |
| |
| หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่มีเซสชันของผู้ใช้ ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ออกจากระบบ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเป็นเวอร์ชันใดก็ตาม |
| |
| ในที่นี้ คำว่า "เวอร์ชัน" อาจหมายถึงเวอร์ชันที่เจาะจง เช่น "61.0.3163.120" หรือตัวเลขนำหน้าเวอร์ชัน เช่น "61.0" </translation> |
| <translation id="5247006254130721952">บล็อกการดาวน์โหลดที่อันตราย</translation> |
| <translation id="5249453807420671499">ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos ได้</translation> |
| <translation id="5252995168844634755">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอซึ่งอนุญาตให้แอปพลิเคชันต่างๆ ขยายไปยังหลายหน้าจอได้ ผู้ใช้จะปิดใช้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอสำหรับหน้าจอบางหน้าได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอ และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้</translation> |
| <translation id="5255162913209987122">สามารถรับคำแนะนำได้</translation> |
| <translation id="5257395339965216304">ข้อมูลแอปที่โฮสต์ไว้</translation> |
| <translation id="5264066441613395613">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าพร็อกซีสำหรับ Chrome และแอป ARC โดยไม่พิจารณาตัวเลือกเกี่ยวกับพร็อกซีทั้งหมดที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> จะยอมรับช่องต่อไปนี้ |
| * <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> ซึ่งช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี |
| * <ph name="PROXY_PAC_URL_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี |
| * <ph name="PROXY_SERVER_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ |
| * <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> รายการโฮสต์พร็อกซีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้าม |
| |
| ช่อง <ph name="PROXY_SERVER_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> เลิกใช้งานแล้วเพื่อใช้ช่อง <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> แทน ซึ่งช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี |
| |
| สำหรับ <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> หากคุณเลือกค่าต่อไปนี้ |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_DIRECT" /> ระบบจะไม่ใช้พร็อกซีและจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_SYSTEM" /> ระบบจะใช้พร็อกซีของระบบและจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_AUTO_DETECT" /> ระบบจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVER" /> ระบบจะใช้ช่อง <ph name="PROXY_SERVER_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> ระบบจะใช้ช่อง <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_PAC_URL" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> |
| |
| หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation> |
| <translation id="5273744932022326215">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์จะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์จะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="5283457834853986457">ปิดใช้เครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="5285315763984334157">บล็อกการดาวน์โหลดที่ประสงค์ร้าย</translation> |
| <translation id="5288772341821359899">หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ WebRTC จะใช้งานพอร์ต UDP ตามช่วงพอร์ตที่ระบุ (รวมจุดสิ้นสุดด้วย) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ หรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างหรือช่วงพอร์ตที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นการอนุญาตให้ WebRTC ใช้พอร์ต UDP ที่ว่างอยู่พอร์ตใดก็ได้ในเครื่อง</translation> |
| <translation id="5290940294294002042">ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="5293044154216294358">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นเกมไดโนเสาร์ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะเล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ขณะที่อุปกรณ์ออฟไลน์ไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเล่นเกมดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ลงทะเบียนไว้ไม่ได้ แต่จะเล่นได้ในกรณีอื่นๆ</translation> |
| <translation id="529457411593078576">เปิดใช้ข้อกำหนดในการให้บริการเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก</translation> |
| <translation id="5303080953475303561">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมความถี่ที่หน้าจอล็อกขอรหัสผ่านสำหรับการปลดล็อกด่วน แต่ละครั้งที่หน้าจอล็อกปรากฏขึ้นมา หากการป้อนรหัสผ่านครั้งล่าสุดเกิดขึ้นก่อนกรอบเวลาที่ระบุโดยค่าที่เลือกไว้ การปลดล็อกด่วนจะไม่พร้อมใช้งาน หากผู้ใช้อยู่ในหน้าจอล็อกเกินระยะเวลานี้ หน้าจอล็อกจะขอรหัสผ่านในครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ป้อนรหัสไม่ถูกต้องหรือเข้าสู่หน้าจอล็อกอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ที่ใช้การปลดล็อกด่วนป้อนรหัสผ่านในหน้าจอล็อกทุกวัน</translation> |
| <translation id="5306186200045823863">เปิดใช้การเชื่อถือโครงสร้างพื้นฐาน PKI เดิมของ Symantec Corporation</translation> |
| <translation id="5307432759655324440">ความพร้อมใช้งานของโหมดไม่ระบุตัวตน</translation> |
| <translation id="5311275381462687162">กำหนดค่าเริ่มต้นของการตั้งค่าลักษณะการทำงานของคุกกี้ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิม</translation> |
| <translation id="5315367501385698459">การตั้งค่านโยบายทำให้คุณแสดงรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงอุปกรณ์ USB โดยอัตโนมัติโดยมีผู้ให้บริการที่กำหนดและรหัสผลิตภัณฑ์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่ละรายการย่อยในรายการต้องมีทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> นโยบายจึงจะมีผล แต่ละรายการย่อยในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> อาจมีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และ <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การละเว้นช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่อง การละเว้นช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่กำหนด นโยบายที่มีช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่มีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล |
| |
| โมเดลสิทธิ์ USB จะใช้ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังเพื่อให้สิทธิ์ URL ที่ส่งคำขอเข้าถึงอุปกรณ์ USB โดย URL ที่ส่งคำขออาจต่างจาก URL ที่มีการฝังเมื่อมีการโหลดเว็บไซต์ที่ส่งคำขอใน iframe ช่อง <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> จึงมีสตริง URL ได้สูงสุด 2 รายการซึ่งคั่นด้วยเครื่องหมายคอมม่าเพื่อระบุ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังตามลำดับ หากมีการระบุ URL เพียงรายการเดียว ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เกี่ยวข้องเมื่อ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอตรงกับ URL นี้ไม่ว่าสถานะการฝังจะเป็นอย่างไร URL ต้องเป็น URL ที่ถูกต้อง มิเช่นนั้น ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด (ไม่มีการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ)</translation> |
| <translation id="5318185076587284965">เปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="5323128137188992869">อนุญาตให้แคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์โดยใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น True ผู้ใช้จะแคสต์เนื้อหาได้ และหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome OS ที่ลงทะเบียนไว้ แต่จะแคสต์ไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนได้</translation> |
| <translation id="5323200200131319468">เปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="532668836479219203">นโยบายนี้ควบคุมลักษณะการทำงานในการลงชื่อเข้าใช้ของเบราว์เซอร์ โดยให้คุณระบุว่าผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยบัญชีของตนและใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น การซิงค์ของ Chrome ได้หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชีไม่ได้ ในกรณีนี้ฟีเจอร์ระดับเบราว์เซอร์อย่างเช่นการซิงค์ของ Chrome จะใช้งานไม่ได้และไม่มีให้ใช้งาน หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบในครั้งถัดไปที่เรียกใช้ Chrome แต่ข้อมูลโปรไฟล์ในเครื่องของผู้ใช้ เช่น บุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน ฯลฯ จะยังคงอยู่ ผู้ใช้จะยังคงลงชื่อเข้าใช้และใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail ได้ต่อไป |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และจะมีการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หมายถึงเบราว์เซอร์จะเก็บข้อมูลบัญชีของผู้ใช้ไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าระบบจะเปิดใช้การซิงค์ของ Chrome ไว้โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้แยกต่างหาก การเปิดใช้นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปิดการตั้งค่าที่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์ หากต้องการควบคุมความพร้อมให้บริการของฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome ให้ใช้นโยบาย "SyncDisabled" |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บังคับให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการเลือกบัญชีและบังคับให้ผู้ใช้ต้องเลือกลงชื่อเข้าใช้บัญชีเพื่อที่จะใช้เบราว์เซอร์ ในกรณีของบัญชีที่จัดการ วิธีนี้ช่วยให้แน่ใจว่าจะมีการใช้งานและบังคับใช้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้น การตั้งค่าดังกล่าวจะเปิดฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome สำหรับบัญชีนั้นไว้โดยค่าเริ่มต้น ยกเว้นกรณีที่ผู้ดูแลระบบโดเมนปิดใช้การซิงค์หรือการซิงค์ถูกปิดผ่านทางนโยบาย "SyncDisabled" ค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled จะตั้งไว้เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่มีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7572556 ตัวเลือกนี้ใช้กับ Linux และ Android ไม่ได้และจะเปลี่ยนกลับไปเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" หากมีการใช้ตัวเลือกนี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะตัดสินใจเองได้ว่าจะเปิดใช้ตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หรือไม่ และใช้งานได้ตามที่เห็นสมควร</translation> |
| <translation id="532848608876725157">เปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS ที่มีการถอยหลังกลับที่ไม่ปลอดภัย</translation> |
| <translation id="5329007337159326804">คำเตือน: เราจะนำนโยบาย TLS เวอร์ชันสูงสุดออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทั้งหมดประมาณเวอร์ชัน 75 (ช่วงเดือนมิถุนายน 2019) |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เวอร์ชันสูงสุดเริ่มต้น |
| |
| มิฉะนั้น อาจตั้งค่านโยบายเป็นค่าใดค่าหนึ่งระหว่าง "tls1.2" หรือ "tls1.3" เมื่อตั้งค่าแล้ว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้เวอร์ชัน SSL/TLS ที่สูงกว่าเวอร์ชันที่ระบุไว้ และระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก</translation> |
| <translation id="5330684698007383292">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation> |
| <translation id="5331746669335642668">นโยบายระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะลบล้างนโยบายแพลตฟอร์ม</translation> |
| <translation id="5340105431123046323">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานรายการอินเทอร์เฟซเครือข่ายพร้อมด้วยประเภทและที่อยู่ฮาร์ดแวร์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่าย</translation> |
| <translation id="5346587320074666194">บล็อกสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="5362531528507578966">ลบล้างโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5365476955714838841">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับเบราว์เซอร์สำรอง</translation> |
| <translation id="5365946944967967336">แสดงปุ่ม "หน้าแรก" บนแถบเครื่องมือ</translation> |
| <translation id="5366977351895725771">หากตั้งค่าเป็นเท็จ การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลโดยผู้ใช้รายนี้จะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลใดๆ ที่มีอยู่แล้วจะยังคงมีอยู่ |
| |
| หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้รายนี้จะสามารถสร้างและจัดการผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้</translation> |
| <translation id="5369937289900051171">การพิมพ์สีเท่านั้น</translation> |
| <translation id="5370279767682621504">เปิดใช้การรองรับ HTTP/0.9 บนพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5371152055157582429">ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังของหน้าแท็บใหม่ได้</translation> |
| <translation id="5377606826822211923">ควบคุมการใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation> |
| <translation id="5377668121137111316">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="537786648513450280">ควบคุมการใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือสำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5379858577608862519">ระบุว่าอนุญาตการส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะกำหนดค่าการส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini</translation> |
| <translation id="538108065117008131">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation> |
| <translation id="538768040137709073">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ส่งข้อความระหว่าง Chrome ในเดสก์ท็อปกับอุปกรณ์ Android ได้เมื่อมีการเปิดการซิงค์ไว้และผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดใช้ความสามารถในการส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ Chrome |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดใช้ความสามารถในการส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ Chrome |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์จะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น |
| |
| การตั้งค่านโยบายต่างๆ ในแพลตฟอร์มทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ดูแลระบบ ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าเดียวในแพลตฟอร์มทั้งหมด</translation> |
| <translation id="5389798680516458665">การตั้งค่านโยบายนี้จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่อาจมีการแสดงรูปภาพได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_IMAGES_SETTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้ |
| |
| โปรดทราบว่าก่อนหน้านี้นโยบายนี้เปิดใช้อย่างไม่ถูกต้องใน Android แต่ Android ก็ไม่เคยรองรับฟังก์ชันนี้โดยสมบูรณ์</translation> |
| <translation id="5390083518957894426">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทางออนไลน์ในหน้าจอล็อกสำหรับผู้ใช้ SAML</translation> |
| <translation id="5391388690191341203">บัญชีภายในอุปกรณ์สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="5393009997533871906">มีเฉพาะเครื่องพิมพ์ในรายการที่อนุญาตเท่านั้นที่จะแสดงต่อผู้ใช้</translation> |
| <translation id="5401696449591951427">เปิดใช้ <ph name="CHROME_DEVICES_LINK" /></translation> |
| <translation id="5405289061476885481">กำหนดค่ารูปแบบแป้นพิมพ์ที่อนุญาตให้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูล วิธีการป้อนข้อมูลที่ระบุจะพร้อมใช้งานในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลแรกที่ระบุไว้ล่วงหน้า เมื่อมีการทำงานบนพ็อดผู้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ วิธีการป้อนข้อมูลที่ผู้ใช้ใช้ล่าสุดจะพร้อมใช้งานนอกเหนือจากวิธีการป้อนข้อมูลที่ได้จากนโยบายนี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ วิธีการป้อนข้อมูลในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะได้รับมาจากภาษาที่หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้แสดง ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่ใช่ตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง</translation> |
| <translation id="5407008856008996384">อนุญาตการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS</translation> |
| <translation id="5417906792459853336">รายงานข้อมูลสำหรับพื้นที่และการใช้งานแอปพลิเคชันของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลแอปพลิเคชันและการใช้งานของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5418892536013005088">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะลบประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดใน Chrome ได้ และผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะลบประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดไม่ได้ ทั้งนี้ การปิดใช้นโยบายนี้ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าระบบจะเก็บรักษาประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดไว้ ผู้ใช้อาจแก้ไขหรือลบไฟล์ฐานข้อมูลประวัติได้โดยตรง และเบราว์เซอร์อาจหมดอายุหรือเก็บถาวรรายการประวัติทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้</translation> |
| <translation id="5422643441807528365">รหัสสัญญาอนุญาต <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="5423197884968724595">ชื่อข้อจำกัดของ Android WebView:</translation> |
| <translation id="5424147596523390018">อนุญาตโหมดสีทั้งหมด</translation> |
| <translation id="5427879482805712214">นโยบายนี้ให้คุณกำหนดค่ารูปโปรไฟล์ที่ใช้แสดงแทนผู้ใช้ในหน้าจอเข้าสู่ระบบ นโยบายนี้กำหนดได้ด้วยการระบุ URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ดาวน์โหลดรูปโปรไฟล์และการแฮชแบบเข้ารหัสที่ใช้ในการยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลดได้ รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบ JPEG และมีขนาดไม่เกิน 512 KB ส่วน URL ก็ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ |
| |
| ระบบจะดาวน์โหลดและแคชรูปโปรไฟล์ แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดและใช้รูปโปรไฟล์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกรูปโปรไฟล์ของตนเองในหน้าจอเข้าสู่ระบบได้</translation> |
| <translation id="5431392643649571773">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้ใช้การแคชย้อนหลัง เมื่อออกจากหน้าเว็บไป สถานะปัจจุบันของหน้า (โครงสร้างเอกสาร สคริปต์ ฯลฯ) อาจคงอยู่ในการแคชย้อนหลัง หากเบราว์เซอร์กลับมาที่หน้าดังกล่าว ระบบอาจกู้คืนหน้านั้นจากแคชย้อนหลังและแสดงหน้าในสถานะก่อนที่จะมีการแคช |
| |
| ฟีเจอร์นี้อาจทำให้เกิดปัญหาในบางเว็บไซต์ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแคชลักษณะนี้ กล่าวคือบางเว็บไซต์จะต้องอาศัยเหตุการณ์ "<ph name="UNLOAD_HANDLER_NAME" />" ที่จะส่งไปเมื่อเบราว์เซอร์ออกจากหน้าดังกล่าว แต่จะไม่มีการส่งเหตุการณ์ "<ph name="UNLOAD_HANDLER_NAME" />" หากจัดเก็บหน้าไว้ในแคชย้อนหลัง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะบังคับให้ปิดใช้ฟีเจอร์ |
| </translation> |
| <translation id="5442026853063570579">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ หากตั้งค่านโยบายเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ด้วยการแตะหมายเลขบิลด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation> |
| <translation id="5445596354079213552">นโยบายนี้มีผลเฉพาะเมื่อการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้วและอุปกรณ์มีเวอร์ชันไม่ตรงตามเวอร์ชันขั้นต่ำที่อนุญาตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งตั้งค่าผ่านนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" /> |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า |
| หากหมดเวลาคำเตือนตามที่ระบุไว้ในนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" /> ระบบจะแสดงข้อความนี้ที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบเมื่ออุปกรณ์บล็อกไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ |
| หากยังไม่หมดเวลาคำเตือนตามที่ระบุไว้ในนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" /> ระบบจะแสดงข้อความนี้ในหน้าการจัดการของ Chrome หลังจากที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นว่างเปล่า ระบบจะแสดงข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติที่เป็นค่าเริ่มต้นให้แก่ผู้ใช้ในทั้ง 2 กรณีข้างต้น |
| ข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติต้องเป็นข้อความธรรมดาที่ไม่มีการจัดรูปแบบใดๆ และไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation> |
| <translation id="5445719321399313760">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อหาแบบเต็มแท็บแก่ผู้ใช้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ป้องกันไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อหาแบบเต็มแท็บ |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะเป็นการควบคุมการนำเสนอหน้ายินดีต้อนรับซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />, กำหนดให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นของผู้ใช้ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์</translation> |
| <translation id="544654037134815017">นโยบายนี้จะควบคุมการแสดงการ์ดในหน้าแท็บใหม่ การ์ดจะแสดงจุดเข้าใช้งานเพื่อเริ่มการเข้าชมทั่วไปของผู้ใช้โดยอิงตามพฤติกรรมการท่องเว็บของผู้ใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงการ์ด |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะควบคุมการแสดงการ์ดได้ ค่าเริ่มต้นคือแสดงการ์ด |
| </translation> |
| <translation id="5457065417344056871">เปิดใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="5457387982448145430">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้เมื่อเรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้าได้ และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายรหัสผ่านที่บันทึกไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="5457924070961220141">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าตัวแสดงผล HTML เริ่มต้นเมื่อทำการติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> การตั้งค่าเริ่มต้นที่ใช้เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้คือการอนุญาตให้เบราว์เซอร์ของโฮสต์ทำการแสดงผล แต่คุณสามารถเลือกที่จะแทนที่การตั้งค่านี้และทำให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="545817252640069915">เปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="5460797984317417682">เปิดใช้การแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอ</translation> |
| <translation id="5464816904705580310">กำหนดการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation> |
| <translation id="5466596281866046569">รายงานข้อมูลแอปพลิเคชัน</translation> |
| <translation id="546726650689747237">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="5469143988693423708">อนุญาตให้ผู้ใช้เรียกใช้ Crostini ได้</translation> |
| <translation id="5469825884154817306">ปิดกั้นภาพบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="5475361623548884387">เปิดใช้งานการพิมพ์</translation> |
| <translation id="547601067149622666">ไม่อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation> |
| <translation id="5483065054530244863">อนุญาตใบรับรองที่มีการรับรองของ SHA-1 ที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่</translation> |
| <translation id="5499375345075963939">นโยบายนี้มีการใช้งานในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| เมื่อค่าในนโยบายนี้มีการตั้งค่าและไม่เท่ากับ 0 ผู้ใช้การสาธิตที่เข้าสู่ระบบอยู่ในปัจจุบันจะออกจากระบบโดยอัตโนมัติหลังจากระยะเวลาที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเลยช่วงเวลาที่ได้ระบุไว้ |
| |
| ค่าในนโยบายควรระบุด้วยหน่วยมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="5508307164752647432">เปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos</translation> |
| <translation id="5511702823008968136">เปิดใช้งานแถบบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="5512418063782665071">URL ของหน้าแรก</translation> |
| <translation id="551639594034811656">นโยบายนี้จะกำหนดรายการเปอร์เซ็นต์ที่จะแบ่งส่วนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใน OU ที่จะอัปเดตต่อวันโดยเริ่มจากวันที่พบอัปเดตเป็นครั้งแรก เวลาที่พบจะมาทีหลังเวลาเผยแพร่อัปเดตเพราะอาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าอุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตหลังจากที่มีการเผยแพร่ |
| |
| คู่รายการ (วัน, เปอร์เซ็นต์) แต่ละคู่จะบอกจำนวนเปอร์เซ็นต์ของอุปกรณ์ที่จะต้องอัปเดตภายในจำนวนวันที่ระบุนับจากที่พบอัปเดต เช่น คู่รายการ [(4, 40), (10, 70), (15, 100)] หมายความว่า 40% ของอุปกรณ์ควรต้องอัปเดตภายใน 4 วันนับจากที่พบอัปเดตและ 70% ของอุปกรณ์ควรจะต้องอัปเดตภายใน 10 วัน คู่รายการต่อไปก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน |
| หากมีการกำหนดค่าไว้ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่ใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_UPDATE_SCATTER_FACTOR_POLICY_NAME" /> ในการอัปเดต แต่จะใช้นโยบายนี้แทน |
| |
| หากรายการนี้ว่างเปล่า จะไม่มีการกำหนดแบบทีละขั้นและระบบจะทำการอัปเดตตามนโยบายอื่นๆ ของอุปกรณ์ |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเปลี่ยนช่อง</translation> |
| <translation id="5526184558582921522">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks และการดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่าเฉพาะฮาร์ดแวร์ที่อาจเกิดขึ้น</translation> |
| <translation id="5526701598901867718">ทั้งหมด (ไม่ปลอดภัย)</translation> |
| <translation id="5530347722229944744">บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย</translation> |
| <translation id="5535973522252703021">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos</translation> |
| <translation id="554903022911579950">Kerberos</translation> |
| <translation id="555022085242359084">เปิดใช้โหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="555077880566103058">อนุญาตให้ทุกเว็บไซต์เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="5559079916187891399">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Android</translation> |
| <translation id="5560039246134246593">เพิ่มพารามิเตอร์ไปยังการเรียกเมล็ดรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากระบุ จะเป็นการเพิ่มพารามิเตอร์ข้อความค้นหาที่เรียกว่า "restrict" ไปยัง URL ที่ใช้เพื่อเรียกเมล็ดรูปแบบ ค่าของพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้ |
| |
| หากไม่ระบุ จะไม่แก้ไข URL เมล็ดรูปแบบ</translation> |
| <translation id="5561811616825571914">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับเว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในหน้าลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="5565178130821694365">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 2 วัน (48 ชั่วโมง)</translation> |
| <translation id="5566210228171064229">อนุญาตการพิมพ์ทั้งกรณีที่มีและไม่มี PIN</translation> |
| <translation id="5572971233886879856">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ การดำเนินการนี้ใช้กับนโยบาย <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> เท่านั้น |
| |
| หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ผ่านนโยบายด้านอุปกรณ์ |
| |
| รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "id" ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะเพิกเฉยต่อการกรองและจะพิจารณาเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดที่ให้บริการโดย <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /></translation> |
| <translation id="557360560705413259">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ commonName ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์เพื่อจับคู่ชื่อโฮสต์หากใบรับรองไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ตราบใดที่การตรวจสอบความถูกต้องและการเชื่อมโยงกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่องสำเร็จ |
| |
| โปรดทราบว่าเราไม่แนะนำวิธีดังกล่าว เนื่องจากวิธีนี้อาจทำให้สามารถข้ามผ่านส่วนขยาย nameConstraints ซึ่งจำกัดชื่อโฮสต์ที่ใบรับรองได้รับสิทธิ์ให้ใช้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะไม่เชื่อถือใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ที่มีชื่อ DNS หรือที่อยู่ IP</translation> |
| <translation id="5579179012798142131">การตั้งค่า ArcEnabled เป็น "จริง" จะเปิด ARC สำหรับผู้ใช้ เว้นแต่โหมดชั่วคราวหรือการลงชื่อเข้าสู่ระบบพร้อมกันหลายบัญชีเปิดอยู่ระหว่างเซสชันของผู้ใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้ระดับองค์กรจะใช้ ARC ไม่ได้</translation> |
| <translation id="5582429816116769246">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบของตนเองได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบของตนเองไม่ได้ และจะสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบซึ่งกำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วย |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="USER_PRINTERS_ALLOWED" /> แทน |
| </translation> |
| <translation id="5583806683960333345">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งทำให้โทรศัพท์ Google แชร์อินเทอร์เน็ตมือถือกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="5584132346604748282">ควบคุมบริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation> |
| <translation id="5586942249556966598">ไม่ดำเนินการใดๆ</translation> |
| <translation id="5599461642204007579">การตั้งค่าการจัดการ <ph name="MS_AD_NAME" /></translation> |
| <translation id="5614865701790130558">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งส่วนขยายตามนโยบาย</translation> |
| <translation id="5618398258385745432">มีการใช้การตั้งค่าที่เชื่อมโยงกันก่อนการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งเมื่อใช้การดูรหัสผ่าน ด้วยเหตุนี้ การตั้งค่าและนโยบายนี้จึงไม่มีผลต่อลักษณะการทำงานของ Chrome ซึ่งปัจจุบันมีลักษณะเหมือนกับว่ามีการตั้งค่านโยบายให้ปิดใช้การแสดงรหัสผ่านอย่างชัดเจนในหน้าการตั้งค่าตัวจัดการรหัสผ่าน หรือหมายความว่าหน้าการตั้งค่าจะมีเพียงตัวยึดตำแหน่ง และ Chrome จะแสดงรหัสผ่านต่อเมื่อผู้ใช้คลิก "แสดง" (และทำการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง หากจำเป็น) คำอธิบายเดิมของนโยบายนี้มีตามที่แสดงไว้ด้านล่าง |
| |
| ควบคุมว่าจะให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านอย่างชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่านหรือไม่ |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ตัวจัดการรหัสผ่านจะไม่อนุญาตให้แสดงรหัสผ่านที่เก็บไว้อย่างชัดเจนในหน้าต่างตัวจัดการรหัสผ่าน |
| |
| หากคุณเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะดูรหัสผ่านของตนได้อย่างชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="5619498195290770056">การตั้งค่านโยบายนี้จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ตั้งค่าคุกกี้ไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="5620392548325769024">เปิดใช้การแสดงหน้าต้อนรับเมื่อเปิดเบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ</translation> |
| <translation id="5630352020869108293">คืนค่าเซสชันล่าสุด</translation> |
| <translation id="5633871703004128675">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ</translation> |
| <translation id="5641279111657132737">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTH_SERVER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดควรจะได้รับอนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวม การตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวมจะเปิดเฉพาะเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้รับคำขอตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในรายการที่ได้รับอนุญาตนี้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตไหม หากใช่ก็จะตอบรับคำขอ IWA หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจคำขอ IWA จากเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| หมายเหตุ: คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation> |
| <translation id="5645779841392247734">อนุญาตให้ใช้คุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="5646234199535103501">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnBulkDataEntry</translation> |
| <translation id="5649046890958064703">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="5652250453612826983">ควบคุมนโยบายการควบคุมดูแลโดยผู้ปกครองซึ่งใช้กับบัญชีของเด็กเท่านั้น |
| นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ตั้งค่าในคอนโซลผู้ดูแลระบบ แต่เซิร์ฟเวอร์ Kids API เป็นผู้กำหนดค่าโดยตรง</translation> |
| <translation id="5656177735561364047">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์</translation> |
| <translation id="5657576769650058122">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดแป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอ (อุปกรณ์อินพุต Chrome OS) ไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดแป้นพิมพ์นี้ไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ (ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเพื่อการช่วยเหลือพิเศษที่มีความสำคัญเหนือแป้นพิมพ์เสมือนได้ ดูนโยบาย VirtualKeyboardEnabled) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์จะปิดอยู่ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงได้ |
| |
| หมายเหตุ: อาจมีการใช้กฎฮิวริสติกร่วมด้วยในการแสดงแป้นพิมพ์</translation> |
| <translation id="5657752663637568277">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงคำเตือนการเลิกใช้งานของ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ต่อผู้ใช้หรือไม่ในกล่องโต้ตอบการแสดงตัวอย่างการพิมพ์หรือหน้าการตั้งค่า |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะซ่อนคำเตือนการเลิกใช้งาน |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้คำเตือนการเลิกใช้งานแสดงขึ้นมา</translation> |
| <translation id="5666457529647159548">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ติดตั้งไว้</translation> |
| <translation id="567377007899266033">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะส่งรายงานเหตุการณ์การติดตั้งส่วนขยายสำคัญที่ทริกเกอร์โดยนโยบายไปยัง Google การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกเหตุการณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นจะตั้งค่าเป็น "จริง"</translation> |
| <translation id="5676740747107495269">แสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="5679540979548648200">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB และบังคับให้อุปกรณ์ทำ Powerwash หากเคยอนุญาตให้มีการโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จัก</translation> |
| <translation id="5689430183304951538">ขนาดหน้าของการพิมพ์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5691637243722588222">การตั้งค่านโยบายจะระบุรูปแบบการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รองรับ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะใช้ทั้ง 4 รูปแบบ |
| |
| ค่าที่ใช้ได้มีดังนี้ |
| |
| * basic |
| |
| * digest |
| |
| * ntlm |
| |
| * negotiate |
| |
| หมายเหตุ: คั่นค่าหลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation> |
| <translation id="5693469654327063861">อนุญาตให้ย้ายข้อมูล</translation> |
| <translation id="5695209488612697377">เปิดใช้การใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นในเมนูตามบริบท |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ การค้นหารายการในเมนูตามบริบทที่ต้องใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นของคุณจะใช้งานไม่ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า รายการในเมนูตามบริบทสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นจะใช้งานได้ |
| |
| ระบบจะใช้ค่านโยบายเมื่อเปิดใช้นโยบาย <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เท่านั้น และจะไม่มีผลหากไม่เปิดใช้</translation> |
| <translation id="5697306356229823047">รายงานผู้ใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="570062449808736508">หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า WebView จะอ่านข้อจำกัด URL จากผู้ให้บริการเนื้อหาที่มีชื่อผู้ออกใบรับรองที่ระบุ</translation> |
| <translation id="5708969689202733975">กำหนดค่าโหมดปลดล็อกด่วนที่ได้รับอนุญาต</translation> |
| <translation id="5715617256528927547">การตั้งค่านโยบายจะระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคช Group Policy Object (GPO) ระบบใช้ GPO ที่มีระยะเวลาสูงสุดซ้ำได้ก่อนที่จะมีการดาวน์โหลดซ้ำ ระบบจะใช้ GPO ที่แคชไว้ซ้ำ (ตราบใดที่ยังเป็นเวอร์ชันเดิม) แทนการดาวน์โหลด GPO ซ้ำในการเรียกนโยบายทุกครั้ง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการแคช GPO ซึ่งทำให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักขึ้น เนื่องจากระบบต้องดาวน์โหลด GPO ซ้ำทุกครั้งที่เรียกนโยบายแม้ว่า GPO จะเป็นรายการเดิมก็ตาม |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ GPO ที่แคชไว้ซ้ำได้เป็นเวลาสูงสุด 25 ชั่วโมง |
| |
| หมายเหตุ: การรีสตาร์ทและการออกจากระบบจะล้างแคช</translation> |
| <translation id="572155275267014074">การตั้งค่า Android</translation> |
| <translation id="5728154254076636808">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="5732972008943405952">นำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation> |
| <translation id="5733040281451845496">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการเริ่มการหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและการจำกัดความยาวของเซสชันจนกว่ากิจกรรมแรกของผู้ใช้จะเกิดขึ้นในเซสชัน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้การหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและการจำกัดความยาวของเซสชันเริ่มทันทีหลังจากที่เริ่มเซสชัน</translation> |
| <translation id="5735915264686983150">ซ่อนและบล็อกฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation> |
| <translation id="5738766588683307797">หากปิดใช้ <ph name="POWER_SMART_DIM_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="USER_ACTIVITY_SCREEN_DIM_DELAY_SCALE_POLICY_NAME" /> จะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัว การปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้ |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ค่าตัวคูณมาตราส่วนเริ่มต้น |
| |
| หมายเหตุ: ค่าตัวคูณมาตราส่วนต้องเท่ากับ 100% ขึ้นไป</translation> |
