blob: 14bfc85308c21ee198538bade81a9579f0aee282 [file] [log] [blame]
<?xml version="1.0" ?>
<!DOCTYPE translationbundle>
<translationbundle lang="th">
<translation id="1002439864875515590">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงเปล่าหรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในระหว่างขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่แสดงชื่อโดเมน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงตัวเลือกเติมข้อความอัตโนมัติในขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ โดยอนุญาตให้ผู้ใช้พิมพ์เฉพาะชื่อผู้ใช้โดยไม่ต้องมีส่วนขยายชื่อโดเมน ผู้ใช้จะเขียนทับส่วนขยายชื่อโดเมนนี้ได้
หากค่าของนโยบายนี้ไม่ใช่โดเมนที่ถูกต้อง ระบบจะไม่นำนโยบายนี้ไปใช้</translation>
<translation id="1010151305531217567">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวา</translation>
<translation id="1011266755572744012">ระบุจำนวนแผ่นงานสูงสุดที่อนุญาตให้พิมพ์สำหรับงานพิมพ์ 1 งาน
หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและผู้ใช้จะพิมพ์เอกสารใดก็ได้</translation>
<translation id="101438888985615157">หมุนหน้าจอ 180 องศา</translation>
<translation id="1017967144265860778">การจัดการพลังงานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1018427234617066902">บังคับให้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการ
หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุนอกเหนือจากภาษาที่ผู้ใช้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดไว้
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ
หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายนี้และเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น
ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation>
<translation id="1019101089073227242">ตั้งค่าไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้</translation>
<translation id="1022361784792428773">รหัสส่วนขยายที่ผู้ใช้ควรป้องกันไม่ให้มีการติดตั้ง (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation>
<translation id="102492767056134033">ตั้งสถานะเริ่มต้นของแป้นพิมพ์บนหน้าจอบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1027000705181149370">ระบุว่าควรโอนคุกกี้การตรวจสอบสิทธิ์ที่กำหนดโดย SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้ไหม
เมื่อผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเขียนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ลงในโปรไฟล์ชั่วคราวก่อน ซึ่งคุกกี้เหล่านี้สามารถโอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้เพื่อส่งต่อสถานะการตรวจสอบสิทธิ์ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ทุกครั้งที่ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์กับ SAML IdP ในขณะลงชื่อเข้าใช้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น
นโยบายนี้มีผลต่อผู้ใช้ที่มีโดเมนตรงกับโดเมนการลงทะเบียนของอุปกรณ์เท่านั้น สำหรับผู้ใช้คนอื่นๆ ทั้งหมด ระบบจะโอนคุกกี้ที่กำหนดโดย IdP ไปที่โปรไฟล์ของผู้ใช้ในระหว่างที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้บนอุปกรณ์เป็นครั้งแรกเท่านั้น</translation>
<translation id="1029052664284722254">บังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="1032533786864478457">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้ผู้ใช้ตั้งค่าให้อุปกรณ์ซิงค์ SMS กับ Chromebook ได้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดแจ้งด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้จะรับและส่งข้อความใน Chromebook ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะตั้งค่าการซิงค์ข้อความไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ที่มีการจัดการไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้โดยค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้อื่นๆ จะใช้ได้</translation>
<translation id="1040446814317236570">เปิดใช้การตัด PAC URL (สำหรับ https://)</translation>
<translation id="1041719059374171202">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ JavaScript ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="1046484220783400299">เปิดใช้ฟีเจอร์แพลตฟอร์มของเว็บที่เลิกใช้แล้วเป็นเวลาจำกัด</translation>
<translation id="1047128214168693844">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="1049138910114524876">กำหนดค่าภาษาที่จะบังคับใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ได้มาจากค่าแรกของนโยบายนี้ทุกครั้ง (นโยบายได้รับการกำหนดค่าเป็นรายการเพื่อความเข้ากันได้ในอนาคต) หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาที่ผู้ใช้ใช้ในเซสชันล่าสุด หากนโยบายนี้มีการตั้งค่าภาษาไม่ถูกต้อง หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงเป็นภาษาสำรอง (ปัจจุบันคือ en-US)</translation>
<translation id="1052499923181221200">นโยบายนี้จะไม่มีผล เว้นแต่ SamlInSessionPasswordChangeEnabled เป็นจริง
หากนโยบายนั้นเป็นจริง และมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็น 14 (ตัวอย่าง) หมายความว่าผู้ใช้ SAML จะได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า 14 วันว่ารหัสผ่านจะหมดอายุในวันที่ที่กำหนด
จากนั้นผู้ใช้จะจัดการกับเรื่องนี้ได้ทันทีโดยทำการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชันและอัปเดตรหัสผ่านก่อนหมดอายุ
แต่การแจ้งเตือนเหล่านี้จะแสดงเมื่อผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัว SAML ส่งข้อมูลการหมดอายุของรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ SAML เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 หมายความว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า แต่จะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อรหัสผ่านหมดอายุไปแล้วเท่านั้น
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation>
<translation id="105369313766849861">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา
ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Supported_directory_variables
หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ไดเรกทอรีโปรไฟล์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1062011392452772310">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="1062407476771304334">แทนที่</translation>
<translation id="1069489575852947981">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า ระบบจะตั้งค่าบัญชีในอุปกรณ์ให้ลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดำเนินการตามแป้นพิมพ์ลัด Ctrl+Alt+S เพื่อข้ามการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ และจะแสดงหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะข้ามการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 ไม่ได้ (หากกำหนดค่าไว้)</translation>
<translation id="1073983258515362346">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับแบ็กไลต์ของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลแบ็กไลต์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="1076751984131277498">รายการที่อนุญาตของอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้</translation>
<translation id="1079801999187584280">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="1082802595100075771">ให้ผู้ใช้เลือกที่จะใช้บริการของ Google แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อให้คำอธิบายอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่มีป้ายกำกับ</translation>
<translation id="1087437665304381368">นโยบายนี้ควบคุมโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น หากคุณต้องการป้องกันการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ Android ก็จะต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_DISABLED_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1087707496788636333">เรากำลังย้ายรายการนโยบายของ Chrome Enterprise โปรดอัปเดตบุ๊กมาร์กเป็น <ph name="POLICY_DOCUMENTATION_URL" /></translation>
<translation id="1095209545735032039">บล็อก Serial API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1096105751829466145">ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1099282607296956954">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="1117535567637097036">ไม่มีการใช้เครื่องจัดการโปรโตคอลที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ระหว่างการจัดการ Intent ของ Android</translation>
<translation id="1118093128235245168">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์จากผู้ใช้เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่ออยู่</translation>
<translation id="1122089575901325963">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกล (DTC) ของ <ph name="WILCO_NAME" /> หากมีให้ใช้งานในอุปกรณ์ การตั้งค่าต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB (1,000,000 ไบต์) และต้องอยู่ในรูปแบบ JSON DTC ของ <ph name="WILCO_NAME" /> จะมีหน้าที่จัดการกับการกำหนดค่าดังกล่าว ระบบใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด รวมถึงจะดาวน์โหลดและแคชการกำหนดค่า และดาวน์โหลดซ้ำอีกเมื่อใดก็ตามที่ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้</translation>
<translation id="1133814529606590009">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL อยู่เสมอ ข้อมูลนี้จะส่ง URL ของหน้าเว็บที่ผู้ใช้เข้าชมไปยัง Google เพื่อช่วยให้การค้นหาและการท่องเว็บดีขึ้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ในตอนแรกระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="1138294736309071213">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนดระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้สำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="1144540226829648811">ระบุเวอร์ชันการเผยแพร่ที่อุปกรณ์นี้ควรจะใช้ได้
การตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> จะมีผลเฉพาะในกรณีที่ตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_DELEGATED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="1151353063931113432">อนุญาตให้แสดงภาพบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1160479894929412407">อนุญาตโปรโตคอล QUIC</translation>
<translation id="1160939557934457296">ปิดใช้งานการดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือน Safe Browsing</translation>
<translation id="1163080558183062209">ปิดใช้ประเภทเครื่องพิมพ์ในรายการปฏิเสธ</translation>
<translation id="117059611145966538">เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอก</translation>
<translation id="1171785618439752042">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดประเภทการเข้ารหัสที่ได้รับอนุญาตเมื่อขอตั๋ว Kerberos จากเซิร์ฟเวอร์ <ph name="MS_AD_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น
* "ทั้งหมด" จะอนุญาตประเภทการเข้ารหัส AES ซึ่งได้แก่ aes256-cts-hmac-sha1-96 และ aes128-cts-hmac-sha1-96 รวมถึงประเภทการเข้ารหัส RC4 ซึ่งก็คือ rc4-hmac AES จะมีความสำคัญเหนือกว่าหากเซิร์ฟเวอร์รองรับประเภทการเข้ารหัส AES และ RC4
* "แรง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตเฉพาะประเภท AES
* "แบบเดิม" จะอนุญาตเฉพาะประเภท RC4 ซึ่งไม่มีความปลอดภัย และควรใช้ในบางกรณีเท่านั้น หากเป็นไปได้ ให้กำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์ใหม่เพื่อให้รองรับ AES
รวมถึงดู https://wiki.samba.org/index.php/Samba_4.6_Features_added/changed#Kerberos_client_encryption_types</translation>
<translation id="1177567780207290133">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมตัวกรอง URL ของ SafeSites ซึ่งใช้ Google Safe Search API เพื่อจำแนก URL ว่าเป็นประเภทลามกอนาจารหรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น
* "ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่กรองเว็บไซต์
* "กรองเว็บไซต์ระดับบนสุดที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่" ระบบจะกรองเว็บไซต์ที่อยู่ในประเภทลามกอนาจารออก</translation>
<translation id="1177624681620856105"> นโยบายนี้กำหนดว่าจะมีการแสดงช่องทำเครื่องหมาย "เปิดตลอดเวลา" ในข้อความแจ้งยืนยันการเปิดใช้โปรโตคอลภายนอกหรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เมื่อการยืนยันโปรโตคอลภายนอกแสดงขึ้น ผู้ใช้จะเลือก "อนุญาตเสมอ" เพื่อข้ามข้อความแจ้งยืนยันทั้งหมดในอนาคตสำหรับโปรโตคอลดังกล่าวในเว็บไซต์นี้ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ช่องทำเครื่องหมาย "อนุญาตเสมอ" จะไม่แสดง และระบบจะแสดงข้อความแจ้งแก่ผู้ใช้ทุกครั้งที่มีการเรียกใช้โปรโตคอลภายนอก</translation>
<translation id="11903325225202653">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดโหมดคอนทราสต์สูงไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดโหมดคอนทราสต์สูงไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดอยู่ แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="1192875037379495940">การตั้งค่านโยบายหมายความว่า ระบบจะลงชื่อเข้าใช้เซสชันที่ระบุโดยอัตโนมัติหากไม่มีการโต้ตอบจากผู้ใช้ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ภายในระยะเวลาที่ระบุในนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_DELAY_POLICY_NAME" /> บัญชีในอุปกรณ์ต้องตั้งค่าไว้แล้ว (ดู <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNTS_POLICY_NAME" />)
การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหมายความว่าจะไม่มีการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="1197437816436565375">คุณบังคับให้แอป Android ใช้พร็อกซีไม่ได้ แอป Android สามารถใช้ชุดย่อยของการตั้งค่าพร็อกซี ซึ่งแอป Android อาจเลือกทำตามโดยสมัครใจ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากนโยบาย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1198183996903759302">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" (หรือตั้งค่า <ph name="HARDWARE_ACCELERATION_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ") ป้องกันไม่ให้หน้าเว็บเข้าถึง WebGL API และปลั๊กอินจะใช้ Pepper 3D API ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้หน้าเว็บใช้ WebGL API และปลั๊กอินใช้ Pepper 3D API ได้ แต่การตั้งค่าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์อาจยังคงต้องใช้อาร์กิวเมนต์บรรทัดคำสั่งเพื่อใช้ API เหล่านี้</translation>
<translation id="1199366379198964260">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ใช้ PIN ที่ไม่รัดกุมได้ ลักษณะบางอย่างของ PIN ที่ไม่รัดกุม ได้แก่ เลขตัวเดียวซ้ำกัน (1111) ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทีละ 1 (1234) ตัวเลขที่ลดลงทีละ 1 (4321) และ PIN ที่ใช้บ่อย การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่ไม่รัดกุมและคาดเดาง่ายได้
โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะได้รับคำเตือนซึ่งไม่ใช่ข้อผิดพลาดสำหรับ PIN ที่ไม่รัดกุม</translation>
<translation id="1202216683470826356">แสดงการ์ดในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="1204263402976895730">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation>
<translation id="1209065772997672966">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เปิดป๊อปอัปได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_POPUPS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="120937472976628837">รายงานข้อมูลพัดลม</translation>
<translation id="1216919699175573511">เปิดใช้การสนับสนุน Signed HTTP Exchange (SXG)</translation>
<translation id="1219695476179627719">ระบุว่าอุปกรณ์ควรย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันที่ <ph name="DEVICE_TARGET_VERSION_PREFIX_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าไว้หรือไม่ หากใช้เวอร์ชันที่ใหม่กว่าอยู่
ค่าเริ่มต้นคือ RollbackDisabled</translation>
<translation id="1221359380862872747">โหลด URL ที่ระบุเมื่อลงชื่อเข้าใช้การสาธิต</translation>
<translation id="1223789468190631420">สถานะการเปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="123081309365616809">เปิดใช้การแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์</translation>
<translation id="1240722269871366886">นโยบายนี้ช่วยให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แนะนำอีโมจิเมื่อผู้ใช้พิมพ์ข้อความด้วยแป้นพิมพ์เสมือนหรือแป้นพิมพ์จริง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ได้
เมื่อตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะไม่มีการแนะนำอีโมจิและผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่าไม่ได้</translation>
<translation id="1243570869342663665">ควบคุมการกรองเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ของ SafeSites</translation>
<translation id="1244309789361056660">เราได้นำนโยบายนี้ออกจากเวอร์ชัน M87 และข้อมูลไดเรกทอรีของหน้าแรกจะย้ายไป ext4 โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้
การตั้งค่านโยบายจะระบุการดำเนินการที่จะทำเมื่อมีการสร้างไดเรกทอรีหลักของผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส ecryptfs แอป Android อาจไม่ทำงาน เว้นแต่ไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัส ecryptfs จะย้ายข้อมูลไปยังการเข้ารหัส ext4
การตั้งค่านโยบายเป็น
* Migrate (หรือตัวเลือกที่ไม่รองรับ เช่น AskUser หรือ AskForEcryptfsArcUsers) หมายความว่าไดเรกทอรีจะย้ายข้อมูลไปยัง ext4 โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้ โดยไม่ต้องขอคำยินยอมจากผู้ใช้
* Wipe หรือ MinimalMigrate หมายความว่าเมื่อลงชื่อเข้าใช้ ไดเรกทอรีหลักใหม่ที่เข้ารหัส ext4 จะแทนที่ไดเรกทอรีเก่าที่เข้ารหัส ecryptfs เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่ลงชื่อเข้าใช้ซ้ำ MinimalMigrate จะพยายามรักษาโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้
* DisallowArc หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการย้ายข้อมูล และแอป Android ของผู้ใช้จะหยุดทำงาน
นโยบายนี้ไม่มีผลกับผู้ใช้คีออสก์
คำเตือน: Wipe และ MinimalMigrate จะนำข้อมูลในเครื่องออก</translation>
<translation id="1252536192437793850">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรม</translation>
<translation id="125655429495551011">การตั้งค่านโยบายเป็นสตริงจะใช้สตริงดังกล่าวเป็นชื่อโฮสต์ของอุปกรณ์ในระหว่างที่ขอ DHCP สตริงอาจมีตัวแปร <ph name="ASSET_ID_PLACEHOLDER" />, <ph name="SERIAL_NUM_PLACEHOLDER" />, <ph name="MAC_ADDR_PLACEHOLDER" />, <ph name="MACHINE_NAME_PLACEHOLDER" />, <ph name="LOCATION_PLACEHOLDER" /> ซึ่งระบบจะแทนที่ด้วยค่าในอุปกรณ์ก่อนที่จะใช้เป็นชื่อโฮสต์ ชื่อที่จะแทนที่ได้จะต้องเป็นชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง (ตาม RFC 1035 ส่วน 3.1)
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือหากค่าหลังการแทนที่ไม่ใช่ชื่อโฮสต์ที่ถูกต้อง ก็จะไม่มีการกำหนดชื่อโฮสต์ในคำขอ DHCP</translation>
<translation id="1257550411839719984">ตั้งค่าไดเรกทอรีเริ่มต้นสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="1265053460044691532">จำกัดเวลาที่ผู้ใช้ซึ่งตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML สามารถเข้าสู่ระบบในแบบออฟไลน์</translation>
<translation id="127264587838521316">เปิดใช้คำขอติดตั้งส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1274997165432133392">คุกกี้และข้อมูลอื่นของเว็บไซต์</translation>
<translation id="127699919157094139">ปิดใช้การซิงค์ข้อมูลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยใช้บริการการซิงค์ที่โฮสต์ไว้ใน Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะใช้ Google Sync หรือไม่
หากต้องการปิดใช้ Google Sync โดยสมบูรณ์ ขอแนะนำให้คุณปิดใช้บริการ Google Sync ในคอนโซล Google Admin</translation>
<translation id="128059397544257017">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หมายความว่าหาก <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ก็จะรายงานเกี่ยวกับการสแกนดังกล่าวให้ Google ทราบ โดยเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้โดย <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม แล้วส่งผลลัพธ์ไปยัง Google
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หมายความว่าหาก <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> ตรวจพบซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ ก็จะไม่รายงานเกี่ยวกับการสแกนดังกล่าวให้ Google ทราบ ไม่ว่าค่าของ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะเป็นอะไรก็ตาม <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม แต่ไม่รายงานผลลัพธ์ให้ Google ทราบ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> รายงานเกี่ยวกับการสแกนเพื่อตรวจหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ให้ Google ทราบ โดยเป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้โดย <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> <ph name="CHROME_CLEANUP_NAME" /> จะถามผู้ใช้ว่าต้องการทำความสะอาดไหม และต้องการแชร์ผลลัพธ์กับ Google เพื่อช่วยในการตรวจหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในอนาคตไหม ผลลัพธ์จะมีข้อมูลเมตาของไฟล์ ส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติ และคีย์รีจิสทรีตามที่อธิบายไว้ในสมุดปกขาวเรื่องความเป็นส่วนตัวของ Chrome
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /></translation>
<translation id="1290634681382861275">ควบคุมการตั้งค่าเบ็ดเตล็ด เช่น USB บลูทูธ การรีเฟรชนโยบาย โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และอื่นๆ</translation>
<translation id="1291880496936992484">คำเตือน: ระบบจะนำ RC4 ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดการเข้ารหัสของ RC4 ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์อีกครั้ง</translation>
<translation id="1294263471858445589">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันปกติ</translation>
<translation id="1295737447968372331">เปิดใช้ฟีเจอร์การเขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1297182715641689552">ใช้สคริปต์พร็อกซี .pac</translation>
<translation id="1297961932043741908">ตั้งขีดจำกัดจำนวนเมกะไบต์ของหน่วยความจำที่อินสแตนซ์หนึ่งๆ ของ Chrome จะใช้ได้</translation>
<translation id="1304973015437969093">รหัสส่วนขยาย/แอปและ URL การอัปเดตจะติดตั้งอยู่ในพื้นหลัง</translation>
<translation id="1305400589435476516">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์โรมมิ่งข้อมูลได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใช้การโรมมิ่งข้อมูลไม่ได้</translation>
<translation id="1307454923744766368">ต้นทางหรือรูปแบบชื่อโฮสต์ที่ไม่ควรใช้ข้อจำกัด
เกี่ยวกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="1308526987406924874">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่) <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีความสำคัญเหนือกว่าตามลำดับข้างต้น
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="SERIAL_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="1309465583050255779">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NAME_POLICY_NAME" /> จะระบุชื่อของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NAME_POLICY_NAME" /> ไว้ ระบบจะใช้ชื่อโฮสต์ที่ URL การค้นหาระบุ</translation>
<translation id="1312799700549720683">ควบคุมการตั้งค่าการแสดงผล</translation>
<translation id="131353325527891113">แสดงชื่อผู้ใช้บนหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="1327466551276625742">เปิดใช้พรอมต์การกำหนดค่าเครือข่ายเมื่อออฟไลน์</translation>
<translation id="1330145147221172764">เปิดใช้แป้นพิมพ์บนหน้าจอ</translation>
<translation id="13356285923490863">ชื่อนโยบาย</translation>
<translation id="1338603603553894503">ระบุว่าเครื่องมือเลือกโปรไฟล์เปิดใช้อยู่ ปิดใช้อยู่ หรือบังคับใช้เมื่อเริ่มเบราว์เซอร์
เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะไม่แสดงอยู่โดยค่าเริ่มต้นหากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในโหมดผู้มาเยือนหรือโหมดไม่ระบุตัวตน มีการระบุไดเรกทอรีโปรไฟล์และ/หรือ URL ด้วยบรรทัดคำสั่ง มีการขอให้เปิดแอปอย่างชัดแจ้ง มีการเปิดเบราว์เซอร์ด้วยการแจ้งเตือนแบบเนทีฟ มีให้เลือกเพียงโปรโฟล์เดียว หรือมีการตั้งค่านโยบาย ForceBrowserSignin เป็น "จริง"
หากเลือก "เปิดใช้" (0) ไว้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะแสดงเมื่อเริ่มต้นระบบโดยค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้จะเปิด/ปิดใช้ได้
หากเลือก "ปิดใช้" (1) ไว้ เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะไม่แสดงขึ้นมาและผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากเลือก "บังคับใช้" (2) ไว้ ผู้ใช้จะระงับการใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์ไม่ได้ เครื่องมือเลือกโปรไฟล์จะแสดงแม้ว่าจะมีให้เลือกเพียงโปรโฟล์เดียวเท่านั้น</translation>
<translation id="1339174690935954950">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็น</translation>
<translation id="1347198119056266798">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="FORCE_GOOGLE_SAFE_SEARCH_POLICY_NAME" /> และ <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> แทน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้หากมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="FORCE_GOOGLE_SAFE_SEARCH_POLICY_NAME" />, <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="FORCE_YOUTUBE_SAFETY_MODE_POLICY_NAME" /> (เลิกใช้งานแล้ว)
บังคับให้การค้นหาใน "Google ค้นเว็บ" ต้องใช้งาน "ค้นหาปลอดภัย" และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ การตั้งค่านี้ยังบังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube ด้วย
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้งาน "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search และโหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เสมอ
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่บังคับใช้ "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search และโหมดที่จำกัดใน YouTube</translation>
<translation id="134745581157553029">หากตั้งค่านโยบาย "DeviceArcDataSnapshotHours" ระบบจะเปิดใช้กลไกการสรุปภาพรวมของข้อมูล ARC และการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มต้นโดยอัตโนมัติในช่วงเวลาที่กำหนดได้ เมื่อช่วงเวลาดังกล่าวเริ่มต้น ระบบต้องอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบ ขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มโดยไม่แสดงการแจ้งเตือนต่อผู้ใช้ หากผู้ใช้กำลังใช้งานอยู่ การแจ้งเตือน UI จะแสดงขึ้นและผู้ใช้ต้องยอมรับเพื่อรีบูตอุปกรณ์และเริ่มขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC หมายเหตุ: ระบบจะไม่อนุญาตให้มีการใช้งานอุปกรณ์ในระหว่างที่อัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC</translation>
<translation id="1353416417709895349">ปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation>
<translation id="1354424209129232709">สูงสุด:</translation>
<translation id="1359553908012294236">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชม การเข้าสู่ระบบแบบผู้เยี่ยมชมเป็นโปรไฟล์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งหน้าต่างทุกบานจะอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มต้นโปรไฟล์ผู้เยี่ยมชม</translation>
<translation id="1363275621236827384">เปิดใช้คำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks สำหรับโปรไฟล์ฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="1376119291123231789">เปิดใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง</translation>
<translation id="1384459581748403878">การอ้างอิง: <ph name="REFERENCE_URL" /></translation>
<translation id="138847842893090358">รายงานสถานะการอัปเดตระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="1390529781843037070">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งเอกสารไปพิมพ์ที่ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ส่งงานพิมพ์ในเว็บไซต์ต่างๆ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะสั่งพิมพ์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จากกล่องโต้ตอบการพิมพ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากต้องการให้ค้นพบปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ จะต้องตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" และต้องไม่รวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในนโยบาย <ph name="PRINTER_TYPE_DENY_LIST_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="1390901586107713894">ให้คุณระบุว่าส่วนขยายใดบ้างที่ผู้ใช้ติดตั้งไม่ได้ ระบบจะปิดใช้ส่วนขยายที่ติดตั้งแล้วหากถูกบล็อกโดยไม่มีวิธีให้ผู้ใช้เปิดใช้ เมื่อนำส่วนขยายที่ปิดใช้เนื่องจากอยู่ในรายการที่บล็อกออกแล้ว ระบบจะเปิดใช้อีกครั้งโดยอัตโนมัติ
ค่า "*" ในรายการที่บล็อกหมายความว่าส่วนขยายทั้งหมดถูกบล็อก เว้นแต่จะแสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในรายการที่อนุญาต
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1393485621820363363">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการเปิดใช้</translation>
<translation id="1397855852561539316">URL ที่แนะนำโดยผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1413936351612032792">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป Linux</translation>
<translation id="1418387035898607074">ข้ามการตรวจสอบของ Google Safe Browsing สำหรับไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="142346659686073702">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ Crostini</translation>
<translation id="1425551776320718592">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB โดยไม่บังคับให้ทำ Powerwash ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์มีสถานะความปลอดภัยที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation>
<translation id="1426170570389588560">กำหนดช่วงเวลาเป็นจำนวนวันในการจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์</translation>
<translation id="1426410128494586442">ยอมรับ</translation>
<translation id="1427655258943162134">ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="1428945832940687828">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดการซิงค์ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจะไม่มีการอัปโหลดข้อมูลไปยัง Google ไดรฟ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้โอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ได้</translation>
<translation id="1434300053894025056">ปิดใช้การตรวจตัวสะกด</translation>
<translation id="1434743866147056474">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงรูปภาพไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_IMAGE_SETTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้
โปรดทราบว่าก่อนหน้านี้นโยบายนี้เปิดใช้อย่างไม่ถูกต้องใน Android แต่ Android ก็ไม่เคยรองรับฟังก์ชันนี้โดยสมบูรณ์</translation>
<translation id="1435659902881071157">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับอุปกรณ์</translation>
<translation id="1438739959477268107">การตั้งค่าการสร้างคีย์ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1449083855104537880">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะแสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบ หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ตัวเลือกดังกล่าวจะไม่แสดงในเมนู
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษจะไม่แสดงในเมนู แต่ผู้ใช้ทำให้ตัวเลือกปรากฏได้จากหน้าการตั้งค่า
หากคุณเปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยวิธีอื่นๆ (เช่น ด้วยการกดแป้นร่วมกัน) ตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษจะแสดงในเมนูถาดระบบเสมอ</translation>
<translation id="1456822151187621582">Windows (ไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />):</translation>
<translation id="1464848559468748897">ควบคุมพฤติกรรมของผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์บนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักหรือผู้ใช้รองในเซสชันหลายโปรไฟล์ได้
หากกำหนดนโยบายเป็น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ใช้หลักได้เท่านั้นในเซสชันหลายโปรไฟล์
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "MultiProfileUserBehaviorNotAllowed" ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าร่วมเซสชันหลายโปรไฟล์
หากคุณทำการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแทนที่ได้
หากการตั้งค่ามีการเปลี่ยนแปลงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เซสชันหลายโปรไฟล์ ผู้ใช้ทั้งหมดในเซสชันจะได้รับการตรวจสอบเทียบกับการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องของพวกเขา เซสชันจะปิดลงหากมีผู้ใช้รายใดรายหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเซสชันอีกต่อไป
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้น "MultiProfileUserBehaviorMustBePrimary" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการโดยองค์กรและ "MultiProfileUserBehaviorUnrestricted" จะนำไปใช้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="1465619815762735808">คลิกเพื่อเล่น</translation>
<translation id="1467633031685836974">ฟีเจอร์นี้ช่วยให้นำทาง URL จากไฮเปอร์ลิงก์และแถบที่อยู่ไปยังข้อความเป้าหมายที่เจาะจงภายในหน้าเว็บได้ ซึ่งหน้าเว็บจะเลื่อนไปยังตำแหน่งดังกล่าวเมื่อโหลดเสร็จแล้ว
หากเปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การเลื่อนหน้าเว็บไปยัง Fragment ของข้อความที่เจาะจงผ่าน URL
หากคุณปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การเลื่อนหน้าเว็บไปยัง Fragment ของข้อความที่เจาะจงผ่าน URL</translation>
<translation id="1469072784237350146">ควบคุมว่าอนุญาตให้เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหรือไม่
นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับข้อกำหนด CORS-RFC1918 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://wicg.github.io/cors-rfc1918
ปลายทางเครือข่ายหนึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าปลายทางเครือข่ายอีกแห่งหนึ่งในกรณีต่อไปนี้
1) ที่อยู่ IP ของปลายทางเครือข่ายนั้นเป็น localhost แต่อีกปลายทางหนึ่งไม่ใช่
2) ที่อยู่ IP ของปลายทางเครือข่ายนั้นเป็นแบบส่วนตัว แต่อีกปลายทางหนึ่งเป็นแบบสาธารณะ
ในอนาคต อาจมีการใช้นโยบายนี้กับคำขอข้ามต้นทางทั้งหมดที่ส่งไปที่ IP ส่วนตัวหรือ localhost ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพัฒนาข้อกำหนด
จะถือว่าเว็บไซต์หนึ่งๆ ปลอดภัยหากเป็นไปตามคำจำกัดความของบริบทที่ปลอดภัยใน https://developer.mozilla.org/en-US/docs/Web/Security/Secure_Contexts มิฉะนั้น จะมีการดำเนินการกับเว็บไซต์นั้นเสมือนเป็นบริบทที่ไม่ปลอดภัย
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ลักษณะการทำงานที่เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับคำขอจากบริบทที่ไม่ปลอดภัยถึงปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าจะขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ <ph name="BLOCK_INSECURE_PRIVATE_NETWORK_REQUESTS_FEATURE_NAME" /> ซึ่งอาจตั้งค่าไว้ด้วยการทดสอบในวงจำกัดหรือในบรรทัดคำสั่ง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยจะได้รับอนุญาตให้ส่งคำขอถึงปลายทางเครือข่ายใดก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับการตรวจสอบข้ามต้นทางอื่นๆ</translation>
<translation id="1474273443907024088">ปิดใช้ TLS False Start</translation>
<translation id="1477934438414550161">TLS 1.2</translation>
<translation id="1479427764273213107">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดรายการอุปกรณ์ USB ที่ผู้ใช้จะปลดออกจากไดรเวอร์ Kernel เพื่อใช้งานผ่าน chrome.usb API ในเว็บแอปโดยตรงได้ รายการต่างๆ เป็นการจับคู่ระหว่างตัวระบุผู้ให้บริการ USB และตัวระบุผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะระบุฮาร์ดแวร์ที่เจาะจง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย รายการอุปกรณ์ USB ที่ปลดออกได้จะว่างเปล่า</translation>
<translation id="1481508277421549404">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะให้ส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กรใช้ Enterprise Hardware Platform API ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะป้องกันไม่ให้ส่วนขยายใช้ API นี้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ยังมีผลกับส่วนขยายคอมโพเนนต์ด้วย เช่น ส่วนขยายบริการ Hangouts</translation>
<translation id="148194404518916594">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ "แตะเพื่อค้นหา"</translation>
<translation id="1486021504508098388">รายงานข้อมูลแบ็กไลต์</translation>
<translation id="1487916040416013623">การตั้งค่านโยบายจะระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดควรจะได้รับอนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวม การตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวมจะเปิดเฉพาะเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้รับคำขอตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในรายการที่ได้รับอนุญาตนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตไหม หากใช่ก็จะตอบรับคำขอ IWA หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจคำขอ IWA จากเซิร์ฟเวอร์
หมายเหตุ: คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="1488406778491620405">ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอซึ่งมีความบกพร่องทางสายตารู้รายละเอียดของรูปภาพในเว็บที่ไม่มีป้ายกำกับบอกไว้ ผู้ใช้ที่เลือกเปิดใช้ฟีเจอร์จะมีตัวเลือกการใช้บริการ Google ที่ไม่ระบุตัวบุคคล เพื่อฟังคำอธิบายแบบอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่ได้ติดป้ายกำกับซึ่งผู้ใช้พบเจอในเว็บ
หากมีการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ ระบบจะส่งเนื้อหาของรูปภาพไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อสร้างคำอธิบาย จะไม่มีการส่งคุกกี้หรือข้อมูลผู้ใช้อื่นๆ และ Google จะไม่บันทึกเนื้อหารูปภาพใดๆ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้ แต่จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่ใช้โปรแกรมอ่านหน้าจอหรือเทคโนโลยีความช่วยเหลือพิเศษที่คล้ายกันอื่นๆ เท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกให้เปิดใช้ฟีเจอร์
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้</translation>
<translation id="1502843533062797703">เปิดใช้การบล็อกการแทรกซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="1506017854924185821">เครื่องมือเลือกโปรไฟล์พร้อมใช้งานเมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="1509377996969000672">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์องค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="NATIVE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง "id" หรือ "guid" ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้
* ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
* เป็นการเสริม <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY_NAME" /> และการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากไม่ตั้งค่า จะไม่มีเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์และระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="1509692106376861764">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29</translation>
<translation id="1514888685242892912">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1515230621229117540">เปิดใช้เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอย</translation>
<translation id="1515824657887788963">อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ</translation>
<translation id="1522425503138261032">อนุญาตให้ไซต์ติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="1523774894176285446">เบราว์เซอร์สำรองที่จะเปิดสำหรับเว็บไซต์ที่กำหนดค่า</translation>
<translation id="152657506688053119">รายการ URL สำรองของผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="1530812829012954197">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้เสมอในเบราว์เซอร์โฮสต์</translation>
<translation id="1534690481294492142">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำหน้าที่เป็นพร็อกซีระหว่าง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> กับเครื่องพิมพ์แบบเดิมที่เชื่อมต่ออยู่กับเครื่อง ผู้ใช้เปิดพร็อกซี Cloud Print ได้ด้วยการตรวจสอบสิทธิ์กับบัญชี Google ของตน
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะเปิดพร็อกซีไม่ได้ และคอมพิวเตอร์จะแชร์เครื่องพิมพ์ของตนกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ไม่ได้</translation>
<translation id="1552418937045050762">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้การแชร์ใกล้เคียงเพื่อส่งและรับไฟล์จากผู้ที่อยู่ใกล้กันได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้การแชร์ใกล้เคียงไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="1553532014072799546">รายการที่อนุญาตพิเศษสำหรับการจำกัดเวลาต่อแอป</translation>
<translation id="1553956579506604198">บล็อกไม่ให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก</translation>
<translation id="1555248923316727072">การตั้งค่าการจัดการข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้ SAML</translation>
<translation id="1560205870554624777">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos หรือไม่ Kerberos เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้เพื่อตรวจสอบสิทธิ์เว็บแอปและพื้นที่แชร์ไฟล์ได้
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos คุณเพิ่มบัญชี Kerberos ได้ผ่านนโยบาย "กำหนดค่าบัญชี Kerberos" หรือผ่านการตั้งค่าบัญชี Kerberos ในหน้าการตั้งค่าบุคคล
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดใช้การตั้งค่าบัญชี Kerberos คุณจะเพิ่มบัญชี Kerberos ไม่ได้และจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์ของ Kerberos ไม่ได้ บัญชี Kerberos ที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกลบ รวมถึงรหัสผ่านที่จัดเก็บไว้ทั้งหมดด้วย</translation>
<translation id="1561424797596341174">การลบล้างนโยบายสำหรับเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="1561967320164410511">U2F พร้อมส่วนขยายสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation>
<translation id="1575015449587326319">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnFileDownloaded</translation>
<translation id="1583248206450240930">ใช้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1588240398285670601">การตั้งค่าเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="1593245608325508847">การตั้งค่านโยบายจะเปิดฟีเจอร์การลงชื่อเข้าใช้แบบจำกัดของ Chrome ใน G Suite และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือของ Google ได้โดยใช้บัญชีจากโดเมนที่ระบุเท่านั้น (หากต้องการอนุญาตบัญชี gmail หรือ googlemail ให้เพิ่ม consumer_accounts ลงในรายการโดเมน) การตั้งค่านี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และเพิ่มบัญชีรองในอุปกรณ์ที่จัดการซึ่งต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์จาก Google หากบัญชีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในโดเมนที่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง
การปล่อยให้การตั้งค่านี้ว่างหรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะเข้าถึง G Suite ด้วยบัญชีใดก็ได้
ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ส่งผลให้ต้องเติมส่วนหัว X-GoogApps-Allowed-Domains ในคำขอ HTTP และ HTTPS ทั้งหมดที่ส่งไปยังโดเมน google.com ทั้งหมดตามที่อธิบายไว้ใน https://support.google.com/a/answer/1668854</translation>
<translation id="1599424828227887013">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจงในอุปกรณ์ Android</translation>
<translation id="159946228300522107">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า Chrome จะขยายหน้าต่างแรกที่แสดงเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า Chrome อาจขยายหน้าต่างแรก โดยขึ้นอยู่กับขนาดหน้าจอ</translation>
<translation id="1600340610556453828">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ปิด Wi-Fi และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เปิดหรือปิด Wi-Fi ได้</translation>
<translation id="1601848091543601739">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมกลยุทธ์การจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
การทำงานมีทั้งหมด 4 รูปแบบ
* หน้าจอจะสลัวหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="SCREEN_DIM_FIELD_NAME" />
* หน้าจอจะดับลงหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" />
* กล่องคำเตือนจะปรากฏขึ้นหากผู้ใช้ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="IDLE_WARNING_FIELD_NAME" /> ซึ่งจะเตือนผู้ใช้ว่าจะมีการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวและจะแสดงหากการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือปิดเครื่อง
* การทำงานที่ <ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> ระบุจะเริ่มต้นหากผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวเป็นเวลาตามที่ระบุโดย <ph name="IDLE_FIELD_NAME" />
การทำงานแต่ละประเภทข้างต้นควรระบุการหน่วงเวลาโดยใช้หน่วยมิลลิวินาทีและต้องตั้งค่าเป็นค่าที่มากกว่า 0 เพื่อเรียกการทำงานที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่การหน่วงเวลามีค่าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เริ่มการทำงานที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการหน่วงเวลาแต่ละประเภทข้างต้น เมื่อไม่มีการตั้งค่าระยะเวลา ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้น
ค่า <ph name="SCREEN_DIM_FIELD_NAME" /> จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" /> <ph name="SCREEN_OFF_FIELD_NAME" /> และ <ph name="IDLE_WARNING_FIELD_NAME" /> จะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับ <ph name="IDLE_FIELD_NAME" />
<ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> อาจเป็นการทำงาน 1 ใน 4 กรณีต่อไปนี้
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SUSPEND" />
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_LOGOUT" />
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SHUTDOWN" />
* <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_DO_NOTHING" />
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="IDLE_ACTION_FIELD_NAME" /> ระบบจะใช้ <ph name="IDLE_ACTION_ENUM_SUSPEND" />
หมายเหตุ: มีการตั้งค่าแยกต่างหากสำหรับการทำงานโดยเสียบปลั๊กและแบตเตอรี่</translation>
<translation id="1606917441621112087">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะปิดโปรแกรมอ่าน PDF ภายในของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รวมถึงถือว่าไฟล์ PDF เป็นไฟล์ที่ดาวน์โหลดมา และอนุญาตให้ผู้ใช้เปิด PDF ด้วยแอปพลิเคชันที่เป็นค่าเริ่มต้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าหากผู้ใช้ไม่ได้ปิดปลั๊กอิน PDF ปลั๊กอินจะเปิดไฟล์ PDF</translation>
<translation id="1608755754295374538">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่ต้องแจ้ง</translation>
<translation id="1609917034797989341">การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรแก่ส่วนขยาย คีย์มีไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรเฉพาะในกรณีที่สร้างขึ้นโดยใช้ chrome.enterprise.platformKeys API ในบัญชีที่มีการจัดการ ผู้ใช้จะให้สิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรแก่ส่วนขยายหรือถอนสิทธิ์เข้าถึงคีย์ขององค์กรจากส่วนขยายไม่ได้
โดยค่าเริ่มต้น ส่วนขยายจะใช้คีย์ที่กำหนดไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรไม่ได้ ซึ่งเทียบเท่ากับการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น "เท็จ" สำหรับส่วนขยายนั้น ส่วนขยายจะใช้คีย์ของแพลตฟอร์มที่มีการทำเครื่องหมายไว้สำหรับการใช้งานขององค์กรเพื่อลงนามข้อมูลที่กำหนดเองได้เฉพาะในกรณีที่มีการตั้งค่า allowCorporateKeyUsage เป็น "จริง" สำหรับส่วนขยายดังกล่าว ควรมอบสิทธิ์นี้ต่อเมื่อมั่นใจว่าส่วนขยายมีการป้องกันการเข้าถึงคีย์จากผู้โจมตีเท่านั้น</translation>
<translation id="1611394564825535541">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ของตนเองได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของตนเองไม่ได้ และจะสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่กำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วย
</translation>
<translation id="1615221548356595305">อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 สำหรับโฮสต์เหล่านี้แม้จะมีการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="1617235075406854669">เปิดใช้งานการนำออกเบราว์เซอร์และประวัติการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="1620510694547887537">กล้อง</translation>
<translation id="1626379196197114720">อนุญาตให้ใช้แคชย้อนหลัง</translation>
<translation id="1628974048137236820">หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงการ์ด</translation>
<translation id="1630263002012156148">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกของผู้ใช้ โดยจะไม่สนใจตำแหน่ง URL ใดๆ ของหน้าแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าหน้าแรกจะไม่เป็นหน้าแท็บใหม่ เว้นแต่ URL หน้าแรกของผู้ใช้จะตั้งค่าไว้เป็น chrome://newtab
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนประเภทหน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรกหรือไม่
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="163200210584085447">รูปแบบในรายการนี้จะได้รับการจับคู่กับต้นทาง
การรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากพบว่าตรงกัน ระบบจะอนุญาตให้
เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML หากไม่พบว่าตรงกัน
ระบบจะปฏิเสธการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ และไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบสัญลักษณ์แทน</translation>
<translation id="1634770710106162474">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะระงับการแสดงคำเตือนที่ปรากฏขึ้นเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กำลังทำงานในคอมพิวเตอร์หรือระบบปฏิบัติการที่ไม่รองรับ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้คำเตือนปรากฏขึ้นในระบบที่ไม่รองรับ</translation>
<translation id="1634989431648355062">อนุญาตปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1641394008743444477">อนุญาตให้คุณสร้างรายการฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่จะปิดใช้
การปิดใช้ฟีเจอร์ใดๆ ในรายการนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์นั้นจากอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (UI) ไม่ได้และจะเห็นข้อความ "ปิดใช้โดยผู้ดูแลระบบ" ประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะกำหนดโดย <ph name="SYSTEM_FEATURES_DISABLE_MODE" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทั้งหมดจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นและผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์ใดก็ได้
หมายเหตุ: ขณะนี้ฟีเจอร์การสแกนปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้นผ่านแฟล็กฟีเจอร์ หากผู้ใช้เปิดใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวผ่านแฟล็กฟีเจอร์ ฟีเจอร์นี้จะยังคงปิดใช้ได้ด้วยนโยบายนี้</translation>
<translation id="1645793986494086629">สคีมา</translation>
<translation id="1647558381546345298">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่าขนาดของแคชที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ในการจัดเก็บไฟล์สื่อที่แคชไว้ในดิสก์ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ --media-cache-size หรือไม่ก็ตาม ค่าที่ระบุในนโยบายนี้ไม่ใช่ขอบเขตตายตัว แต่เป็นค่าที่แนะนำสำหรับระบบการแคช ระบบจะปัดเศษค่าที่ต่ำกว่า 2-3 เมกะไบต์
การตั้งค่าของนโยบายให้เป็น 0 จะทำให้ระบบใช้ขนาดแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ขนาดแคชเริ่มต้นและผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้ด้วยการตั้งค่าสถานะ --media-cache-size</translation>
<translation id="1648816843164517573">รายชื่อที่จะข้ามการตรวจสอบตามนโยบาย HSTS</translation>
<translation id="1654087023995670109">บังคับใช้โหมดผู้เยี่ยมชมในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="1655229863189977773">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์เป็นไบต์</translation>
<translation id="166427968280387991">พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="1669584285557771729">หากตั้งค่านโยบายนี้ นโยบายจะควบคุมประเภทของแว่นขยายหน้าจอที่เปิดใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เต็มหน้าจอ" แว่นขยายหน้าจอจะเปิดใช้เสมอในโหมดแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บางส่วน" แว่นขยายหน้าจอจะเปิดใช้เสมอในโหมดแว่นขยายหน้าจอบางส่วนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่มี" แว่นขยายหน้าจอจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="1675002386741412210">ได้รับการสนับสนุนบน:</translation>
<translation id="167514072300004091">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่อได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เชื่อมต่อ
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="1682063842123336408">ต้องมีพื้นที่ว่างในดิสก์ (หน่วยเป็น GB) เพื่อติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ การติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่สำเร็จหากอุปกรณ์มีพื้นที่ว่างในดิสก์น้อยกว่า 20 GB (ค่าเริ่มต้น)
หากตั้งค่านโยบายนี้ การติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่สำเร็จหากอุปกรณ์มีพื้นที่ว่างในดิสก์น้อยกว่าที่นโยบายกำหนดไว้</translation>
<translation id="1690383938831887552">ป้องกันไม่ให้โหลด Signed HTTP Exchange</translation>
<translation id="1700811900332333712">อนุญาตให้อุปกรณ์ขอทำ Powerwash</translation>
<translation id="1708496595873025510">ตั้งค่าข้อจำกัดการเรียกเมล็ดรูปแบบ</translation>
<translation id="1713829924716792485">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เชื่อมต่อกับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเพื่อโอนไฟล์ระหว่างไคลเอ็นต์และโฮสต์ได้ นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเชื่อมต่อความช่วยเหลือระยะไกล ซึ่งไม่รองรับการโอนไฟล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้โอนไฟล์ไม่ได้</translation>
<translation id="171511968762040550">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เพิ่ม แก้ไข หรือนำบุ๊กมาร์กออกได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะเพิ่ม แก้ไข หรือนำบุ๊กมาร์กออกไม่ได้ แต่ยังใช้บุ๊กมาร์กที่มีได้</translation>
<translation id="1715151459541210849">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอก</translation>
<translation id="1721158690981421598">การตั้งค่านโยบายจะระบุชื่อโดเมนของโฮสต์ซึ่งจะกำหนดให้กับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงชื่อไม่ได้ ระบบจะแชร์โฮสต์ได้ต่อเมื่อใช้บัญชีที่ลงทะเบียนในชื่อโดเมนที่ระบุไว้เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่าหรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ระบบแชร์โฮสต์โดยใช้บัญชีใดก็ได้
ดู <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> เพิ่มเติม
หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะลบล้าง <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_POLICY_NAME" /> หากมี</translation>
<translation id="172374442286684480">อนุญาตให้ทุกไซต์ตั้งค่าข้อมูลภายในเครื่อง</translation>
<translation id="1729169799290004131">การตั้งค่านโยบายจะระบุเปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ โดยระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ ความสว่างหน้าจอเริ่มต้นจะปรับไปตามค่าของนโยบาย แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่านี้ได้ในภายหลัง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะไม่ส่งผลต่อการควบคุมหน้าจอของผู้ใช้หรือฟีเจอร์ความสว่างอัตโนมัติ
หมายเหตุ: ระบุค่านโยบายเป็นเปอร์เซ็นต์จาก 0 ถึง 100</translation>
<translation id="1736269219679256369">อนุญาตให้ดำเนินการจากหน้าคำเตือน SSL</translation>
<translation id="174765717426930019">อนุญาตให้เปิดป๊อปอัปทั้งหมดโดยมีการกำหนดเป้าหมายให้ <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> โต้ตอบกับหน้าที่ขอเปิดป๊อปอัป เว้นแต่หน้าที่เปิดเลือกไม่ใช้การโต้ตอบดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง </translation>
<translation id="1750315445671978749">บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด</translation>
<translation id="1751429117283165017">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_WRITE_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_WRITE_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="1755310913456007816">ใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนแบบออนไลน์ที่มีอยู่</translation>
<translation id="1760951637494635692">อนุญาต Serial API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1767673020408652620">เปิดใช้แอปแนะนำในสถานะค่าเป็นศูนย์ของช่องค้นหา</translation>
<translation id="1780323582106687813">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="EXTENSION_INSTALL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการส่วนขยายที่ห้ามไว้ ใช้ค่า <ph name="ALL_EXTENSIONS" /> กับ <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> เพื่อห้ามส่วนขยายทั้งหมด และผู้ใช้จะติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่อนุญาตไว้อย่างชัดแจ้งเท่านั้น ส่วนขยายทั้งหมดได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น แต่ถ้าคุณห้ามส่วนขยายด้วยนโยบาย ให้ใช้รายการส่วนขยายที่อนุญาตเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้น</translation>
<translation id="1781356041596378058">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น True ผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ หากตั้งเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยการแตะหมายเลขบิลด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation>
<translation id="1787790976045065845">นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อตั้งค่านโยบาย <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOCK" /> หรือ <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOGOUT" /> และผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่านสมาร์ทการ์ดนำสมาร์ทการ์ดดังกล่าวออก จากนั้นนโยบายนี้จะระบุระยะเวลาเป็นวินาทีที่ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนซึ่งแจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงการดำเนินการที่กำลังจะเกิดขึ้น การแจ้งเตือนนี้จะบล็อกหน้าจอ การดำเนินการจะเกิดขึ้นหลังจากที่การแจ้งเตือนนี้หมดอายุเท่านั้น ผู้ใช้ป้องกันไม่ให้เกิดการดำเนินการได้ด้วยการเสียบสมาร์ทการ์ดกลับเข้าไปก่อนที่การแจ้งเตือนจะหมดอายุ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 จะไม่มีการแสดงการแจ้งเตือนและการดำเนินการจะเกิดขึ้นทันที</translation>
<translation id="1793346220873697538">ปิดใช้การพิมพ์ด้วย PIN โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="179694024208061102">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามเปิด URL บางรายการในเบราว์เซอร์สำรอง เช่น <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ฟีเจอร์นี้กำหนดค่าโดยใช้นโยบายในกลุ่ม <ph name="LEGACY_BROWSER_SUPPORT_POLICY_GROUP" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่พยายามเปิด URL ที่กำหนดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="1797233582739332495">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation>
<translation id="1798559516913615713">อายุการใช้งานแคช GPO</translation>
<translation id="1803646570632580723">รายชื่อของแอปพลิเคชันที่ตรึงจะแสดงในตัวเรียกใช้งาน</translation>
<translation id="1808715480127969042">ปิดกั้นคุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="1810261428246410396">อนุญาตให้ใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านมือถือแบบด่วน</translation>
<translation id="1819272352048746487">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ</translation>
<translation id="1823974945066396306">กำหนดรายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ระบบอุปกรณ์ โดยใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_FORMAT" /> เช่น <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_EXAMPLE" /> หากต้องการอนุญาตผู้ใช้ใดก็ได้ในโดเมน ให้ใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_WILDCARD" />
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการจำกัดผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ โปรดทราบว่าการสร้างผู้ใช้ใหม่ยังคงต้องมีการกำหนดค่าของนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" /> อย่างเหมาะสม
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน
</translation>
<translation id="1827523283178827583">ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่</translation>
<translation id="1829839214911753838">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลทำงานในกระบวนการที่มีสิทธิ์ <ph name="UIACCESS_PERMISSION_NAME" /> ซึ่งทำให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเดสก์ท็อปของผู้ใช้เครือข่ายภายในได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้โฮสต์ความช่วยเหลือระยะไกลทำงานในบริบทของผู้ใช้ และผู้ใช้ระยะไกลจะโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเดสก์ท็อปไม่ได้</translation>
<translation id="1839278886947586809">
นโยบายนี้ถูกนำออกตั้งแต่รุ่น M80 เพราะไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากตอนนี้ฟีเจอร์ WebDriver ใช้ได้กับทุกนโยบายที่มีอยู่แล้ว
นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ใช้ฟีเจอร์ WebDriver ลบล้างนโยบายที่อาจรบกวนการทำงานได้
ปัจจุบันนโยบายนี้ปิดใช้นโยบาย SitePerProcess และ IsolateOrigins policies
หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะอนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้
หากปิดใช้หรือไม่กำหนดค่านโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation>
<translation id="1843117931376765605">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายผู้ใช้</translation>
<translation id="1844620919405873871">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับการปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="1844972978764975668">อนุญาตการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อเรียกการประทับเวลาที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="1845405905602899692">การตั้งค่าคีออสก์</translation>
<translation id="1845429996559814839">จำกัดโหมดการพิมพ์ด้วย PIN</translation>
<translation id="1846545322805269573">ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังของหน้าแท็บใหม่ไม่ได้</translation>
<translation id="1847960418907100918">ระบุพารามิเตอร์ที่ใช้เมื่อทำการค้นหาทันใจด้วย POST. ซึ่งประกอบด้วยคู่ชื่อ/ค่าที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค หากค่าเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {searchTerms} ในตัวอย่างข้างต้น ค่าก็จะถูกแทนที่ด้วยข้อมูลข้อความค้นหาที่แท้จริง
นโยบายนี้สามารถเลือกได้ หากไม่ได้ถูกกำหนด คำขอค้นหาทันใจจะถูกส่งโดยใช้วิธีการ GET
นโยบายนี้เป็นที่ยอมรับเฉพาะในกรณีที่นโยบาย 'DefaultSearchProviderEnabled' ถูกเปิดใช้งาน</translation>
<translation id="1852294065645015766">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติ</translation>
<translation id="1859859319036806634">คำเตือน: TLS เวอร์ชันสำรองจะถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> หลังจากเวอร์ชัน 52 (ประมาณเดือนกันยายน 2016) และนโยบายนี้จะหยุดทำงานหลังจากนั้น
เมื่อแฮนด์เชคของ TLS ล้มเหลว ก่อนหน้านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเชื่อมต่อใหม่กับ TLS เวอร์ชันต่ำลงมาเพื่อแก้ไขปัญหาชั่วคราวในเซิร์ฟเวอร์ HTTPS การตั้งค่านี้จะกำหนดค่าเวอร์ชันที่ขั้นตอนสำรองจะหยุดทำงาน หากเซิร์ฟเวอร์ต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้อง (กล่าวคือ โดยไม่ทำให้การเชื่อมต่อถูกตัด) ระบบจะไม่นำการตั้งค่านี้ไปใช้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่อที่ได้มายังจะต้องสอดคล้องกับ SSLVersionMin
หากไม่มีการกำหนดค่านโยบายนี้หรือหากกำหนดเป็น "tls1.2" ผลก็คือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้ขั้นตอนสำรองอีกต่อไป โปรดทราบว่าการดำเนินการนี้ไม่ได้ปิดการสนับสนุน TLS เวอร์ชันเก่ากว่า เพียงแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแก้ปัญหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่องชั่วคราวซึ่งต่อรองเวอร์ชันอย่างถูกต้องไม่ได้หรือไม่เท่านั้น
หรือคุณอาจตั้งค่านโยบายเป็น "tls1.1" หากต้องรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่มีข้อบกพร่อง ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรมีการแก้ไขเซิร์ฟเวอร์อย่างรวดเร็ว</translation>
<translation id="1861206724856734193">ตั้งค่ารายการกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหล</translation>
<translation id="1865417998205858223">สิทธิ์ของคีย์</translation>
<translation id="186719019195685253">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC</translation>
<translation id="1885782360784839335">เปิดใช้การแสดงเนื้อหาโปรโมตแบบเต็มแท็บ</translation>
<translation id="1888871729456797026">โทเค็นการลงทะเบียนของนโยบายระบบคลาวด์ในเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="1894790493260633497">เปิดใช้โหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1897365952389968758">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดเรียกใช้ JavaScript</translation>
<translation id="1902043648529789224">ควบคุมตำแหน่งชั้นวาง</translation>
<translation id="1904323733389537794">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่าจะมีการตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 19 ขึ้นไป
หมายเหตุ: การตรวจสอบ <ph name="OCSP_CRL_LABEL" /> ไม่มีประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิผล</translation>
<translation id="1910704279188129272">อนุญาตให้กำหนดข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป
ข้อจำกัดการใช้งานนำไปใช้กับแอปที่ติดตั้งไว้ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้นั้นๆ ได้
ข้อจำกัดควรส่งผ่านในรายการ |app_limits| มีข้อจำกัดได้ 1 รายการต่อแอปเท่านั้น แอปที่ไม่ได้อยู่ในรายการจะไม่มีข้อจำกัด
คุณบล็อกแอปที่จำเป็นต่อระบบปฏิบัติการไม่ได้ ระบบจะถือว่าข้อจำกัดสำหรับแอปดังกล่าวไม่มีผล
แอปมี |app_id| เป็นตัวระบุที่ไม่ซ้ำกัน เนื่องจากแอปต่างประเภทกันใช้รูปแบบรหัสที่ต่างกันได้ จึงต้องมีการระบุ |app_type| ไว้ข้าง |app_id|
ปัจจุบันการจำกัดเวลาต่อแอปรองรับเฉพาะแอป |ARC| ชื่อแพ็กเกจ Android จะใช้เป็น |app_id|
เราจะรองรับแอปพลิเคชันประเภทอื่นๆ ในอนาคต ตอนนี้คุณระบุประเภทเหล่านั้นในนโยบายได้ แต่ข้อจำกัดจะไม่มีผล
ข้อจำกัดที่ใช้ได้มี 2 ประเภทคือ |BLOCK| และ |TIME_LIMIT|
|BLOCK| ทำให้ผู้ใช้ใช้แอปไม่ได้ หากระบุ |daily_limit_mins| พร้อมกับข้อจำกัด |BLOCK| ระบบจะถือว่า |daily_limit_mins| ไม่มีผล
|TIME_LIMITS| ใช้ขีดจำกัดการใช้งานต่อวันและทำให้แอปใช้งานไม่ได้เมื่อถึงขีดจำกัดในวันนั้นๆ ขีดจำกัดการใช้งานระบุได้ใน |daily_limit_mins| และจะรีเซ็ตทุกวันตามเวลา UTC ที่ผ่านไปใน |reset_at|
นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น
นโยบายนี้เป็นส่วนเสริมของ "UsageTimeLimit" ข้อจำกัดที่ระบุไว้ใน "UsageTimeLimit" เช่น เวลาอยู่หน้าจอและเวลาเข้านอน จะมีผลไม่ว่าขีดจำกัดเวลาที่ระบุไว้ใน "PerAppTimeLimits" เป็นระยะเวลาเท่าใดก็ตาม</translation>
<translation id="1919802376548418720">ใช้นโยบาย KDC เพื่อมอบอำนาจข้อมูลเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="1920046221095339924">อนุญาตเซสชันที่จัดการในอุปกรณ์</translation>
<translation id="1920772397574801429">การตั้งค่านโยบายจะระบุประเภทของบัญชีที่มาจากแอปการตรวจสอบสิทธิ์ของ Android ที่รองรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> (เช่น การตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos) ข้อมูลนี้ควรได้รับจากซัพพลายเออร์ของแอปการตรวจสอบสิทธิ์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ The Chromium Projects ( https://goo.gl/hajyfN )
การไม่ตั้งค่านโยบายจะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /> ใน Android</translation>
<translation id="1930127294345368978">จำนวนแผ่นงานสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้สำหรับงานพิมพ์ 1 งาน</translation>
<translation id="193259052151668190">รายการที่อนุญาตพิเศษของอุปกรณ์ USB ที่ถอดได้</translation>
<translation id="1933378685401357864">รูปภาพวอลเปเปอร์</translation>
<translation id="1945994447126139909">นโยบายระดับองค์กรนี้มีไว้สำหรับการใช้งานในระยะสั้น และเราจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 88
นโยบาย URL ที่มาตามค่าเริ่มต้นของ Chrome เข้มงวดขึ้น จากค่า "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด" ในปัจจุบันเป็นค่า "ต้นทางที่เข้มงวดเมื่อข้ามต้นทาง" ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นผ่านการทยอยเปิดตัวที่มีเป้าหมายเป็นรุ่น Chrome 85 เวอร์ชันเสถียร
ทั้งนี้ นโยบายระดับองค์กรนี้จะไม่มีผลก่อนการเปิดตัวดังกล่าว หลังจากการเปิดตัว เมื่อเปิดใช้นโยบายระดับองค์กรนี้ นโยบาย URL ที่มาตามค่าเริ่มต้นของ Chrome จะตั้งค่าเป็น "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด" ซึ่งเป็นค่าของรุ่นก่อนหน้า
นโยบายระดับองค์กรนี้จะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="1962273523772270623">อนุญาตให้รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google</translation>
<translation id="1964634611280150550">ปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="1964802606569741174">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป YouTube ของ Android หากมีการใช้โหมดปลอดภัยใน YouTube ควรยกเลิกการอนุญาตการติดตั้งแอป YouTube ใน Android</translation>
<translation id="1969212217917526199">ลบล้างนโยบายในเวอร์ชันการแก้ปัญหาของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล
ค่านี้จะได้รับการแยกวิเคราะห์เป็นพจนานุกรม JSON ของชื่อนโยบายไปยังการจับคู่ค่านโยบาย</translation>
<translation id="1969808853498848952">เรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์เสมอ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="1971991630422430420">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเมื่อจุดเข้าใช้งานแบบไร้สายรองรับ การตั้งค่านี้จะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการใช้ฟีเจอร์การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว</translation>
<translation id="1977581177449752640">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์ที่มีชื่อของผู้ออกใบรับรองที่กำหนดเพื่อตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_VALIDATION_URL_POLICY_NAME" /> หากต้องการใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์ทั้งหมดที่ใช้งานได้ ให้ตั้งค่าเป็น <ph name="WILDCARD_VALUE" /> หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="1988345404999458987">ระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่พร้อมใช้งาน
นโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เป็นไฟล์ JSON ได้
โดยที่ไฟล์ดังกล่าวต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB และต้องมีอาร์เรย์ของระเบียน (ออบเจ็กต์ JSON) ระเบียนแต่ละรายการต้องมีช่อง "id", "url" และ "display_name" ที่มีสตริงเป็นค่า ค่าของช่อง "id" ต้องไม่ซ้ำกัน
ระบบจะดาวน์โหลดและเก็บแคชของไฟล์ไว้ และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด โดยจะมีการดาวน์โหลดไฟล์อีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะพยายามค้นหาเครื่องพิมพ์ที่พร้อมใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่ระบุโดยใช้โปรโตคอล IPP
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าที่ไม่ถูกต้อง ผู้ใช้จะไม่เห็นเครื่องพิมพ์ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเตรียมไว้ทุกเครื่อง
ขณะนี้มีการจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ไว้ที่ 16 เซิร์ฟเวอร์ ระบบจะค้นหาเครื่องพิมพ์จากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ 16 เซิร์ฟเวอร์แรกในรายการเท่านั้น
นโยบายนี้คล้ายกับ <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> ยกเว้นเพียงแต่ว่านโยบายนี้ใช้กับอุปกรณ์
</translation>
<translation id="1988371335297483117">การอัปเดตรายได้อัตโนมัติบน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถดาวน์โหลดผ่าน HTTP แทน HTTPS ได้ ซึ่งจะทำให้การแคชการดาวน์โหลดของ HTTP เป็นแบบโปร่งใส
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> พยายามดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติผ่าน HTTP หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งเลย จะมีการใช้ HTTPS สำหรับการดาวน์โหลดการอัปเดตรายได้อัตโนมัติ</translation>
<translation id="199011295049694531">รายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลเขตเวลาของอุปกรณ์ที่ตั้งไว้ในปัจจุบัน</translation>
<translation id="199764499252435679">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="1999000620918508488">บังคับให้หน้าจอลงชื่อเข้าใช้แสดงหรือซ่อนข้อมูลของระบบ</translation>
<translation id="2001420846508294174">การตั้งค่านโยบายนี้จะตั้งค่ากฎในการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะลบล้างกฎเริ่มต้น การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์ เมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หาเครื่องพิมพ์ที่ตรงกับแอตทริบิวต์ที่ระบุ ในกรณีที่การจับคู่ไม่สมบูรณ์แบบ จะตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้เลือกเครื่องพิมพ์ที่ตรงกันเครื่องใดก็ได้โดยขึ้นอยู่กับลำดับในการค้นพบเครื่องพิมพ์
หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นแอตทริบิวต์ที่จับคู่ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ PDF ในตัวจะเป็นค่าเริ่มต้น หากไม่มีเครื่องพิมพ์ PDF ค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเป็น "ไม่มี"
เครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> จะถือว่าเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_CLOUD" /> ส่วนเครื่องพิมพ์ที่เหลือจะจัดประเภทเป็น <ph name="PRINTER_TYPE_LOCAL" />
หมายเหตุ: การข้ามช่องใดช่องหนึ่งไปแสดงว่าค่าทั้งหมดตรงกัน ตัวอย่างเช่น การไม่ระบุการเชื่อมต่อจะทำให้การแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์เริ่มการค้นหาเครื่องพิมพ์ทุกประเภท ทั้ง <ph name="PRINTER_TYPE_LOCAL" /> และ <ph name="PRINTER_TYPE_CLOUD" /> รูปแบบนิพจน์ทั่วไปต้องเป็นไปตามไวยากรณ์ JavaScript RegExp และการจับคู่จะคำนึงถึงตัวอักษรพิมพ์เล็กและใหญ่</translation>
<translation id="2006530844219044261">การจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="2014757022750736514">ควบคุมลักษณะการทำงานของหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าสู่ระบบบัญชี การตั้งค่ารวมไปถึงผู้ที่ลงชื่อเข้าสู่ระบบได้ ประเภทบัญชีที่อนุญาต วิธีการตรวจสอบสิทธิ์ที่ควรใช้ ตลอดจนการช่วยเหลือพิเศษทั่วไป วิธีการป้อนข้อมูล และการตั้งค่าภาษา</translation>
<translation id="201557587962247231">ความถี่ในการอัปโหลดรายงานสถานะของอุปกรณ์</translation>
<translation id="2017301949684549118">URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้งแบบเงียบ</translation>
<translation id="2017459564744167827">ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสคีมาและการจัดรูปแบบได้ที่ <ph name="REFERENCE_URL" /></translation>
<translation id="2024476116966025075">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2024821084720338323">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำให้ตัวจับเวลา JavaScript ในแท็บเบื้องหลังถูกควบคุมและรวมเป็นหนึ่งมากเกินไป ซึ่งทำให้ทำงานได้เพียงนาทีละ 1 ครั้งหลังจากที่หน้าอยู่ในเบื้องหลังเป็นเวลา 5 นาทีขึ้นไป
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่เป็นไปตามมาตรฐานของเว็บ แต่อาจทำให้บางเว็บไซต์ทำงานได้ไม่ถูกต้องโดยทำให้การทำงานบางอย่างล่าช้าได้ถึง 1 นาที แต่เมื่อเปิดใช้ จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่และ CPU ได้อย่างมาก ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://bit.ly/30b1XR4
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะบังคับให้เปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะบังคับให้ปิดใช้ฟีเจอร์นี้และผู้ใช้จะลบล้างการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ฟีเจอร์จะถูกควบคุมโดยตรรกะภายในตัวฟีเจอร์เอง ซึ่งผู้ใช้จะกำหนดค่าด้วยตนเองได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้มีผลตามการประมวลผลของโหมดแสดงภาพ โดยจะบังคับใช้ค่าล่าสุดในการตั้งค่านโยบายเมื่อเริ่มการประมวลผลของโหมดแสดงภาพ คุณต้องรีสตาร์ทโดยสมบูรณ์เพื่อให้แน่ใจว่าทุกแท็บที่โหลดไว้จะได้รับการตั้งค่านโยบายที่สอดคล้องกัน การประมวลผลต่างๆ ทำงานโดยใช้ค่าที่ต่างกันของนโยบายนี้ได้โดยไม่มีปัญหา
</translation>
<translation id="2030905906517501646">คีย์เวิร์ดของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="203096360153626918">นโยบายนี้ไม่มีผลสำหรับแอป Android โดยแอปยังสามารถเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอได้แม้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="FALSE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="2032848225007871645">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ปลดล็อกหน้าจอล็อกได้
หากต้องการอนุญาต
* โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] (รวมถึงโหมดที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วย)
* สำหรับการปลดล็อกด้วย PIN เท่านั้น ให้ใช้ ["PIN"]
* สำหรับ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"]
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="QUICK_UNLOCK_MODE_ALLOW_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2033784678146670379">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ฮาร์ดแวร์ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อรับรองตัวตนจากระยะไกลไปยัง CA ความเป็นส่วนตัวผ่านทาง <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> โดยใช้ <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้เรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="2036522553891755455">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้การสำรวจพื้นที่แชร์ (ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ใช้ <ph name="NETBIOS_PROTOCOL" /> เพื่อสำรวจพื้นที่แชร์ในเครือข่าย การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การสำรวจพื้นที่แชร์ไม่ใช้โปรโตคอลนี้ในการสำรวจพื้นที่แชร์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ลักษณะการทำงานตามค่าเริ่มต้นเป็น "ปิด" สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเป็น "เปิด" สำหรับผู้ใช้อื่นๆ</translation>
<translation id="2037214548071298156">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์ เช่น การใช้งาน CPU/RAM
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="2040479044912658454">โหมดการแรสเตอร์งานพิมพ์</translation>
<translation id="2042513383871755994">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_READ_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_READ_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="2043749682619281558">เปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2043770014371753404">เครื่องพิมพ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation>
<translation id="2057317273526988987">อนุญาตให้เข้าถึงรายการ URL</translation>
<translation id="2061810934846663491">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2069350366303315077">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะบังคับใช้เซสชันผู้เยี่ยมชมและป้องกันการลงชื่อเข้าใช้โปรไฟล์ การลงชื่อเข้าใช้ของผู้เยี่ยมชมเป็นโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ในโหมดไม่ระบุตัวตน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้", ไม่ตั้งค่านโยบาย หรือปิดใช้โหมดผู้เยี่ยมชมของเบราว์เซอร์ (ผ่าน <ph name="BROWSER_GUEST_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" />) จะทำให้ใช้โปรไฟล์ใหม่และโปรไฟล์ที่มีอยู่ได้</translation>
<translation id="2070744136203607632">ไม่ทำการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS</translation>
<translation id="2073552873076775140">อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2075732129949889165">Crostini Ansible Playbook</translation>
<translation id="2077129598763517140">ใช้การเร่งฮาร์ดแวร์เมื่อสามารถใช้ได้</translation>
<translation id="2077273864382355561">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2082205219176343977">กำหนดค่าเวอร์ชัน Chrome ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation>
<translation id="208566302163036794">บล็อกฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation>
<translation id="208623333578980446">อนุญาต Wake Lock สำหรับหน้าจอเพื่อการจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="2090939118981888335">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้พร็อกซีการบีบอัดข้อมูลทำงาน การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้พร็อกซีไม่ทำงาน
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกใช้ฟีเจอร์ได้</translation>
<translation id="209586405398070749">เวอร์ชันเสถียร</translation>
<translation id="2098658257603918882">เปิดใช้งานการรายงานการใช้และข้อมูลเกี่ยวกับการขัดข้อง</translation>
<translation id="2104418465060359056">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับส่วนขยายและปลั๊กอิน</translation>
<translation id="2106166591774188922">อนุญาตผู้ใช้ SAML ให้เปลี่ยนรหัสผ่าน SAML ในเซสชันที่ chrome://password-change</translation>
<translation id="2106627642643925514">ลบล้างโหมดการพิมพ์ด้วย PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้</translation>
<translation id="2107563874993284076">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ช่วยให้ผู้ใช้ใช้พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้</translation>
<translation id="2107601598727098402">
นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M72 โปรดใช้ CloudManagementEnrollmentToken แทน
</translation>
<translation id="2113068765175018713">จำกัดเวลาใช้งานของอุปกรณ์โดยการรีบูตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2124881675920287921">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M82 และได้นำออกจาก M85 โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> แทน การปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_OPT_IN_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เทียบเท่ากับการปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> การเปิดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_OPT_IN_ALLOWED_POLICY_NAME" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเทียบเท่ากับการไม่ได้ตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_EXTENDED_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" />
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะทำให้ผู้ใช้เลือกส่งข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าเว็บบางอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google ไม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะส่งข้อมูลระบบและเนื้อหาของหน้าเว็บบางอย่างไปยัง Google Safe Browsing เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="2127599828444728326">อนุญาตการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2131902621292742709">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2132424782557550556">กำหนดค่านโยบายการรายงานในระบบคลาวด์
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายเหล่านี้จะไม่มีผล
นโยบายเหล่านี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2134437727173969994">อนุญาตให้ล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="2135335181634291106">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ICON_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของไอคอนรายการโปรดของผู้ให้บริการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ICON_URL_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีไอคอนสำหรับผู้ให้บริการค้นหารายนั้น</translation>
<translation id="2145735238144543545">ต้องมีใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="214901426630414675">จำกัดโหมดพิมพ์ 2 ด้าน</translation>
<translation id="2149330464730004005">เปิดใช้การพิมพ์สี</translation>
<translation id="2149592087996467903">ป้องกันไม่ให้ WebRTC ใช้ TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย</translation>
<translation id="2149957154942061013">ใช้ภายในเท่านั้น</translation>
<translation id="2151831603578119302">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ</translation>
<translation id="2156132677421487971">กำหนดค่านโยบายต่างๆ สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้ส่งเนื้อหาในแท็บ ไซต์ หรือเดสก์ท็อปจากเบราว์เซอร์ไปยังจอแสดงผลและระบบเสียงระยะไกลได้</translation>
<translation id="2156755242840687300">เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกที่เปิดใช้</translation>
<translation id="2160336427036785721">กำหนดขนาดหน่วยความจำที่อินสแตนซ์หนึ่งๆ ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ได้ก่อนเริ่มทิ้งแท็บ (กล่าวคือ หน่วยความจำที่แท็บใช้จะถูกล้างและจะต้องโหลดแท็บซ้ำเมื่อมีการสลับไปยังแท็บนั้น) เพื่อประหยัดหน่วยความจำ
หากตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะเริ่มทิ้งแท็บเพื่อประหยัดหน่วยความจำเมื่อการใช้หน่วยความจำเกินขีดจำกัดแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่มีการรับประกันว่าเบราว์เซอร์จะทำงานตลอดเวลาแม้ว่าจะยังไม่เกินขีดจำกัดก็ตาม ทุกค่าที่ต่ำกว่า 1024 จะปัดเป็น 1024
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะเริ่มพยายามประหยัดหน่วยความจำก็ต่อเมื่อตรวจพบว่าหน่วยความจำจริงของเครื่องเหลือน้อย</translation>
<translation id="2164922809922345834">เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่างในเครื่องที่ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจพบเวลาที่หน้าต่างใดก็ตามถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่และระงับการระบายสีพิกเซล ทั้งนี้เพื่อลดการใช้ CPU และพลังงาน
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ตรวจหาว่ามีหน้าต่างใดถูกหน้าต่างอื่นบังอยู่หรือไม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจหาการบัง</translation>
<translation id="2166472654199325139">ไม่ต้องกรองเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation>
<translation id="2168397434410358693">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="217013996107840632">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับการเปลี่ยนจากเบราว์เซอร์ทางเลือก</translation>
<translation id="2170233653554726857">เปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD</translation>
<translation id="2178899310296064282">บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube เป็นอย่างน้อย</translation>
<translation id="2182291258410176649">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้การสำรองข้อมูลและการกู้คืนหรือไม่</translation>
<translation id="219297066914002620">สั่งให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เปิดใช้หรือปิดใช้เครื่องมือคอนโซลสำหรับการจัดการเครื่องเสมือน
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้ CLI การจัดการ VM ได้
หรือไม่เช่นนั้น CLI การจัดการ VM ทั้งหมดจะถูกปิดใช้และซ่อนไว้
</translation>
<translation id="2195032660890227692">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_BR_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2197625019569762163">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะแสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขโดยค่าเริ่มต้นสำหรับใส่รหัสผ่านในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้ยังคงสลับไปเป็นแป้นพิมพ์ปกติได้
ถ้าคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ก็จะไม่มีผลอะไร</translation>
<translation id="2200698565850397198">กำหนดค่ารายการที่บล็อกสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="2201555246697292490">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตพิเศษสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="2202787915587511214">เปิด NTLMv2</translation>
<translation id="2204753382813641270">ควบคุมการซ่อนชั้นวางอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2208976000652006649">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาที่ใช้ POST</translation>
<translation id="2215238871726750562">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ป้องกันไม่ให้หน้าต่างเบราว์เซอร์เปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มเซสชัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าทำให้หน้าต่างเปิดขึ้นมา
โปรดทราบว่าหน้าต่างเบราว์เซอร์อาจไม่เปิดขึ้นมาเนื่องจากนโยบายหรือการติดธงบรรทัดคำสั่งอื่นๆ</translation>
<translation id="2215471798823435557">การกำหนดค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุรูปแบบต่างๆ ที่อนุญาตให้ใช้กับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่จัดการโดยองค์กรได้
รูปแบบต่างๆ เป็นวิธีที่ช่วยให้เสนอการแก้ไข <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้โดยไม่ต้องส่งเวอร์ชันใหม่ด้วยการเลือกเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Manage_the_Chrome_variations_framework
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_ENABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่านโยบายจะเป็นการอนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ได้กับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
การตั้งค่า <ph name="CRITICAL_VARIATIONS_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะรูปแบบที่ถือว่าเป็นการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากหรือการแก้ไขด้านความเสถียรกับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เท่านั้น
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_DISABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ตามกับเบราว์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ โปรดทราบว่าโหมดนี้อาจขัดขวางไม่ให้นักพัฒนาแอปของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทำการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากได้อย่างทันท่วงที และด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้</translation>
<translation id="2223582957891074498">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพหน้าจอด้วยแป้นพิมพ์ลัดหรือ API ส่วนขยาย การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" อนุญาตให้ถ่ายภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="2223598546285729819">การตั้งค่าการแจ้งเตือนเริ่มต้น</translation>
<translation id="2231817271680715693">นำเข้าประวัติการเรียกดูจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="2236488539271255289">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ ตั้งค่าข้อมูลในตัวเครื่อง</translation>
<translation id="2241498944622759244">ไม่เคยมีการเปิดตัวฟีเจอร์นี้ เราจึงเลิกใช้งานนโยบายนี้ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือ "ไม่ได้ตั้งค่า" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแนะนำหน้าที่เกี่ยวข้องกับหน้าปัจจุบัน
โดยดึงข้อมูลการแนะนำแบบระยะไกลจากเซิร์ฟเวอร์ของ Google
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการดึงข้อมูลหรือแสดงคำแนะนำ</translation>
<translation id="225340736558643885">เปิดใช้คำเตือนสำหรับฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="2258126710006312594">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่เข้าถึงจากระยะไกลโอนไฟล์ไปยัง/จากโฮสต์</translation>
<translation id="2261329877420573811">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_WHITELIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2266422599396179941">อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็น</translation>
<translation id="2269319728625047531">เปิดใช้การแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์ในระหว่างการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="2270747976331889601">เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย TLS 1.3 สำหรับ Trust Anchor ในพื้นที่</translation>
<translation id="2281496157391382819"> ควบคุมคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้งานคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบและการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติในเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการ
ไม่ควรใช้นโยบายนี้กับอุปกรณ์ที่สาธารณชนใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า ระบบจะตรึงการแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวในเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการซึ่งเรียกใช้อัตโนมัติไว้จนกว่าผู้ใช้จะปิด</translation>
<translation id="2289265947759479962">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลเวอร์ชันหรือไม่ เช่น เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ แพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ สถาปัตยกรรมระบบปฏิบัติการ เวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และช่องของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลเวอร์ชัน
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="2292084646366244343"><ph name="PRODUCT_NAME" /> สามารถใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในการสะกดผิด หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้ไว้ บริการนี้จะถูกใช้อยู่เสมอ หากปิดใช้งานการตั้งค่า บริการนี้จะไม่ถูกใช้เลย
การตรวจสอบการสะกดยังสามารถทำงานได้โดยใช้พจนานุกรมที่ดาวน์โหลดมา แต่นโยบายนี้จะควบคุมเฉพาะการใช้งานบริการออนไลน์เท่านั้น
หากการตั้งค่านี้ไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกว่าจะใช้บริการตรวจสอบการสะกดหรือไม่</translation>
<translation id="229322770310505679">เปิดใช้แนวคิดนโยบายที่มาจากกลุ่มขนาดเล็ก</translation>
<translation id="22941467117331786">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" แสดงปุ่มออกจากระบบสีแดงขนาดใหญ่ในถาดระบบระหว่างที่เซสชันดำเนินอยู่และหน้าจอไม่ได้ล็อก
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะไม่มีปุ่มใดแสดง</translation>
<translation id="2294382669900758280">ไม่มีการพิจารณาการเล่นวิดีโอในแอป Android แม้ว่าจะตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="2299220924812062390">ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation>
<translation id="2303795211377219696">เปิดใช้ "ป้อนข้อความอัตโนมัติ" สำหรับบัตรเครดิต</translation>
<translation id="2307496301287881990">รายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก</translation>
<translation id="2309390639296060546">การตั้งค่าตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="2327252517317514801">กำหนดโดเมนที่อนุญาตให้เข้าถึง G Suite</translation>
<translation id="2331354174913096226">เทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการ วิธีระบุรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS หลายรายการคือเว้นวรรคระหว่างเทมเพลต URI ที่เกี่ยวข้อง
หากตั้งค่า DnsOverHttpsMode เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_SECURE" /> ก็ต้องตั้งค่านโยบายนี้และนโยบายต้องไม่ว่างเปล่า
หากตั้งค่า DnsOverHttpsMode เป็น <ph name="SECURE_DNS_MODE_AUTOMATIC" /> และตั้งค่านโยบายนี้ด้วย ระบบก็จะใช้เทมเพลต URI ที่ระบุไว้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การจับคู่ที่ฮาร์ดโค้ดเพื่อพยายามอัปเกรดรีโซลเวอร์ DNS ปัจจุบันของผู้ใช้เป็นรีโซลเวอร์ DoH ที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการรายเดียวกัน
หากเทมเพลต URI มีตัวแปร <ph name="HTTP_VARIABLE_DNS" /> คำขอที่ส่งไปยังรีโซลเวอร์จะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_GET" /> หากไม่มี คำขอจะใช้ <ph name="HTTP_METHOD_POST" />
ระบบจะไม่สนใจเทมเพลตที่จัดรูปแบบไม่ถูกต้อง</translation>
<translation id="2333228572393176330">นโยบายนี้ควบคุมฟีเจอร์ความปลอดภัยใน TLS 1.3 ซึ่งปกป้องการเชื่อมต่อจากการโจมตีแบบดาวน์เกรด โดยจะใช้งานย้อนหลังได้และไม่ส่งผลกระทบต่อการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์หรือพร็อกซี TLS 1.2 ที่เข้ากันได้ อย่างไรก็ตาม พร็อกซีสำหรับดักจับข้อมูล TLS บางตัวในเวอร์ชันเก่ามีข้อบกพร่องในการใช้งานซึ่งทำให้ใช้งานร่วมกันไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเปิดใช้การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สำหรับการเชื่อมต่อทั้งหมด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปิดใช้การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้สำหรับการเชื่อมต่อที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง การรักษาความปลอดภัยเหล่านี้จะเปิดใช้อยู่เสมอสำหรับการเชื่อมต่อที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรอง CA ที่ได้รับความเชื่อถือจากสาธารณะ
มีการเปลี่ยนค่าเริ่มต้นสำหรับนโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 81 จาก "เท็จ" เป็น "จริง" คาดว่าพร็อกซีที่ได้รับผลกระทบจะทำให้การเชื่อมต่อไม่สำเร็จโดยมีรหัสข้อผิดพลาด ERR_TLS13_DOWNGRADE_DETECTED ผู้ดูแลระบบที่ต้องการเวลามากขึ้นในการอัปเกรดพร็อกซีที่ได้รับผลกระทบอาจใช้นโยบายนี้เพื่อปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยนี้ชั่วคราว เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน 86
</translation>
<translation id="2333763898098246468">ควบคุมวิธีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พิมพ์ใน Windows
เมื่อสั่งพิมพ์ไปยังเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ PostScript ใน Windows บางครั้งงานพิมพ์จะต้องมีการแรสเตอร์เพื่อให้พิมพ์ได้อย่างถูกต้อง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เต็ม" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแรสเตอร์แบบเต็มหน้าหากจำเป็น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เร็ว" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะหลีกเลี่ยงการแรสเตอร์หากทำได้ เพราะการลดปริมาณการแรสเตอร์จะช่วยลดขนาดของงานพิมพ์และเพิ่มความเร็วในการพิมพ์
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอยู่ในโหมด "เต็ม"</translation>
<translation id="2337859888277013371">ไม่อนุญาตให้ใช้แคชย้อนหลัง</translation>
<translation id="2341509917222115272">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จับคู่ไคลเอ็นต์และโฮสต์ในเวลาเชื่อมต่อได้โดยไม่จำเป็นต้องป้อน PIN ทุกครั้ง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ฟีเจอร์นี้ไม่พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="2345547870894930157">เปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS ที่ไม่มีการถอยหลังกลับที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="2349117476121456297">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้แป้นแถวบนสุดบนแป้นพิมพ์ทำหน้าที่เป็นคำสั่งแป้นฟังก์ชัน การกดแป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานของแป้นดังกล่าวกลับไปเป็นแป้นสื่อ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า แป้นพิมพ์จะมีค่าเริ่มต้นเป็นส่งคำสั่งแป้นสื่อ การกดแป้นค้นหาจะเปลี่ยนลักษณะการทำงานเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation>
<translation id="2358176879566587521">เรานำนโยบายนี้ออกแล้ว เพราะใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันนี้ไม่ได้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation>
<translation id="2364639863953745682">โหมดของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="2384233438419344179">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้องค์ประกอบหน้าเว็บที่ไม่ได้มาจากโดเมนในแถบที่อยู่ของเบราว์เซอร์ตั้งค่าคุกกี้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้องค์ประกอบเหล่านั้นตั้งค่าคุกกี้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
การไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="2386362615870139244">อนุญาตล็อกปลุกหน้าจอ</translation>
<translation id="2394674739523870144">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริงหมายความว่า สตริงดังกล่าวจะเชื่อมต่อกันด้วยการเว้นวรรคและส่งผ่าน <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไปยัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง หากพารามิเตอร์มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ก็จะมีการแทนที่ <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด หากไม่มีพารามิเตอร์ใดที่มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ระบบจะใส่ URL ดังกล่าวต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง
ระบบจะขยายตัวแปรสภาพแวดล้อม โดยใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_WIN_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะส่ง URL ไป <ph name="PRODUCT_NAME" /> ในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเท่านั้น
หมายเหตุ: หากไม่ได้มีการติดตั้ง Add-in การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าสำหรับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล</translation>
<translation id="2399987589969059485">การกำหนดค่านโยบายนี้จะอนุญาตให้ระบุรูปแบบที่อนุญาตให้ใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
รูปแบบต่างๆ เป็นวิธีที่ช่วยให้เสนอการแก้ไข <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้โดยไม่ต้องส่งเบราว์เซอร์เวอร์ชันใหม่ด้วยการเลือกเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Manage_the_Chrome_variations_framework
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_ENABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้ใช้รูปแบบทั้งหมดกับเบราว์เซอร์ได้
การตั้งค่า <ph name="CRITICAL_VARIATIONS_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะรูปแบบที่ถือว่าเป็นการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากหรือการแก้ไขด้านความเสถียรกับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
การตั้งค่า <ph name="VARIATIONS_DISABLED_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะไม่อนุญาตให้ใช้รูปแบบใดก็ตามกับเบราว์เซอร์ โปรดทราบว่าโหมดนี้อาจขัดขวางไม่ให้นักพัฒนาแอปของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญมากได้อย่างทันท่วงที และด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้ใช้โหมดนี้</translation>
<translation id="2411629345938804022">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียงได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธใกล้เคียง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="2411817661175306360">การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านปิดอยู่</translation>
<translation id="2411919772666155530">บล็อกการแจ้งเตือนในไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="2413022450179356125">เปิด/ปิดใช้ฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัว
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเสมอ
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบล้างค่าไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะควบคุมต่อจากนั้นได้</translation>
<translation id="2421677964966613267">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่รองรับรูปแบบที่มีไวลด์การ์ด "*" และ "[*.]" ในโฮสต์อีกแล้วตั้งแต่รุ่น M85</translation>
<translation id="2423255396068675416">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เรียกใช้ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ได้ตราบใดที่มีการเปิดใช้ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ไม่ให้ผู้ใช้ใช้งาน การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มคอนเทนเนอร์ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ใหม่ ไม่ใช่คอนเทนเนอร์ที่ทำงานอยู่แล้ว</translation>
<translation id="2426782419955104525">เปิดใช้ฟีเจอร์ค้นหาทันใจของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการเปิดใช้ "ค้นหาทันใจ"
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมีการปิดใช้ "ค้นหาทันใจ"
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือแทนที่การตั้งค่านี้
หากไม่ได้กำหนดการตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ฟังก์ชันนี้
การตั้งค่านี้ได้ถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 29 และเวอร์ชันที่สูงกว่าแล้ว</translation>
<translation id="2435052056904485763">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos</translation>
<translation id="2448315169529769573">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รายงานเมตริกการใช้งานและข้อมูลการวินิจฉัย รวมถึงรายงานข้อขัดข้อง กลับมาที่ Google การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัย
การไม่ตั้งค่านโยบายจะปิดการรายงานเมตริกและข้อมูลการวินิจฉัยเสมอในอุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการและเปิดในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="2449263772062368618">กำหนดค่ารายการประเภทข้อมูลการท่องเว็บที่ควรจะลบออกเมื่อปิดเบราว์เซอร์
ประเภทข้อมูลที่มี ได้แก่ ประวัติการท่องเว็บ (<ph name="DATA_TYPE_BROWSING_HISTORY" />) ประวัติการดาวน์โหลด (<ph name="DATA_TYPE_DOWNLOAD_HISTORY" />) คุกกี้ (<ph name="DATA_TYPE_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA" />) แคช <ph name="DATA_TYPE_CACHED_IMAGES_AND_FILES" /> ข้อความป้อนอัตโนมัติ (<ph name="DATA_TYPE_AUTOFILL" />) รหัสผ่าน (<ph name="DATA_TYPE_PASSWORD" />) การตั้งค่าเว็บไซต์ (<ph name="DATA_TYPE_SITE_SETTINGS" />) และข้อมูลแอปที่โฮสต์ไว้ (<ph name="DATA_TYPE_HOSTED_APP_DATA" />)
นโยบายนี้ไม่มีความสำคัญเหนือ <ph name="ALLOW_DELETING_BROWSER_HISTORY_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้กำหนดให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" มิเช่นนั้นระบบจะไม่สนใจนโยบายดังกล่าว
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับแพลตฟอร์ม ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์ที่ระดับแพลตฟอร์ม
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับผู้ใช้ ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์สำหรับผู้ใช้รายดังกล่าวเพื่อให้นโยบายนี้มีผล
</translation>
<translation id="2454228136871844693">เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อความเสถียร</translation>
<translation id="2455033019778127130">ใช้การทำงานเริ่มต้นของเบราว์เซอร์ แสดงข้อกำหนดในการให้บริการและรอให้ผู้ใช้ยอมรับ</translation>
<translation id="2463034609187171371">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส DHE ใน TLS</translation>
<translation id="2463365186486772703">ภาษาของแอปพลิเคชัน</translation>
<translation id="2463832514638083341">นโยบายนี้ควบคุมระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์ในอุปกรณ์โดยมีหน่วยเป็นวัน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -1 ระบบจะจัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์อย่างไม่มีกำหนด เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 ระบบจะไม่จัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์เลย เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่น จะเป็นการระบุระยะเวลาที่จัดเก็บข้อมูลเมตาของงานพิมพ์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 90 วันสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นวัน</translation>
<translation id="2466131534462628618">การตรวจสอบสิทธิ์ของแคพทีฟพอร์ทัลจะข้ามพร็อกซีไป</translation>
<translation id="247658312644322296">ปลายทาง "บันทึกเป็น PDF"</translation>
<translation id="2478756867046106663">อนุญาตให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation>
<translation id="2480971699591919564">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทรซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ส่งหมายเลขโทรศัพท์จาก Chrome ในเดสก์ท็อปไปยังอุปกรณ์ Android ได้เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ให้ดูบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/answer/9430554?hl=th
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดใช้ความสามารถในการส่งหมายเลขโทรศัพท์ไปยังอุปกรณ์ Android สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดใช้ความสามารถในการส่งหมายเลขโทรศัพท์ไปยังอุปกรณ์ Android สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทรโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="2482676533225429905">การรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="2483146640187052324">คาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ</translation>
<translation id="2496180316473517155">ประวัติการเข้าชมที่เรียกดู</translation>
<translation id="2498238926436517902">ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเสมอ</translation>
<translation id="250022556568924228">การตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการและแสดงต่อผู้ใช้เมื่อมีการเริ่มเซสชันบัญชีภายในอุปกรณ์ ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เซสชันได้หลังจากที่ยอมรับข้อกำหนดในการให้บริการแล้วเท่านั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการแสดงข้อกำหนดในการให้บริการ
ควรตั้งค่านโยบายไปยัง URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดข้อกำหนดในการให้บริการได้ ข้อกำหนดในการให้บริการต้องเป็นข้อความธรรมดาที่แสดงเป็นข้อความ/ธรรมดาประเภท MIME และไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation>
<translation id="2500699707048942472">ฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติจะเปลี่ยนแปลงการป้อน PIN ใน Chrome OS
ฟีเจอร์นี้จะแสดง UI พิเศษที่แสดงให้ผู้ใช้เห็นอย่างชัดเจนว่า PIN ต้องมีกี่หลัก แทนการแสดงช่องข้อความเดียวกันกับที่ใช้ป้อนรหัสผ่าน ดังนั้นระบบจะจัดเก็บความยาว PIN ของผู้ใช้ไว้นอกข้อมูลที่เข้ารหัสของผู้ใช้ ใช้ได้เฉพาะ PIN ที่มีความยาวระหว่าง 6 ถึง 12 หลัก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะไม่มีตัวเลือกในการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้ในหน้าการตั้งค่า</translation>
<translation id="250151283451228612">หากเปิดใช้ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_BATTERY_THRESHOLD_POLICY_NAME" /> จะกำหนดเกณฑ์ระดับแบตเตอรี่สำหรับการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เป็นเปอร์เซ็นต์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การใช้ไฟจากแบตเตอรี่ปิดอยู่เสมอ</translation>
<translation id="2502467045153796624">ลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation>
<translation id="250670737672448119">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์บริเวณโดยรอบเคอร์เซอร์ข้อความ ขณะที่แก้ไขข้อความ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="2509919237512982967">ใช้ตัวควบคุมแบบฟอร์มเดิมจนถึงเวอร์ชัน M84</translation>
<translation id="2517466659416174529">อนุญาตการระงับแท็บที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง</translation>
<translation id="2518231489509538392">อนุญาตให้เล่นเสียง</translation>
<translation id="2521581787935130926">แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="2522304491589804974">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="2529880111512635313">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่บังคับให้ติดตั้ง</translation>
<translation id="253135976343875019">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="2535370400681639351">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้คำขอการตรวจสอบสิทธิ์ gnubby จะทำผ่านพร็อกซีในการเชื่อมต่อโฮสต์ระยะไกล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้คำขอการตรวจสอบสิทธิ์ gnubby ไม่ทำผ่านพร็อกซี
โปรดทราบว่าฟีเจอร์นี้ต้องใช้คอมโพเนนต์เพิ่มเติมซึ่งไม่มีให้บริการนอกระบบเครือข่ายของ Google จึงจะทำงานได้อย่างถูกต้อง</translation>
<translation id="2536525645274582300">ผู้ใช้ตัดสินใจว่าจะเปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่</translation>
<translation id="254653220329944566">เปิดใช้การรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="2547854230073316008">การตั้งค่านโยบายจะตั้งค่าความละเอียดและค่าตัวคูณมาตราส่วนของจอแสดงผลแต่ละจอ การตั้งค่าจอแสดงผลภายนอกจะใช้กับจอแสดงผลที่เชื่อมต่อ (นโยบายจะไม่มีผลหากจอแสดงผลไม่รองรับความละเอียดหรือขนาดที่ระบุ)
การตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_USE_NATIVE" /> เป็น "จริง" หมายความว่านโยบายจะไม่สนใจ <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> และ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> และจะตั้งค่าจอแสดงผลภายนอกเป็นความละเอียดของระบบ การตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_USE_NATIVE" /> เป็น "เท็จ" หรือการไม่ตั้งค่ารายการดังกล่าวและ <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> หรือ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> หมายความว่านโยบายจะไม่ส่งผลต่อจอแสดงผลภายนอก
การตั้งค่าแฟล็กที่แนะนำเป็น "จริง" จะให้ผู้ใช้เปลี่ยนความละเอียดและค่าตัวคูณมาตราส่วนของจอแสดงผลได้จากหน้าการตั้งค่า แต่จะมีการเปลี่ยนการตั้งค่าเมื่อรีบูตครั้งถัดไป การตั้งค่าแฟล็กที่แนะนำเป็น "เท็จ" หรือการไม่ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าจอแสดงผลไม่ได้
หมายเหตุ: ตั้งค่า <ph name="EXTERNAL_WIDTH" /> และ <ph name="EXTERNAL_HEIGHT" /> เป็นพิกเซล และ <ph name="EXTERNAL_SCALE_PERCENTAGE" /> และ <ph name="INTERNAL_SCALE_PERCENTAGE" /> เป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="2548397295248733155">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="2548572254685798999">รายงานข้อมูล Google Safe Browsing</translation>
<translation id="2550593661567988768">การพิมพ์ด้านเดียวเท่านั้น</translation>
<translation id="2552318891854145040">การตั้งค่านโยบายนี้จะสร้างรายการบุ๊กมาร์กที่แต่ละรายการเป็นพจนานุกรมที่มีคีย์ "<ph name="NAME" />" และ "<ph name="URL_LABEL" />" คีย์เหล่านี้เก็บชื่อและเป้าหมายของบุ๊กมาร์กไว้ ผู้ดูแลระบบสร้างโฟลเดอร์ย่อยได้โดยกำหนดบุ๊กมาร์กที่ไม่มีคีย์ "<ph name="URL_LABEL" />" แต่มีคีย์ "<ph name="CHILDREN" />" เพิ่มเติม คีย์นี้ยังมีรายการบุ๊กมาร์กด้วย ซึ่งบุ๊กมาร์กบางอันอาจเป็นโฟลเดอร์ด้วยก็ได้ Chrome จะแก้ไข URL ที่ไม่สมบูรณ์ให้เหมือนว่า URL เหล่านั้นได้รับการส่งผ่านทางแถบที่อยู่ เช่น "<ph name="GOOGLE_COM" />" จะเปลี่ยนเป็น "<ph name="HTTPS_GOOGLE_COM" />"
ผู้ใช้เปลี่ยนโฟลเดอร์ที่บุ๊กมาร์กอยู่ไม่ได้ (แต่ซ่อนโฟลเดอร์จากแถบบุ๊กมาร์กได้) ชื่อโฟลเดอร์เริ่มต้นของบุ๊กมาร์กที่มีการจัดการคือ "บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ" แต่ก็เปลี่ยนได้โดยเพิ่มพจนานุกรมย่อยใหม่ที่มีคีย์เดียวชื่อ "<ph name="TOPLEVEL_NAME" />" ลงในนโยบาย โดยมีชื่อโฟลเดอร์ที่ต้องการเป็นค่า บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการจะไม่ซิงค์กับบัญชีผู้ใช้และส่วนขยายจะแก้ไขบุ๊กมาร์กเหล่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="2552966063069741410">เขตเวลา</translation>
<translation id="2562339630163277285">ระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ URL ควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งจะถูกแทนที่ด้วยข้อความที่ผู้ใช้ป้อนขณะค้นหา
นโยบายนี้เป็นทางเลือก หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ จะไม่มีการให้ผลการค้นหาแบบทันใจ
URL ผลการค้นหาแบบทันใจของ Google สามารถระบุเป็น: <ph name="GOOGLE_INSTANT_SEARCH_URL" />
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อเปิดใช้นโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled" เท่านั้น</translation>
<translation id="2567227673131796227">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="NATIVE_MESSAGING_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ระบบไม่ควรโหลด ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ทั้งหมด</translation>
<translation id="2568488785376704318">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="257788512393330403">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 6 ชั่วโมง</translation>
<translation id="2580757713966614760">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_BLOCKLISTRESTRICTIONS" /> (ค่า 0) <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ได้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_ALLOWLISTPRINTERSONLY" /> (ค่า 1) <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="POLICY_ENUM_DEVICEPRINTERSACCESSMODE_ALLOWALL" /> (ค่า 2) เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ใช้งาน
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /></translation>
<translation id="2586117300379904732">อนุญาต Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="2587719089023392205">ตั้ง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="2588252329503406673">การตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้คุณกำหนดลักษณะการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งในขณะที่หน้าจอลงชื่อเข้าใช้ปรากฏขึ้น นโยบายนี้ควบคุมการตั้งค่าหลายรายการ สำหรับความหมายของคำแต่ละความหมายและช่วงค่า ให้ดูนโยบายที่สอดคล้องกันที่ควบคุมการจัดการพลังงานภายในเซสชัน
การเบี่ยงเบนจากนโยบายเหล่านี้มีดังนี้
* การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวหรือปิดฝาจะเป็นการจบเซสชันไม่ได้
* การกระทำเริ่มต้นที่ดำเนินการเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวเมื่อใช้พลังงานจากไฟฟ้า AC คือการปิด
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือไม่ตั้งค่าใดก็ตามในนโยบายจะทำให้มีการใช้ค่าเริ่มต้นในการตั้งค่าพลังงานแบบต่างๆ</translation>
<translation id="2592091433672667839">ระยะเวลาการไม่ใช้งานก่อนที่โปรแกรมรักษาหน้าจอจะแสดงขึ้นบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation>
<translation id="259289618675490104">การตั้งค่านโยบายเป็น "ทั้งหมด" (ค่า 0) หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" (ค่า 2) จะทำให้ผู้ใช้ดูใบรับรองได้อย่างเดียว (จัดการไม่ได้)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ผู้ใช้เท่านั้น" (ค่า 1) จะทำให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองได้ แต่ต้องไม่ใช่ใบรับรองแบบทั่วทั้งอุปกรณ์</translation>
<translation id="2593762551209145088">Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย</translation>
<translation id="2600410857944104685">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_FILE_ATTACHED_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีไฟล์แนบไปกับ Chrome
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งไฟล์สำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการแนบไฟล์มากับหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับไฟล์นั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์หน้าในการเข้าถึงไฟล์ ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์เข้าถึงหน้าแก่ไฟล์โดยทันที
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_PASSWORD_PROTECTED_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป (50 MB ขึ้นไป)
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ช่องข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ช่อง learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ช่องภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ช่องภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ช่องแท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจไม่มีรายการย่อยเลยหรือมีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีช่องข้อความและช่องแท็กที่ไม่เว้นว่างไว้
นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation>
<translation id="26023406105317310">กำหนดค่าบัญชี Kerberos</translation>
<translation id="2604182581880595781">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="2615240493030733717">รายงานข้อมูลเขตเวลา</translation>
<translation id="2619966380594000538">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าคำเตือนด้านความปลอดภัยจะแสดงเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตรายเพื่อเปิด Chrome
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบไม่แสดงคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการเปิดใช้ Chrome โดยมีการติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="2623014935069176671">รอกิจกรรมเริ่มต้นของผู้ใช้</translation>
<translation id="262740370354162807">เปิดใช้งานการส่งเอกสารไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="2633084400146331575">เปิดใช้งานการตอบสนองด้วยเสียง</translation>
<translation id="2635872253077105112">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎสำหรับบางอย่างที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎเหล่านั้นเมื่อเลือกว่า URL ควรเปิดในเบราว์เซอร์สำรองหรือไม่ เมื่อ Add-in ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะเปลี่ยนกลับไปยัง <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อกฎไม่ตรงกัน หากกฎขัดแย้งกัน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้กฎที่เจาะจงที่สุด
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ
โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย <ph name="USE_IE_SITELIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย</translation>
<translation id="2640898752536996430">นำผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="264093234299818170">ระบบจะแสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมดยกเว้นที่อยู่ในรายการที่บล็อก</translation>
<translation id="264252574246191885">ไม่แสดง</translation>
<translation id="2647069081229792812">เปิดหรือปิดใช้การแก้ไขบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="2649896281375932517">ให้ผู้ใช้เลือก</translation>
<translation id="2650049181907741121">การทำงานของอุปกรณ์เมื่อผู้ใช้ปิดฝา</translation>
<translation id="2658653824183107970">ควรใช้การใช้งาน <ph name="CORS" /> เดิมมากกว่า <ph name="CORS" /> ใหม่</translation>
<translation id="2660846099862559570">ไม่ใช้พร็อกซี</translation>
<translation id="2664682171745499686">ระงับคำเตือนโดเมนที่เหมือนกันในหลายโดเมน</translation>
<translation id="2665422249821137126">เปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2672012807430078509">ควบคุมการเปิดใช้ NTLM เป็นโปรโตคอลการตรวจสอบสิทธิ์สำหรับการต่อเชื่อม SMB</translation>
<translation id="2678503605767349615">ต้องมีใบรับรองไคลเอ็นต์ระดับอุปกรณ์</translation>
<translation id="268577405881275241">เปิดใช้ฟีเจอร์พร็อกซีการบีบอัดข้อมูล</translation>
<translation id="2691668238491124549">การตั้งค่านโยบาย (ตามที่แนะนำเท่านั้น) จะย้ายภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการไปไว้ที่ลำดับต้นๆ ของรายการ ในลำดับที่ภาษานั้นปรากฏในนโยบาย ระบบเลือกภาษาที่แนะนำเป็นอันดับแรกไว้ล่วงหน้า
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเลือกภาษาของ UI ปัจจุบันไว้ล่วงหน้า
เมื่อมีภาษาที่แนะนำมากกว่า 1 ภาษาจะถือว่าผู้ใช้ต้องการเลือกภาษาเหล่านี้ ให้ความสำคัญกับการเลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ เมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ หากไม่ได้เลือกค่าดังกล่าว ระบบจะถือว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ต้องการใช้ภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้า ลดความสำคัญของการเลือกภาษาและรูปแบบแป้นพิมพ์ เมื่อเริ่มเซสชันที่มีการจัดการ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้และเปิดการลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติ (ดูนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_DELAY_POLICY_NAME" />) เซสชันที่มีการจัดการจะใช้ภาษาที่แนะนำและรูปแบบแป้นพิมพ์ยอดนิยมที่คู่กันเป็นอันดับแรก
รูปแบบแป้นพิมพ์ที่เลือกไว้ล่วงหน้าจะเป็นรูปแบบยอดนิยมคู่กับภาษาที่เลือกไว้ล่วงหน้าเสมอ ผู้ใช้เลือกภาษาที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> รองรับสำหรับเซสชันได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="2693108589792503178">กำหนดค่า URL การเปลี่ยนรหัสผ่าน</translation>
<translation id="2694143893026486692">แว่นขยายหน้าจอบางส่วนเปิดอยู่</translation>
<translation id="2696077732471707315">
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M77
นโยบายนี้จะใช้กับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ด้วยซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้ ขอแนะนำให้ตั้งค่าของนโยบายทั้งสองเป็นค่าเดียวกัน หากค่าไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเวลาเข้าสู่เซสชันของผู้ใช้ และระบบจะใช้ค่าที่นโยบายผู้ใช้ระบุไว้
</translation>
<translation id="2702023190395322609">เปิดใช้คำแนะนำสื่อ</translation>
<translation id="2706708761587205154">อนุญาตให้พิมพ์เฉพาะเมื่อมี PIN เท่านั้น</translation>
<translation id="2707873794476722903">Google Safe Browsing ทำงานในโหมดมาตรฐาน</translation>
<translation id="2709516037105925701">ป้อนอัตโนมัติ</translation>
<translation id="2714359695399346815">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ใช้เซิร์ฟเวอร์ STUN ได้ ซึ่งจะทำให้ไคลเอ็นต์ระยะไกลค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องนี้ได้แม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" เมื่อไฟร์วอลล์กรองการเชื่อมต่อ UDP ขาออกจะทำให้เครื่องอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครื่องไคลเอ็นต์ภายในเครือข่าย LAN เท่านั้น</translation>
<translation id="2716623398185506073">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์และตัวระบุที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติด้านพลังงาน</translation>
<translation id="2723692978495226412">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะทำให้มีการแนะนำแอปที่ผู้ใช้เคยติดตั้งไว้ในอุปกรณ์อื่น การแนะนำเหล่านี้จะปรากฏใน Launcher หลังจากการแนะนำแอปในเครื่อง หากไม่มีการป้อนข้อความค้นหา
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้การแนะนำดังกล่าวไม่ปรากฏขึ้น
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้</translation>
<translation id="2724313944474873275">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สามารถใช้เอกสารรับรองระยะไกล (การเข้าถึงที่ยืนยันแล้ว) เพื่อรับใบรับรองที่ออกโดย CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งยืนยันว่าอุปกรณ์มีสิทธิ์เล่นเนื้อหาที่มีการคุ้มครอง กระบวนการนี้มีการส่งข้อมูลการรับรองฮาร์ดแวร์ไปยัง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ระบุอุปกรณ์โดยไม่ซ้ำกัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ไม่ใช้เอกสารรับรองระยะไกลกับการปกป้องเนื้อหาและอาจไม่เล่นเนื้อหาที่มีการคุ้มครอง</translation>
<translation id="2725855586003209701">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานรายชื่อผู้ใช้อุปกรณ์ที่ลงชื่อเข้าใช้เมื่อเร็วๆ นี้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานรายชื่อผู้ใช้</translation>
<translation id="2731627323327011390">ปิดการใช้งานใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="2742843273354638707">ซ่อนแอป Chrome เว็บสโตร์ และลิงก์ส่วนท้ายจากหน้าแท็บใหม่ และเครื่องเรียกใช้งานแอป <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น True จะมีการซ่อนไอคอนไป
เมื่อนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น False หรือไม่มีการกำหนดค่า จะสามารถมองเห็นไอคอนได้</translation>
<translation id="2744751866269053547">ลงทะเบียนเครื่องจัดการโปรโตคอล</translation>
<translation id="2746016768603629042">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ DefaultJavaScriptSetting แทน
สามารถใช้เพื่อปิดใช้งาน JavaScript ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้
หากปิดใช้งานการตั้งค่านี้ หน้าเว็บจะไม่สามารถใช้ JavaScript และผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้
หากเปิดใช้งานการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า หน้าเว็บจะสามารถใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้</translation>
<translation id="274769314493317695">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_WHITELIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2752046642026416564">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ที่ระดับผู้ใช้ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้โฮสต์เหล่านี้ได้เฉพาะเมื่อติดตั้งไว้ที่ระดับระบบเท่านั้น</translation>
<translation id="2753637905605932878">จำกัดช่วงของพอร์ต UDP ในเครื่องที่ WebRTC ใช้งาน</translation>
<translation id="2757054304033424106">ประเภทของส่วนขยาย/แอปพลิเคชันที่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้ง</translation>
<translation id="2759224876420453487">ควบคุมพฤติกรรมผู้ใช้ในเซสชันหลายโปรไฟล์</translation>
<translation id="2761483219396643566">คำเตือนการไม่ใช้งานล่าช้าเมื่อทำงานโดยใช้กำลังแบตเตอรี่</translation>
<translation id="2769952903507981510">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่จำเป็นสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2772955711376920612">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" และการตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_BATTERY_THRESHOLD_POLICY_NAME" /> กับ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะเปิดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ต่อไป (หากอุปกรณ์รองรับ) นโยบายการจัดการการใช้ไฟจากแบตเตอรี่เป็นนโยบายการประหยัดพลังงานที่ลดการใช้ไฟฟ้ากระแสสลับในช่วงที่มีการใช้งานสูงสุด คุณกำหนดเวลาเริ่มเปิดและปิดใช้โหมดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในแต่ละวันได้ ในช่วงเวลาดังกล่าว อุปกรณ์จะทำงานโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ (แม้ว่าจะยังมีไฟฟ้ากระแสสลับอยู่) ตราบใดที่ระดับแบตเตอรี่อยู่เหนือเกณฑ์ที่ระบุ หลังเวลาสิ้นสุดที่ระบุ อุปกรณ์จะทำงานโดยใช้พลังงานจากไฟฟ้ากระแสสลับ (หากมีอยู่) แต่จะไม่ชาร์จแบตเตอรี่ แล้วจะกลับมาทำงานตามปกติอีกครั้งโดยใช้ไฟฟ้ากระแสสลับและชาร์จแบตเตอรี่ใหม่หลังจากเวลาเริ่มต้นการชาร์จที่ระบุ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดโหมดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะปิดการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ในตอนแรก ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="2784880732336446591">ล้างข้อมูลการท่องเว็บเมื่อออก</translation>
<translation id="2787173078141616821">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของ Android</translation>
<translation id="2787774054174244402">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้ผู้ใช้เขียนลงในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกไม่ได้
หากคุณตั้งค่า ExternalStorageReadOnly เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะสร้างและแก้ไขไฟล์ได้ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอกที่เป็นแบบเขียนได้ เว้นแต่ที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกจะถูกบล็อกไว้ (คุณบล็อกที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกได้โดยตั้งค่า ExternalStorageDisable เป็น "จริง")</translation>
<translation id="2796714419743648316">รายการที่อนุญาตสำหรับการจำกัดเวลาต่อแอป</translation>
<translation id="2796896367838042659">นโยบายนี้ระบุว่าแอปพลิเคชันและ URL ใดควรจะได้รับอนุญาตพิเศษสำหรับข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป
รายการที่อนุญาตพิเศษที่กำหนดจะใช้กับแอปที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้รายที่มีการจำกัดเวลาต่อแอป
รายการที่อนุญาตพิเศษที่กำหนดจะใช้กับบัญชีผู้ใช้ที่เป็นเด็กและมีผลเฉพาะเมื่อมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_POLICY_NAME" />
รายการที่อนุญาตพิเศษที่กำหนดจะใช้กับแอปพลิเคชันและ URL เพื่อไม่ให้ถูกบล็อกโดยการจำกัดเวลาต่อแอป
การเข้าถึง URL ที่อนุญาตพิเศษจะไม่นับรวมในการจำกัดเวลาของ Chrome
เพิ่มนิพจน์ทั่วไปของ URL ไปยังรายการ |url_list| เพื่อเพิ่ม URL ที่ตรงกับนิพจน์ทั่วไปใดๆ ในรายการลงในรายการที่อนุญาตพิเศษ
เพิ่มแอปพลิเคชันพร้อม |app_id| และ |app_type| ของแอปไปยังรายการ |app_list| เพื่อเพิ่มแอปพลิเคชันนั้นลงในรายการที่อนุญาตพิเศษ
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_ALLOWLIST" /> แทน
</translation>
<translation id="2799297758492717491">อนุญาตการเล่นสื่ออัตโนมัติในรายการรูปแบบ URL ที่อนุญาตพิเศษ</translation>
<translation id="2801065672151277034">การตั้งค่าการจัดการใบรับรอง</translation>
<translation id="2801155097555584385">ตั้งค่าการเริ่มชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเองเป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="2805707493867224476">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงป๊อปอัป</translation>
<translation id="2818074121667686266">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งหากมีการเข้าถึงการจับเสียง ยกเว้นใน URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ AudioCaptureAllowedUrls
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดข้อความแจ้ง และการจับเสียงจะใช้ได้เฉพาะกับ URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ AudioCaptureAllowedUrls เท่านั้น
หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับอินพุตเสียงทั้งหมด (ไม่ใช่แค่ไมโครโฟนในตัว)</translation>
<translation id="2823870601012066791">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> คือ</translation>
<translation id="2824715612115726353">เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="2829975392104323514">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุเครื่องหรือไม่ เช่น ชื่อเครื่องและที่อยู่ของเครือข่าย
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุเครื่องได้
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น</translation>
<translation id="283478052049914107">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" และการป้อนพอร์ตที่ไม่ใช่มาตรฐาน (กล่าวคือ พอร์ตอื่นใดที่ไม่ใช่ 80 หรือ 443) จะรวมพอร์ตนั้นใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นมา
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า จะไม่มีการรวมพอร์ตใน Kerberos SPN ที่สร้างขึ้นมา</translation>
<translation id="2838830882081735096">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="2839294585867804686">การตั้งค่าพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="284288632677954003">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="2854607717796010700">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยความจำของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลหน่วยความจำของอุปกรณ์</translation>
<translation id="285480231336205327">เปิดใช้งานโหมดความคมชัดสูง</translation>
<translation id="285627849510728211">ตั้งค่ากำหนดวันของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง</translation>
<translation id="2856674246949497058">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า ทำ Powerwash ในขั้นตอนนี้</translation>
<translation id="2869762730352628426">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="2872961005593481000">ปิด</translation>
<translation id="2874209944580848064">หมายเหตุสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่รองรับแอป Android:</translation>
<translation id="2875192972412983412">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์
หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มี ID ตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
ID ดังกล่าวต้องตรงกับช่อง ID ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่มีการกรองและใช้เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดในการค้นหา</translation>
<translation id="2877225735001246144">ปิดใช้งานการค้นหา CNAME เมื่อมีการเจรจาตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation>
<translation id="288448261660192095">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดอุปกรณ์อินพุตและเอาต์พุตของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลระหว่างการเชื่อมต่อระยะไกล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ทั้งผู้ใช้เครือข่ายภายในและผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับโฮสต์ระหว่างที่แชร์ได้</translation>
<translation id="2886215882246310669">ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้เพิ่มบัญชีผู้ใช้ Family Link บัญชีใหม่ลงในอุปกรณ์หรือไม่
นโยบายนี้จะมีประโยชน์เมื่อใช้ร่วมกับ <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ซึ่งจะอนุญาตให้มีการเพิ่มบัญชี Family Link นอกเหนือจากบัญชีที่ระบุไว้ในรายการที่อนุญาต
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อลักษณะการทำงานของนโยบายลงชื่อเข้าใช้อื่นๆ กล่าวโดยเจาะจงคือจะไม่มีผลในกรณีต่อไปนี้
- มีการปิดใช้การเพิ่มผู้ใช้ใหม่ในอุปกรณ์ด้วยนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" />
- มีการอนุญาตให้เพิ่มผู้ใช้ทั้งหมดด้วยนโยบาย <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" (หรือไม่กำหนดค่า) กฎเพิ่มเติมอื่นๆ จะไม่มีผลกับบัญชี Family Link
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะอนุญาตให้เพิ่มบัญชีผู้ใช้ Family Link บัญชีใหม่นอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="2886969306951284125">หากแอป Android เปิดอยู่ การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ก็จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานข้อมูลสถานะ Android
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลสถานะ Android</translation>
<translation id="2890645751406497668">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุ</translation>
<translation id="2893546967669465276">ส่งบันทึกของระบบไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการ</translation>
<translation id="2899002520262095963">แอป Android สามารถใช้การกำหนดค่าเครือข่ายและใบรับรอง CA ที่ตั้งค่าผ่านนโยบายนี้ได้ แต่จะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงตัวเลือกการตั้งค่าบางอย่าง</translation>
<translation id="2899213072616346687">จำกัดโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย</translation>
<translation id="290002216614278247">ให้คุณล็อกเซสชันของผู้ใช้ตามเวลาของไคลเอ็นต์หรือโควต้าการใช้งานประจำวัน
|time_window_limit| ระบุกรอบเวลารายวันที่ควรล็อกเซสชันของผู้ใช้ เรารองรับ 1 กฎต่อแต่ละวันในสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้นอาร์เรย์ |entries| จึงอาจมีขนาดต่างกันไปตั้งแต่ 0-7 |starts_at| และ |ends_at| คือจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของขีดจำกัดกรอบเวลา เมื่อ |ends_at| น้อยกว่า |starts_at| หมายความว่า |time_limit_window| สิ้นสุดในวันต่อมา |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม
|time_usage_limit| ระบุโควต้าการอยู่หน้าจอรายวัน ดังนั้นเมื่อผู้ใช้ใช้งานถึงระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ระบบจะล็อกเซสชันของผู้ใช้ มีคุณสมบัติ 1 รายการสำหรับแต่ละวันในสัปดาห์ ซึ่งควรตั้งค่าเฉพาะเมื่อมีโควต้าที่ใช้งานอยู่ของวันนั้นๆ |usage_quota_mins| คือระยะเวลาในแต่ละวันที่ผู้ใช้จะใช้อุปกรณ์ที่มีการจัดการได้ และ |reset_at| คือเวลาที่มีการต่ออายุโควต้าการใช้งาน ค่าเริ่มต้นของ |reset_at| คือเที่ยงคืน ({'hour': 0, 'minute': 0}) |last_updated_millis| คือการประทับเวลาครั้งล่าสุดตามเขตเวลา UTC ซึ่งมีการอัปเดตเวลานี้ ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม
|overrides| มีไว้เพื่อทำให้กฎก่อนหน้าอย่างน้อย 1 ข้อใช้งานไม่ได้ชั่วคราว
* หากทั้ง time_window_limit และ time_usage_limit ไม่ได้ทำงานอยู่ ระบบอาจใช้ |LOCK| เพื่อล็อกอุปกรณ์
* |LOCK| จะล็อกเซสชันของผู้ใช้ชั่วคราวจนกว่าจะถึง time_window_limit ครั้งต่อไป หรือ time_usage_limit เริ่มต้นขึ้น
* |UNLOCK| จะปลดล็อกเซสชันของผู้ใช้ที่ล็อกด้วย time_window_limit หรือ time_usage_limit
|created_time_millis| คือการประทับเวลาการสร้างการลบล้างตามเขตเวลา UTC ระบบส่งเวลาเป็นสตริงเนื่องจากการประทับเวลาไม่เข้ากับจำนวนเต็ม และใช้เพื่อตัดสินว่ายังควรใช้การลบล้างนี้อยู่หรือไม่ หากฟีเจอร์ขีดจำกัดเวลาใช้งานปัจจุบัน (ขีดจำกัดการใช้เวลาหรือขีดจำกัดกรอบเวลา) เริ่มต้นหลังจากที่สร้างการลบล้าง ก็จะไม่ดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ หากมีการสร้างการลบล้างก่อนการเปลี่ยนแปลง time_window_limit หรือ time_usage_window ซึ่งใช้อยู่ครั้งล่าสุด ระบบจะไม่ใช้การลบล้างนี้
ส่งการลบล้างหลายรายการได้แต่ระบบจะใช้รายการล่าสุดที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="2901725272378498025">เปิดใช้คำเตือนด้านความปลอดภัยสำหรับการติดธงบรรทัดคำสั่ง</translation>
<translation id="2905984450136807296">อายุการใช้งานของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="2906874737073861391">รายการส่วนขยายของ AppPack</translation>
<translation id="2908277604670530363">จำนวนสูงสุดของการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกัน</translation>
<translation id="291853569864365550">ไม่แสดงการแนะนำเนื้อหาในหน้า "แท็บใหม่"</translation>
<translation id="2919544577647246857">กำหนดรายชื่อผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ระบบอุปกรณ์ โดยใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_FORMAT" /> เช่น <ph name="USER_WHITELIST_ENTRY_EXAMPLE" /> หากต้องการอนุญาตผู้ใช้ใดก็ได้ในโดเมน ให้ใช้รูปแบบ <ph name="USER_ALLOWLIST_ENTRY_WILDCARD" />
หากไม่กำหนดค่านโยบายนี้ ก็จะไม่มีการจำกัดผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้ โปรดทราบว่าการสร้างผู้ใช้ใหม่ยังคงต้องมีการกำหนดค่าของนโยบาย <ph name="DEVICE_ALLOW_NEW_USERS_POLICY_NAME" /> อย่างเหมาะสม
หากมีการเปิดใช้ <ph name="DEVICE_FAMILY_LINK_ACCOUNTS_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ระบบจะอนุญาตให้เพิ่มผู้ใช้ Family Link นอกเหนือจากบัญชีที่ระบุไว้ในนโยบายนี้</translation>
<translation id="2921222258441684334">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์ติดตามสถานที่ตั้งจริงของผู้ใช้เป็นสถานะเริ่มต้นได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการติดตามนี้โดยค่าเริ่มต้น คุณตั้งค่านี้ได้เพื่อถามทุกครั้งที่เว็บไซต์ต้องการติดตามสถานที่ตั้งจริงของผู้ใช้
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่านโยบาย <ph name="ASK_GEOLOCATION_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="2940127076681735544">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น URL ที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="SITELIST_POLICY_NAME" />
การไม่ได้ตั้งค่านโยบาย (หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง) หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์
หมายเหตุ: นโยบายนี้ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="2947111924404450461">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="NATIVE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> และ <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" />
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="2949765875529121431">การตั้งค่านโยบายจะเป็นการระบุรายชื่อโฮสต์ที่ได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบนโยบาย HSTS ที่อาจอัปเกรดคำขอจาก http เป็น https นโยบายนี้อนุญาตเฉพาะชื่อโฮสต์ที่ติดป้ายกำกับป้ายเดียวเท่านั้น ชื่อโฮสต์ต้องกำหนดเป็น Canonical ซึ่งหมายความว่าต้องแปลง IDN ทั้งหมดเป็นรูปแบบ A-label และตัวอักษร ASCII ทั้งหมดต้องเป็นตัวพิมพ์เล็ก นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้บางรายการเท่านั้น ไม่ใช่กับโดเมนย่อยของชื่อที่ระบุ</translation>
<translation id="2952347049958405264">ข้อจำกัด:</translation>
<translation id="2957047180944828740">ระบุว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยส่งคำขอไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าหรือไม่</translation>
<translation id="2957506574938329824">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธผ่าน Web Bluetooth API</translation>
<translation id="2957513448235202597">ประเภทบัญชีสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ <ph name="HTTP_NEGOTIATE" /></translation>
<translation id="2959469725686993410">ส่งจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation>
<translation id="2959898425599642200">กฎการข้ามพร็อกซี</translation>
<translation id="2960013482187484833">ใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้ล่าสุดเป็นตัวเลือกเริ่มต้นในตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="2960128438010718932">กำหนดการใช้อัปเดตใหม่แบบทีละขั้น</translation>
<translation id="2960691910306063964">เปิดหรือปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ใช้ PIN สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="2964373560810620158">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="2969797921412053304">นโยบายนี้กำหนดค่าว่า URL ใดจะได้รับสิทธิ์ให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลของข้อมูลประจำตัวของอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของ SAML ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
กล่าวโดยละเอียดคือ หาก URL ตรงกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่จัดเตรียมไว้ให้ผ่านนโยบายนี้ URL ดังกล่าวจะได้รับส่วนหัวแบบ HTTP ซึ่งมีการตอบสนองต่อภารกิจตามเอกสารรับรองระยะไกล ข้อมูลประจำตัวของอุปกรณ์รับรอง และสถานะของอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า จะไม่มี URL ได้รับอนุญาตให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
URL ต้องมีรูปแบบ HTTPS เช่น "https://example.com"
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="2985927503455169394">ใช้โหมดเริ่มต้นของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="2987155890997901449">เปิดใช้ ARC</translation>
<translation id="2987227569419001736">ควบคุมการใช้ Web Bluetooth API</translation>
<translation id="2988481278211008583">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า ค่าของคีย์ไฟล์ Manifest <ph name="REQUIRED_PLATFORM_VERSION" /> ของแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 จะใช้เป็นคำนำหน้าเวอร์ชันเป้าหมายการอัปเดตอัตโนมัติ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า ระบบจะไม่สนใจคีย์ไฟล์ Manifest ของ <ph name="REQUIRED_PLATFORM_VERSION" /> และการอัปเดตอัตโนมัติจะดำเนินการไปตามปกติ
คำเตือน: อย่ามอบสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับแอปคีออสก์ เพราะอาจขัดขวางไม่ให้อุปกรณ์ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการแก้ไขด้านความปลอดภัยที่สำคัญ การมอบสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อาจทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยง</translation>
<translation id="299519952839316970">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 88 และไม่รองรับเซสชันสาธารณะอีกต่อไป โปรดใช้ <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNTS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแทน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการจะทำงานตามลักษณะที่บันทึกไว้ใน https://support.google.com/chrome/a/answer/3017014 - "เซสชันสาธารณะ" มาตรฐาน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า เซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการจะใช้ลักษณะการทำงานของ "เซสชันที่มีการจัดการ" ซึ่งจะยกเลิกข้อจำกัดจำนวนมากที่มีอยู่ใน "เซสชันสาธารณะ" ทั่วไป
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation>
<translation id="2999597974578784672">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ตั้งค่าคุกกี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
โปรดดูนโยบาย <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_SESSIONS_ONLY_FOR_URLS" /> ด้วย โปรดทราบว่ารูปแบบ URL ของนโยบายทั้งสามนี้จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะไม่มีการระบุว่านโยบายใดจะมีความสำคัญสูงกว่า
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="3001285126226650303">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดนโยบายทดลอง
คำเตือน: นโยบายทดลองไม่ได้มาพร้อมการสนับสนุนและอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือถูกนำออกโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบสำหรับเวอร์ชันในอนาคตของเบราว์เซอร์
นโยบายทดลองอาจยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรือยังมีข้อบกพร่องที่ทราบแล้วหรือยังไม่ทราบ ระบบอาจเปลี่ยนแปลงหรือนำนโยบายออกโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบ การเปิดใช้นโยบายทดลองอาจทำให้คุณสูญเสียข้อมูลในเบราว์เซอร์หรือทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของคุณ
หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เวอร์ชันเบต้าและเวอร์ชันเสถียรจะไม่สนใจค่าของนโยบาย
หากนโยบายอยู่ในรายการและยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ระบบจะใช้ค่าของนโยบาย
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อนโยบายที่เปิดตัวไปแล้ว</translation>
<translation id="3016255526521614822">อนุญาตพิเศษให้แอปสำหรับจดโน้ตแสดงในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3020953534071988875">การกำหนดค่านโยบายนี้จะอนุญาต/ไม่อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับโปรไฟล์ที่ไม่ระบุตัวตนและโปรไฟล์ผู้เยี่ยมชมใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์คือการตรวจสอบสิทธิ์ http ด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบเริ่มต้นหากไม่ได้ระบุข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ชัดแจ้งผ่านรูปแบบคำถาม/คำตอบแบบ NTLM/Kerberos/Negotiate
การตั้งค่าเป็น <ph name="REGULAR_ONLY_OPTION_NAME" /> (ค่า 0) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันปกติเท่านั้น เซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันผู้เยี่ยมชมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์
การตั้งค่าเป็น <ph name="INCOGNITO_AND_REGULAR_OPTION_NAME" /> (ค่า 1) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันไม่ระบุตัวตนและเซสชันปกติ เซสชันผู้เยี่ยมชมจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์
การตั้งค่าเป็น <ph name="GUEST_AND_REGULAR_OPTION_NAME" /> (ค่า 2) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับเซสชันผู้เยี่ยมชมและเซสชันปกติ เซสชันไม่ระบุตัวตนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์
การตั้งค่าเป็น <ph name="ALL_OPTION_NAME" /> (ค่า 3) จะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับทุกเซสชัน
โปรดทราบว่าระบบจะอนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในโปรไฟล์ปกติเสมอ
ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 81 ขึ้นไป หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์เฉพาะในเซสชันปกติ</translation>
<translation id="3021288356473993647">นโยบายนี้ควบคุมการตรวจสอบ URL แบบเรียลไทม์เพื่อระบุ URL ที่เป็นอันตราย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ระบบจะใช้การตรวจสอบกับ Google Safe Browsing สำหรับผู้บริโภค การตรวจสอบกับ Google Safe Browsing สำหรับผู้บริโภคยังคงรวมการค้นหาแบบเรียลไทม์ได้อยู่ โดยขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า "ปรับปรุงการค้นหาและการท่องเว็บให้ดียิ่งขึ้น" และค่าของนโยบาย UrlKeyedAnonymizedDataCollectionEnabled
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะส่ง URL ไปสแกนแบบเรียลไทม์ตามข้อกำหนดในการให้บริการขององค์กร ซึ่งจะทำให้ Chrome ส่ง URL ไปยัง Google Cloud หรือบุคคลที่สามที่คุณเลือกเพื่อตรวจสอบ URL เหล่านั้นแบบเรียลไทม์ ระบบจะปิดการค้นหาแบบเรียลไทม์ของ Google Safe Browsing เวอร์ชันสำหรับผู้บริโภค
นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation>
<translation id="3021562480854470924">อนุญาตให้มีจุดการย้อนกลับ</translation>
<translation id="3023572080620427845">URL ของไฟล์ XML ที่มี URL ที่จะโหลดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="3025855836862205995">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายจะระบุส่วนขยายที่ผู้ใช้ติดตั้งไม่ได้ ส่วนขยายที่ห้ามไว้แต่ติดตั้งไปแล้วจะปิดไป และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้อีก ถ้านำส่วนขยายที่ห้ามไว้ออกจากรายการที่บล็อก ส่วนขยายนั้นจะเปิดใช้อีกครั้งโดยอัตโนมัติ ใช้ค่า <ph name="ALL_EXTENSIONS" /> เพื่อห้ามใช้ส่วนขยายทั้งหมด ยกเว้นส่วนขยายที่อนุญาตไว้อย่างชัดแจ้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะติดตั้งส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3026740867910702435">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้นแต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3028296787914825213">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
* หากเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> (ค่า 0) <ph name="BULK_PRINTERS_BLACKLIST" /> จะจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้
* หากเลือก <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> ไว้ <ph name="BULK_PRINTERS_WHITELIST" /> (ค่า 1) จะระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้
* <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> (ค่า 2) แสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="3030000825273123558">เปิดใช้งานการรายงานเมตริก</translation>
<translation id="3038323923255997294">เรียกใช้แอปพลิเคชันพื้นหลังต่อไปเมื่อปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3041887182529293512">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะแสดงคำแนะนำเนื้อหาซึ่งสร้างโดยอัตโนมัติในหน้าแท็บใหม่ โดยอิงจากประวัติการท่องเว็บ ความสนใจ หรือตำแหน่งของผู้ใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะป้องกันไม่ให้คำแนะนำเนื้อหาซึ่งสร้างโดยอัตโนมัติแสดงในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="3046192273793919231">ส่งแพ็กเก็ตเครือข่ายไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อติดตามดูสถานะการออนไลน์</translation>
<translation id="3047732214002457234">ควบคุมวิธีที่การทำความสะอาด Chrome รายงานข้อมูลไปยัง Google</translation>
<translation id="3048744057455266684">หากนโยบายนี้ถูกตั้งค่าไว้และ URL ค้นหาที่แถบอเนกประสงค์แนะนำมีพารามิเตอร์นี้ในสตริงข้อความค้นหาหรือในตัวระบุชิ้นส่วน คำแนะนำจะแสดงคำค้นหาและผู้ให้บริการค้นหาแทน URL ค้นหาดิบ