| <translation id="5738892881453299672">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่เข้าถึงเซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SENSORS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| หากมีรูปแบบ URL เดียวกันอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SENSORS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายนี้และสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์แสงจะถูกบล็อก |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="574098933844699859">ระบุว่าข้อมูลระบบ (เช่น เวอร์ชัน Chrome OS, หมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์) แสดง (หรือซ่อน) เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ข้อมูลระบบจะถูกบังคับให้แสดง |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ข้อมูลระบบจะถูกบังคับให้ซ่อน |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การทำงานเริ่มต้น (แสดงสำหรับช่อง Canary/เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา) ผู้ใช้สลับการมองเห็นตามการทำงานเฉพาะได้ (เช่น Alt-V)</translation> |
| <translation id="5745980816926303222">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTOPLAY_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายอนุญาตให้วิดีโอเล่นโดยอัตโนมัติ (โดยไม่ต้องมีคำยินยอมจากผู้ใช้) พร้อมเนื้อหาเสียงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" รูปแบบ URL ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะยังเล่นได้อยู่ หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation> |
| <translation id="5749396052108288586">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="574983287620584622">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="5755002458331714762"> Web Components v0 API (Shadow DOM v0, Custom Elements v0 และ HTML Imports) เลิกใช้งานไปในปี 2018 และถูกปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นเริ่มตั้งแต่ในเวอร์ชัน M80 นโยบายนี้อนุญาตให้เลือกเปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้อีกครั้งจนถึงเวอร์ชัน M84 |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดใช้ฟีเจอร์ Web Components v0 สำหรับทุกเว็บไซต์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะปิดใช้ฟีเจอร์ Web Components v0 โดยค่าเริ่มต้นเริ่มตั้งแต่ในเวอร์ชัน M80 |
| |
| เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจาก Chrome 84</translation> |
| <translation id="5756680608782814094">รายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์ |
| ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ (VPD) เป็นคอลเล็กชันการกำหนดค่าและข้อมูลต่างๆ (เช่น หมายเลขชิ้นส่วนและหมายเลขซีเรียล) ที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5765780083710877561">คำอธิบาย:</translation> |
| <translation id="5766438888216077649">อย่าตั้งค่า <ph name="WINDOW_OPENER_PROPERTY" /> สำหรับลิงก์ที่กำหนดเป้าหมาย <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /></translation> |
| <translation id="5770738360657678870">เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา (อาจไม่เสถียร)</translation> |
| <translation id="5774856474228476867">URL การค้นหาของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5775235485119094648">ชาร์จแบตเตอรี่ขณะอยู่ภายในช่วงคงที่</translation> |
| <translation id="5776485039795852974">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการแสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="5783009211970309878">ส่วนหัวและส่วนท้ายของการพิมพ์</translation> |
| <translation id="5790763087505467169">ลดการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="5806128552675651249">อนุญาตเฉพาะการพิมพ์ที่ไม่มีกราฟิกพื้นหลังเท่านั้น</translation> |
| <translation id="5809210507920527553">ควบคุมการตั้งค่าของคอนเทนเนอร์ Linux (Crostini)</translation> |
| <translation id="5809728392451418079">ตั้งชื่อสำหรับแสดงสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5814301096961727113">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="5815129011704381141">รีบูตอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต</translation> |
| <translation id="582857022372205358">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านสั้น</translation> |
| <translation id="5832274826894536455">นโยบายที่เลิกใช้งาน</translation> |
| <translation id="5835253272509953988">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ช่วยให้ผู้ใช้สามารถให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตรวจสอบว่าชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ป้อนรวมอยู่ในข้อมูลที่รั่วไหลด้วยหรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไปเปลี่ยนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตให้ตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลเข้าสู่ระบบ แต่ผู้ใช้ปิดได้ |
| |
| ลักษณะการทำงานนี้จะไม่ทริกเกอร์ในกรณีที่ (นโยบายหรือผู้ใช้) ปิดใช้ Google Safe Browsing หากต้องการบังคับให้ Google Safe Browsing เปิดใช้งาน ให้ใช้นโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือนโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_PROTETION_LEVEL_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="5836064773277134605">จำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่ใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="5837898601525273156">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> ไว้ การตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" จะทำให้นโยบายการจัดการพลังงานของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงเปิดอยู่เสมอ (หากอุปกรณ์รองรับ) หากใช้อัลกอริทึมการชาร์จมาตรฐานและเทคนิคอื่นๆ นอกเวลาทำงาน โหมดนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้สูงสุด ในเวลาทำงาน ระบบจะใช้การชาร์จด่วน ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ระบุเวลาที่มีการใช้ระบบมากที่สุดในแต่ละวันด้วยเวลาเริ่มต้นและระยะเวลา |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงปิดอยู่เสมอ |
| |
| ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="5845686745936515940">อนุญาตให้คุณเปลี่ยนคุกกี้ทั้งหมดกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมได้ การเปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงานเดิมทำให้คุกกี้ที่ไม่ได้ระบุแอตทริบิวต์ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็น "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />", นำข้อกำหนดที่คุกกี้ "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />" ต้องมีแอตทริบิวต์ "<ph name="ATTRIBUTE_SECURE_NAME" />" ออกไป และข้ามการเปรียบเทียบสกีมเมื่อประเมินว่าเว็บไซต์ 2 แห่งเป็นเว็บไซต์เดียวกันหรือไม่ ดูคำอธิบายแบบเต็มใน https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/cookie-legacy-samesite-policies |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ที่เป็นค่าเริ่มต้นของคุกกี้จะขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" />, ฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_NONE_MUST_BE_SECURE" /> และฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SCHEMEFUL_SAME_SITE" /> ซึ่งอาจมีการตั้งค่าโดยการทดสอบในวงจำกัด หรือโดยการเปิดหรือปิดใช้แฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" />, แฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SAMESITE_NONE_MUST_BE_SECURE" /> หรือแฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SCHEMEFUL_SAME_SITE" /> ตามลำดับ</translation> |
| <translation id="585270638818921943">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation> |
| <translation id="5859344336338527083">การตั้งค่านโยบายจะระบุ URL ที่ติดตั้งส่วนขยาย แอป และธีมได้ ก่อน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 21 ผู้ใช้คลิกลิงก์เพื่อไปยังไฟล์ *.crx ได้ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอให้ติดตั้งไฟล์หลังจากแสดงคำเตือน 2-3 รายการ แต่ในเวอร์ชันต่อมา จะต้องมีการดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวและลากไปที่หน้าการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านี้อนุญาตให้บาง URL มีขั้นตอนการติดตั้งแบบเก่าแต่ใช้งานง่ายกว่าได้ |
| |
| แต่ละรายการในลิสต์นี้เป็นรูปแบบการจับคู่สไตล์ส่วนขยาย (ดู https://developer.chrome.com/extensions/match_patterns) ผู้ใช้จะติดตั้งรายการต่างๆ ได้โดยง่ายจาก URL ที่ตรงกับรายการในลิสต์นี้ ทั้งตำแหน่งของไฟล์ *.crx และหน้าเว็บที่เริ่มการดาวน์โหลด (URL ที่มา) จะต้องได้รับอนุญาตจากรูปแบบเหล่านี้ |
| |
| <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะมีความสำคัญเหนือนโยบายนี้ ซึ่งหมายความว่าระบบจะไม่ติดตั้งส่วนขยายที่อยู่ในรายการที่บล็อก แม้ว่าจะปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ในลิสต์นี้ก็ตาม</translation> |
| <translation id="5860010874344790473">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งบันทึกของระบบไปที่เซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่รายงานบันทึกของระบบ</translation> |
| <translation id="5861856285460256766">การกำหนดค่ารหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง</translation> |
| <translation id="5868414965372171132">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับผู้ใช้</translation> |
| <translation id="587242272905978723">อนุญาตให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> รวบรวมข้อมูลการใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บรวบรวมข้อมูล |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> อาจเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ซึ่งต่อจากนั้นจะมีการรวมเข้าด้วยกันและวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="5875873062228321803">กำหนดค่าข้อกำหนดของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชันต่ำสุดที่อนุญาต |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่ไม่ว่างเปล่า |
| หากไม่มีรายการใดมี <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> สูงกว่าเวอร์ชันปัจจุบันของอุปกรณ์ ก็จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและข้อจำกัดที่มีอยู่แล้วจะถูกเพิกถอน |
| หากมีอย่างน้อย 1 รายการที่มี <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> สูงกว่าเวอร์ชันปัจจุบัน ระบบจะเลือกรายการที่มีเวอร์ชันสูงกว่าและใกล้เคียงกับเวอร์ชันปัจจุบันมากที่สุด |
| ในกรณีที่มีความขัดแย้ง ระบบจะเลือกรายการที่มี <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หรือ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> ต่ำกว่าและนำนโยบายนี้ไปใช้โดยใช้รายการนั้น |
| |
| หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังมีการใช้งานและเครือข่ายปัจจุบันจำกัดการอัปเดตอัตโนมัติ ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนบนหน้าจอให้อัปเดตอุปกรณ์ภายใน <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> ซึ่งระบุในการแจ้งเตือนนั้น |
| จะไม่มีการแจ้งเตือนหากเครือข่ายปัจจุบันอนุญาตการอัปเดตอัตโนมัติและต้องมีการอัปเดตอุปกรณ์ภายใน <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> |
| <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> จะเริ่มนับจากเวลาที่นำนโยบายไปใช้ |
| หากไม่มีการอัปเดตอุปกรณ์จนกระทั่ง <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลา ผู้ใช้จะออกจากระบบเซสชันที่ใช้งานอยู่โดยอัตโนมัติ |
| หากพบว่าเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในขณะที่มีการเข้าสู่ระบบและ <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลาแล้ว ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้อัปเดตอุปกรณ์ก่อนลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังมีการใช้งานและการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้ว ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนบนหน้าจอให้ส่งคืนอุปกรณ์ภายใน <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> |
| หากพบว่าการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้ว ณ เวลาที่ลงชื่อเข้าใช้โดยที่ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลาแล้ว ระบบจะบล็อกอุปกรณ์นั้นไม่ให้ผู้ใช้คนใดก็ตามลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| เซสชันของผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนและจะถูกบังคับให้ออกจากระบบหากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="UNMANAGED_USER_RESTRICTED_PROPERTY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นว่างเปล่า จะไม่มีการใช้ข้อจำกัด ข้อจำกัดที่มีอยู่แล้วจะถูกเพิกถอน และผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเป็นเวอร์ชันใดก็ตาม |
| |
| ในที่นี้ ค่า <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> อาจหมายถึงเวอร์ชันที่เจาะจง เช่น "13305.0.0" หรือตัวเลขนำหน้าเวอร์ชัน เช่น "13305" |
| ค่า <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> และ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> เป็นค่าที่ไม่บังคับและกำหนดให้ระบุเป็นจำนวนวัน ค่าเริ่มต้นคือ 0 วันซึ่งหมายความว่าไม่มีช่วงเวลาเตือน |
| <ph name="UNMANAGED_USER_RESTRICTED_PROPERTY_NAME" /> เป็นพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่บังคับโดยมีค่าเริ่มต้นเป็น "เท็จ"</translation> |
| <translation id="5879014913445067283">ควบคุมการค้นหาพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายผ่าน <ph name="NETBIOS_NAME" /></translation> |
| <translation id="588135807064822874">เปิดใช้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหา</translation> |
| <translation id="5882345429632338713">หน่วงเวลาก่อนเปิดเบราว์เซอร์สำรอง (มิลลิวินาที)</translation> |
| <translation id="5883015257301027298">การตั้งค่าคุกกี้เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5883754873839596178">การตั้งค่านโยบายจะระบุจำนวนการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกันสูงสุด บางพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์จัดการการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นพร้อมกันจำนวนมากต่อไคลเอ็นต์ไม่ได้ ปัญหานี้แก้ไขได้โดยการตั้งค่านโยบายนี้ให้มีค่าต่ำลง ค่าไม่ควรเกิน 100 แต่สูงกว่า 6 เว็บแอปบางรายการนั้นเป็นที่ทราบว่าต้องใช้การเชื่อมต่อจำนวนมากเนื่องจากใช้ Hanging GET การตั้งค่าที่ต่ำกว่า 32 จึงอาจส่งผลให้การเชื่อมโยงเครือข่ายของเบราว์เซอร์ค้างได้ในกรณีที่เปิดเว็บแอปที่ใช้การเชื่อมต่อ Hanging เป็นจำนวนมากเกินไป คุณต้องยอมรับความเสี่ยงเองหากตั้งค่าต่ำกว่าค่าเริ่มต้น |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นที่ 32</translation> |
| <translation id="5887414688706570295">กำหนดค่าส่วนนำหน้าของ TalkGadget ที่จะถูกใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง |
| |
| หากมีการระบุไว้ ส่วนนำหน้านี้จะถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าชื่อ TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักเพื่อสร้างชื่อโดเมนเต็มสำหรับ TalkGadget ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักนี้คือ '.talkgadget.google.com' |
| |
| หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ โฮสต์จะใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองเมื่อเข้าถึง TalkGadget แทนการใช้ชื่อโดเมนค่าเริ่มต้น |
| |
| หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นค่าเริ่มต้น ('chromoting-host.talkgadget.google.com') จะถูกใช้สำหรับโฮสต์ทั้งหมด |
| |
| ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งค่านโยบายนี้ โดยจะใช้ 'chromoting-client.talkgadget.google.com' เพื่อเข้าถึง TalkGadget เสมอ</translation> |
| <translation id="5890063326284543943">ควบคุมการใช้ Serial API</translation> |
| <translation id="5897913798715600338">ชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว</translation> |
| <translation id="5898486742390981550">เมื่อมีผู้ใช้หลายคนอยู่ในระบบ จะมีเพียงผู้ใช้หลักเท่านั้นที่ใช้แอป Android ได้</translation> |
| <translation id="5901427587865226597">การพิมพ์ 2 ด้านเท่านั้น</translation> |
| <translation id="5905473632148429217">เปิดใช้การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์</translation> |
| <translation id="5907283448020542268">การตั้งค่า <ph name="GLS_ENABLED" /> จะเปิดบริการตำแหน่งของ Google ระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="DEFAULT_GEOLOCATION_SETTING_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="GLS_DISABLED" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดบริการตำแหน่งไว้ระหว่างการตั้งค่า |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_UNDER_USER_CONTROL" /> จะส่งข้อความแจ้งผู้ใช้ว่าจะใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่ หากผู้ใช้เปิดบริการตำแหน่ง แอป Android จะใช้บริการดังกล่าวเพื่อค้นหาตำแหน่งของอุปกรณ์และส่งข้อมูลตำแหน่งแบบไม่ระบุตัวตนไปยัง Google ได้ |
| |
| หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดบริการตำแหน่งของ Google ได้</translation> |
| <translation id="5910810837616572201">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST" /> แทน</translation> |
| <translation id="591088232153082363">ชาร์จแบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติโดยอิงตามรูปแบบการใช้งานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="5915023683182228340">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใช้โปรโตคอล QUIC ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ใช้โปรโตคอล QUIC ไม่ได้</translation> |
| <translation id="5921713479449475707">อนุญาตการดาวน์โหลดการอัปเดตอัตโนมัติผ่านทาง HTTP</translation> |
| <translation id="5929855945144989709">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน Chrome OS ได้</translation> |
| <translation id="5932767795525445337">นโยบายนี้ใช้เพื่อตรึงแอป Android ได้</translation> |
| <translation id="5946082169633555022">เวอร์ชันเบต้า</translation> |
| <translation id="5946329690214660966">ตั้งค่ากำหนดการที่กำหนดเองเพื่อตรวจหาอัปเดต</translation> |
| <translation id="5950069117106131681">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดส่วนหัวและส่วนท้ายในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดส่วนดังกล่าวในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกได้เองว่าจะให้แสดงส่วนหัวและส่วนท้ายหรือไม่</translation> |
| <translation id="5951418260805607969">แสดงการแจ้งเตือนเมื่อพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย</translation> |
| <translation id="5958746038080720143">เปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ (WPAD)</translation> |
| <translation id="5959428851851090097">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้นโยบายระบบคลาวด์มีความสำคัญเหนือกว่าหากมีความขัดแย้งกับนโยบายแพลตฟอร์ม |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้นโยบายแพลตฟอร์มมีความสำคัญเหนือกว่าหากมีความขัดแย้งกับนโยบายระบบคลาวด์ |
| |
| นโยบายที่บังคับนี้ส่งผลต่อนโยบายระบบคลาวด์ตามขอบเขตของเครื่อง</translation> |
| <translation id="5961137303188584693">ที่อยู่ MAC ของ NIC ในตัวของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="5966615072639944554">ส่วนขยายได้รับอนุญาตให้ใช้ API การยืนยันระยะไกล</translation> |
| <translation id="5975765799383881158">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็นไปให้ Google ได้ผ่านเมนู > ความช่วยเหลือ > รายงานปัญหาหรือการกดแป้นร่วมกัน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้งาน" หมายความว่าผู้ใช้จะส่งความคิดเห็นไปให้ Google ไม่ได้</translation> |
| <translation id="5984237109586500246">ยอมรับเนื้อหาเว็บที่แสดงเป็น Signed HTTP Exchange</translation> |
| <translation id="5997543603646547632">ใช้เวลารูปแบบ 24 ชั่วโมงโดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="5997846976342452720">ระบุว่าควรปิดเครื่องมือค้นหาปลั๊กอินไหม (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="5998198091336830580">นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มขนาดเล็กต่อไปนี้ (ระบบใช้เฉพาะนโยบายจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่ม)</translation> |
| <translation id="6009062900206392980">การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดการขยายหน้าจอในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแว่นขยายหน้าจอได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที แว่นขยายหน้าจอจะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แว่นขยายหน้าจอจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน |
| |
| ค่าที่ใช้ได้ ได้แก่ • 0 = ปิด • 1 = เปิด • 2 = เปิดแว่นขยายหน้าจอบางส่วน |
| |
| หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SCREEN_MAGNIFIER_TYPE_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากมีการระบุนโยบายเดิมไว้</translation> |
| <translation id="6011969832398368671">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรี</translation> |
| <translation id="6012952794649558174">ใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="6015281292796053435">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูล Google Safe Browsing รวมถึงจำนวนคำเตือนของ Google Safe Browsing และจำนวนการคลิกผ่านคำเตือนของ Google Safe Browsing หรือไม่ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="6022948604095165524">การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation> |
| <translation id="6026722971789064331">ควบคุมการใช้ File System API สำหรับการเขียน</translation> |
| <translation id="602728333950205286">URL ค้นหาทันใจของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="603410445099326293">พารามิเตอร์สำหรับการแนะนำ URL ที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="6034341625190551415">ควบคุมเซสชันสาธารณะและประเภทบัญชีคีออสก์</translation> |
| <translation id="6034603289689965535">อนุญาตให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัประหว่างยกเลิกการโหลด</translation> |
| <translation id="6036523166753287175">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากโฮสต์สำหรับการเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="603768430528561926">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์ระดับองค์กรแลกรับข้อเสนอผ่านการลงทะเบียน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะแลกข้อรับเสนอเหล่านี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="6048199181629830227">เปิดใช้การจัดการการใช้ไฟจากแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="6053681087509103368">อนุญาตให้ WebRTC ใช้โปรโตคอล TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย</translation> |
| <translation id="6058879286588763839">หากไม่ได้ระบุ <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> ไว้ (ถ้าระบุ จะเป็นการลบล้าง <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" />) การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" /> จะระบุนโยบายการจัดการพลังงานของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ (หากอุปกรณ์รองรับ) นโยบายจะควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่แบบไดนามิกโดยลดความเค้นและการสึกหรอให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งนี้เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบาย (หากอุปกรณ์รองรับ) จะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบมาตรฐาน และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ |
| |
| หมายเหตุ: หากเลือกโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเอง ให้ระบุ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> ด้วย</translation> |
| <translation id="6066761914755798079">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาเพื่อจัดเตรียมการแนะนำการค้นหา URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งข้อความค้นหาของผู้ใช้จะมาแทนที่ในการค้นหา |
| |
| คุณระบุ URL การค้นหาของ Google เป็น <ph name="GOOGLE_SUGGEST_SEARCH_URL" /> ได้</translation> |
| <translation id="6070667616071269965">รูปแบบแป้นพิมพ์ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6074963268421707432">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="6074964551275531965">กำหนดระยะเวลาสำหรับการแจ้งเตือนการอัปเดต</translation> |
| <translation id="6075316301208933536">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_MODE_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> จะปรับแต่งเวลาที่แบตเตอรี่หยุดชาร์จ โดยอิงตามเปอร์เซ็นต์ของการชาร์จแบตเตอรี่ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> ต้องอยู่ที่จุดต่ำกว่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> อย่างน้อย 5% |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_STANDARD_MODE_NAME" /></translation> |
| <translation id="6082161804984853051">การตั้งค่านโยบายทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ไดเรกทอรีที่คุณให้ไว้สำหรับจัดเก็บไฟล์ที่แคชไว้ในดิสก์ ไม่ว่าจะระบุการตั้งค่าสถานะ --disk-cache-dir หรือไม่ก็ตาม |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีแคชเริ่มต้น แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้ด้วยการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง --disk-cache-dir |
| |
| <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของไดเรกทอรีรูทของวอลุ่ม ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญหายของข้อมูลหรือข้อผิดพลาดอื่นๆ โปรดอย่าตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีรูทหรือไดเรกทอรีอื่นที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ดูตัวแปรที่คุณใช้ได้ ( https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables )</translation> |
| <translation id="6083631234867522991">Windows (ไคลเอ็นต์ของ Windows):</translation> |
| <translation id="608788685013546076">กำหนดเกณฑ์ระดับแบตเตอรี่สำหรับโหมดพาวเวอร์พีคชิฟต์เป็นเปอร์เซ็นต์</translation> |
| <translation id="6089679180657323464">ควบคุมการตั้งค่าตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation> |
| <translation id="6091233616732024397">บังคับให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เพื่อใช้เบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="6093156968240188330">ให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเซสชันความช่วยเหลือระยะไกล</translation> |
| <translation id="6095048925836115505">เปิดใช้ฟีเจอร์แป้นพิมพ์เสมือนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="6097601282776163274">เปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL</translation> |
| <translation id="6099853574908182288">โหมดสีการพิมพ์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6102342563050263313">เปิดใช้การเลื่อนไปยังข้อความที่เจาะจงใน Fragment ของ URL</translation> |
| <translation id="6107642964266628393">ควบคุมวิธีใช้และเวลาใช้อัปเดต Chrome OS</translation> |
| <translation id="6110478331147706293">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์ใน URL ที่ระบุ โฮสต์จะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ แต่จะทำให้ตรวจหาใบรับรองที่ออกอย่างไม่ถูกต้องได้ยากขึ้น |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น |
| |
| URL มีรูปแบบดังนี้ ( https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format ) แต่เนื่องจากความถูกต้องของใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์หนึ่งๆ ขึ้นอยู่กับรูปแบบ พอร์ต หรือเส้นทาง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จึงพิจารณาเพียงแค่ส่วนชื่อโฮสต์ของ URL เท่านั้น ไม่รองรับโฮสต์ไวลด์การ์ด</translation> |
| <translation id="6111936128861357925">อนุญาตให้เล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ได้</translation> |
| <translation id="6123052603197028610">ไม่อนุญาตการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อเรียกการประทับเวลา</translation> |
| <translation id="6132506775968708399">บล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation> |
| <translation id="6133088669883929098">อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์</translation> |
| <translation id="6135398260575578389">Google Safe Browsing ทำงานในโหมดเพิ่มประสิทธิภาพ โหมดนี้รักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้นแต่ต้องมีการแชร์ข้อมูลการท่องเว็บกับ Google มากขึ้น</translation> |
| <translation id="6138636318340561140">ตรวจสอบสถานะ Google Safe Browsing ของ URL แบบเรียลไทม์</translation> |
| <translation id="6141402445226505817">ใช้การตรวจหาเขตเวลาคร่าวๆ ทุกครั้ง</translation> |
| <translation id="6144046700495610112">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="614616930188030377">รูปแบบในรายการนี้จะจับคู่กับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ |
| หากพบต้นทางที่ตรงกันหรือมีการปิดใช้ chrome://flags/#enable-webrtc-hide-local-ips-with-mdns ที่อยู่ IP ของเครื่องจะแสดงใน ICE Candidate ผ่าน WebRTC |
| หากไม่ ระบบจะปกปิดที่อยู่ IP ของเครื่องโดยใช้ชื่อโฮสต์ mDNS แทน |
| โปรดทราบว่าหากผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องปกป้อง IP ของเครื่อง นโยบายนี้จะทำให้การปกป้องนั้นด้อยประสิทธิภาพลง</translation> |
| <translation id="614662973812186053">นโยบายนี้จะยังควบคุมการใช้งาน Android และการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยด้วยเช่นกัน</translation> |
| <translation id="6155350825868160236">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกหากใช้บริการเว็บของ Google เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation> |
| <translation id="6155936611791017817">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="6157537876488211233">รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation> |
| <translation id="6158324314836466367">ชื่อเว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation> |
| <translation id="6172896675583897796">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้</translation> |
| <translation id="6178075938488052838">นโยบายนี้ควบคุมว่าใครเริ่มเซสชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้บ้าง แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google เพิ่มเติมใน Android หากต้องการป้องกันการลงชื่อเข้าใช้ ให้กำหนดค่านโยบาย <ph name="ACCOUNT_TYPES_WITH_MANAGEMENT_DISABLED_CLOUDDPC_POLICY_NAME" /> เฉพาะสำหรับ Android ให้เป็นส่วนหนึ่งของ <ph name="ARC_POLICY_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="6181618732396778048">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรี</translation> |
| <translation id="6183327369896253878">การตั้งค่านโยบายนี้กำหนดตัวระบุแอปพลิเคชันที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แสดงเป็นแอปที่ตรึงไว้ในแถบ Launcher และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ |
| |
| ระบุแอป Chrome ได้จากรหัส เช่น pjkljhegncpnkpknbcohdijeoejaedia ระบุแอป Android ได้จากชื่อแพ็กเกจ เช่น com.google.android.gm และระบุเว็บแอปได้จาก URL ที่ใช้ใน <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" /> เช่น https://google.com/maps |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงรายการแอปที่ตรึงไว้ใน Launcher ได้</translation> |
| <translation id="6190022522129724693">การตั้งค่าป๊อปอัปเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6190367314942602985">รายงานข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6195802366906945965">กำหนดว่าจะใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวเพื่อยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์หรือไม่</translation> |
| <translation id="6205094657236844092">การตั้งค่านโยบายนี้จะเป็นการระบุรายการเว็บแอปที่ติดตั้งโดยผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ และจะถอนการติดตั้งหรือปิดไม่ได้ |
| |
| รายการย่อยแต่ละรายการในนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มีสมาชิกที่จำเป็นซึ่งก็คือ <ph name="URL_LABEL" /> (URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้ง) และสมาชิกที่ไม่บังคับ 2 รายการคือ <ph name="DEFAULT_LAUNCH_CONTAINER_LABEL" /> (สำหรับการเปิดเว็บแอป ค่าเริ่มต้นคือแท็บใหม่) และ <ph name="CREATE_DESKTOP_SHORTCUT_LABEL" /> (เป็น "จริง" หากคุณต้องการสร้างทางลัดบนเดสก์ท็อปสำหรับ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> และ Windows®) |
| |
| ดูการตรึงแอปไว้ที่ชั้นวาง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ <ph name="PINNED_LAUNCHER_APPS_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="6208896993204286313">รายงานข้อมูลนโยบายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6210259502936598222">รายงานข้อมูลระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6212868225782276239">เครื่องพิมพ์ทั้งหมดยกเว้นที่อยู่ในบัญชีดำจะปรากฏ</translation> |
| <translation id="6220835555850906733">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตเอาต์พุตเสียงทั้งหมดที่รองรับในอุปกรณ์ของผู้ใช้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่อนุญาตเอาต์พุตเสียงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับเอาต์พุตเสียงทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษที่เป็นเสียง อย่าปิดนโยบายนี้หากผู้ใช้ต้องการโปรแกรมอ่านหน้าจอ</translation> |
| <translation id="6221175752766085998">อนุญาตใบรับรองที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName</translation> |
| <translation id="6224304369267200483">URL/โดเมนอนุญาตการยืนยันกุญแจรักษาความปลอดภัยโดยตรงโดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="6230442621691161858">ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ รวมแอป หน้าเว็บ และอื่นๆ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจสำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเปิดใช้สำหรับผู้ใช้อื่นๆ |
| </translation> |
| <translation id="6233173491898450179">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="6234177445959386333">กำหนดค่ารายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กรที่บริการป้องกันด้วยรหัสผ่านควรบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="6242147107333796512">รายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรายงานข้อขัดข้อง เช่น รหัสระยะไกล การประทับเวลาการบันทึก และสาเหตุ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง</translation> |
| <translation id="6244210204546589761">URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation> |
| <translation id="6247316685259031374">นโยบายนี้ควบคุมกระบวนการของเสียงที่มีการใช้แซนด์บ็อกซ์ |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยใช้แซนด์บ็อกซ์ |
| หากปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์และโมดูลการประมวลผลเสียง WebRTC จะทำงานในกระบวนการของโหมดแสดงภาพ |
| ซึ่งทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียกใช้ระบบย่อยของเสียงโดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์ |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับแซนด์บ็อกซ์เสียง ซึ่งอาจแตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม |
| นโยบายนี้มีไว้เพื่อให้ความยืดหยุ่นแก่องค์กรในการปิดใช้แซนด์บ็อกซ์เสียง หากองค์กรใช้การตั้งค่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยที่รบกวนแซนด์บ็อกซ์</translation> |
| <translation id="6261643884958898336">รายงานข้อมูลการระบุเครื่อง</translation> |
| <translation id="6265892395051519509">อนุญาตให้เข้าถึงเซ็นเซอร์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="6273015149273504999"> |
| ระบุรายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ (ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ) ซึ่งผู้ใช้ถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้ |
| |
| ระบบจะให้สิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายขอโดยปริยาย โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายเวอร์ชันใหม่ๆ ในอนาคตจะขอเพิ่มเติมด้วย <ph name="PRODUCT_NAME" /> จำกัดชุดสิทธิ์ที่ส่วนขยายจะขอได้ |
| |
| โปรดทราบว่า จะติดตั้งได้เฉพาะแอปและส่วนขยายที่อยู่ในรายชื่อที่อนุญาตซึ่งรวมอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น ทั้งนี้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ระบบจะเพิกเฉยต่อรายการอื่นๆ ทั้งหมด |
| |
| หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายชื่อนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายดังกล่าวโดยอัตโนมัติ |
| |
| แต่ละรายการของนโยบายมีลักษณะเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยายและอาจมี URL "อัปเดต" ที่คั่นด้วยเครื่องหมายอัฒภาค (<ph name="SEMICOLON" />) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว เช่น ที่พบใน <ph name="CHROME_EXTENSIONS_LINK" /> เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL "อัปเดต" (หากระบุไว้) ควรชี้ไปยังเอกสาร XML ไฟล์ Manifest ของการอัปเดตตามที่อธิบายไว้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC1" /> โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์ (ปัจจุบันคือ "https://clients2.google.com/service/update2/crx") โปรดทราบว่า URL "อัปเดต" ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น ส่วนการอัปเดตส่วนขยายในครั้งต่อๆ ไปจะใช้ URL อัปเดตที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย |
| |
| ตัวอย่างเช่น <ph name="LOGIN_SCREEN_EXTENSION_POLICY_EXAMPLE" /> จะติดตั้งแอป <ph name="SMART_CARD_CONNECTOR_APP_NAME" /> จาก URL "อัปเดต" ของ Chrome เว็บสโตร์มาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยายได้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC2" /></translation> |
| <translation id="6275497712828649588">ซ่อนคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย</translation> |
| <translation id="6275833043726517413">ควรใช้การใช้งาน <ph name="CORS" /> เดิมมากกว่า <ph name="CORS" /> ใหม่ |
| |
| หากตั้งค่านี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้การใช้งานเดิมซึ่งควรจะเข้ากันได้กับเวอร์ชันก่อนหน้า |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การใช้งานใหม่อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความเข้ากันได้เฉพาะสำหรับองค์กร |
| |
| เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง |
| |
| ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ <ph name="CORS" /> ได้ที่ <ph name="CORS_HELP_URL" /> |
| |
| โปรดทราบว่าเราได้ประกาศว่าจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 82 แต่ได้นำออกในเวอร์ชัน 84</translation> |
| <translation id="6279722058145292462">การตั้งค่านโยบายจะระบุจำนวนวันของความถี่ที่ไคลเอ็นต์จะเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง ไคลเอ็นต์จะสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มและไม่แสดงต่อผู้ใช้ การปิดใช้นโยบายนี้หรือการตั้งค่าจำนวนวันที่สูงจะส่งผลเสียต่อการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากทำให้ผู้ที่อาจโจมตีมีเวลามากขึ้นในการหาและใช้รหัสผ่านบัญชีของเครื่อง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่องทุก 30 วัน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง |
| |
| หมายเหตุ: รหัสผ่านอาจเก่ากว่าจำนวนวันที่ระบุไว้หากไคลเอ็นต์ออฟไลน์เป็นเวลานาน</translation> |