นโยบายนี้ไม่บังคับ หากไม่ตั้งค่านโยบาย จะไม่มีการแทนที่คำค้นหา
นโยบายนี้มีผลต่อเมื่อเปิดใช้งานนโยบาย "DefaultSearchProviderEnabled"</translation>
<translation id="3049115011983576556">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
สำหรับรูปแบบ URL ที่ไม่ตรงกับนโยบาย <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> (หากมีการจับคู่) <ph name="DEFAULT_SERIAL_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีความสำคัญเหนือกว่าตามลำดับข้างต้น
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="SERIAL_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="3053265701996417839">Microsoft Windows 7</translation>
<translation id="3066446511111537292">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่เชื่อมโยงของอุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB</translation>
<translation id="3072045631333522102">โปรแกรมรักษาหน้าจอที่จะใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ในโหมดปลีก</translation>
<translation id="3072788420987305247">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะแสดงตัวควบคุมสื่อในหน้าจอล็อกในกรณีที่ผู้ใช้ล็อกอุปกรณ์เมื่อสื่อกำลังเล่นอยู่
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะเปิดตัวควบคุมสื่อเมื่อหน้าจอล็อกปิดอยู่</translation>
<translation id="3072847235228302527">ตั้งข้อกำหนดในการให้บริการสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="3086995894968271156">กำหนดค่า Cast Receiver ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3091832372132789233">ชาร์จแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟภายนอกเป็นหลัก</translation>
<translation id="3092059499596000593">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นตัวเลือกเริ่มต้นในตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="309416443108680956">ระบุสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่านโทเค็นความปลอดภัย (เช่น ด้วยสมาร์ทการ์ด) นำโทเค็นดังกล่าวออกขณะอยู่ในเซสชัน <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_IGNORE" />: ไม่มีอะไรเกิดขึ้น <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOCK" />: หน้าจอจะล็อกจนกว่าผู้ใช้จะตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_LOGOUT" />: เซสชันจะสิ้นสุดและนำผู้ใช้ออกจากระบบ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ <ph name="SECURITY_TOKEN_SESSION_BEHAVIOR_IGNORE" /> เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="3096595567015595053">รายการปลั๊กอินที่เปิดใช้งาน</translation>
<translation id="3101501961102569744">เลือกวิธีระบุการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="3101709781009526431">วันที่และเวลา</translation>
<translation id="3102177185340515316">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_FILE_DOWNLOADED_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีการดาวน์โหลดไฟล์ใน Chrome
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งไฟล์สำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการดาวน์โหลดไฟล์จากหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับไฟล์นั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์ที่ดาวน์โหลด ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์นั้นทันที
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_PASSWORD_PROTECTED_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตไฟล์ที่มีการป้องกันด้วยรหัสผ่าน
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_LARGE_FILES_FIELD" /> จะควบคุมให้ Chrome บล็อกหรืออนุญาตให้วิเคราะห์ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เกินไป (50 MB ขึ้นไป)
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ช่องข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ช่อง learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ช่องภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ช่องภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ช่องแท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจไม่มีรายการย่อยเลยหรือมีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีช่องข้อความและช่องแท็กที่ไม่เว้นว่างไว้
นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation>
<translation id="3110248563985502478">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะใช้ปลั๊กอินเก่าเป็นปลั๊กอินปกติ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการใช้ปลั๊กอินเก่า
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่าระบบจะขออนุญาตผู้ใช้เพื่อเรียกใช้ปลั๊กอินเก่า</translation>
<translation id="3117676313396757089">คำเตือน: ระบบจะนำ DHE ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยสมบูรณ์หลังจากเวอร์ชัน 57 (ประมาณเดือนกันยายน 2017) จากนั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False จะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE ใน TLS มิเช่นนั้น อาจตั้งค่าเป็น True เพื่อเปิดใช้ชุดเข้ารหัส DHE และรักษาความเข้ากันได้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ล้าสมัย ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวและควรกำหนดค่าเซิร์เวอร์อีกครั้ง
ควรย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปยังชุดเข้ารหัส ECDHE แต่หากไม่มี ให้ตรวจสอบว่าเปิดใช้ชุดเข้ารหัสที่ใช้กลไกการแลกเปลี่ยนคีย์ RSA อยู่</translation>
<translation id="3122082892722698079">ควบคุมการใช้ข้อยกเว้นเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="3142410959002029864">การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างโหมดการพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้</translation>
<translation id="3143265893557969814">หากตั้งค่านโยบายนี้ ประเภทข้อมูลที่ระบุไว้ทั้งหมดจะถูกยกเว้นจากการซิงค์ข้อมูลทั้งสำหรับ Google Sync และการซิงค์ข้อมูลโปรไฟล์โรมมิ่ง วิธีนี้อาจช่วยลดขนาดของโปรไฟล์โรมมิ่งหรือจำกัดประเภทข้อมูลที่อัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์ Google Sync
ประเภทข้อมูลปัจจุบันของนโยบายนี้ ได้แก่ "bookmarks", "preferences", "passwords", "autofill", "themes", "typedUrls", "extensions", "apps", "tabs", "wifiConfigurations" โดยชื่อประเภทข้อมูลเหล่านี้จะคำนึงถึงตัวพิมพ์เล็กหรือใหญ่</translation>
<translation id="3144173889708944482">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="3152425128389603870">ทำให้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอพร้อมใช้งานและเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="3159375329008977062">อนุญาตให้ผู้ใช้ส่งออก/นำเข้าคอนเทนเนอร์ Crostini ผ่าน UI</translation>
<translation id="3165808775394012744">เรารวมนโยบายเหล่านี้ไว้ที่นี่เพื่อให้นำออกได้ง่ายๆ</translation>
<translation id="3166210414652928099">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation>
<translation id="316778957754360075">การตั้งค่านี้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 29 วิธีที่แนะนำในการตั้งค่าคอลเล็กชันส่วนขยาย/แอปที่โฮสต์โดยองค์กรคือการรวมไซต์ที่โฮสต์แพ็กเกจ CRX ใน ExtensionInstallSources และการวางลิงก์ดาวน์โหลดโดยตรงไปยังแพ็กเกจบนหน้าเว็บ ตัวเรียกใช้งานสำหรับหน้าเว็บนั้นสามารถถูกสร้างขึ้นโดยใช้นโยบาย ExtensionInstallForcelist</translation>
<translation id="3168303368727724798">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="3168968618972302728">นโยบายเกี่ยวกับการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos</translation>
<translation id="3171369832001535378">เทมเพลตชื่อโฮสต์เครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="3176903288465566098">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์อยู่แล้วจะส่ง/รับการแจ้งเตือนของโทรศัพท์ใน Chrome OS ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ หากปิดใช้นโยบาย PhoneHubAllowed ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เช่นกัน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation>
<translation id="3177802893484440532">ต้องใช้การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์สำหรับ Trust Anchor ในพื้นที่</translation>
<translation id="3184161739683646075">ควบคุมโหมด DNS-over-HTTPS</translation>
<translation id="3185009703220253572">ตั้งแต่รุ่น <ph name="SINCE_VERSION" /></translation>
<translation id="3187220842205194486">แอป Android ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงกุญแจขององค์กร นโยบายนี้ไม่มีผลต่อกุญแจเหล่านั้น</translation>
<translation id="3192902750888034827">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NEW_TAB_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้เพื่อจัดเตรียมหน้าแท็บใหม่
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_NEW_TAB_URL_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีการจัดเตรียมหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="3195103497550111266">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="DEVICE_LTS_TAG_VALUE" /> จะอนุญาตให้อุปกรณ์รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับ LTS (การสนับสนุนระยะยาว)</translation>
<translation id="3196585866522778760">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว โดยกำหนดค่าการตอบสนองแยกต่างหากได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="3205649498518960697">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม (เช่น เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ที่บล็อกได้ (เช่น แบบแอ็กทีฟ) และที่ระบบจะปิดใช้การอัปเกรดเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะบล็อกเนื้อหาผสมที่บล็อกได้ ส่วนเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้จะได้รับการอัปเกรด และผู้ใช้จะตั้งค่าข้อยกเว้นให้แสดงเนื้อหาดังกล่าวในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="3205825995289802549">ขยายขนาดหน้าต่างเบราว์เซอร์บานแรกให้ใหญ่ที่สุดเมื่อเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="3206959584699016689">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่เข้าถึงเซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SENSORS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
หากมีรูปแบบ URL เดียวกันอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SENSORS_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์แสงจะถูกบล็อก
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="3210408472559816322">การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ระบบไม่ควรโหลด ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โหลดโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ติดตั้งไว้ทั้งหมด</translation>
<translation id="3211426942294667684">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="3219421230122020860">โหมดไม่ระบุตัวตนพร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3220624000494482595">หากแอปคีออสก์เป็นแอป Android แอปจะไม่มีสิทธิ์ควบคุมเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แม้ว่าจะตั้งนโยบายนี้เป็น <ph name="TRUE" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="322359555555487980">กำหนดความพร้อมใช้ของรูปแบบต่างๆ ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3231837273069128027">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่าความพร้อมใช้งานและลักษณะการทำงานของการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" />
ระบุการตั้งค่าแต่ละรายการในคุณสมบัติของ JSON ได้ดังนี้
* <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH" />: หากตั้งค่าเป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_POWERWASH_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอน Powerwash เพื่อติดตั้งการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ได้
* <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE" /> (มีให้ใช้งานใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 68 เป็นต้นไป): หากตั้งค่าเป็น <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_ALLOW_USER_INITIATED_PRESERVE_DEVICE_STATE_TRUE" /> ผู้ใช้จะเรียกใช้ขั้นตอนการอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่รักษาสถานะของทั้งอุปกรณ์ (รวมถึงการลงทะเบียนองค์กร) ไว้ได้ แต่จะเสียข้อมูลผู้ใช้
* <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_AUTO_UPDATE_MODE" /> (มีให้ใช้งานใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 75 เป็นต้นไป): ควบคุมลักษณะการบังคับใช้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> แบบอัตโนมัติกับเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ที่มีความเสี่ยง ทุกขั้นตอนจะรักษาสถานะของอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกันไว้ หากตั้งค่าเป็น
* 1 หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการบังคับใช้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" />
* 2 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตเมื่อรีบูตครั้งถัดไปหลังจากที่ผู้ใช้รับทราบการอัปเดต
* 3 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตเมื่อรีบูตครั้งถัดไป
* 4 เฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> จะอัปเดตหลังการลงทะเบียน ก่อนที่ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /> ไม่พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3232691106293445015">การเชื่อมต่อผ่าน HTTP ที่ไม่ปลอดภัยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" /> ต้องใช้ HTTPS</translation>
<translation id="3234647080363107863">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_BULK_DATA_ENTRY_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อมีการป้อนข้อมูลใน Chrome จากคลิปบอร์ดหรือผ่านการลากและวางเนื้อหาเว็บ
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_URL_LIST_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAGS_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_ENABLE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_DISABLE_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อควรส่งข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์หรือไม่เมื่อมีการป้อนข้อมูลจากหน้าหนึ่งๆ และแท็กใดที่จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์สำหรับข้อมูลนั้น แท็กที่สอดคล้องกับรูปแบบ "เปิดใช้" จะรวมอยู่ในคำขอการวิเคราะห์หาก URL ของหน้าตรงกับรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับแท็กดังกล่าวตราบใดที่ไม่มีรูปแบบ "ปิดใช้" ที่มีแท็กเดียวกันนั้นตรงกับ URL ของหน้า การวิเคราะห์จะเกิดขึ้นหากมีอย่างน้อย 1 แท็กในคำขอ
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการวิเคราะห์ใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_BLOCK_UNTIL_VERDICT_FIELD" /> ที่ตั้งไว้เป็น 1 หมายความว่า Chrome จะรอให้มีการตอบสนองจากบริการการวิเคราะห์ก่อนให้สิทธิ์หน้าในการเข้าถึงข้อมูล ค่าที่เป็นจำนวนเต็มอื่นๆ หมายความว่า Chrome จะให้สิทธิ์หน้าในการเข้าถึงข้อมูลโดยทันที
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MINIMUM_DATA_SIZE" /> ระบุขนาดขั้นต่ำ (หน่วยเป็นไบต์) ซึ่งข้อมูลที่ป้อนใน Chrome ต้องเท่ากับหรือเกินค่านี้จึงจะได้รับการสแกน ค่าเริ่มต้นคือ 100 ไบต์หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_REQUIRE_JUSTIFICATION_TAGS_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดว่าเครื่องมือเชื่อมต่อต้องกำหนดให้ผู้ใช้ป้อนเหตุผลสำหรับแท็กใดเพื่อข้ามการสแกนที่ทำให้เกิดคำเตือนแบบข้ามได้ หากไม่ได้ตั้งค่าช่องนี้ ระบบจะถือว่าไม่จำเป็นต้องป้อนเหตุผล
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_CUSTOM_MESSAGES_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_MESSAGE_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LEARN_MORE_URL_FIELD" />, <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_LANGUAGE_FIELD" /> และ <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_TAG_FIELD" /> ใช้เพื่อกำหนดค่าข้อความที่จะแสดงแก่ผู้ใช้เมื่อมีคำเตือนปรากฏขึ้นหลังจากที่การสแกนตรวจพบการละเมิด ช่องข้อความมีข้อความที่จะแสดงต่อผู้ใช้และต้องมีความยาวไม่เกิน 200 อักขระ ช่อง learn_more_url มี URL จากผู้ดูแลระบบ ซึ่งผู้ใช้สามารถคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกค้าเกี่ยวกับเหตุผลที่การดำเนินการถูกบล็อก ช่องภาษาจะมีหรือไม่มีก็ได้และจะมีภาษาของข้อความ ช่องภาษาที่เว้นว่างไว้หรือมีค่าเป็น "ค่าเริ่มต้น" จะระบุข้อความที่จะใช้เมื่อภาษาของผู้ใช้ไม่มีข้อความ ช่องแท็กจะระบุประเภทการสแกนที่จะมีการแสดงข้อความ รายการ custom_messages อาจไม่มีรายการย่อยเลยหรือมีรายการย่อยเพิ่มเติม โดยที่รายการย่อยแต่ละรายการจำเป็นต้องมีช่องข้อความและช่องแท็กที่ไม่เว้นว่างไว้
นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation>
<translation id="3236046242843493070">รูปแบบ URL ที่อนุญาตส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และการติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้จาก</translation>
<translation id="3240609035816615922">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์</translation>
<translation id="324062325008698789">กำหนดค่ารายการเครื่องพิมพ์</translation>
<translation id="3240655340884151271">ที่อยู่ MAC ของ NIC ในตัวของแท่นชาร์จ</translation>
<translation id="3242756958360374888">มีรายการของรูปแบบที่ใช้ในการควบคุมการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
บัญชี Google แต่ละบัญชีในอุปกรณ์จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบที่จัดเก็บไว้ในนโยบายนี้ เพื่อกำหนดการเปิดเผยบัญชีใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระบบจะเปิดเผยบัญชีหากชื่อบัญชีตรงกับรูปแบบใดๆ ในหน้ารายการ แต่หากไม่ตรงกัน ระบบจะซ่อนบัญชีไว้
ใช้อักขระ "*" ที่เป็นสัญลักษณ์แทนเพื่อจับคู่อักขระ 0 หรืออักขระอื่นๆ ที่กำหนดเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นหากต้องการจับคู่อักขระ "*" หรือ "\" จริง ต้องใส่ "\" ไว้หน้าอักขระเหล่านั้นด้วย
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ บัญชี Google ทั้งหมดในอุปกรณ์จะแสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3251500716404598358">กำหนดค่านโยบายเพื่อสลับระหว่างเบราว์เซอร์
เว็บไซต์ที่กำหนดค่าไว้จะเปิดในเบราว์เซอร์อื่นแทน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3255624750680556186">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ทริกเกอร์ Powerwash ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ทริกเกอร์ Powerwash ไม่ได้ อาจเกิดข้อยกเว้นให้ทำ Powerwash ได้หากตั้งค่า <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_SETTINGS_NAME" /> เป็นค่าที่อนุญาตให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ TPM แต่เฟิร์มแวร์ TPM ยังไม่ได้รับการอัปเดต</translation>
<translation id="3255762580838224124">การตั้งค่านโยบายจะมีการหมุนจอแสดงผลแต่ละจอไปตามการวางแนวที่กำหนดทุกครั้งที่รีบูตและเมื่อเชื่อมต่อเป็นครั้งแรกหลังจากเปลี่ยนค่าของนโยบาย ผู้ใช้อาจเปลี่ยนการหมุนจอแสดงผลได้จากหน้าการตั้งค่าหลังจากลงชื่อเข้าใช้ แต่จะมีการเปลี่ยนเมื่อรีบูตครั้งถัดไป นโยบายนี้จะใช้กับจอแสดงผลหลักและรอง
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ค่าเริ่มต้นจะเป็น 0 องศา และผู้ใช้เปลี่ยนค่าได้ตามต้องการ ในกรณีนี้ ระบบจะไม่ใช้ค่าเริ่มต้นซ้ำเมื่อรีสตาร์ท</translation>
<translation id="325883417142483505">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดรายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กร (โปรโตคอล HTTP และ HTTPS เท่านั้น) บริการปกป้องรหัสผ่านจะบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใน URL เหล่านี้และนำไปใช้เพื่อตรวจหาการใช้รหัสผ่านซ้ำ โปรดตรวจสอบว่าหน้าลงชื่อเข้าใช้เป็นไปตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ (https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms) เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านได้อย่างถูกต้อง
การปิดการตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าบริการปกป้องรหัสผ่านจะบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใน https://accounts.google.com เท่านั้น
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="3264793472749429012">การเข้ารหัสของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="3273221114520206906">การตั้งค่า JavaScript เริ่มต้น</translation>
<translation id="328347261792478720">โดยค่าเริ่มต้น เบราว์เซอร์จะแสดงคำแนะนำสื่อที่มีการปรับเปลี่ยนในแบบของผู้ใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบซ่อนคำแนะนำเหล่านี้ไม่ให้ผู้ใช้เห็น การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ระบบแสดงคำแนะนำสื่อต่อผู้ใช้</translation>
<translation id="3284094172359247914">ควบคุมการใช้ WebUSB API</translation>
<translation id="3288595667065905535">ช่องเผยแพร่</translation>
<translation id="3294430356898755483">การตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบตั้งค่ารายการเครื่องพิมพ์สำหรับผู้ใช้ได้ การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์
นโยบายนี้ใช้ในการดำเนินการต่อไปนี้
* ปรับแต่ง <ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> ซึ่งมีรูปแบบอิสระเพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น
* ช่วยผู้ใช้ระบุเครื่องพิมพ์โดยใช้ <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" />
* <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากเครื่องไคลเอ็นต์ รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" />
* ระบุ <ph name="PRINTER_UUID" /> เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก หากต้องการ
* ใช้ชื่อรุ่นสำหรับ <ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> หรือจะตั้งค่า <ph name="PRINTER_AUTOCONF" /> เป็น "จริง" ก็ได้ ระบบจะเพิกเฉยต่อเครื่องพิมพ์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการหรือไม่มีเลย
ระบบจะดาวน์โหลด PPD หลังการใช้งานเครื่องพิมพ์ และแคช PPD ที่ใช้บ่อยไว้ นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย <ph name="MS_AD_NAME" /> นโยบายนี้รองรับการขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> เป็นชื่อเครื่อง <ph name="MS_AD_NAME" /> หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบจะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> ตำแหน่งจะเริ่มนับจากศูนย์
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="3295118731207421797">นโยบายนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบระบุว่าหน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะอนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่อนุญาตให้หน้าเว็บส่งคำขอ XHR พร้อมกันในระหว่างการปิดหน้าเว็บ
เราจะนำนโยบายนี้ออกใน Chrome 88
โปรดดู https://www.chromestatus.com/feature/4664843055398912</translation>
<translation id="3302829897293005699">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์ที่ใช้งานอยู่ เช่น รหัสและเวอร์ชันของแอปพลิเคชัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลเซสชันคีออสก์</translation>
<translation id="3303911765031636277">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับ OnFileAttached Chrome Enterprise Connector</translation>
<translation id="3304662785258434098">ช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าจะให้ผู้ใช้เพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตเนื้อหาผสมในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้หรือไม่
นโยบายนี้จะถูกลบล้างสำหรับรูปแบบ URL ที่เจาะจงได้โดยใช้นโยบาย "InsecureContentAllowedForUrls" และ "InsecureContentBlockedForUrls"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะสามารถเพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตเนื้อหาผสมที่บล็อกได้และปิดใช้การอัปเกรดอัตโนมัติสำหรับเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้</translation>
<translation id="3308724602356134956">หากคุณตั้งค่านโยบาย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์ที่คุณตั้งค่าไว้เป็นพื้นหลังของเดสก์ท็อปของผู้ใช้และหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ระบุ URL (ที่เข้าถึงได้โดยไม่ต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์) ซึ่ง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์ รวมถึงแฮชแบบเข้ารหัส (เป็นรูปแบบ JPEG ที่มีขนาดไฟล์ไม่เกิน 16 MB) ได้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกรูปภาพสำหรับพื้นหลังของเดสก์ท็อปและหน้าจอลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3312206664202507568">เปิดใช้หน้าใน chrome://password-change ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ SAML เปลี่ยนรหัสผ่าน SAML ของตนขณะอยู่ในเซสชัน ซึ่งจะดูแลให้รหัสผ่าน SAML และรหัสผ่านหน้าจอล็อกอุปกรณ์ซิงค์กัน
นโยบายนี้ยังเปิดใช้การแจ้งเตือนที่เตือนผู้ใช้ SAML หากรหัสผ่าน SAML ใกล้จะหมดอายุ เพื่อให้ผู้ใช้จัดการเรื่องนี้ทันทีด้วยการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชัน
แต่การแจ้งเตือนเหล่านี้จะแสดงเมื่อผู้ให้บริการข้อมูลประจำตัว SAML ส่งข้อมูลการหมดอายุของรหัสผ่านไปยังอุปกรณ์ระหว่างขั้นตอนการเข้าสู่ระบบ SAML เท่านั้น
หากมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงหรือลบล้างนโยบายไม่ได้</translation>
<translation id="332771718998993005">กำหนดชื่อที่โฆษณาเป็นปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า ระบบจะใช้สตริงนั้นเป็นชื่อปลายทางของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> มิเช่นนั้นชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ชื่อปลายทางจะเป็นชื่ออุปกรณ์ และเจ้าของอุปกรณ์ (หรือผู้ใช้จากโดเมนที่จัดการอุปกรณ์) จะได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อ ชื่อต้องมีความยาวไม่เกิน 24 อักขระ</translation>
<translation id="3339271789059866414">กำหนดค่าความพร้อมใช้งานของบริการพร็อกซีของระบบและข้อมูลเข้าสู่ระบบของพร็อกซีสำหรับบริการของระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย บริการพร็อกซีของระบบจะใช้งานไม่ได้</translation>
<translation id="3348799281602260763">หากเปิดใช้ การเชื่อมต่อแบบเพียร์ WebRTC จะดาวน์เกรดเป็นโปรโตคอล TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย (DTLS 1.0, TLS 1.0 และ TLS 1.1) ได้
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้เวอร์ชัน TLS/DTLS เหล่านี้
นโยบายนี้เป็นแบบชั่วคราวและระบบจะนำออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันในอนาคต</translation>
<translation id="3356657927302977341">กำหนดค่าว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใน Linux ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิมหรือไม่
หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะได้รับอนุญาตให้ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิม
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้การแจ้งเตือนดั้งเดิม ระบบจะใช้ศูนย์ข้อความของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นวิธีสำรอง</translation>
<translation id="3360093276083825336">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนแสดงกล่องคำเตือนหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยพลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงกล่องคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่ากำลังจะเริ่มตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะไม่มีกล่องคำเตือนปรากฏขึ้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว
ข้อความเตือนจะแสดงต่อเมื่อการทำงานสำหรับการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือการปิดเครื่อง</translation>
<translation id="3367868895271989224">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด (แต่ละเว็บไซต์จะทำงานด้วยกระบวนการของตัวเอง) การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ปิดการแยกเว็บไซต์ แต่จะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกไม่ใช้ได้ (เช่น ด้วยการใช้ Disable site isolation (ปิดใช้การแยกเว็บไซต์) ใน chrome://flags)
<ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> อาจเป็นประโยชน์ในการปรับต้นทางให้เหมาะสมยิ่งขึ้นด้วย ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 76 และเวอร์ชันก่อนหน้า ให้ตั้งค่านโยบายด้านอุปกรณ์ <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /> ด้วยค่าเดียวกันนี้ (เนื่องจากหากค่าไม่ตรงกัน อาจเกิดความล่าช้าเมื่อเข้าสู่เซสชันของผู้ใช้)
หมายเหตุ: สำหรับ Android ให้ใช้นโยบาย <ph name="SITE_PER_PROCESS_ANDROID_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="3373381043600809954">เปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="3374587000313305002">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้มา โดยไม่คำนึงว่าผู้ใช้มีการระบุสถานะ "--user-data-dir" หรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียข้อมูลหรือข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิดอื่นๆ คุณไม่ควรตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นเพราะ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของตัวเอง
ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://support.google.com/chrome/a?p=Supported_directory_variables
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์เริ่มต้นและผู้ใช้จะลบล้างเส้นทางนี้ได้ด้วยการตั้งสถานะโดยใช้บรรทัดคำสั่ง "--user-data-dir"</translation>
<translation id="3378482432905539452">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่
ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะนำรายการปลั๊กอินที่ระบุมาใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ ผู้ใช้เปิดหรือปิดใช้ปลั๊กอินเหล่านั้นได้ใน "about:plugins" แม้ว่าปลั๊กอินนั้นจะตรงกับรูปแบบใน DisabledPlugins ก็ตาม นอกจากนี้ยังเปิดหรือปิดใช้ปลั๊กอินที่ไม่ตรงกับรูปแบบใดๆ ใน DisabledPlugins, DisabledPluginsExceptions และ EnabledPlugins ได้ด้วย
นโยบายนี้มีไว้เพื่ออนุญาตการขึ้นบัญชีดำปลั๊กอินที่เข้มงวดในกรณีที่รายการ "DisabledPlugins" มีรายการที่เป็นอักขระไวลด์การ์ด เช่น ปิดใช้ปลั๊กอินทั้งหมด "*" หรือปิดใช้ปลั๊กอิน Java ทั้งหมด "*Java*" แต่ผู้ดูแลระบบต้องการเปิดใช้ปลั๊กอินบางเวอร์ชัน เช่น "IcedTea Java 2.3" ก็ระบุเฉพาะปลั๊กอินเวอร์ชันนี้ในนโยบายได้
โปรดทราบว่าต้องยกเว้นทั้งชื่อปลั๊กอินและชื่อกลุ่มของปลั๊กอิน ปลั๊กอินแต่ละกลุ่มจะแสดงแยกกันคนละส่วนใน about:plugins และแต่ละส่วนมีปลั๊กอินได้มากกว่า 1 รายการ ตัวอย่างเช่น ปลั๊กอิน "Shockwave Flash" เป็นของกลุ่ม "Adobe Flash Player" และทั้ง 2 ชื่อต้องมีชื่อที่ตรงกันในรายการข้อยกเว้นหากจะยกเว้นปลั๊กอินดังกล่าวจากบัญชีดำ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะล็อกปลั๊กอินใดก็ตามที่ตรงกับรูปแบบใน "DisabledPlugins" เป็นปิดใช้และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้</translation>
<translation id="3381968327636295719">ใช้เบราว์เซอร์โฮสต์โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="3387211681524224831">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกประวัติการท่องเว็บ การซิงค์แท็บจะปิด และผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะบันทึกประวัติการท่องเว็บ</translation>
<translation id="3391457705621770207">การตั้งค่านโยบายจะระบุปริมาณเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ไม่มีกิจกรรมของผู้ใช้ก่อนการลงชื่อเข้าใช้บัญชีในอุปกรณ์ที่ระบุโดยนโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> โดยอัตโนมัติ
การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหมายความว่า ระยะหมดเวลาคือ 0 มิลลิวินาที
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVICE_LOCAL_ACCOUNT_AUTO_LOGIN_ID_POLICY_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้จะไม่มีผล</translation>
<translation id="3412937883532015092">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นตัวเลขจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อความเป็นมิลลิวินาทีตามจำนวนดังกล่าว จากนั้นจึงเปิดเบราว์เซอร์สำรอง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น 0 หมายความว่าการไปยัง URL ที่กำหนดจะเป็นการเปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรองทันที</translation>
<translation id="3415954062311826850">นโยบายนี้ไม่รองรับใน ARC</translation>
<translation id="34160070798637152">ควบคุมการกำหนดค่าเครือข่ายของทั้งอุปกรณ์</translation>
<translation id="3417130629744653218">อนุญาตให้เว็บไซต์ถามหาวิธีการชำระเงินที่พร้อมใช้งาน</translation>
<translation id="3417418267404583991">หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปิดใช้งานการลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือน การลงชื่อเข้าใช้ของผู้มาเยือนจะเป็นเซสชันผู้ใช้แบบไม่ระบุตัวตนและไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้เริ่มเซสชันของผู้มาเยือน</translation>
<translation id="3420141485959154417">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ในการค้นหารูปภาพ (หากตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> ไว้ คำขอค้นหารูปภาพจะใช้เมธอด POST แทน)
หากไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POLICY_NAME" /> จะไม่มีการใช้การค้นหารูปภาพ</translation>
<translation id="3428247105888806363">เปิดใช้งานการคาดการณ์เครือข่าย</translation>
<translation id="3432863169147125747">ควบคุมการตั้งค่าการพิมพ์</translation>
<translation id="3434053014926283175">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวาในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ปุ่มด้านขวาของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะสลับปุ่มได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3434932177006334880">ก่อน Chrome 42 การตั้งค่านี้เคยมีชื่อว่า EnableWebBasedSignin เราจะยกเลิกการสนับสนุนทั้งหมดของนโยบายนี้ใน Chrome 43
การตั้งค่านี้มีประโยชน์สำหรับลูกค้าที่เป็นองค์กรซึ่งใช้โซลูชัน SSO ที่ยังใช้ร่วมกับขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่ไม่ได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ในหน้าแบบใหม่เป็นค่าเริ่มต้น ผู้ใช้อาจยังเปิดใช้ขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่าได้โดยใช้สถานะบรรทัดคำสั่ง enable-web-based-signin
ในอนาคตจะมีการนำการตั้งค่าแบบทดลองนี้ออกเมื่อการลงชื่อเข้าใช้ในหน้ารองรับขั้นตอนการลงชื่อเข้าใช้ SSO ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์</translation>
<translation id="3435796032110614169">อนุญาตให้ลบประวัติงานพิมพ์</translation>
<translation id="3437924696598384725">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการการเชื่อมต่อ VPN</translation>
<translation id="3442269905344976871">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" เมื่อตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกล (DTC) ของ <ph name="WILCO_NAME" /> พร้อมให้ใช้งานในอุปกรณ์จะเป็นการเปิดการรวบรวม ประมวลผล และรายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลและการวินิจฉัย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ DTC ปิดไป ซึ่งส่งผลให้รวบรวม ประมวลผล หรือรายงานข้อมูลการวัดและส่งข้อมูลทางไกลและการวินิจฉัยจากอุปกรณ์ไม่ได้</translation>
<translation id="3450649825886735618">ไม่ใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation>
<translation id="3451951038162074887">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามแทรกโค้ดสั่งการลงในกระบวนการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้ซอฟต์แวร์นี้แทรกโค้ดดังกล่าวลงในกระบวนการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้
ไม่ว่าค่าของนโยบายนี้จะเป็นอะไร เบราว์เซอร์จะไม่บล็อกซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามไม่ให้แทรกโค้ดสั่งการลงในกระบวนการในเครื่องที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /></translation>
<translation id="3456292544936505775">นโยบายนี้ควบคุมช่วงเวลาที่ไม่อนุญาตให้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ด้วยช่วงเวลาที่ไม่ใช่รายการที่ว่างเปล่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้
อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตโดยอัตโนมัติไม่ได้ระหว่างช่วงเวลาที่ระบุ อุปกรณ์ที่ต้องย้อนกลับเวอร์ชันโดยองค์กรหรือมีเวอร์ชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต่ำกว่าขั้นต่ำจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้เพราะอาจมีปัญหาความปลอดภัย นอกจากนี้ นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตที่ผู้ใช้หรือผู้ดูแลระบบขอ
ตั้งแต่รุ่น M88 นโยบายนี้จะยกเลิกอัปเดตที่ดำเนินอยู่เมื่อถึงช่วงเวลาที่ถูกจำกัด อัปเดตอัตโนมัติครั้งถัดไปหลังจากที่ช่วงเวลาที่ถูกจำกัดสิ้นสุดลงจะดำเนินการอัปเดตต่อโดยอัตโนมัติ อุปกรณ์ที่อัปเดตเป็นเวอร์ชัน Quick Fix จะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ได้ใส่ช่วงเวลา สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้
นโยบายนี้จะไม่บล็อกการตรวจหาอัปเดตอัตโนมัติ แต่นโยบายอื่นๆ อาจบล็อกการตรวจหา
จนถึงรุ่น M88 ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้เฉพาะในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่กำหนดค่าเป็นคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติ นโยบายนี้ไม่ได้จำกัดอุปกรณ์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่รุ่น M89 จะมีการเปิดใช้นโยบายนี้ในอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทั้งหมด</translation>
<translation id="3459509316159669723">การพิมพ์</translation>
<translation id="3461279434465463233">รายงานสถานะพลังงาน</translation>
<translation id="3478024346823118645">ล้างข้อมูลผู้ใช้เมื่อออกจากระบบ</translation>
<translation id="3480961938508521469">ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มด้วยอัตรามาตรฐาน</translation>
<translation id="348110646151632565">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="348495353354674884">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์เสมือน</translation>
<translation id="3485200437120267231">ปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3492834335089638487">นโยบายนี้ควบคุมการใช้งานแอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ (แหล่งที่ไม่ใช่ Google Play Store) สำหรับอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่าในนโยบายนี้ จะถือว่าตั้งค่าเป็นไม่อนุญาต
ความพร้อมใช้งานของฟังก์ชันนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องด้วย</translation>
<translation id="3496296378755072552">ตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="3498109920669229084">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุว่าส่วนขยายใดบ้างไม่ขึ้นอยู่กับรายการที่บล็อก
ค่า <ph name="ALL_EXTENSIONS" /> ในรายการที่บล็อกหมายความว่า ส่วนขยายทั้งหมดถูกบล็อก และผู้ใช้จะติดตั้งได้เฉพาะส่วนขยายที่ระบุไว้ในรายการที่อนุญาต
ส่วนขยายทั้งหมดได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น แต่ถ้าคุณห้ามส่วนขยายด้วยนโยบาย ให้ใช้รายการส่วนขยายที่อนุญาตเพื่อเปลี่ยนแปลงนโยบายนั้น</translation>
<translation id="3502555714327823858">อนุญาตโหมดพิมพ์ 2 ด้านทั้งหมด</translation>
<translation id="350443680860256679">กำหนดค่า ARC</translation>
<translation id="350797926066071931">เปิดใช้งานแปลภาษา</translation>
<translation id="3508047333410537654">เปิดใช้ฟีเจอร์เสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3509819648242653622">การตั้งค่านโยบายจะทำให้หน้าเว็บที่ใช้ URL ต้องห้ามโหลดขึ้นมาไม่ได้ โดยจะมีรายการรูปแบบ URL ที่ระบุ URL ต้องห้ามไว้ การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการห้าม URL ใดเลยในเบราว์เซอร์ ให้จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) คุณกำหนดข้อยกเว้นใน <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
เริ่มจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 73 เป็นต้นไป คุณจะบล็อก URL javascript://* ได้ แต่จะมีผลเฉพาะกับ JavaScript ที่พิมพ์ลงในแถบที่อยู่ (หรือ bookmarklet เป็นต้น) นโยบายนี้ไม่มีผลกับ URL JavaScript แบบในหน้าเว็บและมีการโหลดข้อมูลแบบไดนามิก ตัวอย่างเช่น หากคุณบล็อก example.com/abc ไว้ example.com จะยังคงโหลด example.com/abc โดยใช้ XMLHTTPRequest ได้
หมายเหตุ: การบล็อก URL chrome://* ซึ่งใช้ภายในอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด</translation>
<translation id="3513655665999652754">เซิร์ฟเวอร์ Quirks มีไฟล์การกำหนดค่าเฉพาะฮาร์ดแวร์ เช่น
โปรไฟล์การแสดง ICC เพื่อปรับการปรับเทียบจอภาพ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" อุปกรณ์จะไม่พยายามติดต่อเซิร์ฟเวอร์ Quirks เพื่อดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่า
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่กำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะติดต่อเซิร์ฟเวอร์ Quirks โดยอัตโนมัติและดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่าโดยอัตโนมัติ (หากมี) และเก็บไฟล์เหล่านั้นไว้ในอุปกรณ์ ระบบอาจใช้ไฟล์เหล่านั้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพของจอแสดงผลที่เชื่อมต่อกับจอภาพ</translation>
<translation id="3524204464536655762">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ผ่าน WebUSB API</translation>
<translation id="3526752951628474302">การพิมพ์ขาวดำเท่านั้น</translation>
<translation id="3528000905991875314">เปิดใช้งานหน้าเว็บแสดงข้อผิดพลาดสำรอง</translation>
<translation id="3531084733660068324">การตั้งค่าการควบคุมดูแลโดยผู้ปกครอง</translation>
<translation id="3536263244905016305">ปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ (WPAD)</translation>
<translation id="3539103206548425861">การตั้งค่านโยบายอนุญาตให้วิดีโอเล่นโดยอัตโนมัติ (โดยไม่ต้องมีคำยินยอมจากผู้ใช้) พร้อมเนื้อหาเสียงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" รูปแบบ URL ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะยังเล่นได้อยู่ หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="3540935459049973317">การจำกัดเวลาต่อแอป</translation>
<translation id="3547954654003013442">การตั้งค่าพร็อกซี</translation>
<translation id="3550122827225052130">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="SCREEN_LOCK_DELAYS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
วิธีที่แนะนำสำหรับการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวก็คือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="3550875587920006460">อนุญาตการตั้งค่ากำหนดการที่กำหนดเองเพื่อตรวจหาอัปเดต การตั้งค่านี้จะมีผลต่อผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์ เมื่อตั้งค่าแล้ว อุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตตามกำหนดการ คุณต้องนำนโยบายออกเพื่อยกเลิกการตรวจหาอัปเดตรายการอื่นๆ ที่กำหนดเวลาไว้</translation>
<translation id="355118380775352753">เว็บไซต์ที่จะเปิดในเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="3554498762428140109">เปิดใช้การตรวจหาการบังหน้าต่างในเครื่อง</translation>
<translation id="3554984410014457319">อนุญาตให้ Google Assistant คอยฟังข้อความการเปิดใช้งานด้วยเสียง</translation>
<translation id="3562741878192828370">รายการของประเภทไฟล์ที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ไม่ควรใส่ตัวคั่นข้างหน้าเมื่อระบุประเภทไฟล์ เช่น ให้ใช้ "txt" แทน ".txt"
ไฟล์ประเภทที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติยังจะต้องผ่านการตรวจสอบของ Google Safe Browsing ที่เปิดใช้อยู่ และระบบจะไม่เปิดไฟล์หากไม่ผ่านการตรวจสอบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เมื่อดาวน์โหลดเสร็จระบบจะเปิดเฉพาะประเภทไฟล์ที่ผู้ใช้ระบุไว้แล้วว่าให้เปิดโดยอัตโนมัติ
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมในโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="356579196325389849">ผู้ใช้อาจกำหนดค่าเวอร์ชันการเผยแพร่ของ Chrome OS</translation>
<translation id="3575011234198230041">การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP</translation>
<translation id="3577251398714997599">เครื่องมือตั้งค่าโฆษณาสำหรับเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="3577628175311752799">ใช้นโยบาย URL ที่มาเริ่มต้นของ "ไม่มี URL ที่มาเมื่อดาวน์เกรด"</translation>
<translation id="357917253161699596">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองของผู้ใช้</translation>
<translation id="3580414086211696382">ควบคุมการใช้ File System API สำหรับการอ่าน</translation>
<translation id="3584194414857209694">เปิดใช้นโยบายทดลอง</translation>
<translation id="3584722841530002134">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจมอบสิทธิ์ให้ คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่มอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ แม้จะตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินทราเน็ตก็ตาม</translation>
<translation id="3585177699591644295">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ "เลือกเพื่อให้อ่าน"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านอยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในขั้นต้นแต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3591527072193107424">เปิดใช้ฟีเจอร์การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="3591584750136265240">กำหนดค่าลักษณะการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3603469950773500315">เปิดใช้การลดการตรวจสอบ <ph name="CORS" /> ในการนำ <ph name="CORS" /> ใหม่ไปใช้ เพื่อให้ส่วนขยายยังคงทำงานร่วมกันได้ และให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ส่งส่วนหัวที่ระบุโดยไม่ต้องตรวจสอบ <ph name="CORS" />
หากตั้งค่ารายการนี้ให้ว่างเปล่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเรียกใช้ส่วนขยายในลักษณะการทำงานที่เข้ากันได้ และจะไม่แสดงการเปลี่ยนแปลง <ph name="API" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 79 ดังที่อธิบายไว้ใน <ph name="WEB_REQUEST_API_MANUAL" />
หากตั้งค่ารายการนี้ให้มีชื่อส่วนหัวของคำขอ <ph name="HTTP" /> การตรวจสอบ <ph name="CORS" /> จะเพิกเฉยต่อส่วนหัวที่อยู่ในรายการ พร้อมทั้งเปิดใช้การลดการตรวจสอบสำหรับส่วนขยาย
หากไม่ได้ตั้งค่ารายการนี้ไว้ ระบบจะไม่บังคับใช้การลดการตรวจสอบทั้ง 2 รายการที่อธิบายไว้ด้านบน
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ <ph name="CORS" /> ได้ที่ <ph name="CORS_HELP_URL" />
โปรดทราบว่าเราได้ประกาศว่าจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 82 แต่ได้นำออกในเวอร์ชัน 84</translation>
<translation id="3606571057705314194">ปิดใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="3627678165642179114">เปิดหรือปิดใช้งานบริการเว็บสำหรับการตรวจสอบการสะกด</translation>
<translation id="3628480121685794414">เปิดใช้การพิมพ์แบบด้านเดียว</translation>
<translation id="3643284063603988867">เปิดใช้ฟีเจอร์ "จำรหัสผ่าน"</translation>
<translation id="3646859102161347133">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอ</translation>
<translation id="3647212518036289905">การตั้งค่านโยบายจะระบุไลบรารี GSSAPI ที่จะใช้สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP จะตั้งค่านโยบายเป็นชื่อไลบรารีหรือเส้นทางแบบเต็มก็ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ชื่อไลบรารีเริ่มต้น</translation>
<translation id="3652670852519271837">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีผ่าน File System API</translation>
<translation id="3653234084868565720">ควบคุมว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะอนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่หรือไม่ หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้ที่ยังไม่มีบัญชีจะเข้าสู่ระบบไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า ระบบจะอนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่หาก <ph name="DEVICE_USER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3653237928288822292">ไอคอนของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="3654906736796256792">อนุญาตให้เรียกใช้แซนด์บ็อกซ์เสียง</translation>
<translation id="3659542706175323490">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้การบูตด้วย AC เปิดใช้อยู่เสมอ หากอุปกรณ์รองรับ การบูตด้วย AC ทำให้ระบบรีสตาร์ทจากสถานะ "ปิด" หรือ "ไฮเบอร์เนต" ได้หลังจากเสียบสายไฟ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การบูตด้วย AC ปิดใช้อยู่เสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดการบูตด้วย AC และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้</translation>
<translation id="3660562134618097814">โอนคุกกี้ SAML IdP ขณะลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="3685979383016152590">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
* <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> (ค่า 0) ใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST" /> เพื่อจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้
* <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> (ค่า 1) ใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST" /> เพื่อระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้
* <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> (ค่า 2) แสดงเครื่องพิมพ์ทั้งหมด
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /></translation>
<translation id="3695706037816556327">การดำเนินการเมื่อมีการนำโทเค็นความปลอดภัยออก (เช่น สมาร์ทการ์ด) สำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3701121231485832347">ควบคุมการตั้งค่าเฉพาะของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ <ph name="MS_AD_NAME" /> จัดการ</translation>
<translation id="3702518095257671450">เอกสารรับรองระยะไกล</translation>
<translation id="3702647575225525306"><ph name="POLICY_NAME" /> (เราเลิกใช้งานช่องบรรทัดเดียวแล้วและจะนำออกในเร็วๆ นี้ โปรดเริ่มใช้กล่องข้อความหลายบรรทัดด้านล่างนี้)</translation>
<translation id="3709266154059827597">กำหนดค่ารายการที่ไม่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="3711895659073496551">ระงับการใช้งาน</translation>
<translation id="3715569262675717862">การตรวจสอบสิทธิ์ที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="3727476641336727380">ในกรณีที่ไม่ได้ตั้งค่า <ph name="ALLOW_WAKE_LOCKS_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="ALLOW_SCREEN_WAKE_LOCKS_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้ Wake Lock สำหรับหน้าจอเพื่อการจัดการพลังงานได้ ส่วนขยายจะขอ Wake Lock สำหรับหน้าจอได้ผ่านทาง Power Management Extension API และแอป ARC
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะลดระดับคำขอ Wake Lock สำหรับหน้าจอไปเป็นคำขอ Wake Lock สำหรับระบบ</translation>
<translation id="3727675072430693164">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์สำหรับคอมโพเนนต์ SoC
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติ</translation>
<translation id="3731968520685217674">การตั้งค่านโยบายช่วยให้คุณระบุลักษณะการทำงานของระบบเมื่อเริ่มต้นใช้งานได้ การปิดการตั้งค่านี้จะเท่ากับไม่ได้ตั้งค่า เนื่องจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องมีลักษณะการทำงานที่เจาะจงเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงค่านี้ได้
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="POLICY_ENUM_RESTOREONSTARTUP_RESTOREONSTARTUPISLASTSESSION" /> จะปิดการตั้งค่าบางอย่างที่ต้องอาศัยเซสชันหรือที่ปฏิบัติตามคำสั่งในขณะออกจากระบบ เช่น การล้างข้อมูลการท่องเว็บเมื่อออกจากระบบหรือคุกกี้เฉพาะเซสชัน
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="3736879847913515635">เปิดใช้การเพิ่มบุคคลในการจัดการผู้ใช้</translation>
<translation id="3750220015372671395">บล็อกการสร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="3755237588083934849">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดความถี่ในการส่งการอัปโหลดสถานะอุปกรณ์เป็นมิลลิวินาที ค่าขั้นต่ำที่อนุญาตคือ 60 วินาที
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ช่วงเวลาเริ่มต้น 3 ชั่วโมง</translation>
<translation id="3756011779061588474">บล็อกโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="3758089716224084329">ช่วยให้คุณสามารถระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ได้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
หากคุณเลือกไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงทุกครั้ง ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
สำหรับตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติม โปรดไปที่:
<ph name="PROXY_HELP_URL" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และแอป ARC จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้ด้วยตนเอง</translation>
<translation id="3758249152301468420">ปิดใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="3760148113224469113">กำหนดให้ผู้ใช้ยืนยันข้อความแจ้งของโปรโตคอลภายนอกเสมอ</translation>
<translation id="3760231600118073732">ล็อกเซสชันปัจจุบัน</translation>
<translation id="3762520180381586267">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ทริกเกอร์การรีสตาร์ทเมื่อผู้ใช้ปิดอุปกรณ์เครื่องนั้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงปุ่มรีสตาร์ทแทนปุ่มปิดเครื่องทุกปุ่มใน UI หากผู้ใช้ปิดอุปกรณ์โดยใช้ปุ่มเปิด/ปิด อุปกรณ์จะไม่รีสตาร์ทโดยอัตโนมัติ แม้ว่าจะเปิดใช้นโยบายอยู่ก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> อนุญาตให้ผู้ใช้ปิดอุปกรณ์ได้</translation>
<translation id="3765260570442823273">ระยะเวลาของข้อความเตือนการออกจากระบบจากการไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="3770407495263198786">การตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบตั้งค่ารายการเครื่องพิมพ์สำหรับผู้ใช้ได้ การเลือกเครื่องพิมพ์เกิดขึ้นในครั้งแรกที่ผู้ใช้พยายามจะสั่งพิมพ์
นโยบายนี้ใช้ในการดำเนินการต่อไปนี้
* ปรับแต่ง <ph name="PRINTER_DISPLAY_NAME" /> และ <ph name="PRINTER_DESCRIPTION" /> ซึ่งมีรูปแบบอิสระเพื่อการเลือกเครื่องพิมพ์ที่ง่ายขึ้น
* ช่วยผู้ใช้ระบุเครื่องพิมพ์โดยใช้ <ph name="PRINTER_MANUFACTURER" /> และ <ph name="PRINTER_MODEL" />
* <ph name="PRINTER_URI" /> ควรเป็นที่อยู่ที่เข้าถึงได้จากเครื่องไคลเอ็นต์ รวมถึง <ph name="URI_SCHEME" />, <ph name="URI_PORT" /> และ <ph name="URI_QUEUE" />
* ระบุ <ph name="PRINTER_UUID" /> เพื่อช่วยกรองเครื่องพิมพ์ <ph name="ZEROCONF_DISCOVERY" /> ที่ซ้ำกันออก หากต้องการ
* ใช้ชื่อรุ่นสำหรับ <ph name="PRINTER_EFFECTIVE_MODEL" /> หรือจะตั้งค่า <ph name="PRINTER_AUTOCONF" /> เป็น "จริง" ก็ได้ ระบบจะเพิกเฉยต่อเครื่องพิมพ์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ทั้ง 2 รายการหรือไม่มีเลย
ระบบจะดาวน์โหลด PPD หลังการใช้งานเครื่องพิมพ์ และแคช PPD ที่ใช้บ่อยไว้ นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
หมายเหตุ: สำหรับอุปกรณ์ที่จัดการโดย <ph name="MS_AD_NAME" /> นโยบายนี้รองรับการขยาย <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE" /> เป็นชื่อเครื่อง <ph name="MS_AD_NAME" /> หรือสตริงย่อย ตัวอย่างเช่น หากชื่อเครื่องคือ <ph name="MACHINE_NAME_EXAMPLE" /> ระบบจะแทนที่ <ph name="MACHINE_NAME_VARIABLE_EXAMPLE" /> ด้วยอักขระ 4 ตัวที่เริ่มหลังจากตำแหน่งที่ 6 นั่นคือ <ph name="MACHINE_NAME_PART_EXAMPLE" /> ตำแหน่งจะเริ่มนับจากศูนย์</translation>
<translation id="377044054160169374">การบังคับใช้การแทรกแซงเมื่อเกิดประสบการณ์ที่ไม่เหมาะสม</translation>
<translation id="3778689139323007309">ตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการรับรองว่าใช้ได้โดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่องอยู่เสมอ</translation>
<translation id="3780152581321609624">รวมพอร์ตที่ไม่ใช่แบบมาตรฐานใน Kerberos SPN</translation>
<translation id="3788662722837364290">การตั้งค่าการจัดการพลังงานเมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="3790085888761753785">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของตนด้วย Smart Lock ลักษณะการทำงานโดยทั่วไปของ Smart Lock จะอนุญาตให้ผู้ใช้ปลดล็อกหน้าจอได้เพียงเท่านั้น การอนุญาตนี้จึงถือว่าให้สิทธิ์มากกว่าปกติ
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรและอนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="3796527892245558832">เครื่องมือเลือกโปรไฟล์พร้อมใช้งานเมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="3798922329287609568">การตั้งค่านโยบายนี้จะจำกัดโหมดการพิมพ์ 2 ด้าน
หากไม่ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้ ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัด</translation>
<translation id="3803171355925844705">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ โหลดเนื้อหาผสม</translation>
<translation id="3808945828600697669">ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation>
<translation id="3810642039169532482">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3811562426301733860">อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ทั้งหมด</translation>
<translation id="3816312845600780067">เปิดใช้งานแป้นพิมพ์ลัด bailout สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="3817323252437541502">เปิดใช้การปกป้องเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง</translation>
<translation id="3821861026311587684">บังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อบัญชีของผู้ใช้ไม่ได้รับการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="3823381379309653965">การตั้งค่านโยบายจะมีระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลนโยบายด้านอุปกรณ์จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,800,000 (30 นาที) ถึง 86,400,000 (1 วัน) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 3 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การแจ้งเตือนเรื่องนโยบายจะบังคับรีเฟรชเมื่อนโยบายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรีเฟรชบ่อยๆ ดังนั้น หากแพลตฟอร์มรองรับการแจ้งเตือนเหล่านี้ การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะอยู่ที่ 24 ชั่วโมง (โดยไม่สนใจค่าเริ่มต้นและค่าของนโยบายนี้)</translation>
<translation id="382476126209906314">กำหนดค่าส่วนนำหน้า TalkGadget สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="3824972131618513497">ควบคุมการตั้งค่าที่เกี่ยวกับการจัดการพลังงานและการรีบูต</translation>
<translation id="3825873934240606959">ป้องกันการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน</translation>
<translation id="3826475866868158882">บริการตำแหน่งของ Google เปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="3831376478177535007">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เชื่อถือใบรับรองที่ได้รับจากการดำเนินการสำหรับ PKI แบบเดิมของ Symantec Corporation หากการดำเนินการดังกล่าวผ่านการตรวจสอบและอยู่ในห่วงโซ่ของใบรับรอง CA ที่เป็นที่ยอมรับ
โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับว่าระบบปฏิบัติการยังยอมรับใบรับรองจากโครงสร้างพื้นฐานเดิมของ Symantec อยู่หรือไม่ หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการทำให้การจัดการใบรับรองดังกล่าวของระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงไป นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังใช้แก้ปัญหาเป็นการชั่วคราวเพื่อให้องค์กรมีเวลามากขึ้นในการเปลี่ยนจากการใช้ใบรับรองแบบเดิมของ Symantec นโยบายนี้จะถูกนำออกไปประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดำเนินการตามกำหนดการเลิกใช้งานที่ประกาศต่อสาธารณะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลิกใช้งานข้างต้นใน https://g.co/chrome/symantecpkicerts</translation>
<translation id="3831836327853123066">การตั้งค่านโยบายจะจำกัดระยะเวลาทำงานของอุปกรณ์ด้วยการตั้งเวลารีสตาร์ทอัตโนมัติ ซึ่งคุณอาจกำหนดให้ช้าลงได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหากผู้ใช้กำลังใช้อุปกรณ์ ค่านโยบายต้องมีหน่วยเป็นวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลืออย่างน้อย 3,600 วินาที (1 ชั่วโมง)
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการจำกัดระยะเวลาทำงานของอุปกรณ์
หมายเหตุ: การรีสตาร์ทอัตโนมัติจะเปิดเฉพาะในขณะที่หน้าจอลงชื่อเข้าใช้ปรากฏขึ้นหรือในระหว่างเซสชันของแอปคีออสก์</translation>
<translation id="3835692988507803626">บังคับให้ปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation>
<translation id="3837424079837455272">นโยบายนี้กำหนดว่าจะเพิ่มผู้ใช้ใหม่ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้หรือไม่ แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google เพิ่มเติมใน Android หากคุณต้องการป้องกันการลงชื่อเข้าใช้ ให้กำหนดค่านโยบาย <ph name="ACCOUNT_TYPES_WITH_MANAGEMENT_DISABLED_CLOUDDPC_POLICY_NAME" /> เฉพาะสำหรับ Android ให้เป็นส่วนหนึ่งของ <ph name="ARC_POLICY_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="3838094946886335701">การตั้งค่านโยบาย (ตามที่แนะนำเท่านั้น) จะให้คุณลงทะเบียนรายการเครื่องจัดการโปรโตคอล ซึ่งรวมเข้ากับรายการที่ผู้ใช้ลงทะเบียน และทำให้มีการนำทั้ง 2 ชุดไปใช้งาน ตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ "โปรโตคอล" เป็นรูปแบบ เช่น "mailto" และตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ "URL" เป็นรูปแบบ URL ของแอปพลิเคชันที่จัดการรูปแบบที่ระบุไว้ในช่อง "โปรโตคอล" รูปแบบ URL อาจมีตัวยึดตำแหน่ง "%s" ได้ ซึ่ง URL ที่มีการจัดการจะมาแทนที่
ผู้ใช้จะนำเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายลงทะเบียนไว้ออกไม่ได้ แต่หากติดตั้งเครื่องจัดการเริ่มต้นเครื่องใหม่ ก็จะเปลี่ยนเครื่องจัดการโปรโตคอลที่นโยบายติดตั้งไว้ได้</translation>
<translation id="3858128774616573616">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแสดงไอคอน Cast ในแถบเครื่องมือหรือในเมนูรายการเพิ่มเติม และผู้ใช้จะนำออกไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ตรึงหรือนำไอคอนออกได้ผ่านทางเมนูตามบริบทของไอคอนนั้นๆ
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="ENABLE_MEDIA_ROUTER_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" ค่าของนโยบายนี้ก็จะไม่มีผล และไอคอนแถบเครื่องมือจะไม่แสดงขึ้นมา</translation>
<translation id="3858658082795336534">โหมดพิมพ์ 2 ด้านเริ่มต้น</translation>
<translation id="3859780406608282662">เพิ่มพารามิเตอร์เพื่อเรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากมีการระบุ จะมีการเพิ่มพารามิเตอร์การค้นหาชื่อ "ข้อจำกัด" ลงใน URL ที่ใช้เรียกข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ ค่าพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้
หากไม่มีการระบุ จะไม่มีการแก้ไข URL ข้อมูลเริ่มต้นของรูปแบบ</translation>
<translation id="3863409707075047163">เวอร์ชัน SSL ขั้นต่ำที่เปิดใช้</translation>
<translation id="3864129983143201415">กำหนดค่าภาษาที่อนุญาตในเซสชันของผู้ใช้</translation>
<translation id="3866249974567520381">คำอธิบาย</translation>
<translation id="386723261607812952">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="3868347814555911633">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
แสดงรายการส่วนขยายที่ติดตั้งอัตโนมัติสำหรับผู้ใช้การสาธิตสำหรับอุปกรณ์ในโหมดปลีก ส่วนขยายเหล่านี้ถูกบันทึกไว้ในอุปกรณ์และติดตั้งขณะที่ออฟไลน์ได้หลังจากการติดตั้ง
แต่ละรายการจะมีพจนานุกรมที่ต้องมี ID ส่วนขยายในฟิลด์ "extension-id" และ URL การอัปเดตในฟิลด์ "update-url"</translation>
<translation id="3870059789954671543">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์วัตถุที่แป้นพิมพ์โฟกัส
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3870300103958000506">หากไม่ตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" การตั้งค่า <ph name="ADS_SETTINGS_FOR_INTRUSIVE_ADS_SITES_POLICY_NAME" /> เป็น 1 หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้แสดงโฆษณาในทุกเว็บไซต์
การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะบล็อกโฆษณาในเว็บไซต์ซึ่งมีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="3877517141460819966">โหมดการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สองที่ผสานรวม</translation>
<translation id="3879208481373875102">กำหนดค่ารายการเว็บแอปที่บังคับติดตั้งแล้ว</translation>
<translation id="388237772682176890">นโยบายนี้เลิกใช้งานใน M53 และนำออกจาก M54 เนื่องจากไม่มีการสนับสนุน SPDY/3.1 อีกต่อไป
ปิดใช้โปรโตคอล SPDY ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากเปิดใช้นโยบายนี้ โปรโตคอล SPDY จะไม่สามารถใช้ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้สามารถใช้ SPDY ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ จะสามารถใช้ SPDY ได้</translation>
<translation id="3891357445869647828">เปิดใช้งาน JavaScript</translation>
<translation id="3892015543543011887">นโยบายนี้ควบคุมการขอติดตั้งส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้ส่งคำขอไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google เพื่อขออนุมัติ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผลและจะไม่มีการสร้างหรืออัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยาย
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ จะไม่มีการสร้างหรืออัปโหลดคำขอติดตั้งส่วนขยาย
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ จะมีการสร้างคำขอติดตั้งส่วนขยายและอัปโหลดไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
คำขอติดตั้งส่วนขยายจะสร้างขึ้นเมื่อผู้ใช้พยายามติดตั้งส่วนขยายที่ไม่ได้รับอนุญาตพิเศษโดย <ph name="EXTENSION_INSTALL_WHITELIST" /> หรือ <ph name="EXTENSION_SETTINGS" />
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="3898345958122666461">ปิด NTLMv2</translation>
<translation id="3898795800259311780">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="3907683835264956726">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ออนไลน์ลงชื่อเข้าใช้ในหน้าจอล็อก หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" นโยบายอย่างเช่น <ph name="POLICY" /> จะทำให้มีการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทางออนไลน์ในหน้าจอล็อก
ระบบจะบังคับใช้การตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทันทีที่อยู่ในหน้าจอล็อก หรือครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ล็อกหน้าจอหลังเงื่อนไขตรงตามที่กำหนด
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปลดล็อกหน้าจอได้เสมอด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบในเครื่อง</translation>
<translation id="3911737181201537215">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการบันทึกที่ดำเนินการโดย Android</translation>
<translation id="3912092044353890761">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยแป้นพิมพ์เสมือนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์แป้นพิมพ์เสมือนจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์แป้นพิมพ์เสมือนจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์เสมือนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3915395663995367577">URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี</translation>
<translation id="3915587396318773837">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องมีการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์เพื่อรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์จาก URL นี้จึงจะเชื่อมต่อได้
หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้
หมายเหตุ: ต้องใช้นโยบายนี้กับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_VALIDATION_URL_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="3925377537407648234">ตั้งค่าความละเอียดและปัจจัยที่มีผลต่อขนาดการแสดงผล</translation>
<translation id="3927137827189017535">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับคีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้คีย์ติดหนึบเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้คีย์ติดหนึบเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้คีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="3942041691320538491">การตั้งค่านโยบายเป็น 0 (ค่าเริ่มต้น) หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ แต่ไม่ใช่ในบริบทของส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กร การตั้งค่านโยบายเป็น 1 หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้ในทุกบริบท ซึ่งรวมถึงส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายระดับองค์กร การตั้งค่านโยบายเป็น 2 หมายความว่าคุณจะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้และตรวจสอบองค์ประกอบของเว็บไซต์ไม่ได้
การตั้งค่านี้ยังปิดแป้นพิมพ์ลัดและเมนูหรือรายการในเมนูตามบริบทเพื่อเปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript ด้วย</translation>
<translation id="3947431236979598549">อนุญาตให้เปิดหรือปิดใช้การแจ้งเตือนเมื่อพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย การตั้งค่านี้มีผลกับผู้ใช้ทุกคนในอุปกรณ์
ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้และการแจ้งเตือนจะแสดงเสมอหากอุปกรณ์ไม่มีการจัดการหรือมีผู้ใช้เพียงคนเดียว
หากมีบัญชีผู้ใช้หลายบัญชีในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ การแจ้งเตือนจะแสดงเฉพาะเมื่อเปิดใช้นโยบายนี้เท่านั้น</translation>
<translation id="3950110092991281616">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันปกติเท่านั้น</translation>
<translation id="3950239119790560549">อัปเดตการจำกัดเวลา</translation>
<translation id="3956686688560604829">ใช้นโยบาย SiteList ของ Internet Explorer กับการรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่า</translation>
<translation id="3958586912393694012">อนุญาตให้ใช้ Smart Lock</translation>
<translation id="3962445567482559878">ใช้โหมด EDU ของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="396261881101930204">ซ่อนคำแนะนำสื่อจากผู้ใช้</translation>
<translation id="3964262920683972987">กำหนดค่ารูปภาพวอลเปเปอร์ระดับอุปกรณ์ซึ่งจะแสดงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้รายใดลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องดังกล่าว นโยบายนี้กำหนดได้ด้วยการระบุ URL ที่อุปกรณ์ Chrome OS ใช้ดาวน์โหลดรูปภาพวอลเปเปอร์และการแฮชแบบเข้ารหัสที่ใช้ในการยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลดได้ รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบ JPEG และมีขนาดไม่เกิน 16 MB ส่วน URL ก็ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์ ระบบจะดาวน์โหลดและแคชรูปภาพวอลเปเปอร์ แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ไว้ อุปกรณ์ Chrome OS จะดาวน์โหลดและใช้รูปภาพวอลเปเปอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบหากยังไม่มีผู้ใช้รายใดลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์เครื่องดังกล่าว เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะทำงานแทน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์ นโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้จะเลือกสิ่งที่จะแสดงหากมีการตั้งค่านโยบายวอลเปเปอร์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="3964298692570794635">อนุญาตเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="3965339130942650562">หมดเวลาจนกว่าจะดำเนินการออกจากระบบของผู้ใช้ที่ไม่มีการใช้งาน</translation>
<translation id="3971673686578912106">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> เปิดขึ้นสำหรับอุปกรณ์เครื่องนั้น ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="USER_PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องเป็น "จริง" รวมทั้ง <ph name="PLUGIN_VM_LICENSE_KEY_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="PLUGIN_VM_USER_ID_POLICY_NAME" /> อย่างใดอย่างหนึ่งต้องมีการตั้งค่าเพื่อให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ทำงานได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์เครื่องนั้น</translation>
<translation id="3973371701361892765">ไม่ซ่อนชั้นวางอัตโนมัติเลย</translation>
<translation id="3979738908158213640">URL ที่จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงเพื่อทำการรับรองอุปกรณ์ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ SAML</translation>
<translation id="3984028218719007910">กำหนดว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เก็บข้อมูลบัญชีในตัวเครื่องหลังจากที่ออกจากระบบหรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่เก็บบัญชีใดๆ ไว้อย่างถาวร และข้อมูลทั้งหมดจากเซสชันผู้ใช้จะถูกยกเลิกหลังจากที่ออกจากระบบ ถ้านโยบายนี้ถูกกำหนดเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า อุปกรณ์อาจเก็บข้อมูลผู้ใช้ในตัวเครื่องไว้ (โดยที่เข้ารหัส)</translation>
<translation id="398884292557092447">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะควบคุมคำแนะนำการป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับบัตรเครดิตใน UI ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าการป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลบัตรเครดิต และจะไม่บันทึกข้อมูลบัตรเครดิตอื่นๆ ที่ผู้ใช้อาจส่งขณะท่องเว็บ</translation>
<translation id="3997519162482760140">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอในหน้าการเข้าสู่ระบบ SAML</translation>
<translation id="4007646377576030214"> โปรดทราบว่านโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M87 และได้นำออกจาก M89 โปรดใช้ <ph name="MANAGED_GUEST_SESSION_PRIVACY_WARNINGS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการแทน
ควบคุมการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" การแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวจะปิดหลังผ่านไปสักครู่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การแจ้งเตือนของคำเตือนด้านความเป็นส่วนตัวจะตรึงอยู่จนกว่าผู้ใช้จะปิดการแจ้งเตือนดังกล่าว</translation>
<translation id="4008507541867797979">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบและอนุญาตให้เลือกได้ 1 รายการ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่แสดงผู้ใช้ที่มีอยู่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่จะแสดงหน้าจอการเข้าสู่ระบบตามปกติ (แจ้งให้ผู้ใช้ป้อนอีเมลและรหัสผ่านหรือหมายเลขโทรศัพท์) หรือหน้าจอโฆษณาคั่นระหว่างหน้า SAML (หากเปิดใช้ผ่านนโยบาย <ph name="LOGIN_AUTHENTICATION_BEHAVIOR_POLICY_NAME" />) ยกเว้นว่าจะมีการกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการ เมื่อกำหนดค่าเซสชันที่มีการจัดการแล้ว ระบบจะแสดงเฉพาะบัญชีของเซสชันที่มีการจัดการเท่านั้นและอนุญาตให้เลือกบัญชีหนึ่งในนั้นได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อการที่อุปกรณ์จะเก็บข้อมูลผู้ใช้ไว้ในเครื่องหรือไม่</translation>
<translation id="4010738624545340900">อนุญาตให้เรียกดูช่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้</translation>
<translation id="401260868452018796">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ</translation>
<translation id="4012737788880122133">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติเมื่อตั้งค่าเป็น True
อุปกรณ์ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจหาการอัปเดตอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น False
คำเตือน: เราขอแนะนำให้เปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติไว้เสมอเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การปิดการอัปเดตอัตโนมัติอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="4016367078069682737">เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M61
ระบุลักษณะการทำงานของอุปกรณ์ที่มาพร้อม ecryptfs และต้องเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส ext4
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DisallowArc" ระบบจะปิดใช้แอป Android ให้กับผู้ใช้ทั้งหมดในอุปกรณ์ (รวมทั้งผู้ใช้ที่มีการเข้ารหัส ext4 อยู่แล้ว) และจะไม่เสนอการย้ายข้อมูลจาก ecryptfs ไปใช้การเข้ารหัส ext4 แก่ผู้ใช้คนใดทั้งสิ้น
หากคุณตั้งนโยบายนี้เป็น "AllowMigration" ระบบจะเสนอผู้ใช้ที่มีไดเรกทอรีหน้าแรกแบบ ecryptfs ให้ย้ายข้อมูลเหล่านี้ไปใช้การเข้ารหัส ext4 ตามความจำเป็น (ปัจจุบันคือเมื่อสามารถใช้ Android N ในอุปกรณ์ได้)
นโยบายนี้ไม่มีผลกับแอปคีออสก์ โดยระบบจะย้ายข้อมูลแอปเหล่านี้โดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ อุปกรณ์จะทำงานราวกับว่ามีการเลือก "DisallowArc"</translation>
<translation id="401650904918322517">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 89
นโยบายนี้ให้สิทธิ์ฟีเจอร์คำตอบด่วนในการเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์
หากเปิดใช้นโยบาย ระบบจะอนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก
หากปิดใช้นโยบาย ระบบจะไม่อนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะอนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือกหรือไม่</translation>
<translation id="4020682745012723568">แอป Android ไม่สามารถเข้าถึงคุกกี้ที่โอนไปยังโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="4025500273782820766">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือก "อนุญาตเสมอ" เมื่อมีการแสดงกล่องโต้ตอบของโปรโตคอลภายนอกให้ข้ามข้อความแจ้งยืนยันในอนาคต</translation>
<translation id="402759845255257575">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เรียกใช้ JavaScript</translation>