| <translation id="6280973140313576289">บังคับใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation> |
| <translation id="6281043242780654992">กำหนดค่านโยบายสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในบัญชีดำจะไม่ได้รับอนุญาตเว้นเสียแต่ว่าจะถูกกำหนดให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ</translation> |
| <translation id="6282524907402492171">แสดงคำเตือนการเลิกใช้งาน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6282799760374509080">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับเสียง</translation> |
| <translation id="6284362063448764300">TLS 1.1</translation> |
| <translation id="6300871921951390976">ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนเวอร์ชันการเผยแพร่ของอุปกรณ์หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" เท่านั้น หากนโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนเวอร์ชัน |
| |
| การตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> จะมีผลเฉพาะในกรณีที่ตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_DELEGATED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation> |
| <translation id="6305373713165475629">การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างโหมดการพิมพ์สีเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="6310223829319187614">เปิดใช้การเติมชื่อโดเมนอัตโนมัติระหว่างการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="631081324835911099">บังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์บัญชีหลักของผู้ใช้ไม่ถูกต้อง |
| นโยบายนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดในผลิตภัณฑ์และบริการบนอินเทอร์เน็ตของ Google |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะนำผู้ใช้ออกจากระบบทันทีที่โทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ไม่ถูกต้องและพยายามคืนค่าโทเค็นนี้ไม่สำเร็จ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะทำงานต่อได้ในสถานะที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="631183702829488873">เมื่อเปิดใช้ไว้ ฟีเจอร์นี้จะแสดงปุ่มในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก ซึ่งจะช่วยให้แสดงรหัสผ่านได้ |
| ปุ่มนี้จะแสดงเป็นไอคอนรูปดวงตาในช่องข้อความรหัสผ่าน ปุ่มดังกล่าวจะไม่แสดงเมื่อปิดใช้ฟีเจอร์นี้อยู่ |
| </translation> |
| <translation id="6313170479290171718">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เมื่อลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เมื่อลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน |
| |
| หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation> |
| <translation id="6319198883324703402">ตั้งเวลาของการแจ้งเตือนการเปิดใหม่ของผู้ใช้คนแรก</translation> |
| <translation id="6330882599388782338">อนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงเซ็นเซอร์</translation> |
| <translation id="6331167725613770725">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนแสดงกล่องคำเตือนหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงกล่องคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่ากำลังจะเริ่มตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะไม่มีกล่องคำเตือนปรากฏขึ้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| ข้อความเตือนจะแสดงต่อเมื่อการทำงานสำหรับการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือการปิดเครื่อง</translation> |
| <translation id="6332546092866098577">บล็อกสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านผ่าน File System API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="6334330017384340264">นโยบายนี้จะระบุว่าแอปพลิเคชันและ URL ใดควรได้รับอนุญาตสำหรับข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป |
| รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้กับแอปที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ที่มีการจำกัดเวลาต่อแอป |
| รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้เฉพาะกับบัญชีผู้ใช้ที่เป็นเด็กและมีผลเมื่อมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_POLICY_NAME" /> |
| รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้กับแอปพลิเคชันและ URL เพื่อไม่ให้ถูกบล็อกโดยการจำกัดเวลาต่อแอป |
| การเข้าถึง URL ที่อนุญาตจะไม่นับรวมในการจำกัดเวลาของ Chrome |
| เพิ่มนิพจน์ทั่วไปของ URL ไปยังรายการ |url_list| เพื่อเพิ่ม URL ที่ตรงกับนิพจน์ทั่วไปใดๆ ในรายการลงในรายการที่อนุญาต |
| เพิ่มแอปพลิเคชันพร้อม |app_id| และ |app_type| ของแอปไปยังรายการ |app_list| เพื่อเพิ่มแอปพลิเคชันนั้นลงในรายการที่อนุญาต |
| </translation> |
| <translation id="6337782882143073193">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ปิดใช้รูปแบบโปรโตคอลที่ระบุไว้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| URL ที่ใช้รูปแบบจากรายการนี้จะไม่โหลดขึ้นมาและคุณจะไปยัง URL เหล่านั้นไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือรายการยังว่างอยู่ รูปแบบทั้งหมดจะเข้าถึงได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6338982178236723271">รายงานข้อมูลระบบ</translation> |
| <translation id="6347363725343851058">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดใช้โหมดเบื้องหลัง ในโหมดเบื้องหลัง การประมวลผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเริ่มต้นเมื่อมีการลงชื่อเข้าใช้ระบบปฏิบัติการและจะยังทำงานอยู่เมื่อมีการปิดเบราว์เซอร์หน้าต่างสุดท้าย ซึ่งทำให้แอปในเบื้องหลังและเซสชันการท่องเว็บ รวมถึงคุกกี้ทุกเซสชันทำงานต่อไป การประมวลผลในเบื้องหลังจะแสดงไอคอนในถาดระบบและปิดได้ทุกเมื่อจากตำแหน่งดังกล่าว |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดใช้โหมดเบื้องหลัง |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า โหมดเบื้องหลังจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation> |
| <translation id="6353890097388312479">การตั้งค่านโยบายเป็น "All" (0) หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขการตั้งค่าความน่าเชื่อถือของใบรับรอง CA ทั้งหมด ลบใบรับรองที่ผู้ใช้นำเข้า และนำเข้าใบรับรองโดยใช้ตัวจัดการใบรับรองได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "UserOnly" (1) ทำให้ผู้ใช้จัดการได้เฉพาะใบรับรองที่ผู้ใช้นำเข้า และจะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความน่าเชื่อถือของใบรับรองในเครื่องไม่ได้ การตั้งค่าเป็น "None" (2) ทำให้ผู้ใช้ดูใบรับรอง CA ได้ (จัดการไม่ได้)</translation> |
| <translation id="6362856770865555544">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD (Web Proxy Auto-Discovery) ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ซึ่งทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องรอเซิร์ฟเวอร์ WPAD แบบใช้ DNS เป็นเวลานานขึ้น |
| |
| ไม่ว่าจะมีการตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ไม่ได้</translation> |
| <translation id="6366574325767783825">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะยอมรับเนื้อหาเว็บที่แสดงเป็น Signed HTTP Exchange |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะป้องกันไม่ให้ Signed HTTP Exchange โหลด</translation> |
| <translation id="6368011194414932347">กำหนดค่า URL ของหน้าแรก</translation> |
| <translation id="6368403635025849609">อนุญาตให้ใช้ JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="6372105930898423193">อนุญาตให้เปิดใช้ฟีเจอร์ AppCache อีกครั้งหากฟีเจอร์นี้ปิดอยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6376659517206731212">อาจเป็นข้อบังคับ</translation> |
| <translation id="6377355597423503887">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน |
| |
| อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ คุณกำหนดค่าได้ว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะเป็นการป้องกันแอปและส่วนขยายที่ใช้ chrome.identity API ไม่ให้ทำงาน คุณจึงอาจต้องใช้ SyncDisabled แทน</translation> |
| <translation id="6378076389057087301">ระบุว่ากิจกรรมเสียงมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation> |
| <translation id="6378393933102834628">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" แสดงทางลัดของแอป การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าทางลัดนี้จะไม่ปรากฏขึ้น |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะแสดงหรือซ่อนทางลัดของแอปในเมนูตามบริบทของแถบบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="6394350458541421998">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 29 โปรดใช้นโยบาย PresentationScreenDimDelayScale แทน</translation> |
| <translation id="6401669939808766804">ออกจากระบบให้ผู้ใช้</translation> |
| <translation id="640244877779556713">เปิดใช้คำแนะนำอีโมจิ</translation> |
| <translation id="6407093060083181305">กำหนดค่ารายการที่บล็อกสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="6417265370957905582">Google Assistant</translation> |
| <translation id="6422575351619065453">ในโหมดคีออสก์ นโยบายนี้ควบคุมว่าเมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะแสดงหรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะแสดงเสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะไม่แสดงเลย</translation> |
| <translation id="6424485010103067949"><ph name="OMA_URI" />:</translation> |
| <translation id="6424486395812679373">เริ่มการตรวจสอบของ Google Safe Browsing ในไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมด</translation> |
| <translation id="6438364096042399634">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดรายการอุปกรณ์ USB ที่ผู้ใช้จะปลดออกจากไดรเวอร์ Kernel เพื่อใช้งานผ่าน chrome.usb API ในเว็บแอปโดยตรงได้ รายการต่างๆ เป็นการจับคู่ระหว่างตัวระบุผู้ให้บริการ USB และตัวระบุผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะระบุฮาร์ดแวร์ที่เจาะจง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย รายการอุปกรณ์ USB ที่ปลดออกได้จะว่างเปล่า |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="USB_DETACHABLE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน |
| </translation> |
| <translation id="6438972408080276697">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะส่งรายงานเหตุการณ์การติดตั้งแอป Android สำคัญที่ทริกเกอร์โดยนโยบายไปยัง Google การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกเหตุการณ์</translation> |
| <translation id="6440051664870270040">อนุญาตให้เว็บไซต์นำทางและเปิดป๊อปอัปพร้อมกันได้</translation> |
| <translation id="6447948611083700881">การสำรองและกู้คืนข้อมูลปิดใช้อยู่</translation> |
| <translation id="6449476513004303784">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรอง</translation> |
| <translation id="6453641799812499182">เปิดใช้การลดการตรวจสอบ <ph name="CORS" /> ในการนำ <ph name="CORS" /> ใหม่ไปใช้</translation> |
| <translation id="645425387487868471">เปิดใช้การบังคับลงชื่อเข้าใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6458361632497500815">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้ทั้งหมดใช้งาน <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ได้ตราบใดที่มีการเปิดใช้ทั้ง 3 นโยบาย ได้แก่ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" />, <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_UNAFFILIATED_CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้ที่ไม่ได้เชื่อมโยงจะใช้งาน <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ไม่ได้ การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มคอนเทนเนอร์ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ใหม่ ไม่ใช่คอนเทนเนอร์ที่ทำงานอยู่แล้ว</translation> |
| <translation id="646376229090051440">ให้คุณกำหนดรายการโปรโตคอล และรายการที่เชื่อมโยงของรูปแบบต้นทางที่อนุญาตสำหรับแต่ละโปรโตคอล ซึ่งเปิดแอปพลิเคชันภายนอกได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้ ไม่ควรใส่ตัวคั่นข้างหลังเมื่อระบุโปรโตคอล เช่น ให้ใช้ "skype" แทน "skype:" หรือ "skype://" |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะอนุญาตให้โปรโตคอลเปิดแอปพลิเคชันภายนอกโดยไม่มีข้อความแจ้งจากนโยบายในกรณีที่มีการระบุโปรโตคอลดังกล่าวเท่านั้น และโดยที่ต้นทางของเว็บไซต์ไม่พยายามเปิดใช้งานโปรโตคอลที่ตรงกับต้นทางรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในรายการ allowed_origins ในโปรโตคอลนั้น หากเงื่อนไขเป็น "เท็จ" นโยบายจะไม่ละเว้นข้อความแจ้งการเปิดใช้งานโปรโตคอลภายนอก |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย โปรโตคอลทั้งหมดจะเปิดใช้งานได้ต่อเมื่อมีข้อความแจ้งโดยค่าเริ่มต้นเท่านั้น ผู้ใช้เลือกไม่รับข้อความแจ้งแบบรายโปรโตคอล/รายเว็บไซต์ได้หากนโยบาย <ph name="EXTERNAL_PROTOCOL_DIALOG_SHOW_ALWAYS_OPEN_CHECKBOX_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการยกเว้นข้อความแจ้งแบบรายโปรโตคอล/รายเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ตั้งค่า |
| |
| รูปแบบที่ตรงกันของต้นทางใช้รูปแบบที่คล้ายกับของนโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" ตามที่บันทึกไว้ที่ http://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format |
| |
| แต่รูปแบบที่ตรงกันของต้นทางในนโยบายนี้ต้องไม่มีองค์ประกอบ "/path" หรือ "@query" ระบบจะไม่สนใจรูปแบบที่มีองค์ประกอบ "/path" หรือ "@query"</translation> |
| <translation id="6464074037294098618">เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่</translation> |
| <translation id="6467613372414922590">อนุญาตให้ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมระดับผู้ใช้ (ติดตั้งโดยไม่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ)</translation> |
| <translation id="6473623140202114570">กำหนดค่ารายการโดเมนที่ Safe Browsing จะไม่เรียกให้คำเตือนแสดง</translation> |
| <translation id="647698599569353771">อนุญาตให้เปิดใช้การแชร์ใกล้เคียง</translation> |
| <translation id="6478261301433199402">การตั้งค่านโยบายจะระบุรูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ ระบุนโยบายนี้เป็นสตริงรูปแบบ JSON โดยที่ <ph name="URL_PLUGIN_VM_IMAGE_FIELD" /> ระบุตำแหน่งที่จะดาวน์โหลดรูปภาพและ <ph name="HASH_PLUGIN_VM_IMAGE_FIELD" /> เป็นแฮช SHA-256 ที่ใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="6491139795995924304">อนุญาตบลูทูธบนอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6491872498385040936">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ลองใช้ <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> ซึ่งจะลบล้างนโยบายนี้และช่วยให้ปรับแต่งการตั้งค่าได้ละเอียดยิ่งขึ้น |
| |
| บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางเป็นอย่างน้อยใน YouTube อยู่เสมอ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation> |
| <translation id="6492737559291967859">การตั้งค่านโยบายจะระบุภาษาที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ตั้งค่า ระบบจะใช้ภาษาแรกที่ใช้ได้จากรายการต่อไปนี้ |
| 1) ภาษาที่ผู้ใช้ระบุ (หากกำหนดค่าไว้) |
| 2) ภาษาของระบบ |
| 3) ภาษาสำรอง (en-US)</translation> |
| <translation id="6495337487202227251">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="SCREEN_LOCK_DELAYS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| วิธีที่แนะนำสำหรับการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวก็คือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation> |
| <translation id="6506239283767807745">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="NOTE_TAKING_APPS_LOCK_SCREEN_ALLOWLIST" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะระบุแอปที่ผู้ใช้เปิดเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ |
| |
| หากแอปที่ต้องการอยู่ในหน้าจอล็อก องค์ประกอบ UI สำหรับการเปิดแอปจดโน้ตที่ต้องการจะปรากฏขึ้นในหน้าจอ เมื่อเปิดแล้ว แอปจะสร้างหน้าต่างทับหน้าจอล็อกและสร้างโน้ตในบริบทนี้ได้ แอปจะนำเข้าโน้ตที่สร้างไว้ไปยังเซสชันหลักของผู้ใช้ได้เมื่อเซสชันนั้นไม่ได้ล็อก แอปที่ใช้ได้ในหน้าจอล็อกต้องเป็นแอปจดโน้ตของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| การตั้งค่านโยบายหมายความว่าผู้ใช้จะเปิดแอปในหน้าจอล็อกได้หากรหัสส่วนขยายของแอปอยู่ในค่ารายการของนโยบาย ดังนั้น การตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่าจะเป็นการปิดใช้การจดโน้ตในหน้าจอล็อก ไม่จำเป็นว่านโยบายที่มีรหัสแอปจะทำให้ผู้ใช้เปิดแอปดังกล่าวเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกได้ ตัวอย่างเช่น ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 61 แพลตฟอร์มยังจำกัดชุดแอปที่พร้อมใช้งานด้วย |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปิดใช้ชุดแอปในหน้าจอล็อกได้โดยไม่มีข้อจำกัดจากนโยบาย</translation> |
| <translation id="6506486086262398387">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ NTLM สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ไปยังพื้นที่แชร์ SMB หากจำเป็น การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ NTLM ไปยังพื้นที่แชร์ SMB |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ลักษณะการทำงานตามค่าเริ่มต้นเป็น "ปิด" สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเป็น "เปิด" สำหรับผู้ใช้อื่นๆ</translation> |
| <translation id="6513080278353546913">กำหนดค่าอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| นโยบายนี้จะควบคุมอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บที่เลือก |
| ประเภทข้อมูลที่มี ได้แก่ <ph name="DATA_TYPE_BROWSING_HISTORY" />, <ph name="DATA_TYPE_DOWNLOAD_HISTORY" />, <ph name="DATA_TYPE_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA" />, <ph name="DATA_TYPE_CACHED_IMAGES_AND_FILES" />, <ph name="DATA_TYPE_PASSWORD" />, <ph name="DATA_TYPE_AUTOFILL" />, <ph name="DATA_TYPE_SITE_SETTINGS" /> และ <ph name="DATA_TYPE_HOSTED_APP_DATA" /> |
| Chrome จะนำข้อมูลประเภทที่เลือกไว้ที่มีอายุนานกว่า <ph name="TIME_TO_LIVE_IN_HOURS" /> ออกอยู่เสมอ เนื่องจากการลบนี้จะเกิดขึ้นในบางช่วงเวลาเท่านั้น ข้อมูลบางอย่างจึงอาจมีอายุการใช้งานนานกว่าเล็กน้อย แต่จะไม่เกิน 2 เท่าของ <ph name="TIME_TO_LIVE_IN_HOURS" /> ที่คาดไว้ |
| นโยบายนี้กำหนดให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" มิเช่นนั้นระบบจะไม่สนใจนโยบายดังกล่าว |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับแพลตฟอร์ม ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์ที่ระดับแพลตฟอร์ม |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับผู้ใช้ ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์สำหรับผู้ใช้รายดังกล่าวเพื่อให้นโยบายนี้มีผล |
| </translation> |
| <translation id="6515357889978918016">รูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="6518102411616460786">รอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบันในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation> |
| <translation id="6520802717075138474">นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="6532026122543921610">หากนโยบาย <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_POLICY_NAME" /> ไม่ปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายก็จะกำหนดวิธีตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้เปลี่ยนแปลงไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น |
| * <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONDISABLED" /> จะปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ |
| * <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TTIMEZONEAUTOMATICDETECTIONIPONLY" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยใช้เมธอดแบบ IP เท่านั้น |
| * <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONSENDWIFIACCESSPOINTS" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยส่งรายชื่อจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ที่มองเห็นไปยังเซิร์ฟเวอร์ Geolocation API อย่างต่อเนื่องเพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด |
| * <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONSENDALLLOCATIONINFO" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยส่งข้อมูลตำแหน่ง (เช่น จุดเข้าใช้งาน Wi-Fi, เสาสัญญาณมือถือที่เข้าถึงได้, GPS) ไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ตั้งค่าไว้เป็น "ให้ผู้ใช้เลือก" หรือตั้งค่าไว้เป็น "ไม่มี" ผู้ใช้จะควบคุมการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติโดยใช้ส่วนควบคุมปกติใน chrome://settings</translation> |
| <translation id="6532769014584932288">อนุญาตการทำงานขณะล็อก</translation> |
| <translation id="6536600139108165863">เริ่มต้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ปิดเครื่อง</translation> |
| <translation id="6539246272469751178">นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อแอป Android โดยแอป Android จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้นเสมอ และไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ใดๆ ที่ดาวน์โหลดโดย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ลงในไดเรกทอรีการดาวน์โหลดที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="654303922206238013">กลยุทธ์การย้ายข้อมูลสำหรับ eCryptfs</translation> |
| <translation id="654546276700640113">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบบังคับใช้ความยาว PIN สูงสุดที่กำหนดค่าไว้ ค่า 0 หรือน้อยกว่าหมายความว่าผู้ใช้จะตั้ง PIN ที่มีความยาวเท่าใดก็ได้ หากค่าน้อยกว่า <ph name="PIN_UNLOCK_MINIMUM_LENGTH_POLICY_NAME" /> แต่มากกว่า 0 แสดงว่าได้ตั้งค่าความยาวสูงสุดเป็นความยาวขั้นต่ำ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการบังคับใช้ความยาวสูงสุด</translation> |
| <translation id="6553143066970470539">เปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ</translation> |
| <translation id="6558362593755624474">การตั้งค่านโยบายจะระบุรหัสสัญญาอนุญาต <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์นี้</translation> |
| <translation id="6559057113164934677">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เข้าถึงกล้องและไมโครโฟน</translation> |
| <translation id="6559221564468029245">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าทำให้ผู้ใช้ไม่ถูกพิจารณาว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะกำลังเล่นเสียง ซึ่งจะป้องกันระยะหมดเวลาเนื่องจากไม่ความเคลื่อนไหวและป้องกันการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว แต่จะยังมีการหรี่แสงหน้าจอ การปิดหน้าจอ และการล็อกหน้าจอหลังจากระยะหมดเวลาที่กำหนดค่าไว้ แม้จะมีกิจกรรมเสียงก็ตาม |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ระบบสามารถระบุว่าผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้จะมีกิจกรรมเสียง</translation> |
| <translation id="6559475864956112261">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี Chrome และแอป ARC จะไม่พิจารณาตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับพร็อกซีทั้งหมดที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| ระบบจะไม่พิจารณาตัวเลือกอื่นๆ หากคุณเลือกตัวเลือกต่อไปนี้ |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_DIRECT" /> = ไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_SYSTEM" /> = ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_AUTO_DETECT" /> = ตรวจจับพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ |
| |
| หากคุณเลือกใช้ตัวเลือกต่อไปนี้ |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> = พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่ คุณจะระบุตัวเลือกอื่นๆ ต่อไปได้ด้วย <ph name="PROXY_SERVER_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_POLICY_NAME" /> เฉพาะพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC |
| * <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> = สคริปต์พร็อกซี .pac ใช้ <ph name="PROXY_PAC_URL_POLICY_NAME" /> เพื่อตั้งค่า URL เป็นไฟล์ .pac ของพร็อกซี |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ |
| |
| หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation> |
| <translation id="6561396069801924653">แสดงตัวเลือกการเข้าถึงในเมนูถาดระบบ</translation> |
| <translation id="6563458316362153786">เปิดใช้การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว 802.11r</translation> |
| <translation id="6568977718979857253">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่ |
| |
| ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะไม่นำรายการปลั๊กอินที่ระบุมาใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะทำเครื่องหมายว่าปลั๊กอินเป็นปิดใช้อยู่ใน "about:plugins" และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้ |
| |
| โปรดทราบว่า EnabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions ลบล้างนโยบายนี้ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้ปลั๊กอินใดก็ตามที่ติดตั้งไว้ในระบบได้ ยกเว้นปลั๊กอินที่มีฮาร์ดโค้ดที่เข้ากันไม่ได้ ล้าสมัย หรือเป็นอันตราย</translation> |
| <translation id="6573305661369899995">ตั้งค่าแหล่งที่มาภายนอกของข้อจำกัด URL</translation> |
| <translation id="6575944031719151455">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการบัญชีในอุปกรณ์ที่จะแสดงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ตัวระบุจะเป็นตัวบอกความแตกต่างของบัญชีในอุปกรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือนโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่า ก็จะไม่มีบัญชีในอุปกรณ์แสดงเลย</translation> |
| <translation id="6584541828182430328">ปิดใช้การแสดงการแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอ</translation> |
| <translation id="6598235178374410284">รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6603004149426829878">ส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งใดก็ตามที่มีอยู่ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation> |
| <translation id="6604049565198492174">การตั้งค่านโยบายจะทำให้กำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้แต่ละคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ละเครื่องได้ การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิด (Open Network Configuration)</translation> |
| <translation id="660567106648774919">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย <ph name="TOS_DIALOG_BEHAVIOR_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| โดยค่าเริ่มต้น ข้อกำหนดในการให้บริการจะแสดงเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการไม่แสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรกหรือการเรียกใช้ครั้งต่อๆ ไป การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการแสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรก ข้อสำคัญอื่นๆ ได้แก่ |
| |
| - นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Android ซึ่งมีการจัดการครบวงจรที่กำหนดค่าได้โดยผู้ให้บริการการจัดการปลายทางแบบรวม (Unified Endpoint Management) |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" นโยบาย BrowserSignin จะไม่มีผล |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่ส่งเมตริกต่างๆ ไปยังเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" เบราว์เซอร์จะมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด |
| |
| - หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ผู้ดูแลระบบต้องแจ้งข้อมูลนี้กับผู้ใช้ปลายทางของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="6609867253856597039">ตั้งค่าประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation> |
| <translation id="6614557704487944013">อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation> |
| <translation id="6621830999036927230">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ URL นี้ในการตรวจสอบโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์จากไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลเพื่อยอมรับการเชื่อมต่อ หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้ |
| |
| หมายเหตุ: ใช้นโยบายนี้กับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_URL_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="6621839881150363218">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด (แต่ละเว็บไซต์จะทำงานด้วยกระบวนการของตัวเอง) การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดแจ้งและจะปิดการทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid ผู้ใช้จะยังเปิดใช้นโยบายด้วยตนเองได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| |
| หากต้องการให้มีการแยกเว็บไซต์และจำกัดผลกระทบสำหรับผู้ใช้ ให้ใช้ <ph name="ISOLATE_ORIGINS_ANDROID_POLICY_NAME" /> โดยมีรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก |
| |
| หมายเหตุ: เราจะปรับปรุงการรองรับการแยกเว็บไซต์สำหรับ Android แต่ปัจจุบันฟีเจอร์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ที่มี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายกับแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="66265932317331474">รายงานข้อมูล CPU</translation> |
| <translation id="6628120204569232711">รายงานสถานะของพื้นที่เก็บข้อมูล</translation> |
| <translation id="663685822663765995">จำกัดโหมดสีการพิมพ์</translation> |
| <translation id="6640989746632867803">การตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเลี่ยงการตัดสินเกี่ยวกับความปลอดภัยของการดาวน์โหลดไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น |
| |
| * บล็อกการดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย หมายความว่าระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนด้านความปลอดภัย |
| |
| * บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย หมายความว่าระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนด้านความปลอดภัยว่าเป็นการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย |
| |
| * บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด หมายความว่าระบบจะบล็อกการดาวน์โหลดทุกรายการ |
| |
| * บล็อกการดาวน์โหลดที่ประสงค์ร้าย หมายความว่าระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่ประเมินแล้วและมั่นใจมากว่าเป็นมัลแวร์ ซึ่งต่างกับการดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายตรงที่ไม่ได้พิจารณาประเภทของไฟล์ แต่พิจารณาที่โฮสต์ |
| |
| * ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ หมายความว่าการดาวน์โหลดจะต้องผ่านข้อจำกัดด้านความปลอดภัยทั่วไปโดยอิงจากผลการวิเคราะห์ด้านความปลอดภัย |
| |
| หมายเหตุ: ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่ทริกเกอร์จากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนู "ดาวน์โหลดลิงก์..." ด้วย โดยข้อจำกัดเหล่านี้ไม่มีผลกับการดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือกับการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation> |
| <translation id="6641981670621198190">ปิดใช้งานการสนับสนุน API ของกราฟิก 3 มิติ</translation> |
| <translation id="6646912445796087001">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อมีการเปิดใช้นโยบาย "VirtualKeyboardEnabled" |
| |
| หากมีการตั้งค่าฟีเจอร์ใดในนโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์นั้นในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ |
| |
| หากมีการตั้งค่าฟีเจอร์ใดในนโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นั้นในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ |
| |
| โปรดทราบว่ามีการรองรับนโยบายนี้ในโหมดคีออสก์ PWA เท่านั้น</translation> |
| <translation id="6647965994887675196">หากตั้งค่าเป็นจริง จะสามารถสร้างและใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้ |
| |
| หากตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้กำหนดค่า การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลและการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้ |
| |
| หมายเหตุ: การทำงานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคและอุปกรณ์ขององค์กรจะแตกต่างกัน: บนอุปกรณ์ของผู้บริโภค ผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น แต่จะปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ขององค์กร</translation> |
| <translation id="6652197835259177259">การตั้งค่าผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการในเครื่อง</translation> |
| <translation id="6653897159826215341">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ในตัวเมื่อผู้ใช้ขอพิมพ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่า คำสั่งพิมพ์จะทำให้หน้าจอการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์เปิดขึ้นมา</translation> |
| <translation id="6658245400435704251">ระบุจำนวนวินาทีสูงสุดที่อุปกรณ์อาจสุ่มหน่วงเวลาการดาวโหลดการอัปเดตนับตั้งแต่ที่มีการส่งการอัปเดตไปยังเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์อาจใช้เวลาส่วนหนึ่งรอขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มทำงานจนกระทั่งเสร็จสิ้นและใช้เวลาส่วนที่เหลือสำหรับการตรวจสอบการอัปเดตจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าในกรณีใด การกระจายจะเข้าใกล้ขอบเขตบนของระยะเวลาคงที่ อุปกรณ์จึงไม่ต้องค้างรอการดาวน์โหลดการอัปเดตอย่างไม่สิ้นสุด</translation> |
| <translation id="6665670272107384733">กำหนดความถี่ที่ผู้ใช้ต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อใช้การปลดล็อกด่วน</translation> |
| <translation id="6667586534922258705">แสดงปุ่ม "แสดงรหัสผ่าน" ในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก</translation> |
| <translation id="6669700740683748046">ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้การแสดง URL แบบเต็มในแถบที่อยู่ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะแสดง URL แบบเต็มในแถบที่อยู่ รวมถึงรูปแบบและโดเมนย่อยต่างๆ |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะใช้การแสดง URL โดยค่าเริ่มต้น |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การแสดง URL โดยค่าเริ่มต้น และผู้ใช้จะสลับระหว่างการแสดง URL โดยค่าเริ่มต้นและแบบเต็มได้ด้วยตัวเลือกเมนูตามบริบท |
| </translation> |
| <translation id="6672070613706645316">อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งพื้นหลังในหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="6672630473862787247">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันปกติ เซสชันไม่ระบุตัวตน และเซสชันผู้เยี่ยมชม</translation> |
| <translation id="6685903773201985073">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันผู้เยี่ยมชมและเซสชันปกติ</translation> |
| <translation id="6689343802305995925">ไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น</translation> |
| <translation id="6689792153960219308">รายงานสถานะของฮาร์ดแวร์</translation> |
| <translation id="6690425645391461516">ปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS อนุญาตแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation> |
| <translation id="6698632841807204978">เปิดใช้การพิมพ์ขาวดำ</translation> |
| <translation id="6699880231565102694">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="6703251016607733593">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้การบังคับใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> โฮสต์ที่เป็นองค์กรจะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ หากต้องการปิดใช้การบังคับใช้ แฮชนั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งต่อไปนี้ |
| |
| * มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ |
| |
| * มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ซึ่งแสดงในใบรับรองของผู้ออกใบรับรอง (CA) ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA ดังกล่าวถูกจำกัดผ่านส่วนขยาย X.509v3 nameConstraints มี directoryName nameConstraints อย่างน้อย 1 รายการใน permittedSubtrees และ directoryName มีแอตทริบิวต์ organizationName |
| |
| * มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่แสดงในใบรับรอง CA ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA มีแอตทริบิวต์ organizationName อย่างน้อย 1 รายการในชื่อใบรับรอง และใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์มีจำนวนแอตทริบิวต์ organizationName เท่ากัน ในลำดับเดียวกัน และมีค่าเท่ากันแบบไบต์ต่อไบต์ |
| |
| ระบุ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช เครื่องหมายทับ และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ระบบรู้จักอัลกอริทึมของแฮชเพียงรายการเดียวนั่นคือ sha256 และจะไม่สนใจอัลกอริทึมของแฮชอื่นๆ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น</translation> |
| <translation id="6704515759227307131">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและเปลี่ยนมาใช้ AdvancedProtectionAllowed |
| |
| นโยบายนี้ควบคุมว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนหามัลแวร์หรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะได้รับแจ้งให้ส่งไฟล์ไปให้ Google สแกนอย่างละเอียด หากผู้ใช้เลือก "สแกน" ระบบจะส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปยัง Google หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งและระบบจะไม่ส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปยัง Google</translation> |
| <translation id="6704994003174661159">นโยบายนี้ควบคุมการดูแลฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย (ฟอร์มที่ส่งผ่าน HTTP) ที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่ปลอดภัย (HTTPS) ในเบราว์เซอร์ |
| หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ข้อความเตือนแบบเต็มหน้าจะแสดงขึ้นมาเมื่อมีการส่งฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ ลูกโป่งข้อความเตือนจะแสดงขึ้นมาข้างช่องฟอร์มที่โฟกัสอยู่ และระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับฟอร์มเหล่านั้น |
| หากปิดใช้นโยบาย ข้อความเตือนฟอร์มที่ไม่ปลอดภัยจะไม่แสดงขึ้นมา และฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติจะทำงานตามปกติ</translation> |
| <translation id="670597451099978576">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="6723472666969849951">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ โฮสต์ที่แอปและส่วนขยายนั้นโต้ตอบด้วยได้ และจำกัดการเข้าถึงรันไทม์ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อจำกัดใดๆ สำหรับประเภทของส่วนขยายและแอปที่ยอมรับได้ |
| |
| ส่วนขยายและแอปซึ่งเป็นประเภทที่ไม่ได้อยู่ในรายการจะติดตั้งไม่ได้ แต่ละค่าควรเป็นสตริงรายการใดรายการหนึ่งต่อไปนี้ |
| |
| * "extension" |
| |
| * "theme" |
| |
| * "user_script" |
| |
| * "hosted_app" |
| |
| * "legacy_packaged_app" |
| |
| * "platform_app" |
| |
| ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเหล่านี้ได้ในเอกสารประกอบส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| ระบบไม่รองรับการใช้รหัสส่วนขยายหลายรายการที่คั่นด้วยจุลภาคในเวอร์ชันก่อน 75 และจะข้ามรหัสดังกล่าวไป นโยบายส่วนที่เหลือจะมีผลบังคับใช้ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ส่งผลต่อส่วนขยายและแอปที่จะบังคับติดตั้งโดยใช้ <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> ด้วย</translation> |
| <translation id="6731757988219967594">กรองเว็บไซต์ระดับบนสุด (แต่ไม่กรอง iframe ที่ฝังไว้) ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation> |
| <translation id="6734521799274931721">ควบคุมพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายเพื่อความพร้อมใช้งานของ ChromeOS</translation> |
| <translation id="6735701345096330595">บังคับให้เปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation> |
| <translation id="6740611636377710500">อนุญาตให้ผู้ใช้รายนี้เรียกใช้ PluginVm ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้คนดังกล่าว |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้รายนี้ ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดใช้ได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="USER_PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" และต้องมีการตั้งค่า <ph name="PLUGIN_VM_LICENSE_KEY_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="PLUGIN_VM_USER_ID_POLICY_NAME" /> จึงจะเรียกใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ได้</translation> |
| <translation id="6752711782954612641">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์เมื่อค้นหา URL ด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ข้อมูลข้อความค้นหาจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว |
| |
| การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอค้นหาโดยใช้เมธอด GET</translation> |
| <translation id="6757613329154374267">การสำรองและกู้คืนข้อมูลเปิดใช้อยู่</translation> |
| <translation id="6758659208493449452">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงจะได้รับการปกป้องเพิ่มเติมหรือไม่ บางฟีเจอร์เหล่านี้อาจมีการแชร์ข้อมูลกับ Google (เช่น ผู้ใช้การปกป้องขั้นสูงจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนหามัลแวร์ได้) หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะได้รับการปกป้องเพิ่มเติม หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ผู้ใช้การปกป้องขั้นสูงจะได้รับเฉพาะฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับผู้ใช้ทั่วไป</translation> |
| <translation id="6766216162565713893">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียงจากผู้ใช้</translation> |
| <translation id="6770454900105963262">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเซสชันคีออสก์ที่ใช้งาน</translation> |
| <translation id="6782977971207381602">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต้องเปิดใช้ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เพื่อใช้ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าอุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนไม่ได้ การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มเครื่องเสมือนใหม่ ไม่ใช่เครื่องเสมือนที่ทำงานอยู่แล้ว |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ อุปกรณ์ดังกล่าวจะเรียกใช้เครื่องเสมือนไม่ได้ อุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการจะเรียกใช้เครื่องเสมือนได้</translation> |
| <translation id="6786747875388722282">ส่วนขยาย</translation> |
| <translation id="6786967369487349613">ตั้งค่าไดเรกทอรีโปรไฟล์โรมมิ่ง</translation> |
| <translation id="6789422336869764846">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถานะโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์เมื่อเปิดเครื่อง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถานะโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation> |
| <translation id="6793420507738858152">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งส่วนหัวของคำขอแบบละเอียดซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับเบราว์เซอร์และสภาพแวดล้อมของผู้ใช้ |
| |
| ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์เสริม แต่ส่วนหัวใหม่อาจทำให้บางเว็บไซต์ที่จำกัดจำนวนอักขระในคำขอขัดข้อง |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการเปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากปิดใช้นโยบายนี้ ฟีเจอร์นี้จะใช้งานไม่ได้ |
| |
| นโยบายระดับองค์กรนี้มีไว้สำหรับการใช้งานในระยะสั้น และจะใช้ได้จนถึง Chrome 91 เป็นอย่างน้อย</translation> |
| <translation id="6795485990775913659">อนุญาตให้พิมพ์เท่านั้นเมื่อไม่มี PIN</translation> |
| <translation id="6800181452282128474">ไม่ส่งคำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks</translation> |
| <translation id="6810445994095397827">ปิดกั้น JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="6813263547126514821">การเปิดและปิดระบบ</translation> |
| <translation id="681446116407619279">สกีมการตรวจสอบสิทธิ์ที่ได้รับการสนับสนุน</translation> |
| <translation id="6815483833848348029">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า เมื่ออุปกรณ์ออฟไลน์ หากบัญชีในอุปกรณ์มีการตั้งค่าเป็นลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงข้อความแจ้งการกำหนดค่าเครือข่าย |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีข้อความแสดงข้อผิดพลาดขึ้นมาแทน</translation> |
| <translation id="6819838337315703072">หากเปิดใช้การสนับสนุนสำหรับแอป <ph name="LINUX_OS_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป <ph name="LINUX_OS_NAME" /> กลับไปที่เซิร์ฟเวอร์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการรายงานข้อมูลการใช้งาน</translation> |
| <translation id="6821268164692776674">ปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> และ "บันทึกลงใน Google ไดรฟ์"</translation> |
| <translation id="6823273740874361732">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมการตั้งค่าการจัดการส่วนขยายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าที่ควบคุมโดยนโยบายเกี่ยวกับส่วนขยายที่มีอยู่ นโยบายนี้มีผลแทนนโยบายเดิมที่อาจมีการตั้งค่าไว้ |
| |
| นโยบายนี้จะจับคู่รหัสส่วนขยายหรือ URL อัปเดตกับการตั้งค่าที่เฉพาะเจาะจงของรายการนั้นๆ เท่านั้น คุณกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับรหัสพิเศษ <ph name="DEFAULT_SCOPE" /> ได้ ซึ่งระบบจะใช้กับส่วนขยายทั้งหมดที่ไม่มีการกำหนดค่าเองในนโยบายนี้ เมื่อใช้ URL อัปเดต ระบบจะใช้การกำหนดค่ากับส่วนขยายที่มี URL อัปเดตตรงกับที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย ( http://support.google.com/chrome/a?p=Configure_ExtensionSettings_policy ) หากตั้งค่าธงสถานะ "override_update_url" เป็น "จริง" ระบบจะติดตั้งและอัปเดตส่วนขยายโดยใช้ URL "อัปเดต" ที่ระบุในนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> หรือในช่อง "update_url" ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่สนใจธงสถานะ "override_update_url" หาก "update_url" คือ URL Chrome เว็บสโตร์ |
| |
| หมายเหตุ: สำหรับอินสแตนซ์ Windows® ที่ไม่ได้เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> การติดตั้งที่บังคับจะจำกัดอยู่ที่แอปและส่วนขยายที่แสดงอยู่ใน Chrome เว็บสโตร์เท่านั้น</translation> |
| <translation id="6823711520976094072">การตั้งค่าต่ำกว่า 1 MB หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ขนาดเริ่มต้นซึ่งก็คือ 256 เมบิไบต์สำหรับการแคชแอปและส่วนขยายสำหรับการติดตั้งโดยผู้ใช้หลายคนในอุปกรณ์เดียว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ทุกครั้งสำหรับผู้ใช้แต่ละคน</translation> |
| <translation id="682408981080798691">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเปิดฟีเจอร์ความสมบูรณ์ของโค้ดในการแสดงผล |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความเสถียรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เนื่องจากจะทำให้โค้ดที่ไม่รู้จักหรืออาจมีเจตนาร้ายโหลดเข้ามาในกระบวนการแสดงผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ ปิดนโยบายนี้เฉพาะในกรณีที่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามซึ่งต้องเรียกใช้ภายในกระบวนการแสดงผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลดการประมวลผล ( https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/master/docs/design/sandbox.md#Process-mitigation-policies )</translation> |
| <translation id="6833023569065717572">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้นาฬิกาในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ของอุปกรณ์มีรูปแบบเป็น 24 ชั่วโมง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะทำให้นาฬิกาในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ของอุปกรณ์มีรูปแบบเป็น 12 ชั่วโมง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้อุปกรณ์ใช้รูปแบบจากภาษาปัจจุบัน |
| |
| เซสชันผู้ใช้ก็จะใช้รูปแบบของอุปกรณ์เป็นค่าเริ่มต้นเช่นกัน แต่ผู้ใช้เปลี่ยนรูปแบบนาฬิกาของบัญชีได้</translation> |
| <translation id="6833064854262015312">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนโหมดคอนทราสต์สูงเป็นเปิดหรือปิดได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที โหมดนี้จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน |
| |
| หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_HIGH_CONTRAST_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation> |
| <translation id="6833988859168635883">เริ่มต้นใช้งาน หน้าแรก และหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="6835883744948188639">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าควรเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation> |
| <translation id="683688607121170501">การตั้งค่านี้ทำให้ผู้ใช้สลับการใช้งานระหว่างบัญชี Google ได้ภายในพื้นที่เนื้อหาของหน้าต่างเบราว์เซอร์และในแอปพลิเคชันของ Android หลังจากที่ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็นเท็จ ระบบจะไม่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์ที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นจริง ระบบจะใช้การทำงานเริ่มต้นคืออนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันของ Android ยกเว้นบัญชีของบุตรหลานซึ่งระบบจะบล็อกพื้นที่เนื้อหาที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน |
| |
| ในกรณีที่ไม่ต้องการอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นผ่านโหมดไม่ระบุตัวตน ให้บล็อกโหมดดังกล่าวโดยใช้นโยบาย IncognitoModeAvailability |
| |
| โปรดทราบว่าผู้ใช้จะยังเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Google ในสถานะที่ไม่ผ่านการรับรองได้ด้วยการบล็อกคุกกี้</translation> |
| <translation id="6841254611279513739">การตั้งค่านโยบายนี้จะตั้งค่าการพิมพ์เป็นสีเท่านั้น ขาวดำเท่านั้น หรือไม่มีข้อจำกัดโหมดสี การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อจำกัด</translation> |
| <translation id="6843296367238757293">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว เราไม่แนะนำให้ใช้นโยบายนี้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation> |
| <translation id="6846126863870444592">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์เมื่อส่วนขยายนั้นใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /> ของ <ph name="PRINTING_API" /> เพื่อส่งงานพิมพ์ |
| |
| หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่ได้ตั้งค่ารายการไว้ ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์ให้ผู้ใช้เห็นทุกครั้งที่มีการเรียกใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /> |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTING_API_EXTENSIONS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="684856667300805181">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_GLS_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="6848721032946289937">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้การเร่งฮาร์ดแวร์ (หากมี) |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการเร่งฮาร์ดแวร์</translation> |
| <translation id="6851199885688265233">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์</translation> |
| <translation id="6851315055469993882">เปิดใช้แคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่มีขอบเขตทั่วไป</translation> |
| <translation id="6854767649023671426">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งหากมีการเข้าถึงการจับภาพวิดีโอ ยกเว้นใน URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ VideoCaptureAllowedUrls |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดข้อความแจ้ง และการจับภาพวิดีโอจะใช้ได้เฉพาะกับ URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ VideoCaptureAllowedUrls เท่านั้น |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับอินพุตวิดีโอทั้งหมด (ไม่ใช่แค่กล้องในตัว)</translation> |
| <translation id="6856743875250214792">เราเลิกใช้นโยบายนี้และนำออกแล้วใน M66 เพราะมีไว้เพื่อใช้ทดสอบภายในเท่านั้นและไม่เหมาะสำหรับการรักษาความปลอดภัย |
| |
| ระบุการแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ควรนำไปใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเริ่มใช้งาน ระบบจะใช้การแจ้งที่ระบุนี้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเท่านั้น การแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ตั้งผ่านนโยบายนี้จะไม่เผยแพร่ในเซสชันผู้ใช้</translation> |
| <translation id="685769593149966548">บังคับใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube</translation> |
| <translation id="686079137349561371">Microsoft Windows 7 ขึ้นไป</translation> |
| <translation id="68818134518270542">การตั้งค่านโยบายจะระบุแอปที่ผู้ใช้เปิดเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ |
| |
| หากแอปที่ต้องการอยู่ในหน้าจอล็อก องค์ประกอบ UI สำหรับการเปิดแอปจดโน้ตที่ต้องการจะปรากฏขึ้นในหน้าจอ เมื่อเปิดแล้ว แอปจะสร้างหน้าต่างทับหน้าจอล็อกและสร้างโน้ตในบริบทนี้ได้ แอปจะนำเข้าโน้ตที่สร้างไว้ไปยังเซสชันหลักของผู้ใช้ได้เมื่อเซสชันนั้นไม่ได้ล็อก แอปที่ใช้ได้ในหน้าจอล็อกต้องเป็นแอปจดโน้ตของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| การตั้งค่านโยบายหมายความว่าผู้ใช้จะเปิดแอปในหน้าจอล็อกได้หากรหัสส่วนขยายของแอปอยู่ในค่ารายการของนโยบาย ดังนั้น การตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่าจะเป็นการปิดใช้การจดโน้ตในหน้าจอล็อก ไม่จำเป็นว่านโยบายที่มีรหัสแอปจะทำให้ผู้ใช้เปิดแอปดังกล่าวเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกได้ ตัวอย่างเช่น ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 61 แพลตฟอร์มยังจำกัดชุดแอปที่พร้อมใช้งานด้วย |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปิดใช้ชุดแอปในหน้าจอล็อกได้โดยไม่มีข้อจำกัดจากนโยบาย</translation> |
| <translation id="6889123056995503704">ผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation> |
| <translation id="6894178810167845842">URL หน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="6897730193187922386">ระงับข้อความการเลิกใช้งานของ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="6899705656741990703">ตรวจหาการตั้งค่าพร็อกซีอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="6902561336084511004">ระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่พร้อมใช้งาน |
| |
| นโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เป็นไฟล์ JSON ได้ |
| |
| โดยที่ไฟล์ดังกล่าวต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB และต้องมีอาร์เรย์ของระเบียน (ออบเจ็กต์ JSON) ระเบียนแต่ละรายการต้องมีช่อง "id", "url" และ "display_name" ที่มีสตริงเป็นค่า ค่าของช่อง "id" ต้องไม่ซ้ำกัน |
| |
| ระบบจะดาวน์โหลดและเก็บแคชของไฟล์ไว้ และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด โดยจะมีการดาวน์โหลดไฟล์อีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะพยายามค้นหาเครื่องพิมพ์ที่พร้อมใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่ระบุโดยใช้โปรโตคอล IPP |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าที่ไม่ถูกต้อง ผู้ใช้จะไม่เห็นเครื่องพิมพ์ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเตรียมไว้ทุกเครื่อง |
| |
| ขณะนี้มีการจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ไว้ที่ 16 เซิร์ฟเวอร์ ระบบจะค้นหาเครื่องพิมพ์จากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ 16 เซิร์ฟเวอร์แรกในรายการเท่านั้น |
| </translation> |
| <translation id="6903814433019432303">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| กำหนดชุด URL ที่จะโหลดเมื่อเริ่มเซสชันการสาธิต นโยบายนี้จะลบล้างกลไกใดๆ ที่ใช้ในการตั้งค่า URL เริ่มต้น และจะสามารถใช้ได้กับเซสชันที่ไม่เชื่อมโยงกับผู้ใช้ใดเป็นการเฉพาะเท่านั้น</translation> |
| <translation id="6905405893096403868">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริงหมายความว่า ระบบจะส่งแต่ละสตริงไปยังเบราว์เซอร์สำรองเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งที่แยกจากกัน ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> พารามิเตอร์ต่างๆ จะรวมกันโดยใช้การเว้นวรรค ส่วนใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> พารามิเตอร์หนึ่งๆ อาจมีการเว้นวรรคได้ และระบบจะยังถือว่าเป็นพารามิเตอร์เดียว |
| |
| หากพารามิเตอร์มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ก็จะมีการแทนที่ <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด หากไม่มีพารามิเตอร์ใดที่มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ระบบจะใส่ URL ดังกล่าวต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง |
| |
| ระบบจะขยายตัวแปรสภาพแวดล้อม โดยใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_WIN_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" /> โดยใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_UNIX_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" /> |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า เฉพาะ URL เท่านั้นที่จะส่งผ่านในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง</translation> |
| <translation id="6907778402784621686">บล็อกเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="6908640907898649429">กำหนดค่าผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น คุณสามารถระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่ผู้ใช้จะใช้หรือเลือกปิดใช้งานการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6913068954484253496">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด</translation> |
| <translation id="6916817094593836501">นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้แสดงคำเตือน URL ที่เหมือนกันบนเว็บไซต์ที่ระบุไว้ คำเตือนเหล่านี้จะแสดงเป็นปกติบนเว็บไซต์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อว่าอาจกำลังพยายามปลอมแปลงเว็บไซต์อื่นที่ผู้ใช้คุ้นเคย |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายและตั้งค่าให้ใช้กับหนึ่งโดเมนขึ้นไป จะไม่มีการแสดงคำเตือนหน้าที่เหมือนกันเมื่อผู้ใช้เข้าชมหน้าเว็บไซต์บนโดเมนนั้น |
| |
| หากไม่ได้เปิดใช้นโยบาย ไม่ได้ตั้งค่า หรือตั้งค่าให้ใช้กับรายการที่ว่างเปล่า คำเตือนอาจปรากฎขึ้นบนหน้าเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชม |
| |
| อนุญาตชื่อโฮสต์ที่ตรงกับโฮสต์ทุกประการหรือตรงกับโดเมนใดๆ ก็ได้ เช่น อาจระงับคำเตือน URL อย่าง "https://foo.example.com/bar" หากมี "foo.example.com" หรือ "example.com" อยู่ในรายการ</translation> |
| <translation id="6922884955650325312">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation> |
| <translation id="6923731550900440989">เปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="6924223708804692571">บังคับให้ปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น |
| |
| หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ ผู้ใช้จะยังคงเปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ไม่ได้อยู่ในรายการได้ |
| |
| หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ |
| |
| หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น |
| |
| ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation> |
| <translation id="6926703471186170050">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านยาว</translation> |
| <translation id="6931242315485576290">ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลกับ Google</translation> |
| <translation id="6943577887654905793">ชื่อค่ากำหนด Mac/Linux:</translation> |
| <translation id="6946652757373377924"> |
| เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M77 |
| นโยบายนี้จะใช้กับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> ด้วยซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ |
| หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางที่มีชื่อแต่ละรายการในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในกระบวนการของตนเอง ซึ่งจะเป็นการแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อยด้วย เช่น การระบุ https://example.com/ จะเป็นการแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/ |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายหรือปิดใช้ไว้ ระบบจะใช้การตั้งค่าการแยกเว็บไซต์เริ่มต้นของแพลตฟอร์มสำหรับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ |
| </translation> |
| <translation id="6949867264289339206">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์องค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง "id" หรือ "guid" ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้ |
| |
| * ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง |
| |
| * เป็นการเสริม <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> และการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย |
| |
| หากไม่ตั้งค่า จะไม่มีเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์และระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ</translation> |
| <translation id="69525503251220566">พารามิเตอร์ที่ให้ฟีเจอร์การค้นหาโดยภาพสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6953102253399571439">เปิดใช้การพิมพ์ด้วย PIN โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="6956272732789158625">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ใช้การสร้างคีย์</translation> |
| <translation id="6961602002757991199">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น URL ที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="BROWSER_SWITCHER_URL_GREYLIST_POLICY_NAME" /> นโยบายเหล่านี้จะป้องกันไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเบราว์เซอร์สำรองเปิดกันได้ |
| |
| การไม่ได้ตั้งค่านโยบาย (หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง) หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการไม่เปลี่ยนเบราว์เซอร์ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation> |
| <translation id="6972540544240464302">เลือกการกำหนดค่าเครื่องจัดตารางเวลางาน</translation> |
| <translation id="6973754855639335783">การตั้งค่านโยบายหมายความว่าต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในกระบวนการของตัวเอง และจะแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อย เช่น การระบุ https://example.com/ จะเป็นการแยก https://foo.example.com/ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/ |
| |
| การปิดใช้นโยบายจะป้องกันไม่ให้มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดแจ้งและจะปิดการทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid ผู้ใช้ยังคงเปิด IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านการติดธงบรรทัดคำสั่ง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้ |
| |
| หมายเหตุ: เราจะปรับปรุงการรองรับการแยกเว็บไซต์สำหรับ Android แต่ปัจจุบันฟีเจอร์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ที่มี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายกับแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="6978404102280820831">หากไม่ตั้งค่านโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> ให้กู้คืน URL จากเซสชันก่อนหน้าโดยถาวร การตั้งค่า <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ก็จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะตั้งค่าคุกกี้ได้และไม่ได้สำหรับเซสชันหนึ่งๆ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล URL ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ก็จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเช่นกัน |
| |
| หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ในโหมดเบื้องหลัง เซสชันอาจยังมีการใช้งานอยู่จนกว่าผู้ใช้จะออกจากเบราว์เซอร์ ไม่ใช่เพียงปิดหน้าต่างสุดท้าย ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้ได้ใน <ph name="BACKGROUND_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> |
| |
| แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="6979158407327259162">Google ไดรฟ์</translation> |
| <translation id="6979739838208297344">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_ENABLED" /> หมายความว่าการสำรองและกู้คืนข้อมูล Android จะเปิดอยู่ตั้งแต่เริ่มต้น การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_DISABLED" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูลไว้ระหว่างการตั้งค่า |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_UNDER_USER_CONTROL" /> หมายความว่าผู้ใช้จะเห็นข้อความแจ้งให้ใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูล หากผู้ใช้เปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูล ระบบจะอัปโหลดข้อมูลแอป Android ไปยังเซิร์ฟเวอร์การสำรองข้อมูล Android และกู้คืนข้อมูลระหว่างการติดตั้งแอปที่เข้ากันได้อีกครั้ง |
| |
| หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูลได้</translation> |
| <translation id="6986172482189158664">การตั้งค่าอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บ</translation> |
| <translation id="6986838929449128437">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_ALLOWLIST_DOMAINS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนที่คุณระบุ และจะไม่ตรวจหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้ และบริการปกป้องรหัสผ่านก็จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าการปกป้องด้วย Google Safe Browsing ตามค่าเริ่มต้นจะมีผลกับทรัพยากรทั้งหมด |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="6994082778848658360">ระบุวิธีที่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์องค์ประกอบความปลอดภัยในเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สอง หากขั้นตอนดังกล่าวใช้ได้กับฟีเจอร์นี้ จะมีการใช้ปุ่มเปิด/ปิดของเครื่องในการตรวจหาตัวตนจริงของผู้ใช้ |
| |
| หากเลือก "ปิดใช้" จะไม่มีการแจ้งปัจจัยที่ 2 |
| |
| หากเลือก "U2F" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะดำเนินการตามข้อกำหนดของ FIDO U2F |
| |
| หากเลือก "U2F_EXTENDED" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะแจ้งฟังก์ชัน U2F พร้อมส่วนขยายบางอย่างสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation> |
| <translation id="6999948519306285655">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุ URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซีได้ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว |
| |
| หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation> |
| <translation id="7002040773317582266">เปิดใช้การตรวจหา URL ในเมนเฟรมแบบเรียลไทม์อยู่</translation> |
| <translation id="7003746348783715221">ค่ากำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7008308728445338159">เปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS แล้ว</translation> |
| <translation id="7016736684656067099">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้ทุกเว็บไซต์แสดงรูปภาพได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธไม่ให้แสดงรูปภาพ |
| |
| การไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้แสดงรูปภาพ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="7018302809266676962">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดแท็บไว้อย่างน้อย 1 แท็บหลังจากเปลี่ยนไปเป็นเบราว์เซอร์สำรอง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ปิดแท็บหลังจากเปลี่ยนไปเป็นเบราว์เซอร์สำรอง แม้ว่าจะเป็นแท็บสุดท้ายที่เปิดอยู่ ซึ่งจะปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไปเลย</translation> |
| <translation id="7019805045859631636">เร็ว</translation> |
| <translation id="7025332601572838001">การกำหนดค่าการทำงานของข้อกำหนดในการให้บริการระหว่างการเรียกใช้ CCT ครั้งแรก</translation> |
| <translation id="7026351325994257733">อนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ</translation> |
| <translation id="7027785306666625591">กำหนดค่าการจัดการพลังงานใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| นโยบายเหล่านี้ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้</translation> |
| <translation id="7027923238554618852">การตั้งค่านโยบายจะสั่งให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้การกำหนดค่าเครื่องจัดตารางเวลางานที่ระบุโดยชื่อที่เจาะจง นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็น <ph name="CONSERVATIVE_VALUE" /> หรือ <ph name="PERFORMANCE_VALUE" /> ก็ได้ ซึ่งจะปรับแต่งเครื่องจัดตารางเวลางานเพื่อความเสถียรหรือประสิทธิภาพสูงสุดตามลำดับ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกการตั้งค่าเองได้</translation> |
| <translation id="7030205756530739128">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_NAME" /> เป็น <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_MODE_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> จะปรับแต่งเวลาที่แบตเตอรี่เริ่มชาร์จ โดยอิงตามเปอร์เซ็นต์ของการชาร์จแบตเตอรี่ ค่านี้ต้องอยู่ที่จุดต่ำกว่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> อย่างน้อย 5% |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบมาตรฐาน</translation> |
| <translation id="7032813174556919004">ปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS</translation> |
| <translation id="7033778618670823541">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ (เช่น *.example.com) ที่ข้อจำกัดด้านความปลอดภัยสำหรับต้นทางที่ไม่ปลอดภัยจะไม่มีผล องค์กรอาจระบุต้นทางของแอปพลิเคชันเดิมที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราวสำหรับการพัฒนาเว็บภายใน เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว นโยบายนี้ยังป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า "ไม่ปลอดภัย" ในแถบที่อยู่ด้วย |
| |
| การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเช่นเดียวกับการติดธงบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure กับรายการของ URL ดังกล่าวที่คั่นด้วยจุลภาค นโยบายจะลบล้างการติดธงบรรทัดคำสั่งและ UnsafelyTreatInsecureOriginAsSecure (หากมี) |
| |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัยได้ที่ Secure Contexts (https://www.w3.org/TR/secure-contexts)</translation> |
| <translation id="7033985774616781500">กำหนดค่ากล้อง เบราว์เซอร์ การตั้งค่าระบบปฏิบัติการ และฟีเจอร์ในการสแกนที่จะปิดใช้</translation> |
| <translation id="703672323011778742">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้คุณกำหนดว่าทุกเว็บไซต์จะเรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติได้หรือไม่ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธปลั๊กอินนี้ในทุกเว็บไซต์ ฟีเจอร์คลิกเพื่อเล่นจะให้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ทำงานได้ แต่ผู้ใช้จะคลิกตัวยึดตำแหน่งเพื่อเริ่ม |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะใช้ <ph name="BLOCK_PLUGINS_POLICY_NAME" /> และให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| หมายเหตุ: การเล่นอัตโนมัติใช้ได้เฉพาะกับโดเมนที่แสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในนโยบาย <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากต้องการเปิดการเล่นอัตโนมัติในทุกเว็บไซต์ ให้เพิ่ม http://* และ https://* ในรายการนี้</translation> |
| <translation id="7037812781389976160">ควบคุมตำแหน่งของชั้นวาง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านล่าง"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านซ้าย"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านขวา"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านขวาของหน้าจอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นแบบบังคับ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอโดยค่าเริ่มต้น และผู้ใช้จะเปลี่ยนตำแหน่งของชั้นวางได้</translation> |
| <translation id="7040229947030068419">ค่าตัวอย่าง:</translation> |
| <translation id="7044883996351280650">ควบคุมบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลใน Android</translation> |
| <translation id="7063895219334505671">อนุญาตให้แสดงป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="706669471845501145">อนุญาตให้ไซต์แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation> |
| <translation id="7070525176564511548">ต้องป้อนรหัสผ่านทุกสัปดาห์ (168 ชั่วโมง)</translation> |
| <translation id="7072208053150563108">อัตราการเปลี่ยนรหัสผ่านโดยเครื่อง</translation> |
| <translation id="7072567600438630966">อนุญาตให้มีการเปิดใช้ฮับโทรศัพท์</translation> |
| <translation id="7079519252486108041">ปิดกั้นป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="7081784525008938771">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าทำให้ผู้ใช้ไม่ถูกพิจารณาว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะกำลังเล่นวิดีโอ ซึ่งจะป้องกันระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอ ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ และระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอ รวมถึงป้องกันไม่ให้มีการทำงานที่สอดคล้องกัน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ระบบสามารถระบุว่าผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้จะมีกิจกรรมวิดีโอ</translation> |
| <translation id="7086720321892395256">ควบคุมนโยบายด้านผู้ใช้และอุปกรณ์สำหรับฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัว</translation> |
| <translation id="7090668780328470271">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="7091220433954923921">การตั้งค่านโยบายจะจำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลในเครื่องนี้ใช้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลสามารถใช้พอร์ตใดก็ได้ที่ว่างอยู่ |
| |
| หมายเหตุ: หากปิดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_FIREWALL_TRAVERSAL_POLICY_NAME" /> โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะใช้พอร์ต UDP ในช่วง 12400-12409</translation> |
| <translation id="7091842872805965910">เปิดใช้ฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติในหน้าจอล็อกและหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="7093294902558672021">รายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="710003290625031750">คำอธิบายสคีมาแบบขยาย</translation> |
| <translation id="7101550508196914704">ไม่แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation> |
| <translation id="7126716959063786004">เปิดใช้การหยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน</translation> |
| <translation id="7127892035367404455">ย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมาย</translation> |
| <translation id="7127980134843952133">ประวัติการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="7129052644387688634">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงการแจ้งเตือนไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="712963038874313213">นโยบายที่มี Ansible Playbook ที่ควรจะเรียกใช้ในคอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้น |
| |
| นโยบายนี้อนุญาตให้มี Ansible Playbook ที่จะใช้ในคอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้นหากมีในอุปกรณ์นั้นๆ และนโยบายต่างๆ อนุญาตให้ใช้ได้ |
| |
| ขนาดของข้อมูลต้องไม่เกิน 1MB (1000000 bytes) และต้องเข้ารหัสเป็น YAML และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด |
| |
| รวมถึงจะดาวน์โหลดและแคชการกำหนดค่า แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง |
| |
| ถ้าคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้คอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้นต่อไปได้ในการกำหนดค่าต่อเนื่องของคอนเทนเนอร์หากนโยบายต่างๆ อนุญาตให้ใช้ Crostini ได้</translation> |
| <translation id="7132877481099023201">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่ต้องแจ้ง</translation> |
| <translation id="7134420220355750019">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวา |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ปุ่มด้านขวาของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักเสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักเสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะสลับปุ่มได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="7137460825181247519">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 83 โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_PROTECTION_LEVEL_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ Chrome ไว้เสมอ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด Google Safe Browsing ไว้ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า "เปิดใช้การป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" ใน Chrome ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะตั้งค่า "เปิดใช้การป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" เป็น "จริง" แต่ผู้ใช้เปลี่ยนได้ |
| |
| ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing) |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_PROTECTION_LEVEL_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่สนใจค่าของนโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="7138678301420049075">อื่นๆ</translation> |
| <translation id="7145335384492396213">โหมดการพิมพ์ด้วย PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="7146198347561863646">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้ Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงานได้ ส่วนขยายจะขอ Wake Lock ได้ผ่านทาง Power Management Extension API และแอป ARC |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบเพิกเฉยต่อคำขอ Wake Lock</translation> |
| <translation id="7149042336307555519"> ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตให้ใช้สำหรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ การอัปเดตระบบปฏิบัติการอาจทำให้การเชื่อมต่อทำงานหนักมากเนื่องจากขนาดของการอัปเดต และอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น โดยค่าเริ่มต้นจึงไม่มีการเปิดใช้การอัปเดตกับประเภทการเชื่อมต่อที่ถือว่ามีค่าใช้จ่ายสูง (ปัจจุบันมีเพียง "เน็ตมือถือ") |