<translation id="4027608872760987929">เปิดใช้งานผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="4041577849977347218">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าระบบจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ แม้ว่าไฟล์นั้นจะมาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้ก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าระบบจะไม่ส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google Safe Browsing วิเคราะห์ เมื่อมาจากแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้
ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่เกิดขึ้นจากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนู "ดาวน์โหลดลิงก์" ด้วย แต่ไม่มีผลกับการบันทึกหรือการดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="4056910949759281379">ปิดใช้งานโปรโตคอล SPDY</translation>
<translation id="4061590579642538878">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง</translation>
<translation id="4075675819066819571">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ</translation>
<translation id="408029843066770167">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังบริการเวลาของ Google</translation>
<translation id="408076456549153854">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="4082498585300984671">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิกเพื่อโทร</translation>
<translation id="4086150283035515220">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ไหนก่อนที่จะดาวน์โหลด การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้การดาวน์โหลดเริ่มต้นทันที และระบบจะไม่ถามผู้ใช้ว่าจะบันทึกไฟล์ไว้ที่ไหน
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="4088589230932595924">บังคับใช้โหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="4089849819635523136">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_KEYWORD_POLICY_NAME" /> จะระบุคีย์เวิร์ดหรือทางลัดที่ใช้ในแถบที่อยู่เพื่อทริกเกอร์การค้นหาสำหรับผู้ให้บริการรายนี้
หากไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_KEYWORD_POLICY_NAME" /> จะไม่มีคีย์เวิร์ดใดเลยที่เปิดใช้งานผู้ให้บริการค้นหาดังกล่าว</translation>
<translation id="409035987613226003">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดใช้การรายงานแบบไม่ระบุชื่อของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและข้อขัดข้องเกี่ยวกับ Chrome ไปยัง Google และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบไม่ส่งข้อมูลนี้ไปยัง Google
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกลักษณะการทำงานเมื่อทำการติดตั้งหรือเรียกใช้ครั้งแรกได้
นโยบายนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ Windows ซึ่งเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> หรืออินสแตนซ์ Windows 10 Pro หรือ Enterprise ที่เข้าร่วมการจัดการอุปกรณ์ และอินสแตนซ์ macOS ที่ได้รับการจัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX
(สำหรับ Chrome OS โปรดดู DeviceMetricsReportingEnabled)</translation>
<translation id="4097556069183835428">การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดแว่นขยายหน้าจอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า แว่นขยายหน้าจอจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="410068710490553233">อนุญาตการลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google เพิ่มเติม</translation>
<translation id="4103177213841380258">นโยบายนี้ควบคุมการเข้าถึงฟีเจอร์ที่ควบคุมได้ใน UI การค้นพบในพื้นที่ (<ph name="CHROME_DEVICES_LINK" />) ซึ่งแสดงอุปกรณ์ที่ค้นพบได้ใกล้ตัวผู้ใช้ ตลอดจนอุปกรณ์ระบบคลาวด์ที่ลงทะเบียนไว้กับอุปกรณ์ดังกล่าวด้วย ในระบบปฏิบัติการทั้งหมดยกเว้น <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นั้น UI การค้นพบในพื้นที่ยังอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มเครื่องพิมพ์แบบคลาสสิกที่เชื่อมต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ไปยัง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ด้วย
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้มีการเปิดใช้ฟีเจอร์นี้อยู่ต่อไป</translation>
<translation id="4103289232974211388">เปลี่ยนเส้นทางไปยัง SAML IdP หลังจากผู้ใช้ยืนยัน</translation>
<translation id="4105884561459127998">กำหนดค่าประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าเริ่มต้น (ค่า 0) เบราว์เซอร์จะเป็นตัวกำหนดลักษณะการทำงานของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML ตามปัจจัยอื่นๆ ในกรณีพื้นฐานที่สุด การตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้และการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ที่แคชไว้จะทำด้วยการใช้รหัสผ่านที่ผู้ใช้ป้อนด้วยตนเอง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น ClientCertificate (ค่า 1) ระบบจะใช้การตรวจสอบสิทธิ์ด้วยใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับผู้ใช้ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ซึ่งลงชื่อเข้าสู่ระบบผ่าน SAML และจะไม่มีการใช้รหัสผ่านสำหรับผู้ใช้ประเภทนี้ ระบบจะปกป้องข้อมูลในเครื่องที่แคชไว้โดยใช้คีย์การเข้ารหัสที่สอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่น การตั้งค่านี้ช่วยให้กำหนดค่าการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ใช้ด้วยสมาร์ทการ์ดได้ (จะต้องติดตั้งแอปมิดเดิลแวร์สมาร์ทการ์ดผ่านนโยบาย DeviceLoginScreenExtensions)
นโยบายนี้ส่งผลกับผู้ใช้ที่ยืนยันตัวตนโดยใช้ SAML เท่านั้น</translation>
<translation id="4105989332710272578">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการ URL</translation>
<translation id="4114059938441379876">การตั้งค่านโยบายจะกำหนด URL ที่ให้ผู้ใช้ไปเปลี่ยนรหัสผ่านหลังจากเห็นคำเตือนในเบราว์เซอร์ บริการปกป้องรหัสผ่านจะส่งผู้ใช้ไปยัง URL (โปรโตคอล HTTP และ HTTPS เท่านั้น) ที่คุณกำหนดผ่านนโยบายนี้ โปรดตรวจสอบว่าหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเป็นไปตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ (https://www.chromium.org/developers/design-documents/create-amazing-password-forms) เพื่อให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> บันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่านใหม่ได้อย่างถูกต้องในหน้าเปลี่ยนรหัสผ่านนี้
การปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าบริการจะส่งผู้ใช้ไปที่ https://myaccount.google.com เพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="4121350739760194865">ป้องกันไม่ให้การส่งเสริมของแอปพลิเคชันไปปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="4122473079291425973">หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="412697421478384751">ยอมให้ผู้ใช้ตั้ง PIN ที่คาดเดาง่ายเป็น PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="4138655880188755661">การจำกัดเวลา</translation>
<translation id="4147818922357566987">เปิดใช้รูปแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขที่สำคัญเท่านั้น</translation>
<translation id="4150201353443180367">การแสดงผล</translation>
<translation id="4157003184375321727">รายงานรุ่นของระบบปฏิบัติการและเฟิร์มแวร์</translation>
<translation id="4157594634940419685">อนุญาตให้เข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS ดั้งเดิม</translation>
<translation id="4160962198980004898">แหล่งที่มาของที่อยู่ MAC ของอุปกรณ์เมื่อเสียบแท่นชาร์จอยู่</translation>
<translation id="4161589119744364846">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่เริ่มต้นและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงหน้าดังกล่าว
หน้าแท็บใหม่จะเปิดขึ้นโดยมีแท็บและหน้าต่างใหม่
นโยบายนี้ไม่ได้กำหนดว่าหน้าใดจะเปิดขึ้นมาเมื่อเริ่มต้นใช้งาน นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> จะเป็นตัวควบคุมหน้าเหล่านั้น นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อหน้าแรก หากตั้งค่าหน้าแรกให้เปิดหน้าแท็บใหม่ และจะส่งผลกระทบต่อหน้าเริ่มต้นใช้งานเช่นกัน หากตั้งค่าให้เปิดหน้าแท็บใหม่
แนวทางปฏิบัติแนะนำคือการระบุ URL ที่กำหนดหน้า Canonical แบบเต็ม หาก URL ไม่ได้กำหนดหน้า Canonical แบบเต็ม <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ https:// เป็นค่าเริ่มต้น
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือปล่อยว่างไว้จะทำให้ระบบใช้หน้าแท็บใหม่เริ่มต้น
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="4165986682804962316">การตั้งค่าเว็บไซต์</translation>
<translation id="4166174702671320480">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าระบบจะไม่สนใจนโยบายที่มีผลกับกลุ่มขนาดเล็กซึ่งไม่แชร์แหล่งที่มากับนโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่ม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าระบบจะพิจารณานโยบายทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากแหล่งที่มาใดก็ตาม ระบบจะไม่สนใจนโยบายในกรณีที่มีความขัดแย้งและนโยบายดังกล่าวไม่ได้มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่มเท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายนี้จากแหล่งที่มาในระบบคลาวด์ นโยบายจะกำหนดเป้าหมายเป็นผู้ใช้ที่เจาะจงไม่ได้</translation>
<translation id="4169692397912242417">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4175667688338118889">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนที่คุณระบุ และจะไม่ตรวจหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้ และบริการปกป้องรหัสผ่านก็จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าการปกป้องด้วย Google Safe Browsing ตามค่าเริ่มต้นจะมีผลกับทรัพยากรทั้งหมด
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="417956245902013347">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4183229833636799228">การตั้งค่าเริ่มต้นของ <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation>
<translation id="4192388905594723944">URL สำหรับตรวจสอบความถูกต้องโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="4203643479966921607">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งผู้ใช้จะเรียกใช้ได้จากเมนูแอป เมนูตามบริบทของหน้าเว็บ ตัวควบคุมสื่อในเว็บไซต์ที่พร้อมใช้งาน Cast และไอคอนแถบเครื่องมือของ Cast (หากมีแสดงขึ้นมา)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="4203879074082863035">มีเฉพาะเครื่องพิมพ์ในรายการที่อนุญาตพิเศษที่จะแสดงต่อผู้ใช้</translation>
<translation id="4209297478239988291">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติ
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่คลิกโดยไม่ต้องกดเมาส์หรือทัชแพดเมื่อวางเมาส์เหนือวัตถุที่ต้องการคลิก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการคลิกอัตโนมัติไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการคลิกอัตโนมัติไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4224610387358583899">การหน่วงเวลาในการล็อกหน้าจอ</translation>
<translation id="4225260426043444650">การตั้งค่านี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้ <ph name="LACROS_NAME" /> ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="4228745249339680042">การตั้งค่านโยบายจะระบุ URL และโดเมนที่จะไม่แสดงข้อความแจ้งเมื่อมีการขอใบรับรองเอกสารรับรองจากคีย์ความปลอดภัย และจะมีการส่งสัญญาณไปยังคีย์ความปลอดภัยด้วยเพื่อระบุว่าอาจมีการใช้เอกสารรับรองเฉพาะของแต่ละรายการ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ เมื่อเว็บไซต์ขอเอกสารรับรองของคีย์ความปลอดภัย ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 65 ขึ้นไป
URL จะจับคู่เป็น U2F AppID เท่านั้น โดเมนจะจับคู่เป็น Webauthn RP ID เท่านั้น ดังนั้นเพื่อให้ครอบคลุมทั้ง U2F และ Webauthn API ให้ระบุทั้ง URL และโดเมนของ AppID สำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการ</translation>
<translation id="4239720644496144453">ไม่มีการใช้แคชสำหรับแอป Android หากมีผู้ใช้หลายคนติดตั้งแอป Android เดียวกัน จะมีการดาวน์โหลดแอปใหม่สำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation>
<translation id="4247914291127524388">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะปิดการซิงค์ <ph name="GOOGLE_DRIVE_NAME" /> ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่ออุปกรณ์ใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ ระบบจะซิงค์ข้อมูลกับ Google ไดรฟ์เมื่ออุปกรณ์เชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi หรืออีเทอร์เน็ตเท่านั้น
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้โอนไฟล์ไปยัง Google ไดรฟ์ขณะเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือได้</translation>
<translation id="4250680216510889253">ไม่มี</translation>
<translation id="4261820385751181068">ภาษาในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="4269859918103560644">ให้ผู้ใช้ตัดสินใจ</translation>
<translation id="4272533771695747453">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำการยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัว
เมื่อปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะทำการยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์โดยใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมที่แพลตฟอร์มมีให้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านี้ ระบบอาจใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวหรือตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมก็ได้
เรามีแผนจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 81 เมื่อถึงกำหนดการหยุดรองรับตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
เรามีแผนจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> สำหรับ Linux เวอร์ชัน 83 เมื่อถึงกำหนดการหยุดรองรับตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมใน Linux
เรามีแผนจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> สำหรับ Mac OS X เวอร์ชัน 91 เมื่อถึงกำหนดการหยุดรองรับตัวตรวจสอบใบรับรองเดิมใน Mac OS X
</translation>
<translation id="4274691295133617461">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการเข้าถึง
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4285674129118156176">อนุญาตให้ผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์ใช้ ARC</translation>
<translation id="4311195029067684288">เต็ม</translation>
<translation id="4313767483634435271">ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4322842393287974810">อนุญาตแอปคีออสก์ที่เปิดอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 เพื่อควบคุมเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4325690621216251241">เพิ่มปุ่มออกจากระบบลงในถาดระบบ</translation>
<translation id="4329095223358818804">อนุญาตให้ฟีเจอร์คำตอบด่วนเข้าถึงเนื้อหาที่เลือก</translation>
<translation id="4330372709562934569">อนุญาตเว็บไซต์ในรายการให้ส่งคำขอจากบริบทที่ไม่ปลอดภัยไปยังปลายทางเครือข่ายที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า</translation>
<translation id="4332177773549877617">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งแอป Android</translation>
<translation id="4341199399451274159">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENCODINGS_POLICY_NAME" /> จะระบุการเข้ารหัสอักขระที่ผู้ให้บริการค้นหารองรับ การเข้ารหัสคือชื่อ Code Page เช่น UTF-8, GB2312 และ ISO-8859-1 โดยจะมีการใช้งานตามลำดับที่ระบุ
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENCODINGS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบใช้งาน UTF-8</translation>
<translation id="4343382787226139147">ระบุใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ต้องลงทะเบียนโดยใช้โปรโตคอลการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="4347908978527632940">หากเป็น True และผู้ใช้เป็นผู้ใช้ภายใต้การดูแล แอป Android อื่นๆ จะสามารถสืบค้นข้อจำกัดด้านเว็บของผู้ใช้คนดังกล่าวผ่านผู้ให้บริการเนื้อหาได้
หากเป็น False หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ให้บริการเนื้อหาจะไม่แสดงข้อมูลใดๆ</translation>
<translation id="4363057787588706121">อนุญาตให้รวมนโยบายรายการจากแหล่งที่มาหลายแห่ง</translation>
<translation id="4363101430102811068">เปิดใช้นโยบายการตรวจหาการรั่วไหลของข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ป้อน</translation>
<translation id="436581050240847513">รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่ายของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4368848648036709662">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่รองรับรูปแบบที่มีไวลด์การ์ด "*" และ "[*.]" ในโฮสต์อีกแล้วตั้งแต่รุ่น M85</translation>
<translation id="4372704773119750918">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของหลายโปรไฟล์ (หลักหรือรอง)</translation>
<translation id="4377599627073874279">อนุญาตให้ไซต์ทั้งหมดแสดงภาพทั้งหมด</translation>
<translation id="437791893267799639">ไม่ได้ตั้งนโยบาย ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="4382413175336720282">ปิดใช้การตรวจสอบ URL แบบเรียลไทม์อยู่</translation>
<translation id="4387922553629365459">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เปิดป๊อปอัปไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_POPUPS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="4389073105055031853">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองทั้งหมด</translation>
<translation id="4389091865841123886">กำหนดค่าการยืนยันระยะไกลกับกลไก TPM</translation>
<translation id="4401496838830169080">ให้คุณควบคุมว่าจะเปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และกำหนดโหมดการทำงานของฟีเจอร์นี้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "NoProtection" (ค่า 0) Google Safe Browsing จะไม่ทำงานเลย
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "StandardProtection" (ค่า 1 ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น) Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดมาตรฐานเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "EnhancedProtection" (ค่า 2) Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดเพิ่มประสิทธิภาพเสมอ ซึ่งรักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้นแต่ต้องมีการแชร์ข้อมูลการท่องเว็บกับ Google มากขึ้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นแบบบังคับ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า Google Safe Browsing ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ Google Safe Browsing จะทำงานในโหมดการปกป้องแบบมาตรฐาน แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="4402887080007986374">เวอร์ชันที่ถูกต้องของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence</translation>
<translation id="4408428864159735559">รายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายที่กำหนดค่าไว้ล่วงหน้า</translation>
<translation id="4410236409016356088">เปิดใช้การควบคุมปริมาณแบนด์วิดท์ของเครือข่าย</translation>
<translation id="441217499641439905">ปิดใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือในแอป "ไฟล์" ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="4415603335307944578">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้กำหนดค่า เบราว์เซอร์จะแสดงหน้ายินดีต้อนรับอีกครั้งเมื่อเรียกใช้เบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" เบราว์เซอร์จะไม่แสดงหน้ายินดีต้อนรับอีกครั้งเมื่อเรียกใช้เบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="4423597592074154136">ระบุการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง</translation>
<translation id="4432762137771104529">เปิดใช้การรายงานแบบขยายของ Safe Browsing</translation>
<translation id="443454694385851356">แบบเดิม (ไม่ปลอดภัย)</translation>
<translation id="443665821428652897">ล้างข้อมูลไซต์เมื่อปิดเบราว์เซอร์ (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="4439336120285389675">ระบุรายชื่อฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วเพื่อเปิดใช้ใหม่ชั่วคราว
นโยบายนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มซึ่งเลิกใช้ไปแล้วได้ใหม่อีกครั้งครั้งในเวลาจำกัด ฟีเจอร์เหล่านี้จะระบุโดยสตริงแท็ก ซึ่งฟีเจอร์ที่สอดคล้องกับแท็กที่มีอยู่ในรายการที่นโยบายนี้กำหนดจะถูกเปิดใช้อีกครั้ง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ไม่มีข้อมูลในรายการ หรือไม่ตรงกับสตริงแท็กที่สนับสนุนใดๆ ฟีเจอร์ของเว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วทั้งหมดจะยังถูกปิดใช้
แม้ตัวนโยบายจะได้รับการสนับสนุนบนแพลตฟอร์มข้างต้น แต่ฟีเจอร์ที่นโยบายเปิดใช้อาจใช้ได้บนแพลตฟอร์มไม่กี่แห่ง ฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มที่เลิกใช้แล้วบางรายการอาจไม่สามารถเปิดใช้ได้อีก เฉพาะฟีเจอร์ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนด้านล่างเท่านั้นที่สามารถเปิดใช้ได้อีกภายในช่วงเวลาจำกัด ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์ รูปแบบของสตริงแท็กทั่วไปคือ [DeprecatedFeatureName]_EffectiveUntil[yyyymmdd] ตามข้อมูลอ้างอิง คุณสามารถค้นหาเจตนาในการเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์เว็บแพลตฟอร์มได้ที่ https://bit.ly/blinkintents
</translation>
<translation id="4442582539341804154">เปิดใช้งานการล็อกเมื่อไม่ได้ใช้งานหรือระงับใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="4447668084338250480">ลักษณะการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ต</translation>
<translation id="4449469846627734399">กำหนดค่าวันที่เปิดใช้พาวเวอร์พีคชิฟต์</translation>
<translation id="4449545651113180484">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 270 องศา</translation>
<translation id="4450005376189179872">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะอนุญาตให้คุณตั้งค่าโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูง ค่าของ <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> ต้องน้อยกว่า <ph name="CHARGE_END_TIME_FIELD_NAME" />
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงปิดอยู่เสมอ
ค่าที่ใช้ได้ของช่อง <ph name="MINUTE_FIELD_NAME" /> ใน <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> และ <ph name="CHARGE_END_TIME_FIELD_NAME" /> ได้แก่ 0, 15, 30, 45</translation>
<translation id="445270821089253489">ควบคุมประเภทข้อมูลผู้ใช้และข้อมูลอุปกรณ์ที่จะรายงาน</translation>
<translation id="4453913621209182880">อนุญาตเฉพาะการพิมพ์ที่มีกราฟิกพื้นหลังเท่านั้น</translation>
<translation id="4454820008017317557">แสดงไอคอนแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="445505634382262792">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการเข้าถึง
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4467952432486360968">ปิดกั้นคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="4474167089968829729">เปิดการบันทึกรหัสผ่านไปยังโปรแกรมจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="4476769083125004742">หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> แอป Android จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง แต่หากตั้งค่าเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขอการยินยอมจากผู้ใช้หากแอป Android ต้องการเข้าถึงข้อมูลตำแหน่ง</translation>
<translation id="4479671363221255277">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ผ่าน File System API ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_READ_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_READ_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="4480694116501920047">บังคับใช้ค้นหาปลอดภัย</translation>
<translation id="4483649828988077221">ปิดใช้การอัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4485425108474077672">กำหนดค่า URL หน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="4492287494009043413">ปิดใช้งานการจับภาพหน้าจอ</translation>
<translation id="4494132853995232608">Wilco DTC</translation>
<translation id="449423975179525290">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="4510923771103268849">ผู้ใช้มีสิทธิ์เข้าถึงรากของคอนเทนเนอร์ Crostini ได้</translation>
<translation id="4515404363392014383">เปิดใช้ Safe Browsing สำหรับแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้</translation>
<translation id="4518251772179446575">ถามเมื่อไซต์ต้องการติดตามตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้</translation>
<translation id="4529868888205510667">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ใช้ ARC ได้ เว้นแต่จะมีการปิด ARC ไว้ด้วยวิธีการอื่นๆ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้ที่ไม่ได้เชื่อมโยงจะใช้ ARC ไม่ได้
การเปลี่ยนแปลงนโยบายจะมีผลขณะที่ ARC ไม่ได้ทำงานอยู่เท่านั้น เช่น ขณะเริ่มต้น Chrome OS</translation>
<translation id="453031441196755904">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว</translation>
<translation id="4531482429171731618">การตั้งค่านโยบายนี้จะสร้างไดเรกทอรีที่ Chrome จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ และจะใช้ไดเรกทอรีที่มีให้นี้ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุไดเรกทอรีใดไว้ หรือได้เปิดใช้การแสดงข้อความแจ้งเพื่อระบุตำแหน่งการดาวน์โหลดทุกครั้งไว้หรือไม่ก็ตาม
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า Chrome จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้น และผู้ใช้จะเปลี่ยนได้
หมายเหตุ: ดูรายการตัวแปรที่คุณใช้ได้ (https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables)</translation>
<translation id="4531706050939927436">สามารถบังคับการติดตั้งแอป Android ได้จากคอนโซล Google Admin ผ่าน Google Play แอปดังกล่าวไม่ได้ใช้นโยบายนี้</translation>
<translation id="4534500438517478692">ชื่อการจำกัด Android:</translation>
<translation id="4541530620466526913">บัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="4543502256674577024">การตั้งค่าการอัปเดตอุปกรณ์</translation>
<translation id="4548555985107150628">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่
ระบุรายการปลั๊กอินที่เปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้
รายการปลั๊กอินที่ระบุจะเปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เสมอหากมีการติดตั้งเอาไว้ โดยจะทำเครื่องหมายว่าปลั๊กอินเป็นเปิดใช้อยู่ใน "about:plugins" และผู้ใช้จะปิดใช้ไม่ได้
โปรดทราบว่านโยบายนี้จะลบล้างทั้ง DisabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะปิดใช้ปลั๊กอินใดก็ตามที่ติดตั้งไว้ในระบบได้</translation>
<translation id="4554651132977135445">โหมดประมวลผล Loopback ของนโยบายด้านผู้ใช้</translation>
<translation id="4555850956567117258">เปิดใช้งานการยืนยันระยะไกลสำหรับผู้ใช้</translation>
<translation id="4557134566541205630">URL หน้าแท็บใหม่ของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="4558166110367609724">ข้ามข้อกำหนดในการให้บริการและโหลดเบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4559846397119102037">อนุญาตให้ใช้งาน <ph name="LACROS_NAME" /></translation>
<translation id="4562165737444703281">อนุญาตให้ผู้ใช้ [เปิดใช้/กำหนดค่า] การส่งต่อพอร์ต Crostini</translation>
<translation id="456686782928669977">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะโหลดกฎจากนโยบาย SiteList ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอ่าน <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เพื่อรับ URL ของรายการเว็บไซต์ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="BROWSER_SWITCHER_URL_LIST_POLICY_NAME" />
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เป็นที่มาของกฎสำหรับการเปลี่ยนเบราว์เซอร์
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ Internet Explorer ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="4567137030726189378">อนุญาตการใช้งานเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="4567818663772614440">นโยบายนี้ควบคุมการรายงานในระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งจะอัปโหลดข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของเบราว์เซอร์ไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่เก็บรวบรวมหรืออัปโหลดข้อมูล
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเก็บรวบรวมและอัปโหลดข้อมูลไปยังคอนโซลผู้ดูแลระบบของ Google
สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> เท่านั้น
และสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> นโยบายนี้จะมีผลเสมอ</translation>
<translation id="4578265298946081589">ไม่ต้องรีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="4587365491100112056">การตั้งค่านโยบายจะระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับขอบเขตที่ขอบเขตของเครื่องเชื่อถือ (ขอบเขตที่เชื่อมโยง) การแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์จึงช่วยให้ลงชื่อเข้าใช้ได้เร็วขึ้น จะไม่มีการแคชข้อมูลที่ระบุตัวผู้ใช้และข้อมูลสำหรับขอบเขตที่ไม่เชื่อมโยง
การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ ซึ่งทำให้ระบบต้องดึงข้อมูลที่เจาะจงขอบเขตทุกครั้งที่มีการลงชื่อเข้าใช้ การปิดการแคชข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์จึงจะทำให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ได้ช้าลงอย่างมาก
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ข้อมูลการตรวจสอบสิทธิ์ที่แคชไว้ซ้ำได้เป็นเวลาสูงสุด 73 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การรีสตาร์ทอุปกรณ์จะล้างแคช ระบบแคชข้อมูลขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราวด้วยเช่นกัน ปิดแคชเพื่อป้องกันไม่ให้มีการติดตามขอบเขตของผู้ใช้ชั่วคราว</translation>
<translation id="4591366717022345234">ให้บริการเวอร์ชัน Quick Fix แก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="4592246263545654202">ระบุว่าผู้ใช้จะเปิดหน้าด้วยโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
หากเลือก "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งนโยบายไว้ หน้าอาจเปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตน
หากเลือก "ปิดใช้" หน้าอาจไม่เปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตน
หากเลือก "บังคับใช้" หน้าอาจเปิดด้วยโหมดไม่ระบุตัวตนเท่านั้น โปรดทราบว่าการ "บังคับใช้" ไม่ทำงานใน Android ที่อยู่บน Chrome</translation>
<translation id="4594467366027975448">กำหนดค่าไดเรกทอรีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้สำหรับเก็บสำเนาโรมมิ่งของโปรไฟล์
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีที่ให้ไว้เพื่อเก็บสำเนาโรมมิ่งของโปรไฟล์ในกรณีที่มีการเปิดใช้นโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_SUPPORT_ENABLED_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่ใช้ค่าที่เก็บไว้ในนโยบายนี้
ดูรายการตัวแปรที่ใช้ได้ได้ที่ https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables
บนแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ของ Windows นโยบายนี้จะต้องตั้งค่าให้โปรไฟล์โรมมิ่งทำงาน
บนแพลตฟอร์มของ Windows หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้เส้นทางโปรไฟล์โรมมิ่งเริ่มต้น</translation>
<translation id="4600786265870346112">เปิดใช้งานเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่</translation>
<translation id="4607416370554533118">การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ซึ่ง Chrome จะเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์ให้โดยอัตโนมัติได้ ค่าจะเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ที่มีรูปแบบเป็นสตริงซึ่งแต่ละรายการมีรูปแบบ <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_EXAMPLE" /> โดยที่ <ph name="URL_PATTERN_PLACEHOLDER" /> เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> จำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง
ตัวอย่างการใช้งานส่วน <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" />
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_FILTER_EXAMPLE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName <ph name="ISSUER_CN_PLACEHOLDER" />
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีทั้งส่วน <ph name="ISSUER_STRING_VALUE" /> และ <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATION" /> ใบรับรองต้องมีอย่างน้อย 1 องค์กรที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATIONAL_UNIT" /> ใบรับรองต้องมีหน่วยขององค์กรอย่างน้อย 1 หน่วยที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="EMPTY_DICTIONARY" /> การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม โปรดทราบว่าตัวกรองที่ได้มาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์จะยังคงมีผลอยู่
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าจะไม่มีการเลือกอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม</translation>
<translation id="4617338332148204752">ข้ามการตรวจสอบเมตาแท็กใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="4625915093043961294">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="4632343302005518762">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาตามที่แสดงในรายการ</translation>
<translation id="4632566332417930481">ไม่อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในส่วนขยายที่ติดตั้งโดยนโยบายองค์กร อนุญาตการใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในบริบทอื่นๆ</translation>
<translation id="4649395978608361979">ปลายทางเครื่องพิมพ์ในพื้นที่</translation>
<translation id="4650759511838826572">ปิดใช้งานสกีมโปรโตคอล URL</translation>
<translation id="465099050592230505">URL เว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="4653465451589191309">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้จัดการ (ยกเลิกการเชื่อมต่อหรือแก้ไข) การเชื่อมต่อ VPN ได้ หากมีการสร้างการเชื่อมต่อ VPN โดยใช้แอป VPN นโยบายจะไม่ส่งผลต่อ UI ภายในแอป ผู้ใช้จึงอาจยังใช้แอปดังกล่าวเพื่อแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN ได้อยู่ ใช้นโยบายนี้ร่วมกับฟีเจอร์ "VPN แบบเปิดตลอดเวลา" ซึ่งให้ผู้ดูแลระบบเลือกที่จะสร้างการเชื่อมต่อ VPN เมื่อเปิดเครื่องได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดอินเทอร์เฟซผู้ใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งจะให้ผู้ใช้ยกเลิกการเชื่อมต่อและแก้ไขการเชื่อมต่อ VPN</translation>
<translation id="4654729794394330974">การตั้งค่านโยบายจะระบุชื่อโดเมนของไคลเอ็นต์ซึ่งจะกำหนดให้กับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล และผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงชื่อไม่ได้ จะมีเฉพาะไคลเอ็นต์จากโดเมนที่ระบุที่เชื่อมต่อกับโฮสต์ได้
การตั้งค่านโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่าหรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้นโยบายเริ่มต้นของการเชื่อมต่อประเภทนั้นๆ สำหรับความช่วยเหลือระยะไกล ระบบจะอนุญาตให้ไคลเอ็นต์จากโดเมนต่างๆ เชื่อมต่อกับโฮสต์ได้ สำหรับการเข้าถึงระยะไกลได้ตลอดเวลา จะมีเฉพาะเจ้าของโฮสต์ที่เชื่อมต่อได้
ดู <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> เพิ่มเติม
หมายเหตุ: การตั้งค่านี้จะลบล้าง <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_POLICY_NAME" /> หากมี</translation>
<translation id="4661889655253181651">การตั้งค่าเนื้อหาช่วยให้คุณระบุวิธีจัดการเนื้อหาบางประเภท (เช่น คุกกี้ รูปภาพ หรือ JavaScript) ได้</translation>
<translation id="4665897631924472251">การตั้งค่าการจัดการส่วนขยาย</translation>
<translation id="4666930704271463612">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์
หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "id" ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่มีการกรองและจะใช้เซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดในการค้นหา
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="EXTERNAL_PRINT_SERVERS_ALLOWLIST" /> แทน</translation>
<translation id="4668325077104657568">การตั้งค่าภาพเริ่มต้น</translation>
<translation id="4670865688564083639">ต่ำสุด:</translation>
<translation id="467236746355332046">ฟีเจอร์ที่ได้รับการสนับสนุน:</translation>
<translation id="4674167212832291997">กำหนดรายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ทุกครั้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings"
สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation>
<translation id="467449052039111439">เปิดรายการ URL</translation>
<translation id="4674871290487541952">อนุญาตอัลกอริทึมที่ไม่ปลอดภัยในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของการอัปเดตและการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="4680936297850947973">เลิกใช้งานไปแล้วใน M68 โปรดใช้ DefaultPopupsSetting แทน
ดูคำอธิบายฉบับเต็มได้ที่ https://www.chromestatus.com/features/5675755719622656
หากเปิดใช้นโยบายนี้ เว็บไซต์จะมีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกันได้
หากปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เว็บไซต์จะไม่มีสิทธิ์นำทางและเปิดหน้าต่าง/แท็บใหม่ไปพร้อมกัน</translation>
<translation id="4680961954980851756">เปิดใช้งานการป้อนอัตโนมัติ</translation>
<translation id="4693779768620889402">ปลายทางตามส่วนขยาย</translation>
<translation id="4699172675775169585">รูปภาพและไฟล์ในแคช</translation>
<translation id="4699592681017489215">นโยบายนี้กำหนดค่าการสลับในเครื่องที่จะใช้สำหรับการปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS ได้ การตรวจสอบจะพยายามหาว่าเบราว์เซอร์อยู่หลังพร็อกซีที่เปลี่ยนเส้นทางชื่อโฮสต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่
การตรวจจับนี้อาจไม่จำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อมแบบองค์กรที่รู้ค่ากำหนดของเครือข่าย เพราะการตรวจจับจะก่อให้เกิดปริมาณการจราจรของ DNS และ HTTP ในการเริ่มต้นและในการเปลี่ยนค่ากำหนด DNS แต่ละครั้ง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นเปิดใช้ การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS จะทำงาน หากตั้งค่าอย่างชัดแจ้งว่าปิดใช้ การตรวจสอบจะไม่ทำงาน</translation>
<translation id="4700190441681139987">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ เข้าถึงเซ็นเซอร์</translation>
<translation id="4703402283970867140">เปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะเพื่อขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง</translation>
<translation id="4722122254122249791">เปิดใช้การแยกเว็บไซต์สำหรับต้นทางที่เจาะจง</translation>
<translation id="4723122879352880315">การตั้งค่านี้อนุญาตให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ไปยังพร็อกซีที่มีการจัดการซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบสิทธิ์ NTLM โดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่ายไปยังพร็อกซีที่มีการจัดการ ในกรณีที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ไม่สำเร็จ จะมีการแสดงข้อความเตือนขอข้อมูลเข้าสู่ระบบจากผู้ใช้</translation>
<translation id="4723829699367336876">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากไคลเอ็นต์ที่เข้าถึงจากระยะไกล</translation>
<translation id="4725528134735324213">เปิดใช้ Android Backup Service</translation>
<translation id="4725801978265372736">กำหนดให้ชื่อผู้ใช้ในเครื่องและเจ้าของโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลต้องตรงกัน</translation>
<translation id="4733471537137819387">นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ในตัว</translation>
<translation id="4735099388031364207">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ใช้เอกสารรับรองระยะไกลกับอุปกรณ์ได้ ระบบจะสร้างใบรับรองโดยอัตโนมัติแล้วอัปโหลดไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการสร้างใบรับรองและเรียกใช้ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> ไม่สำเร็จ</translation>
<translation id="4742973303930120836">จำกัดโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง</translation>
<translation id="4752880493649142945">ใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับการเชื่อมต่อกับ RemoteAccessHostTokenValidationUrl</translation>
<translation id="4757053978738874325">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโน
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่เอาต์พุตเสียงสเตอริโอซึ่งรวมช่องสัญญาณเสียงที่ต่างกันเพื่อให้หูคนละข้างได้รับเสียงที่ต่างกัน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดเสียงแบบโมโนไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดเสียงแบบโมโนไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เสียงโมโนในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4787763197941188108">ลบล้างขนาดหน้าการพิมพ์เริ่มต้น
<ph name="PAGE_SIZE_NAME" /> ควรมีรูปแบบที่อยู่ในรายการ 1 รูปแบบ หรือมีรูปแบบ "ที่กำหนดเอง" หากไม่มีขนาดกระดาษที่จำเป็นอยู่ในรายการ หากระบุค่า "ที่กำหนดเอง" ก็ควรระบุพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="PAGE_SIZE_CUSTOM_SIZE" /> ซึ่งอธิบายความสูงและความกว้างที่ต้องการเป็นไมโครเมตรด้วย มิเช่นนั้นก็ไม่ควรมีการระบุพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="PAGE_SIZE_CUSTOM_SIZE" /> ระบบจะไม่สนใจนโยบายที่ละเมิดกฎนี้
หากไม่มีขนาดหน้าดังกล่าวในเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้เลือก ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้</translation>
<translation id="4790588245699320140">อนุญาตให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอ</translation>
<translation id="4802744647065138872">จำกัดจำนวนสแนปชอตข้อมูลผู้ใช้ที่เก็บรักษาไว้สำหรับใช้ในกรณีที่ต้องทำการย้อนกลับฉุกเฉิน</translation>
<translation id="4802905909524200151">กำหนดค่าพฤติกรรมอัปเดตเฟิร์มแวร์ <ph name="TPM_FIRMWARE_UPDATE_TPM" /></translation>
<translation id="4804828344300125154">รีบูตทุกครั้งเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ</translation>
<translation id="4807950475297505572">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดจะถูกลบจนกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation>
<translation id="4812270373673968774">การตั้งค่านโยบายเป็น "เสมอ" จะซ่อนแถบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> โดยอัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่เลย" จะแสดงแถบดังกล่าวเสมอ
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะซ่อนแถบดังกล่าวโดยอัตโนมัติหรือไม่</translation>
<translation id="4812714598405913256">กำหนดค่าข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติสำหรับนโยบาย DeviceMinimumVersion</translation>
<translation id="4816674326202173458">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นทั้งผู้ใช้หลักและรอง (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับการจัดการ)</translation>
<translation id="4826326557828204741">การกระทำที่จะดำเนินการเมื่อไม่มีการใช้งานจนถึงการหน่วงเวลาที่กำหนด ขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="482803100714220060">แสดง URL แบบเต็ม</translation>
<translation id="4832852360828533362">การรายงานผู้ใช้และอุปกรณ์</translation>
<translation id="4834526953114077364">ผู้ใช้ที่มีการใช้งานล่าสุดน้อยที่สุดที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบภายใน 3 เดือนที่ผ่านมาจะถูกลบจากกว่าจะมีที่ว่างเพียงพอ</translation>
<translation id="483544442646753291">ควบคุมประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้ที่ระบุไว้ใน <ph name="SYSTEM_FEATURES_DISABLE_LIST" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บล็อก" ฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะไม่สามารถใช้ได้ แต่ผู้ใช้จะยังคงมองเห็น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ซ่อน" ฟีเจอร์ที่ปิดใช้จะไม่สามารถใช้ได้และผู้ใช้จะมองไม่เห็น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือมีค่าไม่ถูกต้อง โหมดปิดใช้ของฟีเจอร์ของระบบจะ "ถูกบล็อก"</translation>
<translation id="4835470005923546373">ปิดใช้โหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="4835622243021053389">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์ NTLMv2</translation>
<translation id="4855636880814771207">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้เปิดหรือปิดบลูทูธได้
เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดบลูทูธ และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้
หมายเหตุ: ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบและลงชื่อเข้าใช้อีกครั้งจึงจะเปิดบลูทูธได้</translation>
<translation id="4856471929724652373">รายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ เช่น สถานะการอัปเดต เวอร์ชันของแพลตฟอร์ม การตรวจสอบอัปเดตครั้งล่าสุด การรีบูตครั้งล่าสุด
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลการอัปเดตระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="4858735034935305895">อนุญาตโหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="4861767323695239729">กำหนดค่าวิธีการป้อนข้อมูลที่อนุญาตในเซสชันผู้ใช้</translation>
<translation id="487460824085252184">ย้ายข้อมูลอัตโนมัติโดยไม่ขอคำยินยอมจากผู้ใช้</translation>
<translation id="4874982543810021567">บล็อก WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="4876805738539874299">เปิดใช้เวอร์ชันสูงสุดของ SSL ไว้</translation>
<translation id="4886783562285047261">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะบังคับให้มีการลงทะเบียน <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> และบล็อกกระบวนการเปิดตัว <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากไม่สำเร็จ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะแสดง <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> เป็นไม่บังคับและจะไม่บล็อกกระบวนการเปิดตัว <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากไม่สำเร็จ
การลงทะเบียนนโยบายระบบคลาวด์ตามขอบเขตของเครื่องบนเดสก์ท็อปจะใช้นโยบายนี้ ดูรายละเอียดที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/9301891?ref_topic=9301744</translation>
<translation id="4887274746092315609">เปิดใช้หน้าสำหรับการเปลี่ยนรหัสผ่านในเซสชันของผู้ใช้ SAML</translation>
<translation id="4890453377345554695">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์หรือไดเรกทอรีในระบบไฟล์ของระบบปฏิบัติการของโฮสต์ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_FILE_SYSTEM_WRITE_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="FILE_SYSTEM_WRITE_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="4892647988357350237">โดยค่าเริ่มต้น ข้อกำหนดในการให้บริการจะแสดงเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> จะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการไม่แสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรกหรือการเรียกใช้ครั้งต่อๆ ไป การตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="STANDARD_TOS_DIALOG" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการแสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรก ข้อสำคัญอื่นๆ ได้แก่
- นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Android ซึ่งมีการจัดการครบวงจรที่กำหนดค่าได้โดยผู้ให้บริการการจัดการปลายทางแบบรวม (Unified Endpoint Management)
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> นโยบาย BrowserSignin จะไม่มีผล
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> ระบบจะไม่ส่งเมตริกต่างๆ ไปยังเซิร์ฟเวอร์
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> เบราว์เซอร์จะมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น <ph name="SKIP_TOS_DIALOG" /> ผู้ดูแลระบบต้องแจ้งข้อมูลนี้กับผู้ใช้ปลายทางของอุปกรณ์</translation>
<translation id="4894290482695457375">นอกจากว่าจะตั้งค่าเป็น <ph name="ENABLE_MEDIA_ROUTER_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="MEDIA_ROUTER_CAST_ALLOW_ALL_IPS_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" จะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์ในทุกที่อยู่ IP ไม่ใช่แค่ที่อยู่ส่วนตัว RFC1918/RFC4193
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์เฉพาะในที่อยู่ RFC1918/RFC4193 เท่านั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายจะเชื่อมต่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> กับอุปกรณ์แคสต์เฉพาะในที่อยู่ RFC1918/RFC4193 เท่านั้น เว้นเสียแต่ว่ามีการเปิดใช้ฟีเจอร์ CastAllowAllIPs</translation>
<translation id="489803897780524242">พารามิเตอร์ที่ควบคุมตำแหน่งข้อความค้นหาสำหรับผู้ให้บริการค้นหาในค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="4899708173828500852">เปิดใช้ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="4906194810004762807">อัตราการรีเฟรชสำหรับนโยบายอุปกรณ์</translation>
<translation id="49093841899738146">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รวบรวมบันทึกเหตุการณ์ WebRTC จากบริการของ Google เช่น Hangouts Meet และอัปโหลดบันทึกไปยัง Google ได้ บันทึกเหล่านี้มีข้อมูลการวินิจฉัยสำหรับแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวกับการประชุมด้วยเสียงหรือการประชุมทางวิดีโอใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น เวลาและขนาดของแพ็กเก็ต RTP, ผลป้อนกลับเกี่ยวกับความหนาแน่นในเครือข่าย ตลอดจนข้อมูลเมตาเกี่ยวกับระยะเวลาและคุณภาพของเสียงและเฟรมของวิดีโอ บันทึกเหล่านี้ไม่มีเนื้อหาเสียงหรือวิดีโอจากการประชุม เพื่อให้แก้ไขข้อบกพร่องได้ง่ายขึ้น Google อาจเชื่อมโยงบันทึกเหล่านี้ (โดยใช้รหัสเซสชัน) กับบันทึกอื่นๆ ที่บริการของ Google รวบรวมไว้เอง
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะส่งผลให้ไม่มีการรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกดังกล่าว
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในเวอร์ชันตั้งแต่ M76 ลงมา โดยค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมหรืออัปโหลดบันทึกเหล่านี้ไม่ได้ เริ่มตั้งแต่เวอร์ชัน M77 ขึ้นไป ค่าเริ่มต้นของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมและอัปโหลดบันทึกเหล่านี้ได้จากโปรไฟล์ส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายองค์กรในระดับผู้ใช้บนระบบคลาวด์ ตั้งแต่เวอร์ชัน M77 ขึ้นไปจนถึงเวอร์ชัน M80 โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะรวบรวมและอัปโหลดบันทึกเหล่านี้ได้จากโปรไฟล์ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดการภายในองค์กรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="4917385247580444890">แรง</translation>
<translation id="4919122295221518724">เปิดใช้การดูแลที่เข้มงวดขึ้นสำหรับเนื้อหาผสม</translation>
<translation id="4920367374739265095">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดนโยบายการเข้าถึงที่ใช้กับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์จำนวนมาก โดยควบคุมว่าเครื่องพิมพ์เครื่องใดใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /> ที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> (ค่า 0) <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะจำกัดการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ระบุไว้ได้
* หากตั้งค่าเป็น <ph name="PRINTERS_WHITELIST" /> (ค่า 1) <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLCY_NAME" /> จะระบุเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่เลือกใช้งานได้
* <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" /> (ค่า 2) จะทำให้เครื่องพิมพ์ทั้งหมดแสดงขึ้นมา
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ <ph name="PRINTERS_ALLOW_ALL" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="4923806312383904642">อนุญาตให้ WebDriver ลบล้างนโยบายที่ใช้งานร่วมกันไม่ได้</translation>
<translation id="4927214690104703256">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดส่วนขยายที่ใช้ฟังก์ชันการทำงาน <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับเอกสารรับรองระยะไกลได้ ส่วนขยายต้องอยู่ในรายการนี้เพื่อใช้ API ดังกล่าว
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่มีการตั้งค่ารายการไว้ จะเรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="4927797103413916381">หาก <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="ABUSIVE_EXPERIENCE_INTERVENTION_ENFORCE_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือการไม่ตั้งค่าก็จะป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่
การตั้งค่า <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="ABUSIVE_EXPERIENCE_INTERVENTION_ENFORCE_POLICY_NAME" /> เป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation>
<translation id="4929721861648439998">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
ฟีเจอร์นี้ทำให้สลับโหมดของอุปกรณ์จากโหมดเสียงสเตอริโอที่เป็นค่าเริ่มต้นไปเป็นโหมดเสียงโมโนได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" โหมดเสียงโมโนจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โหมดเสียงโมโนจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้โหมดเสียงโมโนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="4942681160308347946">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอดังกล่าว
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที ฟีเจอร์นี้จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การอธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SPOKEN_FEEDBACK_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="494613465159630803">Cast Receiver</translation>
<translation id="494924690085329212">รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android เริ่มต้นแล้ว</translation>
<translation id="4952347392677351397">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์เข้าถึงและใช้เซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์
การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="ALLOW_SENSORS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="4954185885991137927">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดการรายงานแบบขยายของ Google Safe Browsing ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งส่งข้อมูลบางอย่างของระบบและเนื้อหาของหน้าไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อช่วยตรวจหาแอปและเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการส่งรายงาน
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะส่งรายงานหรือไม่
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation>
<translation id="4962262530309732070">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น True หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้เพิ่มบุคคลจากการจัดการผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตให้สร้างโปรไฟล์ใหม่จากการจัดการผู้ใช้</translation>
<translation id="4970855112942626932">ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="4977702914571821981">อนุญาตให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่อนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม (เช่น เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ที่บล็อกได้ (เช่น แบบแอ็กทีฟ) และที่ระบบจะอัปเกรดเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้ (เช่น แบบแพสซีฟ)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะบล็อกเนื้อหาผสมที่บล็อกได้ ส่วนเนื้อหาผสมที่เลือกบล็อกได้จะได้รับการอัปเกรด แต่ผู้ใช้จะตั้งค่าข้อยกเว้นให้แสดงเนื้อหาดังกล่าวในเว็บไซต์ที่เจาะจงได้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="4978533099939732984">แสดงคำเตือนพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อยเสมอ</translation>
<translation id="4980635395568992380">ประเภทข้อมูล:</translation>
<translation id="4983201894483989687">อนุญาตให้เรียกใช้ปลั๊กอินที่เก่าแล้ว</translation>
<translation id="4986560318567565414">เส้นทางไปยัง Chrome สำหรับการเปลี่ยนจากเบราว์เซอร์ทางเลือก</translation>
<translation id="4988291787868618635">การทำงานที่ต้องทำเมื่อถึงระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน</translation>
<translation id="4996068111491152684">ระบบจะไม่ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย</translation>
<translation id="4996086761250834365">อนุญาตการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ของ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="500149597848135831">เปิดใช้รูปแบบทั้งหมด</translation>
<translation id="5017369989680827157">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าให้ผู้ใช้ควบคุมการป้อนที่อยู่อัตโนมัติใน UI ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าการป้อนข้อความอัตโนมัติจะไม่แนะนำหรือกรอกข้อมูลที่อยู่ และจะไม่บันทึกข้อมูลที่อยู่อื่นๆ ที่ผู้ใช้ส่งขณะท่องเว็บ</translation>
<translation id="5021550478471824215">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายซึ่งกำหนดไว้ล่วงหน้า แต่ละรายการย่อยคือออบเจ็กต์ที่มีพร็อพเพอร์ตี้ 2 รายการ ได้แก่ <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /> และ <ph name="MODE_FIELD_NAME" />
URL พื้นที่แชร์ควรเป็น <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" />
สำหรับ <ph name="MODE_FIELD_NAME" /> ควรเป็น <ph name="MODE_ENUM_DROP_DOWN" /> หรือ <ph name="MODE_ENUM_PRE_MOUNT" />
* <ph name="MODE_ENUM_DROP_DOWN" /> บ่งชี้ว่าจะมีการเพิ่ม <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /> ลงในรายการการสำรวจพื้นที่แชร์
* <ph name="MODE_ENUM_PRE_MOUNT" /> บ่งชี้ว่าจะมีการต่อเชื่อม <ph name="SHARE_URL_FIELD_NAME" /></translation>
<translation id="5023555740504506178">หากเปิดใช้หรือไม่ได้กำหนดค่า (ค่าเริ่มต้น) หน้าเว็บจะใช้ API การแชร์หน้าจอ (เช่น getDisplayMedia() หรือ API ส่วนขยายสำหรับการจับภาพเดสก์ท็อป) เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้เลือกแท็บ หน้าต่าง หรือเดสก์ท็อปที่จะจับภาพได้
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ การเรียกใช้ API การแชร์หน้าจอจะไม่สำเร็จและมีข้อความแสดงข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="5025239932007658691">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ส่งการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เป็นครั้งคราวเพื่อเรียกการประทับเวลาที่ถูกต้อง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ให้ส่งการค้นหาเหล่านี้</translation>
<translation id="504116558738617678">แสดงคำเตือนพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อยเฉพาะในกรณีที่อุปกรณ์ไม่มีการจัดการหรือมีผู้ใช้เพียงคนเดียว</translation>
<translation id="5052278640307929670">การตั้งค่านโยบายทำให้สามารถรวมนโยบายที่เลือกเมื่อนโยบายมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตและระดับเดียวกัน
หากนโยบายอยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มาซึ่งมี
* ขอบเขตและระดับเดียวกัน: ค่าจะรวมอยู่ในรายการนโยบายใหม่
* ขอบเขตหรือระดับที่ต่างกัน: ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด
หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มา ขอบเขต หรือระดับ ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด</translation>
<translation id="5056708224511062314">ปิดใช้งานแว่นขยายหน้าจอ</translation>
<translation id="5058573563327660283">เลือกกลยุทธ์ที่ใช้ในการเพิ่มพื้นที่ว่างของดิสก์ระหว่างการล้างข้อมูลอัตโนมัติ (เลิกใช้แล้ว)</translation>
<translation id="5061114193960158745">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมรายการเว็บไซต์ที่จะไม่ทำให้มีการเปลี่ยนเบราว์เซอร์ ระบบจะถือว่ารายการย่อยแต่ละรายการเป็นกฎ กฎที่ตรงกันจะไม่เปิดเบราว์เซอร์สำรอง ซึ่งต่างจากนโยบาย <ph name="URL_LIST_POLICY_NAME" /> ที่กฎต่างๆ จะใช้กับทั้ง 2 ทาง เมื่อ Add-in ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> เปิดอยู่ ก็จะเป็นตัวควบคุมด้วยว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ควรเปิด URL เหล่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะไม่เพิ่มเว็บไซต์ลงในรายการ
โปรดทราบว่าคุณเพิ่มเอลิเมนต์ลงในรายการนี้ผ่านนโยบาย <ph name="EXTERNAL_SITELIST_URL_POLICY_NAME" /> ได้ด้วย</translation>
<translation id="5065753964276395784">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้ามพร็อกซีสำหรับรายชื่อโฮสต์ที่ระบุไว้ที่นี่ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="5067143124345820993">ลงชื่อเข้าใช้รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาต</translation>
<translation id="5073609397321802133">หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หน้าแท็บใหม่จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งพื้นหลัง ระบบจะนำพื้นหลังที่กำหนดเองที่มีอยู่ทั้งหมดออกอย่างถาวร แม้จะมีการตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" ในภายหลัง
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังในหน้าแท็บใหม่ได้</translation>
<translation id="5075190314377370852">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะตรวจสอบการเพิกถอนใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ได้รับการรับรองว่าใช้ได้โดยใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้ในเครื่องอยู่เสมอ หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้รับข้อมูลสถานะการเพิกถอน <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถือว่าใบรับรองดังกล่าวถูกเพิกถอน (hard-fail)
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้การตั้งค่าการตรวจสอบการเพิกถอนทางออนไลน์ที่มีอยู่</translation>
<translation id="5082572440690475059">อนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านผ่าน File System API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5085647276663819155">ปิดใช้งานหน้าตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="5087424855041813182">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงการแจ้งเตือนได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="5090209345759901501">ขยายการตั้งค่าเนื้อหา Flash ไปยังเนื้อหาทั้งหมด</translation>
<translation id="5090791951240382356">อนุญาตให้รวมนโยบายพจนานุกรมจากแหล่งที่มาต่างๆ</translation>
<translation id="5091315650312105069">อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />สำหรับ HTTP</translation>
<translation id="5103112931744164177">นโยบายนี้ควบคุมกลุ่มซอฟต์แวร์ที่จะใช้เพื่อสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ DNS ซึ่งได้แก่ ไคลเอ็นต์ DNS ของระบบปฏิบัติการ หรือไคลเอ็นต์ DNS ในตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้ไม่มีผลกับเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่จะใช้ เช่น หากมีการกำหนดค่าให้ระบบปฏิบัติการใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS ขององค์กร ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวก็จะใช้เซิร์ฟเวอร์เดียวกันนี้ด้วย นอกจากนี้ นโยบายยังไม่ได้ควบคุมว่าจะใช้ DNS-over-HTTPS หรือไม่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้รีโซลเวอร์ในตัวเมื่อมีคำขอ DNS-over-HTTPS เสมอ โปรดดูข้อมูลเกี่ยวกับการควบคุม DNS-over-HTTPS ในนโยบาย <ph name="DNS_OVER_HTTPS_MODE_POLICY_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ระบบจะใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว (หากมี)
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะมีการใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวเฉพาะเมื่อมีการใช้งาน DNS-over-HTTPS อยู่เท่านั้น
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ไคลเอ็นต์ DNS ในตัวจะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นใน <ph name="MAC_OS_NAME" />, <ph name="ANDROID_NAME" /> (เมื่อปิดใช้ทั้ง DNS ส่วนตัวและ VPN) และ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5105313908130842249">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="5108031557082757679">เครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์ขององค์กรที่มีการปิดใช้</translation>
<translation id="5109383437323376357">กำหนดความพร้อมใช้งานของรูปแบบต่างๆ</translation>
<translation id="5115168755602871392">รายงานข้อมูล CPU ของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานชื่อรุ่น สถาปัตยกรรม และความเร็วนาฬิกาสูงสุดของ CPU แต่ละตัว</translation>
<translation id="5119324103901618897">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงอุปกรณ์ USB โดยอัตโนมัติซึ่งมีผู้ให้บริการที่กำหนดและรหัสผลิตภัณฑ์ แต่ละรายการย่อยในรายการต้องมีทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> นโยบายจึงจะมีผล แต่ละรายการย่อยในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> อาจมีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และ <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การละเว้นช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่อง การละเว้นช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่กำหนด นโยบายที่มีช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่มีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล
โมเดลสิทธิ์ USB จะใช้ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังเพื่อให้สิทธิ์ URL ที่ส่งคำขอเข้าถึงอุปกรณ์ USB โดย URL ที่ส่งคำขออาจต่างจาก URL ที่มีการฝังเมื่อมีการโหลดเว็บไซต์ที่ส่งคำขอใน iframe ช่อง <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> จึงมีสตริง URL ได้สูงสุด 2 รายการซึ่งคั่นด้วยเครื่องหมายคอมม่าเพื่อระบุ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังตามลำดับ หากมีการระบุ URL เพียงรายการเดียว ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เกี่ยวข้องเมื่อ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอตรงกับ URL นี้ไม่ว่าสถานะการฝังจะเป็นอย่างไร URL ต้องเป็น URL ที่ถูกต้อง มิเช่นนั้น ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลหากตั้งค่าไว้ แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ในนโยบายนี้ไม่ควรขัดแย้งกับรูปแบบที่กำหนดค่าผ่าน <ph name="WEB_USB_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากขัดแย้งกัน นโยบายนี้จะมีความสำคัญสูงกว่า <ph name="WEB_USB_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="5124368997194894978">เปิดใช้การบูตด้วย AC (ไฟฟ้ากระแสสลับ)</translation>
<translation id="5141670636904227950">ตั้งค่าประเภทของแว่นขยายหน้าจอเริ่มต้นที่เปิดใช้งานบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5142301680741828703">แสดงรูปแบบ URL ต่อไปนี้ใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="514870861066611127">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลที่สามารถใช้ระบุผู้ใช้หรือไม่ เช่น ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ชื่อที่ใช้สำหรับเข้าสู่ระบบโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ชื่อโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เส้นทางโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเส้นทางที่เรียกใช้ได้ของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลที่ใช้ระบุผู้ใช้ได้
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5148753489738115745">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดพารามิเตอร์เพิ่มเติมที่จะนำมาใช้เมื่อ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> เปิดใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ คำสั่งที่เป็นค่าเริ่มต้นจะถูกนำมาใช้</translation>
<translation id="5152393033264257734">อนุญาตการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation>
<translation id="5152787786897382519">ทั้ง Chromium และ Google Chrome ต่างก็มีกลุ่มนโยบายที่พึ่งพากันและกันเพื่อให้การควบคุมฟีเจอร์หนึ่งๆ ชุดเหล่านี้แสดงด้วยกลุ่มนโยบายต่อไปนี้ เนื่องจากนโยบายมีแหล่งที่มาได้หลายแหล่ง ระบบจึงจะใช้เฉพาะค่าที่มาจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด และจะไม่สนใจค่าที่มาจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญต่ำในกลุ่มเดียวกัน ลำดับความสำคัญกำหนดไว้ใน <ph name="POLICY_PRIORITY_DOC_URL" /></translation>
<translation id="515816885693899426">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายจะทำให้หน้าเว็บที่ใช้ URL ต้องห้ามโหลดขึ้นมาไม่ได้ โดยจะมีรายการรูปแบบ URL ที่ระบุ URL ต้องห้ามไว้ การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการห้าม URL ใดเลยในเบราว์เซอร์ ให้จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) คุณกำหนดข้อยกเว้นใน <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
เริ่มจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 73 เป็นต้นไป คุณจะบล็อก URL javascript://* ได้ แต่จะมีผลเฉพาะกับ JavaScript ที่พิมพ์ลงในแถบที่อยู่ (หรือ bookmarklet เป็นต้น) นโยบายนี้ไม่มีผลกับ URL JavaScript แบบในหน้าเว็บและมีการโหลดข้อมูลแบบไดนามิก ตัวอย่างเช่น หากคุณบล็อก example.com/abc ไว้ example.com จะยังคงโหลด example.com/abc โดยใช้ XMLHTTPRequest ได้
หมายเหตุ: การบล็อก URL chrome://* ซึ่งใช้ภายในอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่คาดคิด</translation>
<translation id="5163002264923337812">เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้ผ่านเว็บแบบเก่า</translation>
<translation id="516520353995300280">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้การบังคับใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายชื่อผู้ออกใบรับรอง (CA) เดิมของกลุ่มใบรับรองซึ่งมีแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่ระบุ โฮสต์ที่เป็นองค์กรจะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ หากต้องการปิดใช้การบังคับใช้ แฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ต้องแสดงในใบรับรอง CA ที่ถือว่าเป็น CA เดิม โดย CA เดิม คือ CA ที่ได้รับความเชื่อถือต่อสาธารณะจากระบบปฏิบัติการอย่างน้อย 1 ระบบซึ่งรองรับโดย <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ไม่ใช่โครงการโอเพนซอร์ส Android หรือ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
ระบุแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช เครื่องหมายทับ และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ระบบรู้จักอัลกอริทึมของแฮชเพียงรายการเดียวนั่นคือ sha256 และจะไม่สนใจอัลกอริทึมของแฮชอื่นๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น</translation>
<translation id="5168529971295111207">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ให้ใช้ ProxyMode แทน
ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี
นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อไม่มีการระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
หากคุณเลือกที่จะไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบหรือตรวจหาพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ ระบบจะไม่สนใจตัวเลือกอื่นๆ ทั้งหมด
หากคุณเลือกการตั้งค่าพร็อกซีด้วยตนเอง คุณจะระบุตัวเลือกอื่นๆ ได้ใน "ที่อยู่หรือ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์", "URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี" และ "รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค" มีเฉพาะพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่
<ph name="PROXY_HELP_URL" />
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจตัวเลือกทั้งหมดที่เกี่ยวกับพร็อกซีที่ระบุไว้ในบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีเองได้</translation>
<translation id="5177260184597743704">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnSecurityEvent</translation>
<translation id="5179734767316042713">รายการของการตั้งค่าบริการเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise ที่จะใช้กับเครื่องมือเชื่อมต่อ <ph name="ON_SECURITY_EVENT_ENTERPRISE_CONNECTOR" /> Enterprise ซึ่งจะเรียกใช้งานเมื่อเกิดการดำเนินการด้านความปลอดภัยใน Chrome โดยจะรวมถึงคำตัดสินในแง่ลบจากเครื่องมือเชื่อมต่อ Enterprise การวิเคราะห์, การใช้รหัสผ่านซ้ำ, การนำทางไปยังหน้าที่ไม่ปลอดภัย และการดำเนินการอื่นๆ ของผู้ใช้ที่ละเอียดอ่อนต่อความปลอดภัย
ช่อง <ph name="ENTERPRISE_CONNECTOR_SERVICE_PROVIDER_FIELD" /> จะระบุว่าผู้ให้บริการการรายงานใดที่สอดคล้องกับการตั้งค่า
นโยบายนี้ตั้งค่าได้จากคอนโซล Google Admin เท่านั้น</translation>
<translation id="5182055907976889880">กำหนดค่า Google ไดรฟ์ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="5182483318861266793">กำหนดตำแหน่งชั้นวางให้อยู่ที่ด้านขวาของหน้าจอ</translation>
<translation id="5190426551516379357">การตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เลือกโหมดที่จำกัดต่ำกว่านี้ หากตั้งค่านี้เป็น
* "เข้มงวด" ระบบจะใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube เสมอ
* "ปานกลาง" ผู้ใช้อาจเลือกได้เฉพาะโหมดที่จำกัดปานกลางและโหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube แต่จะปิดใช้โหมดที่จำกัดไม่ได้
* "ปิด" หรือไม่ได้ตั้งค่า Chrome จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation>
<translation id="519247340330463721">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Safe Browsing</translation>
<translation id="5196520640744454600">เปิดใช้คีย์ติดหนึบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5206454085187851382">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="5208675398826212411">นโยบายนี้กำหนดลักษณะการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ตผ่านการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS การตรวจสอบจะพยายามหาว่าเบราว์เซอร์อยู่หลังพร็อกซีที่เปลี่ยนเส้นทางชื่อโฮสต์ที่ไม่รู้จักหรือไม่
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS และคำแนะนำการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ต ลักษณะการทำงานเหล่านี้จะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้นในรุ่น M88 แต่จะปิดใช้โดยค่าเริ่มต้นในรุ่นต่อไป
<ph name="DNS_INTERCEPTION_CHECKS_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็นนโยบายที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS ด้วย นโยบายนี้เป็นเวอร์ชันที่ยืดหยุ่นมากกว่าซึ่งอาจควบคุมแถบข้อมูลการเปลี่ยนเส้นทางอินทราเน็ตแยกต่างหากและอาจมีการขยายการใช้งานในอนาคต
หาก <ph name="DNS_INTERCEPTION_CHECKS_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือนโยบายนี้ขอปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น ระบบก็จะปิดใช้การตรวจสอบ</translation>
<translation id="5212118847531454979">อนุญาตให้คุณตั้งค่าระยะเวลา (หน่วยเป็นมิลลิวินาที) ที่จะแสดงการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้
ระหว่างช่วงเวลานี้ ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนอยู่เรื่อยๆ ว่าต้องทำการอัปเดต สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การแจ้งเตือนให้รีสตาร์ทจะปรากฏในถาดระบบตามนโยบาย <ph name="RELAUNCH_HEADS_UP_PERIOD_POLICY_NAME" /> สำหรับเบราว์เซอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมนูแอปจะเปลี่ยนไปเพื่อบ่งชี้ว่าผู้ใช้ต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่เมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 1 ใน 3 จากนั้นการแจ้งเตือนจะเปลี่ยนสีเมื่อระยะเวลาแจ้งเตือนผ่านไป 2 ใน 3 ของระยะเวลาทั้งหมด และเปลี่ยนสีอีกครั้งเมื่อการแจ้งเตือนครบกำหนด การแจ้งเตือนอื่นๆ ที่เปิดใช้โดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_POLICY_NAME" /> จะเป็นไปตามกำหนดเวลานี้
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 604,800,000 มิลลิวินาที (1 สัปดาห์)</translation>
<translation id="5212810195096589189">ระบุสิทธิ์ CLI สำหรับ VM</translation>
<translation id="5213038356678567351">เว็บไซต์ที่ไม่ควรทริกเกอร์การเปลี่ยนเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="5219844027738217407">สำหรับแอป Android นโยบายนี้จะส่งผลต่อไมโครโฟนเท่านั้น เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น True ไมโครโฟนจะปิดเสียงสำหรับแอป Android ทุกแอปโดยไม่มีข้อยกเว้น</translation>
<translation id="5220594484746830711">อนุญาตให้เปิดป๊อปอัปโดยมีการกำหนดเป้าหมายให้ <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> โต้ตอบกับหน้าที่เปิดป๊อปอัปเท่านั้น หากหน้าที่เปิดเลือกใช้การโต้ตอบดังกล่าวอย่างชัดแจ้ง</translation>
<translation id="5227647876065695164">นโยบายนี้ระบุลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชันในอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ การดาวน์เกรดเวอร์ชันคือการเปลี่ยนเป็นเวอร์ชันที่เสถียรกว่า เช่น จากเวอร์ชันเบต้าเป็นเวอร์ชันเสถียร
ค่าของนโยบายนี้จะมีผลกับการดาวน์เกรดเวอร์ชันที่ผู้ใช้เริ่มดำเนินการและการดาวน์เกรดเวอร์ชันที่ผู้ดูแลระบบเริ่มดำเนินการ
ในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าและรีเซ็ต หรือรอให้เวอร์ชันปัจจุบัน (หรือสูงกว่า) พร้อมใช้ในเวอร์ชันดังกล่าวและจะไม่มีการอัปเดตจนกว่าจะถึงเวอร์ชันที่ดาวน์เกรด
หากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนเริ่มดำเนินการดาวน์เกรดเวอร์ชัน ก็จะเลือกได้ว่าจะรีเซ็ตหรือรอ หรือตัวเลือกดังกล่าวสร้างไว้สำหรับผู้ใช้โดยอิงจากค่าของนโยบายนี้ หากผู้ดูแลระบบเริ่มดำเนินการดาวน์เกรดเวอร์ชันผ่านการตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> อุปกรณ์จะย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าในการตรวจสอบการอัปเดตครั้งถัดไปเมื่อมีการเลือกให้ย้อนกลับไว้เท่านั้น ไม่เช่นนั้น อุปกรณ์จะรอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบัน
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าไม่ถูกต้อง ลักษณะการทำงานจะเหมือนกับ "รอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบันในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน"</translation>
<translation id="523505283826916779">การตั้งค่าสำหรับการเข้าถึง</translation>
<translation id="52393120393725840">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้สามารถให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จดจำและบอกรหัสผ่านเมื่อลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์ครั้งต่อไป
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้บันทึกรหัสผ่านใหม่ไม่ได้ แต่รหัสผ่านที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้จะยังใช้ได้อยู่
หากตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไปเปลี่ยนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะปิดการบันทึกรหัสผ่านได้</translation>
<translation id="5239333626804545932">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome จะสแกนหาซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ในระบบอยู่เป็นระยะ และหากพบ ก็จะถามผู้ใช้ว่าต้องการนำซอฟต์แวร์ดังกล่าวออกไหม ระบบจะอนุญาตให้เรียกใช้การทำความสะอาด Chrome ด้วยตนเองจาก chrome://settings
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าฟีเจอร์ทำความสะอาด Chrome จะไม่มีการสแกนเป็นระยะ และจะเรียกใช้ด้วยตนเองไม่ได้
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome</translation>
<translation id="5245671702326993331">อนุญาตการแจ้งเตือนดั้งเดิม</translation>
<translation id="524637053580639111">เราจะนำนโยบายนี้ออกในเวอร์ชัน M82 โปรดใช้ DeviceMinimumVersion แทน
กำหนดค่าข้อกำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชันต่ำสุดที่อนุญาต เวอร์ชันที่ระบุด้านล่างถือเป็นเวอร์ชันที่ล้าสมัย และอุปกรณ์จะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ก่อนที่จะอัปเดตระบบปฏิบัติการ
หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่มีเซสชันของผู้ใช้ ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ออกจากระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเป็นเวอร์ชันใดก็ตาม
ในที่นี้ คำว่า "เวอร์ชัน" อาจหมายถึงเวอร์ชันที่เจาะจง เช่น "61.0.3163.120" หรือตัวเลขนำหน้าเวอร์ชัน เช่น "61.0" </translation>
<translation id="5247006254130721952">บล็อกการดาวน์โหลดที่อันตราย</translation>
<translation id="5249453807420671499">ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos ได้</translation>
<translation id="5252995168844634755">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอซึ่งอนุญาตให้แอปพลิเคชันต่างๆ ขยายไปยังหลายหน้าจอได้ ผู้ใช้จะปิดใช้เดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอสำหรับหน้าจอบางหน้าได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดเดสก์ท็อปแบบรวมหลายหน้าจอ และผู้ใช้จะเปิดไม่ได้</translation>
<translation id="5255162913209987122">สามารถรับคำแนะนำได้</translation>
<translation id="5257395339965216304">ข้อมูลแอปที่โฮสต์ไว้</translation>
<translation id="5264066441613395613">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าพร็อกซีสำหรับ Chrome และแอป ARC โดยไม่พิจารณาตัวเลือกเกี่ยวกับพร็อกซีทั้งหมดที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้
การตั้งค่านโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> จะยอมรับช่องต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> ซึ่งช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี
* <ph name="PROXY_PAC_URL_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซี
* <ph name="PROXY_SERVER_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์
* <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> รายการโฮสต์พร็อกซีที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะข้าม
ช่อง <ph name="PROXY_SERVER_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> เลิกใช้งานแล้วเพื่อใช้ช่อง <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> แทน ซึ่งช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี
สำหรับ <ph name="PROXY_MODE_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> หากคุณเลือกค่าต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_DIRECT" /> ระบบจะไม่ใช้พร็อกซีและจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_SYSTEM" /> ระบบจะใช้พร็อกซีของระบบและจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_AUTO_DETECT" /> ระบบจะไม่พิจารณาช่องอื่นๆ ทั้งหมด
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVER" /> ระบบจะใช้ช่อง <ph name="PROXY_SERVER_PROXY_SETTINGS_FIELD" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" />
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> ระบบจะใช้ช่อง <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_PAC_URL" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_PROXY_SETTINGS_FIELD" />
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="5273744932022326215">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์จะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์จะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="5283457834853986457">ปิดใช้เครื่องมือค้นหาปลั๊กอิน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="5285315763984334157">บล็อกการดาวน์โหลดที่ประสงค์ร้าย</translation>
<translation id="5288772341821359899">หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ WebRTC จะใช้งานพอร์ต UDP ตามช่วงพอร์ตที่ระบุ (รวมจุดสิ้นสุดด้วย)
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ หรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างหรือช่วงพอร์ตที่ไม่ถูกต้อง จะเป็นการอนุญาตให้ WebRTC ใช้พอร์ต UDP ที่ว่างอยู่พอร์ตใดก็ได้ในเครื่อง</translation>
<translation id="5290940294294002042">ระบุรายการปลั๊กอินที่ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดใช้งาน</translation>
<translation id="5293044154216294358">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นเกมไดโนเสาร์ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะเล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ขณะที่อุปกรณ์ออฟไลน์ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเล่นเกมดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ลงทะเบียนไว้ไม่ได้ แต่จะเล่นได้ในกรณีอื่นๆ</translation>
<translation id="529457411593078576">เปิดใช้ข้อกำหนดในการให้บริการเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก</translation>
<translation id="5303080953475303561">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมความถี่ที่หน้าจอล็อกขอรหัสผ่านสำหรับการปลดล็อกด่วน แต่ละครั้งที่หน้าจอล็อกปรากฏขึ้นมา หากการป้อนรหัสผ่านครั้งล่าสุดเกิดขึ้นก่อนกรอบเวลาที่ระบุโดยค่าที่เลือกไว้ การปลดล็อกด่วนจะไม่พร้อมใช้งาน หากผู้ใช้อยู่ในหน้าจอล็อกเกินระยะเวลานี้ หน้าจอล็อกจะขอรหัสผ่านในครั้งถัดไปที่ผู้ใช้ป้อนรหัสไม่ถูกต้องหรือเข้าสู่หน้าจอล็อกอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์ใดเกิดก่อน
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้ที่ใช้การปลดล็อกด่วนป้อนรหัสผ่านในหน้าจอล็อกทุกวัน</translation>
<translation id="5306186200045823863">เปิดใช้การเชื่อถือโครงสร้างพื้นฐาน PKI เดิมของ Symantec Corporation</translation>
<translation id="5307432759655324440">ความพร้อมใช้งานของโหมดไม่ระบุตัวตน</translation>
<translation id="5311275381462687162">กำหนดค่าเริ่มต้นของการตั้งค่าลักษณะการทำงานของคุกกี้ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิม</translation>
<translation id="5315367501385698459">การตั้งค่านโยบายทำให้คุณแสดงรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้าถึงอุปกรณ์ USB โดยอัตโนมัติโดยมีผู้ให้บริการที่กำหนดและรหัสผลิตภัณฑ์ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ แต่ละรายการย่อยในรายการต้องมีทั้งช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> และ <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> นโยบายจึงจะมีผล แต่ละรายการย่อยในช่อง <ph name="DEVICES_FIELD_NAME" /> อาจมีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> และ <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> การละเว้นช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่อง การละเว้นช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> จะสร้างนโยบายที่ตรงกับอุปกรณ์ทุกเครื่องที่มีรหัสผู้ให้บริการที่กำหนด นโยบายที่มีช่อง <ph name="PRODUCT_ID_FIELD_NAME" /> แต่ไม่มีช่อง <ph name="VENDOR_ID_FIELD_NAME" /> จะไม่มีผล
โมเดลสิทธิ์ USB จะใช้ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังเพื่อให้สิทธิ์ URL ที่ส่งคำขอเข้าถึงอุปกรณ์ USB โดย URL ที่ส่งคำขออาจต่างจาก URL ที่มีการฝังเมื่อมีการโหลดเว็บไซต์ที่ส่งคำขอใน iframe ช่อง <ph name="URLS_FIELD_NAME" /> จึงมีสตริง URL ได้สูงสุด 2 รายการซึ่งคั่นด้วยเครื่องหมายคอมม่าเพื่อระบุ URL ที่ส่งคำขอและ URL ที่มีการฝังตามลำดับ หากมีการระบุ URL เพียงรายการเดียว ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ที่เกี่ยวข้องเมื่อ URL ของเว็บไซต์ที่ส่งคำขอตรงกับ URL นี้ไม่ว่าสถานะการฝังจะเป็นอย่างไร URL ต้องเป็น URL ที่ถูกต้อง มิเช่นนั้น ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด (ไม่มีการเข้าถึงโดยอัตโนมัติ)</translation>
<translation id="5318185076587284965">เปิดใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="5323128137188992869">อนุญาตให้แคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์โดยใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น False ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ หากตั้งค่าเป็น True ผู้ใช้จะแคสต์เนื้อหาได้ และหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไม่สามารถแคสต์เนื้อหาไปยังอุปกรณ์ที่ใช้ Chrome OS ที่ลงทะเบียนไว้ แต่จะแคสต์ไปยังอุปกรณ์ที่ไม่ได้ลงทะเบียนได้</translation>
<translation id="5323200200131319468">เปิดใช้ฟีเจอร์อธิบายและอ่านออกเสียงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="532668836479219203">นโยบายนี้ควบคุมลักษณะการทำงานในการลงชื่อเข้าใช้ของเบราว์เซอร์ โดยให้คุณระบุว่าผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยบัญชีของตนและใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น การซิงค์ของ Chrome ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และใช้บริการที่เกี่ยวข้องกับบัญชีไม่ได้ ในกรณีนี้ฟีเจอร์ระดับเบราว์เซอร์อย่างเช่นการซิงค์ของ Chrome จะใช้งานไม่ได้และไม่มีให้ใช้งาน หากผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้และนโยบายนี้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะต้องออกจากระบบในครั้งถัดไปที่เรียกใช้ Chrome แต่ข้อมูลโปรไฟล์ในเครื่องของผู้ใช้ เช่น บุ๊กมาร์ก รหัสผ่าน ฯลฯ จะยังคงอยู่ ผู้ใช้จะยังคงลงชื่อเข้าใช้และใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail ได้ต่อไป
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์และจะมีการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์โดยอัตโนมัติเมื่อลงชื่อเข้าใช้บริการเว็บของ Google เช่น Gmail การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หมายถึงเบราว์เซอร์จะเก็บข้อมูลบัญชีของผู้ใช้ไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าระบบจะเปิดใช้การซิงค์ของ Chrome ไว้โดยค่าเริ่มต้น ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้แยกต่างหาก การเปิดใช้นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ปิดการตั้งค่าที่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์ หากต้องการควบคุมความพร้อมให้บริการของฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome ให้ใช้นโยบาย "SyncDisabled"
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "บังคับให้ลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการเลือกบัญชีและบังคับให้ผู้ใช้ต้องเลือกลงชื่อเข้าใช้บัญชีเพื่อที่จะใช้เบราว์เซอร์ ในกรณีของบัญชีที่จัดการ วิธีนี้ช่วยให้แน่ใจว่าจะมีการใช้งานและบังคับใช้นโยบายที่เกี่ยวข้องกับบัญชีนั้น การตั้งค่าดังกล่าวจะเปิดฟีเจอร์การซิงค์ของ Chrome สำหรับบัญชีนั้นไว้โดยค่าเริ่มต้น ยกเว้นกรณีที่ผู้ดูแลระบบโดเมนปิดใช้การซิงค์หรือการซิงค์ถูกปิดผ่านทางนโยบาย "SyncDisabled" ค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled จะตั้งไว้เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ที่มีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้แล้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7572556 ตัวเลือกนี้ใช้กับ Linux และ Android ไม่ได้และจะเปลี่ยนกลับไปเป็น "เปิดใช้การลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์" หากมีการใช้ตัวเลือกนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะตัดสินใจเองได้ว่าจะเปิดใช้ตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้เบราว์เซอร์หรือไม่ และใช้งานได้ตามที่เห็นสมควร</translation>
<translation id="532848608876725157">เปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS ที่มีการถอยหลังกลับที่ไม่ปลอดภัย</translation>
<translation id="5329007337159326804">คำเตือน: เราจะนำนโยบาย TLS เวอร์ชันสูงสุดออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทั้งหมดประมาณเวอร์ชัน 75 (ช่วงเดือนมิถุนายน 2019)
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เวอร์ชันสูงสุดเริ่มต้น
มิฉะนั้น อาจตั้งค่านโยบายเป็นค่าใดค่าหนึ่งระหว่าง "tls1.2" หรือ "tls1.3" เมื่อตั้งค่าแล้ว <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้เวอร์ชัน SSL/TLS ที่สูงกว่าเวอร์ชันที่ระบุไว้ และระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก</translation>
<translation id="5330684698007383292">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation>
<translation id="5331746669335642668">นโยบายระบบคลาวด์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะลบล้างนโยบายแพลตฟอร์ม</translation>
<translation id="5340105431123046323">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานรายการอินเทอร์เฟซเครือข่ายพร้อมด้วยประเภทและที่อยู่ฮาร์ดแวร์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานอินเทอร์เฟซเครือข่าย</translation>
<translation id="5346587320074666194">บล็อกสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5362531528507578966">ลบล้างโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลังที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5365476955714838841">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งสำหรับเบราว์เซอร์สำรอง</translation>
<translation id="5365946944967967336">แสดงปุ่ม "หน้าแรก" บนแถบเครื่องมือ</translation>
<translation id="5366977351895725771">หากตั้งค่าเป็นเท็จ การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลโดยผู้ใช้รายนี้จะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลใดๆ ที่มีอยู่แล้วจะยังคงมีอยู่
หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้รายนี้จะสามารถสร้างและจัดการผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้</translation>
<translation id="5369937289900051171">การพิมพ์สีเท่านั้น</translation>
<translation id="5370279767682621504">เปิดใช้การรองรับ HTTP/0.9 บนพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5371152055157582429">ผู้ใช้จะปรับแต่งพื้นหลังของหน้าแท็บใหม่ได้</translation>
<translation id="5377606826822211923">ควบคุมการใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้แต่ละราย</translation>
<translation id="5377668121137111316">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="537786648513450280">ควบคุมการใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="5379858577608862519">ระบุว่าอนุญาตการส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะกำหนดค่าการส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การส่งต่อพอร์ตไปยังคอนเทนเนอร์ Crostini</translation>
<translation id="538108065117008131">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จัดการประเภทเนื้อหาดังต่อไปนี้</translation>
<translation id="538768040137709073">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ส่งข้อความระหว่าง Chrome ในเดสก์ท็อปกับอุปกรณ์ Android ได้เมื่อมีการเปิดการซิงค์ไว้และผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดใช้ความสามารถในการส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดใช้ความสามารถในการส่งข้อความระหว่างอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้ Chrome
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์จะเปิดใช้โดยค่าเริ่มต้น
การตั้งค่านโยบายต่างๆ ในแพลตฟอร์มทั้งหมดขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ดูแลระบบ ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าเดียวในแพลตฟอร์มทั้งหมด</translation>
<translation id="5389798680516458665">การตั้งค่านโยบายนี้จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่อาจมีการแสดงรูปภาพได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_IMAGES_SETTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้
โปรดทราบว่าก่อนหน้านี้นโยบายนี้เปิดใช้อย่างไม่ถูกต้องใน Android แต่ Android ก็ไม่เคยรองรับฟังก์ชันนี้โดยสมบูรณ์</translation>
<translation id="5390083518957894426">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งทางออนไลน์ในหน้าจอล็อกสำหรับผู้ใช้ SAML</translation>
<translation id="5391388690191341203">บัญชีภายในอุปกรณ์สำหรับการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5393009997533871906">มีเฉพาะเครื่องพิมพ์ในรายการที่อนุญาตเท่านั้นที่จะแสดงต่อผู้ใช้</translation>
<translation id="5401696449591951427">เปิดใช้ <ph name="CHROME_DEVICES_LINK" /></translation>
<translation id="5405289061476885481">กำหนดค่ารูปแบบแป้นพิมพ์ที่อนุญาตให้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูล วิธีการป้อนข้อมูลที่ระบุจะพร้อมใช้งานในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ ระบบจะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลแรกที่ระบุไว้ล่วงหน้า เมื่อมีการทำงานบนพ็อดผู้ใช้ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ วิธีการป้อนข้อมูลที่ผู้ใช้ใช้ล่าสุดจะพร้อมใช้งานนอกเหนือจากวิธีการป้อนข้อมูลที่ได้จากนโยบายนี้ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ วิธีการป้อนข้อมูลในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้จะได้รับมาจากภาษาที่หน้าจอการลงชื่อเข้าใช้แสดง ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่ใช่ตัวระบุวิธีการป้อนข้อมูลที่ถูกต้อง</translation>
<translation id="5407008856008996384">อนุญาตการเข้าถึงเครื่องพิมพ์ CUPS</translation>
<translation id="5417906792459853336">รายงานข้อมูลสำหรับพื้นที่และการใช้งานแอปพลิเคชันของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลแอปพลิเคชันและการใช้งานของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5418892536013005088">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าจะลบประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดใน Chrome ได้ และผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าจะลบประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดไม่ได้ ทั้งนี้ การปิดใช้นโยบายนี้ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าระบบจะเก็บรักษาประวัติการท่องเว็บและประวัติการดาวน์โหลดไว้ ผู้ใช้อาจแก้ไขหรือลบไฟล์ฐานข้อมูลประวัติได้โดยตรง และเบราว์เซอร์อาจหมดอายุหรือเก็บถาวรรายการประวัติทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อใดก็ได้</translation>
<translation id="5422643441807528365">รหัสสัญญาอนุญาต <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="5423197884968724595">ชื่อข้อจำกัดของ Android WebView:</translation>
<translation id="5424147596523390018">อนุญาตโหมดสีทั้งหมด</translation>
<translation id="5427879482805712214">นโยบายนี้ให้คุณกำหนดค่ารูปโปรไฟล์ที่ใช้แสดงแทนผู้ใช้ในหน้าจอเข้าสู่ระบบ นโยบายนี้กำหนดได้ด้วยการระบุ URL ที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ดาวน์โหลดรูปโปรไฟล์และการแฮชแบบเข้ารหัสที่ใช้ในการยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลดได้ รูปภาพต้องอยู่ในรูปแบบ JPEG และมีขนาดไม่เกิน 512 KB ส่วน URL ก็ต้องเข้าถึงได้โดยไม่ต้องตรวจสอบสิทธิ์
ระบบจะดาวน์โหลดและแคชรูปโปรไฟล์ แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดและใช้รูปโปรไฟล์
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเลือกรูปโปรไฟล์ของตนเองในหน้าจอเข้าสู่ระบบได้</translation>
<translation id="5431392643649571773">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตให้ใช้การแคชย้อนหลัง เมื่อออกจากหน้าเว็บไป สถานะปัจจุบันของหน้า (โครงสร้างเอกสาร สคริปต์ ฯลฯ) อาจคงอยู่ในการแคชย้อนหลัง หากเบราว์เซอร์กลับมาที่หน้าดังกล่าว ระบบอาจกู้คืนหน้านั้นจากแคชย้อนหลังและแสดงหน้าในสถานะก่อนที่จะมีการแคช
ฟีเจอร์นี้อาจทำให้เกิดปัญหาในบางเว็บไซต์ที่ไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับการแคชลักษณะนี้ กล่าวคือบางเว็บไซต์จะต้องอาศัยเหตุการณ์ "<ph name="UNLOAD_HANDLER_NAME" />" ที่จะส่งไปเมื่อเบราว์เซอร์ออกจากหน้าดังกล่าว แต่จะไม่มีการส่งเหตุการณ์ "<ph name="UNLOAD_HANDLER_NAME" />" หากจัดเก็บหน้าไว้ในแคชย้อนหลัง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะบังคับให้ปิดใช้ฟีเจอร์
</translation>
<translation id="5442026853063570579">นโยบายนี้ยังควบคุมการเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Android เช่นกัน หากคุณตั้งค่านโยบายนี้เป็น "DeveloperToolsDisallowed" (ค่า 2) ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ หากตั้งค่านโยบายเป็นค่าอื่นหรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเข้าถึงตัวเลือกสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ด้วยการแตะหมายเลขบิลด์ 7 ครั้งในแอปการตั้งค่าของ Android</translation>
<translation id="5445596354079213552">นโยบายนี้มีผลเฉพาะเมื่อการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้วและอุปกรณ์มีเวอร์ชันไม่ตรงตามเวอร์ชันขั้นต่ำที่อนุญาตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ซึ่งตั้งค่าผ่านนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" />
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า
หากหมดเวลาคำเตือนตามที่ระบุไว้ในนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" /> ระบบจะแสดงข้อความนี้ที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบเมื่ออุปกรณ์บล็อกไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้
หากยังไม่หมดเวลาคำเตือนตามที่ระบุไว้ในนโยบาย <ph name="DEVICE_MINIMUM_VERSION_POLICY_NAME" /> ระบบจะแสดงข้อความนี้ในหน้าการจัดการของ Chrome หลังจากที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นว่างเปล่า ระบบจะแสดงข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติที่เป็นค่าเริ่มต้นให้แก่ผู้ใช้ในทั้ง 2 กรณีข้างต้น
ข้อความการหมดอายุของการอัปเดตอัตโนมัติต้องเป็นข้อความธรรมดาที่ไม่มีการจัดรูปแบบใดๆ และไม่อนุญาตให้ใช้มาร์กอัป</translation>
<translation id="5445719321399313760">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อหาแบบเต็มแท็บแก่ผู้ใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ป้องกันไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงข้อมูลผลิตภัณฑ์เป็นเนื้อหาแบบเต็มแท็บ
การตั้งค่านโยบายจะเป็นการควบคุมการนำเสนอหน้ายินดีต้อนรับซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />, กำหนดให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นของผู้ใช้ หรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์</translation>
<translation id="544654037134815017">นโยบายนี้จะควบคุมการแสดงการ์ดในหน้าแท็บใหม่ การ์ดจะแสดงจุดเข้าใช้งานเพื่อเริ่มการเข้าชมทั่วไปของผู้ใช้โดยอิงตามพฤติกรรมการท่องเว็บของผู้ใช้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หน้าแท็บใหม่จะไม่แสดงการ์ด
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะควบคุมการแสดงการ์ดได้ ค่าเริ่มต้นคือแสดงการ์ด
</translation>
<translation id="5457065417344056871">เปิดใช้โหมดผู้มาเยือนในเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="5457387982448145430">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้เมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้าได้ และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายรหัสผ่านที่บันทึกไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="5457924070961220141">ช่วยให้คุณสามารถกำหนดค่าตัวแสดงผล HTML เริ่มต้นเมื่อทำการติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> การตั้งค่าเริ่มต้นที่ใช้เมื่อไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้คือการอนุญาตให้เบราว์เซอร์ของโฮสต์ทำการแสดงผล แต่คุณสามารถเลือกที่จะแทนที่การตั้งค่านี้และทำให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="545817252640069915">เปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="5460797984317417682">เปิดใช้การแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="5464816904705580310">กำหนดการตั้งค่าสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="5466596281866046569">รายงานข้อมูลแอปพลิเคชัน</translation>
<translation id="546726650689747237">ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="5469143988693423708">อนุญาตให้ผู้ใช้เรียกใช้ Crostini ได้</translation>
<translation id="5469825884154817306">ปิดกั้นภาพบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5475361623548884387">เปิดใช้งานการพิมพ์</translation>
<translation id="547601067149622666">ไม่อนุญาตโฆษณาในเว็บไซต์ที่มีโฆษณาที่แทรก</translation>
<translation id="5483065054530244863">อนุญาตใบรับรองที่มีการรับรองของ SHA-1 ที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่</translation>
<translation id="5499375345075963939">นโยบายนี้มีการใช้งานในโหมดปลีกเท่านั้น
เมื่อค่าในนโยบายนี้มีการตั้งค่าและไม่เท่ากับ 0 ผู้ใช้การสาธิตที่เข้าสู่ระบบอยู่ในปัจจุบันจะออกจากระบบโดยอัตโนมัติหลังจากระยะเวลาที่ไม่ได้ทำกิจกรรมเลยช่วงเวลาที่ได้ระบุไว้
ค่าในนโยบายควรระบุด้วยหน่วยมิลลิวินาที</translation>
<translation id="5508307164752647432">เปิดใช้ฟังก์ชันการทำงานของ Kerberos</translation>
<translation id="5511702823008968136">เปิดใช้งานแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="5512418063782665071">URL ของหน้าแรก</translation>
<translation id="551639594034811656">นโยบายนี้จะกำหนดรายการเปอร์เซ็นต์ที่จะแบ่งส่วนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใน OU ที่จะอัปเดตต่อวันโดยเริ่มจากวันที่พบอัปเดตเป็นครั้งแรก เวลาที่พบจะมาทีหลังเวลาเผยแพร่อัปเดตเพราะอาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าอุปกรณ์จะตรวจหาอัปเดตหลังจากที่มีการเผยแพร่
คู่รายการ (วัน, เปอร์เซ็นต์) แต่ละคู่จะบอกจำนวนเปอร์เซ็นต์ของอุปกรณ์ที่จะต้องอัปเดตภายในจำนวนวันที่ระบุนับจากที่พบอัปเดต เช่น คู่รายการ [(4, 40), (10, 70), (15, 100)] หมายความว่า 40% ของอุปกรณ์ควรต้องอัปเดตภายใน 4 วันนับจากที่พบอัปเดตและ 70% ของอุปกรณ์ควรจะต้องอัปเดตภายใน 10 วัน คู่รายการต่อไปก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
หากมีการกำหนดค่าไว้ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่ใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_UPDATE_SCATTER_FACTOR_POLICY_NAME" /> ในการอัปเดต แต่จะใช้นโยบายนี้แทน
หากรายการนี้ว่างเปล่า จะไม่มีการกำหนดแบบทีละขั้นและระบบจะทำการอัปเดตตามนโยบายอื่นๆ ของอุปกรณ์
นโยบายนี้ไม่มีผลกับการเปลี่ยนช่อง</translation>
<translation id="5526184558582921522">อนุญาตคำค้นหาที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks และการดาวน์โหลดไฟล์การกำหนดค่าเฉพาะฮาร์ดแวร์ที่อาจเกิดขึ้น</translation>
<translation id="5526701598901867718">ทั้งหมด (ไม่ปลอดภัย)</translation>
<translation id="5530347722229944744">บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย</translation>
<translation id="5535973522252703021">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การมอบสิทธิ์ของ Kerberos</translation>
<translation id="554903022911579950">Kerberos</translation>
<translation id="555022085242359084">เปิดใช้โหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="555077880566103058">อนุญาตให้ทุกเว็บไซต์เรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="5559079916187891399">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Android</translation>
<translation id="5560039246134246593">เพิ่มพารามิเตอร์ไปยังการเรียกเมล็ดรูปแบบใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากระบุ จะเป็นการเพิ่มพารามิเตอร์ข้อความค้นหาที่เรียกว่า "restrict" ไปยัง URL ที่ใช้เพื่อเรียกเมล็ดรูปแบบ ค่าของพารามิเตอร์จะเป็นค่าที่ระบุในนโยบายนี้
หากไม่ระบุ จะไม่แก้ไข URL เมล็ดรูปแบบ</translation>
<translation id="5561811616825571914">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับเว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในหน้าลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="5565178130821694365">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 2 วัน (48 ชั่วโมง)</translation>
<translation id="5566210228171064229">อนุญาตการพิมพ์ทั้งกรณีที่มีและไม่มี PIN</translation>
<translation id="5572971233886879856">ระบุเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ส่วนหนึ่งที่จะใช้สำหรับค้นหาเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ การดำเนินการนี้ใช้กับนโยบาย <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /> เท่านั้น
หากใช้นโยบายนี้ จะมีเพียงเครื่องพิมพ์ในเซิร์ฟเวอร์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ผ่านนโยบายด้านอุปกรณ์
รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง "id" ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" />
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะเพิกเฉยต่อการกรองและจะพิจารณาเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ทั้งหมดที่ให้บริการโดย <ph name="DEVICE_EXTERNAL_PRINT_SERVERS_POLICY" /></translation>
<translation id="557360560705413259">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ commonName ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์เพื่อจับคู่ชื่อโฮสต์หากใบรับรองไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ตราบใดที่การตรวจสอบความถูกต้องและการเชื่อมโยงกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่องสำเร็จ
โปรดทราบว่าเราไม่แนะนำวิธีดังกล่าว เนื่องจากวิธีนี้อาจทำให้สามารถข้ามผ่านส่วนขยาย nameConstraints ซึ่งจำกัดชื่อโฮสต์ที่ใบรับรองได้รับสิทธิ์ให้ใช้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะไม่เชื่อถือใบรับรองเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName ที่มีชื่อ DNS หรือที่อยู่ IP</translation>
<translation id="5579179012798142131">การตั้งค่า ArcEnabled เป็น "จริง" จะเปิด ARC สำหรับผู้ใช้ เว้นแต่โหมดชั่วคราวหรือการลงชื่อเข้าสู่ระบบพร้อมกันหลายบัญชีเปิดอยู่ระหว่างเซสชันของผู้ใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้ระดับองค์กรจะใช้ ARC ไม่ได้</translation>
<translation id="5582429816116769246">อนุญาตให้คุณควบคุมว่าผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องพิมพ์ที่ไม่ใช่ขององค์กรได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ ผู้ใช้จะเพิ่ม กำหนดค่า และสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบของตนเองได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะเพิ่มและกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบของตนเองไม่ได้ และจะสั่งพิมพ์โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่มาพร้อมระบบซึ่งกำหนดค่าไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้ด้วย
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="USER_PRINTERS_ALLOWED" /> แทน
</translation>
<translation id="5583806683960333345">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งทำให้โทรศัพท์ Google แชร์อินเทอร์เน็ตมือถือกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ฮอตสปอตจากมือถือโดยอัตโนมัติ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="5584132346604748282">ควบคุมบริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation>
<translation id="5586942249556966598">ไม่ดำเนินการใดๆ</translation>
<translation id="5599461642204007579">การตั้งค่าการจัดการ <ph name="MS_AD_NAME" /></translation>
<translation id="5614865701790130558">บันทึกเหตุการณ์ของการติดตั้งส่วนขยายตามนโยบาย</translation>
<translation id="5618398258385745432">มีการใช้การตั้งค่าที่เชื่อมโยงกันก่อนการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้งเมื่อใช้การดูรหัสผ่าน ด้วยเหตุนี้ การตั้งค่าและนโยบายนี้จึงไม่มีผลต่อลักษณะการทำงานของ Chrome ซึ่งปัจจุบันมีลักษณะเหมือนกับว่ามีการตั้งค่านโยบายให้ปิดใช้การแสดงรหัสผ่านอย่างชัดเจนในหน้าการตั้งค่าตัวจัดการรหัสผ่าน หรือหมายความว่าหน้าการตั้งค่าจะมีเพียงตัวยึดตำแหน่ง และ Chrome จะแสดงรหัสผ่านต่อเมื่อผู้ใช้คลิก "แสดง" (และทำการตรวจสอบสิทธิ์อีกครั้ง หากจำเป็น) คำอธิบายเดิมของนโยบายนี้มีตามที่แสดงไว้ด้านล่าง
ควบคุมว่าจะให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านอย่างชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่านหรือไม่
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ตัวจัดการรหัสผ่านจะไม่อนุญาตให้แสดงรหัสผ่านที่เก็บไว้อย่างชัดเจนในหน้าต่างตัวจัดการรหัสผ่าน
หากคุณเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะดูรหัสผ่านของตนได้อย่างชัดเจนในตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="5619498195290770056">การตั้งค่านโยบายนี้จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ตั้งค่าคุกกี้ไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="5620392548325769024">เปิดใช้การแสดงหน้าต้อนรับเมื่อเปิดเบราว์เซอร์ครั้งแรกหลังการอัปเกรดระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="5630352020869108293">คืนค่าเซสชันล่าสุด</translation>
<translation id="5633871703004128675">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความ</translation>
<translation id="5641279111657132737">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTH_SERVER_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายจะระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ใดควรจะได้รับอนุญาตสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวม การตรวจสอบสิทธิ์แบบผสานรวมจะเปิดเฉพาะเมื่อ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้รับคำขอตรวจสอบสิทธิ์จากพร็อกซีหรือจากเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในรายการที่ได้รับอนุญาตนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะพยายามตรวจหาว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่บนอินทราเน็ตไหม หากใช่ก็จะตอบรับคำขอ IWA หากมีการตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินเทอร์เน็ต <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่สนใจคำขอ IWA จากเซิร์ฟเวอร์
หมายเหตุ: คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้</translation>
<translation id="5645779841392247734">อนุญาตให้ใช้คุกกี้บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="5646234199535103501">นโยบายการกำหนดค่าสำหรับเครื่องมือเชื่อมต่อ Chrome Enterprise OnBulkDataEntry</translation>
<translation id="5649046890958064703">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_NATIVE_PRINTERS_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="5652250453612826983">ควบคุมนโยบายการควบคุมดูแลโดยผู้ปกครองซึ่งใช้กับบัญชีของเด็กเท่านั้น
นโยบายเหล่านี้ไม่ได้ตั้งค่าในคอนโซลผู้ดูแลระบบ แต่เซิร์ฟเวอร์ Kids API เป็นผู้กำหนดค่าโดยตรง</translation>
<translation id="5656177735561364047">เปิดใช้ฟีเจอร์คลิปบอร์ดที่แชร์</translation>
<translation id="5657576769650058122">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดแป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอ (อุปกรณ์อินพุต Chrome OS) ไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดแป้นพิมพ์นี้ไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ (ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอเพื่อการช่วยเหลือพิเศษที่มีความสำคัญเหนือแป้นพิมพ์เสมือนได้ ดูนโยบาย VirtualKeyboardEnabled)
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์จะปิดอยู่ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงได้
หมายเหตุ: อาจมีการใช้กฎฮิวริสติกร่วมด้วยในการแสดงแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="5657752663637568277">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะแสดงคำเตือนการเลิกใช้งานของ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ต่อผู้ใช้หรือไม่ในกล่องโต้ตอบการแสดงตัวอย่างการพิมพ์หรือหน้าการตั้งค่า
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะซ่อนคำเตือนการเลิกใช้งาน
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้คำเตือนการเลิกใช้งานแสดงขึ้นมา</translation>
<translation id="5666457529647159548">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรองไคลเอ็นต์ที่ติดตั้งไว้</translation>
<translation id="567377007899266033">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะส่งรายงานเหตุการณ์การติดตั้งส่วนขยายสำคัญที่ทริกเกอร์โดยนโยบายไปยัง Google การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกเหตุการณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ค่าเริ่มต้นจะตั้งค่าเป็น "จริง"</translation>
<translation id="5676740747107495269">แสดงตัวเลือกการช่วยเหลือพิเศษในเมนูถาดระบบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5679540979548648200">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อุปกรณ์นี้ใช้การโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จักของ ADB และบังคับให้อุปกรณ์ทำ Powerwash หากเคยอนุญาตให้มีการโหลดจากแหล่งที่ไม่รู้จัก</translation>
<translation id="5689430183304951538">ขนาดหน้าของการพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="5691637243722588222">การตั้งค่านโยบายจะระบุรูปแบบการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> รองรับ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะใช้ทั้ง 4 รูปแบบ
ค่าที่ใช้ได้มีดังนี้
* basic
* digest
* ntlm
* negotiate
หมายเหตุ: คั่นค่าหลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation>
<translation id="5693469654327063861">อนุญาตให้ย้ายข้อมูล</translation>
<translation id="5695209488612697377">เปิดใช้การใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นในเมนูตามบริบท
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ การค้นหารายการในเมนูตามบริบทที่ต้องใช้ผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นของคุณจะใช้งานไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า รายการในเมนูตามบริบทสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นจะใช้งานได้
ระบบจะใช้ค่านโยบายเมื่อเปิดใช้นโยบาย <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เท่านั้น และจะไม่มีผลหากไม่เปิดใช้</translation>
<translation id="5697306356229823047">รายงานผู้ใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="570062449808736508">หากมีการตั้งค่านโยบายนี้เป็นสตริงที่ไม่ว่างเปล่า WebView จะอ่านข้อจำกัด URL จากผู้ให้บริการเนื้อหาที่มีชื่อผู้ออกใบรับรองที่ระบุ</translation>
<translation id="5708969689202733975">กำหนดค่าโหมดปลดล็อกด่วนที่ได้รับอนุญาต</translation>
<translation id="5715617256528927547">การตั้งค่านโยบายจะระบุอายุการใช้งาน (เป็นชั่วโมง) ของแคช Group Policy Object (GPO) ระบบใช้ GPO ที่มีระยะเวลาสูงสุดซ้ำได้ก่อนที่จะมีการดาวน์โหลดซ้ำ ระบบจะใช้ GPO ที่แคชไว้ซ้ำ (ตราบใดที่ยังเป็นเวอร์ชันเดิม) แทนการดาวน์โหลด GPO ซ้ำในการเรียกนโยบายทุกครั้ง
การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการแคช GPO ซึ่งทำให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานหนักขึ้น เนื่องจากระบบต้องดาวน์โหลด GPO ซ้ำทุกครั้งที่เรียกนโยบายแม้ว่า GPO จะเป็นรายการเดิมก็ตาม
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ GPO ที่แคชไว้ซ้ำได้เป็นเวลาสูงสุด 25 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การรีสตาร์ทและการออกจากระบบจะล้างแคช</translation>
<translation id="572155275267014074">การตั้งค่า Android</translation>
<translation id="5728154254076636808">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="5732972008943405952">นำเข้าข้อมูลแบบฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก</translation>
<translation id="5733040281451845496">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่าจะไม่มีการเริ่มการหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและการจำกัดความยาวของเซสชันจนกว่ากิจกรรมแรกของผู้ใช้จะเกิดขึ้นในเซสชัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้การหน่วงเวลาการจัดการพลังงานและการจำกัดความยาวของเซสชันเริ่มทันทีหลังจากที่เริ่มเซสชัน</translation>
<translation id="5735915264686983150">ซ่อนและบล็อกฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation>
<translation id="5738766588683307797">หากปิดใช้ <ph name="POWER_SMART_DIM_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="USER_ACTIVITY_SCREEN_DIM_DELAY_SCALE_POLICY_NAME" /> จะระบุเปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอเมื่อพบกิจกรรมของผู้ใช้ในขณะที่หน้าจอสลัวลง หรือไม่นานหลังจากที่หน้าจอถูกปิดไป เมื่อมีการปรับระดับการหน่วงเวลาการสลัว การปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ และการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวจะได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อรักษาระยะจากการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ค่าตัวคูณมาตราส่วนเริ่มต้น
หมายเหตุ: ค่าตัวคูณมาตราส่วนต้องเท่ากับ 100% ขึ้นไป</translation>
<translation id="5738892881453299672">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ที่ระบุเว็บไซต์ที่เข้าถึงเซ็นเซอร์ เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและเซ็นเซอร์แสงไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_SENSORS_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
หากมีรูปแบบ URL เดียวกันอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SENSORS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายนี้และสิทธิ์เข้าถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวหรือเซ็นเซอร์แสงจะถูกบล็อก
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="574098933844699859">ระบุว่าข้อมูลระบบ (เช่น เวอร์ชัน Chrome OS, หมายเลขซีเรียลของอุปกรณ์) แสดง (หรือซ่อน) เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ข้อมูลระบบจะถูกบังคับให้แสดง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ข้อมูลระบบจะถูกบังคับให้ซ่อน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การทำงานเริ่มต้น (แสดงสำหรับช่อง Canary/เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา) ผู้ใช้สลับการมองเห็นตามการทำงานเฉพาะได้ (เช่น Alt-V)</translation>
<translation id="5745980816926303222">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTOPLAY_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายอนุญาตให้วิดีโอเล่นโดยอัตโนมัติ (โดยไม่ต้องมีคำยินยอมจากผู้ใช้) พร้อมเนื้อหาเสียงใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล หากตั้งค่านโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" รูปแบบ URL ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะยังเล่นได้อยู่ หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="5749396052108288586">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_CLIENT_DOMAIN_LIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="574983287620584622">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5755002458331714762"> Web Components v0 API (Shadow DOM v0, Custom Elements v0 และ HTML Imports) เลิกใช้งานไปในปี 2018 และถูกปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นเริ่มตั้งแต่ในเวอร์ชัน M80 นโยบายนี้อนุญาตให้เลือกเปิดใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้อีกครั้งจนถึงเวอร์ชัน M84
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดใช้ฟีเจอร์ Web Components v0 สำหรับทุกเว็บไซต์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะปิดใช้ฟีเจอร์ Web Components v0 โดยค่าเริ่มต้นเริ่มตั้งแต่ในเวอร์ชัน M80
เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจาก Chrome 84</translation>
<translation id="5756680608782814094">รายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูล VPD ของอุปกรณ์
ข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่สำคัญ (VPD) เป็นคอลเล็กชันการกำหนดค่าและข้อมูลต่างๆ (เช่น หมายเลขชิ้นส่วนและหมายเลขซีเรียล) ที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์</translation>
<translation id="5765780083710877561">คำอธิบาย:</translation>
<translation id="5766438888216077649">อย่าตั้งค่า <ph name="WINDOW_OPENER_PROPERTY" /> สำหรับลิงก์ที่กำหนดเป้าหมาย <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /></translation>
<translation id="5770738360657678870">เวอร์ชันที่กำลังพัฒนา (อาจไม่เสถียร)</translation>
<translation id="5774856474228476867">URL การค้นหาของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="5775235485119094648">ชาร์จแบตเตอรี่ขณะอยู่ภายในช่วงคงที่</translation>
<translation id="5776485039795852974">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการแสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="5783009211970309878">ส่วนหัวและส่วนท้ายของการพิมพ์</translation>
<translation id="5790763087505467169">ลดการแจ้งเตือนการเรียกใช้อัตโนมัติของเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="5806128552675651249">อนุญาตเฉพาะการพิมพ์ที่ไม่มีกราฟิกพื้นหลังเท่านั้น</translation>
<translation id="5809210507920527553">ควบคุมการตั้งค่าของคอนเทนเนอร์ Linux (Crostini)</translation>
<translation id="5809728392451418079">ตั้งชื่อสำหรับแสดงสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="5814301096961727113">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเสียงพูดตอบรับบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="5815129011704381141">รีบูตอัตโนมัติหลังจากการอัปเดต</translation>
<translation id="582857022372205358">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านสั้น</translation>
<translation id="5832274826894536455">นโยบายที่เลิกใช้งาน</translation>
<translation id="5835253272509953988">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ช่วยให้ผู้ใช้สามารถให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตรวจสอบว่าชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่ป้อนรวมอยู่ในข้อมูลที่รั่วไหลด้วยหรือไม่
หากตั้งค่านโยบาย ผู้ใช้จะไปเปลี่ยนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอนุญาตให้ตรวจสอบการรั่วไหลของข้อมูลเข้าสู่ระบบ แต่ผู้ใช้ปิดได้ 
ลักษณะการทำงานนี้จะไม่ทริกเกอร์ในกรณีที่ (นโยบายหรือผู้ใช้) ปิดใช้ Google Safe Browsing หากต้องการบังคับให้ Google Safe Browsing เปิดใช้งาน ให้ใช้นโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือนโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_PROTETION_LEVEL_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="5836064773277134605">จำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่ใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="5837898601525273156">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> ไว้ การตั้งค่า <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" จะทำให้นโยบายการจัดการพลังงานของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงเปิดอยู่เสมอ (หากอุปกรณ์รองรับ) หากใช้อัลกอริทึมการชาร์จมาตรฐานและเทคนิคอื่นๆ นอกเวลาทำงาน โหมดนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้สูงสุด ในเวลาทำงาน ระบบจะใช้การชาร์จด่วน ซึ่งช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ระบุเวลาที่มีการใช้ระบบมากที่สุดในแต่ละวันด้วยเวลาเริ่มต้นและระยะเวลา
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่ขั้นสูงปิดอยู่เสมอ
ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="5845686745936515940">อนุญาตให้คุณเปลี่ยนคุกกี้ทั้งหมดกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมได้ การเปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงานเดิมทำให้คุกกี้ที่ไม่ได้ระบุแอตทริบิวต์ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็น "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />", นำข้อกำหนดที่คุกกี้ "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />" ต้องมีแอตทริบิวต์ "<ph name="ATTRIBUTE_SECURE_NAME" />" ออกไป และข้ามการเปรียบเทียบสกีมเมื่อประเมินว่าเว็บไซต์ 2 แห่งเป็นเว็บไซต์เดียวกันหรือไม่ ดูคำอธิบายแบบเต็มใน https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/cookie-legacy-samesite-policies
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ที่เป็นค่าเริ่มต้นของคุกกี้จะขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" />, ฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_NONE_MUST_BE_SECURE" /> และฟีเจอร์ <ph name="FEATURE_NAME_SCHEMEFUL_SAME_SITE" /> ซึ่งอาจมีการตั้งค่าโดยการทดสอบในวงจำกัด หรือโดยการเปิดหรือปิดใช้แฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" />, แฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SAMESITE_NONE_MUST_BE_SECURE" /> หรือแฟล็ก <ph name="FLAG_NAME_SCHEMEFUL_SAME_SITE" /> ตามลำดับ</translation>
<translation id="585270638818921943">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ</translation>
<translation id="5859344336338527083">การตั้งค่านโยบายจะระบุ URL ที่ติดตั้งส่วนขยาย แอป และธีมได้ ก่อน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 21 ผู้ใช้คลิกลิงก์เพื่อไปยังไฟล์ *.crx ได้ จากนั้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเสนอให้ติดตั้งไฟล์หลังจากแสดงคำเตือน 2-3 รายการ แต่ในเวอร์ชันต่อมา จะต้องมีการดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวและลากไปที่หน้าการตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านี้อนุญาตให้บาง URL มีขั้นตอนการติดตั้งแบบเก่าแต่ใช้งานง่ายกว่าได้
แต่ละรายการในลิสต์นี้เป็นรูปแบบการจับคู่สไตล์ส่วนขยาย (ดู https://developer.chrome.com/extensions/match_patterns) ผู้ใช้จะติดตั้งรายการต่างๆ ได้โดยง่ายจาก URL ที่ตรงกับรายการในลิสต์นี้ ทั้งตำแหน่งของไฟล์ *.crx และหน้าเว็บที่เริ่มการดาวน์โหลด (URL ที่มา) จะต้องได้รับอนุญาตจากรูปแบบเหล่านี้
<ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะมีความสำคัญเหนือนโยบายนี้ ซึ่งหมายความว่าระบบจะไม่ติดตั้งส่วนขยายที่อยู่ในรายการที่บล็อก แม้ว่าจะปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ในลิสต์นี้ก็ตาม</translation>
<translation id="5860010874344790473">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งบันทึกของระบบไปที่เซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อให้ผู้ดูแลระบบตรวจสอบได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่รายงานบันทึกของระบบ</translation>
<translation id="5861856285460256766">การกำหนดค่ารหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง</translation>
<translation id="5868414965372171132">การกำหนดค่าเครือข่ายระดับผู้ใช้</translation>
<translation id="587242272905978723">อนุญาตให้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> รวบรวมข้อมูลการใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> จะไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บรวบรวมข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> อาจเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ซึ่งต่อจากนั้นจะมีการรวมเข้าด้วยกันและวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="5875873062228321803">กำหนดค่าข้อกำหนดของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชันต่ำสุดที่อนุญาต
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการที่ไม่ว่างเปล่า
หากไม่มีรายการใดมี <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> สูงกว่าเวอร์ชันปัจจุบันของอุปกรณ์ ก็จะไม่มีการใช้ข้อจำกัดและข้อจำกัดที่มีอยู่แล้วจะถูกเพิกถอน
หากมีอย่างน้อย 1 รายการที่มี <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> สูงกว่าเวอร์ชันปัจจุบัน ระบบจะเลือกรายการที่มีเวอร์ชันสูงกว่าและใกล้เคียงกับเวอร์ชันปัจจุบันมากที่สุด
ในกรณีที่มีความขัดแย้ง ระบบจะเลือกรายการที่มี <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หรือ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> ต่ำกว่าและนำนโยบายนี้ไปใช้โดยใช้รายการนั้น
หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังมีการใช้งานและเครือข่ายปัจจุบันจำกัดการอัปเดตอัตโนมัติ ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนบนหน้าจอให้อัปเดตอุปกรณ์ภายใน <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> ซึ่งระบุในการแจ้งเตือนนั้น
จะไม่มีการแจ้งเตือนหากเครือข่ายปัจจุบันอนุญาตการอัปเดตอัตโนมัติและต้องมีการอัปเดตอุปกรณ์ภายใน <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" />
<ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> จะเริ่มนับจากเวลาที่นำนโยบายไปใช้
หากไม่มีการอัปเดตอุปกรณ์จนกระทั่ง <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลา ผู้ใช้จะออกจากระบบเซสชันที่ใช้งานอยู่โดยอัตโนมัติ
หากพบว่าเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในขณะที่มีการเข้าสู่ระบบและ <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลาแล้ว ระบบจะแจ้งให้ผู้ใช้อัปเดตอุปกรณ์ก่อนลงชื่อเข้าใช้
หากเวอร์ชันปัจจุบันล้าสมัยในระหว่างที่ผู้ใช้กำลังมีการใช้งานและการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้ว ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนบนหน้าจอให้ส่งคืนอุปกรณ์ภายใน <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" />
หากพบว่าการอัปเดตอัตโนมัติของอุปกรณ์ถึงวันหมดอายุแล้ว ณ เวลาที่ลงชื่อเข้าใช้โดยที่ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> หมดเวลาแล้ว ระบบจะบล็อกอุปกรณ์นั้นไม่ให้ผู้ใช้คนใดก็ตามลงชื่อเข้าใช้
เซสชันของผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนและจะถูกบังคับให้ออกจากระบบหากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="UNMANAGED_USER_RESTRICTED_PROPERTY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็น "เท็จ"
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็นว่างเปล่า จะไม่มีการใช้ข้อจำกัด ข้อจำกัดที่มีอยู่แล้วจะถูกเพิกถอน และผู้ใช้จะลงชื่อเข้าใช้ได้ไม่ว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเป็นเวอร์ชันใดก็ตาม
ในที่นี้ ค่า <ph name="CHROMEOS_VERSION_PROPERTY_NAME" /> อาจหมายถึงเวอร์ชันที่เจาะจง เช่น "13305.0.0" หรือตัวเลขนำหน้าเวอร์ชัน เช่น "13305"
ค่า <ph name="WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> และ <ph name="AUE_WARNING_PERIOD_PROPERTY_NAME" /> เป็นค่าที่ไม่บังคับและกำหนดให้ระบุเป็นจำนวนวัน ค่าเริ่มต้นคือ 0 วันซึ่งหมายความว่าไม่มีช่วงเวลาเตือน
<ph name="UNMANAGED_USER_RESTRICTED_PROPERTY_NAME" /> เป็นพร็อพเพอร์ตี้ที่ไม่บังคับโดยมีค่าเริ่มต้นเป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="5879014913445067283">ควบคุมการค้นหาพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายผ่าน <ph name="NETBIOS_NAME" /></translation>
<translation id="588135807064822874">เปิดใช้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหา</translation>
<translation id="5882345429632338713">หน่วงเวลาก่อนเปิดเบราว์เซอร์สำรอง (มิลลิวินาที)</translation>
<translation id="5883015257301027298">การตั้งค่าคุกกี้เริ่มต้น</translation>
<translation id="5883754873839596178">การตั้งค่านโยบายจะระบุจำนวนการเชื่อมต่อพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์พร้อมกันสูงสุด บางพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์จัดการการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นพร้อมกันจำนวนมากต่อไคลเอ็นต์ไม่ได้ ปัญหานี้แก้ไขได้โดยการตั้งค่านโยบายนี้ให้มีค่าต่ำลง ค่าไม่ควรเกิน 100 แต่สูงกว่า 6 เว็บแอปบางรายการนั้นเป็นที่ทราบว่าต้องใช้การเชื่อมต่อจำนวนมากเนื่องจากใช้ Hanging GET การตั้งค่าที่ต่ำกว่า 32 จึงอาจส่งผลให้การเชื่อมโยงเครือข่ายของเบราว์เซอร์ค้างได้ในกรณีที่เปิดเว็บแอปที่ใช้การเชื่อมต่อ Hanging เป็นจำนวนมากเกินไป คุณต้องยอมรับความเสี่ยงเองหากตั้งค่าต่ำกว่าค่าเริ่มต้น
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นที่ 32</translation>
<translation id="5887414688706570295">กำหนดค่าส่วนนำหน้าของ TalkGadget ที่จะถูกใช้โดยโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลและป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ทำการเปลี่ยนแปลง
หากมีการระบุไว้ ส่วนนำหน้านี้จะถูกนำมาวางไว้ข้างหน้าชื่อ TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักเพื่อสร้างชื่อโดเมนเต็มสำหรับ TalkGadget ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นส่วนหลักนี้คือ '.talkgadget.google.com'
หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ โฮสต์จะใช้ชื่อโดเมนที่กำหนดเองเมื่อเข้าถึง TalkGadget แทนการใช้ชื่อโดเมนค่าเริ่มต้น
หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า ชื่อโดเมน TalkGadget ที่เป็นค่าเริ่มต้น ('chromoting-host.talkgadget.google.com') จะถูกใช้สำหรับโฮสต์ทั้งหมด
ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งค่านโยบายนี้ โดยจะใช้ 'chromoting-client.talkgadget.google.com' เพื่อเข้าถึง TalkGadget เสมอ</translation>
<translation id="5890063326284543943">ควบคุมการใช้ Serial API</translation>
<translation id="5897913798715600338">ชาร์จแบตเตอรี่โดยใช้เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว</translation>
<translation id="5898486742390981550">เมื่อมีผู้ใช้หลายคนอยู่ในระบบ จะมีเพียงผู้ใช้หลักเท่านั้นที่ใช้แอป Android ได้</translation>
<translation id="5901427587865226597">การพิมพ์ 2 ด้านเท่านั้น</translation>
<translation id="5905473632148429217">เปิดใช้การตรวจสอบ OCSP/CRL ออนไลน์</translation>
<translation id="5907283448020542268">การตั้งค่า <ph name="GLS_ENABLED" /> จะเปิดบริการตำแหน่งของ Google ระหว่างการตั้งค่าเริ่มต้น เว้นแต่จะมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="DEFAULT_GEOLOCATION_SETTING_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="BLOCK_GEOLOCATION_SETTING" /> การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="GLS_DISABLED" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดบริการตำแหน่งไว้ระหว่างการตั้งค่า
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_UNDER_USER_CONTROL" /> จะส่งข้อความแจ้งผู้ใช้ว่าจะใช้บริการตำแหน่งของ Google หรือไม่ หากผู้ใช้เปิดบริการตำแหน่ง แอป Android จะใช้บริการดังกล่าวเพื่อค้นหาตำแหน่งของอุปกรณ์และส่งข้อมูลตำแหน่งแบบไม่ระบุตัวตนไปยัง Google ได้
หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดบริการตำแหน่งของ Google ได้</translation>
<translation id="5910810837616572201">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLACKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="BULK_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="NATIVE_PRINTERS_BULK_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="BULK_PRINTERS_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST" /> แทน</translation>
<translation id="591088232153082363">ชาร์จแบตเตอรี่แบบปรับอัตโนมัติโดยอิงตามรูปแบบการใช้งานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="5915023683182228340">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใช้โปรโตคอล QUIC ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ใช้โปรโตคอล QUIC ไม่ได้</translation>
<translation id="5921713479449475707">อนุญาตการดาวน์โหลดการอัปเดตอัตโนมัติผ่านทาง HTTP</translation>
<translation id="5929855945144989709">อนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน Chrome OS ได้</translation>
<translation id="5932767795525445337">นโยบายนี้ใช้เพื่อตรึงแอป Android ได้</translation>
<translation id="5946082169633555022">เวอร์ชันเบต้า</translation>
<translation id="5946329690214660966">ตั้งค่ากำหนดการที่กำหนดเองเพื่อตรวจหาอัปเดต</translation>
<translation id="5950069117106131681">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดส่วนหัวและส่วนท้ายในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดส่วนดังกล่าวในการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกได้เองว่าจะให้แสดงส่วนหัวและส่วนท้ายหรือไม่</translation>
<translation id="5951418260805607969">แสดงการแจ้งเตือนเมื่อพื้นที่ในดิสก์เหลือน้อย</translation>
<translation id="5958746038080720143">เปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาเว็บพร็อกซีอัตโนมัติ (WPAD)</translation>
<translation id="5959428851851090097">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้นโยบายระบบคลาวด์มีความสำคัญเหนือกว่าหากมีความขัดแย้งกับนโยบายแพลตฟอร์ม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้นโยบายแพลตฟอร์มมีความสำคัญเหนือกว่าหากมีความขัดแย้งกับนโยบายระบบคลาวด์
นโยบายที่บังคับนี้ส่งผลต่อนโยบายระบบคลาวด์ตามขอบเขตของเครื่อง</translation>
<translation id="5961137303188584693">ที่อยู่ MAC ของ NIC ในตัวของอุปกรณ์</translation>
<translation id="5966615072639944554">ส่วนขยายได้รับอนุญาตให้ใช้ API การยืนยันระยะไกล</translation>
<translation id="5975765799383881158">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ส่งความคิดเห็นไปให้ Google ได้ผ่านเมนู &gt; ความช่วยเหลือ &gt; รายงานปัญหาหรือการกดแป้นร่วมกัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้งาน" หมายความว่าผู้ใช้จะส่งความคิดเห็นไปให้ Google ไม่ได้</translation>
<translation id="5984237109586500246">ยอมรับเนื้อหาเว็บที่แสดงเป็น Signed HTTP Exchange</translation>
<translation id="5997543603646547632">ใช้เวลารูปแบบ 24 ชั่วโมงโดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="5997846976342452720">ระบุว่าควรปิดเครื่องมือค้นหาปลั๊กอินไหม (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="5998198091336830580">นโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มขนาดเล็กต่อไปนี้ (ระบบใช้เฉพาะนโยบายจากแหล่งที่มาที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดในกลุ่ม)</translation>
<translation id="6009062900206392980">การตั้งค่านโยบายเป็น "ไม่มี" จะปิดการขยายหน้าจอในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแว่นขยายหน้าจอได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที แว่นขยายหน้าจอจะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แว่นขยายหน้าจอจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
ค่าที่ใช้ได้ ได้แก่ • 0 = ปิด • 1 = เปิด • 2 = เปิดแว่นขยายหน้าจอบางส่วน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_SCREEN_MAGNIFIER_TYPE_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากมีการระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="6011969832398368671">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรี</translation>
<translation id="6012952794649558174">ใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="6015281292796053435">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูล Google Safe Browsing รวมถึงจำนวนคำเตือนของ Google Safe Browsing และจำนวนการคลิกผ่านคำเตือนของ Google Safe Browsing หรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูล Google Safe Browsing
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="6022948604095165524">การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation>
<translation id="6026722971789064331">ควบคุมการใช้ File System API สำหรับการเขียน</translation>
<translation id="602728333950205286">URL ค้นหาทันใจของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="603410445099326293">พารามิเตอร์สำหรับการแนะนำ URL ที่ใช้ POST</translation>
<translation id="6034341625190551415">ควบคุมเซสชันสาธารณะและประเภทบัญชีคีออสก์</translation>
<translation id="6034603289689965535">อนุญาตให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัประหว่างยกเลิกการโหลด</translation>
<translation id="6036523166753287175">เปิดใช้งานไฟร์วอลล์ Traversal จากโฮสต์สำหรับการเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="603768430528561926">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้อุปกรณ์ระดับองค์กรแลกรับข้อเสนอผ่านการลงทะเบียน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้จะแลกข้อรับเสนอเหล่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="6048199181629830227">เปิดใช้การจัดการการใช้ไฟจากแบตเตอรี่</translation>
<translation id="6053681087509103368">อนุญาตให้ WebRTC ใช้โปรโตคอล TLS/DTLS เวอร์ชันที่ล้าสมัย</translation>
<translation id="6058879286588763839">หากไม่ได้ระบุ <ph name="DEVICE_ADVANCED_BATTERY_CHARGE_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" /> ไว้ (ถ้าระบุ จะเป็นการลบล้าง <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" />) การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" /> จะระบุนโยบายการจัดการพลังงานของโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ (หากอุปกรณ์รองรับ) นโยบายจะควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่แบบไดนามิกโดยลดความเค้นและการสึกหรอให้เหลือน้อยที่สุด ทั้งนี้เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
การไม่ตั้งค่านโยบาย (หากอุปกรณ์รองรับ) จะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบมาตรฐาน และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
หมายเหตุ: หากเลือกโหมดการชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเอง ให้ระบุ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> ด้วย</translation>
<translation id="6066761914755798079">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาเพื่อจัดเตรียมการแนะนำการค้นหา URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งข้อความค้นหาของผู้ใช้จะมาแทนที่ในการค้นหา
คุณระบุ URL การค้นหาของ Google เป็น <ph name="GOOGLE_SUGGEST_SEARCH_URL" /> ได้</translation>
<translation id="6070667616071269965">รูปแบบแป้นพิมพ์ในหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์</translation>
<translation id="6074963268421707432">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="6074964551275531965">กำหนดระยะเวลาสำหรับการแจ้งเตือนการอัปเดต</translation>
<translation id="6075316301208933536">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_POLICY_NAME" /> เป็น <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_MODE_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> จะปรับแต่งเวลาที่แบตเตอรี่หยุดชาร์จ โดยอิงตามเปอร์เซ็นต์ของการชาร์จแบตเตอรี่ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> ต้องอยู่ที่จุดต่ำกว่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> อย่างน้อย 5%
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบ <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_STANDARD_MODE_NAME" /></translation>
<translation id="6082161804984853051">การตั้งค่านโยบายทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ไดเรกทอรีที่คุณให้ไว้สำหรับจัดเก็บไฟล์ที่แคชไว้ในดิสก์ ไม่ว่าจะระบุการตั้งค่าสถานะ --disk-cache-dir หรือไม่ก็ตาม
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ไดเรกทอรีแคชเริ่มต้น แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านั้นได้ด้วยการตั้งค่าสถานะบรรทัดคำสั่ง --disk-cache-dir
<ph name="PRODUCT_NAME" /> จะจัดการเนื้อหาของไดเรกทอรีรูทของวอลุ่ม ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญหายของข้อมูลหรือข้อผิดพลาดอื่นๆ โปรดอย่าตั้งค่านโยบายนี้เป็นไดเรกทอรีรูทหรือไดเรกทอรีอื่นที่ใช้สำหรับวัตถุประสงค์อื่นๆ ดูตัวแปรที่คุณใช้ได้ ( https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables )</translation>
<translation id="6083631234867522991">Windows (ไคลเอ็นต์ของ Windows):</translation>
<translation id="608788685013546076">กำหนดเกณฑ์ระดับแบตเตอรี่สำหรับโหมดพาวเวอร์พีคชิฟต์เป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="6089679180657323464">ควบคุมการตั้งค่าตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation>
<translation id="6091233616732024397">บังคับให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้เพื่อใช้เบราว์เซอร์</translation>
<translation id="6093156968240188330">ให้ผู้ใช้ระยะไกลโต้ตอบกับหน้าต่างที่ลอยอยู่ในเซสชันความช่วยเหลือระยะไกล</translation>
<translation id="6095048925836115505">เปิดใช้ฟีเจอร์แป้นพิมพ์เสมือนในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6097601282776163274">เปิดใช้การรวบรวมข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคลซึ่งผูกกับ URL</translation>
<translation id="6099853574908182288">โหมดสีการพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="6102342563050263313">เปิดใช้การเลื่อนไปยังข้อความที่เจาะจงใน Fragment ของ URL</translation>
<translation id="6107642964266628393">ควบคุมวิธีใช้และเวลาใช้อัปเดต Chrome OS</translation>
<translation id="6110478331147706293">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์ใน URL ที่ระบุ โฮสต์จะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ แต่จะทำให้ตรวจหาใบรับรองที่ออกอย่างไม่ถูกต้องได้ยากขึ้น
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น
URL มีรูปแบบดังนี้ ( https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format ) แต่เนื่องจากความถูกต้องของใบรับรองสำหรับชื่อโฮสต์หนึ่งๆ ขึ้นอยู่กับรูปแบบ พอร์ต หรือเส้นทาง <ph name="PRODUCT_NAME" /> จึงพิจารณาเพียงแค่ส่วนชื่อโฮสต์ของ URL เท่านั้น ไม่รองรับโฮสต์ไวลด์การ์ด</translation>
<translation id="6111936128861357925">อนุญาตให้เล่นเกมไดโนเสาร์ที่ซ่อนไว้ได้</translation>
<translation id="6123052603197028610">ไม่อนุญาตการค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Google เพื่อเรียกการประทับเวลา</translation>
<translation id="6132506775968708399">บล็อกคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="6133088669883929098">อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์</translation>
<translation id="6135398260575578389">Google Safe Browsing ทำงานในโหมดเพิ่มประสิทธิภาพ โหมดนี้รักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้นแต่ต้องมีการแชร์ข้อมูลการท่องเว็บกับ Google มากขึ้น</translation>
<translation id="6138636318340561140">ตรวจสอบสถานะ Google Safe Browsing ของ URL แบบเรียลไทม์</translation>
<translation id="6141402445226505817">ใช้การตรวจหาเขตเวลาคร่าวๆ ทุกครั้ง</translation>
<translation id="6144046700495610112">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายข้อมูลฟอร์มที่ป้อนอัตโนมัติไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="614616930188030377">รูปแบบในรายการนี้จะจับคู่กับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ
หากพบต้นทางที่ตรงกันหรือมีการปิดใช้ chrome://flags/#enable-webrtc-hide-local-ips-with-mdns ที่อยู่ IP ของเครื่องจะแสดงใน ICE Candidate ผ่าน WebRTC
หากไม่ ระบบจะปกปิดที่อยู่ IP ของเครื่องโดยใช้ชื่อโฮสต์ mDNS แทน
โปรดทราบว่าหากผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องปกป้อง IP ของเครื่อง นโยบายนี้จะทำให้การปกป้องนั้นด้อยประสิทธิภาพลง</translation>
<translation id="614662973812186053">นโยบายนี้จะยังควบคุมการใช้งาน Android และการรวบรวมข้อมูลการวินิจฉัยด้วยเช่นกัน</translation>
<translation id="6155350825868160236">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกหากใช้บริการเว็บของ Google เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation>
<translation id="6155936611791017817">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของเคอร์เซอร์ขนาดใหญ่บนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6157537876488211233">รายการกฎการข้ามพร็อกซีที่คั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค</translation>
<translation id="6158324314836466367">ชื่อเว็บสโตร์ขององค์กร (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="6172896675583897796">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอและส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant เข้าถึงบริบทบนหน้าจอไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="6178075938488052838">นโยบายนี้ควบคุมว่าใครเริ่มเซสชัน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้บ้าง แต่ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google เพิ่มเติมใน Android หากต้องการป้องกันการลงชื่อเข้าใช้ ให้กำหนดค่านโยบาย <ph name="ACCOUNT_TYPES_WITH_MANAGEMENT_DISABLED_CLOUDDPC_POLICY_NAME" /> เฉพาะสำหรับ Android ให้เป็นส่วนหนึ่งของ <ph name="ARC_POLICY_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="6181618732396778048">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรี</translation>
<translation id="6183327369896253878">การตั้งค่านโยบายนี้กำหนดตัวระบุแอปพลิเคชันที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แสดงเป็นแอปที่ตรึงไว้ในแถบ Launcher และผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้
ระบุแอป Chrome ได้จากรหัส เช่น pjkljhegncpnkpknbcohdijeoejaedia ระบุแอป Android ได้จากชื่อแพ็กเกจ เช่น com.google.android.gm และระบุเว็บแอปได้จาก URL ที่ใช้ใน <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" /> เช่น https://google.com/maps
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงรายการแอปที่ตรึงไว้ใน Launcher ได้</translation>
<translation id="6190022522129724693">การตั้งค่าป๊อปอัปเริ่มต้น</translation>
<translation id="6190367314942602985">รายงานข้อมูลประจำตัวของผู้ใช้</translation>
<translation id="6195802366906945965">กำหนดว่าจะใช้ตัวตรวจสอบใบรับรองในตัวเพื่อยืนยันใบรับรองเซิร์ฟเวอร์หรือไม่</translation>
<translation id="6205094657236844092">การตั้งค่านโยบายนี้จะเป็นการระบุรายการเว็บแอปที่ติดตั้งโดยผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ และจะถอนการติดตั้งหรือปิดไม่ได้
รายการย่อยแต่ละรายการในนโยบายคือออบเจ็กต์ที่มีสมาชิกที่จำเป็นซึ่งก็คือ <ph name="URL_LABEL" /> (URL ของเว็บแอปที่จะติดตั้ง) และสมาชิกที่ไม่บังคับ 2 รายการคือ <ph name="DEFAULT_LAUNCH_CONTAINER_LABEL" /> (สำหรับการเปิดเว็บแอป ค่าเริ่มต้นคือแท็บใหม่) และ <ph name="CREATE_DESKTOP_SHORTCUT_LABEL" /> (เป็น "จริง" หากคุณต้องการสร้างทางลัดบนเดสก์ท็อปสำหรับ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> และ Windows®)
ดูการตรึงแอปไว้ที่ชั้นวาง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่ <ph name="PINNED_LAUNCHER_APPS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="6208896993204286313">รายงานข้อมูลนโยบายของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6210259502936598222">รายงานข้อมูลระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6212868225782276239">เครื่องพิมพ์ทั้งหมดยกเว้นที่อยู่ในบัญชีดำจะปรากฏ</translation>
<translation id="6220835555850906733">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตเอาต์พุตเสียงทั้งหมดที่รองรับในอุปกรณ์ของผู้ใช้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่อนุญาตเอาต์พุตเสียงขณะที่ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้อยู่
หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับเอาต์พุตเสียงทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษที่เป็นเสียง อย่าปิดนโยบายนี้หากผู้ใช้ต้องการโปรแกรมอ่านหน้าจอ</translation>
<translation id="6221175752766085998">อนุญาตใบรับรองที่ออกโดย Trust Anchor ในพื้นที่ที่ไม่มีส่วนขยาย subjectAlternativeName</translation>
<translation id="6224304369267200483">URL/โดเมนอนุญาตการยืนยันกุญแจรักษาความปลอดภัยโดยตรงโดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6230442621691161858">ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ รวมแอป หน้าเว็บ และอื่นๆ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจ
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้คำแนะนำเนื้อหาใหม่ให้สำรวจสำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเปิดใช้สำหรับผู้ใช้อื่นๆ
</translation>
<translation id="6233173491898450179">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับดาวน์โหลด</translation>
<translation id="6234177445959386333">กำหนดค่ารายการ URL สำหรับเข้าสู่ระบบขององค์กรที่บริการป้องกันด้วยรหัสผ่านควรบันทึกแฮชที่ใช้ Salt ของรหัสผ่าน</translation>
<translation id="6242147107333796512">รายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรายงานข้อขัดข้อง เช่น รหัสระยะไกล การประทับเวลาการบันทึก และสาเหตุ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานข้อมูลเกี่ยวกับรายงานข้อขัดข้อง</translation>
<translation id="6244210204546589761">URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน</translation>
<translation id="6247316685259031374">นโยบายนี้ควบคุมกระบวนการของเสียงที่มีการใช้แซนด์บ็อกซ์
หากเปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยใช้แซนด์บ็อกซ์
หากปิดใช้นโยบายนี้ กระบวนการของเสียงจะทำงานโดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์และโมดูลการประมวลผลเสียง WebRTC จะทำงานในกระบวนการของโหมดแสดงภาพ