| |
| ตัวระบุประเภทการเชื่อมต่อที่รู้จัก ได้แก่ <ph name="CONNECTION_TYPE_ETHERNET_NAME" /> <ph name="CONNECTION_TYPE_WIFI_NAME" /> และ <ph name="CONNECTION_TYPE_CELLULAR_NAME" /></translation> |
| <translation id="7152605873936173525">ควบคุมโหมดของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS โปรดทราบว่านโยบายนี้จะตั้งค่าโหมดเริ่มต้นสำหรับการค้นหาแต่ละรายการเท่านั้น อาจมีการลบล้างโหมดได้สำหรับประเภทการค้นหาพิเศษ เช่น คำขอแก้ไขชื่อโฮสต์ของเซิร์ฟเวอร์ DNS-over-HTTPS |
| |
| โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_OFF" /> จะปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS |
| |
| โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_AUTOMATIC" /> จะส่งการค้นหา DNS-over-HTTPS ไปก่อน หากเซิร์ฟเวอร์ DNS-over-HTTPS พร้อมใช้งาน และอาจถอยหลังกลับไปส่งการค้นหาที่ไม่ปลอดภัยที่เป็นข้อผิดพลาด |
| |
| โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_SECURE" /> จะส่งเฉพาะการค้นหา DNS-over-HTTPS และจะแก้ไขข้อผิดพลาดไม่สำเร็จ |
| |
| สำหรับ <ph name="ANDROID_VERSION" /> ขึ้นไป หากโหมด DNS-over-TLS เปิดใช้งานอยู่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ส่งคำขอ DNS ที่ไม่ปลอดภัย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์อาจส่งคำขอ DNS-over-HTTPS ไปยังรีโซลเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับรีโซลเวอร์ระบบของผู้ใช้ซึ่งมีการกำหนดค่าไว้</translation> |
| <translation id="7158358621906236999">การตั้งค่าเซ็นเซอร์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="7167436895080860385">อนุญาตให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านในตัวจัดการรหัสผ่าน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation> |
| <translation id="7170049569641162846">อนุญาตการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน</translation> |
| <translation id="7173856672248996428">โปรไฟล์ชั่วคราว</translation> |
| <translation id="717630378807352957">อนุญาตเครื่องพิมพ์ทั้งหมดจากไฟล์การกำหนดค่า</translation> |
| <translation id="7177293255621000064">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้สื่อจัดเก็บข้อมูลภายนอกทุกประเภท (แฟลชไดรฟ์ USB, ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก, การ์ด SD และการ์ดหน่วยความจำอื่นๆ, ที่เก็บข้อมูลออปติคอล) ไม่พร้อมใช้งานในโปรแกรมเรียกดูไฟล์ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะใช้ที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกในอุปกรณ์ของตนได้ |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลต่อ Google ไดรฟ์และที่จัดเก็บข้อมูลภายใน ผู้ใช้จะยังเข้าถึงไฟล์ที่บันทึกไว้ในโฟลเดอร์ดาวน์โหลดได้อยู่</translation> |
| <translation id="7177857088692019405">ปลดล็อกด่วน</translation> |
| <translation id="7179187054027029272">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้ แอป หรือส่วนขยายที่มีสิทธิ์ที่เหมาะสมจะเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอ (ซึ่งแสดงเฉพาะเนื้อหาเว็บ) ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้ แอป หรือส่วนขยายจะเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอไม่ได้</translation> |
| <translation id="718126088895133062">นโยบายนี้ระบุ User ID การอนุญาตให้ใช้สิทธิของ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์นี้</translation> |
| <translation id="7185078796915954712">TLS 1.3</translation> |
| <translation id="7185630966939835143">ใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation> |
| <translation id="718850220532931090">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="ATTESTATION_EXTENSION_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะกำหนดส่วนขยายที่สามารถใช้ฟังก์ชันการทำงาน <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" /> ของ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับเอกสารรับรองระยะไกล ส่วนขยายต้องอยู่ในรายการนี้เพื่อใช้ API ดังกล่าว |
| |
| หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่มีการตั้งค่ารายการไว้ จะเรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation> |
| <translation id="718956142899066210">ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตสำหรับการอัปเดต</translation> |
| <translation id="7190286937411178540">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์</translation> |
| <translation id="7193489339723768342">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุรายการ URL ที่จะมีการจับคู่รูปแบบกับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากรูปแบบตรงกัน ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่แสดงข้อความแจ้ง |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation> |
| <translation id="7194407337890404814">ชื่อผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="7199304109870655950">กำหนดค่าตัวเลือกการเข้าถึงระยะไกลในโฮสต์ Chrome Remote Desktop |
| |
| โฮสต์ Chrome Remote Desktop คือบริการแบบเนทีฟที่ทำงานในอุปกรณ์เป้าหมายซึ่งผู้ใช้เชื่อมต่อได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Chrome Remote Desktop บริการแบบเนทีฟนี้จะรวมอยู่ในแพ็กเกจและมีการดำเนินการแยกจากเบราว์เซอร์<ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| ระบบจะไม่สนใจนโยบายเหล่านี้หาก |
| ไม่มีการติดตั้งโฮสต์ Chrome Remote Desktop</translation> |
| <translation id="7202925763179776247">อนุญาตข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="7207095846245296855">บังคับใช้ Google ค้นหาปลอดภัย</translation> |
| <translation id="7211368186050418507">ไม่ต้องตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="7216442368414164495">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกใช้การรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing</translation> |
| <translation id="7229975860249300121">มีนิพจน์ทั่วไปซึ่งใช้เพื่อกำหนดบัญชี Google ที่ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ (นั่นคือ บัญชีที่เลือกระหว่างขั้นตอนการเลือกใช้การซิงค์) |
| |
| ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องจะแสดงขึ้นหากผู้ใช้พยายามตั้งค่าบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ด้วยชื่อผู้ใช้ที่ไม่ตรงกับรูปแบบนี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือเว้นว่างไว้ ผู้ใช้จะตั้งค่าบัญชี Google ใดก็ได้ให้เป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="723103540848640830">ตั้งค่าความยาวขั้นต่ำของ PIN หน้าจอล็อก</translation> |
| <translation id="7234280155140786597">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมต้องห้าม (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation> |
| <translation id="7246767840750730334">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การแจ้งเตือนของฮับโทรศัพท์</translation> |
| <translation id="7249828445670652637">เปิดใช้ใบรับรอง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation> |
| <translation id="7252681704926980614">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมพร้อมด้วยงานพิมพ์ทั้งหมด ค่าเริ่มต้นคือไม่ส่ง |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะปิดใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้โปรโตคอลอื่นๆ ที่ไม่ใช่ IPPS, USB หรือ IPP-over-USB เนื่องจากไม่ควรส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ผ่านเครือข่ายอย่างเปิดเผย</translation> |
| <translation id="7257092058788772055">การตั้งค่านโยบายจะตั้งค่า URL หน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> คุณเปิดหน้าแรกโดยใช้ปุ่มหน้าแรก ในเดสก์ท็อป นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> จะควบคุมหน้าที่เปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน |
| |
| หากผู้ใช้หรือ <ph name="HOMEPAGE_IS_NEW_TAB_PAGE_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| URL ต้องเป็นรูปแบบมาตรฐาน เช่น http://example.com หรือ https://example.com เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยน URL หน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่าทั้ง <ph name="HOMEPAGE_LOCATION_POLICY_NAME" /> และ <ph name="HOMEPAGE_IS_NEW_TAB_PAGE_POLICY_NAME" /> จะทำให้ผู้ใช้เลือกหน้าแรกเองได้ |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="7258823566580374486">เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="7260204423892780600">ควบคุมการตั้งค่าสำหรับ Google Assistant</translation> |
| <translation id="7260277299188117560">เปิดใช้การอัปเดต p2p อัตโนมัติแล้ว</translation> |
| <translation id="7261252191178797385">รูปภาพวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7264704483008663819">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M68 โปรดใช้ DeveloperToolsAvailability แทน |
| |
| ปิดใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript |
| |
| หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ และองค์ประกอบในเว็บไซต์จะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกต่อไป ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดและเมนูใดๆ หรือรายการเมนูตามบริบทที่ใช้เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript |
| |
| การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ตั้งค่าเลยทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ |
| |
| หากมีการตั้งค่านโยบาย DeveloperToolsAvailability ระบบจะเพิกเฉยต่อค่าของนโยบาย DeveloperToolsDisabled</translation> |
| <translation id="7266471712301230894">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 64 |
| |
| ไม่รองรับการค้นหาอัตโนมัติและการติดตั้งปลั๊กอินที่ขาดหายไปแล้ว</translation> |
| <translation id="7267809745244694722">แป้นสื่อมีค่าเริ่มต้นเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation> |
| <translation id="7271085005502526897">การนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="7271181393214180342">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP จะยึดตามการอนุมัติโดยนโยบาย KDC กล่าวคือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ให้แก่บริการที่กำลังเข้าถึงในกรณีที่ KDC ตั้งค่า <ph name="OK_AS_DELEGATE" /> ในตั๋วบริการ ดู RFC 5896 (https://tools.ietf.org/html/rfc5896.html) บริการควรได้รับอนุญาตจาก <ph name="AUTH_NEGOTIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ด้วย |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า ระบบจะไม่สนใจนโยบาย KDC ในแพลตฟอร์มที่รองรับ และจะดำเนินการตาม <ph name="AUTH_NEGOTIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ระบบจะดำเนินการตามนโยบาย KDC เสมอ</translation> |
| <translation id="7274077256421167535">เปิดใช้การแชร์พลังงานผ่าน USB</translation> |
| <translation id="7275334191706090484">บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="7278854311116092134">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่จะยกเว้นจากรายการที่บล็อก</translation> |
| <translation id="7291084543582732020">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ Smart Lock ได้หากปฏิบัติตามข้อกำหนดของฟีเจอร์นี้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ Smart Lock ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="7295019613773647480">เปิดใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation> |
| <translation id="7302043767260300182">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="731208205557053914">รายงานข้อมูล VPD</translation> |
| <translation id="7319863628760093590">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะอนุญาตคำขอตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />ที่ได้รับผ่าน HTTP ที่ไม่ปลอดภัย |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะห้ามไม่ให้คำขอ HTTP ที่ไม่ปลอดภัยใช้สกีมการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" /> อนุญาตเฉพาะ HTTPS ที่ปลอดภัยเท่านั้น</translation> |
| <translation id="7323896582714668701">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเพิ่มเติมสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7326394567531622570">เหมือนกับ Wipe (ค่า 2) แต่ให้ลองเก็บโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง</translation> |
| <translation id="7331962793961469250">เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์จะไม่ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็น "เท็จ" หรือการปล่อยไว้แบบไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="7332963785317884918">นโยบายนี้ถูกกำหนดให้เลิกใช้แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้กลยุทธ์ในการล้างข้อมูลแบบ "RemoveLRU" เสมอ |
| |
| ควบคุมพฤติกรรมการล้างข้อมูลอัตโนมัติบนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะเริ่มขึ้นเมื่อพื้นที่ว่างของดิสก์ลดลงถึงระดับวิกฤตเพื่อกู้คืนพื้นที่บางส่วนของดิสก์ |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRU" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้จากอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ |
| |
| หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRUIfDormant" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบอย่างน้อย 3 เดือนไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ |
| |
| หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะใช้กลยุทธ์เริ่มต้นที่มีในตัว ซึ่งปัจจุบันคือกลยุทธ์ "RemoveLRUIfDormant"</translation> |
| <translation id="7336785017449297672">ควบคุมการตั้งค่านาฬิกาและเขตเวลา</translation> |
| <translation id="7336878834592315572">เก็บคุกกี้ไว้ในระหว่างช่วงเวลาของเซสชัน</translation> |
| <translation id="7338217396351647423">การตั้งค่านโยบายจะระบุชุดนโยบายที่จะส่งไปยังรันไทม์ของ ARC ผู้ดูแลระบบจะใช้การตั้งค่านี้เพื่อเลือกแอป Android ที่จะติดตั้งโดยอัตโนมัติได้ โปรดป้อนค่าเป็นรูปแบบ JSON ที่ถูกต้อง |
| |
| หากต้องการตรึงแอปกับ Launcher โปรดดู PinnedLauncherApps</translation> |
| <translation id="7339315111520512972">บังคับให้เรียกใช้โค้ดเครือข่ายในกระบวนการของเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="7340034977315324840">รายงานจำนวนครั้งของกิจกรรมบนอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7343004974628511824">ทำการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS</translation> |
| <translation id="7343497214039883642">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กรสำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7358744897221281073">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์อยู่แล้วจะทำงานต่างๆ เช่น ดูหน้าเว็บของโทรศัพท์ใน Chrome OS ต่อไปได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ หากปิดใช้นโยบาย PhoneHubAllowed ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เช่นกัน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation> |
| <translation id="7372831798009983116">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="7373200034079131670">รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android หรือ VM เริ่มต้นแล้ว</translation> |
| <translation id="7373680616478819439">การตั้งค่านี้จะเปิดหรือปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" กล่องโต้ตอบการสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงขึ้นมาเมื่อมีการเพิ่มบัญชี Google ในเว็บ และผู้ใช้อาจได้รับประโยชน์จากการย้ายบัญชีนี้ไปยังโปรไฟล์อื่น (โปรไฟล์ใหม่หรือที่มีอยู่แล้ว) |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" กล่องโต้ตอบการสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้จะไม่แสดงขึ้นมา</translation> |
| <translation id="7375785904116479354">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="7382191643394429934">อนุญาตการพิมพ์ทั้งกรณีที่มีและไม่มีกราฟิกพื้นหลัง</translation> |
| <translation id="7389872682701720082">หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ปลั๊กอินที่ยังไม่ล้าสมัยจะทำงานเสมอ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขออนุญาตจากผู้ใช้เพื่อเรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์ ปลั๊กอินเหล่านี้อาจทำให้ระบบผ่อนปรนเรื่องความปลอดภัย</translation> |
| <translation id="7390361032458549775">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากมีรูปแบบ URL ใน "KeygenAllowedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="739556497251174388">อนุญาตให้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> มาใช้ซ้ำสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย</translation> |
| <translation id="7400971609879083218">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้รูปภาพของบุคคลที่สามในหน้าเว็บแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้รูปภาพของบุคคลที่สามแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์ไม่ได้ |
| |
| โดยทั่วไปแล้วจะ "ปิดใช้" นโยบายนี้เพื่อป้องกันฟิชชิง</translation> |
| <translation id="7407441173422042771">นโยบายนี้ควบคุมการคาดคะเนเครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะควบคุมการดึงข้อมูล DNS ล่วงหน้า, TCP, การเชื่อมต่อ SSL ล่วงหน้า และการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้า |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ การไม่ตั้งค่าจะเปิดการคาดคะเนเครือข่าย แต่ผู้ใช้เปลี่ยนได้</translation> |
| <translation id="7415655595380180976">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึง URL ที่ระบุไว้ โดยเป็นข้อยกเว้นของรายการ URL ที่บล็อก ดูรูปแบบของรายการในลิสต์นี้ได้จากคำอธิบายของนโยบายดังกล่าว ตัวอย่างเช่น การตั้งค่า <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> เป็น * จะบล็อกคำขอทั้งหมด และคุณจะใช้นโยบายนี้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดไว้ได้ ตลอดจนใช้ในการเปิดข้อยกเว้นให้แก่บางรูปแบบ โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ต หรือเส้นทางที่เฉพาะเจาะจงโดยใช้รูปแบบที่ระบุไว้ที่ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) ตัวกรองที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่า URL หนึ่งๆ ถูกบล็อกหรือได้รับอนุญาต รายการที่อนุญาตจะมีความสำคัญเหนือกว่ารายการที่บล็อก นโยบายนี้ระบุรายการได้ไม่เกิน 1,000 รายการ |
| |
| นโยบายนี้ยังให้คุณเปิดใช้การเรียกใช้อัตโนมัติโดยเบราว์เซอร์ของแอปพลิเคชันภายนอกที่ลงทะเบียนเป็นเครื่องจัดการโปรโตคอลสำหรับโปรโตคอลที่ระบุไว้ เช่น "tel:" หรือ "ssh:" |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อยกเว้น |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="7417438464912687020">อนุญาตให้เข้าถึงการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้จากระยะไกล</translation> |
| <translation id="7417972229667085380">เปอร์เซ็นต์สำหรับการปรับการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานในโหมดการนำเสนอ (เลิกใช้งาน)</translation> |
| <translation id="7421483919690710988">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อเป็นไบต์</translation> |
| <translation id="7424751532654212117">รายการยกเว้นสำหรับรายการของปลั๊กอินที่ถูกปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="7426112309807051726">ระบุว่าควรปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ <ph name="TLS_FALSE_START" /> ไหม ด้วยเหตุผลในอดีต นโยบายนี้มีชื่อว่า DisableSSLRecordSplitting |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะเปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /> หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /></translation> |
| <translation id="7433714841194914373">เปิดใช้งานค้นหาทันใจ</translation> |
| <translation id="7434202861148928348">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="7443356543619955157">การตั้งค่านโยบายจะทำให้กำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้ทุกคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิด (Open Network Configuration)</translation> |
| <translation id="7448430478749155471">เปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="7458437477941640506">อย่าย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมายหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า การอัปเดตต่างๆ จะถูกปิดการใช้งานเช่นกัน</translation> |
| <translation id="7459601923199346224">ควบคุมนโยบายด้านผู้ใช้และอุปกรณ์สำหรับการจัดการใบรับรอง</translation> |
| <translation id="7459633275230216698">อนุญาตกล่องโต้ตอบการเลือกไฟล์</translation> |
| <translation id="7464991223784276288">จำกัดคุกกี้จาก URL ที่ตรงกันให้อยู่ในเซสชันปัจจุบัน</translation> |
| <translation id="7468182772656807573">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดความถี่ในการส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่ายเป็นมิลลิวินาที ช่วงเวลาอาจอยู่ที่ตั้งแต่ 30 วินาทีถึง 24 ชั่วโมง ค่าที่ไม่อยู่ในช่วงดังกล่าวจะถูกจำกัดตามช่วงนี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ช่วงเวลาเริ่มต้น 3 นาที</translation> |
| <translation id="7469554574977894907">เปิดใช้งานคำแนะนำในการค้นหา</translation> |
| <translation id="747014869399137701">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์แสดงการแจ้งเตือนในเดสก์ท็อปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการแจ้งเตือนในเดสก์ท็อป |
| |
| การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="ASK_NOTIFICATIONS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="747275827471712187">เปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมสำหรับคุกกี้ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="7476447711788742702">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดการดำเนินการที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะทำเมื่อผู้ใช้ปิดฝาอุปกรณ์ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้การระงับ |
| |
| หมายเหตุ: หากมีการระงับการทำงาน คุณจะตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อให้ล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนที่จะมีการระงับได้</translation> |
| <translation id="7476621944304431784">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ ก่อนที่จะซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ได้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดแจ้งด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi |
| |
| ฟีเจอร์นี้ขึ้นอยู่กับประเภทข้อมูล <ph name="WIFI_CONFIGURATIONS_DATATYPE_NAME" /> ในการซิงค์ของ Chrome ที่เปิดใช้อยู่ หากปิดใช้ <ph name="WIFI_CONFIGURATIONS_DATATYPE_NAME" /> ในนโยบาย <ph name="SYNC_TYPES_LIST_DISABLED_POLICY_NAME" /> หรือปิดใช้การซิงค์ของ Chrome นโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่เปิดใช้ฟีเจอร์นี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ที่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นไม่ได้</translation> |
| <translation id="7477231245051133709">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโน</translation> |
| <translation id="7477239290070847560">ปลายทางโปรโตคอลตาม Zeroconf (mDNS + DNS-SD)</translation> |
| <translation id="7485481791539008776">กฎการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="7506745375479451616">นโยบายนี้จะควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเปลี่ยนมาจาก <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็นเส้นทางไฟล์ที่สั่งการได้หรือ <ph name="PRODUCT_NAME_PLACEHOLDER" /> เพื่อตรวจหาตำแหน่งของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะตรวจหาเส้นทางสั่งการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เองโดยอัตโนมัติเมื่อเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> จาก Internet Explorer |
| |
| หมายเหตุ: หากไม่ได้มีการติดตั้ง Add-in การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าสำหรับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล</translation> |
| <translation id="7507131973617884092">การตั้งค่านโยบายหมายความว่าต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในกระบวนการของตัวเอง และจะแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อย เช่น การระบุ https://example.com/ จะเป็นการแยก https://foo.example.com/ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/ |
| |
| การตั้งค่าเป็น "ปิด" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้ |
| |
| หมายเหตุ: สำหรับ Android ให้ใช้นโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_ANDROID_POLICY_NAME" /> แทน</translation> |
| <translation id="7519251620064708155">อนุญาตให้สร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="7529144158022474049">ปัจจัยการกระจายการอัปเดตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="7529332889403151669">ระบุว่าจะให้แสดงการแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอหรือไม่เมื่ออุปกรณ์ออกจากโหมดสลีปหรือหน้าจอตอนกลางคืน |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งนโยบายหรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนเพื่อช่วยเตือนให้ผู้ใช้ออกจากโหมดเต็มหน้าจอก่อนป้อนรหัสผ่าน เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่แสดงการแจ้งเตือน</translation> |
| <translation id="7529963829662387349">การตั้งค่านโยบายนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกวิธีการป้อนข้อมูลวิธีใดวิธีหนึ่ง (เลย์เอาต์แป้นพิมพ์) สำหรับเซสชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่คุณระบุ |
| |
| หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลวิธีใดก็ได้ที่รองรับ |
| |
| หมายเหตุ: หากไม่รองรับวิธีการป้อนข้อมูลในปัจจุบัน ระบบจะเปลี่ยนไปใช้เลย์เอาต์ของแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์ (ถ้าอนุญาตให้ใช้ได้) หรือรายการแรกที่ใช้ได้ในลิสต์นี้ ระบบจะเพิกเฉยต่อวิธีการที่ใช้ไม่ได้หรือไม่รองรับ</translation> |
| <translation id="7534199150025803530">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันการใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ คุณต้องยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation> |
| <translation id="7540622499178214923">อนุญาตตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation> |
| <translation id="7540826630642174841">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบไม่สนใจนโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ (ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเหล่านี้) ระหว่างระยะเวลาที่ระบุ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้นโยบายด้านอุปกรณ์อีกครั้งเมื่อระยะเวลาของนโยบายเริ่มต้นหรือสิ้นสุดลง ระบบจะแจ้งเตือนและบังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลานี้และการตั้งค่าของนโยบายด้านอุปกรณ์ (ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่ไม่อนุญาต)</translation> |
| <translation id="7540945123920084379">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ปลดล็อกหน้าจอล็อกได้ |
| |
| หากต้องการอนุญาต |
| |
| * โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] (รวมถึงโหมดที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วย) |
| |
| * สำหรับการปลดล็อกด้วย PIN เท่านั้น ให้ใช้ ["PIN"] |
| |
| * สำหรับ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"] |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย</translation> |
| <translation id="7547549430720182663">รวม</translation> |
| <translation id="7553535237300701827">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบจะเป็นวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า: |
| |
| หากตั้งค่าเป็น GAIA การเข้าสู่ระบบจะดำเนินการผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ GAIA ทั่วไป |
| |
| หากตั้งค่าเป็น SAML_INTERSTITIAL การเข้าสู่ระบบจะแสดงหน้าจอคั่นระหว่างหน้าซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ของโดเมนที่อุปกรณ์ลงทะเบียนไว้ หรือกลับไปใช้ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบทั่วไปของ GAIA</translation> |
| <translation id="7554382342294940216">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ข้ามพร็อกซีของการตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลได้ หน้าเว็บการตรวจสอบสิทธิ์เหล่านี้ (ซึ่งเริ่มตั้งแต่หน้าการลงชื่อเข้าใช้แคพทีฟพอร์ทัลไปจนถึงเมื่อ Chrome ตรวจพบว่าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำเร็จ) จะเปิดในหน้าต่างใหม่โดยไม่ยึดตามข้อจำกัดและการตั้งค่านโยบายทั้งหมดสำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อมีการตั้งค่าพร็อกซี (โดยนโยบาย ส่วนขยาย หรือผู้ใช้ใน chrome://settings) |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้หน้าการตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลต่างๆ แสดงในแท็บใหม่ (ปกติ) ของเบราว์เซอร์โดยใช้การตั้งค่าพร็อกซีของผู้ใช้ปัจจุบัน</translation> |
| <translation id="755951849901630953">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์สำหรับคอมโพเนนต์ทั้งหมดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "จริง" |
| |
| หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ แต่คอมโพเนนต์บางอย่างจะได้รับการยกเว้นจากนโยบายนี้ กล่าวคือระบบจะไม่ปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ที่ไม่มีโค้ดสั่งการ หรือที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนลักษณะการทำงานของเบราว์เซอร์มากนัก ตลอดจนคอมโพเนนต์ที่มีความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัย |
| ตัวอย่างของคอมโพเนนต์ดังกล่าว ได้แก่ รายการยกเลิกใบรับรองและข้อมูล Safe Browsing |
| ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation> |
| <translation id="7563608136659080810">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTH_NEGOCIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะกำหนดเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจมอบสิทธิ์ให้ คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่มอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ แม้จะตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินทราเน็ตก็ตาม</translation> |
| <translation id="7566878661979235378">ประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML</translation> |
| <translation id="7567373982693549834">นโยบายนี้ควบคุมการใช้งานแอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ (แหล่งที่ไม่ใช่ Google Play Store) สำหรับผู้ใช้แต่ละราย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าในนโยบายนี้ จะถือว่าตั้งค่าเป็นไม่อนุญาต |
| |
| หากอุปกรณ์ของผู้ใช้มีการจัดการ ความพร้อมใช้งานของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายด้านอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้วย |
| |
| หากอุปกรณ์ของผู้ใช้ไม่มีการจัดการ ความพร้อมใช้งานของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้เป็นเจ้าของอุปกรณ์หรือไม่ด้วย</translation> |
| <translation id="7570111012674064005">การตั้งค่านโยบายระบุว่าจะมีการประมวลผลนโยบายผู้ใช้จาก Group Policy Object (GPO) ของคอมพิวเตอร์หรือไม่และอย่างไร |
| |
| * "ค่าเริ่มต้น" หรือการไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการอ่านนโยบายผู้ใช้จาก GPO ของผู้ใช้เท่านั้น ระบบจะไม่พิจารณา GPO ของคอมพิวเตอร์ |
| |
| * "รวม" จะรวมนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้กับนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ GPO ของคอมพิวเตอร์มีความสำคัญเหนือกว่า |
| |
| * "แทนที่" จะแทนที่นโยบายผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้ด้วยนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ ระบบจะไม่พิจารณา GPO ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="7570291542739287032">เฉพาะในระบบคลาวด์</translation> |
| <translation id="757395965347379751">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตใบรับรองที่มีการลงชื่อของ SHA-1 ตราบใดที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและอยู่ในห่วงโซ่เดียวกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่อง |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มการตรวจสอบใบรับรองระบบปฏิบัติการที่อนุญาตลายเซ็นของ SHA-1 หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงการจัดการใบรับรอง SHA-1 ของระบบปฏิบัติการ นโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อให้องค์กรต่างๆ มีเวลามากขึ้นในการเลิกใช้งาน SHA-1 การถอดนโยบายนี้ออกจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปฏิบัติตามกำหนดเวลาเลิกใช้งาน SHA-1 ที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะ</translation> |
| <translation id="7590188804371204512">ควบคุมการติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก |
| |
| การเปิดใช้การตั้งค่านี้จะบล็อกไม่ให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก |
| |
| การปิดใช้หรือไม่ตั้งค่าการตั้งค่านี้จะอนุญาตให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอกได้ |
| |
| ดูเอกสารประกอบเกี่ยวกับส่วนขยายจากภายนอกและการติดตั้งได้ที่ https://developer.chrome.com/apps/external_extensions |
| </translation> |
| <translation id="759957074386651883">การตั้งค่า Safe Browsing</translation> |
| <translation id="7604169113182304895">แอป Android อาจเลือกใช้รายการด้วยความสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับแอปให้เลือกได้</translation> |
| <translation id="7612157962821894603">การตั้งค่าสถานะที่ใช้ทั้งระบบที่จะนำไปใช้กับการเริ่มต้นใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7614663184588396421">รายการสกีมของโปรโตคอลที่ถูกปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="7620869951155758729">นโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าที่ใช้เพื่อสร้างและยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง |
| |
| |current_config| จะใช้เพื่อสร้างรหัสการเข้าถึงทุกครั้ง และควรใช้เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| ไม่ได้เท่านั้น |
| |future_config| คือการกำหนดค่าหลักที่ใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึง |
| |old_configs| ควรใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| หรือ |current_config| ไม่ได้เท่านั้น |
| |
| การใช้นโยบายนี้ตามที่คาดไว้จะค่อยๆ ช่วยหมุนเวียนการกำหนดค่ารหัสการเข้าถึง การกำหนดค่าใหม่จะเพิ่มไว้ใน |future_config| ทุกครั้ง |
| และในขณะเดียวกันระบบจะย้ายค่าที่มีอยู่ไปยัง |current_config| ส่วนค่าก่อนหน้าของ |current_config| จะย้ายไปยัง |old_configs| และจะถูกนำออกหลังจากสิ้นสุดรอบการหมุนเวียน |
| |
| นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กได้ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กไม่ได้</translation> |
| <translation id="7629840767216985001">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที เคอร์เซอร์จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน |
| |
| หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_LARGE_CURSOR_ENABLED" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation> |
| <translation id="7632147323011514740">ช่วงเวลาที่ขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มต้นสำหรับเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการได้</translation> |
| <translation id="7632724434767231364">ชื่อไลบรารี GSSAPI</translation> |
| <translation id="7635106595080609261">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ Chrome แสดงผลได้ และผู้ใช้จะเปิดกล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าเมื่อผู้ใช้ดำเนินการที่เรียกใช้กล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ เช่น การนำเข้าบุ๊กมาร์ก การอัปโหลดไฟล์ และการบันทึกลิงก์ จะมีข้อความปรากฏขึ้นแทน โดยถือว่าผู้ใช้ได้คลิก "ยกเลิก" ในกล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ไว้</translation> |
| <translation id="7643883929273267746">จำกัดบัญชีที่แสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7648907905084499629">ใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" /> สำหรับคุกกี้ในทุกเว็บไซต์</translation> |
| <translation id="7657261947024629645">เพิ่มประสิทธิภาพ</translation> |
| <translation id="7666228839913571182">อนุญาตคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation> |
| <translation id="7668830462800981702">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ระบบจะทำการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบที่อยู่ หากต้องการระบุผู้ให้บริการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น ให้ตั้งค่าส่วนที่เหลือของนโยบายการค้นหาเริ่มต้น หากปล่อยนโยบายเหล่านี้ว่างไว้ ผู้ใช้จะเลือกผู้ให้บริการเริ่มต้นได้ หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่มีการค้นหาเมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบที่อยู่ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่านั้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะเปิดใช้ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น และผู้ใช้จะกำหนดรายการผู้ให้บริการค้นหาได้ |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมในโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="7669630878711068277">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะสั่งพิมพ์จาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ การสั่งพิมพ์จะปิดทั้งในเมนู 3 จุด ส่วนขยาย และแอปพลิเคชัน JavaScript</translation> |
| <translation id="7673194325208122247">ระยะเวลา (มิลลิวินาที)</translation> |
| <translation id="7677220829878081413"> |
| เมื่อตั้งค่าเป็น ArcSession นโยบายนี้จะบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android เริ่มต้นแล้ว |
| เมื่อตั้งค่าเป็น ArcSessionOrVMStart นโยบายนี้จะบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android หรือ VM เริ่มต้นแล้ว |
| การตั้งค่าเป็น "ทุกครั้ง" จะเป็นการบังคับให้อุปกรณ์รีบูตทุกครั้งที่ผู้ใช้ออกจากระบบ |
| หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีผลอะไรและไม่มีการบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ เช่นเดียวกันกับการตั้งค่าเป็น "ไม่เลย" |
| นโยบายนี้จะมีผลต่อผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์เท่านั้น |
| </translation> |
| <translation id="7679483888150212009">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation> |
| <translation id="7683777542468165012">การรีเฟรชนโยบายแบบไดนามิก</translation> |
| <translation id="7687943045976362719">หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะจัดการประเภทของเนื้อหาที่ระบุไว้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การแสดงผลเริ่มต้นกับทุกเว็บไซต์ (อาจมีการใช้นโยบาย <ph name="CHROME_FRAME_RENDERER_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าการแสดงผลเริ่มต้น)</translation> |