ซึ่งทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเรียกใช้ระบบย่อยของเสียงโดยไม่ใช้แซนด์บ็อกซ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับแซนด์บ็อกซ์เสียง ซึ่งอาจแตกต่างกันในแต่ละแพลตฟอร์ม
นโยบายนี้มีไว้เพื่อให้ความยืดหยุ่นแก่องค์กรในการปิดใช้แซนด์บ็อกซ์เสียง หากองค์กรใช้การตั้งค่าซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยที่รบกวนแซนด์บ็อกซ์</translation>
<translation id="6261643884958898336">รายงานข้อมูลการระบุเครื่อง</translation>
<translation id="6265892395051519509">อนุญาตให้เข้าถึงเซ็นเซอร์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6273015149273504999">
ระบุรายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ (ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ) ซึ่งผู้ใช้ถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้
ระบบจะให้สิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายขอโดยปริยาย โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องดำเนินการ ซึ่งรวมถึงสิทธิ์ที่แอป/ส่วนขยายเวอร์ชันใหม่ๆ ในอนาคตจะขอเพิ่มเติมด้วย <ph name="PRODUCT_NAME" /> จำกัดชุดสิทธิ์ที่ส่วนขยายจะขอได้
โปรดทราบว่า จะติดตั้งได้เฉพาะแอปและส่วนขยายที่อยู่ในรายชื่อที่อนุญาตซึ่งรวมอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น ทั้งนี้ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ระบบจะเพิกเฉยต่อรายการอื่นๆ ทั้งหมด
หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายชื่อนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายดังกล่าวโดยอัตโนมัติ
แต่ละรายการของนโยบายมีลักษณะเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยายและอาจมี URL "อัปเดต" ที่คั่นด้วยเครื่องหมายอัฒภาค (<ph name="SEMICOLON" />) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว เช่น ที่พบใน <ph name="CHROME_EXTENSIONS_LINK" /> เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL "อัปเดต" (หากระบุไว้) ควรชี้ไปยังเอกสาร XML ไฟล์ Manifest ของการอัปเดตตามที่อธิบายไว้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC1" /> โดยค่าเริ่มต้น ระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์ (ปัจจุบันคือ "https://clients2.google.com/service/update2/crx") โปรดทราบว่า URL "อัปเดต" ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น ส่วนการอัปเดตส่วนขยายในครั้งต่อๆ ไปจะใช้ URL อัปเดตที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย
ตัวอย่างเช่น <ph name="LOGIN_SCREEN_EXTENSION_POLICY_EXAMPLE" /> จะติดตั้งแอป <ph name="SMART_CARD_CONNECTOR_APP_NAME" /> จาก URL "อัปเดต" ของ Chrome เว็บสโตร์มาตรฐาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยายได้ที่ <ph name="LINK_TO_EXTENSION_DOC2" /></translation>
<translation id="6275497712828649588">ซ่อนคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย</translation>
<translation id="6275833043726517413">ควรใช้การใช้งาน <ph name="CORS" /> เดิมมากกว่า <ph name="CORS" /> ใหม่
หากตั้งค่านี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้การใช้งานเดิมซึ่งควรจะเข้ากันได้กับเวอร์ชันก่อนหน้า
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า การใช้งานใหม่อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านความเข้ากันได้เฉพาะสำหรับองค์กร
เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ <ph name="CORS" /> ได้ที่ <ph name="CORS_HELP_URL" />
โปรดทราบว่าเราได้ประกาศว่าจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 82 แต่ได้นำออกในเวอร์ชัน 84</translation>
<translation id="6279722058145292462">การตั้งค่านโยบายจะระบุจำนวนวันของความถี่ที่ไคลเอ็นต์จะเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง ไคลเอ็นต์จะสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มและไม่แสดงต่อผู้ใช้ การปิดใช้นโยบายนี้หรือการตั้งค่าจำนวนวันที่สูงจะส่งผลเสียต่อการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากทำให้ผู้ที่อาจโจมตีมีเวลามากขึ้นในการหาและใช้รหัสผ่านบัญชีของเครื่อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่องทุก 30 วัน
การตั้งค่านโยบายเป็น 0 จะปิดการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชีของเครื่อง
หมายเหตุ: รหัสผ่านอาจเก่ากว่าจำนวนวันที่ระบุไว้หากไคลเอ็นต์ออฟไลน์เป็นเวลานาน</translation>
<translation id="6280973140313576289">บังคับใช้เครื่องมือเลือกโปรไฟล์เมื่อเริ่มต้นระบบ</translation>
<translation id="6281043242780654992">กำหนดค่านโยบายสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่อยู่ในบัญชีดำจะไม่ได้รับอนุญาตเว้นเสียแต่ว่าจะถูกกำหนดให้อยู่ในรายการที่อนุญาตพิเศษ</translation>
<translation id="6282524907402492171">แสดงคำเตือนการเลิกใช้งาน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="6282799760374509080">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับเสียง</translation>
<translation id="6284362063448764300">TLS 1.1</translation>
<translation id="6300871921951390976">ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนเวอร์ชันการเผยแพร่ของอุปกรณ์หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" เท่านั้น หากนโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนเวอร์ชัน
การตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_POLICY_NAME" /> จะมีผลเฉพาะในกรณีที่ตั้งค่า <ph name="CHROME_OS_RELEASE_CHANNEL_DELEGATED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ"</translation>
<translation id="6305373713165475629">การตั้งค่านโยบายนี้จะลบล้างโหมดการพิมพ์สีเริ่มต้น หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบายนี้</translation>
<translation id="6310223829319187614">เปิดใช้การเติมชื่อโดเมนอัตโนมัติระหว่างการลงชื่อเข้าใช้ของผู้ใช้</translation>
<translation id="631081324835911099">บังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์บัญชีหลักของผู้ใช้ไม่ถูกต้อง
นโยบายนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่จำกัดในผลิตภัณฑ์และบริการบนอินเทอร์เน็ตของ Google
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะนำผู้ใช้ออกจากระบบทันทีที่โทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์ของผู้ใช้ไม่ถูกต้องและพยายามคืนค่าโทเค็นนี้ไม่สำเร็จ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะทำงานต่อได้ในสถานะที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="631183702829488873">เมื่อเปิดใช้ไว้ ฟีเจอร์นี้จะแสดงปุ่มในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก ซึ่งจะช่วยให้แสดงรหัสผ่านได้
ปุ่มนี้จะแสดงเป็นไอคอนรูปดวงตาในช่องข้อความรหัสผ่าน ปุ่มดังกล่าวจะไม่แสดงเมื่อปิดใช้ฟีเจอร์นี้อยู่
</translation>
<translation id="6313170479290171718">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เมื่อลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอไว้เมื่อลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดแป้นพิมพ์บนหน้าจอได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ แป้นพิมพ์บนหน้าจอจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_VIRTUAL_KEYBOARD_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="6319198883324703402">ตั้งเวลาของการแจ้งเตือนการเปิดใหม่ของผู้ใช้คนแรก</translation>
<translation id="6330882599388782338">อนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงเซ็นเซอร์</translation>
<translation id="6331167725613770725">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนแสดงกล่องคำเตือนหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงกล่องคำเตือนที่แจ้งผู้ใช้ว่ากำลังจะเริ่มตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ จะไม่มีกล่องคำเตือนปรากฏขึ้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว
ข้อความเตือนจะแสดงต่อเมื่อการทำงานสำหรับการไม่มีความเคลื่อนไหวคือการออกจากระบบหรือการปิดเครื่อง</translation>
<translation id="6332546092866098577">บล็อกสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านผ่าน File System API ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6334330017384340264">นโยบายนี้จะระบุว่าแอปพลิเคชันและ URL ใดควรได้รับอนุญาตสำหรับข้อจำกัดการใช้งานต่อแอป
รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้กับแอปที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ที่มีการจำกัดเวลาต่อแอป
รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้เฉพาะกับบัญชีผู้ใช้ที่เป็นเด็กและมีผลเมื่อมีการตั้งค่านโยบาย <ph name="PER_APP_TIME_LIMITS_POLICY_NAME" />
รายการที่อนุญาตที่กำหนดจะใช้กับแอปพลิเคชันและ URL เพื่อไม่ให้ถูกบล็อกโดยการจำกัดเวลาต่อแอป
การเข้าถึง URL ที่อนุญาตจะไม่นับรวมในการจำกัดเวลาของ Chrome
เพิ่มนิพจน์ทั่วไปของ URL ไปยังรายการ |url_list| เพื่อเพิ่ม URL ที่ตรงกับนิพจน์ทั่วไปใดๆ ในรายการลงในรายการที่อนุญาต
เพิ่มแอปพลิเคชันพร้อม |app_id| และ |app_type| ของแอปไปยังรายการ |app_list| เพื่อเพิ่มแอปพลิเคชันนั้นลงในรายการที่อนุญาต
</translation>
<translation id="6337782882143073193">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน
ปิดใช้รูปแบบโปรโตคอลที่ระบุไว้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
URL ที่ใช้รูปแบบจากรายการนี้จะไม่โหลดขึ้นมาและคุณจะไปยัง URL เหล่านั้นไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือรายการยังว่างอยู่ รูปแบบทั้งหมดจะเข้าถึงได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6338982178236723271">รายงานข้อมูลระบบ</translation>
<translation id="6347363725343851058">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดใช้โหมดเบื้องหลัง ในโหมดเบื้องหลัง การประมวลผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะเริ่มต้นเมื่อมีการลงชื่อเข้าใช้ระบบปฏิบัติการและจะยังทำงานอยู่เมื่อมีการปิดเบราว์เซอร์หน้าต่างสุดท้าย ซึ่งทำให้แอปในเบื้องหลังและเซสชันการท่องเว็บ รวมถึงคุกกี้ทุกเซสชันทำงานต่อไป การประมวลผลในเบื้องหลังจะแสดงไอคอนในถาดระบบและปิดได้ทุกเมื่อจากตำแหน่งดังกล่าว
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดใช้โหมดเบื้องหลัง
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า โหมดเบื้องหลังจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="6353890097388312479">การตั้งค่านโยบายเป็น "All" (0) หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขการตั้งค่าความน่าเชื่อถือของใบรับรอง CA ทั้งหมด ลบใบรับรองที่ผู้ใช้นำเข้า และนำเข้าใบรับรองโดยใช้ตัวจัดการใบรับรองได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "UserOnly" (1) ทำให้ผู้ใช้จัดการได้เฉพาะใบรับรองที่ผู้ใช้นำเข้า และจะเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความน่าเชื่อถือของใบรับรองในเครื่องไม่ได้ การตั้งค่าเป็น "None" (2) ทำให้ผู้ใช้ดูใบรับรอง CA ได้ (จัดการไม่ได้)</translation>
<translation id="6362856770865555544">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD (Web Proxy Auto-Discovery) ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ซึ่งทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ต้องรอเซิร์ฟเวอร์ WPAD แบบใช้ DNS เป็นเวลานานขึ้น
ไม่ว่าจะมีการตั้งค่านโยบายนี้หรือไม่ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าการเพิ่มประสิทธิภาพ WPAD ไม่ได้</translation>
<translation id="6366574325767783825">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะยอมรับเนื้อหาเว็บที่แสดงเป็น Signed HTTP Exchange
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะป้องกันไม่ให้ Signed HTTP Exchange โหลด</translation>
<translation id="6368011194414932347">กำหนดค่า URL ของหน้าแรก</translation>
<translation id="6368403635025849609">อนุญาตให้ใช้ JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6372105930898423193">อนุญาตให้เปิดใช้ฟีเจอร์ AppCache อีกครั้งหากฟีเจอร์นี้ปิดอยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6376659517206731212">อาจเป็นข้อบังคับ</translation>
<translation id="6377355597423503887">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน
อนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้ คุณกำหนดค่าได้ว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หรือไม่ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะเป็นการป้องกันแอปและส่วนขยายที่ใช้ chrome.identity API ไม่ให้ทำงาน คุณจึงอาจต้องใช้ SyncDisabled แทน</translation>
<translation id="6378076389057087301">ระบุว่ากิจกรรมเสียงมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation>
<translation id="6378393933102834628">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" แสดงทางลัดของแอป การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าทางลัดนี้จะไม่ปรากฏขึ้น
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะแสดงหรือซ่อนทางลัดของแอปในเมนูตามบริบทของแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="6394350458541421998">นโยบายนี้ได้ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 29 โปรดใช้นโยบาย PresentationScreenDimDelayScale แทน</translation>
<translation id="6401669939808766804">ออกจากระบบให้ผู้ใช้</translation>
<translation id="640244877779556713">เปิดใช้คำแนะนำอีโมจิ</translation>
<translation id="6407093060083181305">กำหนดค่ารายการที่บล็อกสำหรับการติดตั้งส่วนขยาย</translation>
<translation id="6417265370957905582">Google Assistant</translation>
<translation id="6422575351619065453">ในโหมดคีออสก์ นโยบายนี้ควบคุมว่าเมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะแสดงหรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะแสดงเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่า เมนูการช่วยเหลือพิเศษแบบลอยจะไม่แสดงเลย</translation>
<translation id="6424485010103067949"><ph name="OMA_URI" />:</translation>
<translation id="6424486395812679373">เริ่มการตรวจสอบของ Google Safe Browsing ในไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมด</translation>
<translation id="6438364096042399634">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดรายการอุปกรณ์ USB ที่ผู้ใช้จะปลดออกจากไดรเวอร์ Kernel เพื่อใช้งานผ่าน chrome.usb API ในเว็บแอปโดยตรงได้ รายการต่างๆ เป็นการจับคู่ระหว่างตัวระบุผู้ให้บริการ USB และตัวระบุผลิตภัณฑ์เพื่อที่จะระบุฮาร์ดแวร์ที่เจาะจง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย รายการอุปกรณ์ USB ที่ปลดออกได้จะว่างเปล่า
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="USB_DETACHABLE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน
</translation>
<translation id="6438972408080276697">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะส่งรายงานเหตุการณ์การติดตั้งแอป Android สำคัญที่ทริกเกอร์โดยนโยบายไปยัง Google การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกเหตุการณ์</translation>
<translation id="6440051664870270040">อนุญาตให้เว็บไซต์นำทางและเปิดป๊อปอัปพร้อมกันได้</translation>
<translation id="6447948611083700881">การสำรองและกู้คืนข้อมูลปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="6449476513004303784">ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรอง</translation>
<translation id="6453641799812499182">เปิดใช้การลดการตรวจสอบ <ph name="CORS" /> ในการนำ <ph name="CORS" /> ใหม่ไปใช้</translation>
<translation id="645425387487868471">เปิดใช้การบังคับลงชื่อเข้าใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="6458361632497500815">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้ทั้งหมดใช้งาน <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ได้ตราบใดที่มีการเปิดใช้ทั้ง 3 นโยบาย ได้แก่ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" />, <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_UNAFFILIATED_CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าผู้ใช้ที่ไม่ได้เชื่อมโยงจะใช้งาน <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ไม่ได้ การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มคอนเทนเนอร์ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> ใหม่ ไม่ใช่คอนเทนเนอร์ที่ทำงานอยู่แล้ว</translation>
<translation id="646376229090051440">ให้คุณกำหนดรายการโปรโตคอล และรายการที่เชื่อมโยงของรูปแบบต้นทางที่อนุญาตสำหรับแต่ละโปรโตคอล ซึ่งเปิดแอปพลิเคชันภายนอกได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้ ไม่ควรใส่ตัวคั่นข้างหลังเมื่อระบุโปรโตคอล เช่น ให้ใช้ "skype" แทน "skype:" หรือ "skype://"
หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะอนุญาตให้โปรโตคอลเปิดแอปพลิเคชันภายนอกโดยไม่มีข้อความแจ้งจากนโยบายในกรณีที่มีการระบุโปรโตคอลดังกล่าวเท่านั้น และโดยที่ต้นทางของเว็บไซต์ไม่พยายามเปิดใช้งานโปรโตคอลที่ตรงกับต้นทางรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในรายการ allowed_origins ในโปรโตคอลนั้น หากเงื่อนไขเป็น "เท็จ" นโยบายจะไม่ละเว้นข้อความแจ้งการเปิดใช้งานโปรโตคอลภายนอก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย โปรโตคอลทั้งหมดจะเปิดใช้งานได้ต่อเมื่อมีข้อความแจ้งโดยค่าเริ่มต้นเท่านั้น ผู้ใช้เลือกไม่รับข้อความแจ้งแบบรายโปรโตคอล/รายเว็บไซต์ได้หากนโยบาย <ph name="EXTERNAL_PROTOCOL_DIALOG_SHOW_ALWAYS_OPEN_CHECKBOX_POLICY_NAME" /> ไม่ได้ตั้งค่าเป็น "ปิดใช้" นโยบายนี้ไม่มีผลต่อการยกเว้นข้อความแจ้งแบบรายโปรโตคอล/รายเว็บไซต์ที่ผู้ใช้ตั้งค่า
รูปแบบที่ตรงกันของต้นทางใช้รูปแบบที่คล้ายกับของนโยบาย "<ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />" ตามที่บันทึกไว้ที่ http://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format
แต่รูปแบบที่ตรงกันของต้นทางในนโยบายนี้ต้องไม่มีองค์ประกอบ "/path" หรือ "@query" ระบบจะไม่สนใจรูปแบบที่มีองค์ประกอบ "/path" หรือ "@query"</translation>
<translation id="6464074037294098618">เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับที่อยู่</translation>
<translation id="6467613372414922590">อนุญาตให้ใช้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมระดับผู้ใช้ (ติดตั้งโดยไม่มีสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบ)</translation>
<translation id="6473623140202114570">กำหนดค่ารายการโดเมนที่ Safe Browsing จะไม่เรียกให้คำเตือนแสดง</translation>
<translation id="647698599569353771">อนุญาตให้เปิดใช้การแชร์ใกล้เคียง</translation>
<translation id="6478261301433199402">การตั้งค่านโยบายจะระบุรูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้ ระบุนโยบายนี้เป็นสตริงรูปแบบ JSON โดยที่ <ph name="URL_PLUGIN_VM_IMAGE_FIELD" /> ระบุตำแหน่งที่จะดาวน์โหลดรูปภาพและ <ph name="HASH_PLUGIN_VM_IMAGE_FIELD" /> เป็นแฮช SHA-256 ที่ใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="6491139795995924304">อนุญาตบลูทูธบนอุปกรณ์</translation>
<translation id="6491872498385040936">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว ลองใช้ <ph name="FORCE_YOUTUBE_RESTRICT_POLICY_NAME" /> ซึ่งจะลบล้างนโยบายนี้และช่วยให้ปรับแต่งการตั้งค่าได้ละเอียดยิ่งขึ้น
บังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางใน YouTube และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบังคับใช้โหมดที่จำกัดปานกลางเป็นอย่างน้อยใน YouTube อยู่เสมอ
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube แต่นโยบายภายนอก เช่น นโยบายของ YouTube อาจยังคงบังคับใช้โหมดที่จำกัด</translation>
<translation id="6492737559291967859">การตั้งค่านโยบายจะระบุภาษาที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ตั้งค่า ระบบจะใช้ภาษาแรกที่ใช้ได้จากรายการต่อไปนี้
1) ภาษาที่ผู้ใช้ระบุ (หากกำหนดค่าไว้)
2) ภาษาของระบบ
3) ภาษาสำรอง (en-US)</translation>
<translation id="6495337487202227251">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="SCREEN_LOCK_DELAYS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะล็อกหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
วิธีที่แนะนำสำหรับการล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวก็คือการเปิดใช้การล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว นโยบายนี้ควรใช้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการใช้การระงับการใช้งานเมื่อไม่ใช้งานเลยเท่านั้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="6506239283767807745">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="NOTE_TAKING_APPS_LOCK_SCREEN_ALLOWLIST" /> แทน
การตั้งค่านโยบายจะระบุแอปที่ผู้ใช้เปิดเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้
หากแอปที่ต้องการอยู่ในหน้าจอล็อก องค์ประกอบ UI สำหรับการเปิดแอปจดโน้ตที่ต้องการจะปรากฏขึ้นในหน้าจอ เมื่อเปิดแล้ว แอปจะสร้างหน้าต่างทับหน้าจอล็อกและสร้างโน้ตในบริบทนี้ได้ แอปจะนำเข้าโน้ตที่สร้างไว้ไปยังเซสชันหลักของผู้ใช้ได้เมื่อเซสชันนั้นไม่ได้ล็อก แอปที่ใช้ได้ในหน้าจอล็อกต้องเป็นแอปจดโน้ตของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายหมายความว่าผู้ใช้จะเปิดแอปในหน้าจอล็อกได้หากรหัสส่วนขยายของแอปอยู่ในค่ารายการของนโยบาย ดังนั้น การตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่าจะเป็นการปิดใช้การจดโน้ตในหน้าจอล็อก ไม่จำเป็นว่านโยบายที่มีรหัสแอปจะทำให้ผู้ใช้เปิดแอปดังกล่าวเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกได้ ตัวอย่างเช่น ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 61 แพลตฟอร์มยังจำกัดชุดแอปที่พร้อมใช้งานด้วย
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปิดใช้ชุดแอปในหน้าจอล็อกได้โดยไม่มีข้อจำกัดจากนโยบาย</translation>
<translation id="6506486086262398387">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ฟีเจอร์พื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ NTLM สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ไปยังพื้นที่แชร์ SMB หากจำเป็น การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการตรวจสอบสิทธิ์ NTLM ไปยังพื้นที่แชร์ SMB
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ลักษณะการทำงานตามค่าเริ่มต้นเป็น "ปิด" สำหรับผู้ใช้ที่มีการจัดการและเป็น "เปิด" สำหรับผู้ใช้อื่นๆ</translation>
<translation id="6513080278353546913">กำหนดค่าอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้จะควบคุมอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บที่เลือก
ประเภทข้อมูลที่มี ได้แก่ <ph name="DATA_TYPE_BROWSING_HISTORY" />, <ph name="DATA_TYPE_DOWNLOAD_HISTORY" />, <ph name="DATA_TYPE_COOKIES_AND_OTHER_SITE_DATA" />, <ph name="DATA_TYPE_CACHED_IMAGES_AND_FILES" />, <ph name="DATA_TYPE_PASSWORD" />, <ph name="DATA_TYPE_AUTOFILL" />, <ph name="DATA_TYPE_SITE_SETTINGS" /> และ <ph name="DATA_TYPE_HOSTED_APP_DATA" />
Chrome จะนำข้อมูลประเภทที่เลือกไว้ที่มีอายุนานกว่า <ph name="TIME_TO_LIVE_IN_HOURS" /> ออกอยู่เสมอ เนื่องจากการลบนี้จะเกิดขึ้นในบางช่วงเวลาเท่านั้น ข้อมูลบางอย่างจึงอาจมีอายุการใช้งานนานกว่าเล็กน้อย แต่จะไม่เกิน 2 เท่าของ <ph name="TIME_TO_LIVE_IN_HOURS" /> ที่คาดไว้
นโยบายนี้กำหนดให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "จริง" มิเช่นนั้นระบบจะไม่สนใจนโยบายดังกล่าว
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับแพลตฟอร์ม ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์ที่ระดับแพลตฟอร์ม
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ระดับผู้ใช้ ก็ควรจะปิดใช้การซิงค์สำหรับผู้ใช้รายดังกล่าวเพื่อให้นโยบายนี้มีผล
</translation>
<translation id="6515357889978918016">รูปภาพ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="6518102411616460786">รอให้เวอร์ชันที่เลือกไว้อัปเดตให้เท่ากับเวอร์ชันปัจจุบันในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation>
<translation id="6520802717075138474">นำเข้าเครื่องมือค้นหาจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="6532026122543921610">หากนโยบาย <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_POLICY_NAME" /> ไม่ปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายก็จะกำหนดวิธีตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ ซึ่งผู้ใช้เปลี่ยนแปลงไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น
* <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONDISABLED" /> จะปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ
* <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TTIMEZONEAUTOMATICDETECTIONIPONLY" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยใช้เมธอดแบบ IP เท่านั้น
* <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONSENDWIFIACCESSPOINTS" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยส่งรายชื่อจุดเข้าใช้งาน Wi-Fi ที่มองเห็นไปยังเซิร์ฟเวอร์ Geolocation API อย่างต่อเนื่องเพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด
* <ph name="POLICY_ENUM_SYSTEMTIMEZONEAUTOMATICDETECTION_TIMEZONEAUTOMATICDETECTIONSENDALLLOCATIONINFO" /> จะเปิดการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติไว้เสมอ โดยส่งข้อมูลตำแหน่ง (เช่น จุดเข้าใช้งาน Wi-Fi, เสาสัญญาณมือถือที่เข้าถึงได้, GPS) ไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อการตรวจหาเขตเวลาอย่างละเอียด
หากไม่ได้ตั้งค่า ตั้งค่าไว้เป็น "ให้ผู้ใช้เลือก" หรือตั้งค่าไว้เป็น "ไม่มี" ผู้ใช้จะควบคุมการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติโดยใช้ส่วนควบคุมปกติใน chrome://settings</translation>
<translation id="6532769014584932288">อนุญาตการทำงานขณะล็อก</translation>
<translation id="6536600139108165863">เริ่มต้นใหม่โดยอัตโนมัติเมื่ออุปกรณ์ปิดเครื่อง</translation>
<translation id="6539246272469751178">นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อแอป Android โดยแอป Android จะใช้ไดเรกทอรีการดาวน์โหลดเริ่มต้นเสมอ และไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ใดๆ ที่ดาวน์โหลดโดย <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ลงในไดเรกทอรีการดาวน์โหลดที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="654303922206238013">กลยุทธ์การย้ายข้อมูลสำหรับ eCryptfs</translation>
<translation id="654546276700640113">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบบังคับใช้ความยาว PIN สูงสุดที่กำหนดค่าไว้ ค่า 0 หรือน้อยกว่าหมายความว่าผู้ใช้จะตั้ง PIN ที่มีความยาวเท่าใดก็ได้ หากค่าน้อยกว่า <ph name="PIN_UNLOCK_MINIMUM_LENGTH_POLICY_NAME" /> แต่มากกว่า 0 แสดงว่าได้ตั้งค่าความยาวสูงสุดเป็นความยาวขั้นต่ำ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีการบังคับใช้ความยาวสูงสุด</translation>
<translation id="6553143066970470539">เปอร์เซ็นต์ความสว่างหน้าจอ</translation>
<translation id="6558362593755624474">การตั้งค่านโยบายจะระบุรหัสสัญญาอนุญาต <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์นี้</translation>
<translation id="6559057113164934677">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ เข้าถึงกล้องและไมโครโฟน</translation>
<translation id="6559221564468029245">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าทำให้ผู้ใช้ไม่ถูกพิจารณาว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะกำลังเล่นเสียง ซึ่งจะป้องกันระยะหมดเวลาเนื่องจากไม่ความเคลื่อนไหวและป้องกันการตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว แต่จะยังมีการหรี่แสงหน้าจอ การปิดหน้าจอ และการล็อกหน้าจอหลังจากระยะหมดเวลาที่กำหนดค่าไว้ แม้จะมีกิจกรรมเสียงก็ตาม
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ระบบสามารถระบุว่าผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้จะมีกิจกรรมเสียง</translation>
<translation id="6559475864956112261">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" ช่วยให้คุณระบุพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ที่ Chrome จะใช้ได้ และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าพร็อกซี Chrome และแอป ARC จะไม่พิจารณาตัวเลือกที่เกี่ยวข้องกับพร็อกซีทั้งหมดที่ระบุจากบรรทัดคำสั่ง นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ระบบจะไม่พิจารณาตัวเลือกอื่นๆ หากคุณเลือกตัวเลือกต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_DIRECT" /> = ไม่ใช้พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อโดยตรงเสมอ
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_SYSTEM" /> = ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_AUTO_DETECT" /> = ตรวจจับพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์อัตโนมัติ
หากคุณเลือกใช้ตัวเลือกต่อไปนี้
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> = พร็อกซีเซิร์ฟเวอร์แบบคงที่ คุณจะระบุตัวเลือกอื่นๆ ต่อไปได้ด้วย <ph name="PROXY_SERVER_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PROXY_BYPASS_LIST_POLICY_NAME" /> เฉพาะพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ HTTP ที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดเท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
* <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> = สคริปต์พร็อกซี .pac ใช้ <ph name="PROXY_PAC_URL_POLICY_NAME" /> เพื่อตั้งค่า URL เป็นไฟล์ .pac ของพร็อกซี
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ผู้ใช้เลือกการตั้งค่าพร็อกซีได้
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="6561396069801924653">แสดงตัวเลือกการเข้าถึงในเมนูถาดระบบ</translation>
<translation id="6563458316362153786">เปิดใช้การเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว 802.11r</translation>
<translation id="6568977718979857253">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว โปรดใช้ <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมความพร้อมใช้งานของปลั๊กอิน Flash และใช้ <ph name="ALWAYS_OPEN_PDF_EXTERNALLY_POLICY_NAME" /> เพื่อควบคุมว่าควรใช้โปรแกรมดู PDF ที่ผสานรวมในการเปิดไฟล์ PDF หรือไม่
ระบุรายการปลั๊กอินที่ปิดใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
ใช้อักขระไวลด์การ์ด "*" และ "?" เพื่อจับคู่กับอักขระต่างๆ ที่เรียงกันอย่างอิสระได้ '*' จะจับคู่กับอักขระกี่ตัวก็ได้ ส่วน "?" จะระบุอักขระตัวเดียวซึ่งจะมีหรือไม่ก็ได้ หรือจับคู่กับอักขระ 0 หรือ 1 ตัวนั่นเอง อักขระหลีกคือ "\" ดังนั้นในกรณีที่ต้องการจับคู่กับอักขระ "*", "?" หรือ "\" จริงๆ ก็วาง "\" ไว้ข้างหน้าอักขระดังกล่าวได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะไม่นำรายการปลั๊กอินที่ระบุมาใช้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะทำเครื่องหมายว่าปลั๊กอินเป็นปิดใช้อยู่ใน "about:plugins" และผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้
โปรดทราบว่า EnabledPlugins และ DisabledPluginsExceptions ลบล้างนโยบายนี้ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะใช้ปลั๊กอินใดก็ตามที่ติดตั้งไว้ในระบบได้ ยกเว้นปลั๊กอินที่มีฮาร์ดโค้ดที่เข้ากันไม่ได้ ล้าสมัย หรือเป็นอันตราย</translation>
<translation id="6573305661369899995">ตั้งค่าแหล่งที่มาภายนอกของข้อจำกัด URL</translation>
<translation id="6575944031719151455">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการบัญชีในอุปกรณ์ที่จะแสดงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ตัวระบุจะเป็นตัวบอกความแตกต่างของบัญชีในอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือนโยบายเป็นรายการที่ว่างเปล่า ก็จะไม่มีบัญชีในอุปกรณ์แสดงเลย</translation>
<translation id="6584541828182430328">ปิดใช้การแสดงการแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="6598235178374410284">รูปโปรไฟล์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="6603004149426829878">ส่งสัญญาณแจ้งตำแหน่งใดก็ตามที่มีอยู่ไปยังเซิร์ฟเวอร์ทุกครั้งขณะค้นหาเขตเวลา</translation>
<translation id="6604049565198492174">การตั้งค่านโยบายจะทำให้กำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้แต่ละคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แต่ละเครื่องได้ การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิด (Open Network Configuration)</translation>
<translation id="660567106648774919">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย <ph name="TOS_DIALOG_BEHAVIOR_POLICY_NAME" /> แทน
โดยค่าเริ่มต้น ข้อกำหนดในการให้บริการจะแสดงเมื่อเรียกใช้ CCT ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" จะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการไม่แสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรกหรือการเรียกใช้ครั้งต่อๆ ไป การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้กล่องโต้ตอบข้อกำหนดในการให้บริการแสดงขึ้นมาในระหว่างการเรียกใช้ครั้งแรก ข้อสำคัญอื่นๆ ได้แก่
- นโยบายนี้จะใช้งานได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Android ซึ่งมีการจัดการครบวงจรที่กำหนดค่าได้โดยผู้ให้บริการการจัดการปลายทางแบบรวม (Unified Endpoint Management)
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" นโยบาย BrowserSignin จะไม่มีผล
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ระบบจะไม่ส่งเมตริกต่างๆ ไปยังเซิร์ฟเวอร์
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" เบราว์เซอร์จะมีฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด
- หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ปิดใช้" ผู้ดูแลระบบต้องแจ้งข้อมูลนี้กับผู้ใช้ปลายทางของอุปกรณ์</translation>
<translation id="6609867253856597039">ตั้งค่าประสบการณ์ของผู้ใช้สำหรับฟีเจอร์ที่ปิดใช้</translation>
<translation id="6614557704487944013">อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้เบราว์เซอร์ <ph name="LACROS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="6621830999036927230">การตั้งค่านโยบายจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลใช้ URL นี้ในการตรวจสอบโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์จากไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลเพื่อยอมรับการเชื่อมต่อ หากปล่อยว่างไว้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นี้
หมายเหตุ: ใช้นโยบายนี้กับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_TOKEN_URL_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="6621839881150363218">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแยกเว็บไซต์ทั้งหมด (แต่ละเว็บไซต์จะทำงานด้วยกระบวนการของตัวเอง) การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดแจ้งและจะปิดการทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid ผู้ใช้จะยังเปิดใช้นโยบายด้วยตนเองได้
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
หากต้องการให้มีการแยกเว็บไซต์และจำกัดผลกระทบสำหรับผู้ใช้ ให้ใช้ <ph name="ISOLATE_ORIGINS_ANDROID_POLICY_NAME" /> โดยมีรายการเว็บไซต์ที่คุณต้องการแยก
หมายเหตุ: เราจะปรับปรุงการรองรับการแยกเว็บไซต์สำหรับ Android แต่ปัจจุบันฟีเจอร์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ที่มี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายกับแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ <ph name="SITE_PER_PROCESS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="66265932317331474">รายงานข้อมูล CPU</translation>
<translation id="6628120204569232711">รายงานสถานะของพื้นที่เก็บข้อมูล</translation>
<translation id="663685822663765995">จำกัดโหมดสีการพิมพ์</translation>
<translation id="6640989746632867803">การตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าผู้ใช้จะเลี่ยงการตัดสินเกี่ยวกับความปลอดภัยของการดาวน์โหลดไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น
* บล็อกการดาวน์โหลดที่เป็นอันตราย หมายความว่าระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนด้านความปลอดภัย
* บล็อกการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย หมายความว่าระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่มีคำเตือนด้านความปลอดภัยว่าเป็นการดาวน์โหลดที่อาจเป็นอันตราย
* บล็อกการดาวน์โหลดทั้งหมด หมายความว่าระบบจะบล็อกการดาวน์โหลดทุกรายการ
* บล็อกการดาวน์โหลดที่ประสงค์ร้าย หมายความว่าระบบจะอนุญาตการดาวน์โหลดทั้งหมด ยกเว้นรายการที่ประเมินแล้วและมั่นใจมากว่าเป็นมัลแวร์ ซึ่งต่างกับการดาวน์โหลดที่เป็นอันตรายตรงที่ไม่ได้พิจารณาประเภทของไฟล์ แต่พิจารณาที่โฮสต์
* ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ หมายความว่าการดาวน์โหลดจะต้องผ่านข้อจำกัดด้านความปลอดภัยทั่วไปโดยอิงจากผลการวิเคราะห์ด้านความปลอดภัย
หมายเหตุ: ข้อจำกัดเหล่านี้มีผลกับการดาวน์โหลดที่ทริกเกอร์จากเนื้อหาของหน้าเว็บ รวมถึงตัวเลือกเมนู "ดาวน์โหลดลิงก์..." ด้วย โดยข้อจำกัดเหล่านี้ไม่มีผลกับการดาวน์โหลดของหน้าที่แสดงอยู่ หรือกับการบันทึกเป็น PDF จากตัวเลือกการพิมพ์ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation>
<translation id="6641981670621198190">ปิดใช้งานการสนับสนุน API ของกราฟิก 3 มิติ</translation>
<translation id="6646912445796087001">เปิดหรือปิดใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ นโยบายนี้จะมีผลต่อเมื่อมีการเปิดใช้นโยบาย "VirtualKeyboardEnabled"
หากมีการตั้งค่าฟีเจอร์ใดในนโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์นั้นในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
หากมีการตั้งค่าฟีเจอร์ใดในนโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์นั้นในแป้นพิมพ์บนหน้าจอ
โปรดทราบว่ามีการรองรับนโยบายนี้ในโหมดคีออสก์ PWA เท่านั้น</translation>
<translation id="6647965994887675196">หากตั้งค่าเป็นจริง จะสามารถสร้างและใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแลได้
หากตั้งค่าเป็นเท็จหรือไม่ได้กำหนดค่า การสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแลและการเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้ภายใต้การดูแลที่มีอยู่ทั้งหมดจะถูกซ่อนไว้
หมายเหตุ: การทำงานเริ่มต้นสำหรับอุปกรณ์ของผู้บริโภคและอุปกรณ์ขององค์กรจะแตกต่างกัน: บนอุปกรณ์ของผู้บริโภค ผู้ใช้ภายใต้การดูแลจะถูกเปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้น แต่จะปิดใช้งานโดยค่าเริ่มต้นบนอุปกรณ์ขององค์กร</translation>
<translation id="6652197835259177259">การตั้งค่าผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการในเครื่อง</translation>
<translation id="6653897159826215341">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดกล่องโต้ตอบการพิมพ์ของระบบแทนการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์ในตัวเมื่อผู้ใช้ขอพิมพ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่า คำสั่งพิมพ์จะทำให้หน้าจอการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์เปิดขึ้นมา</translation>
<translation id="6658245400435704251">ระบุจำนวนวินาทีสูงสุดที่อุปกรณ์อาจสุ่มหน่วงเวลาการดาวโหลดการอัปเดตนับตั้งแต่ที่มีการส่งการอัปเดตไปยังเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์อาจใช้เวลาส่วนหนึ่งรอขณะที่คอมพิวเตอร์เริ่มทำงานจนกระทั่งเสร็จสิ้นและใช้เวลาส่วนที่เหลือสำหรับการตรวจสอบการอัปเดตจำนวนหนึ่ง ไม่ว่าในกรณีใด การกระจายจะเข้าใกล้ขอบเขตบนของระยะเวลาคงที่ อุปกรณ์จึงไม่ต้องค้างรอการดาวน์โหลดการอัปเดตอย่างไม่สิ้นสุด</translation>
<translation id="6665670272107384733">กำหนดความถี่ที่ผู้ใช้ต้องป้อนรหัสผ่านเพื่อใช้การปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="6667586534922258705">แสดงปุ่ม "แสดงรหัสผ่าน" ในหน้าจอเข้าสู่ระบบและหน้าจอล็อก</translation>
<translation id="6669700740683748046">ฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้การแสดง URL แบบเต็มในแถบที่อยู่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะแสดง URL แบบเต็มในแถบที่อยู่ รวมถึงรูปแบบและโดเมนย่อยต่างๆ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะใช้การแสดง URL โดยค่าเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การแสดง URL โดยค่าเริ่มต้น และผู้ใช้จะสลับระหว่างการแสดง URL โดยค่าเริ่มต้นและแบบเต็มได้ด้วยตัวเลือกเมนูตามบริบท
</translation>
<translation id="6672070613706645316">อนุญาตให้ผู้ใช้ปรับแต่งพื้นหลังในหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6672630473862787247">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันปกติ เซสชันไม่ระบุตัวตน และเซสชันผู้เยี่ยมชม</translation>
<translation id="6685903773201985073">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์ในเซสชันผู้เยี่ยมชมและเซสชันปกติ</translation>
<translation id="6689343802305995925">ไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้น</translation>
<translation id="6689792153960219308">รายงานสถานะของฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="6690425645391461516">ปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS อนุญาตแถบข้อมูล "หรือคุณหมายถึง http://intranetsite/"</translation>
<translation id="6698632841807204978">เปิดใช้การพิมพ์ขาวดำ</translation>
<translation id="6699880231565102694">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="6703251016607733593">การตั้งค่านโยบายจะปิดใช้การบังคับใช้ข้อกำหนดการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> โฮสต์ที่เป็นองค์กรจะใช้ใบรับรองที่ไม่น่าเชื่อถือ (เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างเหมาะสม) ต่อไปได้ หากต้องการปิดใช้การบังคับใช้ แฮชนั้นต้องเป็นไปตามเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งต่อไปนี้
* มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ของใบรับรองเซิร์ฟเวอร์
* มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ซึ่งแสดงในใบรับรองของผู้ออกใบรับรอง (CA) ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA ดังกล่าวถูกจำกัดผ่านส่วนขยาย X.509v3 nameConstraints มี directoryName nameConstraints อย่างน้อย 1 รายการใน permittedSubtrees และ directoryName มีแอตทริบิวต์ organizationName
* มาจาก <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่แสดงในใบรับรอง CA ในกลุ่มใบรับรอง ใบรับรอง CA มีแอตทริบิวต์ organizationName อย่างน้อย 1 รายการในชื่อใบรับรอง และใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์มีจำนวนแอตทริบิวต์ organizationName เท่ากัน ในลำดับเดียวกัน และมีค่าเท่ากันแบบไบต์ต่อไบต์
ระบุ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ได้จากการต่อชื่ออัลกอริทึมของแฮช เครื่องหมายทับ และการเข้ารหัส Base64 ของอัลกอริทึมของแฮชนั้นนำไปใช้กับ <ph name="SUBJECT_PUBLIC_KEY_INFO" /> ที่เข้ารหัส DER ของใบรับรองที่ระบุ การเข้ารหัส Base64 นี้เป็นรูปแบบเดียวกับลายนิ้วมือ SPKI ระบบรู้จักอัลกอริทึมของแฮชเพียงรายการเดียวนั่นคือ sha256 และจะไม่สนใจอัลกอริทึมของแฮชอื่นๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่าหากไม่มีการเปิดเผยความโปร่งใสของใบรับรองตามที่ใบรับรองกำหนด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะไม่เชื่อถือใบรับรองนั้น</translation>
<translation id="6704515759227307131">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วและเปลี่ยนมาใช้ AdvancedProtectionAllowed
นโยบายนี้ควบคุมว่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนหามัลแวร์หรือไม่ หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะได้รับแจ้งให้ส่งไฟล์ไปให้ Google สแกนอย่างละเอียด หากผู้ใช้เลือก "สแกน" ระบบจะส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปยัง Google หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ผู้ใช้จะไม่ได้รับแจ้งและระบบจะไม่ส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปยัง Google</translation>
<translation id="6704994003174661159">นโยบายนี้ควบคุมการดูแลฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย (ฟอร์มที่ส่งผ่าน HTTP) ที่ฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่ปลอดภัย (HTTPS) ในเบราว์เซอร์
หากเปิดใช้นโยบายหรือไม่ได้ตั้งค่า ข้อความเตือนแบบเต็มหน้าจะแสดงขึ้นมาเมื่อมีการส่งฟอร์มที่ไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ ลูกโป่งข้อความเตือนจะแสดงขึ้นมาข้างช่องฟอร์มที่โฟกัสอยู่ และระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติสำหรับฟอร์มเหล่านั้น
หากปิดใช้นโยบาย ข้อความเตือนฟอร์มที่ไม่ปลอดภัยจะไม่แสดงขึ้นมา และฟีเจอร์ป้อนข้อความอัตโนมัติจะทำงานตามปกติ</translation>
<translation id="670597451099978576">ให้สิทธิ์เว็บไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ USB ที่มีรหัสผู้ให้บริการและรหัสผลิตภัณฑ์ที่ระบุในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6723472666969849951">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ โฮสต์ที่แอปและส่วนขยายนั้นโต้ตอบด้วยได้ และจำกัดการเข้าถึงรันไทม์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อจำกัดใดๆ สำหรับประเภทของส่วนขยายและแอปที่ยอมรับได้
ส่วนขยายและแอปซึ่งเป็นประเภทที่ไม่ได้อยู่ในรายการจะติดตั้งไม่ได้ แต่ละค่าควรเป็นสตริงรายการใดรายการหนึ่งต่อไปนี้
* "extension"
* "theme"
* "user_script"
* "hosted_app"
* "legacy_packaged_app"
* "platform_app"
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทเหล่านี้ได้ในเอกสารประกอบส่วนขยายของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
ระบบไม่รองรับการใช้รหัสส่วนขยายหลายรายการที่คั่นด้วยจุลภาคในเวอร์ชันก่อน 75 และจะข้ามรหัสดังกล่าวไป นโยบายส่วนที่เหลือจะมีผลบังคับใช้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ส่งผลต่อส่วนขยายและแอปที่จะบังคับติดตั้งโดยใช้ <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> ด้วย</translation>
<translation id="6731757988219967594">กรองเว็บไซต์ระดับบนสุด (แต่ไม่กรอง iframe ที่ฝังไว้) ที่มีเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่</translation>
<translation id="6734521799274931721">ควบคุมพื้นที่แชร์ไฟล์ของเครือข่ายเพื่อความพร้อมใช้งานของ ChromeOS</translation>
<translation id="6735701345096330595">บังคับให้เปิดใช้การตรวจการสะกดของภาษาต่างๆ</translation>
<translation id="6740611636377710500">อนุญาตให้ผู้ใช้รายนี้เรียกใช้ PluginVm ได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้คนดังกล่าว
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการเปิดใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับผู้ใช้รายนี้ ตราบใดที่การตั้งค่าอื่นๆ อนุญาตให้เปิดใช้ได้เช่นกัน <ph name="PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="USER_PLUGIN_VM_ALLOWED_POLICY_NAME" /> ต้องตั้งค่าเป็น "จริง" และต้องมีการตั้งค่า <ph name="PLUGIN_VM_LICENSE_KEY_POLICY_NAME" /> หรือ <ph name="PLUGIN_VM_USER_ID_POLICY_NAME" /> จึงจะเรียกใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="6752711782954612641">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์เมื่อค้นหา URL ด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ข้อมูลข้อความค้นหาจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอค้นหาโดยใช้เมธอด GET</translation>
<translation id="6757613329154374267">การสำรองและกู้คืนข้อมูลเปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="6758659208493449452">นโยบายนี้ควบคุมว่าผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูงจะได้รับการปกป้องเพิ่มเติมหรือไม่ บางฟีเจอร์เหล่านี้อาจมีการแชร์ข้อมูลกับ Google (เช่น ผู้ใช้การปกป้องขั้นสูงจะส่งไฟล์ที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนหามัลแวร์ได้) หากตั้งค่าเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนจะได้รับการปกป้องเพิ่มเติม หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ผู้ใช้การปกป้องขั้นสูงจะได้รับเฉพาะฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับผู้ใช้ทั่วไป</translation>
<translation id="6766216162565713893">อนุญาตให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์บลูทูธที่อยู่ใกล้เคียงจากผู้ใช้</translation>
<translation id="6770454900105963262">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับเซสชันคีออสก์ที่ใช้งาน</translation>
<translation id="6782977971207381602">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้อุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ต้องเปิดใช้ <ph name="VIRTUAL_MACHINES_ALLOWED_POLICY_NAME" /> และ <ph name="CROSTINI_ALLOWED_POLICY_NAME" /> เพื่อใช้ <ph name="PRODUCT_CROSTINI_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าอุปกรณ์เรียกใช้เครื่องเสมือนไม่ได้ การเปลี่ยนเป็น "ปิดใช้" จะเริ่มใช้นโยบายเพื่อเริ่มเครื่องเสมือนใหม่ ไม่ใช่เครื่องเสมือนที่ทำงานอยู่แล้ว
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ในอุปกรณ์ที่มีการจัดการ อุปกรณ์ดังกล่าวจะเรียกใช้เครื่องเสมือนไม่ได้ อุปกรณ์ที่ไม่มีการจัดการจะเรียกใช้เครื่องเสมือนได้</translation>
<translation id="6786747875388722282">ส่วนขยาย</translation>
<translation id="6786967369487349613">ตั้งค่าไดเรกทอรีโปรไฟล์โรมมิ่ง</translation>
<translation id="6789422336869764846">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถานะโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ของอุปกรณ์เมื่อเปิดเครื่อง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถานะโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์</translation>
<translation id="6793420507738858152">เมื่อเปิดใช้ ฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะส่งส่วนหัวของคำขอแบบละเอียดซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับเบราว์เซอร์และสภาพแวดล้อมของผู้ใช้
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์เสริม แต่ส่วนหัวใหม่อาจทำให้บางเว็บไซต์ที่จำกัดจำนวนอักขระในคำขอขัดข้อง
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะมีการเปิดใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากปิดใช้นโยบายนี้ ฟีเจอร์นี้จะใช้งานไม่ได้
นโยบายระดับองค์กรนี้มีไว้สำหรับการใช้งานในระยะสั้น และจะใช้ได้จนถึง Chrome 91 เป็นอย่างน้อย</translation>
<translation id="6795485990775913659">อนุญาตให้พิมพ์เท่านั้นเมื่อไม่มี PIN</translation>
<translation id="6800181452282128474">ไม่ส่งคำค้นหาไปยังเซิร์ฟเวอร์ Quirks</translation>
<translation id="6810445994095397827">ปิดกั้น JavaScript บนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6813263547126514821">การเปิดและปิดระบบ</translation>
<translation id="681446116407619279">สกีมการตรวจสอบสิทธิ์ที่ได้รับการสนับสนุน</translation>
<translation id="6815483833848348029">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า เมื่ออุปกรณ์ออฟไลน์ หากบัญชีในอุปกรณ์มีการตั้งค่าเป็นลงชื่อเข้าใช้โดยอัตโนมัติด้วยความล่าช้าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแสดงข้อความแจ้งการกำหนดค่าเครือข่าย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีข้อความแสดงข้อผิดพลาดขึ้นมาแทน</translation>
<translation id="6819838337315703072">หากเปิดใช้การสนับสนุนสำหรับแอป <ph name="LINUX_OS_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานแอป <ph name="LINUX_OS_NAME" /> กลับไปที่เซิร์ฟเวอร์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ไม่มีการรายงานข้อมูลการใช้งาน</translation>
<translation id="6821268164692776674">ปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> และ "บันทึกลงใน Google ไดรฟ์"</translation>
<translation id="6823273740874361732">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมการตั้งค่าการจัดการส่วนขยายสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ซึ่งรวมถึงการตั้งค่าที่ควบคุมโดยนโยบายเกี่ยวกับส่วนขยายที่มีอยู่ นโยบายนี้มีผลแทนนโยบายเดิมที่อาจมีการตั้งค่าไว้
นโยบายนี้จะจับคู่รหัสส่วนขยายหรือ URL อัปเดตกับการตั้งค่าที่เฉพาะเจาะจงของรายการนั้นๆ เท่านั้น คุณกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับรหัสพิเศษ <ph name="DEFAULT_SCOPE" /> ได้ ซึ่งระบบจะใช้กับส่วนขยายทั้งหมดที่ไม่มีการกำหนดค่าเองในนโยบายนี้ เมื่อใช้ URL อัปเดต ระบบจะใช้การกำหนดค่ากับส่วนขยายที่มี URL อัปเดตตรงกับที่ระบุไว้ในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย ( http://support.google.com/chrome/a?p=Configure_ExtensionSettings_policy ) หากตั้งค่าธงสถานะ "override_update_url" เป็น "จริง" ระบบจะติดตั้งและอัปเดตส่วนขยายโดยใช้ URL "อัปเดต" ที่ระบุในนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> หรือในช่อง "update_url" ในนโยบายนี้ ระบบจะไม่สนใจธงสถานะ "override_update_url" หาก "update_url" คือ URL Chrome เว็บสโตร์
หมายเหตุ: สำหรับอินสแตนซ์ Windows® ที่ไม่ได้เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> การติดตั้งที่บังคับจะจำกัดอยู่ที่แอปและส่วนขยายที่แสดงอยู่ใน Chrome เว็บสโตร์เท่านั้น</translation>
<translation id="6823711520976094072">การตั้งค่าต่ำกว่า 1 MB หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้ขนาดเริ่มต้นซึ่งก็คือ 256 เมบิไบต์สำหรับการแคชแอปและส่วนขยายสำหรับการติดตั้งโดยผู้ใช้หลายคนในอุปกรณ์เดียว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ทุกครั้งสำหรับผู้ใช้แต่ละคน</translation>
<translation id="682408981080798691">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะเปิดฟีเจอร์ความสมบูรณ์ของโค้ดในการแสดงผล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะมีผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยและความเสถียรของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เนื่องจากจะทำให้โค้ดที่ไม่รู้จักหรืออาจมีเจตนาร้ายโหลดเข้ามาในกระบวนการแสดงผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ ปิดนโยบายนี้เฉพาะในกรณีที่มีปัญหาด้านความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สามซึ่งต้องเรียกใช้ภายในกระบวนการแสดงผลของ <ph name="PRODUCT_NAME" />
หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลดการประมวลผล ( https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/master/docs/design/sandbox.md#Process-mitigation-policies )</translation>
<translation id="6833023569065717572">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้นาฬิกาในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ของอุปกรณ์มีรูปแบบเป็น 24 ชั่วโมง
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะทำให้นาฬิกาในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ของอุปกรณ์มีรูปแบบเป็น 12 ชั่วโมง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้อุปกรณ์ใช้รูปแบบจากภาษาปัจจุบัน
เซสชันผู้ใช้ก็จะใช้รูปแบบของอุปกรณ์เป็นค่าเริ่มต้นเช่นกัน แต่ผู้ใช้เปลี่ยนรูปแบบนาฬิกาของบัญชีได้</translation>
<translation id="6833064854262015312">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะเปิดโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" จะปิดโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนโหมดคอนทราสต์สูงเป็นเปิดหรือปิดได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที โหมดนี้จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดอยู่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_HIGH_CONTRAST_ENABLED_POLICY_NAME" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="6833988859168635883">เริ่มต้นใช้งาน หน้าแรก และหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6835883744948188639">แสดงข้อความแจ้งที่ปรากฏขึ้นซ้ำๆ แก่ผู้ใช้เพื่อแจ้งว่าควรเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่</translation>
<translation id="683688607121170501">การตั้งค่านี้ทำให้ผู้ใช้สลับการใช้งานระหว่างบัญชี Google ได้ภายในพื้นที่เนื้อหาของหน้าต่างเบราว์เซอร์และในแอปพลิเคชันของ Android หลังจากที่ลงชื่อเข้าใช้อุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายเป็นเท็จ ระบบจะไม่อนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์ที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นจริง ระบบจะใช้การทำงานเริ่มต้นคืออนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google อื่นจากพื้นที่เนื้อหาของเบราว์เซอร์และแอปพลิเคชันของ Android ยกเว้นบัญชีของบุตรหลานซึ่งระบบจะบล็อกพื้นที่เนื้อหาที่ไม่ใช่โหมดไม่ระบุตัวตน
ในกรณีที่ไม่ต้องการอนุญาตให้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีอื่นผ่านโหมดไม่ระบุตัวตน ให้บล็อกโหมดดังกล่าวโดยใช้นโยบาย IncognitoModeAvailability
โปรดทราบว่าผู้ใช้จะยังเข้าถึงบริการต่างๆ ของ Google ในสถานะที่ไม่ผ่านการรับรองได้ด้วยการบล็อกคุกกี้</translation>
<translation id="6841254611279513739">การตั้งค่านโยบายนี้จะตั้งค่าการพิมพ์เป็นสีเท่านั้น ขาวดำเท่านั้น หรือไม่มีข้อจำกัดโหมดสี การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อจำกัด</translation>
<translation id="6843296367238757293">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว เราไม่แนะนำให้ใช้นโยบายนี้ อ่านเพิ่มเติมที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/7643500</translation>
<translation id="6846126863870444592">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์เมื่อส่วนขยายนั้นใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /> ของ <ph name="PRINTING_API" /> เพื่อส่งงานพิมพ์
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่ได้ตั้งค่ารายการไว้ ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์ให้ผู้ใช้เห็นทุกครั้งที่มีการเรียกใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" />
นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PRINTING_API_EXTENSIONS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="684856667300805181">เราได้นำนโยบายนี้ออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> 68 และใช้ <ph name="ARC_GLS_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="6848721032946289937">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้การเร่งฮาร์ดแวร์ (หากมี)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดการเร่งฮาร์ดแวร์</translation>
<translation id="6851199885688265233">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์</translation>
<translation id="6851315055469993882">เปิดใช้แคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่มีขอบเขตทั่วไป</translation>
<translation id="6854767649023671426">เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะได้รับข้อความแจ้งหากมีการเข้าถึงการจับภาพวิดีโอ ยกเว้นใน URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ VideoCaptureAllowedUrls
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิดข้อความแจ้ง และการจับภาพวิดีโอจะใช้ได้เฉพาะกับ URL ที่ตั้งค่าไว้ในรายการ VideoCaptureAllowedUrls เท่านั้น
หมายเหตุ: นโยบายนี้มีผลกับอินพุตวิดีโอทั้งหมด (ไม่ใช่แค่กล้องในตัว)</translation>
<translation id="6856743875250214792">เราเลิกใช้นโยบายนี้และนำออกแล้วใน M66 เพราะมีไว้เพื่อใช้ทดสอบภายในเท่านั้นและไม่เหมาะสำหรับการรักษาความปลอดภัย
ระบุการแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ควรนำไปใช้กับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเริ่มใช้งาน ระบบจะใช้การแจ้งที่ระบุนี้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบเท่านั้น การแจ้งว่าไม่เหมาะสมที่ตั้งผ่านนโยบายนี้จะไม่เผยแพร่ในเซสชันผู้ใช้</translation>
<translation id="685769593149966548">บังคับใช้โหมดที่จำกัดเข้มงวดใน YouTube</translation>
<translation id="686079137349561371">Microsoft Windows 7 ขึ้นไป</translation>
<translation id="68818134518270542">การตั้งค่านโยบายจะระบุแอปที่ผู้ใช้เปิดเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้
หากแอปที่ต้องการอยู่ในหน้าจอล็อก องค์ประกอบ UI สำหรับการเปิดแอปจดโน้ตที่ต้องการจะปรากฏขึ้นในหน้าจอ เมื่อเปิดแล้ว แอปจะสร้างหน้าต่างทับหน้าจอล็อกและสร้างโน้ตในบริบทนี้ได้ แอปจะนำเข้าโน้ตที่สร้างไว้ไปยังเซสชันหลักของผู้ใช้ได้เมื่อเซสชันนั้นไม่ได้ล็อก แอปที่ใช้ได้ในหน้าจอล็อกต้องเป็นแอปจดโน้ตของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
การตั้งค่านโยบายหมายความว่าผู้ใช้จะเปิดแอปในหน้าจอล็อกได้หากรหัสส่วนขยายของแอปอยู่ในค่ารายการของนโยบาย ดังนั้น การตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่าจะเป็นการปิดใช้การจดโน้ตในหน้าจอล็อก ไม่จำเป็นว่านโยบายที่มีรหัสแอปจะทำให้ผู้ใช้เปิดแอปดังกล่าวเป็นแอปจดโน้ตในหน้าจอล็อกได้ ตัวอย่างเช่น ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 61 แพลตฟอร์มยังจำกัดชุดแอปที่พร้อมใช้งานด้วย
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปิดใช้ชุดแอปในหน้าจอล็อกได้โดยไม่มีข้อจำกัดจากนโยบาย</translation>
<translation id="6889123056995503704">ผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกลักษณะการทำงานของการดาวน์เกรดเวอร์ชัน</translation>
<translation id="6894178810167845842">URL หน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="6897730193187922386">ระงับข้อความการเลิกใช้งานของ <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="6899705656741990703">ตรวจหาการตั้งค่าพร็อกซีอัตโนมัติ</translation>
<translation id="6902561336084511004">ระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่พร้อมใช้งาน
นโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุการกำหนดค่าเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ภายนอกสำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เป็นไฟล์ JSON ได้
โดยที่ไฟล์ดังกล่าวต้องมีขนาดไม่เกิน 1 MB และต้องมีอาร์เรย์ของระเบียน (ออบเจ็กต์ JSON) ระเบียนแต่ละรายการต้องมีช่อง "id", "url" และ "display_name" ที่มีสตริงเป็นค่า ค่าของช่อง "id" ต้องไม่ซ้ำกัน
ระบบจะดาวน์โหลดและเก็บแคชของไฟล์ไว้ และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด โดยจะมีการดาวน์โหลดไฟล์อีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่ถูกต้อง อุปกรณ์จะพยายามค้นหาเครื่องพิมพ์ที่พร้อมใช้งานจากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ที่ระบุโดยใช้โปรโตคอล IPP
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งเป็นค่าที่ไม่ถูกต้อง ผู้ใช้จะไม่เห็นเครื่องพิมพ์ของเซิร์ฟเวอร์ที่จัดเตรียมไว้ทุกเครื่อง
ขณะนี้มีการจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ไว้ที่ 16 เซิร์ฟเวอร์ ระบบจะค้นหาเครื่องพิมพ์จากเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ 16 เซิร์ฟเวอร์แรกในรายการเท่านั้น
</translation>
<translation id="6903814433019432303">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนดชุด URL ที่จะโหลดเมื่อเริ่มเซสชันการสาธิต นโยบายนี้จะลบล้างกลไกใดๆ ที่ใช้ในการตั้งค่า URL เริ่มต้น และจะสามารถใช้ได้กับเซสชันที่ไม่เชื่อมโยงกับผู้ใช้ใดเป็นการเฉพาะเท่านั้น</translation>
<translation id="6905405893096403868">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นรายการสตริงหมายความว่า ระบบจะส่งแต่ละสตริงไปยังเบราว์เซอร์สำรองเป็นพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งที่แยกจากกัน ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> พารามิเตอร์ต่างๆ จะรวมกันโดยใช้การเว้นวรรค ส่วนใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> พารามิเตอร์หนึ่งๆ อาจมีการเว้นวรรคได้ และระบบจะยังถือว่าเป็นพารามิเตอร์เดียว
หากพารามิเตอร์มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ก็จะมีการแทนที่ <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ด้วย URL ของหน้าเว็บที่จะเปิด หากไม่มีพารามิเตอร์ใดที่มี <ph name="URL_PLACEHOLDER" /> ระบบจะใส่ URL ดังกล่าวต่อท้ายบรรทัดคำสั่ง
ระบบจะขยายตัวแปรสภาพแวดล้อม โดยใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_WIN_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" /> โดยใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> จะแทนที่ <ph name="ENV_VARIABLE_UNIX_EXAMPLE" /> ด้วยค่าตัวแปรสภาพแวดล้อม <ph name="ENV_VARIABLE_VALUE" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า เฉพาะ URL เท่านั้นที่จะส่งผ่านในแบบพารามิเตอร์บรรทัดคำสั่ง</translation>
<translation id="6907778402784621686">บล็อกเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="6908640907898649429">กำหนดค่าผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น คุณสามารถระบุผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้นที่ผู้ใช้จะใช้หรือเลือกปิดใช้งานการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="6913068954484253496">อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อมต่อกับอุปกรณ์แคสต์ในที่อยู่ IP ทั้งหมด</translation>
<translation id="6916817094593836501">นโยบายนี้จะป้องกันไม่ให้แสดงคำเตือน URL ที่เหมือนกันบนเว็บไซต์ที่ระบุไว้ คำเตือนเหล่านี้จะแสดงเป็นปกติบนเว็บไซต์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เชื่อว่าอาจกำลังพยายามปลอมแปลงเว็บไซต์อื่นที่ผู้ใช้คุ้นเคย
หากเปิดใช้นโยบายและตั้งค่าให้ใช้กับหนึ่งโดเมนขึ้นไป จะไม่มีการแสดงคำเตือนหน้าที่เหมือนกันเมื่อผู้ใช้เข้าชมหน้าเว็บไซต์บนโดเมนนั้น
หากไม่ได้เปิดใช้นโยบาย ไม่ได้ตั้งค่า หรือตั้งค่าให้ใช้กับรายการที่ว่างเปล่า คำเตือนอาจปรากฎขึ้นบนหน้าเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เข้าชม
อนุญาตชื่อโฮสต์ที่ตรงกับโฮสต์ทุกประการหรือตรงกับโดเมนใดๆ ก็ได้ เช่น อาจระงับคำเตือน URL อย่าง "https://foo.example.com/bar" หากมี "foo.example.com" หรือ "example.com" อยู่ในรายการ</translation>
<translation id="6922884955650325312">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /></translation>
<translation id="6923731550900440989">เปิดใช้ฟีเจอร์การไฮไลต์เคอร์เซอร์ข้อความในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="6924223708804692571">บังคับให้ปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น
หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ ผู้ใช้จะยังคงเปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ไม่ได้อยู่ในรายการได้
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ
หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น
ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation>
<translation id="6926703471186170050">เปิดใช้การพิมพ์ 2 ด้านตามขอบด้านยาว</translation>
<translation id="6931242315485576290">ปิดใช้งานการซิงค์ข้อมูลกับ Google</translation>
<translation id="6943577887654905793">ชื่อค่ากำหนด Mac/Linux:</translation>
<translation id="6946652757373377924">
เรานำนโยบายนี้ออกไปแล้วในเวอร์ชัน M77
นโยบายนี้จะใช้กับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้ โปรดดูนโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /> ด้วยซึ่งใช้กับเซสชันของผู้ใช้
หากเปิดใช้นโยบาย ต้นทางที่มีชื่อแต่ละรายการในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในกระบวนการของตนเอง ซึ่งจะเป็นการแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อยด้วย เช่น การระบุ https://example.com/ จะเป็นการแยก https://foo.example.com/ ด้วยเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายหรือปิดใช้ไว้ ระบบจะใช้การตั้งค่าการแยกเว็บไซต์เริ่มต้นของแพลตฟอร์มสำหรับหน้าจอการลงชื่อเข้าใช้
</translation>
<translation id="6949867264289339206">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าสำหรับเครื่องพิมพ์องค์กรที่เชื่อมโยงกับอุปกรณ์ รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง "id" หรือ "guid" ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="DEVICE_PRINTERS_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้
* ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง
* เป็นการเสริม <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /> และการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากไม่ตั้งค่า จะไม่มีเครื่องพิมพ์ของอุปกรณ์และระบบจะเพิกเฉยต่อนโยบาย <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_PATTERN" /> อื่นๆ</translation>
<translation id="69525503251220566">พารามิเตอร์ที่ให้ฟีเจอร์การค้นหาโดยภาพสำหรับผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="6953102253399571439">เปิดใช้การพิมพ์ด้วย PIN โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="6956272732789158625">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ใช้การสร้างคีย์</translation>
<translation id="6961602002757991199">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น URL ที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ดาวน์โหลดรายการเว็บไซต์จาก URL นั้นและใช้กฎเหมือนกับว่าได้รับการกำหนดค่าด้วยนโยบาย <ph name="BROWSER_SWITCHER_URL_GREYLIST_POLICY_NAME" /> นโยบายเหล่านี้จะป้องกันไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และเบราว์เซอร์สำรองเปิดกันได้
การไม่ได้ตั้งค่านโยบาย (หรือตั้งค่าเป็น URL ที่ไม่ถูกต้อง) หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้นโยบายนี้เป็นที่มาของกฎสำหรับการไม่เปลี่ยนเบราว์เซอร์
หมายเหตุ: นโยบายนี้ชี้ไปยังไฟล์ XML ในรูปแบบเดียวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> โดยจะโหลดกฎจากไฟล์ XML แต่ไม่แชร์กฎเหล่านั้นกับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย <ph name="IEEM_SITELIST_POLICY" /> ของ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ได้ที่ https://docs.microsoft.com/internet-explorer/ie11-deploy-guide/what-is-enterprise-mode</translation>
<translation id="6972540544240464302">เลือกการกำหนดค่าเครื่องจัดตารางเวลางาน</translation>
<translation id="6973754855639335783">การตั้งค่านโยบายหมายความว่าต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในกระบวนการของตัวเอง และจะแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อย เช่น การระบุ https://example.com/ จะเป็นการแยก https://foo.example.com/ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/
การปิดใช้นโยบายจะป้องกันไม่ให้มีการแยกเว็บไซต์อย่างชัดแจ้งและจะปิดการทดลองใช้งานจริงของ IsolateOriginsAndroid และ SitePerProcessAndroid ผู้ใช้ยังคงเปิด IsolateOrigins ด้วยตนเองได้ผ่านการติดธงบรรทัดคำสั่ง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้
หมายเหตุ: เราจะปรับปรุงการรองรับการแยกเว็บไซต์สำหรับ Android แต่ปัจจุบันฟีเจอร์นี้อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านประสิทธิภาพ นโยบายนี้มีผลเฉพาะกับ Chrome ใน Android ที่ทำงานในอุปกรณ์ที่มี RAM มากกว่า 1 GB เท่านั้น หากต้องการใช้นโยบายกับแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่ Android ให้ใช้ <ph name="ISOLATE_ORIGINS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="6978404102280820831">หากไม่ตั้งค่านโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> ให้กู้คืน URL จากเซสชันก่อนหน้าโดยถาวร การตั้งค่า <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ก็จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะตั้งค่าคุกกี้ได้และไม่ได้สำหรับเซสชันหนึ่งๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล URL ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ก็จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเช่นกัน
หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ในโหมดเบื้องหลัง เซสชันอาจยังมีการใช้งานอยู่จนกว่าผู้ใช้จะออกจากเบราว์เซอร์ ไม่ใช่เพียงปิดหน้าต่างสุดท้าย ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้ได้ใน <ph name="BACKGROUND_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" />
แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="6979158407327259162">Google ไดรฟ์</translation>
<translation id="6979739838208297344">การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_ENABLED" /> หมายความว่าการสำรองและกู้คืนข้อมูล Android จะเปิดอยู่ตั้งแต่เริ่มต้น การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_DISABLED" /> หรือไม่ได้ตั้งค่าจะปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูลไว้ระหว่างการตั้งค่า
การตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="BR_UNDER_USER_CONTROL" /> หมายความว่าผู้ใช้จะเห็นข้อความแจ้งให้ใช้การสำรองและกู้คืนข้อมูล หากผู้ใช้เปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูล ระบบจะอัปโหลดข้อมูลแอป Android ไปยังเซิร์ฟเวอร์การสำรองข้อมูล Android และกู้คืนข้อมูลระหว่างการติดตั้งแอปที่เข้ากันได้อีกครั้ง
หลังจากการตั้งค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการสำรองและกู้คืนข้อมูลได้</translation>
<translation id="6986172482189158664">การตั้งค่าอายุการใช้งานของข้อมูลการท่องเว็บ</translation>
<translation id="6986838929449128437">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_ALLOWLIST_DOMAINS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า Google Safe Browsing จะเชื่อถือโดเมนที่คุณระบุ และจะไม่ตรวจหาทรัพยากรที่เป็นอันตราย เช่น ฟิชชิง มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ บริการปกป้องการดาวน์โหลดของ Google Safe Browsing จะไม่ตรวจสอบการดาวน์โหลดที่โฮสต์ในโดเมนเหล่านี้ และบริการปกป้องรหัสผ่านก็จะไม่ตรวจสอบการใช้รหัสผ่านซ้ำ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าการปกป้องด้วย Google Safe Browsing ตามค่าเริ่มต้นจะมีผลกับทรัพยากรทั้งหมด
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="6994082778848658360">ระบุวิธีที่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์องค์ประกอบความปลอดภัยในเครื่องเพื่อทำการตรวจสอบสิทธิ์จากปัจจัยที่สอง หากขั้นตอนดังกล่าวใช้ได้กับฟีเจอร์นี้ จะมีการใช้ปุ่มเปิด/ปิดของเครื่องในการตรวจหาตัวตนจริงของผู้ใช้
หากเลือก "ปิดใช้" จะไม่มีการแจ้งปัจจัยที่ 2
หากเลือก "U2F" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะดำเนินการตามข้อกำหนดของ FIDO U2F
หากเลือก "U2F_EXTENDED" ปัจจัยที่ 2 ที่รวมอยู่จะแจ้งฟังก์ชัน U2F พร้อมส่วนขยายบางอย่างสำหรับการรับรองแต่ละรายการ</translation>
<translation id="6999948519306285655">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุ URL ไปยังไฟล์ .pac ของพร็อกซีได้ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_PAC_SCRIPT" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="7002040773317582266">เปิดใช้การตรวจหา URL ในเมนเฟรมแบบเรียลไทม์อยู่</translation>
<translation id="7003746348783715221">ค่ากำหนดของ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7008308728445338159">เปิดใช้การตรวจสอบการสกัดกั้น DNS แล้ว</translation>
<translation id="7016736684656067099">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้ทุกเว็บไซต์แสดงรูปภาพได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธไม่ให้แสดงรูปภาพ
การไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้แสดงรูปภาพ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="7018302809266676962">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เปิดแท็บไว้อย่างน้อย 1 แท็บหลังจากเปลี่ยนไปเป็นเบราว์เซอร์สำรอง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ปิดแท็บหลังจากเปลี่ยนไปเป็นเบราว์เซอร์สำรอง แม้ว่าจะเป็นแท็บสุดท้ายที่เปิดอยู่ ซึ่งจะปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไปเลย</translation>
<translation id="7019805045859631636">เร็ว</translation>
<translation id="7025332601572838001">การกำหนดค่าการทำงานของข้อกำหนดในการให้บริการระหว่างการเรียกใช้ CCT ครั้งแรก</translation>
<translation id="7026351325994257733">อนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ</translation>
<translation id="7027785306666625591">กำหนดค่าการจัดการพลังงานใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
นโยบายเหล่านี้ช่วยให้คุณกำหนดพฤติกรรมของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีการใช้งานในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้</translation>
<translation id="7027923238554618852">การตั้งค่านโยบายจะสั่งให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ใช้การกำหนดค่าเครื่องจัดตารางเวลางานที่ระบุโดยชื่อที่เจาะจง นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็น <ph name="CONSERVATIVE_VALUE" /> หรือ <ph name="PERFORMANCE_VALUE" /> ก็ได้ ซึ่งจะปรับแต่งเครื่องจัดตารางเวลางานเพื่อความเสถียรหรือประสิทธิภาพสูงสุดตามลำดับ
หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกการตั้งค่าเองได้</translation>
<translation id="7030205756530739128">หากตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_MODE_NAME" /> เป็น <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_MODE_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_START_CHARGING_POLICY_NAME" /> จะปรับแต่งเวลาที่แบตเตอรี่เริ่มชาร์จ โดยอิงตามเปอร์เซ็นต์ของการชาร์จแบตเตอรี่ ค่านี้ต้องอยู่ที่จุดต่ำกว่า <ph name="DEVICE_BATTERY_CHARGE_CUSTOM_STOP_CHARGING_POLICY_NAME" /> อย่างน้อย 5%
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้โหมดการชาร์จแบตเตอรี่แบบมาตรฐาน</translation>
<translation id="7032813174556919004">ปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS</translation>
<translation id="7033778618670823541">การตั้งค่านโยบายจะระบุรายการต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์ (เช่น *.example.com) ที่ข้อจำกัดด้านความปลอดภัยสำหรับต้นทางที่ไม่ปลอดภัยจะไม่มีผล องค์กรอาจระบุต้นทางของแอปพลิเคชันเดิมที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราวสำหรับการพัฒนาเว็บภายใน เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว นโยบายนี้ยังป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า "ไม่ปลอดภัย" ในแถบที่อยู่ด้วย
การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเช่นเดียวกับการติดธงบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure กับรายการของ URL ดังกล่าวที่คั่นด้วยจุลภาค นโยบายจะลบล้างการติดธงบรรทัดคำสั่งและ UnsafelyTreatInsecureOriginAsSecure (หากมี)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัยได้ที่ Secure Contexts (https://www.w3.org/TR/secure-contexts)</translation>
<translation id="7033985774616781500">กำหนดค่ากล้อง เบราว์เซอร์ การตั้งค่าระบบปฏิบัติการ และฟีเจอร์ในการสแกนที่จะปิดใช้</translation>
<translation id="703672323011778742">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วในรุ่น M88 และ Chrome ไม่รองรับ Flash อีกต่อไป การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้คุณกำหนดว่าทุกเว็บไซต์จะเรียกใช้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> โดยอัตโนมัติได้หรือไม่ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธปลั๊กอินนี้ในทุกเว็บไซต์ ฟีเจอร์คลิกเพื่อเล่นจะให้ปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ทำงานได้ แต่ผู้ใช้จะคลิกตัวยึดตำแหน่งเพื่อเริ่ม
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะใช้ <ph name="BLOCK_PLUGINS_POLICY_NAME" /> และให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
หมายเหตุ: การเล่นอัตโนมัติใช้ได้เฉพาะกับโดเมนที่แสดงอยู่อย่างชัดแจ้งในนโยบาย <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> หากต้องการเปิดการเล่นอัตโนมัติในทุกเว็บไซต์ ให้เพิ่ม http://* และ https://* ในรายการนี้</translation>
<translation id="7037812781389976160">ควบคุมตำแหน่งของชั้นวาง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านล่าง"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านซ้าย"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านซ้ายของหน้าจอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ด้านขวา"' ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านขวาของหน้าจอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นแบบบังคับ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ชั้นวางจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าจอโดยค่าเริ่มต้น และผู้ใช้จะเปลี่ยนตำแหน่งของชั้นวางได้</translation>
<translation id="7040229947030068419">ค่าตัวอย่าง:</translation>
<translation id="7044883996351280650">ควบคุมบริการสำรองและกู้คืนข้อมูลใน Android</translation>
<translation id="7063895219334505671">อนุญาตให้แสดงป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="706669471845501145">อนุญาตให้ไซต์แสดงการแจ้งเตือนของเดสก์ท็อป</translation>
<translation id="7070525176564511548">ต้องป้อนรหัสผ่านทุกสัปดาห์ (168 ชั่วโมง)</translation>
<translation id="7072208053150563108">อัตราการเปลี่ยนรหัสผ่านโดยเครื่อง</translation>
<translation id="7072567600438630966">อนุญาตให้มีการเปิดใช้ฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="7079519252486108041">ปิดกั้นป๊อปอัปบนไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7081784525008938771">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าทำให้ผู้ใช้ไม่ถูกพิจารณาว่าไม่มีความเคลื่อนไหวในขณะกำลังเล่นวิดีโอ ซึ่งจะป้องกันระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ระยะหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอ ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ และระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอ รวมถึงป้องกันไม่ให้มีการทำงานที่สอดคล้องกัน
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ทำให้ระบบสามารถระบุว่าผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้จะมีกิจกรรมวิดีโอ</translation>
<translation id="7086720321892395256">ควบคุมนโยบายด้านผู้ใช้และอุปกรณ์สำหรับฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัว</translation>
<translation id="7090668780328470271">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่สามารถขอให้ผู้ใช้ให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์ USB ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_WEB_USB_GUARD_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
รูปแบบ URL ต้องไม่ขัดแย้งกับ <ph name="WEB_USB_ASK_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ไม่มีนโยบายที่จะมีความสำคัญสูงกว่าหาก URL ตรงกับทั้ง 2 นโยบาย
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="7091220433954923921">การตั้งค่านโยบายจะจำกัดช่วงพอร์ต UDP ที่โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลในเครื่องนี้ใช้
การไม่ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นสตริงว่างจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลสามารถใช้พอร์ตใดก็ได้ที่ว่างอยู่
หมายเหตุ: หากปิดใช้ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_FIREWALL_TRAVERSAL_POLICY_NAME" /> โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะใช้พอร์ต UDP ในช่วง 12400-12409</translation>
<translation id="7091842872805965910">เปิดใช้ฟีเจอร์ส่ง PIN อัตโนมัติในหน้าจอล็อกและหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7093294902558672021">รายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลพัดลมของอุปกรณ์</translation>
<translation id="710003290625031750">คำอธิบายสคีมาแบบขยาย</translation>
<translation id="7101550508196914704">ไม่แสดงทางลัดของแอปในแถบบุ๊กมาร์ก</translation>
<translation id="7126716959063786004">เปิดใช้การหยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน</translation>
<translation id="7127892035367404455">ย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมาย</translation>
<translation id="7127980134843952133">ประวัติการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7129052644387688634">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่แสดงการแจ้งเตือนไม่ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="712963038874313213">นโยบายที่มี Ansible Playbook ที่ควรจะเรียกใช้ในคอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้น
นโยบายนี้อนุญาตให้มี Ansible Playbook ที่จะใช้ในคอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้นหากมีในอุปกรณ์นั้นๆ และนโยบายต่างๆ อนุญาตให้ใช้ได้
ขนาดของข้อมูลต้องไม่เกิน 1MB (1000000 bytes) และต้องเข้ารหัสเป็น YAML และจะใช้แฮชแบบเข้ารหัสเพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด
รวมถึงจะดาวน์โหลดและแคชการกำหนดค่า แล้วจะดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง
ถ้าคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะใช้คอนเทนเนอร์ Crostini เริ่มต้นต่อไปได้ในการกำหนดค่าต่อเนื่องของคอนเทนเนอร์หากนโยบายต่างๆ อนุญาตให้ใช้ Crostini ได้</translation>
<translation id="7132877481099023201">URL ที่จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่ต้องแจ้ง</translation>
<translation id="7134420220355750019">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวา
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ปุ่มด้านขวาของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักเสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ปุ่มด้านซ้ายของเมาส์จะเป็นปุ่มหลักในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะสลับปุ่มได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="7137460825181247519">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 83 โปรดใช้ <ph name="SAFE_BROWSING_PROTECTION_LEVEL_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดฟีเจอร์ Google Safe Browsing ของ Chrome ไว้เสมอ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด Google Safe Browsing ไว้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่า "เปิดใช้การป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" ใน Chrome ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะตั้งค่า "เปิดใช้การป้องกันฟิชชิงและมัลแวร์" เป็น "จริง" แต่ผู้ใช้เปลี่ยนได้
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_PROTECTION_LEVEL_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่สนใจค่าของนโยบาย <ph name="SAFE_BROWSING_ENABLED_POLICY_NAME" />
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="7138678301420049075">อื่นๆ</translation>
<translation id="7145335384492396213">โหมดการพิมพ์ด้วย PIN ที่เป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7146198347561863646">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการใช้ Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงานได้ ส่วนขยายจะขอ Wake Lock ได้ผ่านทาง Power Management Extension API และแอป ARC
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบเพิกเฉยต่อคำขอ Wake Lock</translation>
<translation id="7149042336307555519"> ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตให้ใช้สำหรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ การอัปเดตระบบปฏิบัติการอาจทำให้การเชื่อมต่อทำงานหนักมากเนื่องจากขนาดของการอัปเดต และอาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนั้น โดยค่าเริ่มต้นจึงไม่มีการเปิดใช้การอัปเดตกับประเภทการเชื่อมต่อที่ถือว่ามีค่าใช้จ่ายสูง (ปัจจุบันมีเพียง "เน็ตมือถือ")
ตัวระบุประเภทการเชื่อมต่อที่รู้จัก ได้แก่ <ph name="CONNECTION_TYPE_ETHERNET_NAME" /> <ph name="CONNECTION_TYPE_WIFI_NAME" /> และ <ph name="CONNECTION_TYPE_CELLULAR_NAME" /></translation>
<translation id="7152605873936173525">ควบคุมโหมดของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS โปรดทราบว่านโยบายนี้จะตั้งค่าโหมดเริ่มต้นสำหรับการค้นหาแต่ละรายการเท่านั้น อาจมีการลบล้างโหมดได้สำหรับประเภทการค้นหาพิเศษ เช่น คำขอแก้ไขชื่อโฮสต์ของเซิร์ฟเวอร์ DNS-over-HTTPS
โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_OFF" /> จะปิดใช้โหมด DNS-over-HTTPS
โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_AUTOMATIC" /> จะส่งการค้นหา DNS-over-HTTPS ไปก่อน หากเซิร์ฟเวอร์ DNS-over-HTTPS พร้อมใช้งาน และอาจถอยหลังกลับไปส่งการค้นหาที่ไม่ปลอดภัยที่เป็นข้อผิดพลาด
โหมด <ph name="SECURE_DNS_MODE_SECURE" /> จะส่งเฉพาะการค้นหา DNS-over-HTTPS และจะแก้ไขข้อผิดพลาดไม่สำเร็จ
สำหรับ <ph name="ANDROID_VERSION" /> ขึ้นไป หากโหมด DNS-over-TLS เปิดใช้งานอยู่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ส่งคำขอ DNS ที่ไม่ปลอดภัย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ เบราว์เซอร์อาจส่งคำขอ DNS-over-HTTPS ไปยังรีโซลเวอร์ที่เกี่ยวข้องกับรีโซลเวอร์ระบบของผู้ใช้ซึ่งมีการกำหนดค่าไว้</translation>
<translation id="7158358621906236999">การตั้งค่าเซ็นเซอร์เริ่มต้น</translation>
<translation id="7167436895080860385">อนุญาตให้ผู้ใช้แสดงรหัสผ่านในตัวจัดการรหัสผ่าน (เลิกใช้งานแล้ว)</translation>
<translation id="7170049569641162846">อนุญาตการค้นหาอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน</translation>
<translation id="7173856672248996428">โปรไฟล์ชั่วคราว</translation>
<translation id="717630378807352957">อนุญาตเครื่องพิมพ์ทั้งหมดจากไฟล์การกำหนดค่า</translation>
<translation id="7177293255621000064">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะทำให้สื่อจัดเก็บข้อมูลภายนอกทุกประเภท (แฟลชไดรฟ์ USB, ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก, การ์ด SD และการ์ดหน่วยความจำอื่นๆ, ที่เก็บข้อมูลออปติคอล) ไม่พร้อมใช้งานในโปรแกรมเรียกดูไฟล์ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้จะใช้ที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกในอุปกรณ์ของตนได้
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลต่อ Google ไดรฟ์และที่จัดเก็บข้อมูลภายใน ผู้ใช้จะยังเข้าถึงไฟล์ที่บันทึกไว้ในโฟลเดอร์ดาวน์โหลดได้อยู่</translation>
<translation id="7177857088692019405">ปลดล็อกด่วน</translation>
<translation id="7179187054027029272">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่าผู้ใช้ แอป หรือส่วนขยายที่มีสิทธิ์ที่เหมาะสมจะเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอ (ซึ่งแสดงเฉพาะเนื้อหาเว็บ) ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้ แอป หรือส่วนขยายจะเข้าสู่โหมดเต็มหน้าจอไม่ได้</translation>
<translation id="718126088895133062">นโยบายนี้ระบุ User ID การอนุญาตให้ใช้สิทธิของ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> สำหรับอุปกรณ์นี้</translation>
<translation id="7185078796915954712">TLS 1.3</translation>
<translation id="7185630966939835143">ใช้บริการเว็บของ Google เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดของการสะกดคำ</translation>
<translation id="718850220532931090">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="ATTESTATION_EXTENSION_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายจะกำหนดส่วนขยายที่สามารถใช้ฟังก์ชันการทำงาน <ph name="CHALLENGE_USER_KEY_FUNCTION" /> ของ <ph name="ENTERPRISE_PLATFORM_KEYS_API" /> สำหรับเอกสารรับรองระยะไกล ส่วนขยายต้องอยู่ในรายการนี้เพื่อใช้ API ดังกล่าว
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่มีการตั้งค่ารายการไว้ จะเรียกใช้ API ไม่สำเร็จและมีรหัสข้อผิดพลาด</translation>
<translation id="718956142899066210">ประเภทการเชื่อมต่อที่อนุญาตสำหรับการอัปเดต</translation>
<translation id="7190286937411178540">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์</translation>
<translation id="7193489339723768342">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุรายการ URL ที่จะมีการจับคู่รูปแบบกับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากรูปแบบตรงกัน ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์จับเสียงโดยไม่แสดงข้อความแจ้ง
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="7194407337890404814">ชื่อผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="7199304109870655950">กำหนดค่าตัวเลือกการเข้าถึงระยะไกลในโฮสต์ Chrome Remote Desktop
โฮสต์ Chrome Remote Desktop คือบริการแบบเนทีฟที่ทำงานในอุปกรณ์เป้าหมายซึ่งผู้ใช้เชื่อมต่อได้โดยใช้แอปพลิเคชัน Chrome Remote Desktop บริการแบบเนทีฟนี้จะรวมอยู่ในแพ็กเกจและมีการดำเนินการแยกจากเบราว์เซอร์<ph name="PRODUCT_NAME" />
ระบบจะไม่สนใจนโยบายเหล่านี้หาก
ไม่มีการติดตั้งโฮสต์ Chrome Remote Desktop</translation>
<translation id="7202925763179776247">อนุญาตข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7207095846245296855">บังคับใช้ Google ค้นหาปลอดภัย</translation>
<translation id="7211368186050418507">ไม่ต้องตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7216442368414164495">อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกใช้การรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing</translation>
<translation id="7229975860249300121">มีนิพจน์ทั่วไปซึ่งใช้เพื่อกำหนดบัญชี Google ที่ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ (นั่นคือ บัญชีที่เลือกระหว่างขั้นตอนการเลือกใช้การซิงค์)
ข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องจะแสดงขึ้นหากผู้ใช้พยายามตั้งค่าบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ด้วยชื่อผู้ใช้ที่ไม่ตรงกับรูปแบบนี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือเว้นว่างไว้ ผู้ใช้จะตั้งค่าบัญชี Google ใดก็ได้ให้เป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="723103540848640830">ตั้งค่าความยาวขั้นต่ำของ PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="7234280155140786597">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมต้องห้าม (หรือ * สำหรับทั้งหมด)</translation>
<translation id="7246767840750730334">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การแจ้งเตือนของฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="7249828445670652637">เปิดใช้ใบรับรอง CA ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="7252681704926980614">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เครื่องพิมพ์ดั้งเดิมพร้อมด้วยงานพิมพ์ทั้งหมด ค่าเริ่มต้นคือไม่ส่ง
การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" จะปิดใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้โปรโตคอลอื่นๆ ที่ไม่ใช่ IPPS, USB หรือ IPP-over-USB เนื่องจากไม่ควรส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ผ่านเครือข่ายอย่างเปิดเผย</translation>
<translation id="7257092058788772055">การตั้งค่านโยบายจะตั้งค่า URL หน้าแรกเริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> คุณเปิดหน้าแรกโดยใช้ปุ่มหน้าแรก ในเดสก์ท็อป นโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> จะควบคุมหน้าที่เปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
หากผู้ใช้หรือ <ph name="HOMEPAGE_IS_NEW_TAB_PAGE_POLICY_NAME" /> ตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ นโยบายนี้จะไม่มีผล
URL ต้องเป็นรูปแบบมาตรฐาน เช่น http://example.com หรือ https://example.com เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยน URL หน้าแรกของตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
การไม่ตั้งค่าทั้ง <ph name="HOMEPAGE_LOCATION_POLICY_NAME" /> และ <ph name="HOMEPAGE_IS_NEW_TAB_PAGE_POLICY_NAME" /> จะทำให้ผู้ใช้เลือกหน้าแรกเองได้
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="7258823566580374486">เปิดใช้งานการปิดม่านโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7260204423892780600">ควบคุมการตั้งค่าสำหรับ Google Assistant</translation>
<translation id="7260277299188117560">เปิดใช้การอัปเดต p2p อัตโนมัติแล้ว</translation>
<translation id="7261252191178797385">รูปภาพวอลเปเปอร์ของอุปกรณ์</translation>
<translation id="7264704483008663819">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M68 โปรดใช้ DeveloperToolsAvailability แทน
ปิดใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript
หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไม่ได้ และองค์ประกอบในเว็บไซต์จะไม่ได้รับการตรวจสอบอีกต่อไป ระบบจะปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดและเมนูใดๆ หรือรายการเมนูตามบริบทที่ใช้เปิดเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือคอนโซล JavaScript
การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็นปิดใช้หรือไม่ตั้งค่าเลยทำให้ผู้ใช้สามารถใช้เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์และคอนโซล JavaScript ได้
หากมีการตั้งค่านโยบาย DeveloperToolsAvailability ระบบจะเพิกเฉยต่อค่าของนโยบาย DeveloperToolsDisabled</translation>
<translation id="7266471712301230894">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 64
ไม่รองรับการค้นหาอัตโนมัติและการติดตั้งปลั๊กอินที่ขาดหายไปแล้ว</translation>
<translation id="7267809745244694722">แป้นสื่อมีค่าเริ่มต้นเป็นแป้นฟังก์ชัน</translation>
<translation id="7271085005502526897">การนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="7271181393214180342">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP จะยึดตามการอนุมัติโดยนโยบาย KDC กล่าวคือ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะมอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ให้แก่บริการที่กำลังเข้าถึงในกรณีที่ KDC ตั้งค่า <ph name="OK_AS_DELEGATE" /> ในตั๋วบริการ ดู RFC 5896 (https://tools.ietf.org/html/rfc5896.html) บริการควรได้รับอนุญาตจาก <ph name="AUTH_NEGOTIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> ด้วย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า ระบบจะไม่สนใจนโยบาย KDC ในแพลตฟอร์มที่รองรับ และจะดำเนินการตาม <ph name="AUTH_NEGOTIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ระบบจะดำเนินการตามนโยบาย KDC เสมอ</translation>
<translation id="7274077256421167535">เปิดใช้การแชร์พลังงานผ่าน USB</translation>
<translation id="7275334191706090484">บุ๊กมาร์กที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7278854311116092134">ชื่อของโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่จะยกเว้นจากรายการที่บล็อก</translation>
<translation id="7291084543582732020">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ Smart Lock ได้หากปฏิบัติตามข้อกำหนดของฟีเจอร์นี้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ Smart Lock ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="7295019613773647480">เปิดใช้งานผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation>
<translation id="7302043767260300182">ระยะหน่วงเวลาการล็อกหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="731208205557053914">รายงานข้อมูล VPD</translation>
<translation id="7319863628760093590">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะอนุญาตคำขอตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />ที่ได้รับผ่าน HTTP ที่ไม่ปลอดภัย
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะห้ามไม่ให้คำขอ HTTP ที่ไม่ปลอดภัยใช้สกีมการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" /> อนุญาตเฉพาะ HTTPS ที่ปลอดภัยเท่านั้น</translation>
<translation id="7323896582714668701">พารามิเตอร์บรรทัดคำสั่งเพิ่มเติมสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7326394567531622570">เหมือนกับ Wipe (ค่า 2) แต่ให้ลองเก็บโทเค็นการลงชื่อเข้าใช้ไว้ เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้อีกครั้ง</translation>
<translation id="7331962793961469250">เมื่อตั้งค่าเป็น "จริง" การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์จะไม่ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่ การตั้งค่าตัวเลือกนี้เป็น "เท็จ" หรือการปล่อยไว้แบบไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้การส่งเสริมสำหรับแอปพลิเคชัน Chrome เว็บสโตร์ปรากฏบนหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="7332963785317884918">นโยบายนี้ถูกกำหนดให้เลิกใช้แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้กลยุทธ์ในการล้างข้อมูลแบบ "RemoveLRU" เสมอ
ควบคุมพฤติกรรมการล้างข้อมูลอัตโนมัติบนอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะเริ่มขึ้นเมื่อพื้นที่ว่างของดิสก์ลดลงถึงระดับวิกฤตเพื่อกู้คืนพื้นที่บางส่วนของดิสก์
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRU" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้จากอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ
หากกำหนดนโยบายนี้เป็น "RemoveLRUIfDormant" การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะลบผู้ใช้ที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบอย่างน้อย 3 เดือนไปเรื่อยๆ ตามลำดับการไม่เข้าสู่ระบบนานที่สุดจนกระทั่งมีพื้นที่ว่างเหลือพอ
หากไม่ได้กำหนดค่านโยบายนี้ การล้างข้อมูลอัตโนมัติจะใช้กลยุทธ์เริ่มต้นที่มีในตัว ซึ่งปัจจุบันคือกลยุทธ์ "RemoveLRUIfDormant"</translation>
<translation id="7336785017449297672">ควบคุมการตั้งค่านาฬิกาและเขตเวลา</translation>
<translation id="7336878834592315572">เก็บคุกกี้ไว้ในระหว่างช่วงเวลาของเซสชัน</translation>
<translation id="7338217396351647423">การตั้งค่านโยบายจะระบุชุดนโยบายที่จะส่งไปยังรันไทม์ของ ARC ผู้ดูแลระบบจะใช้การตั้งค่านี้เพื่อเลือกแอป Android ที่จะติดตั้งโดยอัตโนมัติได้ โปรดป้อนค่าเป็นรูปแบบ JSON ที่ถูกต้อง
หากต้องการตรึงแอปกับ Launcher โปรดดู PinnedLauncherApps</translation>
<translation id="7339315111520512972">บังคับให้เรียกใช้โค้ดเครือข่ายในกระบวนการของเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="7340034977315324840">รายงานจำนวนครั้งของกิจกรรมบนอุปกรณ์</translation>
<translation id="7343004974628511824">ทำการตรวจสอบการสกัดกั้น DNS</translation>
<translation id="7343497214039883642">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กรสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="7358744897221281073">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้ที่เลือกใช้ฮับโทรศัพท์อยู่แล้วจะทำงานต่างๆ เช่น ดูหน้าเว็บของโทรศัพท์ใน Chrome OS ต่อไปได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้ หากปิดใช้นโยบาย PhoneHubAllowed ผู้ใช้ก็จะใช้ฟีเจอร์นี้ไม่ได้เช่นกัน
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ทั้งผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการและผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นได้</translation>
<translation id="7372831798009983116">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7373200034079131670">รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android หรือ VM เริ่มต้นแล้ว</translation>
<translation id="7373680616478819439">การตั้งค่านี้จะเปิดหรือปิดใช้การสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" กล่องโต้ตอบการสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้จะแสดงขึ้นมาเมื่อมีการเพิ่มบัญชี Google ในเว็บ และผู้ใช้อาจได้รับประโยชน์จากการย้ายบัญชีนี้ไปยังโปรไฟล์อื่น (โปรไฟล์ใหม่หรือที่มีอยู่แล้ว)
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" กล่องโต้ตอบการสกัดกั้นการลงชื่อเข้าใช้จะไม่แสดงขึ้นมา</translation>
<translation id="7375785904116479354">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="7382191643394429934">อนุญาตการพิมพ์ทั้งกรณีที่มีและไม่มีกราฟิกพื้นหลัง</translation>
<translation id="7389872682701720082">หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ ปลั๊กอินที่ยังไม่ล้าสมัยจะทำงานเสมอ
หากปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะขออนุญาตจากผู้ใช้เพื่อเรียกใช้ปลั๊กอินที่ต้องมีการให้สิทธิ์ ปลั๊กอินเหล่านี้อาจทำให้ระบบผ่อนปรนเรื่องความปลอดภัย</translation>
<translation id="7390361032458549775">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากมีรูปแบบ URL ใน "KeygenAllowedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="739556497251174388">อนุญาตให้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> มาใช้ซ้ำสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่าย</translation>
<translation id="7400971609879083218">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะอนุญาตให้รูปภาพของบุคคลที่สามในหน้าเว็บแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้รูปภาพของบุคคลที่สามแสดงพรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์ไม่ได้
โดยทั่วไปแล้วจะ "ปิดใช้" นโยบายนี้เพื่อป้องกันฟิชชิง</translation>
<translation id="7407441173422042771">นโยบายนี้ควบคุมการคาดคะเนเครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยจะควบคุมการดึงข้อมูล DNS ล่วงหน้า, TCP, การเชื่อมต่อ SSL ล่วงหน้า และการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้า
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ การไม่ตั้งค่าจะเปิดการคาดคะเนเครือข่าย แต่ผู้ใช้เปลี่ยนได้</translation>
<translation id="7415655595380180976">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึง URL ที่ระบุไว้ โดยเป็นข้อยกเว้นของรายการ URL ที่บล็อก ดูรูปแบบของรายการในลิสต์นี้ได้จากคำอธิบายของนโยบายดังกล่าว ตัวอย่างเช่น การตั้งค่า <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> เป็น * จะบล็อกคำขอทั้งหมด และคุณจะใช้นโยบายนี้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดไว้ได้ ตลอดจนใช้ในการเปิดข้อยกเว้นให้แก่บางรูปแบบ โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ต หรือเส้นทางที่เฉพาะเจาะจงโดยใช้รูปแบบที่ระบุไว้ที่ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) ตัวกรองที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่า URL หนึ่งๆ ถูกบล็อกหรือได้รับอนุญาต รายการที่อนุญาตจะมีความสำคัญเหนือกว่ารายการที่บล็อก นโยบายนี้ระบุรายการได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
นโยบายนี้ยังให้คุณเปิดใช้การเรียกใช้อัตโนมัติโดยเบราว์เซอร์ของแอปพลิเคชันภายนอกที่ลงทะเบียนเป็นเครื่องจัดการโปรโตคอลสำหรับโปรโตคอลที่ระบุไว้ เช่น "tel:" หรือ "ssh:"
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อยกเว้น
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="7417438464912687020">อนุญาตให้เข้าถึงการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้จากระยะไกล</translation>
<translation id="7417972229667085380">เปอร์เซ็นต์สำหรับการปรับการหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานในโหมดการนำเสนอ (เลิกใช้งาน)</translation>
<translation id="7421483919690710988">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อเป็นไบต์</translation>
<translation id="7424751532654212117">รายการยกเว้นสำหรับรายการของปลั๊กอินที่ถูกปิดใช้งาน</translation>
<translation id="7426112309807051726">ระบุว่าควรปิดใช้การเพิ่มประสิทธิภาพ <ph name="TLS_FALSE_START" /> ไหม ด้วยเหตุผลในอดีต นโยบายนี้มีชื่อว่า DisableSSLRecordSplitting
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False ระบบจะเปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /> หากตั้งค่าเป็น True ระบบจะปิดใช้ <ph name="TLS_FALSE_START" /></translation>
<translation id="7433714841194914373">เปิดใช้งานค้นหาทันใจ</translation>
<translation id="7434202861148928348">กำหนดค่าชื่อโดเมนที่ต้องใช้สำหรับไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7443356543619955157">การตั้งค่านโยบายจะทำให้กำหนดค่าเครือข่ายแบบพุชสำหรับผู้ใช้ทุกคนของอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้ การกำหนดค่าเครือข่ายจะเป็นสตริงรูปแบบ JSON ตามที่กำหนดโดยรูปแบบการกำหนดค่าเครือข่ายแบบเปิด (Open Network Configuration)</translation>
<translation id="7448430478749155471">เปิดใช้ฟีเจอร์เลือกเพื่อให้อ่านในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7458437477941640506">อย่าย้อนกลับไปเวอร์ชันเป้าหมายหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า การอัปเดตต่างๆ จะถูกปิดการใช้งานเช่นกัน</translation>
<translation id="7459601923199346224">ควบคุมนโยบายด้านผู้ใช้และอุปกรณ์สำหรับการจัดการใบรับรอง</translation>
<translation id="7459633275230216698">อนุญาตกล่องโต้ตอบการเลือกไฟล์</translation>
<translation id="7464991223784276288">จำกัดคุกกี้จาก URL ที่ตรงกันให้อยู่ในเซสชันปัจจุบัน</translation>
<translation id="7468182772656807573">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดความถี่ในการส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่ายเป็นมิลลิวินาที ช่วงเวลาอาจอยู่ที่ตั้งแต่ 30 วินาทีถึง 24 ชั่วโมง ค่าที่ไม่อยู่ในช่วงดังกล่าวจะถูกจำกัดตามช่วงนี้
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ช่วงเวลาเริ่มต้น 3 นาที</translation>
<translation id="7469554574977894907">เปิดใช้งานคำแนะนำในการค้นหา</translation>
<translation id="747014869399137701">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์แสดงการแจ้งเตือนในเดสก์ท็อปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธการแจ้งเตือนในเดสก์ท็อป
การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="ASK_NOTIFICATIONS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="747275827471712187">เปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมสำหรับคุกกี้ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7476447711788742702">การตั้งค่านโยบายจะกำหนดการดำเนินการที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะทำเมื่อผู้ใช้ปิดฝาอุปกรณ์
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้การระงับ
หมายเหตุ: หากมีการระงับการทำงาน คุณจะตั้งค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อให้ล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนที่จะมีการระงับได้</translation>
<translation id="7476621944304431784">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะได้รับอนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ระหว่างอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> กับโทรศัพท์ Android ที่เชื่อมต่อ ก่อนที่จะซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi ได้ ผู้ใช้ต้องเลือกใช้ฟีเจอร์นี้อย่างชัดแจ้งด้วยการทำตามขั้นตอนการตั้งค่าให้เสร็จสมบูรณ์
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ซิงค์การกำหนดค่าเครือข่าย Wi-Fi
ฟีเจอร์นี้ขึ้นอยู่กับประเภทข้อมูล <ph name="WIFI_CONFIGURATIONS_DATATYPE_NAME" /> ในการซิงค์ของ Chrome ที่เปิดใช้อยู่ หากปิดใช้ <ph name="WIFI_CONFIGURATIONS_DATATYPE_NAME" /> ในนโยบาย <ph name="SYNC_TYPES_LIST_DISABLED_POLICY_NAME" /> หรือปิดใช้การซิงค์ของ Chrome นโยบาย <ph name="SYNC_DISABLED_POLICY_NAME" /> ระบบจะไม่เปิดใช้ฟีเจอร์นี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้ที่มีการจัดการจะใช้ค่าเริ่มต้นไม่ได้</translation>
<translation id="7477231245051133709">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับเสียงโมโน</translation>
<translation id="7477239290070847560">ปลายทางโปรโตคอลตาม Zeroconf (mDNS + DNS-SD)</translation>
<translation id="7485481791539008776">กฎการเลือกเครื่องพิมพ์เริ่มต้น</translation>
<translation id="7506745375479451616">นโยบายนี้จะควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อเปลี่ยนมาจาก <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็นเส้นทางไฟล์ที่สั่งการได้หรือ <ph name="PRODUCT_NAME_PLACEHOLDER" /> เพื่อตรวจหาตำแหน่งของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> โดยอัตโนมัติ
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> จะตรวจหาเส้นทางสั่งการของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เองโดยอัตโนมัติเมื่อเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> จาก Internet Explorer
หมายเหตุ: หากไม่ได้มีการติดตั้ง Add-in การรองรับเบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่าสำหรับ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> ไว้ นโยบายนี้ก็จะไม่มีผล</translation>
<translation id="7507131973617884092">การตั้งค่านโยบายหมายความว่าต้นทางแต่ละแห่งที่มีชื่อในรายการที่คั่นด้วยจุลภาคจะทำงานในกระบวนการของตัวเอง และจะแยกต้นทางที่ตั้งชื่อตามโดเมนย่อย เช่น การระบุ https://example.com/ จะเป็นการแยก https://foo.example.com/ เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ https://example.com/
การตั้งค่าเป็น "ปิด" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้
หมายเหตุ: สำหรับ Android ให้ใช้นโยบาย <ph name="ISOLATE_ORIGINS_ANDROID_POLICY_NAME" /> แทน</translation>
<translation id="7519251620064708155">อนุญาตให้สร้างคีย์ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="7529144158022474049">ปัจจัยการกระจายการอัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7529332889403151669">ระบุว่าจะให้แสดงการแจ้งเตือนโหมดเต็มหน้าจอหรือไม่เมื่ออุปกรณ์ออกจากโหมดสลีปหรือหน้าจอตอนกลางคืน
เมื่อไม่ได้ตั้งนโยบายหรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะแสดงการแจ้งเตือนเพื่อช่วยเตือนให้ผู้ใช้ออกจากโหมดเต็มหน้าจอก่อนป้อนรหัสผ่าน เมื่อตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่แสดงการแจ้งเตือน</translation>
<translation id="7529963829662387349">การตั้งค่านโยบายนี้จะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกวิธีการป้อนข้อมูลวิธีใดวิธีหนึ่ง (เลย์เอาต์แป้นพิมพ์) สำหรับเซสชันของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่คุณระบุ
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะเลือกวิธีการป้อนข้อมูลวิธีใดก็ได้ที่รองรับ
หมายเหตุ: หากไม่รองรับวิธีการป้อนข้อมูลในปัจจุบัน ระบบจะเปลี่ยนไปใช้เลย์เอาต์ของแป้นพิมพ์ฮาร์ดแวร์ (ถ้าอนุญาตให้ใช้ได้) หรือรายการแรกที่ใช้ได้ในลิสต์นี้ ระบบจะเพิกเฉยต่อวิธีการที่ใช้ไม่ได้หรือไม่รองรับ</translation>
<translation id="7534199150025803530">นโยบายนี้ไม่มีผลต่อแอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันการใช้ Google ไดรฟ์ผ่านการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ คุณต้องยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation>
<translation id="7540622499178214923">อนุญาตตัวควบคุมการวินิจฉัยและการวัดและส่งข้อมูลทางไกลของ Wilco</translation>
<translation id="7540826630642174841">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบไม่สนใจนโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ (ใช้การตั้งค่าเริ่มต้นของนโยบายเหล่านี้) ระหว่างระยะเวลาที่ระบุ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้นโยบายด้านอุปกรณ์อีกครั้งเมื่อระยะเวลาของนโยบายเริ่มต้นหรือสิ้นสุดลง ระบบจะแจ้งเตือนและบังคับให้ผู้ใช้ออกจากระบบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระยะเวลานี้และการตั้งค่าของนโยบายด้านอุปกรณ์ (ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่ไม่อนุญาต)</translation>
<translation id="7540945123920084379">การตั้งค่านโยบายจะควบคุมโหมดปลดล็อกด่วนที่ปลดล็อกหน้าจอล็อกได้
หากต้องการอนุญาต
* โหมดปลดล็อกด่วนทุกโหมด ให้ใช้ ["all"] (รวมถึงโหมดที่จะเพิ่มเข้ามาในอนาคตด้วย)
* สำหรับการปลดล็อกด้วย PIN เท่านั้น ให้ใช้ ["PIN"]
* สำหรับ PIN และลายนิ้วมือ ให้ใช้ ["PIN", "FINGERPRINT"]
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่า อุปกรณ์ที่มีการจัดการจะใช้โหมดปลดล็อกด่วนใดๆ ไม่ได้เลย</translation>
<translation id="7547549430720182663">รวม</translation>
<translation id="7553535237300701827">เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบจะเป็นวิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าของการตั้งค่า:
หากตั้งค่าเป็น GAIA การเข้าสู่ระบบจะดำเนินการผ่านขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ GAIA ทั่วไป
หากตั้งค่าเป็น SAML_INTERSTITIAL การเข้าสู่ระบบจะแสดงหน้าจอคั่นระหว่างหน้าซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML IdP ของโดเมนที่อุปกรณ์ลงทะเบียนไว้ หรือกลับไปใช้ขั้นตอนการเข้าสู่ระบบทั่วไปของ GAIA</translation>
<translation id="7554382342294940216">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ข้ามพร็อกซีของการตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลได้ หน้าเว็บการตรวจสอบสิทธิ์เหล่านี้ (ซึ่งเริ่มตั้งแต่หน้าการลงชื่อเข้าใช้แคพทีฟพอร์ทัลไปจนถึงเมื่อ Chrome ตรวจพบว่าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำเร็จ) จะเปิดในหน้าต่างใหม่โดยไม่ยึดตามข้อจำกัดและการตั้งค่านโยบายทั้งหมดสำหรับผู้ใช้ปัจจุบัน นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อมีการตั้งค่าพร็อกซี (โดยนโยบาย ส่วนขยาย หรือผู้ใช้ใน chrome://settings)
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้หน้าการตรวจสอบสิทธิ์แคพทีฟพอร์ทัลต่างๆ แสดงในแท็บใหม่ (ปกติ) ของเบราว์เซอร์โดยใช้การตั้งค่าพร็อกซีของผู้ใช้ปัจจุบัน</translation>
<translation id="755951849901630953">เปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์สำหรับคอมโพเนนต์ทั้งหมดใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เมื่อไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "จริง"
หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ แต่คอมโพเนนต์บางอย่างจะได้รับการยกเว้นจากนโยบายนี้ กล่าวคือระบบจะไม่ปิดใช้การอัปเดตคอมโพเนนต์ที่ไม่มีโค้ดสั่งการ หรือที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนลักษณะการทำงานของเบราว์เซอร์มากนัก ตลอดจนคอมโพเนนต์ที่มีความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัย
ตัวอย่างของคอมโพเนนต์ดังกล่าว ได้แก่ รายการยกเลิกใบรับรองและข้อมูล Safe Browsing
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Safe Browsing ได้ที่ https://developers.google.com/safe-browsing</translation>
<translation id="7563608136659080810">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="AUTH_NEGOCIATE_DELEGATE_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายจะกำหนดเซิร์ฟเวอร์ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> อาจมอบสิทธิ์ให้ คั่นชื่อเซิร์ฟเวอร์หลายรายการด้วยเครื่องหมายจุลภาค ใช้ไวลด์การ์ด (<ph name="WILDCARD_VALUE" />) ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่มอบสิทธิ์ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของผู้ใช้ แม้จะตรวจพบว่าเซิร์ฟเวอร์เป็นอินทราเน็ตก็ตาม</translation>
<translation id="7566878661979235378">ประเภทการตรวจสอบสิทธิ์ของการเข้าสู่ระบบด้วย SAML</translation>
<translation id="7567373982693549834">นโยบายนี้ควบคุมการใช้งานแอป Android จากแหล่งที่มาที่ไม่น่าเชื่อถือ (แหล่งที่ไม่ใช่ Google Play Store) สำหรับผู้ใช้แต่ละราย
หากไม่ได้ตั้งค่าในนโยบายนี้ จะถือว่าตั้งค่าเป็นไม่อนุญาต
หากอุปกรณ์ของผู้ใช้มีการจัดการ ความพร้อมใช้งานของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายด้านอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องด้วย
หากอุปกรณ์ของผู้ใช้ไม่มีการจัดการ ความพร้อมใช้งานของนโยบายนี้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้เป็นเจ้าของอุปกรณ์หรือไม่ด้วย</translation>
<translation id="7570111012674064005">การตั้งค่านโยบายระบุว่าจะมีการประมวลผลนโยบายผู้ใช้จาก Group Policy Object (GPO) ของคอมพิวเตอร์หรือไม่และอย่างไร
* "ค่าเริ่มต้น" หรือการไม่ตั้งค่าจะทำให้มีการอ่านนโยบายผู้ใช้จาก GPO ของผู้ใช้เท่านั้น ระบบจะไม่พิจารณา GPO ของคอมพิวเตอร์
* "รวม" จะรวมนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้กับนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ GPO ของคอมพิวเตอร์มีความสำคัญเหนือกว่า
* "แทนที่" จะแทนที่นโยบายผู้ใช้ใน GPO ของผู้ใช้ด้วยนโยบายผู้ใช้ใน GPO ของคอมพิวเตอร์ ระบบจะไม่พิจารณา GPO ของผู้ใช้</translation>
<translation id="7570291542739287032">เฉพาะในระบบคลาวด์</translation>
<translation id="757395965347379751">เมื่อเปิดใช้การตั้งค่านี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตใบรับรองที่มีการลงชื่อของ SHA-1 ตราบใดที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและอยู่ในห่วงโซ่เดียวกับใบรับรอง CA ที่ติดตั้งในเครื่อง
โปรดทราบว่านโยบายนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มการตรวจสอบใบรับรองระบบปฏิบัติการที่อนุญาตลายเซ็นของ SHA-1 หากการอัปเดตระบบปฏิบัติการเปลี่ยนแปลงการจัดการใบรับรอง SHA-1 ของระบบปฏิบัติการ นโยบายนี้จะไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป นอกจากนี้ นโยบายนี้ยังมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราวเพื่อให้องค์กรต่างๆ มีเวลามากขึ้นในการเลิกใช้งาน SHA-1 การถอดนโยบายนี้ออกจะเกิดขึ้นประมาณวันที่ 1 มกราคม 2019
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ หรือตั้งค่าเป็น False <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะปฏิบัติตามกำหนดเวลาเลิกใช้งาน SHA-1 ที่ประกาศไว้ต่อสาธารณะ</translation>
<translation id="7590188804371204512">ควบคุมการติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก
การเปิดใช้การตั้งค่านี้จะบล็อกไม่ให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอก
การปิดใช้หรือไม่ตั้งค่าการตั้งค่านี้จะอนุญาตให้ติดตั้งส่วนขยายจากภายนอกได้
ดูเอกสารประกอบเกี่ยวกับส่วนขยายจากภายนอกและการติดตั้งได้ที่ https://developer.chrome.com/apps/external_extensions
</translation>
<translation id="759957074386651883">การตั้งค่า Safe Browsing</translation>
<translation id="7604169113182304895">แอป Android อาจเลือกใช้รายการด้วยความสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับแอปให้เลือกได้</translation>
<translation id="7612157962821894603">การตั้งค่าสถานะที่ใช้ทั้งระบบที่จะนำไปใช้กับการเริ่มต้นใช้งาน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7614663184588396421">รายการสกีมของโปรโตคอลที่ถูกปิดใช้งาน</translation>
<translation id="7620869951155758729">นโยบายนี้จะระบุการกำหนดค่าที่ใช้เพื่อสร้างและยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครอง
|current_config| จะใช้เพื่อสร้างรหัสการเข้าถึงทุกครั้ง และควรใช้เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| ไม่ได้เท่านั้น
|future_config| คือการกำหนดค่าหลักที่ใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึง
|old_configs| ควรใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของรหัสการเข้าถึงเฉพาะเวลาที่ตรวจสอบความถูกต้องด้วย |future_config| หรือ |current_config| ไม่ได้เท่านั้น
การใช้นโยบายนี้ตามที่คาดไว้จะค่อยๆ ช่วยหมุนเวียนการกำหนดค่ารหัสการเข้าถึง การกำหนดค่าใหม่จะเพิ่มไว้ใน |future_config| ทุกครั้ง
และในขณะเดียวกันระบบจะย้ายค่าที่มีอยู่ไปยัง |current_config| ส่วนค่าก่อนหน้าของ |current_config| จะย้ายไปยัง |old_configs| และจะถูกนำออกหลังจากสิ้นสุดรอบการหมุนเวียน
นโยบายนี้ใช้กับผู้ใช้ที่เป็นเด็กเท่านั้น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ คุณจะยืนยันรหัสการเข้าถึงของผู้ปกครองในอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่เป็นเด็กไม่ได้</translation>
<translation id="7629840767216985001">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้
หากตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ได้ชั่วคราว เมื่อหน้าจอลงชื่อเข้าใช้โหลดซ้ำหรือไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 1 นาที เคอร์เซอร์จะเปลี่ยนกลับไปอยู่ในสถานะเดิม
หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ผู้ใช้จะเปิดใช้เมื่อใดก็ได้ และสถานะนั้นในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้จะยังคงอยู่ตลอดระหว่างการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน
หมายเหตุ: <ph name="DEVICE_LOGIN_SCREEN_LARGE_CURSOR_ENABLED" /> จะลบล้างนโยบายนี้หากระบุนโยบายเดิมไว้</translation>
<translation id="7632147323011514740">ช่วงเวลาที่ขั้นตอนการอัปเดตภาพรวมของข้อมูล ARC จะเริ่มต้นสำหรับเซสชันผู้เยี่ยมชมที่มีการจัดการได้</translation>
<translation id="7632724434767231364">ชื่อไลบรารี GSSAPI</translation>
<translation id="7635106595080609261">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ Chrome แสดงผลได้ และผู้ใช้จะเปิดกล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่าเมื่อผู้ใช้ดำเนินการที่เรียกใช้กล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ เช่น การนำเข้าบุ๊กมาร์ก การอัปโหลดไฟล์ และการบันทึกลิงก์ จะมีข้อความปรากฏขึ้นแทน โดยถือว่าผู้ใช้ได้คลิก "ยกเลิก" ในกล่องโต้ตอบสำหรับการเลือกไฟล์ไว้</translation>
<translation id="7643883929273267746">จำกัดบัญชีที่แสดงอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7648907905084499629">ใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="FEATURE_NAME_SAMESITE_BY_DEFAULT_COOKIES" /> สำหรับคุกกี้ในทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="7657261947024629645">เพิ่มประสิทธิภาพ</translation>
<translation id="7666228839913571182">อนุญาตคุกกี้ของบุคคลที่สาม</translation>
<translation id="7668830462800981702">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" ระบบจะทำการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบที่อยู่ หากต้องการระบุผู้ให้บริการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น ให้ตั้งค่าส่วนที่เหลือของนโยบายการค้นหาเริ่มต้น หากปล่อยนโยบายเหล่านี้ว่างไว้ ผู้ใช้จะเลือกผู้ให้บริการเริ่มต้นได้ หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่มีการค้นหาเมื่อผู้ใช้ป้อนข้อความที่ไม่ใช่ URL ในแถบที่อยู่
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนค่านั้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะเปิดใช้ผู้ให้บริการค้นหาเริ่มต้น และผู้ใช้จะกำหนดรายการผู้ให้บริการค้นหาได้
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมในโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="7669630878711068277">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้สั่งพิมพ์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ได้ และผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" ผู้ใช้จะสั่งพิมพ์จาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ การสั่งพิมพ์จะปิดทั้งในเมนู 3 จุด ส่วนขยาย และแอปพลิเคชัน JavaScript</translation>
<translation id="7673194325208122247">ระยะเวลา (มิลลิวินาที)</translation>
<translation id="7677220829878081413">
เมื่อตั้งค่าเป็น ArcSession นโยบายนี้จะบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android เริ่มต้นแล้ว
เมื่อตั้งค่าเป็น ArcSessionOrVMStart นโยบายนี้จะบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบหาก Android หรือ VM เริ่มต้นแล้ว
การตั้งค่าเป็น "ทุกครั้ง" จะเป็นการบังคับให้อุปกรณ์รีบูตทุกครั้งที่ผู้ใช้ออกจากระบบ
หากไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีผลอะไรและไม่มีการบังคับให้อุปกรณ์รีบูตเมื่อผู้ใช้ออกจากระบบ เช่นเดียวกันกับการตั้งค่าเป็น "ไม่เลย"
นโยบายนี้จะมีผลต่อผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นพาร์ทเนอร์เท่านั้น
</translation>
<translation id="7679483888150212009">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="7683777542468165012">การรีเฟรชนโยบายแบบไดนามิก</translation>
<translation id="7687943045976362719">หากตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> จะจัดการประเภทของเนื้อหาที่ระบุไว้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้การแสดงผลเริ่มต้นกับทุกเว็บไซต์ (อาจมีการใช้นโยบาย <ph name="CHROME_FRAME_RENDERER_SETTINGS_POLICY_NAME" /> เพื่อกำหนดค่าการแสดงผลเริ่มต้น)</translation>
<translation id="7694245791806617022">ควบคุมว่าจะเปิดใช้ฟีเจอร์ "จำรหัสผ่าน" ในกล่องโต้ตอบการตรวจสอบสิทธิ์ Kerberos หรือไม่ จะมีการเข้ารหัสและจัดเก็บรหัสผ่านในดิสก์ ซึ่งจะเข้าถึงได้โดย Daemon ของระบบ Kerberos และระหว่างเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกได้ว่าจะให้ระบบจำรหัสผ่าน Kerberos หรือไม่ เพื่อที่จะไม่ต้องป้อนรหัสผ่านอีกครั้ง จะมีการดึงข้อมูลตั๋ว Kerberos โดยอัตโนมัติ เว้นแต่จะต้องตรวจสอบสิทธิ์เพิ่มเติม (การตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย)
หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่จำรหัสผ่านและจะนำรหัสผ่านที่จัดเก็บไว้ก่อนหน้านี้ออกทั้งหมด ผู้ใช้จะต้องป้อนรหัสผ่านทุกครั้งที่จำเป็นต้องตรวจสอบสิทธิ์กับระบบ Kerberos การตรวจสอบสิทธิ์มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ทุกๆ 8 ชั่วโมงไปจนถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของเซิร์ฟเวอร์</translation>
<translation id="7694807474048279351">กำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "จริง" การรีบูตอัตโนมัติจะถูกกำหนดเวลาเมื่อมีการใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และจำเป็นต้องมีการรีบูตเพื่อดำเนินการขั้นตอนการอัปเดตให้เสร็จสมบูรณ์ การรีบูตถูกกำหนดเวลาไว้ทันที แต่อาจมีความล่าช้าบนอุปกรณ์ได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงหากในขณะนั้นมีผู้ใช้ใช้อุปกรณ์อยู่
........เมื่อนโยบายนี้ถูกตั้งค่าเป็น "เท็จ" จะไม่มีการกำหนดเวลาการรีบูตอัตโนมัติหลังจากใช้การอัปเดตของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขั้นตอนการอัปเดตจะเสร็จสมบูรณ์เมื่อผู้ใช้รีบูตอุปกรณ์ในครั้งถัดไป
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะไม่สามารถเปลี่ยนหรือลบล้างได้
หมายเหตุ: ปัจจุบันนี้ การรีบูตอัตโนมัติจะเปิดใช้งานเฉพาะในขณะที่หน้าจอการเข้าสู่ระบบกำลังแสดงหรือเซสชันแอปคีออสก์กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และนโยบายจะบังคับใช้อยู่เสมอ โดยไม่คำนึงว่าจะมีเซสชันประเภทใดๆ กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่</translation>
<translation id="7701341006446125684">ตั้งค่าขนาดแคชของแอปและส่วนขยาย (เป็นไบต์)</translation>
<translation id="7703737669292992839">ป้องกันกล่องโต้ตอบการเลือกไฟล์</translation>
<translation id="7709470712369261710">ไม่ใช้บริการของ Google เพื่อให้คำอธิบายรูปภาพอัตโนมัติ</translation>
<translation id="7712109699186360774">ถามทุกครั้งที่ไซต์ต้องการเข้าถึงกล้องและ/หรือไมโครโฟน</translation>
<translation id="7713608076604149344">ข้อจำกัดในการดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7715711044277116530">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอในโหมดการนำเสนอ</translation>
<translation id="7716020145539921591">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
การตั้งค่านโยบายนี้ช่วยให้คุณระบุ URL ของพร็อกซีเซิร์ฟเวอร์ได้ นโยบายนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อไม่ได้ระบุนโยบาย <ph name="PROXY_SETTINGS_POLICY_NAME" /> และคุณเลือก <ph name="PROXY_MODE_ENUM_FIXED_SERVERS" /> ด้วย <ph name="PROXY_MODE_POLICY_NAME" /> เท่านั้น
ไม่ต้องตั้งค่านโยบายนี้หากได้เลือกโหมดอื่นสำหรับการตั้งค่านโยบายพร็อกซีแล้ว
หมายเหตุ: ดูตัวอย่างโดยละเอียดได้ที่ The Chromium Projects ( https://www.chromium.org/developers/design-documents/network-settings#TOC-Command-line-options-for-proxy-sett )</translation>
<translation id="7717938661004793600">กำหนดค่าฟีเจอร์การเข้าถึงของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7721944091689270995">User ID <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="7724161903134898864">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์แสดงป๊อปอัปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธป๊อปอัป
การไม่ตั้งค่าหมายความว่า <ph name="BLOCK_POPUPS_POLICY_NAME" /> จะมีผล แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="7731026922044991970">เปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิมสำหรับคุกกี้ในทุกเว็บไซต์</translation>
<translation id="7732907212083471072">นโยบายที่นำออก</translation>
<translation id="77379430721695807">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุรายการ URL ที่จะมีการจับคู่รูปแบบกับต้นทางการรักษาความปลอดภัยของ URL ที่ขอ หากรูปแบบตรงกัน ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงอุปกรณ์จับภาพวิดีโอโดยไม่แสดงข้อความแจ้ง
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="7747447585227954402">อนุญาตให้อุปกรณ์ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7749024457938190837">ส่วนขยายที่ได้รับอนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันเมื่อส่งงานพิมพ์ผ่าน chrome.printing API</translation>
<translation id="7749402620209366169">เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยสำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลแทนการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้
หากการตั้งค่านี้เปิดใช้งานอยู่ ผู้ใช้จะต้องระบุรหัสแบบสองปัจจัยที่ถูกต้องเมื่อเข้าถึงโฮสต์
หากการตั้งค่านี้ปิดใช้งานอยู่หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่สามารถใช้สองปัจจัยดังกล่าวได้และจะมีการใช้ค่าเริ่มต้นซึ่งเป็นการใช้ PIN ที่ระบุโดยผู้ใช้แทน</translation>
<translation id="7749402921503577264">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะอนุญาตให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> แสดงขึ้นเมื่อผู้ใช้ไปที่เว็บไซต์ที่มีข้อผิดพลาด SSL
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้คลิกผ่านหน้าคำเตือนใดๆ ไม่ได้</translation>
<translation id="7750991880413385988">เปิดหน้าแท็บใหม่</translation>
<translation id="7754704193130578113">สอบถามที่เก็บไฟล์ก่อนดาวน์โหลด</translation>
<translation id="7754893969683595513">การตั้งค่านโยบายจะมีระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลนโยบายผู้ใช้จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,800,000 (30 นาที) ถึง 86,400,000 (1 วัน) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 3 ชั่วโมง
หมายเหตุ: การแจ้งเตือนเรื่องนโยบายจะบังคับรีเฟรชเมื่อนโยบายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องรีเฟรชบ่อยๆ ดังนั้น หากแพลตฟอร์มรองรับการแจ้งเตือนเหล่านี้ การหน่วงเวลาการรีเฟรชจะอยู่ที่ 24 ชั่วโมง (โดยไม่สนใจค่าเริ่มต้นและค่าของนโยบายนี้)</translation>
<translation id="7758378441185523981">เปิดใช้การตรวจสอบสิทธิ์แบบแอมเบียนท์สำหรับโปรไฟล์ประเภทต่างๆ</translation>
<translation id="776110834126722255">เลิกใช้งาน</translation>
<translation id="7763614521440615342">แสดงคำแนะนำเนื้อหาบนหน้า "แท็บใหม่"</translation>
<translation id="7765879851993224640">อนุญาตให้ใช้การลงชื่อเข้าใช้ด้วย Smart Lock</translation>
<translation id="7774768074957326919">ใช้การตั้งค่าพร็อกซีของระบบ</translation>
<translation id="777734450201217641">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะเปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษในหน้าจอการเข้าสู่ระบบจะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="7777535871204167559">ทำให้อุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกเป็นแบบอ่านอย่างเดียว</translation>
<translation id="7781853854781306082">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ขอรหัสผ่านจากผู้ใช้เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์เมื่อไม่มีความเคลื่อนไหว
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ระบบไม่ขอรหัสผ่านจากผู้ใช้เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีป
การไม่ตั้งค่านโยบายจะอนุญาตให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้มีการถามรหัสผ่านเพื่อปลดล็อกอุปกรณ์จากโหมดสลีปหรือไม่</translation>
<translation id="7784062550705119230">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_ALLOWLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="DEVICE_PRINTERS_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_PRINTERS_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ได้ จะมีเฉพาะเครื่องพิมพ์ที่มีรหัสตรงกับค่าในนโยบายนี้เท่านั้นที่พร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="DEVICE_PRINTERS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="7788511847830146438">ต่อโปรไฟล์</translation>
<translation id="780629758750905699">อนุญาตให้มีการเพิ่มบัญชี Family Link ลงในอุปกรณ์</translation>
<translation id="7807139251387225825">รายการของประเภทที่จะไม่รวมในการซิงค์ข้อมูล</translation>
<translation id="7818131573217430250">ตั้งค่าสถานะเริ่มต้นของโหมดคอนทราสต์สูงบนหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="7823902813460802031">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหยุดไม่ให้อุปกรณ์เข้าสู่โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ใช้โหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้เสมอ</translation>
<translation id="782661371433719637">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์การเข้าถึงในการอ่านไฟล์และไดเรกทอรีผ่าน File System API</translation>
<translation id="7839180815400079700">หากเปิดใช้ <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="DEVICE_POWER_PEAK_SHIFT_DAY_CONFIG_POLICY_NAME" /> จะเป็นการกำหนดค่าวันที่มีการใช้ไฟจากแบตเตอรี่
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้การใช้ไฟจากแบตเตอรี่ปิดอยู่เสมอ
ค่าที่ใช้ได้สำหรับช่อง <ph name="MINUTE_FIELD_NAME" /> ใน <ph name="START_TIME_FIELD_NAME" />, <ph name="END_TIME_FIELD_NAME" /> และ <ph name="CHARGE_START_TIME_FIELD_NAME" /> ได้แก่ 0, 15, 30, 45</translation>
<translation id="7841880500990419427">TLS เวอร์ชันต่ำสุดที่ใช้สำรอง</translation>
<translation id="7846952520291088817">URL ที่ IP ของเครื่องแสดงใน ICE Candidate ผ่าน WebRTC</translation>
<translation id="7848641140449742406">การตั้งค่าระบบปฏิบัติการ</translation>
<translation id="7850846808758624237">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าหน้าแรกจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าหน้าแรกเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายหน้าแรกไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="7863947545897944083">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษด้วยโหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" โหมดคอนทราสต์สูงจะเปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" โหมดคอนทราสต์สูงจะปิดใช้เสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่าไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้โหมดคอนทราสต์สูงในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="7869986671709030417">กำหนดค่าเริ่มต้นของโหมดการพิมพ์กราฟิกพื้นหลัง</translation>
<translation id="7881421274383404138">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร รูปแบบการตั้งค่าเหมือนกับพจนานุกรม <ph name="PRINTERS_POLICY_NAME" /> แต่มีช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ที่จำเป็นต้องกรอกเพิ่มเข้ามาสำหรับเครื่องพิมพ์แต่ละเครื่องเพื่อใช้ระบุว่าอยู่ในรายการที่อนุญาตหรือไม่อนุญาต ไฟล์ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 MB และอยู่ในรูปแบบ JSON ไฟล์ที่ระบุเครื่องพิมพ์ประมาณ 21,000 เครื่องเข้ารหัสเป็นไฟล์ขนาด 5 MB ได้ 1 ไฟล์ แฮชแบบเข้ารหัสช่วยยืนยันความสมบูรณ์ของการดาวน์โหลด ไฟล์จะมีการดาวน์โหลด แคช และดาวน์โหลดอีกครั้งเมื่อ URL หรือแฮชมีการเปลี่ยนแปลง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะดาวน์โหลดไฟล์ดังกล่าวเพื่อการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์และทำให้เครื่องพิมพ์พร้อมใช้งานพร้อมด้วย <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" />, <ph name="PRINTERS_BULK_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อความสามารถของผู้ใช้ในการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง แต่เป็นเพียงนโยบายเพิ่มเติมสำหรับการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์ของผู้ใช้แต่ละราย
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้</translation>
<translation id="7882585827992171421">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
กำหนด ID ของส่วนขยายที่จะใช้เป็นโปรแกรมรักษาหน้าจอบนหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ ส่วนขยายนี้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของ AppPack ซึ่งได้รับการกำหนดค่าสำหรับโดเมนนี้ผ่านทางนโยบาย DeviceAppPack</translation>
<translation id="7882857838942884046">การปิดใช้ Google Sync จะทำให้การสำรองข้อมูลและการคืนค่าของ Android ทำงานได้อย่างไม่สมบูรณ์</translation>
<translation id="7882890448959833986">ระงับคำเตือนระบบปฏิบัติการที่ไม่ได้รับการสนับสนุน</translation>
<translation id="788487748427534612">หากไม่ตั้งค่านโยบาย <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> ให้กู้คืน URL จากเซสชันก่อนหน้าโดยถาวร การตั้งค่า <ph name="COOKIES_SESSION_ONLY_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> ก็จะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่จะตั้งค่าคุกกี้ได้และไม่ได้สำหรับเซสชันหนึ่งๆ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้มีการใช้ <ph name="DEFAULT_COOKIES_SETTINGS_POLICY_NAME" /> กับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล URL ที่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ก็จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเช่นกัน
หาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ในโหมดเบื้องหลัง เซสชันอาจยังมีการใช้งานอยู่จนกว่าผู้ใช้จะออกจากเบราว์เซอร์ ไม่ใช่เพียงปิดหน้าต่างสุดท้าย ดูรายละเอียดเกี่ยวกับการกำหนดค่าลักษณะการทำงานนี้ได้ใน <ph name="BACKGROUND_MODE_ENABLED_POLICY_NAME" />
แม้จะไม่มีนโยบายที่มีความสำคัญเหนือกว่า แต่ให้ดู <ph name="COOKIES_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="COOKIES_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> รูปแบบ URL ใน 3 นโยบายนี้ต้องไม่ขัดแย้งกัน</translation>
<translation id="7889788745439330797">ควบคุมว่าผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ได้หรือไม่
หากเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ได้ผ่านการตั้งค่าบัญชี Kerberos ในหน้าการตั้งค่าบุคคล ผู้ใช้จะควบคุมบัญชีที่ตนเพิ่มไว้ได้โดยสมบูรณ์และจะแก้ไขหรือนำบัญชีออกได้ด้วย
หากปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะเพิ่มบัญชี Kerberos ไม่ได้ คุณจะเพิ่มบัญชีได้ผ่านนโยบาย "กำหนดค่าบัญชี Kerberos" เท่านั้น นี่เป็นวิธีล็อกบัญชีที่มีประสิทธิภาพ</translation>
<translation id="7891884447851425349">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SEARCH_URL_POLICY_NAME" /> จะระบุ URL ของเครื่องมือค้นหาที่ใช้ระหว่างการค้นหาที่เป็นค่าเริ่มต้น URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ซึ่งข้อความค้นหาของผู้ใช้จะมาแทนที่ในการค้นหา
คุณระบุ URL การค้นหาของ Google เป็น <ph name="GOOGLE_SEARCH_URL" /> ได้</translation>
<translation id="7894185046683379696">การตั้งค่านโยบายจะระบุระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีก่อนล็อกหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าระยะหน่วงเวลาเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใน <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" />
เมื่อตั้งค่าเป็น 0 <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ล็อกหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เวลาเริ่มต้น
คำแนะนำ: ล็อกหน้าจอเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวด้วยการเปิดการล็อกหน้าจอเมื่อถูกระงับการใช้งาน และให้<ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ระงับการใช้งานหลังจากหมดระยะหน่วงเวลาเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหว ใช้นโยบายนี้ในเวลาที่การล็อกหน้าจอควรจะเกิดขึ้นก่อนเวลาระงับการใช้งานเป็นเวลานาน หรือเมื่อไม่ต้องการระงับการใช้งานเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวเท่านั้น</translation>
<translation id="7895553628261067384">การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="7902040092815978832">แสดงแป้นพิมพ์ตัวเลขสำหรับรหัสผ่าน</translation>
<translation id="7904177352786629708">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะข้ามการค้นหา CNAME ระบบจะใช้ชื่อเซิร์ฟเวอร์ตามที่ป้อนเมื่อสร้าง Kerberos SPN
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า การค้นหา CNAME จะกำหนดชื่อ Canonical ของเซิร์ฟเวอร์เมื่อสร้าง Kerberos SPN</translation>
<translation id="7912255076272890813">กำหนดค่าประเภทแอปพลิเคชัน/ส่วนขยายที่อนุญาต</translation>
<translation id="791267408364877739">แสดงคำเตือนด้านความปลอดภัยเมื่อมีการใช้การติดธงบรรทัดคำสั่งที่อาจเป็นอันตราย</translation>
<translation id="7922358664346625612">เปิดแท็บสุดท้ายไว้ใน Chrome</translation>
<translation id="793134539373873765">ระบุว่าจะใช้ p2p สำหรับส่วนข้อมูลการอัปเดต OS ไหม หากตั้งค่าเป็น "จริง" อุปกรณ์จะแชร์และพยายามรับส่วนข้อมูลการอัปเดตบน LAN ซึ่งอาจลดแบนด์วิดท์และความคับคั่งในอินเทอร์เน็ต หากส่วนข้อมูลการอัปเดตไม่พร้อมใช้งานบน LAN อุปกรณ์จะกลับไปใช้การดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์การอัปเดต หากตั้งค่าเป็น "เท็จ" หรือไม่กำหนดค่า p2p จะไม่ถูกใช้งาน</translation>
<translation id="7933141401888114454">เปิดใช้งานการสร้างผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation>
<translation id="793473937901685727">ตั้งค่าความพร้อมใช้งานของใบรับรองสำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="7937766917976512374">อนุญาตหรือปฏิเสธการจับวิดีโอ</translation>
<translation id="7941975817681987555">อย่าคาดการณ์การทำงานของเครือข่ายจากการเชื่อมต่อเครือข่ายใดๆ</translation>
<translation id="7951605113561734721">ระบุใบรับรองไคลเอ็นต์ระดับอุปกรณ์ที่ต้องลงทะเบียนโดยใช้โปรโตคอลการจัดการอุปกรณ์</translation>
<translation id="7952007677054834789">กำหนดค่าหน้าที่จะโหลดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน หน้าแรกเริ่มต้นและหน้าแท็บใหม่เริ่มต้นใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงหน้าเหล่านี้
การตั้งค่าหน้าแรกของผู้ใช้จะถูกล็อกโดยสมบูรณ์ หากคุณเลือกหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ หรือตั้งค่าให้เป็น URL และระบุ URL ของหน้าแรก หากคุณไม่ได้ระบุ URL ของหน้าแรก ผู้ใช้จะยังตั้งค่าหน้าแรกเป็นหน้าแท็บใหม่ได้โดยระบุ "chrome://newtab"
ระบบจะไม่สนใจนโยบาย "URL ที่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน" เว้นแต่ว่าคุณจะเลือก "เปิดรายการ URL" ใน "การดำเนินการเมื่อเริ่มต้นใช้งาน"</translation>
<translation id="7952958573604504839">เราเลิกใช้งานนโยบายนี้แล้วใน M48 เพื่อใช้นโยบาย <ph name="NETWORK_PREDICTION_OPTIONS_POLICY_NAME" /> และได้นำออกใน M54
เปิดใช้การคาดคะเนเครือข่ายใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้
การตั้งค่านี้ไม่เพียงควบคุมการโหลด DNS ล่วงหน้า แต่ยังควบคุมการเชื่อมต่อ TCP และ SSL ล่วงหน้า รวมถึงการแสดงผลหน้าเว็บล่วงหน้าด้วย ชื่อนโยบายอ้างถึงการโหลด DNS ล่วงหน้าเพื่อจุดประสงค์ด้านประวัติ
หากคุณเปิดหรือปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างการตั้งค่านี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะเปิดใช้การตั้งค่านี้แต่ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="7955263399078148032">หากตั้งค่า <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_FIREWALL_TRAVERSAL_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" การตั้งค่า <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_ALLOW_RELAYED_CONNECTION_POLICY_NAME" /> เป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้สามารถใช้ไคลเอ็นต์ระยะไกลเพื่อใช้รีเลย์เซิร์ฟเวอร์ในการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้เมื่อเชื่อมต่อโดยตรงไม่ได้ เช่น เนื่องจากข้อจำกัดด้านไฟร์วอลล์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะไม่ปิดการเข้าถึงระยะไกล แต่จะอนุญาตการเชื่อมต่อจากเครือข่ายเดียวกันเท่านั้น (ไม่อนุญาตการส่งผ่าน NAT หรือรีเลย์)</translation>
<translation id="7956210013490975468">กำหนดค่าบริการพร็อกซีของระบบสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="7958537754689366707">ต้องป้อนรหัสผ่านทุก 12 ชั่วโมง</translation>
<translation id="7961779417826583251">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการผู้ออกใบรับรองเดิม</translation>
<translation id="7973609468423251675">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนหรี่แสงหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะที่เครื่องทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะหรี่แสงหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่หรี่แสงหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้น้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอ (หากตั้งค่า) และระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="7974114691960514888">นโยบายนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนอีกต่อไป เปิดใช้งานการใช้ STUN และเซิร์ฟเวอร์ถ่ายทอดเมื่อเชื่อมต่อกับไคลเอ็นต์ระยะไกล หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งาน เครื่องนี้จะสามารถค้นพบและเชื่อมต่อกับเครื่องโฮสต์ระยะไกลแม้ว่าจะถูกกั้นโดยไฟร์วอลล์ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งานและการเชื่อมต่อ UDP ขาออกถูกกรองโดยไฟร์วอลล์ เครื่องนี้จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเครื่องโฮสต์ภายในเครือข่ายท้องถิ่นเท่านั้น</translation>
<translation id="7976157349247117979">ชื่อของปลายทาง <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7980227303582973781">ไม่มีข้อจำกัดพิเศษ</translation>
<translation id="7985242821674907985"><ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="7991022023019679916">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนปิดหน้าจอหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าที่มากกว่า 0 จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะปิดหน้าจอ
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 แล้ว <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะไม่ปิดหน้าจอเมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหว
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที ค่าจะถูกบีบให้เหลือน้อยกว่าหรือเท่ากับระยะหน่วงเวลาของการไม่มีความเคลื่อนไหว</translation>
<translation id="7995610550667275367">การสแกน (รองรับตั้งแต่เวอร์ชัน 87 เป็นต้นไป)</translation>
<translation id="8001701200415781021">จำกัดบัญชี Google ที่อนุญาตให้ตั้งค่าเป็นบัญชีหลักของเบราว์เซอร์ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8006219716745491366">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ALTERNATE_URLS_POLICY_NAME" /> จะระบุรายการ URL ทางเลือกสำหรับการแยกข้อความค้นหาออกจากเครื่องมือค้นหา URL ดังกล่าวควรมีสตริง <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" />
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ALTERNATE_URLS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ไม่มีการใช้ URL ทางเลือกเพื่อแยกข้อความค้นหา</translation>
<translation id="8006921530139404577">หากปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะไม่แสดงการเชื่อมต่อที่เกี่ยวข้องกับ UI (เช่น หน้าต่างยกเลิกการเชื่อมต่อ) สำหรับการเชื่อมต่อของการเข้าถึงจากระยะไกลที่ไม่ได้อยู่ในโหมดปิดม่าน นโยบายนี้จะไม่มีผลกับเซสชันการเข้าถึงจากระยะไกลในโหมดปิดม่านและเซสชันการสนับสนุนจากระยะไกล
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่าเป็น "จริง" ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="8011935490612940798">ควบคุมฟีเจอร์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="802147957407376460">หมุนหน้าจอ 0 องศา</translation>
<translation id="8033913082323846868">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้วใน M70 โปรดใช้ AutofillAddressEnabled และ AutofillCreditCardEnabled แทน
เปิดใช้ฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และอนุญาตให้ผู้ใช้เติมคำอัตโนมัติในเว็บฟอร์มโดยใช้ข้อมูลที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลบัตรเครดิต
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเข้าถึงฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติไม่ได้
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้หรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะยังคงเป็นผู้ควบคุมฟีเจอร์ป้อนอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้กำหนดค่าโปรไฟล์ป้อนอัตโนมัติและเปิดหรือปิดป้อนอัตโนมัติได้ตามที่เห็นสมควร</translation>
<translation id="8036964468882248070">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานสถิติด้านฮาร์ดแวร์และตัวระบุของอุปกรณ์เก็บข้อมูล
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานสถิติพื้นที่เก็บข้อมูล</translation>
<translation id="8044493735196713914">รายงานโหมดการบูตอุปกรณ์</translation>
<translation id="8049769137921877885">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบายหรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบาย
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลนโยบายและเวลาในการดึงข้อมูลนโยบาย
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="8050080920415773384">การพิมพ์ดั้งเดิม</translation>
<translation id="8056237304861875584">อนุญาตให้มีการเปิดใช้การทำงานอย่างต่อเนื่องในฮับโทรศัพท์</translation>
<translation id="8056273037819805106">ระบบจะใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์เครือข่ายไปยังพร็อกซีที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="8059164285174960932">URL ที่ไคลเอ็นต์การเข้าถึงระยะไกลควรรับโทเค็นการตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="8062485064082966327">ใช้บริการของ Google แบบไม่ระบุตัวตนเพื่อให้คำอธิบายอัตโนมัติสำหรับรูปภาพที่ไม่มีป้ายกำกับ</translation>
<translation id="8071371098891664137">หากมีการเลือก <ph name="PRINTERS_BLOCKLIST" /> ไว้สำหรับ <ph name="PRINTERS_BULK_ACCESS_MODE_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRINTERS_BULK_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> จะระบุเครื่องพิมพ์ที่ผู้ใช้จะใช้ไม่ได้ เครื่องพิมพ์ทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้ใช้นำมาใช้งาน ยกเว้นเครื่องที่มีรหัสตามที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ รหัสดังกล่าวต้องตรงกับช่อง <ph name="ID_FIELD" /> หรือ <ph name="GUID_FIELD" /> ในไฟล์ที่ระบุไว้ใน <ph name="PRINTERS_BULK_CONFIGURATION_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="8076521374016204899">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ด้วยรหัสผ่านล็อกหน้าจอได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ล็อกหน้าจอไม่ได้ (จะออกจากระบบเซสชันผู้ใช้ได้เท่านั้น)</translation>
<translation id="8077245272412229388">เพิ่มบัญชี Kerberos ที่กรอกไว้ล่วงหน้า หากข้อมูลเข้าสู่ระบบ Kerberos ตรงกับข้อมูลเข้าสู่ระบบของการเข้าสู่ระบบ คุณจะกำหนดค่าบัญชีให้ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบของการเข้าสู่ระบบซ้ำได้โดยระบุ "<ph name="LOGIN_EMAIL_PLACEHOLDER" />" และ "<ph name="PASSWORD_PLACEHOLDER" />" สำหรับผู้ใช้หลักและรหัสผ่านตามลำดับ เพื่อให้ดึงข้อมูลตั๋ว Kerberos ได้โดยอัตโนมัติ เว้นแต่มีการกำหนดค่าการตรวจสอบสิทธิ์แบบ 2 ปัจจัย ผู้ใช้จะแก้ไขบัญชีที่เพิ่มผ่านนโยบายนี้ไม่ได้
หากเปิดใช้นโยบายนี้ จะมีการเพิ่มรายการบัญชีที่นโยบายกำหนดลงในการตั้งค่าบัญชี Kerberos
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการเพิ่มบัญชีลงในการตั้งค่าบัญชี Kerberos และระบบจะนำบัญชีทั้งหมดที่นโยบายนี้เพิ่มไว้ก่อนหน้านี้ออก ผู้ใช้อาจยังเพิ่มบัญชีด้วยตนเองได้หากเปิดใช้นโยบาย "ผู้ใช้เพิ่มบัญชี Kerberos ได้"</translation>
<translation id="8078297389450285582">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะเปิดใช้รูปแบบการหรี่แสงอัจฉริยะและสามารถขยายเวลาจนกว่าหน้าจอจะหรี่แสง หากมีการหน่วงเวลา ระบบจะปรับการหน่วงเวลาของการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ ตลอดจนการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาระยะห่างจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หมายความว่ารูปแบบการหรี่แสงอัตโนมัติจะไม่มีผลต่อการหรี่แสงของหน้าจอ</translation>
<translation id="8099880303030573137">ระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งานเมื่อทำงานโดยใช้พลังงานแบตเตอรี่</translation>
<translation id="8101381354936029836">กลุ่มขนาดเล็กของนโยบาย</translation>
<translation id="8102913158860568230">การตั้งค่า mediastream เริ่มต้น</translation>
<translation id="8104962233214241919">เลือกใบรับรองไคลเอ็นต์สำหรับไซต์เหล่านี้โดยอัตโนมัติ</translation>
<translation id="8114382167597081590">ไม่บังคับใช้โหมดที่จำกัดใน YouTube</translation>
<translation id="8117921351531866504">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์ตรวจสอบว่าผู้ใช้บันทึกวิธีการชำระเงินไว้ได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะแจ้งเว็บไซต์ที่ใช้ API PaymentRequest.canMakePayment หรือ PaymentRequest.hasEnrolledInstrument ว่าไม่มีวิธีการชำระเงินพร้อมใช้งาน
หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้หรือไม่ได้ตั้งค่าไว้ เว็บไซต์จะได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบว่าผู้ใช้บันทึกวิธีการชำระเงินไว้หรือไม่</translation>
<translation id="8118665053362250806">ตั้งค่าขนาดแคชของดิสก์สื่อ</translation>
<translation id="8124468781472887384">นโยบายการเข้าถึงการกำหนดค่าเครื่องพิมพ์สำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="8128192446158421884">URL ที่ใช้กับ AutoOpenFileTypes ได้</translation>