| <translation id="7694245791806617022">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ฟีเจอร์ "จำรหัสผ่าน" ในกล่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos หรือไม่ จะมีการเข้ารหัสและจัดเก็บรหัสผ่านในดิสก์ ซึ่งจะเข้าถึงได้โดย Daemon ของระบบ Kerberos และระหว่างเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะให้ระบบจำรหัสผ่าน Kerberos หรือไม่ เพื่อที่จะไม่ต้องป้อนรหัสผ่านอีกครั้ง จะมีการดึงข้อมูลตั๋ว Kerberos โดยอัตโนมัติ เว้นแต่จะต้องตรวจสอบสิทธิ์เพิ่มเติม (การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย) |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่จำรหัสผ่านและจะนำรหัสผ่านที่จัดเก็บไว้ก่อนหน้านี้ออกทั้งหมด ผู้ใช้จะต้องป้อนรหัสผ่านทุกครั้งที่จำเป็นต้องตรวจสอบสิทธิ์กับระบบ Kerberos การตรวจสอบสิทธิ์มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ทุกๆ 8 ชั่วโมงไปจนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของเซิร์ฟเวอร์</translation> |
| <translation id="7694807474048279351">กำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| |
| เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" การรีบูตอัตโนมัติจะถูกกำหนดเวลาเมื่อมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจำเป็นต้องมีการรีบูตเพื่อดำเนินการขั้นตอนการอัปเดตให้เสร็จสมบูรณ์ การรีบูตถูกกำหนดเวลาไว้ทันที แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากในขณะนั้นมีผู้ใช้ใช้อุปกรณ์อยู่ |
| |
| ........เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขั้นตอนการอัปเดตจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อผู้ใช้รีบูตอุปกรณ์ในครั้งถัดไป |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้ |
| |
| หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานเฉพาะในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบกำลังแสดงหรือเซสชันแอปคีออสก์กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และนโยบายจะบังคับใช้อยู่เสมอ โดยไม่คำนึงว่าจะมีเซสชันประเภทใดๆ กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่</translation> |
| <translation id="7701341006446125684">ตั้งค่าขนาดแคชของแอปและส่วนขยาย (เป็นไบต์)</translation> |
| <translation id="7703737669292992839">ป้องกันกล่องโต้ตอบการเลือกไฟล์</translation> |
| <translation id="7709470712369261710">ไม่ใช้บริการของ Google เพื่อให้คำอธิบายรูปภาพอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="7712109699186360774">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการเข้าถึงกล้องและ/หรือไมโครโฟน</translation> |
| <translation id="7713608076604149344">ข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="7715711044277116530">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอ</translation> |
| <translation id="7716020145539921591">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ได้ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น |
| |
| ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว |
| |
| หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation> |
| <translation id="7717938661004793600">กำหนดค่าฟีเจอร์การเข้าถึงของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="7721944091689270995">User ID <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="7724161903134898864">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์แสดงป๊อปอัปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธป๊อปอัป |
| |
| การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="BLOCK_POPUPS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="7731026922044991970">เปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมสำหรับคุกกี้ในทุกเว็บไซต์</translation> |
| <translation id="7732907212083471072">นโยบายที่นำออก</translation> |
| <translation id="77379430721695807">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุรายการ URL ที่จะมีการจับคู่รูปแบบกับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากรูปแบบตรงกัน ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่แสดงข้อความแจ้ง |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation> |
| <translation id="7747447585227954402">อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="7749024457938190837">ส่วนขยายที่ได้รับอนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันเมื่อส่งงานพิมพ์ผ่าน chrome.printing API</translation> |
| <translation id="7749402620209366169">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลแทนการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้ |
| |
| หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้จะต้องระบุรหัสแบบสองปัจจัยที่ถูกต้องเมื่อเข้าถึงโฮสต์ |
| |
| หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่สามารถใช้สองปัจจัยดังกล่าวได้และจะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งเป็นการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้แทน</translation> |
| <translation id="7749402921503577264">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงขึ้นเมื่อผู้ใช้ไปที่เว็บไซต์ที่มีข้อผิดพลาด SSL |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนใดๆ ไม่ได้</translation> |
| <translation id="7750991880413385988">เปิดหน้าแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="7754704193130578113">สอบถามที่เก็บไฟล์ก่อนดาวน์โหลด</translation> |
| <translation id="7754893969683595513">การตั้งค่านโยบายจะมีระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลนโยบายผู้ใช้จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,800,000 (30 นาที) ถึง 86,400,000 (1 วัน) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 3 ชั่วโมง |
| |
| หมายเหตุ: การแจ้งเตือนเรื่องนโยบายจะบังคับรีเฟรชเมื่อนโยบายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรีเฟรชบ่อยๆ ดังนั้น หากแพลตฟอร์มรองรับการแจ้งเตือนเหล่านี้ การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะอยู่ที่ 24 ชั่วโมง (โดยไม่สนใจค่าเริ่มต้นและค่าของนโยบายนี้)</translation> |
| <translation id="7758378441185523981">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับโปรไฟล์ประเภทต่างๆ</translation> |
| <translation id="776110834126722255">เลิกใช้งาน</translation> |
| <translation id="7763614521440615342">แสดงคำแนะนำเนื้อหาบนหน้า "แท็บใหม่"</translation> |
| <translation id="7765879851993224640">อนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock</translation> |
| <translation id="7774768074957326919">ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ</translation> |
| <translation id="777734450201217641">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะเปิดใช้อยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะปิดใช้อยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="7777535871204167559">ทำให้อุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกเป็นแบบอ่านอย่างเดียว</translation> |
| <translation id="7781853854781306082">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขอรหัสผ่านจากผู้ใช้เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์เมื่อไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบไม่ขอรหัสผ่านจากผู้ใช้เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้มีการถามรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีปหรือไม่</translation> |
| <translation id="7784062550705119230">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="7788511847830146438">ต่อโปรไฟล์</translation> |
| <translation id="780629758750905699">อนุญาตให้มีการเพิ่มบัญชี Family Link ลงในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7807139251387225825">รายการของประเภทที่จะไม่รวมในการซิงค์ข้อมูล</translation> |
| <translation id="7818131573217430250">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="7823902813460802031">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหยุดไม่ให้อุปกรณ์เข้าสู่โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้เสมอ</translation> |
| <translation id="782661371433719637">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีผ่าน File System API</translation> |
| <translation id="7839180815400079700">หากเปิดใช้ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะเป็นการกำหนดค่าวันที่มีการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การใช้ไฟจากแบตเตอรี่ปิดอยู่เสมอ |
| |
| ค่าที่ใช้ได้สำหรับช่อง <ph name="MINUTE_FIELD_NAME" /> ใน <ph name="START_TIME_FIELD_NAME" />, <ph name="END_TIME_FIELD_NAME" /> และ <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> ได้แก่ 0, 15, 30, 45</translation> |
| <translation id="7841880500990419427">TLS เวอร์ชันต่ำสุดที่ใช้สำรอง</translation> |
| <translation id="7846952520291088817">URL ที่ IP ของเครื่องแสดงใน ICE Candidate ผ่าน WebRTC</translation> |
| <translation id="7848641140449742406">การตั้งค่าระบบปฏิบัติการ</translation> |
| <translation id="7850846808758624237">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าหน้าแรกเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายหน้าแรกไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="7863947545897944083">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้โหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="7869986671709030417">กำหนดค่าเริ่มต้นของโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง</translation> |
| <translation id="7881421274383404138">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้</translation> |
| <translation id="7882585827992171421">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| กำหนด ID ของส่วนขยายที่จะใช้เป็นโปรแกรมรักษาหน้าจอบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ส่วนขยายนี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของ AppPack ซึ่งได้รับการกำหนดค่าสำหรับโดเมนนี้ผ่านทางนโยบาย DeviceAppPack</translation> |
| <translation id="7882857838942884046">การปิดใช้ Google Sync จะทำให้การสำรองข้อมูลและการคืนค่าของ Android ทำงานได้อย่างไม่สมบูรณ์</translation> |
| <translation id="7882890448959833986">ระงับคำเตือนระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุน</translation> |
| <translation id="788487748427534612">หากไม่ตั้งค่านโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> ให้กู้คืน URL จากเซสชันก่อนหน้าโดยถาวร การตั้งค่า <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ก็จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะตั้งค่าคุกกี้ได้และไม่ได้สำหรับเซสชันหนึ่งๆ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล URL ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ก็จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเช่นกัน |
| |
| หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ในโหมดเบื้องหลัง เซสชันอาจยังมีการใช้งานอยู่จนกว่าผู้ใช้จะออกจากเบราว์เซอร์ ไม่ใช่เพียงปิดหน้าต่างสุดท้าย ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้ได้ใน <ph name="BACKGROUND_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> |
| |
| แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน</translation> |
| <translation id="7889788745439330797">ควบคุมว่าผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ได้หรือไม่ |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ได้ผ่านการตั้งค่าบัญชี Kerberos ในหน้าการตั้งค่าบุคคล ผู้ใช้จะควบคุมบัญชีที่ตนเพิ่มไว้ได้โดยสมบูรณ์และจะแก้ไขหรือนำบัญชีออกได้ด้วย |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ไม่ได้ คุณจะเพิ่มบัญชีได้ผ่านนโยบาย "กำหนดค่าบัญชี Kerberos" เท่านั้น นี่เป็นวิธีล็อกบัญชีที่มีประสิทธิภาพ</translation> |
| <translation id="7891884447851425349">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ระหว่างการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งข้อความค้นหาของผู้ใช้จะมาแทนที่ในการค้นหา |
| |
| คุณระบุ URL การค้นหาของ Google เป็น <ph name="GOOGLE_SEARCH_URL" /> ได้</translation> |
| <translation id="7894185046683379696">การตั้งค่านโยบายจะระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใน <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> |
| |
| เมื่อตั้งค่าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เวลาเริ่มต้น |
| |
| คำแนะนำ: ล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวด้วยการเปิดการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้<ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหว ใช้นโยบายนี้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการระงับการใช้งานเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวเท่านั้น</translation> |
| <translation id="7895553628261067384">การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="7902040092815978832">แสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขสำหรับรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="7904177352786629708">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะข้ามการค้นหา CNAME ระบบจะใช้ชื่อเซิร์ฟเวอร์ตามที่ป้อนเมื่อสร้าง Kerberos SPN |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า การค้นหา CNAME จะกำหนดชื่อ Canonical ของเซิร์ฟเวอร์เมื่อสร้าง Kerberos SPN</translation> |
| <translation id="7912255076272890813">กำหนดค่าประเภทแอปพลิเคชัน/ส่วนขยายที่อนุญาต</translation> |
| <translation id="791267408364877739">แสดงคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย</translation> |
| <translation id="7922358664346625612">เปิดแท็บสุดท้ายไว้ใน Chrome</translation> |
| <translation id="793134539373873765">ระบุว่าจะใช้ p2p สำหรับส่วนข้อมูลการอัปเดต OS ไหม หากตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์จะแชร์และพยายามรับส่วนข้อมูลการอัปเดตบน LAN ซึ่งอาจลดแบนด์วิดท์และความคับคั่งในอินเทอร์เน็ต หากส่วนข้อมูลการอัปเดตไม่พร้อมใช้งานบน LAN อุปกรณ์จะกลับไปใช้การดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์การอัปเดต หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า p2p จะไม่ถูกใช้งาน</translation> |
| <translation id="7933141401888114454">เปิดใช้งานการสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation> |
| <translation id="793473937901685727">ตั้งค่าความพร้อมใช้งานของใบรับรองสำหรับแอป ARC</translation> |
| <translation id="7937766917976512374">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับวิดีโอ</translation> |
| <translation id="7941975817681987555">อย่าคาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ</translation> |
| <translation id="7951605113561734721">ระบุใบรับรองไคลเอ็นต์ระดับอุปกรณ์ที่ต้องลงทะเบียนโดยใช้โปรโตคอลการจัดการอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="7952007677054834789">กำหนดค่าหน้าที่จะโหลดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน หน้าแรกเริ่มต้นและหน้าแท็บใหม่เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงหน้าเหล่านี้ |
| |
| การตั้งค่าหน้าแรกของผู้ใช้จะถูกล็อกโดยสมบูรณ์ หากคุณเลือกหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ หรือตั้งค่าให้เป็น URL และระบุ URL ของหน้าแรก หากคุณไม่ได้ระบุ URL ของหน้าแรก ผู้ใช้จะยังตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ได้โดยระบุ "chrome://newtab" |
| |
| ระบบจะไม่สนใจนโยบาย "URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน" เว้นแต่ว่าคุณจะเลือก "เปิดรายการ URL" ใน "การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน"</translation> |
| <translation id="7952958573604504839">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วใน M48 เพื่อใช้นโยบาย <ph name="NETWORK_PREDICTION_OPTIONS_POLICY_NAME" /> และได้นำออกใน M54 |
| |
| เปิดใช้การคาดคะเนเครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ |
| |
| การตั้งค่านี้ไม่เพียงควบคุมการโหลด DNS ล่วงหน้า แต่ยังควบคุมการเชื่อมต่อ TCP และ SSL ล่วงหน้า รวมถึงการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้าด้วย ชื่อนโยบายอ้างถึงการโหลด DNS ล่วงหน้าเพื่อจุดประสงค์ด้านประวัติ |
| |
| หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตั้งค่านี้แต่ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้</translation> |
| <translation id="7955263399078148032">หากตั้งค่า <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_FIREWALL_TRAVERSAL_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_ALLOW_RELAYED_CONNECTION_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้สามารถใช้ไคลเอ็นต์ระยะไกลเพื่อใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์ในการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เมื่อเชื่อมต่อโดยตรงไม่ได้ เช่น เนื่องจากข้อจำกัดด้านไฟร์วอลล์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่ปิดการเข้าถึงระยะไกล แต่จะอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น (ไม่อนุญาตการส่งผ่าน NAT หรือรีเลย์)</translation> |
| <translation id="7956210013490975468">กำหนดค่าบริการพร็อกซีของระบบสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="7958537754689366707">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 12 ชั่วโมง</translation> |
| <translation id="7961779417826583251">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการผู้ออกใบรับรองเดิม</translation> |
| <translation id="7973609468423251675">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation> |
| <translation id="7974114691960514888">นโยบายนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป เปิดใช้งานการใช้ STUN และเซิร์ฟเวอร์ถ่ายทอดเมื่อเชื่อมต่อกับไคลเอ็นต์ระยะไกล หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน เครื่องนี้จะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องโฮสต์ระยะไกลแม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานและการเชื่อมต่อ UDP ขาออกถูกกรองโดยไฟร์วอลล์ เครื่องนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องโฮสต์ภายในเครือข่ายท้องถิ่นเท่านั้น</translation> |
| <translation id="7976157349247117979">ชื่อของปลายทาง <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7980227303582973781">ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ</translation> |
| <translation id="7985242821674907985"><ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="7991022023019679916">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation> |
| <translation id="7995610550667275367">การสแกน (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 87 เป็นต้นไป)</translation> |
| <translation id="8001701200415781021">จำกัดบัญชี Google ที่อนุญาตให้ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="8006219716745491366">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ALTERNATE_URLS_POLICY_NAME" /> จะระบุรายการ URL ทางเลือกสำหรับการแยกข้อความค้นหาออกจากเครื่องมือค้นหา URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> |
| |
| การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ALTERNATE_URLS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีการใช้ URL ทางเลือกเพื่อแยกข้อความค้นหา</translation> |
| <translation id="8006921530139404577">หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่แสดงการเชื่อมต่อที่เกี่ยวข้องกับ UI (เช่น หน้าต่างยกเลิกการเชื่อมต่อ) สำหรับการเชื่อมต่อของการเข้าถึงจากระยะไกลที่ไม่ได้อยู่ในโหมดปิดม่าน นโยบายนี้จะไม่มีผลกับเซสชันการเข้าถึงจากระยะไกลในโหมดปิดม่านและเซสชันการสนับสนุนจากระยะไกล |
| |
| นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่าเป็น "จริง" ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation> |
| <translation id="8011935490612940798">ควบคุมฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="802147957407376460">หมุนหน้าจอ 0 องศา</translation> |
| <translation id="8033913082323846868">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M70 โปรดใช้ AutofillAddressEnabled และ AutofillCreditCardEnabled แทน |
| |
| เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้เติมคำอัตโนมัติในเว็บฟอร์มโดยใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลบัตรเครดิต |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติไม่ได้ |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะยังคงเป็นผู้ควบคุมฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้กำหนดค่าโปรไฟล์ป้อนอัตโนมัติและเปิดหรือปิดป้อนอัตโนมัติได้ตามที่เห็นสมควร</translation> |
| <translation id="8036964468882248070">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์และตัวระบุของอุปกรณ์เก็บข้อมูล |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติพื้นที่เก็บข้อมูล</translation> |
| <translation id="8044493735196713914">รายงานโหมดการบูตอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8049769137921877885">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบายหรือไม่ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบาย |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบาย |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="8050080920415773384">การพิมพ์ดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="8056237304861875584">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การทำงานอย่างต่อเนื่องในฮับโทรศัพท์</translation> |
| <translation id="8056273037819805106">ระบบจะใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่ายไปยังพร็อกซีที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="8059164285174960932">URL ที่ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลควรรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="8062485064082966327">ใช้บริการของ Google แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อให้คำอธิบายอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่มีป้ายกำกับ</translation> |
| <translation id="8071371098891664137">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="8076521374016204899">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยรหัสผ่านล็อกหน้าจอได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ล็อกหน้าจอไม่ได้ (จะออกจากระบบเซสชันผู้ใช้ได้เท่านั้น)</translation> |
| <translation id="8077245272412229388">เพิ่มบัญชี Kerberos ที่กรอกไว้ล่วงหน้า หากข้อมูลเข้าสู่ระบบ Kerberos ตรงกับข้อมูลเข้าสู่ระบบของการเข้าสู่ระบบ คุณจะกำหนดค่าบัญชีให้ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของการเข้าสู่ระบบซ้ำได้โดยระบุ "<ph name="LOGIN_EMAIL_PLACEHOLDER" />" และ "<ph name="PASSWORD_PLACEHOLDER" />" สำหรับผู้ใช้หลักและรหัสผ่านตามลำดับ เพื่อให้ดึงข้อมูลตั๋ว Kerberos ได้โดยอัตโนมัติ เว้นแต่มีการกำหนดค่าการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย ผู้ใช้จะแก้ไขบัญชีที่เพิ่มผ่านนโยบายนี้ไม่ได้ |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ จะมีการเพิ่มรายการบัญชีที่นโยบายกำหนดลงในการตั้งค่าบัญชี Kerberos |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเพิ่มบัญชีลงในการตั้งค่าบัญชี Kerberos และระบบจะนำบัญชีทั้งหมดที่นโยบายนี้เพิ่มไว้ก่อนหน้านี้ออก ผู้ใช้อาจยังเพิ่มบัญชีด้วยตนเองได้หากเปิดใช้นโยบาย "ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos ได้"</translation> |
| <translation id="8078297389450285582">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะและสามารถขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง หากมีการหน่วงเวลา ระบบจะปรับการหน่วงเวลาของการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ ตลอดจนการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาระยะห่างจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่ารูปแบบการหรี่แสงอัตโนมัติจะไม่มีผลต่อการหรี่แสงของหน้าจอ</translation> |
| <translation id="8099880303030573137">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="8101381354936029836">กลุ่มขนาดเล็กของนโยบาย</translation> |
| <translation id="8102913158860568230">การตั้งค่า mediastream เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8104962233214241919">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="8114382167597081590">ไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube</translation> |
| <translation id="8117921351531866504">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ตรวจสอบว่าผู้ใช้บันทึกวิธีการชำระเงินไว้ได้หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะแจ้งเว็บไซต์ที่ใช้ API PaymentRequest.canMakePayment หรือ PaymentRequest.hasEnrolledInstrument ว่าไม่มีวิธีการชำระเงินพร้อมใช้งาน |
| |
| หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ เว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบว่าผู้ใช้บันทึกวิธีการชำระเงินไว้หรือไม่</translation> |
| <translation id="8118665053362250806">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อ</translation> |
| <translation id="8124468781472887384">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8128192446158421884">URL ที่ใช้กับ AutoOpenFileTypes ได้</translation> |
| <translation id="8133152694354699657">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหาพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ โดยผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหา</translation> |
| <translation id="8135271712389620651">กำหนดค่ารายการกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหลใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> |
| ข้อมูลรั่วไหลอาจเกิดขึ้นได้จากการคัดลอกและวางข้อมูล การโอนไฟล์ การพิมพ์ การแชร์หน้าจอ หรือการจับภาพหน้าจอ และอื่นๆ |
| |
| กฎแต่ละข้อจะประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้ |
| - รายการแหล่งที่มาที่กำหนดเป็น URL ข้อมูลในแหล่งที่มาจะถือว่าเป็นข้อมูลลับซึ่งมีการจำกัดการใช้งาน |
| - รายการปลายทางที่กำหนดเป็น URL หรือคอมโพเนนต์ ซึ่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แชร์ข้อมูลลับ |
| - รายการการจำกัดที่จะใช้กับข้อมูลของแหล่งที่มา |
| |
| คุณจะเพิ่มกฎเพื่อดำเนินการต่อไปนี้ได้ |
| - ควบคุมข้อมูลในคลิปบอร์ดที่แชร์ระหว่างแหล่งที่มาและปลายทาง |
| - ควบคุมการจับภาพหน้าจอของแหล่งที่มา |
| - ควบคุมการพิมพ์แหล่งที่มา |
| - ควบคุมหน้าจอความเป็นส่วนตัวเมื่อสามารถมองเห็นแหล่งที่มาได้ |
| - ควบคุมการแชร์หน้าจอของแหล่งที่มา |
| |
| ระดับการจำกัดอาจตั้งค่าเป็น "BLOCK" หรือ "ALLOW" |
| - หากตั้งค่าการจำกัดเป็น "BLOCK" ระบบจะไม่อนุญาตให้ดำเนินการ |
| - หากตั้งค่าการจำกัดเป็น "ALLOW" ระบบจะอนุญาตให้ดำเนินการ |
| |
| หมายเหตุ |
| - การจำกัด "PRIVACY_SCREEN" จะไม่บล็อกความสามารถในการเปิดหน้าจอความเป็นส่วนตัว แต่จะบังคับใช้กฎเมื่อมีการตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "BLOCK" |
| - หากการจำกัดข้อหนึ่งเป็น "CLIPBOARD" คุณจะต้องระบุปลายทาง แต่ปลายทางเหล่านี้จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อการจำกัดที่เหลือ |
| - จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ ( https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format ) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะไม่จำกัดการใช้งาน</translation> |
| <translation id="8136906469922284163">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในขณะที่มีการยกเลิกการโหลด |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะป้องกันไม่ให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในขณะที่มีการยกเลิกการโหลด |
| |
| นโยบายนี้ไม่มีใน Chrome 88 และการตั้งค่าจะไม่มีผลแต่อย่างใด |
| |
| โปรดดูที่ https://www.chromestatus.com/feature/5989473649164288</translation> |
| <translation id="8141795997560411818">นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันเข้าถึง Google ไดรฟ์ คุณควรยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation> |
| <translation id="8142894094385450823">กำหนดภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="8146727383888924340">อนุญาตให้ผู้ใช้แลกข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS</translation> |
| <translation id="8147132931626030921">ตั้งสถานะของฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น |
| |
| เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบล้างค่าไม่ได้เมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะยังควบคุมได้ต่อไปเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น</translation> |
| <translation id="8147427717998252789">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าส่งคืนของ Managed Configuration API สำหรับต้นทางนั้น |
| |
| Managed Configuration API คือการกำหนดค่าคีย์-ค่าที่เข้าถึงผ่านการเรียกใช้ JavaScript navigator.device.getManagedConfiguration() ได้ API นี้ใช้ได้เฉพาะกับต้นทางที่สอดคล้องกับเว็บแอปพลิเคชันที่บังคับติดตั้งแล้วผ่าน <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" /> |
| </translation> |
| <translation id="815061180603915310">หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้นโยบาย นโยบายนี้จะบังคับให้โปรไฟล์เปลี่ยนเป็นโหมดชั่วคราว หากระบุนโยบายนี้เป็นนโยบาย OS (เช่น GPO ใน Windows) นโยบายจะใช้กับทุกโปรไฟล์บนระบบ หากตั้งค่านโยบายเป็นนโยบายระบบคลาวด์ นโยบายจะใช้กับโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีการจัดการเท่านั้น |
| |
| ในโหมดนี้ ข้อมูลโปรไฟล์จะยังอยู่ในดิสก์เป็นเวลาเท่ากับเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น จะไม่มีการเก็บฟีเจอร์ต่างๆ หลังปิดเบราว์เซอร์ เช่น ประวัติการเข้าชมของเบราว์เซอร์ ส่วนขยายและข้อมูลของส่วนขยาย ข้อมูลเว็บ เช่น คุกกี้และฐานข้อมูลเว็บ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ลงในดิสก์ บันทึกหน้าหรือพิมพ์หน้าดังกล่าวด้วยตนเอง |
| |
| หากผู้ใช้ได้เปิดใช้การซิงค์ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะเก็บไว้ในโปรไฟล์การซิงค์ของพวกเขาเหมือนกับโปรไฟล์ทั่วไป ทั้งนี้โหมดไม่ระบุตัวตนยังสามารถใช้งานได้หากไม่ได้ปิดใช้ตามนโยบาย |
| |
| หากตั้งค่าปิดใช้นโยบายหรือไม่ตั้งค่า การลงชื่อเข้าใช้จะนำไปสู่โปรไฟล์ทั่วไป</translation> |
| <translation id="8158758865057576716">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="8158897487095710470">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะแสดงแถบบุ๊กมาร์กใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะไม่เห็นแถบบุ๊กมาร์กเลย |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่</translation> |
| <translation id="8159760979508295709">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์บริเวณโดยรอบเคอร์เซอร์เมาส์ขณะที่เลื่อนเคอร์เซอร์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์เคอร์เซอร์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="8164687848393015214">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่าย (<ph name="HEARTBEATS_TERM" />) ไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อตรวจสอบสถานะออนไลน์ เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ออฟไลน์อยู่หรือไม่ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ส่งแพ็กเก็ต</translation> |
| <translation id="816783746144552109">กำหนดค่าเวอร์ชัน Chrome OS ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation> |
| <translation id="8171025799847651230">หากปิดใช้นโยบายนี้ บริการโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่สามารถเริ่มต้นหรือกำหนดค่าให้ยอมรับการเชื่อมต่อขาเข้า นโยบายนี้ไม่มีผลต่อสถานการณ์การสนับสนุนระยะไกล |
| |
| นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่าเป็น "จริง" ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation> |
| <translation id="8171924760436219650">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวาในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="8176035528522326671">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นผู้ใช้หลักแบบหลายโปรไฟล์เท่านั้น (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการ)</translation> |
| <translation id="8179161412673077784">ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation> |
| <translation id="8183108371184777472">ระงับการเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ขึ้นมา</translation> |
| <translation id="8186911565834244165">อนุญาตความคิดเห็นจากผู้ใช้</translation> |
| <translation id="8195133650230097559">ไม่สนใจคำขอ Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงาน</translation> |
| <translation id="8196558469954193908">นโยบายนี้อนุญาตให้มีการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 เมื่อใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อยู่ โดยทั้งชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อใหม่ที่เป็นไปได้และชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อเดิมต้องตรงกับรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งที่อธิบายไว้ในนโยบายนี้ จึงจะรวมการเชื่อมต่อได้ นโยบายนี้คือรายการโฮสต์ที่ใช้รูปแบบตัวกรอง <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ได้แก่ "example.com" ตรงกับ "example.com" และโดเมนย่อยทั้งหมด (เช่น "sub.example.com") ขณะที่ ."example.net" ตรงกับ "example.net" ทุกประการ |
| |
| คำขอรวมกับโฮสต์อื่นผ่านการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อาจสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากผู้ออกใบรับรองแวดล้อมจะได้รับคำขอทั้งหมด แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ให้สิทธิ์อย่างชัดแจ้ง นโยบายนี้เป็นแบบชั่วคราวและระบบจะนำออกในรุ่นต่อไป โปรดดู https://crbug.com/855690 |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นที่ไม่อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 ในการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation> |
| <translation id="8197373549462388216">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือนที่บริการ Google Safe Browsing แสดงและไปยังเว็บไซต์อันตราย นโยบายนี้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อในกรณีที่ได้รับคำเตือนจาก Google Safe Browsing เช่น มัลแวร์และฟิชชิงเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับใบรับรอง SSL เช่น ใบรับรองไม่ถูกต้องหรือหมดอายุ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าผู้ใช้เลือกที่จะดำเนินการต่อไปยังเว็บไซต์ที่มีการแจ้งว่าไม่เหมาะสมหลังจากที่คำเตือนปรากฏขึ้นได้ |
| |
| ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation> |
| <translation id="8213770777756919897">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการระบุการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวนานประมาณหนึ่งตามระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ซึ่งกำหนดค่าแยกต่างหากได้ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะดำเนินการตามค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือระงับการทำงาน |
| |
| หากมีการระงับการทำงาน คุณจะกำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อให้ล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนที่จะมีการระงับได้</translation> |
| <translation id="8214600119442850823">กำหนดค่าตัวจัดการรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="8219777886736887686">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรอง นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ระหว่าง <ph name="INTERNET_EXPLORER_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="FIREFOX_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="SAFARI_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="OPERA_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="EDGE_VALUE_PLACEHOLDER" /> หรือเส้นทางของไฟล์ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเส้นทางของไฟล์ ระบบจะใช้ไฟล์นั้นเป็นไฟล์ที่สั่งการได้ <ph name="INTERNET_EXPLORER_VALUE_PLACEHOLDER" /> และ <ph name="EDGE_VALUE_PLACEHOLDER" /> จะมีเฉพาะใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> และ <ph name="SAFARI_VALUE_PLACEHOLDER" /> จะมีเฉพาะใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> และ <ph name="MAC_OS_NAME" /> |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเฉพาะแพลตฟอร์มนั้นๆ ได้แก่ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> สำหรับ <ph name="MS_WIN_NAME" /> หรือ <ph name="SAFARI_PRODUCT_NAME" /> สำหรับ <ph name="MAC_OS_NAME" /> ส่วนใน <ph name="LINUX_OS_NAME" /> การเปิดเบราว์เซอร์สำรองจะทำไม่สำเร็จ</translation> |
| <translation id="8220156281401380422">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="8244171102276095471">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส RC4 ใน TLS</translation> |
| <translation id="8244525275280476362">การหน่วงเวลาสูงสุดในการดึงข้อมูลภายหลังการลบล้างนโยบาย</translation> |
| <translation id="8251411417369363637">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเรียกใช้เนื้อหา <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ทั้งหมดซึ่งฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่อนุญาต <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> รวมถึงเนื้อหาจากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าอาจบล็อกเนื้อหา <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> จากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก |
| |
| หมายเหตุ: หากต้องการควบคุมเว็บไซต์ที่เรียกใช้ <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้ โปรดดูนโยบาย <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" />, <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PLUGINS_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation> |
| <translation id="82530263956734297">รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่บล็อก</translation> |
| <translation id="8256688113167012935">ควบคุมชื่อบัญชี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้สำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกัน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ หน้าลงชื่อเข้าใช้จะใช้ข้อมูลที่ระบุในตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้แบบรูปภาพสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ ID บัญชีอีเมลของบัญชีภายในอุปกรณ์เป็นชื่อสำหรับแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้ |
| |
| นโยบายนี้จะไม่มีผลกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไป</translation> |
| <translation id="8259375588339409826">ทั้ง Chromium และ Google Chrome รองรับนโยบายชุดเดียวกัน โปรดทราบว่าเอกสารนี้อาจมีนโยบายที่ยังไม่ได้เผยแพร่ (รายการ "รองรับใน" หมายถึงเวอร์ชันที่ยังไม่เปิดตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือนำออกโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีการรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่มีการรับประกันในแง่คุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผลิตภัณฑ์ |
| |
| นโยบายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการกำหนดค่าอินสแตนซ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ภายในองค์กรของคุณเท่านั้น การใช้นโยบายภายนอกองค์กร (ตัวอย่างเช่น ในโปรแกรมที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ) จะถือว่าเป็นมัลแวร์และมีแนวโน้มที่ Google และผู้ให้บริการป้องกันไวรัสจะติดป้ายว่าเป็นมัลแวร์ |
| |
| คุณไม่ต้องกำหนดการตั้งค่าเหล่านี้ด้วยตนเอง เพราะมีเทมเพลตที่ใช้งานง่ายสำหรับ Windows, Mac และ Linux ให้ดาวน์โหลดจาก <ph name="POLICY_TEMPLATE_DOWNLOAD_URL" /> |
| |
| วิธีกำหนดค่านโยบายใน Windows ที่แนะนำคือผ่าน GPO แม้จะยังคงมีการรองรับการจัดสรรนโยบายผ่านรีจิสทรีสำหรับอินสแตนซ์ Windows ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> ก็ตาม</translation> |
| <translation id="8261874086461353268">การตั้งค่านโยบายทำให้สามารถรวมนโยบายที่เลือกเมื่อนโยบายมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตและระดับเดียวกัน การรวมจะอยู่ในคีย์ระดับแรกๆ ของพจนานุกรมจากแหล่งที่มาแต่ละแห่ง คีย์ที่มาจากแหล่งที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดจะมีความสำคัญเหนือกว่า |
| |
| หากนโยบายอยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มาซึ่งมี |
| |
| * ขอบเขตและระดับเดียวกัน: ค่าจะรวมอยู่ในพจนานุกรมนโยบายใหม่ |
| |
| * ขอบเขตหรือระดับที่ต่างกัน: ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด |
| |
| หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มา ขอบเขต หรือระดับ ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด</translation> |
| <translation id="8266778278542911985">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรม |
| |
| การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="827054846390793641">เปิดใช้การแสดง UI ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อบนเดสก์ท็อปของโฮสต์เมื่อมีการเชื่อมต่อ</translation> |
| <translation id="8274603902181597201">ล้างข้อมูลไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัสของผู้ใช้และเริ่มด้วยไดเรกทอรีหลักใหม่แบบ ext4 ที่เข้ารหัส</translation> |
| <translation id="8284296539558710573">พรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP แบบข้ามต้นทาง</translation> |
| <translation id="8284527236880877730">หากปิดใช้ <ph name="POWER_SMART_DIM_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRESENTATION_SCREEN_DIM_DELAY_SCALE_POLICY_NAME" /> จะระบุเปอร์เซ็นต์การปรับขนาดการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่ออุปกรณ์กำลังนำเสนอ เมื่อมีการปรับขนาดการหน่วงเวลาการหรี่แสง ระบบจะปรับการหน่วงเวลาของการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ ตลอดจนการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาระยะห่างจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้ |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ค่าตัวคูณมาตราส่วนเริ่มต้น |
| |
| หมายเหตุ: ค่าตัวคูณมาตราส่วนต้องเท่ากับ 100% ขึ้นไป</translation> |
| <translation id="8285435910062771358">เปิดใช้งานแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอ</translation> |
| <translation id="828566872219880247">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากมีรูปแบบ URL ใน "KeygenBlockedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="8288199156259560552">เปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation> |
| <translation id="8290875622178450531">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอก |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการเขียนตามคำบอกไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการเขียนตามคำบอกไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="8294750666104911727">ตามปกติหน้าที่มีการตั้งค่า X-UA-Compatible เป็น Chrome=1 จะได้รับการแสดงผลใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ไม่ว่านโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" จะเป็นเช่นไร |
| |
| หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะไม่ได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก |
| |
| หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก |
| |
| หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก</translation> |
| <translation id="8294904880343779205">ควบคุมว่าจะลบประวัติงานพิมพ์ได้หรือไม่ |
| |
| งานพิมพ์ที่จัดเก็บไว้ในเครื่องจะลบได้ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ |
| |
| เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะลบประวัติงานพิมพ์ได้ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์ |
| |
| เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบประวัติงานพิมพ์ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์ไม่ได้</translation> |
| <translation id="8295496526151576383">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์เมื่อส่วนขยายนั้นใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /> ของ <ph name="PRINTING_API" /> เพื่อส่งงานพิมพ์ |
| |
| หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่ได้ตั้งค่ารายการไว้ ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์ให้ผู้ใช้เห็นทุกครั้งที่มีการเรียกใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /></translation> |
| <translation id="829641334878002866">อนุญาตให้คุณกำหนดระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีระหว่างการแจ้งเตือนแรกที่บอกว่าต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อใช้อัปเดตที่รอดำเนินการ กับจุดสิ้นสุดระยะเวลาที่ระบุโดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" /> |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 259,200,000 มิลลิวินาที (3 วัน) สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="829703642501504476">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้หน้าแสดงข้อผิดพลาดทางเลือกซึ่งมีอยู่ในเบราว์เซอร์ (เช่น "ไม่พบหน้าเว็บ") การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้หน้าแสดงข้อผิดพลาดทางเลือกเลย |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายจะเปิดอยู่ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="8300992833374611099">ควบคุมว่าเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะใช้ในที่ใดได้บ้าง</translation> |
| <translation id="8306117673860983372">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้</translation> |
| <translation id="8312129124898414409">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์หรือไม่ โดยสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ "BlockKeygen" และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="8313927126392971570">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์ระหว่างการค้นหารูปภาพด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {imageThumbnail} ข้อมูลภาพขนาดย่อของรูปภาพจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว |
| |
| การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอการค้นหารูปภาพโดยใช้เมธอด GET</translation> |
| <translation id="8314214821702356835">อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นสื่อเมื่อมีการล็อกอุปกรณ์อยู่</translation> |
| <translation id="8319678975002906774">ตั้งค่าการกำหนดค่าที่มีการจัดการสำหรับต้นทางที่เจาะจงของเว็บไซต์</translation> |
| <translation id="8320149248919453401">โหมดการชาร์จแบตเตอรี่</translation> |
| <translation id="8329984337216493753">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น |
| |
| เมื่อมีการระบุค่า DeviceIdleLogoutTimeout นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาของช่องเตือนที่มีตัวเลขนับถอยหลังซึ่งจะแสดงให้ผู้ใช้เห็นก่อนที่จะดำเนินการออกจากระบบ |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="8331479227794770304">เปิดใช้คีย์ติดหนึบ</translation> |
| <translation id="8337114537412769126">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์ระหว่างการค้นหาที่แนะนำด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ข้อมูลข้อความค้นหาจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว |
| |
| การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอการค้นหาที่แนะนำโดยใช้เมธอด GET</translation> |
| <translation id="8339420913453596618">ปิดใช้งานปัจจัยที่ 2 แล้ว</translation> |
| <translation id="8344454543174932833">นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="8347993687936322631">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| นโยบายนี้จะให้ค่าสำรองสำหรับนโยบาย <ph name="IDLE_ACTION_AC_POLICY_NAME" /> และ <ph name="IDLE_ACTION_BATTERY_POLICY_NAME" /> ที่เจาะจงยิ่งขึ้น หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าของนโยบายในกรณีที่ไม่มีการตั้งค่านโยบายที่เจาะจงยิ่งขึ้นตามลำดับ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ลักษณะการทำงานของนโยบายที่เจาะจงยิ่งขึ้นจะไม่ได้รับผลกระทบ</translation> |
| <translation id="8357681633047935212">จำกัดระยะเวลาเซสชันของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="8357989008292691856">รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาตให้เข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="8359734107661430198">เปิดใช้ ExampleDeprecatedFeature API ได้ถึง 02/09/2008</translation> |
| <translation id="8367069206652407172">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้หยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้หยุดกระบวนการในตัวจัดการงานได้</translation> |
| <translation id="8367209241899435947">เปิดใช้การทำความสะอาด Chrome ใน Windows</translation> |
| <translation id="8367473200119029349">การรายงานในระบบคลาวด์</translation> |
| <translation id="8369602308428138533">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation> |
| <translation id="8371178326720637170">อนุญาตให้ส่วนขยายที่มีการจัดการใช้ Enterprise Hardware Platform API</translation> |
| <translation id="8375817202037102567">บล็อกสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="8379317372795444261">อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />ในการเชื่อมต่อผ่าน HTTP</translation> |
| <translation id="838056554726401140">รายการ URL ที่ระบุ URL ที่จะใช้กับ <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> นโยบายนี้ไม่มีผลต่อค่าที่เปิดโดยอัตโนมัติที่ผู้ใช้กำหนดไว้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ไฟล์จะเปิดโดยอัตโนมัติด้วยนโยบายเฉพาะเมื่อ URL นั้นอยู่ในชุดนี้ และมีประเภทไฟล์อยู่ใน <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> หากเงื่อนไขเป็น "เท็จ" ไฟล์ที่ดาวน์โหลดจะไม่เปิดโดยอัตโนมัติด้วยนโยบาย |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมดที่มีประเภทไฟล์อยู่ใน <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> จะเปิดโดยอัตโนมัติ |
| |
| รูปแบบ URL ต้องมีรูปแบบตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format</translation> |
| <translation id="8382184662529825177">เปิดใช้การใช้งานการรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="838870586332499308">เปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูล</translation> |
| <translation id="8393850527597048037">แพลตฟอร์มเท่านั้น</translation> |
| <translation id="8395749934754392549">จัดการการตั้งค่าของคอนเทนเนอร์ Android (ARC) และแอป Android</translation> |
| <translation id="8398952282584132331">เปิดใช้หน้าจอส่วนตัว</translation> |
| <translation id="8402079500086185021">เปิดไฟล์ PDF จากภายนอกทุกครั้ง</translation> |
| <translation id="8405691014775178834">อนุญาตให้ผู้ใช้รายนี้เข้าถึงรากของคอนเทนเนอร์ Crostini |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงรากของคอนเทนเนอร์ Crostini แก่ผู้ใช้รายนี้ |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ให้สิทธิ์เข้าถึงรากทั้งของคอนเทนเนอร์ Crostini ที่มีอยู่และของคอนเทนเนอร์ใหม่แก่ผู้ใช้รายนี้</translation> |
| <translation id="8415953438346821074">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบันทึกการตั้งค่าที่เก็บไว้ในโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น บุ๊กมาร์ก ข้อมูลการป้อนข้อความอัตโนมัติ รหัสผ่าน และอื่นๆ ไปยังไฟล์ที่เก็บไว้ในโฟลเดอร์โปรไฟล์ผู้ใช้โรมมิ่งหรือตำแหน่งที่ผู้ดูแลระบบระบุไว้ผ่านนโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_LOCATION_POLICY_NAME" /> ด้วย การเปิดใช้นโยบายนี้จะปิดใช้คลาวด์ซิงค์ |
| |
| หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เฉพาะโปรไฟล์ปกติในเครื่อง</translation> |
| <translation id="8417305981081876834">ตั้งค่าความยาวสูงสุดของ PIN หน้าจอล็อก</translation> |
| <translation id="8417750118762775739">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้ป๊อปอัปที่กำหนดเป้าหมาย <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> เข้าถึง (ผ่าน JavaScript) หน้าเว็บที่ขอเปิดป๊อปอัปดังกล่าว |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้มีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="WINDOW_OPENER_PROPERTY" /> เป็น <ph name="NULL_VALUE" /> เว้นแต่แท็ก Anchor จะระบุ <ph name="REL_OPENER_ATTRIBUTE" /> |
| |
| เราจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 95 |
| |
| ดู https://chromestatus.com/feature/6140064063029248</translation> |
| <translation id="841853753509411428">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="NATIVE_MESSAGING_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน |
| |
| การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ไม่อยู่ในรายการปฏิเสธ ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง |
| |
| ระบบจะอนุญาตโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดโดยค่าเริ่มต้น แต่หากนโยบายปฏิเสธโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมด ผู้ดูแลระบบจะใช้รายการอนุญาตเพื่อเปลี่ยนนโยบายนั้นได้</translation> |
| <translation id="841977920223099909">ทริกเกอร์การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="8422866312638683210">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พยายามลงทะเบียนตนเองกับ <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ค่าของนโยบายนี้จะเป็นโทเค็นการลงทะเบียนที่คุณเรียกมาจาก <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" /> |
| |
| ดูรายละเอียดที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/9301891?ref_topic=9301744</translation> |
| <translation id="8424255554404582727">ตั้งค่าการหมุนหน้าจอเริ่มต้น ใช้การตั้งค่านี้ซ้ำทุกครั้งที่เริ่มระบบใหม่</translation> |
| <translation id="8426231401662877819">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 90 องศา</translation> |
| <translation id="8433186206711564395">การตั้งค่าเครือข่าย</translation> |
| <translation id="8433769814000220721">เปิดใช้เนื้อหาที่แนะนำ</translation> |
| <translation id="843609873781525167">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" กำหนดให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตรวจสอบเสมอว่าเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่เมื่อเริ่มต้นใช้งาน และลงทะเบียนตัวเองโดยอัตโนมัติหากเป็นไปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ให้ตรวจสอบว่าเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และปิดการควบคุมโดยผู้ใช้สำหรับตัวเลือกนี้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้ผู้ใช้ควบคุมว่าจะให้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และควรแสดงการแจ้งเตือนผู้ใช้หรือไม่หากไม่ใช่เบราว์เซอร์เริ่มต้น |
| |
| โปรดทราบว่าสำหรับผู้ดูแลระบบ <ph name="MS_WIN_NAME" /> การเปิดการตั้งค่านี้จะใช้ได้กับเครื่องที่ใช้ Windows 7 เท่านั้น ส่วนเวอร์ชันที่ใหม่กว่า คุณต้องใช้ไฟล์ "การเชื่อมโยงแอปพลิเคชันเริ่มต้น" ที่ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเครื่องจัดการโปรโตคอล <ph name="HTTPS_PROTOCOL" /> และ <ph name="HTTP_PROTOCOL" /> (อาจรวมถึงโปรโตคอล <ph name="FTP_PROTOCOL" /> และรูปแบบไฟล์อื่นๆ ด้วยก็ได้) ความช่วยเหลือของ Chrome ( https://support.google.com/chrome?p=make_chrome_default_win )</translation> |
| <translation id="8445576299806775661">ในการอัปเดตเวอร์ชันครั้งใหญ่แต่ละครั้ง Chrome จะสร้างสแนปชอตของข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้เอาไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้ในกรณีที่ต้องทำการย้อนกลับเวอร์ชันฉุกเฉินในภายหลัง หากทำการย้อนกลับฉุกเฉินไปยังเวอร์ชันที่ผู้ใช้มีสแนปชอตที่ตรงกัน ข้อมูลในสแนปชอตจะได้รับการคืนค่า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เก็บการตั้งค่าดังกล่าวเป็นบุ๊กมาร์กและข้อมูลสำหรับป้อนข้อความอัตโนมัติได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นที่ 3 |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะลบสแนปชอตเก่าตามที่จำเป็นเพื่อให้จำนวนอยู่ในขีดจำกัดที่กำหนด หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 จะไม่มีการสร้างสแนปชอต</translation> |
| <translation id="8451988835943702790">ใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรก</translation> |
| <translation id="8455529558077979314">การตั้งค่าหน้าจอส่วนตัว</translation> |
| <translation id="8465065632133292531">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาทันใจที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="8465746466645315861">หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดในการตั้งค่าภาษาได้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้การตรวจตัวสะกดและผู้ใช้จะปิดใช้ไม่ได้ ใน <ph name="MS_WIN_NAME" />, <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการตรวจตัวสะกดของแต่ละภาษาแยกกันได้ ดังนั้นจึงยังปิดใช้การตรวจตัวสะกดโดยการสลับปุ่มเพื่อปิดการตรวจตัวสะกดของทุกภาษาได้อยู่ คุณอาจหลีกเลี่ยงปัญหานี้โดยใช้นโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> เพื่อบังคับให้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดของบางภาษา |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดและผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้ นโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> และ <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะไม่ส่งผลกระทบเมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" |
| </translation> |
| <translation id="847472800012384958">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงป๊อปอัป</translation> |
| <translation id="8477885780684655676">TLS 1.0</translation> |
| <translation id="8483004350080020634">ตัดส่วนที่ละเอียดอ่อนต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยใน URL แบบ https:// ก่อนส่งต่อไปยังสคริปต์ PAC (การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ) ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ระหว่างการแก้ปัญหาพร็อกซี |
| |
| เมื่อมีค่าเป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยและตัด URL แบบ https:// |
| ออกก่อนส่งไปยังสคริปต์ PAC เมื่อดำเนินการแบบนี้ สคริปต์ PAC |
| จะดูข้อมูลที่ปกป้องไว้ตามปกติโดยช่องทางที่เข้ารหัส |
| (เช่น เส้นทางและคำค้นหาของ URL) ไม่ได้ |
| |
| เมื่อมีค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย และสคริปต์ PAC |
| จะดูคอมโพเนนต์ทั้งหมดของ URL แบบ https:// ได้โดยปริยาย |
| การตั้งค่านี้มีผลกับสคริปต์ PAC ทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากที่ใด |
| (ซึ่งรวมถึงสคริปต์ที่ที่ดึงผ่านการขนส่งที่ไม่ปลอดภัย หรือค้นพบ |
| อย่างไม่ปลอดภัยผ่าน WPAD) |
| |
| นโยบายนี้มีค่าเริ่มต้นเป็น "จริง" (เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย) |
| |
| ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" และตั้งค่าเป็น "เท็จ" |
| เฉพาะในกรณีที่นโยบายนี้ก่อให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับสคริปต์ PAC ที่มีอยู่เท่านั้น |
| |
| นโยบายนี้จะถูกนำออกในรุ่น M75</translation> |
| <translation id="8484458986062090479">กำหนดค่ารายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลด้วยเบราว์เซอร์โฮสต์ทุกครั้ง |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้ระบุไว้โดยนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" |
| |
| สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation> |
| <translation id="8489964335640955763">PluginVm</translation> |
| <translation id="8493645415242333585">ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์</translation> |
| <translation id="8499172469244085141">การตั้งค่าเริ่มต้น (ผู้ใช้แทนที่ได้)</translation> |
| <translation id="849962487677588458">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว และมีกำหนดที่จะนำออกใน Chrome 78 โดยไม่มีนโยบายทดแทน |
| |
| นโยบายนี้เปิดใช้ HTTP/0.9 ในพอร์ตอื่นที่ไม่ใช่พอร์ต 80 สำหรับ HTTP และพอร์ต 443 สำหรับ HTTPS |
| |
| นโยบายนี้ปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น และหากมีการเปิดใช้จะทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาด้านความปลอดภัย https://crbug.com/600352 |
| |
| นโยบายนี้มีไว้เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ ย้ายข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่ออกจาก HTTP/0.9 และจะมีการนำออกในอนาคต |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ HTTP/0.9 ในพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8504243661032323176">การตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้ความยาว PIN ขั้นต่ำที่เลือกไว้ (ค่าต่ำกว่า 1 จะปัดเศษขึ้นเป็นค่าขั้นต่ำที่ 1) |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้ความยาว PIN ขั้นต่ำ 6 หลัก ซึ่งเป็นความยาวขั้นต่ำที่แนะนำ</translation> |
| <translation id="8507835864888987300">ตั้งค่าเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดตอัตโนมัติ |
| |
| กำหนดส่วนนำของเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หากอุปกรณ์กำลังเรียกใช้เวอร์ชันที่ออกมาก่อนส่วนนำที่กำหนด อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดพร้อมส่วนนำที่ระบุนั้นๆ หากอุปกรณ์เป็นเวอร์ชันใหม่กว่าอยู่แล้ว ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับค่าของ <ph name="DEVICE_ROLLBACK_TO_TARGET_VERSION_POLICY_NAME" /> รูปแบบของส่วนนำทำงานได้อย่างชาญฉลาดร่วมกับส่วนประกอบดังเช่นที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้ |
| |
| "" (หรือที่ไม่ได้กำหนดค่า): อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีให้บริการ |
| "1412.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412 (เช่น 1412.24.34 หรือ 1412.60.2) |
| "1412.2.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412.2 (เช่น 1412.2.34 หรือ 1412.2.2) |
| "1412.24.34": อัปเดตเป็นเวอร์ชันนี้เท่านั้น |
| |
| คำเตือน: เราไม่แนะนำให้กำหนดค่าข้อจำกัดของเวอร์ชันเพราะอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การจำกัดการอัปเดตเป็นส่วนนำเวอร์ชันที่เจาะจงอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation> |
| <translation id="8519264904050090490">URL ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation> |
| <translation id="8519516251436131647">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้อยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะปิดใช้อยู่เสมอ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8525526490824335042">คอนเทนเนอร์ Linux</translation> |
| <translation id="8537051350735478658">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดการแนะนำการค้นหาในแถบที่อยู่ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดการแนะนำการค้นหา |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า การแนะนำการค้นหาจะเปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะปิดได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="8543108307976719751">ป้องกันไม่ให้เข้าถึงการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้จากระยะไกล</translation> |
| <translation id="8544375438507658205">โปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นสำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="8544465954173828789">อนุญาตให้ซิงค์ข้อความ SMS จากโทรศัพท์ไปยัง Chromebook</translation> |
| <translation id="8566842294717252664">ซ่อนเว็บสโตร์จากหน้าแท็บใหม่และเครื่องเรียกใช้งานแอป</translation> |
| <translation id="8571314270766672278">ย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าและรีเซ็ตอุปกรณ์ในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน พยายามรักษาการตั้งค่าของการลงทะเบียนไว้</translation> |
| <translation id="857369585509260201">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ผู้ใช้ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยโปรไฟล์ของตนก่อนใช้เบราว์เซอร์ และระบบจะตั้งค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation> |
| <translation id="8583509234908413302">อนุญาตให้ TLS/DTLS เดิมดาวน์เกรดใน WebRTC</translation> |
| <translation id="8584279193368801689">จำกัดโหมดการพิมพ์ด้วย PIN ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้ โปรดทราบว่าฟีเจอร์การพิมพ์ด้วย PIN จะใช้ได้กับเครื่องพิมพ์ที่ใช้โปรโตคอล IPPS, HTTPS, USB หรือ IPP-over-USB เท่านั้น</translation> |
| <translation id="8587229956764455752">อนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่</translation> |
| <translation id="8591713876665299827">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว โดยกำหนดค่าการตอบสนองแยกต่างหากได้ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation> |
| <translation id="8603454805657060638">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ดูแลระบบเปลี่ยนที่อยู่ MAC (Media Access Control หรือการควบคุมการเข้าถึงสื่อ) เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์กับแท่นชาร์จได้ เมื่อแท่นชาร์จเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บางรุ่น ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์จะช่วยระบุตัวตนอุปกรณ์ในอีเทอร์เน็ตโดยค่าเริ่มต้น |
| |
| หากเลือก "DeviceDockMacAddress" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์ |
| |
| หากเลือก "DeviceNicMacAddress" ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของ NIC (Network Interface Controller หรือตัวควบคุมอินเทอร์เฟซเครือข่าย) ของอุปกรณ์ |
| |
| หากเลือก "DockNicMacAddress" ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของ NIC ของแท่นชาร์จ |
| |
| ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="8604178325750278068">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant ฟังวลีการเปิดใช้งานด้วยเสียง การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant ไม่ฟังวลีการเปิดใช้งานด้วยเสียง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้</translation> |
| <translation id="8605216171953003144">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะเปิด NTLMv2 |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด NTLMv2 |
| |
| เซิร์ฟเวอร์ Samba และ <ph name="MS_WIN_NAME" /> เวอร์ชันล่าสุดทั้งหมดรองรับ NTLMv2 ควรปิดใช้การตั้งค่านี้เฉพาะเมื่อต้องการความเข้ากันได้แบบย้อนหลังเท่านั้น เพราะการปิดใช้จะทำให้ความปลอดภัยในการตรวจสอบสิทธิ์ลดลง</translation> |
| <translation id="8606263947930257189">ควบคุมว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระงับแท็บที่ทำงานมาอย่างน้อย 5 นาทีในเบื้องหลังได้หรือไม่ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบอาจระงับแท็บที่ทำงานมาอย่างน้อย 5 นาทีในเบื้องหลัง การระงับแท็บจะช่วยลดการใช้งาน CPU, แบตเตอรี่ และหน่วยความจำ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้การเรียนรู้เพื่อหลีกเลี่ยงการระงับแท็บที่ทำงานในเบื้องหลังที่มีประโยชน์ (เช่น แสดงการแจ้งเตือน เล่นเสียง สตรีมวิดีโอ) ทั้งนี้ นักพัฒนาเว็บเลือกไม่ใช้การระงับกับเว็บไซต์ของตนได้ (https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/HEAD/chrome/browser/performance_manager/docs/freezing_opt_out_opt_in.md) |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ระงับแท็บใดๆ ทั้งสิ้น</translation> |
| <translation id="8631434304112909927">จนถึงรุ่น <ph name="UNTIL_VERSION" /></translation> |
| <translation id="8631437968147930597">รายการแอปสำหรับจดโน้ตที่อนุญาตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="8643838501942693770">อนุญาตคุกกี้ของบุคคลที่สามแต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="8650974590712548439">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ Windows คือ</translation> |
| <translation id="8653085952260859632">รายงานข้อมูลหน่วยความจำ</translation> |
| <translation id="8653561013005884087">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การอธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="8656110680728938054">เปิดใช้การเลือกเพื่อให้อ่าน</translation> |
| <translation id="8661297125441579970">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation> |
| <translation id="8665314828727504286">ระดับการปกป้องของ Google Safe Browsing</translation> |
| <translation id="8669313549017524373">หากตั้งค่า <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> เป็น RestoreOnStartupIsURLs การตั้งค่า <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_URLS_POLICY_NAME" /> เป็นรายการ URL จะระบุ URL ที่จะเปิดขึ้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า หน้าแท็บใหม่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="8672321184841719703">กำหนดเป้าหมายรุ่นที่อัปเดตอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="867410340948518937">U2F (Universal Second Factor)</translation> |
| <translation id="8676959842615154675">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเปรียบเทียบชื่อของผู้ใช้เครือข่ายภายในที่เชื่อมโยงกับโฮสต์กับชื่อบัญชี Google ที่ลงทะเบียนเป็นเจ้าของโฮสต์ ("johndoe" หากเจ้าของโฮสต์คือ "johndoe@example.com") โฮสต์นี้จะไม่เริ่มหากชื่อของเจ้าของโฮสต์แตกต่างจากชื่อผู้ใช้เครือข่ายภายในที่เชื่อมโยงกับโฮสต์ หากต้องการยืนยันให้บัญชี Google ของเจ้าของเชื่อมโยงกับโดเมนที่เจาะจง ให้ใช้นโยบายกับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_POLICY_NAME" /> |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเชื่อมโยงกับผู้ใช้เครือข่ายภายในรายใดก็ได้</translation> |
| <translation id="8685024486845674965">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำ</translation> |
| <translation id="8685680544554917389">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เล่นสื่ออัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ห้ามไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เล่นสื่ออัตโนมัติ |
| |
| โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่เล่นสื่ออัตโนมัติ แต่สำหรับ URL บางรูปแบบ คุณใช้นโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ |
| |
| หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น</translation> |
| <translation id="8685748277907759932">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้ "แตะเพื่อค้นหา"</translation> |
| <translation id="8687958770985542440">เปิดใช้ Web Components v0 API ได้อีกครั้งจนกว่าจะถึงเวอร์ชัน M84</translation> |
| <translation id="8693243869659262736">ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว</translation> |
| <translation id="8698286761337647563">จำนวนวันที่จะแจ้งผู้ใช้ SAML ล่วงหน้าเมื่อรหัสผ่านจะหมดอายุ</translation> |
| <translation id="8699392919012430269">รายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8703488928438047864">รายงานสถานะของบอร์ด</translation> |
| <translation id="8704831857353097849">รายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation> |
| <translation id="8705895771006864851">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเสนอฟังก์ชันแปลภาษาแก่ผู้ใช้ตามความเหมาะสมด้วยการแสดงแถบเครื่องมือแปลภาษาที่ผสานรวมอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และตัวเลือกการแปลเมื่อคลิกขวาที่เมนูตามบริบท การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดฟีเจอร์แปลภาษาในตัวทั้งหมด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนฟังก์ชันนี้ไม่ได้ การไม่ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation> |
| <translation id="8720547069538712402">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกด</translation> |
| <translation id="8736538322216687231">บังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube</translation> |
| <translation id="8745669971728319820">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอินหรือไม่ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น |
| และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="8749536858950505376">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="8749803771700374502">ระบบจะปิดใช้เครื่องพิมพ์ที่มีประเภทตรงกับในรายการปฏิเสธไม่ให้ค้นพบหรือดึงข้อมูลความสามารถได้ |
| |
| การใส่ประเภทเครื่องพิมพ์ทั้งหมดไว้ในรายการปฏิเสธจะปิดใช้การพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากจะทำให้ไม่มีปลายทางให้ส่งเอกสารไปพิมพ์ |
| |
| การรวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในรายการปฏิเสธจะมีผลเหมือนกับการตั้งค่านโยบาย <ph name="POLICY_CLOUDPRINTSUBMITENABLED" /> เป็น "เท็จ" หากต้องการให้ค้นพบปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ จะต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="POLICY_CLOUDPRINTSUBMITENABLED" /> เป็น "จริง" และต้องไม่รวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในรายการปฏิเสธ |
| |
| การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่าจะทำให้ค้นพบเครื่องพิมพ์ทุกประเภท |
| |
| เครื่องพิมพ์ส่วนขยายเรียกอีกอย่างว่าปลายทางผู้ให้บริการการพิมพ์ โดยจะมีปลายทางทั้งหมดที่เป็นของส่วนขยาย <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| เครื่องพิมพ์ในพื้นที่เรียกอีกอย่างว่าปลายทางการพิมพ์เฉพาะที่ โดยจะมีปลายทางที่พร้อมใช้งานสำหรับคอมพิวเตอร์ในพื้นที่และเครื่องพิมพ์ของเครือข่ายที่แชร์</translation> |
| <translation id="8757552286070680084">การกำหนดค่า Wilco DTC</translation> |
| <translation id="8758831693895931466">เปิดใช้การลงทะเบียนการจัดการระบบคลาวด์ที่บังคับ</translation> |
| <translation id="8759829385824155666">ประเภทของการเข้ารหัสลับ Kerberos ที่อนุญาต</translation> |
| <translation id="8767743923206070405">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแสดงปุ่มหน้าแรกในแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ปุ่มหน้าแรกไม่ปรากฏขึ้นมา |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกว่าจะแสดงปุ่มหน้าแรกหรือไม่</translation> |
| <translation id="8768528324886802059">การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ไม่อยู่ในรายการปฏิเสธ ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง |
| |
| ระบบจะอนุญาตโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดโดยค่าเริ่มต้น แต่หากนโยบายปฏิเสธโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมด ผู้ดูแลระบบจะใช้รายการอนุญาตเพื่อเปลี่ยนนโยบายนั้นได้</translation> |
| <translation id="877185520360032968">การตั้งค่านโยบายนี้จะเปลี่ยนไดเรกทอรีเริ่มต้นที่ Chrome จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนไดเรกทอรีได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า Chrome จะใช้ไดเรกทอรีเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนั้นๆ |
| |
| หมายเหตุ: ดูรายการตัวแปรที่คุณใช้ได้ (https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables)</translation> |
| <translation id="877557628527387598">ลงชื่อเข้าใช้ด้วยรหัสผ่าน</translation> |
| <translation id="8777369558049831576">แสดงช่องทำเครื่องหมาย "เปิดตลอดเวลา" ในกล่องโต้ตอบของโปรโตคอลภายนอก</translation> |
| <translation id="8786409859071107656">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดนโยบายการจัดการพลังงานของการแชร์พลังงานผ่าน USB |
| |
| อุปกรณ์บางเครื่องจะมีพอร์ต USB พอร์ตหนึ่งซึ่งมีไอคอนรูปสายฟ้าหรือรูปแบตเตอรี่สำหรับชาร์จอุปกรณ์โดยใช้แบตเตอรี่ของระบบ นโยบายนี้ส่งผลต่อลักษณะการชาร์จของพอร์ตนี้ขณะที่ระบบอยู่ในโหมดสลีปและโหมดปิดเครื่อง นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อพอร์ต USB อื่นๆ และลักษณะการชาร์จขณะที่ระบบทำงานอยู่ เมื่อพอร์ต USB จ่ายไฟเสมอ |
| |
| เมื่อระบบอยู่ในโหมดสลีป จะมีการจ่ายไฟไปยังพอร์ต USB เมื่ออุปกรณ์เสียบอยู่กับที่ชาร์จแบบเสียบผนังหรือหากระดับแบตเตอรี่มากกว่า 50% เมื่อระบบอยู่ในโหมดปิดเครื่อง จะมีการจ่ายไฟไปยังพอร์ต USB เมื่ออุปกรณ์เสียบอยู่กับที่ชาร์จแบบเสียบผนัง |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการจ่ายไฟ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะเป็นการเปิดใช้นโยบาย และผู้ใช้จะปิดการใช้ไม่ได้</translation> |
| <translation id="8798099450830957504">ค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8800453707696044281">ตั้งค่าการหยุดชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเองเป็นเปอร์เซ็นต์</translation> |
| <translation id="8801680448782904838">แจ้งผู้ใช้ว่าควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8816671955985738552">ไม่อนุญาตการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน SAML ในเซสชันที่ chrome://password-change</translation> |
| <translation id="8817960019535659860">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แลกรับข้อเสนอผ่านการลงทะเบียน Chrome OS</translation> |
| <translation id="8818173863808665831">รายงานตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ หรือตั้งค่าเป็นเท็จ ตำแหน่งจะไม่ถูกรายงาน</translation> |
| <translation id="8818768076343557335">คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนเครือข่ายต่างๆ ที่ไม่ใช่เครือข่ายมือถือ |
| (เลิกใช้งานใน 50, นำออกใน 52 หลังจาก 52 หากมีการกำหนดค่า 1 ระบบจะถือว่าเป็นค่า 0 - คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ)</translation> |
| <translation id="8821678641132607468">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าประวัติการท่องเว็บจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าประวัติการท่องเว็บเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายประวัติการท่องเว็บไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="8825782996899863372">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำบนหน้าฟิชชิง</translation> |
| <translation id="8826172502287946476">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุรายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบ (ไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้) และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้ ระบบจะให้สิทธิ์โดยปริยาย ซึ่งรวมถึงสิทธิ์การใช้ API ของส่วนขยาย enterprise.deviceAttributes และ enterprise.platformKeys (API ทั้งสองนี้ใช้ไม่ได้กับแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้บังคับติดตั้ง) |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีแอปหรือส่วนขยายใดที่ติดตั้งโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> |
| |
| นโยบายนี้มีผลแทนนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายชื่อนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายนั้นโดยอัตโนมัติ |
| |
| ในอินสแตนซ์ <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome |
| |
| ในอินสแตนซ์ <ph name="MAC_OS_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นจัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX |
| |
| ผู้ใช้จะแก้ไขซอร์สโค้ดของส่วนขยายใดๆ ผ่านเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ ซึ่งอาจทำให้ส่วนขยายทำงานผิดปกติ หากกังวลว่าจะเกิดปัญหานี้ขึ้น ให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_DISABLED_POLICY_NAME" /> |
| |
| แต่ละรายการของนโยบายเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยาย และอาจมี URL "อัปเดต" ที่คั่นด้วยอัฒภาค (;) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว เช่น ที่พบใน chrome://extensions เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL "อัปเดต" (หากระบุไว้) ควรชี้ไปยังเอกสาร XML ไฟล์ Manifest ของการอัปเดต (https://developer.chrome.com/extensions/autoupdate) ระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์โดยค่าเริ่มต้น URL "อัปเดต" ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น ส่วนการอัปเดตส่วนขยายในครั้งต่อๆ ไปจะใช้ URL อัปเดตในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย |
| |
| หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลกับโหมดไม่ระบุตัวตน อ่านเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยาย (https://developer.chrome.com/extensions/hosting)</translation> |
| <translation id="8831911834413504983">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ JavaScript ได้ |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="8832829916385857156">หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา</translation> |
| <translation id="8833109046074170275">การตรวจสอบสิทธิ์ผ่านขั้นตอน GAIA เริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8834641112681661892">การตั้งค่านโยบายจะระบุการหน่วงเวลาสูงสุดเป็นมิลลิวินาทีสำหรับช่วงเวลาระหว่างการรับข้อมูลการลบล้างนโยบายและการดึงข้อมูลนโยบายใหม่จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,000 (1 วินาที) ถึง 300,000 (5 นาที) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 10 วินาที</translation> |
| <translation id="885147810817138322">แสดงคำแนะนำสื่อให้แก่ผู้ใช้</translation> |
| <translation id="8852579753940989645">เปิดใช้ฟีเจอร์ความสมบูรณ์ของโค้ดในการแสดงผล</translation> |
| <translation id="8854571659927427063">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าบุ๊กมาร์กเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก |
| |
| ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายบุ๊กมาร์กไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation> |
| <translation id="8855986672497556389">คำเตือน: การสนับสนุนสำหรับการระงับคำเตือน TLS 1.0/1.1 จะถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตั้งแต่เวอร์ชัน 91 (ประมาณเดือนพฤษภาคม 2021) เมื่อถึงเวลานั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน |
| |
| การตั้งค่านโยบายด้วยค่าที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ใช้ SSL/TLS เวอร์ชันต่ำกว่าเวอร์ชันที่ระบุ ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะแสดงข้อผิดพลาดสำหรับ TLS 1.0 และ TLS 1.1 แต่ผู้ใช้จะข้ามไปได้</translation> |
| <translation id="8858642179038618439">บังคับใช้โหมดปลอดภัยของ YouTube</translation> |
| <translation id="8860342862142842017">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช subjectPublicKeyInfo</translation> |
| <translation id="8864975621965365890">ระงับการแจ้งเรื่องการปฏิเสธ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อไซต์แสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="886645881209114007">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้</translation> |
| <translation id="8871974300055371298">การตั้งค่าเนื้อหา</translation> |
| <translation id="8872402969096027761">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำให้เกิดการคลิกโดยอัตโนมัติเมื่อเคอร์เซอร์ของเมาส์หยุดลงโดยผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มเมาส์หรือทัชแพด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="8873089107816226072">การตั้งค่านโยบายจะระบุเขตเวลาของอุปกรณ์และปิดการปรับเขตเวลาตามตำแหน่งโดยอัตโนมัติในขณะที่ลบล้างนโยบาย <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_POLICY_NAME" /> ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงเขตเวลาไม่ได้ |
| |
| อุปกรณ์เครื่องใหม่จะมีเขตเวลาเริ่มต้นเป็น "สหรัฐฯ/แปซิฟิก" รูปแบบของค่าเป็นไปตามชื่อในฐานข้อมูลเขตเวลาของ IANA (https://en.wikipedia.org/wiki/Tz_database) การป้อนค่าที่ไม่ถูกต้องจะเปิดใช้งานนโยบายที่ใช้ GMT |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าหรือป้อนสตริงว่าง อุปกรณ์จะใช้เขตเวลาที่ใช้อยู่ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="8880294585549584028">อนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="8882006618241293596">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="8887158351295718009">คุกกี้ที่ตั้งค่าสำหรับโดเมนที่ตรงกับรูปแบบเหล่านี้จะเปลี่ยนกลับเป็นลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิม การเปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงานเดิมทำให้คุกกี้ที่ไม่ได้ระบุแอตทริบิวต์ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็น "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />", นำข้อกำหนดที่คุกกี้ "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />" ต้องมีแอตทริบิวต์ "<ph name="ATTRIBUTE_SECURE_NAME" />" ออกไป และข้ามการเปรียบเทียบสกีมเมื่อประเมินว่าเว็บไซต์ 2 แห่งเป็นเว็บไซต์เดียวกันหรือไม่ ดูคำอธิบายแบบเต็มใน https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/cookie-legacy-samesite-policies |
| |
| สำหรับคุกกี้ในโดเมนที่ไม่อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ที่นี่ หรือสำหรับคุกกี้ทั้งหมดในกรณีที่ไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางจากนโยบาย <ph name="LEGACY_SAMESITE_COOKIE_BEHAVIOR_ENABLED_POLICY_NAME" /> หากมีการตั้งค่าไว้ หรือใช้การกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้หากไม่มีการตั้งค่า |
| |
| โปรดทราบว่ารูปแบบต่างๆ ที่คุณระบุไว้ที่นี่ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็นโดเมน ไม่ใช่ URL คุณจึงไม่ควรระบุสกีมหรือพอร์ต</translation> |
| <translation id="8890438048579188548">ซ่อนคำเตือนการเลิกใช้งาน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="8892286064305622118">ต้องมีพื้นที่ว่างในดิสก์เพื่อติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation> |
| <translation id="8903283771634816230">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการเป็นปลายทางเริ่มต้นสำหรับการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้ล่าสุดเป็นปลายทางเริ่มต้นสำหรับการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation> |
| <translation id="8904721489610046109">การตั้งค่านโยบายจะเปิดหรือปิดการควบคุมเครือข่าย ซึ่งเป็นการควบคุมระบบให้มีอัตราการอัปโหลดและดาวน์โหลดที่ระบุไว้ (หน่วยเป็น kbit/s) การตั้งค่านี้จะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8906768759089290519">เปิดใช้งานโหมดผู้มาเยือน</translation> |
| <translation id="8908294717014659003">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงหรือไม่ การเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงอาจได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้สามารถรับข้อความสอบถามทุกๆ ครั้งที่เว็บไซต์ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียง |
| |
| หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ "PromptOnAccess" จะถูกใช้และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation> |
| <translation id="8911348623012274122">ตั้งขีดจำกัดหน่วยความจำสำหรับอินสแตนซ์ของ Chrome</translation> |
| <translation id="8911736066340032670">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผล เช่น อัตราการรีเฟรช และข้อมูลเกี่ยวกับกราฟิก เช่น เวอร์ชันของไดรเวอร์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก</translation> |
| <translation id="891435090623616439">เข้ารหัสเป็นสตริง JSON ดูรายละเอียดได้ที่ <ph name="COMPLEX_POLICIES_URL" /></translation> |
| <translation id="8917070657147922192">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้</translation> |
| <translation id="8919369436496201075">อนุญาตให้อุปกรณ์รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับ LTS</translation> |
| <translation id="8931555638815157255">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันเฟิร์มแวร์เป็นระยะ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลเวอร์ชัน</translation> |
| <translation id="8937282917198525844"> ตั้งแต่เวอร์ชัน M81 เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์มมาตรฐาน (เช่น <select>, <button>, <input type=date>) ได้รับการปรับรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมด้วยการช่วยเหลือพิเศษที่ได้รับการปรับปรุง และแพลตฟอร์มที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น นโยบายนี้คืนค่าเอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์ม "เดิม" แบบเก่าไปจนถึงเวอร์ชัน M84 |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์ม "เดิม" กับเว็บไซต์ทั้งหมด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์มตามที่มีการเปิดตัวใน M81, M82 และ M83 |
| |
| เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจาก Chrome 84</translation> |
| <translation id="8938932171964587769">เลิกใช้งานแล้วใน M69 โปรดใช้ |
| OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin แทน |
| |
| นโยบายนี้จะระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ |
| (เช่น *.example.com) ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย |
| กับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย |
| |
| นโยบายนี้มีไว้ให้องค์กรกำหนดต้นทางที่อนุญาตพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันเดิม |
| ที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว สำหรับการพัฒนาเว็บภายใน |
| เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์ |
| ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว |
| นโยบายจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า |
| "ไม่ปลอดภัย" ในแถบอเนกประสงค์ |
| |
| การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า |
| สถานะบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure |
| เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยจุลภาค หากตั้งค่านโยบายนี้ |
| นโยบายจะลบล้างสถานะบรรทัดคำสั่งดังกล่าว |
| |
| นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M69 เพื่อเริ่มใช้ |
| OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin หากมีทั้ง 2 นโยบาย |
| OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin จะลบล้าง |
| นโยบายนี้ |
| |
| สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัย โปรดดูที่ |
| https://www.w3.org/TR/secure-contexts/ |
| </translation> |
| <translation id="8940519618730206658">การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึง URL ที่ระบุไว้ โดยเป็นข้อยกเว้นของ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ดูรูปแบบของรายการในลิสต์นี้ได้จากคำอธิบายของนโยบายดังกล่าว ตัวอย่างเช่น การตั้งค่า <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> เป็น * จะบล็อกคำขอทั้งหมด และคุณจะใช้นโยบายนี้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดไว้ได้ ตลอดจนใช้ในการเปิดข้อยกเว้นให้แก่บางรูปแบบ โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ต หรือเส้นทางที่เฉพาะเจาะจงโดยใช้รูปแบบที่ระบุไว้ที่ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) ตัวกรองที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่า URL หนึ่งๆ ถูกบล็อกหรือได้รับอนุญาต นโยบาย <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะมีความสำคัญเหนือ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> นโยบายนี้ระบุรายการได้ไม่เกิน 1,000 รายการ |
| |
| นโยบายนี้ยังให้คุณเปิดใช้การเรียกใช้อัตโนมัติโดยเบราว์เซอร์ของแอปพลิเคชันภายนอกที่ลงทะเบียนเป็นเครื่องจัดการโปรโตคอลสำหรับโปรโตคอลที่ระบุไว้ เช่น "tel:" หรือ "ssh:" |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> |
| |
| ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation> |
| <translation id="8942616385591203339">นโยบายนี้ควบคุมว่าการขอคำยินยอมให้ซิงค์จะแสดงต่อผู้ใช้รายหนึ่งๆ ในระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้เป็นครั้งแรกได้หรือไม่ ตั้งค่านโยบายนี้เป็นเท็จหากไม่จำเป็นต้องขอคำยินยอมให้ซิงค์จากผู้ใช้ |
| หากตั้งค่าเป็นเท็จ ระบบจะไม่แสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์ |
| หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์</translation> |
| <translation id="8943744188513019866">นโยบายนี้ระบุเวอร์ชันที่ถูกต้องในปัจจุบันของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence |
| ซึ่งจะนำไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชันที่ผู้ปกครองยอมรับล่าสุดและใช้เพื่อแจ้งให้ผู้ปกครองต่ออายุสิทธิ์เมื่อจำเป็น |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันของข้อกำหนดในการให้บริการได้ |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence ไม่ได้ |
| |
| นโยบายนี้ใช้สำหรับผู้ใช้ Family Link เท่านั้น</translation> |
| <translation id="8947415621777543415">รายงานตำแหน่งอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="8948062138228904066">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="8951350807133946005">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับแคชของดิสก์</translation> |
| <translation id="8955719471735800169">กลับไปด้านบน</translation> |
| <translation id="8959992920425111821">การกำหนดค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8970205333161758602">ระงับการแจ้งเตือนการปฏิเสธของ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="8976248126101463034">อนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation> |
| <translation id="8976531594979650914">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8977192934280677167">อนุญาตการเข้าถึงการค้นหาเมนูตามบริบทของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="8992176907758534924">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดแสดงภาพ</translation> |
| <translation id="9007632512838819703">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน |
| |
| บังคับให้ปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น |
| |
| หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ ผู้ใช้จะยังคงเปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ไม่ได้อยู่ในรายการได้ |
| |
| หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง |
| |
| หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ |
| |
| หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น |
| |
| ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation> |
| <translation id="9009119876570708617">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่รุ่น M85 โปรดใช้ <ph name="POLICY_NAME" /> เพื่ออนุญาตเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยแบบรายเว็บไซต์แทน |
| นโยบายนี้ควบคุมการดูแลเนื้อหาผสม (เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ในเบราว์เซอร์ |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอัปเกรดเนื้อหาผสมประเภทเสียงและวิดีโอเป็น HTTPS โดยอัตโนมัติ (เช่น ระบบจะเขียน URL ใหม่เป็น HTTPS โดยไม่มี URL สำรองหากทรัพยากรไม่พร้อมใช้งานใน HTTPS) และจะแสดงคำเตือน "ไม่ปลอดภัย" ในแถบ URL สำหรับเนื้อหาผสมประเภทรูปภาพ |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การอัปเกรดอัตโนมัติสำหรับเสียงและวิดีโอ และจะไม่แสดงคำเตือนสำหรับรูปภาพ |
| นโยบายนี้ไม่มีผลต่อเนื้อหาผสมประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสียง วิดีโอ และรูปภาพ |
| นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 84</translation> |
| <translation id="9010080992450148617">เปิดใช้การส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนอย่างละเอียดสำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง</translation> |
| <translation id="9013875414788074110">ในระหว่างการเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ (แบบออนไลน์) หรือใช้รหัสผ่านในแคช (แบบออฟไลน์) ได้ |
| |
| เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -1 ผู้ใช้จะตรวจสอบสิทธิ์แบบออฟไลน์ได้ตลอดเวลา เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่นจะเป็นการระบุช่วงเวลานับตั้งแต่การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์ครั้งสุดท้าย และผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ขีดจำกัดเวลา 14 วันเป็นค่าเริ่มต้น และผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว |
| |
| นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้ SAML |
| |
| ค่านโยบายต้องมีหน่วยเป็นวินาที</translation> |
| <translation id="9015295904649380186">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณควบคุมการแสดงคำเตือนของการปกป้องรหัสผ่าน การปกป้องรหัสผ่านจะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่น่าสงสัย |
| |
| ใช้ <ph name="PASSWORD_PROTECTION_LOGIN_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PASSWORD_PROTECTION_CHANGE_PASSWORD_URL_POLICY_NAME" /> เพื่อระบุรหัสผ่านที่จะปกป้อง |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น |
| |
| * PasswordProtectionWarningOff จะไม่มีการแสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่าน |
| |
| * PasswordProtectionWarningOnPasswordReuse คำเตือนการปกป้องรหัสผ่านจะแสดงเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่ไม่ได้อนุญาตพิเศษ |
| |
| * PasswordProtectionWarningOnPhishingReuse คำเตือนการปกป้องรหัสผ่านจะแสดงเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ฟิชชิง |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้บริการปกป้องรหัสผ่านปกป้องเฉพาะรหัสผ่านของ Google แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="9035086760683255833">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ |
| |
| ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์วัตถุที่แป้นพิมพ์โฟกัส |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้ |
| |
| หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="9035964157729712237">รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่ไม่อนุญาต</translation> |
| <translation id="9038839118379817310">เปิดใช้ Wi-Fi</translation> |
| <translation id="9039822628127365650">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุระยะเวลาสิ้นสุดเซสชันหลังจากที่ผู้ใช้ออกจากระบบโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จะได้ดูเวลาที่เหลือได้จากนาฬิกานับเวลาถอยหลังที่แสดงในถาดระบบ |
| |
| เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่จำกัดระยะเวลาของเซสชัน |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะแก้ไขหรือลบล้างนโยบายไม่ได้ |
| |
| ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที โดยจำกัดช่วงของค่าให้อยู่ระหว่าง 30 วินาทีถึง 24 ชั่วโมง</translation> |
| <translation id="9040042535845939426">ตั้งสถานะหน้าจอส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="9050853837490399534">นโยบายนี้จะควบคุมว่าอุปกรณ์ควรอัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix หรือไม่ |
| |
| หากกำหนดค่านโยบายเป็นโทเค็นที่แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อุปกรณ์จะได้รับการอัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix ที่เกี่ยวข้องหากการอัปเดตไม่ได้ถูกบล็อกโดยนโยบายอื่น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือหากค่าของนโยบายไม่ได้แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อุปกรณ์ก็จะไม่อัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix หากอุปกรณ์ใช้บิวด์ Quick Fix อยู่แล้วและไม่ได้มีการตั้งค่านโยบายอีกต่อไป หรือค่าของนโยบายไม่ได้แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อีกต่อไป อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นบิวด์ปกติหากการอัปเดตไม่ได้ถูกบล็อกโดยนโยบายอื่น</translation> |
| <translation id="9051019223077908578">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งไว้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation> |
| <translation id="9055835215213290877">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่มี" ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ขนาดแคชเริ่มต้นในการจัดเก็บไฟล์ที่แคชไว้ในดิสก์ โดยที่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดแคชที่คุณระบุไว้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ --disk-cache-size หรือไม่ก็ตาม (ระบบจะปัดเศษค่าที่ต่ำกว่า 2-3 เมกะไบต์) |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดเริ่มต้น ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวได้โดยใช้การตั้งค่าสถานะ --disk-cache-size</translation> |
| <translation id="9055866143096316150">ลดระดับคำขอ Wake Lock หน้าจอเป็นคำขอ Wake Lock ระบบ</translation> |
| <translation id="9057444687284972605">ช่วยให้คุณแจ้งรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่มีการเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์โดยอัตโนมัติในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในเฟรมที่โฮสต์ขั้นตอน SAML หากเว็บไซต์นั้นขอใบรับรอง ตัวอย่างการใช้งานคือกำหนดค่าใบรับรองสำหรับทั้งอุปกรณ์เพื่อแสดงต่อ SAML IdP |
| |
| ค่าจะเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ที่มีรูปแบบเป็นสตริงซึ่งแต่ละรายการมีรูปแบบ <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_EXAMPLE" /> โดยที่ <ph name="URL_PATTERN_PLACEHOLDER" /> เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> จำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง |
| |
| ตัวอย่างการใช้งานส่วน <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> |
| |
| * เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_FILTER_EXAMPLE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName <ph name="ISSUER_CN_PLACEHOLDER" /> |
| |
| * เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีทั้งส่วน <ph name="ISSUER_STRING_VALUE" /> และ <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ |
| |
| * เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATION" /> ใบรับรองต้องมีอย่างน้อย 1 องค์กรที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก |
| |
| * เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATIONAL_UNIT" /> ใบรับรองต้องมีหน่วยขององค์กรอย่างน้อย 1 หน่วยที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก |
| |
| * เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="EMPTY_DICTIONARY" /> การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม โปรดทราบว่าตัวกรองที่ได้มาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์จะยังคงมีผลอยู่ |
| |
| |
| |
| หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มีการเลือกใบรับรองโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation> |
| <translation id="9073405975862312795">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานระยะเวลาเมื่อผู้ใช้กำลังใช้งานอุปกรณ์ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่บันทึกหรือรายงานจำนวนครั้งของกิจกรรม</translation> |
| <translation id="9077227880520270584">ตัวจับเวลาการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="9084985621503260744">ระบุว่ากิจกรรมวิดีโอมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation> |
| <translation id="9088433379343318874">เปิดใช้ผู้ให้บริการเนื้อหาสำหรับผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation> |
| <translation id="9088444059179765143">กำหนดค่าวิธีการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation> |
| <translation id="9095999573959728902">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกใช้ฮับโทรศัพท์ซึ่งทำให้โต้ตอบกับโทรศัพท์ในอุปกรณ์ Chrome OS ได้ |
| |
| หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้ฮับโทรศัพท์ไม่ได้ |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation> |
| <translation id="9096086085182305205">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์</translation> |
| <translation id="9105265795073104888">แอป Android สามารถใช้เพียงชุดย่อยของตัวเลือกการกำหนดค่าพร็อกซี โดยแอป Android อาจเลือกใช้พร็อกซีโดยสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับให้แอปใช้พร็อกซีได้</translation> |
| <translation id="9106865192244721694">อนุญาต WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation> |
| <translation id="9112727953998243860">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร</translation> |
| <translation id="9116740039944096995">รายการรูปแบบ URL อนุญาตคำขอเครือข่ายส่วนตัวที่เริ่มต้นมาจากเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยที่แสดงโดยต้นทางที่ตรงกัน |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายนี้จะทำงานเหมือนตั้งค่าไว้เป็นรายการที่ว่างเปล่า |
| |
| สำหรับต้นทางที่ไม่รวมอยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ที่นี่ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางจากนโยบาย <ph name="INSECURE_PRIVATE_NETWORK_REQUESTS_ALLOWED_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้ |
| |
| โปรดทราบว่านโยบายนี้จะมีผลกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัยเท่านั้น และระบบจะไม่สนใจต้นทางที่ปลอดภัย (เช่น https://example.com) ที่รวมอยู่ในรายการนี้ |
| |
| ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation> |
| <translation id="9117826695152538214">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดคีย์ติดหนึบไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดคีย์ติดหนึบไว้ตลอด |
| |
| หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ คีย์ติดหนึบจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation> |
| <translation id="9123211093995421438">กำหนดจุดขั้นต่ำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การย้อนกลับควรอนุญาตให้ย้อนได้ถึงเวอร์ชันที่เสถียรแล้วในช่วงเวลาใดก็ตาม |
| |
| ค่าเริ่มต้นคือ 0 สำหรับผู้บริโภค และ 4 (ประมาณครึ่งปี) สำหรับอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนโดยองค์กร |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะป้องกันให้การย้อนกลับย้อนไปอย่างน้อยที่จุดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ค่าที่ต่ำกว่าจะมีผลกระทบอย่างถาวร อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปที่เวอร์ชันก่อนหน้าไม่ได้แม้ในภายหลังมีการรีเซ็ตนโยบายใหม่เป็นค่าที่สูงขึ้นแล้วก็ตาม |
| |
| ความเป็นไปได้ของการย้อนกลับที่เกิดขึ้นจริงอาจขึ้นอยู่กับแพตช์ที่ยังมีช่องโหว่ที่กว้างและร้ายแรงอีกด้วย</translation> |
| <translation id="9123464369663964441">อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม</translation> |
| <translation id="9129169595075460149">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search จะทำงานตลอดเวลาและผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search จะไม่ทำงาน</translation> |
| <translation id="9130298333414322767">รายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์ |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล |
| หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์</translation> |
| <translation id="913195841488580904">บล็อกการเข้าถึงรายการ URL</translation> |
| <translation id="9135033364005346124">เปิดใช้งานพร็อกซี <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation> |
| <translation id="9136399279941091445">ระยะเวลาปิดเครื่องเมื่อเผยแพร่นโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ</translation> |
| <translation id="9150416707757015439">นโยบายนี้เลิกใช้แล้ว โปรดใช้ IncognitoModeAvailability แทน เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตน หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานและผู้ใช้จะสามารถใช้โหมดไม่ระบุตัวตนได้</translation> |
| <translation id="9152473318295429890">เปิดใช้คำแนะนำตามบริบทของหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง</translation> |
| <translation id="9153446010242995516">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า พยายามใช้ค่ากำหนดระดับอุปกรณ์ต่อไป (รวมถึงข้อมูลเข้าสู่ระบบเครือข่าย) ผ่านขั้นตอนการย้อนกลับเวอร์ชัน หากเป็นไปได้ แต่อย่าทำ Powerwash เต็มรูปแบบถ้าคืนค่าข้อมูลไม่ได้ (เพราะเวอร์ชันเป้าหมายไม่รองรับการคืนค่าข้อมูลหรือเพราะมีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังที่เข้ากันไม่ได้) |
| รองรับใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 75 ขึ้นไป สำหรับไคลเอ็นต์เก่า ค่านี้หมายความว่าการย้อนกลับเวอร์ชันปิดอยู่</translation> |
| <translation id="9155218447258425310">ระยะเวลาของการแจ้งเตือนเมื่อมีการนำสมาร์ทการ์ดออกสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="9155375380628728544">การตั้งค่านโยบายให้ผู้ใช้เพิ่มภาษาที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ลงในรายการภาษาที่ต้องการได้เพียงภาษาเดียว |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะระบุภาษาเป็นภาษาที่ต้องการได้ |
| |
| หากตั้งค่าเป็นรายการที่มีค่าที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะไม่สนใจค่าเหล่านั้น หากผู้ใช้เพิ่มภาษาที่นโยบายนี้ไม่อนุญาตลงในรายการภาษาที่ต้องการ ระบบจะนำภาษานั้นออก หากผู้ใช้มี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงเป็นภาษาซึ่งนโยบายนี้ไม่อนุญาต เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ครั้งถัดไป ภาษาที่แสดงจะเปลี่ยนเป็นภาษาที่อนุญาตสำหรับ UI ไม่เช่นนั้น หากนโยบายนี้มีแต่รายการที่ไม่ถูกต้อง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปลี่ยนไปใช้ค่าที่ถูกต้องค่าแรกที่นโยบายนี้ระบุ หรือเปลี่ยนเป็นภาษาทางเลือก เช่น en-US</translation> |
| <translation id="9159126470527871268">แจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ท <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้ |
| |
| การตั้งค่านโยบายนี้จะเปิดใช้การแจ้งเตือนที่จะบอกว่าผู้ใช้ควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแจ้งผู้ใช้ว่าจำเป็นต้องมีการเปิดขึ้นมาใหม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเมนู ส่วน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแจ้งข้อความเช่นนี้ผ่านการแจ้งเตือนในถาดระบบ หากตั้งค่าเป็น "แนะนำ" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าขอแนะนำให้เปิดขึ้นมาใหม่ ผู้ใช้ปิดคำเตือนนี้เพื่อเลื่อนการเปิดใหม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จำเป็น" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าจะมีการบังคับเปิดเบราว์เซอร์ใหม่หลังจากสิ้นสุดระยะการแจ้งเตือน โดยค่าเริ่มต้น ระยะเวลาดังกล่าวคือ 7 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ 4 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แต่คุณกำหนดค่าผ่านการตั้งค่านโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" /> ได้ |
| ระบบจะคืนค่าเซสชันของผู้ใช้หลังการเปิดใหม่/รีสตาร์ท</translation> |
| <translation id="9160028464653564229">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมผ่าน Serial API</translation> |
| <translation id="9167719789236691545">ปิดใช้ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation> |
| <translation id="9185107612228451403">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยาย ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งส่วนขยายที่ติดบัญชีดำ เว้นแต่ว่าเป็นรายการที่อนุญาตพิเศษ คุณยังบังคับให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ติดตั้งส่วนขยายโดยอัตโนมัติได้ด้วยการระบุส่วนขยายใน <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> ระบบจะติดตั้งส่วนขยายที่บังคับติดตั้งแม้ว่าส่วนขยายจะอยู่ในบัญชีดำก็ตาม</translation> |
| <translation id="9187743794267626640">ปิดใช้งานการต่อเชื่อมที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation> |
| <translation id="9190456586252617675">นโยบายนี้ควบคุมโหมดของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น <ph name="ASSISTANT_ONBOARDING_MODE_DEFAULT" /> ระบบจะใช้โหมดเริ่มต้นของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ASSISTANT_ONBOARDING_MODE_EDUCATION" /> ระบบจะใช้โหมด EDU ของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation> |
| <translation id="9194447412184412480">ควบคุมการตั้งค่าของผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML ด้วย IdP ภายนอก</translation> |
| <translation id="9197740283131855199">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ หากผู้ใช้มีการใช้งานหลังจากการสลัวหน้าจอ</translation> |
| <translation id="9200828125069750521">พารามิเตอร์สำหรับ URL รูปภาพที่ใช้ POST</translation> |
| <translation id="9213751049772256263">ปิดใช้รูปแบบทั้งหมด</translation> |
| <translation id="9217154963008402249">ความถี่ในการติดตามดูแพ็กเก็ตเครือข่าย</translation> |
| <translation id="922540222991413931">กำหนดค่าส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และแหล่งติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้</translation> |
| <translation id="924557436754151212">นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation> |
| <translation id="927384371566552478">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ใช้งาน UI การส่งออก-นำเข้าได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ใช้งาน UI การส่งออก-นำเข้าไม่ได้</translation> |
| <translation id="927444535723396977">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์เรียกใช้ JavaScript ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธไม่ให้เรียกใช้ JavaScript |
| |
| การไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation> |
| <translation id="929549405492388749">หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะเป็นการบังคับให้เปิดใช้ AppCache แม้ว่า AppCache ใน Chrome จะไม่พร้อมใช้งานโดยค่าเริ่มต้น |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" AppCache จะใช้ค่าเริ่มต้นของ Chrome</translation> |
| <translation id="930930237275114205">ตั้งไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation> |
| <translation id="935779984563655842">รายงานข้อมูลบลูทูธ</translation> |
| <translation id="936188865879911137">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตการติดตั้งและการอัปเดตส่วนขยายที่โฮสต์นอก Chrome เว็บสโตร์ ซึ่งอาจทำให้มีการปกป้องเนื้อหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น |
| |
| หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตการติดตั้งใหม่ (และการอัปเดต) ของส่วนขยายดังกล่าว นโยบายนี้ไม่มีผลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 78 และเวอร์ชันหลังจากนั้น |
| |
| การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะเท่ากับการ "เปิดใช้" นโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 73-75 และ "ปิดใช้" นโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 76 และ 77</translation> |
| <translation id="940706688964479124">รายการของประเภทไฟล์ที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ</translation> |
| <translation id="943865157632139008">ให้คุณกำหนดค่าโปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นเมื่อติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> |
| การตั้งค่าเริ่มต้นจะอนุญาตให้เบราว์เซอร์โฮสต์แสดงผล แต่คุณเลือกลบล้างการตั้งค่านี้ได้และให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงผลหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation> |
| <translation id="944817693306670849">ตั้งค่าขนาดแคชดิสก์</translation> |
| <translation id="974349541138387272">ระบุเทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการ</translation> |
| <translation id="981346395360763138">บริการตำแหน่งของ Google ปิดใช้อยู่</translation> |
| <translation id="982497069985795632">เปิดใช้การตรวจการสะกด</translation> |
| <translation id="983256325512298435">กำหนดรายการโปรโตคอลที่เปิดแอปพลิเคชันภายนอกจากต้นทางที่ระบุได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้</translation> |
| <translation id="991560005425213776">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเครื่องพิมพ์ดั้งเดิม</translation> |
| <translation id="99202634486128833">การตั้งค่านโยบายเป็น CopyCaCerts ทำให้ใบรับรอง CA ที่ติดตั้งโดย ONC ที่มี <ph name="WEB_TRUSTED_BIT" /> ทั้งหมดพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC |
| |
| การตั้งค่าเป็น "ไม่มี" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ไม่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC</translation> |
| <translation id="99232017131102456">นโยบายนี้กำหนดค่าแคชต่อโปรไฟล์ทั่วไปรายการเดียวที่มีข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ HTTP |
| |
| หากไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของการตรวจสอบสิทธิ์แบบข้ามเว็บไซต์ ซึ่งตั้งแต่เวอร์ชัน 80 เป็นต้นไปจะกำหนดขอบเขตข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ HTTP ตามเว็บไซต์ระดับบน ดังนั้นหากเว็บไซต์ 2 รายการใช้ทรัพยากรจากโดเมนการตรวจสอบสิทธิ์เดียวกัน คุณจะต้องระบุข้อมูลเข้าสู่ระบบไว้แยกกันในบริบทของทั้งสองเว็บไซต์ ระบบจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบพร็อกซีที่แคชไว้มาใช้ซ้ำในเว็บไซต์ต่างๆ |
| |
| หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่ป้อนในบริบทของเว็บไซต์หนึ่งไปใช้ในบริบทของอีกเว็บไซต์หนึ่งโดยอัตโนมัติ |
| |
| การเปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้เว็บไซต์เสี่ยงต่อการโจมตีแบบข้ามเว็บไซต์บางประเภท และจะอนุญาตให้มีการติดตามผู้ใช้ในเว็บไซต์ต่างๆ แม้จะไม่มีคุกกี้ ด้วยการเพิ่มรายการในแคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP โดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ฝังไว้ใน URL |
| |
| นโยบายนี้มีไว้เพื่อให้องค์กรต่างๆ มีโอกาสอัปเดตขั้นตอนการเข้าสู่ระบบขององค์กร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานเดิม เราจะนำนโยบายนี้ออกในอนาคต</translation> |
| </translationbundle> |