<translation id="8133152694354699657">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหาพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ โดยผู้ใช้เลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดฟีเจอร์แตะเพื่อค้นหา</translation>
<translation id="8135271712389620651">กำหนดค่ารายการกฎการป้องกันข้อมูลรั่วไหลใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" />
ข้อมูลรั่วไหลอาจเกิดขึ้นได้จากการคัดลอกและวางข้อมูล การโอนไฟล์ การพิมพ์ การแชร์หน้าจอ หรือการจับภาพหน้าจอ และอื่นๆ
กฎแต่ละข้อจะประกอบด้วยข้อมูลต่อไปนี้
- รายการแหล่งที่มาที่กำหนดเป็น URL ข้อมูลในแหล่งที่มาจะถือว่าเป็นข้อมูลลับซึ่งมีการจำกัดการใช้งาน
- รายการปลายทางที่กำหนดเป็น URL หรือคอมโพเนนต์ ซึ่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แชร์ข้อมูลลับ
- รายการการจำกัดที่จะใช้กับข้อมูลของแหล่งที่มา
คุณจะเพิ่มกฎเพื่อดำเนินการต่อไปนี้ได้
- ควบคุมข้อมูลในคลิปบอร์ดที่แชร์ระหว่างแหล่งที่มาและปลายทาง
- ควบคุมการจับภาพหน้าจอของแหล่งที่มา
- ควบคุมการพิมพ์แหล่งที่มา
- ควบคุมหน้าจอความเป็นส่วนตัวเมื่อสามารถมองเห็นแหล่งที่มาได้
- ควบคุมการแชร์หน้าจอของแหล่งที่มา
ระดับการจำกัดอาจตั้งค่าเป็น "BLOCK" หรือ "ALLOW"
- หากตั้งค่าการจำกัดเป็น "BLOCK" ระบบจะไม่อนุญาตให้ดำเนินการ
- หากตั้งค่าการจำกัดเป็น "ALLOW" ระบบจะอนุญาตให้ดำเนินการ
หมายเหตุ
- การจำกัด "PRIVACY_SCREEN" จะไม่บล็อกความสามารถในการเปิดหน้าจอความเป็นส่วนตัว แต่จะบังคับใช้กฎเมื่อมีการตั้งค่าระดับการจำกัดเป็น "BLOCK"
- หากการจำกัดข้อหนึ่งเป็น "CLIPBOARD" คุณจะต้องระบุปลายทาง แต่ปลายทางเหล่านี้จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อการจำกัดที่เหลือ
- จัดรูปแบบ URL ตามรูปแบบนี้ ( https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format )
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะไม่จำกัดการใช้งาน</translation>
<translation id="8136906469922284163">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในขณะที่มีการยกเลิกการโหลด
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะป้องกันไม่ให้หน้าเว็บแสดงป๊อปอัปในขณะที่มีการยกเลิกการโหลด
นโยบายนี้ไม่มีใน Chrome 88 และการตั้งค่าจะไม่มีผลแต่อย่างใด
โปรดดูที่ https://www.chromestatus.com/feature/5989473649164288</translation>
<translation id="8141795997560411818">นโยบายนี้ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้แอป Google ไดรฟ์ของ Android หากต้องการป้องกันเข้าถึง Google ไดรฟ์ คุณควรยกเลิกการอนุญาตให้ติดตั้งแอป Google ไดรฟ์ของ Android</translation>
<translation id="8142894094385450823">กำหนดภาษาที่แนะนำสำหรับเซสชันที่มีการจัดการ</translation>
<translation id="8146727383888924340">อนุญาตให้ผู้ใช้แลกข้อเสนอพิเศษผ่านการลงทะเบียน Chrome OS</translation>
<translation id="8147132931626030921">ตั้งสถานะของฟีเจอร์หน้าจอส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
เมื่อมีการตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบล้างค่าไม่ได้เมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้หน้าจอส่วนตัวในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะยังควบคุมได้ต่อไปเมื่อหน้าจอการเข้าสู่ระบบแสดงขึ้น</translation>
<translation id="8147427717998252789">การตั้งค่านโยบายนี้จะกำหนดค่าส่งคืนของ Managed Configuration API สำหรับต้นทางนั้น
Managed Configuration API คือการกำหนดค่าคีย์-ค่าที่เข้าถึงผ่านการเรียกใช้ JavaScript navigator.device.getManagedConfiguration() ได้ API นี้ใช้ได้เฉพาะกับต้นทางที่สอดคล้องกับเว็บแอปพลิเคชันที่บังคับติดตั้งแล้วผ่าน <ph name="WEB_APP_INSTALL_FORCE_LIST_POLICY_NAME" />
</translation>
<translation id="815061180603915310">หากตั้งค่าเป็นเปิดใช้นโยบาย นโยบายนี้จะบังคับให้โปรไฟล์เปลี่ยนเป็นโหมดชั่วคราว หากระบุนโยบายนี้เป็นนโยบาย OS (เช่น GPO ใน Windows) นโยบายจะใช้กับทุกโปรไฟล์บนระบบ หากตั้งค่านโยบายเป็นนโยบายระบบคลาวด์ นโยบายจะใช้กับโปรไฟล์ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชีที่มีการจัดการเท่านั้น
ในโหมดนี้ ข้อมูลโปรไฟล์จะยังอยู่ในดิสก์เป็นเวลาเท่ากับเซสชันของผู้ใช้เท่านั้น จะไม่มีการเก็บฟีเจอร์ต่างๆ หลังปิดเบราว์เซอร์ เช่น ประวัติการเข้าชมของเบราว์เซอร์ ส่วนขยายและข้อมูลของส่วนขยาย ข้อมูลเว็บ เช่น คุกกี้และฐานข้อมูลเว็บ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ ลงในดิสก์ บันทึกหน้าหรือพิมพ์หน้าดังกล่าวด้วยตนเอง
หากผู้ใช้ได้เปิดใช้การซิงค์ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะเก็บไว้ในโปรไฟล์การซิงค์ของพวกเขาเหมือนกับโปรไฟล์ทั่วไป ทั้งนี้โหมดไม่ระบุตัวตนยังสามารถใช้งานได้หากไม่ได้ปิดใช้ตามนโยบาย
หากตั้งค่าปิดใช้นโยบายหรือไม่ตั้งค่า การลงชื่อเข้าใช้จะนำไปสู่โปรไฟล์ทั่วไป</translation>
<translation id="8158758865057576716">เปิดใช้การสร้างสำเนาโรมมิ่งสำหรับข้อมูลโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8158897487095710470">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะแสดงแถบบุ๊กมาร์กใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่าผู้ใช้จะไม่เห็นแถบบุ๊กมาร์กเลย
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเป็นผู้เลือกว่าจะใช้ฟังก์ชันนี้หรือไม่</translation>
<translation id="8159760979508295709">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์เคอร์เซอร์
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์บริเวณโดยรอบเคอร์เซอร์เมาส์ขณะที่เลื่อนเคอร์เซอร์
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์เคอร์เซอร์ไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์เคอร์เซอร์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8164687848393015214">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะส่งการตรวจสอบแพ็กเก็ตเครือข่าย (<ph name="HEARTBEATS_TERM" />) ไปยังเซิร์ฟเวอร์การจัดการเพื่อตรวจสอบสถานะออนไลน์ เพื่อให้เซิร์ฟเวอร์ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ออฟไลน์อยู่หรือไม่
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะไม่ส่งแพ็กเก็ต</translation>
<translation id="816783746144552109">กำหนดค่าเวอร์ชัน Chrome OS ขั้นต่ำที่อุปกรณ์จะใช้ได้</translation>
<translation id="8171025799847651230">หากปิดใช้นโยบายนี้ บริการโฮสต์การเข้าถึงระยะไกลจะไม่สามารถเริ่มต้นหรือกำหนดค่าให้ยอมรับการเชื่อมต่อขาเข้า นโยบายนี้ไม่มีผลต่อสถานการณ์การสนับสนุนระยะไกล
นโยบายนี้จะไม่มีผลหากตั้งค่าเป็น "จริง" ปล่อยว่างไว้ หรือไม่ได้ตั้งค่า</translation>
<translation id="8171924760436219650">สลับปุ่มหลักของเมาส์ไปเป็นปุ่มด้านขวาในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8176035528522326671">อนุญาตให้ผู้ใช้ขององค์กรเป็นผู้ใช้หลักแบบหลายโปรไฟล์เท่านั้น (ค่าเริ่มต้นสำหรับผู้ใช้ที่มีองค์กรเป็นผู้จัดการ)</translation>
<translation id="8179161412673077784">ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ที่มีประสบการณ์การใช้งานที่ไม่เหมาะสมเปิดหน้าต่างหรือแท็บใหม่</translation>
<translation id="8183108371184777472">ระงับการเปิดหน้าต่างเบราว์เซอร์ขึ้นมา</translation>
<translation id="8186911565834244165">อนุญาตความคิดเห็นจากผู้ใช้</translation>
<translation id="8195133650230097559">ไม่สนใจคำขอ Wake Lock เพื่อการจัดการพลังงาน</translation>
<translation id="8196558469954193908">นโยบายนี้อนุญาตให้มีการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 เมื่อใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อยู่ โดยทั้งชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อใหม่ที่เป็นไปได้และชื่อโฮสต์ของการเชื่อมต่อเดิมต้องตรงกับรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งที่อธิบายไว้ในนโยบายนี้ จึงจะรวมการเชื่อมต่อได้ นโยบายนี้คือรายการโฮสต์ที่ใช้รูปแบบตัวกรอง <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ได้แก่ "example.com" ตรงกับ "example.com" และโดเมนย่อยทั้งหมด (เช่น "sub.example.com") ขณะที่ ."example.net" ตรงกับ "example.net" ทุกประการ
คำขอรวมกับโฮสต์อื่นผ่านการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์อาจสร้างปัญหาด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากผู้ออกใบรับรองแวดล้อมจะได้รับคำขอทั้งหมด แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ให้สิทธิ์อย่างชัดแจ้ง นโยบายนี้เป็นแบบชั่วคราวและระบบจะนำออกในรุ่นต่อไป โปรดดู https://crbug.com/855690
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นที่ไม่อนุญาตการรวมการเชื่อมต่อ HTTP/2 ในการเชื่อมต่อที่ใช้ใบรับรองไคลเอ็นต์</translation>
<translation id="8197373549462388216">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อจากหน้าคำเตือนที่บริการ Google Safe Browsing แสดงและไปยังเว็บไซต์อันตราย นโยบายนี้ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ดำเนินการต่อในกรณีที่ได้รับคำเตือนจาก Google Safe Browsing เช่น มัลแวร์และฟิชชิงเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับใบรับรอง SSL เช่น ใบรับรองไม่ถูกต้องหรือหมดอายุ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าผู้ใช้เลือกที่จะดำเนินการต่อไปยังเว็บไซต์ที่มีการแจ้งว่าไม่เหมาะสมหลังจากที่คำเตือนปรากฏขึ้นได้
ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google Safe Browsing (https://developers.google.com/safe-browsing)</translation>
<translation id="8213770777756919897">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะมีการระบุการทำงานของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เมื่อผู้ใช้ไม่มีความเคลื่อนไหวนานประมาณหนึ่งตามระยะหน่วงเวลาของการไม่ใช้งาน ซึ่งกำหนดค่าแยกต่างหากได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะดำเนินการตามค่าเริ่มต้นซึ่งก็คือระงับการทำงาน
หากมีการระงับการทำงาน คุณจะกำหนดค่า <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แยกต่างหากเพื่อให้ล็อกหรือไม่ล็อกหน้าจอก่อนที่จะมีการระงับได้</translation>
<translation id="8214600119442850823">กำหนดค่าตัวจัดการรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8219777886736887686">การตั้งค่านโยบายนี้จะควบคุมคำสั่งที่จะใช้เปิด URL ในเบราว์เซอร์สำรอง นโยบายนี้จะตั้งค่าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งได้ระหว่าง <ph name="INTERNET_EXPLORER_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="FIREFOX_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="SAFARI_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="OPERA_VALUE_PLACEHOLDER" />, <ph name="EDGE_VALUE_PLACEHOLDER" /> หรือเส้นทางของไฟล์ เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นเส้นทางของไฟล์ ระบบจะใช้ไฟล์นั้นเป็นไฟล์ที่สั่งการได้ <ph name="INTERNET_EXPLORER_VALUE_PLACEHOLDER" /> และ <ph name="EDGE_VALUE_PLACEHOLDER" /> จะมีเฉพาะใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> และ <ph name="SAFARI_VALUE_PLACEHOLDER" /> จะมีเฉพาะใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> และ <ph name="MAC_OS_NAME" />
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะทำให้ระบบใช้ค่าเริ่มต้นเฉพาะแพลตฟอร์มนั้นๆ ได้แก่ <ph name="IE_PRODUCT_NAME" /> สำหรับ <ph name="MS_WIN_NAME" /> หรือ <ph name="SAFARI_PRODUCT_NAME" /> สำหรับ <ph name="MAC_OS_NAME" /> ส่วนใน <ph name="LINUX_OS_NAME" /> การเปิดเบราว์เซอร์สำรองจะทำไม่สำเร็จ</translation>
<translation id="8220156281401380422">กำหนดค่ารายการที่อนุญาตสำหรับการรับส่งข้อความดั้งเดิม</translation>
<translation id="8244171102276095471">เปิดใช้ชุดการเข้ารหัส RC4 ใน TLS</translation>
<translation id="8244525275280476362">การหน่วงเวลาสูงสุดในการดึงข้อมูลภายหลังการลบล้างนโยบาย</translation>
<translation id="8251411417369363637">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเรียกใช้เนื้อหา <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ทั้งหมดซึ่งฝังอยู่ในเว็บไซต์ที่อนุญาต <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> รวมถึงเนื้อหาจากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก
การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่าอาจบล็อกเนื้อหา <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> จากแหล่งที่มาอื่นๆ หรือเนื้อหาขนาดเล็ก
หมายเหตุ: หากต้องการควบคุมเว็บไซต์ที่เรียกใช้ <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ได้ โปรดดูนโยบาย <ph name="DEFAULT_PLUGINS_SETTING_POLICY_NAME" />, <ph name="PLUGINS_ALLOWED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PLUGINS_BLOCKED_FOR_URLS_POLICY_NAME" /></translation>
<translation id="82530263956734297">รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่บล็อก</translation>
<translation id="8256688113167012935">ควบคุมชื่อบัญชี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้สำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกัน
หากตั้งค่านโยบายนี้ หน้าลงชื่อเข้าใช้จะใช้ข้อมูลที่ระบุในตัวเลือกการลงชื่อเข้าใช้แบบรูปภาพสำหรับบัญชีภายในอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ ID บัญชีอีเมลของบัญชีภายในอุปกรณ์เป็นชื่อสำหรับแสดงในหน้าลงชื่อเข้าใช้
นโยบายนี้จะไม่มีผลกับบัญชีผู้ใช้ทั่วไป</translation>
<translation id="8259375588339409826">ทั้ง Chromium และ Google Chrome รองรับนโยบายชุดเดียวกัน โปรดทราบว่าเอกสารนี้อาจมีนโยบายที่ยังไม่ได้เผยแพร่ (รายการ "รองรับใน" หมายถึงเวอร์ชันที่ยังไม่เปิดตัวของ <ph name="PRODUCT_NAME" />) ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือนำออกโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และไม่มีการรับประกันใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่มีการรับประกันในแง่คุณสมบัติด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผลิตภัณฑ์
นโยบายเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการกำหนดค่าอินสแตนซ์ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ภายในองค์กรของคุณเท่านั้น การใช้นโยบายภายนอกองค์กร (ตัวอย่างเช่น ในโปรแกรมที่เผยแพร่ต่อสาธารณะ) จะถือว่าเป็นมัลแวร์และมีแนวโน้มที่ Google และผู้ให้บริการป้องกันไวรัสจะติดป้ายว่าเป็นมัลแวร์
คุณไม่ต้องกำหนดการตั้งค่าเหล่านี้ด้วยตนเอง เพราะมีเทมเพลตที่ใช้งานง่ายสำหรับ Windows, Mac และ Linux ให้ดาวน์โหลดจาก <ph name="POLICY_TEMPLATE_DOWNLOAD_URL" />
วิธีกำหนดค่านโยบายใน Windows ที่แนะนำคือผ่าน GPO แม้จะยังคงมีการรองรับการจัดสรรนโยบายผ่านรีจิสทรีสำหรับอินสแตนซ์ Windows ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" /> ก็ตาม</translation>
<translation id="8261874086461353268">การตั้งค่านโยบายทำให้สามารถรวมนโยบายที่เลือกเมื่อนโยบายมาจากแหล่งที่มาต่างๆ ซึ่งมีขอบเขตและระดับเดียวกัน การรวมจะอยู่ในคีย์ระดับแรกๆ ของพจนานุกรมจากแหล่งที่มาแต่ละแห่ง คีย์ที่มาจากแหล่งที่มีลำดับความสำคัญสูงสุดจะมีความสำคัญเหนือกว่า
หากนโยบายอยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มาซึ่งมี
* ขอบเขตและระดับเดียวกัน: ค่าจะรวมอยู่ในพจนานุกรมนโยบายใหม่
* ขอบเขตหรือระดับที่ต่างกัน: ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด
หากนโยบายไม่ได้อยู่ในรายการและมีความขัดแย้งระหว่างแหล่งที่มา ขอบเขต หรือระดับ ระบบจะใช้นโยบายที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด</translation>
<translation id="8266778278542911985">การตั้งค่านโยบายเป็น 3 จะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรม
การไม่ตั้งค่าจะให้เว็บไซต์ขอสิทธิ์เข้าถึงได้ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="827054846390793641">เปิดใช้การแสดง UI ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อบนเดสก์ท็อปของโฮสต์เมื่อมีการเชื่อมต่อ</translation>
<translation id="8274603902181597201">ล้างข้อมูลไดเรกทอรีหลักที่เข้ารหัสของผู้ใช้และเริ่มด้วยไดเรกทอรีหลักใหม่แบบ ext4 ที่เข้ารหัส</translation>
<translation id="8284296539558710573">พรอมต์การตรวจสอบสิทธิ์ HTTP แบบข้ามต้นทาง</translation>
<translation id="8284527236880877730">หากปิดใช้ <ph name="POWER_SMART_DIM_ENABLED_POLICY_NAME" /> การตั้งค่า <ph name="PRESENTATION_SCREEN_DIM_DELAY_SCALE_POLICY_NAME" /> จะระบุเปอร์เซ็นต์การปรับขนาดการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอเมื่ออุปกรณ์กำลังนำเสนอ เมื่อมีการปรับขนาดการหน่วงเวลาการหรี่แสง ระบบจะปรับการหน่วงเวลาของการปิดหน้าจอ การล็อกหน้าจอ ตลอดจนการหน่วงเวลาที่ไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อรักษาระยะห่างจากการหน่วงเวลาการหรี่แสงหน้าจอให้อยู่ในระดับเดียวกันกับค่าเดิมที่ตั้งไว้
หากไม่ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ค่าตัวคูณมาตราส่วนเริ่มต้น
หมายเหตุ: ค่าตัวคูณมาตราส่วนต้องเท่ากับ 100% ขึ้นไป</translation>
<translation id="8285435910062771358">เปิดใช้งานแว่นขยายแบบเต็มหน้าจอ</translation>
<translation id="828566872219880247">ให้คุณกำหนดรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์ หากมีรูปแบบ URL ใน "KeygenBlockedForUrls" นโยบายนี้จะลบล้างข้อยกเว้นเหล่านี้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางกับเว็บไซต์ทั้งหมด โดยนำมาจากนโยบาย "DefaultKeygenSetting" หากมีการตั้งค่าไว้ มิเช่นนั้น จะนำมาจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="8288199156259560552">เปิดใช้บริการตำแหน่งของ Google ใน Android</translation>
<translation id="8290875622178450531">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการเขียนตามคำบอก
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการเขียนตามคำบอกไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการเขียนตามคำบอกไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์เขียนตามคำบอกในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8294750666104911727">ตามปกติหน้าที่มีการตั้งค่า X-UA-Compatible เป็น Chrome=1 จะได้รับการแสดงผลใน <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> ไม่ว่านโยบาย "ChromeFrameRendererSettings" จะเป็นเช่นไร
หากคุณเปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะไม่ได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก
หากคุณปิดใช้การตั้งค่านี้ หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก
หากนโยบายนี้ไม่ได้รับการตั้งค่า หน้าจะได้รับการสแกนหาเมตาแท็ก</translation>
<translation id="8294904880343779205">ควบคุมว่าจะลบประวัติงานพิมพ์ได้หรือไม่
งานพิมพ์ที่จัดเก็บไว้ในเครื่องจะลบได้ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์ของผู้ใช้
เมื่อเปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะลบประวัติงานพิมพ์ได้ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์
เมื่อปิดใช้นโยบายนี้ ผู้ใช้จะลบประวัติงานพิมพ์ผ่านแอปการจัดการการพิมพ์หรือโดยการลบประวัติของเบราว์เซอร์ไม่ได้</translation>
<translation id="8295496526151576383">นโยบายนี้ระบุส่วนขยายที่อนุญาตให้ข้ามกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์เมื่อส่วนขยายนั้นใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /> ของ <ph name="PRINTING_API" /> เพื่อส่งงานพิมพ์
หากส่วนขยายใดไม่อยู่ในรายการหรือไม่ได้ตั้งค่ารายการไว้ ระบบจะแสดงกล่องโต้ตอบการยืนยันงานพิมพ์ให้ผู้ใช้เห็นทุกครั้งที่มีการเรียกใช้ฟังก์ชัน <ph name="SUBMIT_JOB_FUNCTION" /></translation>
<translation id="829641334878002866">อนุญาตให้คุณกำหนดระยะเวลาเป็นมิลลิวินาทีระหว่างการแจ้งเตือนแรกที่บอกว่าต้องรีสตาร์ทอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อใช้อัปเดตที่รอดำเนินการ กับจุดสิ้นสุดระยะเวลาที่ระบุโดยนโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" />
หากไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้ระยะเวลาเริ่มต้น 259,200,000 มิลลิวินาที (3 วัน) สำหรับอุปกรณ์ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="829703642501504476">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้หน้าแสดงข้อผิดพลาดทางเลือกซึ่งมีอยู่ในเบราว์เซอร์ (เช่น "ไม่พบหน้าเว็บ") การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่ใช้หน้าแสดงข้อผิดพลาดทางเลือกเลย
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายจะเปิดอยู่ แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="8300992833374611099">ควบคุมว่าเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะใช้ในที่ใดได้บ้าง</translation>
<translation id="8306117673860983372">การตั้งค่าการลงชื่อเข้าใช้</translation>
<translation id="8312129124898414409">ช่วยให้คุณกำหนดว่าเว็บไซต์ได้รับอนุญาตให้ใช้การสร้างคีย์หรือไม่ โดยสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ทั้งหมดใช้การสร้างคีย์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ "BlockKeygen" และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8313927126392971570">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์ระหว่างการค้นหารูปภาพด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น {imageThumbnail} ข้อมูลภาพขนาดย่อของรูปภาพจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_IMAGE_URL_POST_PARMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอการค้นหารูปภาพโดยใช้เมธอด GET</translation>
<translation id="8314214821702356835">อนุญาตให้ผู้ใช้เล่นสื่อเมื่อมีการล็อกอุปกรณ์อยู่</translation>
<translation id="8319678975002906774">ตั้งค่าการกำหนดค่าที่มีการจัดการสำหรับต้นทางที่เจาะจงของเว็บไซต์</translation>
<translation id="8320149248919453401">โหมดการชาร์จแบตเตอรี่</translation>
<translation id="8329984337216493753">นโยบายนี้ใช้งานได้ในโหมดปลีกเท่านั้น
เมื่อมีการระบุค่า DeviceIdleLogoutTimeout นโยบายนี้จะกำหนดระยะเวลาของช่องเตือนที่มีตัวเลขนับถอยหลังซึ่งจะแสดงให้ผู้ใช้เห็นก่อนที่จะดำเนินการออกจากระบบ
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="8331479227794770304">เปิดใช้คีย์ติดหนึบ</translation>
<translation id="8337114537412769126">หาก <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_ENABLED_POLICY_NAME" /> เปิดอยู่ การตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะระบุพารามิเตอร์ระหว่างการค้นหาที่แนะนำด้วยเมธอด POST โดยจะประกอบด้วยคู่ชื่อ-ค่าที่คั่นด้วยจุลภาค หากมีค่าใดเป็นพารามิเตอร์เทมเพลต เช่น <ph name="SEARCH_TERM_MARKER" /> ข้อมูลข้อความค้นหาจริงจะแทนที่ค่าดังกล่าว
การไม่ตั้งค่า <ph name="DEFAULT_SEARCH_PROVIDER_SUGGEST_URL_POST_PARAMS_POLICY_NAME" /> จะทำให้ระบบส่งคำขอการค้นหาที่แนะนำโดยใช้เมธอด GET</translation>
<translation id="8339420913453596618">ปิดใช้งานปัจจัยที่ 2 แล้ว</translation>
<translation id="8344454543174932833">นำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="8347993687936322631">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
นโยบายนี้จะให้ค่าสำรองสำหรับนโยบาย <ph name="IDLE_ACTION_AC_POLICY_NAME" /> และ <ph name="IDLE_ACTION_BATTERY_POLICY_NAME" /> ที่เจาะจงยิ่งขึ้น หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าของนโยบายในกรณีที่ไม่มีการตั้งค่านโยบายที่เจาะจงยิ่งขึ้นตามลำดับ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ลักษณะการทำงานของนโยบายที่เจาะจงยิ่งขึ้นจะไม่ได้รับผลกระทบ</translation>
<translation id="8357681633047935212">จำกัดระยะเวลาเซสชันของผู้ใช้</translation>
<translation id="8357989008292691856">รายชื่อผู้ใช้ที่อนุญาตให้เข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="8359734107661430198">เปิดใช้ ExampleDeprecatedFeature API ได้ถึง 02/09/2008</translation>
<translation id="8367069206652407172">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้หยุดกระบวนการในตัวจัดการงาน
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้หยุดกระบวนการในตัวจัดการงานได้</translation>
<translation id="8367209241899435947">เปิดใช้การทำความสะอาด Chrome ใน Windows</translation>
<translation id="8367473200119029349">การรายงานในระบบคลาวด์</translation>
<translation id="8369602308428138533">ระยะหน่วงเวลาการปิดหน้าจอเมื่อทำงานโดยใช้ไฟ AC</translation>
<translation id="8371178326720637170">อนุญาตให้ส่วนขยายที่มีการจัดการใช้ Enterprise Hardware Platform API</translation>
<translation id="8375817202037102567">บล็อกสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8379317372795444261">อนุญาตการตรวจสอบสิทธิ์<ph name="BASIC_AUTH" />ในการเชื่อมต่อผ่าน HTTP</translation>
<translation id="838056554726401140">รายการ URL ที่ระบุ URL ที่จะใช้กับ <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> นโยบายนี้ไม่มีผลต่อค่าที่เปิดโดยอัตโนมัติที่ผู้ใช้กำหนดไว้
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ไฟล์จะเปิดโดยอัตโนมัติด้วยนโยบายเฉพาะเมื่อ URL นั้นอยู่ในชุดนี้ และมีประเภทไฟล์อยู่ใน <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> หากเงื่อนไขเป็น "เท็จ" ไฟล์ที่ดาวน์โหลดจะไม่เปิดโดยอัตโนมัติด้วยนโยบาย
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ไฟล์ที่ดาวน์โหลดทั้งหมดที่มีประเภทไฟล์อยู่ใน <ph name="AUTO_OPEN_FILE_TYPES_POLICY_NAME" /> จะเปิดโดยอัตโนมัติ
รูปแบบ URL ต้องมีรูปแบบตาม https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format</translation>
<translation id="8382184662529825177">เปิดใช้การใช้งานการรับรองระยะไกลสำหรับการปกป้องเนื้อหาสำหรับอุปกรณ์</translation>
<translation id="838870586332499308">เปิดใช้งานการโรมมิ่งข้อมูล</translation>
<translation id="8393850527597048037">แพลตฟอร์มเท่านั้น</translation>
<translation id="8395749934754392549">จัดการการตั้งค่าของคอนเทนเนอร์ Android (ARC) และแอป Android</translation>
<translation id="8398952282584132331">เปิดใช้หน้าจอส่วนตัว</translation>
<translation id="8402079500086185021">เปิดไฟล์ PDF จากภายนอกทุกครั้ง</translation>
<translation id="8405691014775178834">อนุญาตให้ผู้ใช้รายนี้เข้าถึงรากของคอนเทนเนอร์ Crostini
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะให้สิทธิ์เข้าถึงรากของคอนเทนเนอร์ Crostini แก่ผู้ใช้รายนี้
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ให้สิทธิ์เข้าถึงรากทั้งของคอนเทนเนอร์ Crostini ที่มีอยู่และของคอนเทนเนอร์ใหม่แก่ผู้ใช้รายนี้</translation>
<translation id="8415953438346821074">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ระบบจะบันทึกการตั้งค่าที่เก็บไว้ในโปรไฟล์ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เช่น บุ๊กมาร์ก ข้อมูลการป้อนข้อความอัตโนมัติ รหัสผ่าน และอื่นๆ ไปยังไฟล์ที่เก็บไว้ในโฟลเดอร์โปรไฟล์ผู้ใช้โรมมิ่งหรือตำแหน่งที่ผู้ดูแลระบบระบุไว้ผ่านนโยบาย <ph name="ROAMING_PROFILE_LOCATION_POLICY_NAME" /> ด้วย การเปิดใช้นโยบายนี้จะปิดใช้คลาวด์ซิงค์
หากปิดใช้นโยบายนี้หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เฉพาะโปรไฟล์ปกติในเครื่อง</translation>
<translation id="8417305981081876834">ตั้งค่าความยาวสูงสุดของ PIN หน้าจอล็อก</translation>
<translation id="8417750118762775739">การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะอนุญาตให้ป๊อปอัปที่กำหนดเป้าหมาย <ph name="BLANK_PAGE_NAME" /> เข้าถึง (ผ่าน JavaScript) หน้าเว็บที่ขอเปิดป๊อปอัปดังกล่าว
การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้มีการตั้งค่าพร็อพเพอร์ตี้ <ph name="WINDOW_OPENER_PROPERTY" /> เป็น <ph name="NULL_VALUE" /> เว้นแต่แท็ก Anchor จะระบุ <ph name="REL_OPENER_ATTRIBUTE" />
เราจะนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> เวอร์ชัน 95
ดู https://chromestatus.com/feature/6140064063029248</translation>
<translation id="841853753509411428">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้นโยบาย "<ph name="NATIVE_MESSAGING_ALLOWLIST_POLICY_NAME" />" แทน
การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ไม่อยู่ในรายการปฏิเสธ ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง
ระบบจะอนุญาตโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดโดยค่าเริ่มต้น แต่หากนโยบายปฏิเสธโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมด ผู้ดูแลระบบจะใช้รายการอนุญาตเพื่อเปลี่ยนนโยบายนั้นได้</translation>
<translation id="841977920223099909">ทริกเกอร์การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8422866312638683210">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> พยายามลงทะเบียนตนเองกับ <ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ค่าของนโยบายนี้จะเป็นโทเค็นการลงทะเบียนที่คุณเรียกมาจาก <ph name="GOOGLE_ADMIN_CONSOLE_PRODUCT_NAME" />
ดูรายละเอียดที่ https://support.google.com/chrome/a/answer/9301891?ref_topic=9301744</translation>
<translation id="8424255554404582727">ตั้งค่าการหมุนหน้าจอเริ่มต้น ใช้การตั้งค่านี้ซ้ำทุกครั้งที่เริ่มระบบใหม่</translation>
<translation id="8426231401662877819">หมุนหน้าจอตามเข็มนาฬิกา 90 องศา</translation>
<translation id="8433186206711564395">การตั้งค่าเครือข่าย</translation>
<translation id="8433769814000220721">เปิดใช้เนื้อหาที่แนะนำ</translation>
<translation id="843609873781525167">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" กำหนดให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตรวจสอบเสมอว่าเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่เมื่อเริ่มต้นใช้งาน และลงทะเบียนตัวเองโดยอัตโนมัติหากเป็นไปได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะหยุด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ให้ตรวจสอบว่าเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และปิดการควบคุมโดยผู้ใช้สำหรับตัวเลือกนี้
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้หมายความว่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> ให้ผู้ใช้ควบคุมว่าจะให้เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นหรือไม่ และควรแสดงการแจ้งเตือนผู้ใช้หรือไม่หากไม่ใช่เบราว์เซอร์เริ่มต้น
โปรดทราบว่าสำหรับผู้ดูแลระบบ <ph name="MS_WIN_NAME" /> การเปิดการตั้งค่านี้จะใช้ได้กับเครื่องที่ใช้ Windows 7 เท่านั้น ส่วนเวอร์ชันที่ใหม่กว่า คุณต้องใช้ไฟล์ "การเชื่อมโยงแอปพลิเคชันเริ่มต้น" ที่ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เป็นเครื่องจัดการโปรโตคอล <ph name="HTTPS_PROTOCOL" /> และ <ph name="HTTP_PROTOCOL" /> (อาจรวมถึงโปรโตคอล <ph name="FTP_PROTOCOL" /> และรูปแบบไฟล์อื่นๆ ด้วยก็ได้) ความช่วยเหลือของ Chrome ( https://support.google.com/chrome?p=make_chrome_default_win )</translation>
<translation id="8445576299806775661">ในการอัปเดตเวอร์ชันครั้งใหญ่แต่ละครั้ง Chrome จะสร้างสแนปชอตของข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้เอาไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้ในกรณีที่ต้องทำการย้อนกลับเวอร์ชันฉุกเฉินในภายหลัง หากทำการย้อนกลับฉุกเฉินไปยังเวอร์ชันที่ผู้ใช้มีสแนปชอตที่ตรงกัน ข้อมูลในสแนปชอตจะได้รับการคืนค่า ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เก็บการตั้งค่าดังกล่าวเป็นบุ๊กมาร์กและข้อมูลสำหรับป้อนข้อความอัตโนมัติได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นที่ 3
หากตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะลบสแนปชอตเก่าตามที่จำเป็นเพื่อให้จำนวนอยู่ในขีดจำกัดที่กำหนด หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น 0 จะไม่มีการสร้างสแนปชอต</translation>
<translation id="8451988835943702790">ใช้หน้าแท็บใหม่เป็นหน้าแรก</translation>
<translation id="8455529558077979314">การตั้งค่าหน้าจอส่วนตัว</translation>
<translation id="8465065632133292531">พารามิเตอร์สำหรับ URL ค้นหาทันใจที่ใช้ POST</translation>
<translation id="8465746466645315861">หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดในการตั้งค่าภาษาได้
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้การตรวจตัวสะกดและผู้ใช้จะปิดใช้ไม่ได้ ใน <ph name="MS_WIN_NAME" />, <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> และ <ph name="LINUX_OS_NAME" /> ผู้ใช้จะเปิดหรือปิดการตรวจตัวสะกดของแต่ละภาษาแยกกันได้ ดังนั้นจึงยังปิดใช้การตรวจตัวสะกดโดยการสลับปุ่มเพื่อปิดการตรวจตัวสะกดของทุกภาษาได้อยู่ คุณอาจหลีกเลี่ยงปัญหานี้โดยใช้นโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> เพื่อบังคับให้เปิดใช้การตรวจตัวสะกดของบางภาษา
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดและผู้ใช้จะเปิดใช้ไม่ได้ นโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> และ <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLACKLIST_POLICY_NAME" /> จะไม่ส่งผลกระทบเมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ"
</translation>
<translation id="847472800012384958">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดๆ แสดงป๊อปอัป</translation>
<translation id="8477885780684655676">TLS 1.0</translation>
<translation id="8483004350080020634">ตัดส่วนที่ละเอียดอ่อนต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยใน URL แบบ https:// ก่อนส่งต่อไปยังสคริปต์ PAC (การกำหนดค่าพร็อกซีอัตโนมัติ) ที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ระหว่างการแก้ปัญหาพร็อกซี
เมื่อมีค่าเป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยและตัด URL แบบ https://
ออกก่อนส่งไปยังสคริปต์ PAC เมื่อดำเนินการแบบนี้ สคริปต์ PAC
จะดูข้อมูลที่ปกป้องไว้ตามปกติโดยช่องทางที่เข้ารหัส
(เช่น เส้นทางและคำค้นหาของ URL) ไม่ได้
เมื่อมีค่าเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย และสคริปต์ PAC
จะดูคอมโพเนนต์ทั้งหมดของ URL แบบ https:// ได้โดยปริยาย
การตั้งค่านี้มีผลกับสคริปต์ PAC ทั้งหมดไม่ว่าจะมาจากที่ใด
(ซึ่งรวมถึงสคริปต์ที่ที่ดึงผ่านการขนส่งที่ไม่ปลอดภัย หรือค้นพบ
อย่างไม่ปลอดภัยผ่าน WPAD)
นโยบายนี้มีค่าเริ่มต้นเป็น "จริง" (เปิดใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัย)
ขอแนะนำให้ตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" และตั้งค่าเป็น "เท็จ"
เฉพาะในกรณีที่นโยบายนี้ก่อให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับสคริปต์ PAC ที่มีอยู่เท่านั้น
นโยบายนี้จะถูกนำออกในรุ่น M75</translation>
<translation id="8484458986062090479">กำหนดค่ารายการรูปแบบ URL ที่ควรแสดงผลด้วยเบราว์เซอร์โฮสต์ทุกครั้ง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะใช้ตัวแสดงผลเริ่มต้นกับเว็บไซต์ทั้งหมดตามที่ได้ระบุไว้โดยนโยบาย "ChromeFrameRendererSettings"
สำหรับรูปแบบตัวอย่าง โปรดดูที่ https://www.chromium.org/developers/how-tos/chrome-frame-getting-started</translation>
<translation id="8489964335640955763">PluginVm</translation>
<translation id="8493645415242333585">ปิดใช้งานการบันทึกประวัติเบราว์เซอร์</translation>
<translation id="8499172469244085141">การตั้งค่าเริ่มต้น (ผู้ใช้แทนที่ได้)</translation>
<translation id="849962487677588458">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว และมีกำหนดที่จะนำออกใน Chrome 78 โดยไม่มีนโยบายทดแทน
นโยบายนี้เปิดใช้ HTTP/0.9 ในพอร์ตอื่นที่ไม่ใช่พอร์ต 80 สำหรับ HTTP และพอร์ต 443 สำหรับ HTTPS
นโยบายนี้ปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น และหากมีการเปิดใช้จะทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อปัญหาด้านความปลอดภัย https://crbug.com/600352
นโยบายนี้มีไว้เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ ย้ายข้อมูลในเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่ออกจาก HTTP/0.9 และจะมีการนำออกในอนาคต
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ HTTP/0.9 ในพอร์ตที่ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8504243661032323176">การตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้ความยาว PIN ขั้นต่ำที่เลือกไว้ (ค่าต่ำกว่า 1 จะปัดเศษขึ้นเป็นค่าขั้นต่ำที่ 1)
การไม่ตั้งค่านโยบายจะบังคับใช้ความยาว PIN ขั้นต่ำ 6 หลัก ซึ่งเป็นความยาวขั้นต่ำที่แนะนำ</translation>
<translation id="8507835864888987300">ตั้งค่าเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดตอัตโนมัติ
กำหนดส่วนนำของเวอร์ชันเป้าหมายสำหรับการอัปเดต <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> หากอุปกรณ์กำลังเรียกใช้เวอร์ชันที่ออกมาก่อนส่วนนำที่กำหนด อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดพร้อมส่วนนำที่ระบุนั้นๆ หากอุปกรณ์เป็นเวอร์ชันใหม่กว่าอยู่แล้ว ผลกระทบจะขึ้นอยู่กับค่าของ <ph name="DEVICE_ROLLBACK_TO_TARGET_VERSION_POLICY_NAME" /> รูปแบบของส่วนนำทำงานได้อย่างชาญฉลาดร่วมกับส่วนประกอบดังเช่นที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้
"" (หรือที่ไม่ได้กำหนดค่า): อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีให้บริการ
"1412.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412 (เช่น 1412.24.34 หรือ 1412.60.2)
"1412.2.": อัปเดตเป็นเวอร์ชันใดก็ได้ที่รองลงมาจาก 1412.2 (เช่น 1412.2.34 หรือ 1412.2.2)
"1412.24.34": อัปเดตเป็นเวอร์ชันนี้เท่านั้น
คำเตือน: เราไม่แนะนำให้กำหนดค่าข้อจำกัดของเวอร์ชันเพราะอาจทำให้ผู้ใช้ไม่ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการปรับปรุงความปลอดภัยที่สำคัญ การจำกัดการอัปเดตเป็นส่วนนำเวอร์ชันที่เจาะจงอาจทำให้ผู้ใช้มีความเสี่ยง</translation>
<translation id="8519264904050090490">URL ข้อยกเว้นแบบกำหนดเองของผู้ใช้ที่ได้รับการจัดการ</translation>
<translation id="8519516251436131647">เปิดใช้แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะปิดใช้อยู่เสมอ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ แป้นพิมพ์ลัดของฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษจะเปิดใช้อยู่โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8525526490824335042">คอนเทนเนอร์ Linux</translation>
<translation id="8537051350735478658">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดการแนะนำการค้นหาในแถบที่อยู่ของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดการแนะนำการค้นหา
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า การแนะนำการค้นหาจะเปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8543108307976719751">ป้องกันไม่ให้เข้าถึงการเชื่อมต่อกับเครื่องนี้จากระยะไกล</translation>
<translation id="8544375438507658205">โปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นสำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8544465954173828789">อนุญาตให้ซิงค์ข้อความ SMS จากโทรศัพท์ไปยัง Chromebook</translation>
<translation id="8566842294717252664">ซ่อนเว็บสโตร์จากหน้าแท็บใหม่และเครื่องเรียกใช้งานแอป</translation>
<translation id="8571314270766672278">ย้อนกลับไปเวอร์ชันก่อนหน้าและรีเซ็ตอุปกรณ์ในการดาวน์เกรดเวอร์ชัน พยายามรักษาการตั้งค่าของการลงทะเบียนไว้</translation>
<translation id="857369585509260201">นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้ว ลองพิจารณาใช้ BrowserSignin แทน
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ผู้ใช้ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ด้วยโปรไฟล์ของตนก่อนใช้เบราว์เซอร์ และระบบจะตั้งค่าเริ่มต้นของ BrowserGuestModeEnabled เป็น "เท็จ" โปรดทราบว่าโปรไฟล์ที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ซึ่งมีอยู่จะถูกล็อกและเข้าถึงไม่ได้หลังจากเปิดใช้นโยบายนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบทความในศูนย์ช่วยเหลือ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้กำหนดค่า ผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ได้โดยไม่ต้องลงชื่อเข้าใช้ <ph name="PRODUCT_NAME" /></translation>
<translation id="8583509234908413302">อนุญาตให้ TLS/DTLS เดิมดาวน์เกรดใน WebRTC</translation>
<translation id="8584279193368801689">จำกัดโหมดการพิมพ์ด้วย PIN ระบบจะถือว่าไม่มีข้อจำกัดหากไม่ได้ตั้งค่านโยบาย หากโหมดนี้ไม่พร้อมใช้งาน ระบบจะไม่สนใจนโยบายนี้ โปรดทราบว่าฟีเจอร์การพิมพ์ด้วย PIN จะใช้ได้กับเครื่องพิมพ์ที่ใช้โปรโตคอล IPPS, HTTPS, USB หรือ IPP-over-USB เท่านั้น</translation>
<translation id="8587229956764455752">อนุญาตให้สร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่</translation>
<translation id="8591713876665299827">โปรดทราบว่าจะมีการเลิกใช้งานและนำนโยบายนี้ออกใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 85 โปรดใช้ <ph name="POWER_MANAGEMENT_IDLE_SETTINGS_POLICY_NAME" /> แทน
ระบุระยะเวลาก่อนตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหวหลังจากไม่มีการป้อนข้อมูลจากผู้ใช้ ขณะทำงานโดยเสียบปลั๊ก
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ จะเป็นการระบุระยะเวลาที่ผู้ใช้ต้องไม่มีความเคลื่อนไหวก่อนที่ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตอบสนองการไม่มีความเคลื่อนไหว โดยกำหนดค่าการตอบสนองแยกต่างหากได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ระยะเวลาค่าเริ่มต้น
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที</translation>
<translation id="8603454805657060638">การตั้งค่านโยบายจะทำให้ผู้ดูแลระบบเปลี่ยนที่อยู่ MAC (Media Access Control หรือการควบคุมการเข้าถึงสื่อ) เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์กับแท่นชาร์จได้ เมื่อแท่นชาร์จเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บางรุ่น ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์จะช่วยระบุตัวตนอุปกรณ์ในอีเทอร์เน็ตโดยค่าเริ่มต้น
หากเลือก "DeviceDockMacAddress" หรือไม่ได้ตั้งค่านโยบาย ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของแท่นชาร์จที่กำหนดของอุปกรณ์
หากเลือก "DeviceNicMacAddress" ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของ NIC (Network Interface Controller หรือตัวควบคุมอินเทอร์เฟซเครือข่าย) ของอุปกรณ์
หากเลือก "DockNicMacAddress" ระบบจะใช้ที่อยู่ MAC ของ NIC ของแท่นชาร์จ
ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงการตั้งค่านี้ไม่ได้</translation>
<translation id="8604178325750278068">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant ฟังวลีการเปิดใช้งานด้วยเสียง การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ Google Assistant ไม่ฟังวลีการเปิดใช้งานด้วยเสียง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะให้ผู้ใช้เลือกว่าจะเปิดหรือปิดฟีเจอร์นี้</translation>
<translation id="8605216171953003144">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะเปิด NTLMv2
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะปิด NTLMv2
เซิร์ฟเวอร์ Samba และ <ph name="MS_WIN_NAME" /> เวอร์ชันล่าสุดทั้งหมดรองรับ NTLMv2 ควรปิดใช้การตั้งค่านี้เฉพาะเมื่อต้องการความเข้ากันได้แบบย้อนหลังเท่านั้น เพราะการปิดใช้จะทำให้ความปลอดภัยในการตรวจสอบสิทธิ์ลดลง</translation>
<translation id="8606263947930257189">ควบคุมว่าจะให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ระงับแท็บที่ทำงานมาอย่างน้อย 5 นาทีในเบื้องหลังได้หรือไม่
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบอาจระงับแท็บที่ทำงานมาอย่างน้อย 5 นาทีในเบื้องหลัง การระงับแท็บจะช่วยลดการใช้งาน CPU, แบตเตอรี่ และหน่วยความจำ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้การเรียนรู้เพื่อหลีกเลี่ยงการระงับแท็บที่ทำงานในเบื้องหลังที่มีประโยชน์ (เช่น แสดงการแจ้งเตือน เล่นเสียง สตรีมวิดีโอ) ทั้งนี้ นักพัฒนาเว็บเลือกไม่ใช้การระงับกับเว็บไซต์ของตนได้ (https://chromium.googlesource.com/chromium/src/+/HEAD/chrome/browser/performance_manager/docs/freezing_opt_out_opt_in.md)
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่ระงับแท็บใดๆ ทั้งสิ้น</translation>
<translation id="8631434304112909927">จนถึงรุ่น <ph name="UNTIL_VERSION" /></translation>
<translation id="8631437968147930597">รายการแอปสำหรับจดโน้ตที่อนุญาตในหน้าจอล็อกของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="8643838501942693770">อนุญาตคุกกี้ของบุคคลที่สามแต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="8650974590712548439">ตำแหน่งรีจิสทรีของ Windows สำหรับไคลเอ็นต์ของ Windows คือ</translation>
<translation id="8653085952260859632">รายงานข้อมูลหน่วยความจำ</translation>
<translation id="8653561013005884087">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดการอธิบายและอ่านออกเสียงไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การอธิบายและอ่านออกเสียงจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8656110680728938054">เปิดใช้การเลือกเพื่อให้อ่าน</translation>
<translation id="8661297125441579970">ไม่อนุญาตให้ย้ายข้อมูลและใช้ ARC</translation>
<translation id="8665314828727504286">ระดับการปกป้องของ Google Safe Browsing</translation>
<translation id="8669313549017524373">หากตั้งค่า <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_POLICY_NAME" /> เป็น RestoreOnStartupIsURLs การตั้งค่า <ph name="RESTORE_ON_STARTUP_URLS_POLICY_NAME" /> เป็นรายการ URL จะระบุ URL ที่จะเปิดขึ้น
หากไม่ได้ตั้งค่า หน้าแท็บใหม่จะเปิดเมื่อเริ่มต้นใช้งาน
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="8672321184841719703">กำหนดเป้าหมายรุ่นที่อัปเดตอัตโนมัติ</translation>
<translation id="867410340948518937">U2F (Universal Second Factor)</translation>
<translation id="8676959842615154675">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเปรียบเทียบชื่อของผู้ใช้เครือข่ายภายในที่เชื่อมโยงกับโฮสต์กับชื่อบัญชี Google ที่ลงทะเบียนเป็นเจ้าของโฮสต์ ("johndoe" หากเจ้าของโฮสต์คือ "johndoe@example.com") โฮสต์นี้จะไม่เริ่มหากชื่อของเจ้าของโฮสต์แตกต่างจากชื่อผู้ใช้เครือข่ายภายในที่เชื่อมโยงกับโฮสต์ หากต้องการยืนยันให้บัญชี Google ของเจ้าของเชื่อมโยงกับโดเมนที่เจาะจง ให้ใช้นโยบายกับ <ph name="REMOTE_ACCESS_HOST_DOMAIN_POLICY_NAME" />
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่าจะทำให้โฮสต์การเข้าถึงระยะไกลเชื่อมโยงกับผู้ใช้เครือข่ายภายในรายใดก็ได้</translation>
<translation id="8685024486845674965">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำ</translation>
<translation id="8685680544554917389">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" อนุญาตให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เล่นสื่ออัตโนมัติ การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ห้ามไม่ให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เล่นสื่ออัตโนมัติ
โดยค่าเริ่มต้น <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่เล่นสื่ออัตโนมัติ แต่สำหรับ URL บางรูปแบบ คุณใช้นโยบาย <ph name="AUTOPLAY_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> เพื่อเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้
หากนโยบายนี้เปลี่ยนแปลงในขณะที่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ทำงานอยู่ จะมีผลกับแท็บที่เปิดใหม่เท่านั้น</translation>
<translation id="8685748277907759932">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ใช้ "แตะเพื่อค้นหา"</translation>
<translation id="8687958770985542440">เปิดใช้ Web Components v0 API ได้อีกครั้งจนกว่าจะถึงเวอร์ชัน M84</translation>
<translation id="8693243869659262736">ใช้ไคลเอ็นต์ DNS ในตัว</translation>
<translation id="8698286761337647563">จำนวนวันที่จะแจ้งผู้ใช้ SAML ล่วงหน้าเมื่อรหัสผ่านจะหมดอายุ</translation>
<translation id="8699392919012430269">รายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลบลูทูธของอุปกรณ์</translation>
<translation id="8703488928438047864">รายงานสถานะของบอร์ด</translation>
<translation id="8704831857353097849">รายการปลั๊กอินที่ปิดใช้งาน</translation>
<translation id="8705895771006864851">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเสนอฟังก์ชันแปลภาษาแก่ผู้ใช้ตามความเหมาะสมด้วยการแสดงแถบเครื่องมือแปลภาษาที่ผสานรวมอยู่ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> และตัวเลือกการแปลเมื่อคลิกขวาที่เมนูตามบริบท การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดฟีเจอร์แปลภาษาในตัวทั้งหมด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนฟังก์ชันนี้ไม่ได้ การไม่ตั้งค่าจะให้ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าได้</translation>
<translation id="8720547069538712402">อนุญาตให้ผู้ใช้เปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกด</translation>
<translation id="8736538322216687231">บังคับใช้โหมดที่จำกัดขั้นต่ำใน YouTube</translation>
<translation id="8745669971728319820">นโยบายนี้ควบคุมว่าจะรายงานข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอินหรือไม่
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบาย <ph name="CLOUD_REPORTING_ENABLED_POLICY_NAME" /> หรือตั้งค่าเป็นปิดใช้ นโยบายนี้จะไม่มีผล
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้หรือตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรวบรวมข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะไม่รวบรวมข้อมูลส่วนขยายและปลั๊กอิน
นโยบายนี้จะมีผลเมื่อลงทะเบียนเครื่องกับ <ph name="CLOUD_MANAGEMENT_ENROLLMENT_TOKEN" /> สำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> เท่านั้น
และจะมีผลเสมอสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="8749536858950505376">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดใช้เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่ไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ เคอร์เซอร์ขนาดใหญ่จะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8749803771700374502">ระบบจะปิดใช้เครื่องพิมพ์ที่มีประเภทตรงกับในรายการปฏิเสธไม่ให้ค้นพบหรือดึงข้อมูลความสามารถได้
การใส่ประเภทเครื่องพิมพ์ทั้งหมดไว้ในรายการปฏิเสธจะปิดใช้การพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากจะทำให้ไม่มีปลายทางให้ส่งเอกสารไปพิมพ์
การรวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในรายการปฏิเสธจะมีผลเหมือนกับการตั้งค่านโยบาย <ph name="POLICY_CLOUDPRINTSUBMITENABLED" /> เป็น "เท็จ" หากต้องการให้ค้นพบปลายทาง <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /> ได้ จะต้องตั้งค่านโยบาย <ph name="POLICY_CLOUDPRINTSUBMITENABLED" /> เป็น "จริง" และต้องไม่รวม <ph name="POLICY_ENUM_PRINTERTYPEDENYLIST_CLOUD" /> ไว้ในรายการปฏิเสธ
การไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็นรายการที่ว่างเปล่าจะทำให้ค้นพบเครื่องพิมพ์ทุกประเภท
เครื่องพิมพ์ส่วนขยายเรียกอีกอย่างว่าปลายทางผู้ให้บริการการพิมพ์ โดยจะมีปลายทางทั้งหมดที่เป็นของส่วนขยาย <ph name="PRODUCT_NAME" />
เครื่องพิมพ์ในพื้นที่เรียกอีกอย่างว่าปลายทางการพิมพ์เฉพาะที่ โดยจะมีปลายทางที่พร้อมใช้งานสำหรับคอมพิวเตอร์ในพื้นที่และเครื่องพิมพ์ของเครือข่ายที่แชร์</translation>
<translation id="8757552286070680084">การกำหนดค่า Wilco DTC</translation>
<translation id="8758831693895931466">เปิดใช้การลงทะเบียนการจัดการระบบคลาวด์ที่บังคับ</translation>
<translation id="8759829385824155666">ประเภทของการเข้ารหัสลับ Kerberos ที่อนุญาต</translation>
<translation id="8767743923206070405">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะแสดงปุ่มหน้าแรกในแถบเครื่องมือของ <ph name="PRODUCT_NAME" /> การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ปุ่มหน้าแรกไม่ปรากฏขึ้นมา
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่า ผู้ใช้จะเลือกว่าจะแสดงปุ่มหน้าแรกหรือไม่</translation>
<translation id="8768528324886802059">การตั้งค่านโยบายจะระบุโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมที่ไม่อยู่ในรายการปฏิเสธ ค่ารายการปฏิเสธ "<ph name="WILDCARD_VALUE" />" จะทำให้โฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดถูกปฏิเสธ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้ง
ระบบจะอนุญาตโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมดโดยค่าเริ่มต้น แต่หากนโยบายปฏิเสธโฮสต์การรับส่งข้อความดั้งเดิมทั้งหมด ผู้ดูแลระบบจะใช้รายการอนุญาตเพื่อเปลี่ยนนโยบายนั้นได้</translation>
<translation id="877185520360032968">การตั้งค่านโยบายนี้จะเปลี่ยนไดเรกทอรีเริ่มต้นที่ Chrome จะใช้สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนไดเรกทอรีได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า Chrome จะใช้ไดเรกทอรีเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนั้นๆ
หมายเหตุ: ดูรายการตัวแปรที่คุณใช้ได้ (https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/user-data-directory-variables)</translation>
<translation id="877557628527387598">ลงชื่อเข้าใช้ด้วยรหัสผ่าน</translation>
<translation id="8777369558049831576">แสดงช่องทำเครื่องหมาย "เปิดตลอดเวลา" ในกล่องโต้ตอบของโปรโตคอลภายนอก</translation>
<translation id="8786409859071107656">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะเปิดนโยบายการจัดการพลังงานของการแชร์พลังงานผ่าน USB
อุปกรณ์บางเครื่องจะมีพอร์ต USB พอร์ตหนึ่งซึ่งมีไอคอนรูปสายฟ้าหรือรูปแบตเตอรี่สำหรับชาร์จอุปกรณ์โดยใช้แบตเตอรี่ของระบบ นโยบายนี้ส่งผลต่อลักษณะการชาร์จของพอร์ตนี้ขณะที่ระบบอยู่ในโหมดสลีปและโหมดปิดเครื่อง นโยบายนี้ไม่ส่งผลต่อพอร์ต USB อื่นๆ และลักษณะการชาร์จขณะที่ระบบทำงานอยู่ เมื่อพอร์ต USB จ่ายไฟเสมอ
เมื่อระบบอยู่ในโหมดสลีป จะมีการจ่ายไฟไปยังพอร์ต USB เมื่ออุปกรณ์เสียบอยู่กับที่ชาร์จแบบเสียบผนังหรือหากระดับแบตเตอรี่มากกว่า 50% เมื่อระบบอยู่ในโหมดปิดเครื่อง จะมีการจ่ายไฟไปยังพอร์ต USB เมื่ออุปกรณ์เสียบอยู่กับที่ชาร์จแบบเสียบผนัง
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ไม่มีการจ่ายไฟ
การไม่ตั้งค่านโยบายจะเป็นการเปิดใช้นโยบาย และผู้ใช้จะปิดการใช้ไม่ได้</translation>
<translation id="8798099450830957504">ค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8800453707696044281">ตั้งค่าการหยุดชาร์จแบตเตอรี่ที่กำหนดเองเป็นเปอร์เซ็นต์</translation>
<translation id="8801680448782904838">แจ้งผู้ใช้ว่าควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์</translation>
<translation id="8816671955985738552">ไม่อนุญาตการเปลี่ยนแปลงรหัสผ่าน SAML ในเซสชันที่ chrome://password-change</translation>
<translation id="8817960019535659860">ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้แลกรับข้อเสนอผ่านการลงทะเบียน Chrome OS</translation>
<translation id="8818173863808665831">รายงานตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของอุปกรณ์
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้เอาไว้ หรือตั้งค่าเป็นเท็จ ตำแหน่งจะไม่ถูกรายงาน</translation>
<translation id="8818768076343557335">คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนเครือข่ายต่างๆ ที่ไม่ใช่เครือข่ายมือถือ
(เลิกใช้งานใน 50, นำออกใน 52 หลังจาก 52 หากมีการกำหนดค่า 1 ระบบจะถือว่าเป็นค่า 0 - คาดคะเนการทำงานของเครือข่ายบนการเชื่อมต่อเครือข่ายต่างๆ)</translation>
<translation id="8821678641132607468">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าประวัติการท่องเว็บจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าประวัติการท่องเว็บเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายประวัติการท่องเว็บไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="8825782996899863372">เรียกใช้การแจ้งเตือนการป้องกันด้วยรหัสผ่านเมื่อมีการใช้รหัสผ่านซ้ำบนหน้าฟิชชิง</translation>
<translation id="8826172502287946476">การตั้งค่านโยบายนี้จะระบุรายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งแบบเงียบ (ไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้) และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งหรือปิดใช้ไม่ได้ ระบบจะให้สิทธิ์โดยปริยาย ซึ่งรวมถึงสิทธิ์การใช้ API ของส่วนขยาย enterprise.deviceAttributes และ enterprise.platformKeys (API ทั้งสองนี้ใช้ไม่ได้กับแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้บังคับติดตั้ง)
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ จะไม่มีแอปหรือส่วนขยายใดที่ติดตั้งโดยอัตโนมัติ และผู้ใช้จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายใดก็ได้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" />
นโยบายนี้มีผลแทนนโยบาย <ph name="EXTENSION_INSTALL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> หากมีการนำแอปหรือส่วนขยายที่บังคับติดตั้งก่อนหน้านี้ออกจากรายชื่อนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะถอนการติดตั้งแอปหรือส่วนขยายนั้นโดยอัตโนมัติ
ในอินสแตนซ์ <ph name="MS_WIN_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นเข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนในการจัดการระบบคลาวด์ของเบราว์เซอร์ Chrome
ในอินสแตนซ์ <ph name="MAC_OS_NAME" /> จะบังคับติดตั้งแอปและส่วนขยายที่ไม่ได้มาจาก Chrome เว็บสโตร์ได้เฉพาะในกรณีที่อินสแตนซ์นั้นจัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX
ผู้ใช้จะแก้ไขซอร์สโค้ดของส่วนขยายใดๆ ผ่านเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ ซึ่งอาจทำให้ส่วนขยายทำงานผิดปกติ หากกังวลว่าจะเกิดปัญหานี้ขึ้น ให้ตั้งค่านโยบาย <ph name="DEVELOPER_TOOLS_DISABLED_POLICY_NAME" />
แต่ละรายการของนโยบายเป็นสตริงที่มีรหัสส่วนขยาย และอาจมี URL "อัปเดต" ที่คั่นด้วยอัฒภาค (;) รหัสส่วนขยายคือสตริงตัวอักษร 32 ตัว เช่น ที่พบใน chrome://extensions เมื่ออยู่ในโหมดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ URL "อัปเดต" (หากระบุไว้) ควรชี้ไปยังเอกสาร XML ไฟล์ Manifest ของการอัปเดต (https://developer.chrome.com/extensions/autoupdate) ระบบจะใช้ URL อัปเดตของ Chrome เว็บสโตร์โดยค่าเริ่มต้น URL "อัปเดต" ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้จะใช้สำหรับการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น ส่วนการอัปเดตส่วนขยายในครั้งต่อๆ ไปจะใช้ URL อัปเดตในไฟล์ Manifest ของส่วนขยาย
หมายเหตุ: นโยบายนี้ไม่มีผลกับโหมดไม่ระบุตัวตน อ่านเกี่ยวกับการโฮสต์ส่วนขยาย (https://developer.chrome.com/extensions/hosting)</translation>
<translation id="8831911834413504983">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณสร้างรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่เรียกใช้ JavaScript ได้
การไม่ตั้งค่านโยบายหมายความว่า <ph name="DEFAULT_JAVA_SCRIPT_SETTING_POLICY_NAME" /> จะมีผลกับทุกเว็บไซต์ (หากตั้งค่าไว้) แต่หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ การตั้งค่าส่วนตัวของผู้ใช้จะมีผล
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ <ph name="URL_LABEL" /> ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns <ph name="WILDCARD_VALUE" /> ไม่ใช่ค่าที่ยอมรับสำหรับนโยบายนี้</translation>
<translation id="8832829916385857156">หน้าแท็บใหม่จะแสดงการ์ดหากมีเนื้อหา</translation>
<translation id="8833109046074170275">การตรวจสอบสิทธิ์ผ่านขั้นตอน GAIA เริ่มต้น</translation>
<translation id="8834641112681661892">การตั้งค่านโยบายจะระบุการหน่วงเวลาสูงสุดเป็นมิลลิวินาทีสำหรับช่วงเวลาระหว่างการรับข้อมูลการลบล้างนโยบายและการดึงข้อมูลนโยบายใหม่จากบริการจัดการอุปกรณ์ ค่าที่ใช้ได้จะอยู่ในช่วง 1,000 (1 วินาที) ถึง 300,000 (5 นาที) ค่าที่ไม่ได้อยู่ในช่วงนี้จะถูกบีบให้อยู่ภายในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ค่าเริ่มต้นเป็น 10 วินาที</translation>
<translation id="885147810817138322">แสดงคำแนะนำสื่อให้แก่ผู้ใช้</translation>
<translation id="8852579753940989645">เปิดใช้ฟีเจอร์ความสมบูรณ์ของโค้ดในการแสดงผล</translation>
<translation id="8854571659927427063">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" จะนำเข้าบุ๊กมาร์กจากเบราว์เซอร์เริ่มต้นก่อนหน้าเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่า หมายความว่าจะไม่มีการนำเข้าบุ๊กมาร์กเมื่อเรียกใช้ครั้งแรก
ผู้ใช้จะทริกเกอร์กล่องโต้ตอบการนำเข้า และจะมีการเลือกหรือไม่ได้เลือกช่องทำเครื่องหมายบุ๊กมาร์กไว้ เพื่อให้ตรงกับค่าของนโยบายนี้</translation>
<translation id="8855986672497556389">คำเตือน: การสนับสนุนสำหรับการระงับคำเตือน TLS 1.0/1.1 จะถูกนำออกจาก <ph name="PRODUCT_NAME" /> ตั้งแต่เวอร์ชัน 91 (ประมาณเดือนพฤษภาคม 2021) เมื่อถึงเวลานั้นนโยบายนี้จะหยุดทำงาน
การตั้งค่านโยบายด้วยค่าที่ถูกต้องจะทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ไม่ใช้ SSL/TLS เวอร์ชันต่ำกว่าเวอร์ชันที่ระบุ ระบบจะไม่สนใจค่าที่ไม่รู้จัก
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ก็จะแสดงข้อผิดพลาดสำหรับ TLS 1.0 และ TLS 1.1 แต่ผู้ใช้จะข้ามไปได้</translation>
<translation id="8858642179038618439">บังคับใช้โหมดปลอดภัยของ YouTube</translation>
<translation id="8860342862142842017">ปิดการบังคับใช้ความโปร่งใสของใบรับรองสำหรับรายการแฮช subjectPublicKeyInfo</translation>
<translation id="8864975621965365890">ระงับการแจ้งเรื่องการปฏิเสธ ซึ่งจะปรากฏขึ้นเมื่อไซต์แสดงผลโดย <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="886645881209114007">อนุญาตให้ผู้ใช้ใช้ <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /> ใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ได้</translation>
<translation id="8871974300055371298">การตั้งค่าเนื้อหา</translation>
<translation id="8872402969096027761">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการคลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
ฟีเจอร์นี้ทำให้เกิดการคลิกโดยอัตโนมัติเมื่อเคอร์เซอร์ของเมาส์หยุดลงโดยผู้ใช้ไม่ต้องกดปุ่มเมาส์หรือทัชแพด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะเปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติเสมอในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ
หากตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้ฟีเจอร์คลิกอัตโนมัติในหน้าจอการเข้าสู่ระบบในขั้นต้น แต่ผู้ใช้จะเปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="8873089107816226072">การตั้งค่านโยบายจะระบุเขตเวลาของอุปกรณ์และปิดการปรับเขตเวลาตามตำแหน่งโดยอัตโนมัติในขณะที่ลบล้างนโยบาย <ph name="SYSTEM_TIMEZONE_AUTOMATIC_DETECTION_POLICY_NAME" /> ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงเขตเวลาไม่ได้
อุปกรณ์เครื่องใหม่จะมีเขตเวลาเริ่มต้นเป็น "สหรัฐฯ/แปซิฟิก" รูปแบบของค่าเป็นไปตามชื่อในฐานข้อมูลเขตเวลาของ IANA (https://en.wikipedia.org/wiki/Tz_database) การป้อนค่าที่ไม่ถูกต้องจะเปิดใช้งานนโยบายที่ใช้ GMT
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือป้อนสตริงว่าง อุปกรณ์จะใช้เขตเวลาที่ใช้อยู่ แต่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8880294585549584028">อนุญาตสิทธิ์การเข้าถึงในการเขียนไฟล์และไดเรกทอรีในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8882006618241293596">บล็อกปลั๊กอิน <ph name="FLASH_PLUGIN_NAME" /> ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="8887158351295718009">คุกกี้ที่ตั้งค่าสำหรับโดเมนที่ตรงกับรูปแบบเหล่านี้จะเปลี่ยนกลับเป็นลักษณะการทำงาน <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> เดิม การเปลี่ยนกลับไปใช้ลักษณะการทำงานเดิมทำให้คุกกี้ที่ไม่ได้ระบุแอตทริบิวต์ <ph name="ATTRIBUTE_SAMESITE_NAME" /> ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็น "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />", นำข้อกำหนดที่คุกกี้ "<ph name="ATTRIBUTE_VALUE_SAMESITE_NONE" />" ต้องมีแอตทริบิวต์ "<ph name="ATTRIBUTE_SECURE_NAME" />" ออกไป และข้ามการเปรียบเทียบสกีมเมื่อประเมินว่าเว็บไซต์ 2 แห่งเป็นเว็บไซต์เดียวกันหรือไม่ ดูคำอธิบายแบบเต็มใน https://www.chromium.org/administrators/policy-list-3/cookie-legacy-samesite-policies
สำหรับคุกกี้ในโดเมนที่ไม่อยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ที่นี่ หรือสำหรับคุกกี้ทั้งหมดในกรณีที่ไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางจากนโยบาย <ph name="LEGACY_SAMESITE_COOKIE_BEHAVIOR_ENABLED_POLICY_NAME" /> หากมีการตั้งค่าไว้ หรือใช้การกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้หากไม่มีการตั้งค่า
โปรดทราบว่ารูปแบบต่างๆ ที่คุณระบุไว้ที่นี่ได้รับการดำเนินการเหมือนกับเป็นโดเมน ไม่ใช่ URL คุณจึงไม่ควรระบุสกีมหรือพอร์ต</translation>
<translation id="8890438048579188548">ซ่อนคำเตือนการเลิกใช้งาน <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="8892286064305622118">ต้องมีพื้นที่ว่างในดิสก์เพื่อติดตั้ง <ph name="PLUGIN_VM_NAME" /></translation>
<translation id="8903283771634816230">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบปฏิบัติการเป็นปลายทางเริ่มต้นสำหรับการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้ล่าสุดเป็นปลายทางเริ่มต้นสำหรับการแสดงตัวอย่างก่อนพิมพ์</translation>
<translation id="8904721489610046109">การตั้งค่านโยบายจะเปิดหรือปิดการควบคุมเครือข่าย ซึ่งเป็นการควบคุมระบบให้มีอัตราการอัปโหลดและดาวน์โหลดที่ระบุไว้ (หน่วยเป็น kbit/s) การตั้งค่านี้จะมีผลกับผู้ใช้ทุกคนและอินเทอร์เฟซทั้งหมดในอุปกรณ์</translation>
<translation id="8906768759089290519">เปิดใช้งานโหมดผู้มาเยือน</translation>
<translation id="8908294717014659003">อนุญาตให้คุณตั้งค่าว่าจะอนุญาตให้เว็บไซต์เข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงหรือไม่ การเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียงอาจได้รับอนุญาตโดยค่าเริ่มต้น หรือผู้ใช้สามารถรับข้อความสอบถามทุกๆ ครั้งที่เว็บไซต์ต้องการเข้าถึงอุปกรณ์จับสื่อภาพ/เสียง
หากไม่ตั้งค่านโยบายนี้ "PromptOnAccess" จะถูกใช้และผู้ใช้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้</translation>
<translation id="8911348623012274122">ตั้งขีดจำกัดหน่วยความจำสำหรับอินสแตนซ์ของ Chrome</translation>
<translation id="8911736066340032670">รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการแสดงผล เช่น อัตราการรีเฟรช และข้อมูลเกี่ยวกับกราฟิก เช่น เวอร์ชันของไดรเวอร์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะไม่รายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก หากตั้งค่าเป็น "จริง" ระบบจะรายงานสถานะการแสดงผลและกราฟิก</translation>
<translation id="891435090623616439">เข้ารหัสเป็นสตริง JSON ดูรายละเอียดได้ที่ <ph name="COMPLEX_POLICIES_URL" /></translation>
<translation id="8917070657147922192">อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการใบรับรอง CA ที่ติดตั้งไว้</translation>
<translation id="8919369436496201075">อนุญาตให้อุปกรณ์รับข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับ LTS</translation>
<translation id="8931555638815157255">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานระบบปฏิบัติการและเวอร์ชันเฟิร์มแวร์เป็นระยะ
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่รายงานข้อมูลเวอร์ชัน</translation>
<translation id="8937282917198525844"> ตั้งแต่เวอร์ชัน M81 เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์มมาตรฐาน (เช่น &lt;select&gt;, &lt;button&gt;, &lt;input type=date&gt;) ได้รับการปรับรูปลักษณ์ใหม่ พร้อมด้วยการช่วยเหลือพิเศษที่ได้รับการปรับปรุง และแพลตฟอร์มที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น นโยบายนี้คืนค่าเอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์ม "เดิม" แบบเก่าไปจนถึงเวอร์ชัน M84
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "จริง" ระบบจะใช้เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์ม "เดิม" กับเว็บไซต์ทั้งหมด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะใช้เอลิเมนต์ตัวควบคุมแบบฟอร์มตามที่มีการเปิดตัวใน M81, M82 และ M83
เราจะนำนโยบายนี้ออกหลังจาก Chrome 84</translation>
<translation id="8938932171964587769">เลิกใช้งานแล้วใน M69 โปรดใช้
OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin แทน
นโยบายนี้จะระบุรายการของต้นทาง (URL) หรือรูปแบบชื่อโฮสต์
(เช่น *.example.com) ที่จะไม่ใช้ข้อจำกัดด้านความปลอดภัย
กับต้นทางที่ไม่ปลอดภัย
นโยบายนี้มีไว้ให้องค์กรกำหนดต้นทางที่อนุญาตพิเศษสำหรับแอปพลิเคชันเดิม
ที่ใช้งาน TLS ไม่ได้ หรือกำหนดเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว สำหรับการพัฒนาเว็บภายใน
เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ทดสอบฟีเจอร์
ที่ต้องใช้บริบทที่ปลอดภัยโดยไม่ต้องทำให้ TLS ใช้งานได้ในเซิร์ฟเวอร์ชั่วคราว
นโยบายจะช่วยป้องกันไม่ให้ระบบติดป้ายกำกับต้นทางว่า
"ไม่ปลอดภัย" ในแถบอเนกประสงค์
การกำหนดรายการ URL ในนโยบายนี้มีผลเหมือนกับการตั้งค่า
สถานะบรรทัดคำสั่ง --unsafely-treat-insecure-origin-as-secure
เป็นรายการ URL เดียวกันที่คั่นด้วยจุลภาค หากตั้งค่านโยบายนี้
นโยบายจะลบล้างสถานะบรรทัดคำสั่งดังกล่าว
นโยบายนี้เลิกใช้งานแล้วใน M69 เพื่อเริ่มใช้
OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin หากมีทั้ง 2 นโยบาย
OverrideSecurityRestrictionsOnInsecureOrigin จะลบล้าง
นโยบายนี้
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริบทที่ปลอดภัย โปรดดูที่
https://www.w3.org/TR/secure-contexts/
</translation>
<translation id="8940519618730206658">การตั้งค่านโยบายจะให้สิทธิ์เข้าถึง URL ที่ระบุไว้ โดยเป็นข้อยกเว้นของ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> ดูรูปแบบของรายการในลิสต์นี้ได้จากคำอธิบายของนโยบายดังกล่าว ตัวอย่างเช่น การตั้งค่า <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> เป็น * จะบล็อกคำขอทั้งหมด และคุณจะใช้นโยบายนี้เพื่ออนุญาตการเข้าถึงรายการ URL ที่จำกัดไว้ได้ ตลอดจนใช้ในการเปิดข้อยกเว้นให้แก่บางรูปแบบ โดเมนย่อยของโดเมนอื่นๆ พอร์ต หรือเส้นทางที่เฉพาะเจาะจงโดยใช้รูปแบบที่ระบุไว้ที่ (https://www.chromium.org/administrators/url-blacklist-filter-format) ตัวกรองที่เฉพาะเจาะจงมากที่สุดจะเป็นตัวกำหนดว่า URL หนึ่งๆ ถูกบล็อกหรือได้รับอนุญาต นโยบาย <ph name="URL_ALLOWLIST_POLICY_NAME" /> จะมีความสำคัญเหนือ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> นโยบายนี้ระบุรายการได้ไม่เกิน 1,000 รายการ
นโยบายนี้ยังให้คุณเปิดใช้การเรียกใช้อัตโนมัติโดยเบราว์เซอร์ของแอปพลิเคชันภายนอกที่ลงทะเบียนเป็นเครื่องจัดการโปรโตคอลสำหรับโปรโตคอลที่ระบุไว้ เช่น "tel:" หรือ "ssh:"
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับ <ph name="URL_BLOCKLIST_POLICY_NAME" />
ใน <ph name="MS_WIN_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่เข้าร่วมโดเมน <ph name="MS_AD_NAME" />, ทำงานใน Windows 10 Pro หรือลงทะเบียนใน<ph name="CHROME_BROWSER_CLOUD_MANAGEMENT_NAME" /> ใน <ph name="MAC_OS_NAME" /> ฟังก์ชันการทำงานนี้ใช้ได้เฉพาะในอินสแตนซ์ที่จัดการผ่าน MDM หรือเข้าร่วมโดเมนผ่าน MCX</translation>
<translation id="8942616385591203339">นโยบายนี้ควบคุมว่าการขอคำยินยอมให้ซิงค์จะแสดงต่อผู้ใช้รายหนึ่งๆ ในระหว่างที่ลงชื่อเข้าใช้เป็นครั้งแรกได้หรือไม่ ตั้งค่านโยบายนี้เป็นเท็จหากไม่จำเป็นต้องขอคำยินยอมให้ซิงค์จากผู้ใช้
หากตั้งค่าเป็นเท็จ ระบบจะไม่แสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์
หากตั้งค่าเป็นจริงหรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะแสดงการขอคำยินยอมให้ซิงค์</translation>
<translation id="8943744188513019866">นโยบายนี้ระบุเวอร์ชันที่ถูกต้องในปัจจุบันของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence
ซึ่งจะนำไปเปรียบเทียบกับเวอร์ชันที่ผู้ปกครองยอมรับล่าสุดและใช้เพื่อแจ้งให้ผู้ปกครองต่ออายุสิทธิ์เมื่อจำเป็น
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะตรวจสอบเวอร์ชันของข้อกำหนดในการให้บริการได้
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ไว้ ระบบจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อกำหนดในการให้บริการของ Edu Coexistence ไม่ได้
นโยบายนี้ใช้สำหรับผู้ใช้ Family Link เท่านั้น</translation>
<translation id="8947415621777543415">รายงานตำแหน่งอุปกรณ์</translation>
<translation id="8948062138228904066">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="8951350807133946005">ตั้งค่าไดเรกทอรีสำหรับแคชของดิสก์</translation>
<translation id="8955719471735800169">กลับไปด้านบน</translation>
<translation id="8959992920425111821">การกำหนดค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8970205333161758602">ระงับการแจ้งเตือนการปฏิเสธของ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="8976248126101463034">อนุญาตให้ตรวจสอบสิทธิ์ Gnubby สำหรับโฮสต์การเข้าถึงระยะไกล</translation>
<translation id="8976531594979650914">ใช้เครื่องพิมพ์เริ่มต้นของระบบเป็นค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="8977192934280677167">อนุญาตการเข้าถึงการค้นหาเมนูตามบริบทของผู้ให้บริการการค้นหาเริ่มต้น</translation>
<translation id="8992176907758534924">ไม่อนุญาตให้ไซต์ใดแสดงภาพ</translation>
<translation id="9007632512838819703">นโยบายนี้เลิกใช้งานไปแล้ว โปรดใช้ <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_BLOCKLIST_POLICY_NAME" /> แทน
บังคับให้ปิดใช้การตรวจตัวสะกดของภาษาต่างๆ ระบบจะไม่สนใจภาษาที่ไม่รู้จักในรายการนั้น
หากคุณเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ระบุ ผู้ใช้จะยังคงเปิดใช้หรือปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษาที่ไม่ได้อยู่ในรายการได้
หากคุณไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ ค่ากำหนดการตรวจตัวสะกดของผู้ใช้จะไม่เปลี่ยนแปลง
หากตั้งค่านโยบาย <ph name="SPELLCHECK_ENABLED_POLICY_NAME" /> เป็น "เท็จ" นโยบายนี้จะไม่ส่งผลกระทบ
หากมีภาษาที่รวมอยู่ทั้งในนโยบายนี้และนโยบาย <ph name="SPELLCHECK_LANGUAGE_POLICY_NAME" /> ระบบจะให้ความสำคัญกับนโยบายหลังและเปิดใช้การตรวจตัวสะกดสำหรับภาษานั้น
ภาษาที่รองรับในขณะนี้ ได้แก่ af, bg, ca, cs, da, de, el, en-AU, en-CA, en-GB, en-US, es, es-419, es-AR, es-ES, es-MX, es-US, et, fa, fo, fr, he, hi, hr, hu, id, it, ko, lt, lv, nb, nl, pl, pt-BR, pt-PT, ro, ru, sh, sk, sl, sq, sr, sv, ta, tg, tr, uk, vi</translation>
<translation id="9009119876570708617">เรานำนโยบายนี้ออกไปตั้งแต่รุ่น M85 โปรดใช้ <ph name="POLICY_NAME" /> เพื่ออนุญาตเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัยแบบรายเว็บไซต์แทน
นโยบายนี้ควบคุมการดูแลเนื้อหาผสม (เนื้อหา HTTP ในเว็บไซต์ HTTPS) ในเบราว์เซอร์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" หรือไม่ได้ตั้งค่า ระบบจะอัปเกรดเนื้อหาผสมประเภทเสียงและวิดีโอเป็น HTTPS โดยอัตโนมัติ (เช่น ระบบจะเขียน URL ใหม่เป็น HTTPS โดยไม่มี URL สำรองหากทรัพยากรไม่พร้อมใช้งานใน HTTPS) และจะแสดงคำเตือน "ไม่ปลอดภัย" ในแถบ URL สำหรับเนื้อหาผสมประเภทรูปภาพ
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" ระบบจะปิดใช้การอัปเกรดอัตโนมัติสำหรับเสียงและวิดีโอ และจะไม่แสดงคำเตือนสำหรับรูปภาพ
นโยบายนี้ไม่มีผลต่อเนื้อหาผสมประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสียง วิดีโอ และรูปภาพ
นโยบายนี้จะไม่มีผลอีกต่อไปตั้งแต่ <ph name="PRODUCT_NAME" /> 84</translation>
<translation id="9010080992450148617">เปิดใช้การส่งเนื้อหาที่ดาวน์โหลดไปให้ Google สแกนอย่างละเอียดสำหรับผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในโปรแกรมการปกป้องขั้นสูง</translation>
<translation id="9013875414788074110">ในระหว่างการเข้าสู่ระบบ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะตรวจสอบสิทธิ์กับเซิร์ฟเวอร์ (แบบออนไลน์) หรือใช้รหัสผ่านในแคช (แบบออฟไลน์) ได้
เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็น -1 ผู้ใช้จะตรวจสอบสิทธิ์แบบออฟไลน์ได้ตลอดเวลา เมื่อตั้งค่านโยบายนี้เป็นค่าอื่นจะเป็นการระบุช่วงเวลานับตั้งแต่การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์ครั้งสุดท้าย และผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะใช้ขีดจำกัดเวลา 14 วันเป็นค่าเริ่มต้น และผู้ใช้ต้องใช้การตรวจสอบสิทธิ์ออนไลน์อีกครั้งหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว
นโยบายนี้จะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์โดยใช้ SAML
ค่านโยบายต้องมีหน่วยเป็นวินาที</translation>
<translation id="9015295904649380186">การตั้งค่านโยบายจะให้คุณควบคุมการแสดงคำเตือนของการปกป้องรหัสผ่าน การปกป้องรหัสผ่านจะแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่น่าสงสัย
ใช้ <ph name="PASSWORD_PROTECTION_LOGIN_URLS_POLICY_NAME" /> และ <ph name="PASSWORD_PROTECTION_CHANGE_PASSWORD_URL_POLICY_NAME" /> เพื่อระบุรหัสผ่านที่จะปกป้อง
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็น
* PasswordProtectionWarningOff จะไม่มีการแสดงคำเตือนการปกป้องรหัสผ่าน
* PasswordProtectionWarningOnPasswordReuse คำเตือนการปกป้องรหัสผ่านจะแสดงเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ที่ไม่ได้อนุญาตพิเศษ
* PasswordProtectionWarningOnPhishingReuse คำเตือนการปกป้องรหัสผ่านจะแสดงเมื่อผู้ใช้ใช้รหัสผ่านที่มีการปกป้องซ้ำในเว็บไซต์ฟิชชิง
การไม่ตั้งค่านโยบายจะทำให้บริการปกป้องรหัสผ่านปกป้องเฉพาะรหัสผ่านของ Google แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="9035086760683255833">เปิดใช้ฟีเจอร์การช่วยเหลือพิเศษสำหรับการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์
ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ไฮไลต์วัตถุที่แป้นพิมพ์โฟกัส
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นเปิดใช้ ระบบจะเปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากตั้งค่านโยบายนี้เป็นปิดใช้ ระบบจะปิดการไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนหรือลบล้างไม่ได้
หากไม่มีการตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะปิดฟีเจอร์ไฮไลต์โฟกัสของแป้นพิมพ์ในขั้นต้น แต่ผู้ใช้เปิดใช้ได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="9035964157729712237">รหัสส่วนขยายที่ได้รับการยกเว้นจากรายการที่ไม่อนุญาต</translation>
<translation id="9038839118379817310">เปิดใช้ Wi-Fi</translation>
<translation id="9039822628127365650">การตั้งค่านโยบายนี้เป็นการระบุระยะเวลาสิ้นสุดเซสชันหลังจากที่ผู้ใช้ออกจากระบบโดยอัตโนมัติ ผู้ใช้จะได้ดูเวลาที่เหลือได้จากนาฬิกานับเวลาถอยหลังที่แสดงในถาดระบบ
เมื่อไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่จำกัดระยะเวลาของเซสชัน
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ ผู้ใช้จะแก้ไขหรือลบล้างนโยบายไม่ได้
ควรระบุค่าของนโยบายเป็นมิลลิวินาที โดยจำกัดช่วงของค่าให้อยู่ระหว่าง 30 วินาทีถึง 24 ชั่วโมง</translation>
<translation id="9040042535845939426">ตั้งสถานะหน้าจอส่วนตัวในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="9050853837490399534">นโยบายนี้จะควบคุมว่าอุปกรณ์ควรอัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix หรือไม่
หากกำหนดค่านโยบายเป็นโทเค็นที่แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อุปกรณ์จะได้รับการอัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix ที่เกี่ยวข้องหากการอัปเดตไม่ได้ถูกบล็อกโดยนโยบายอื่น
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือหากค่าของนโยบายไม่ได้แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อุปกรณ์ก็จะไม่อัปเดตเป็นบิวด์ Quick Fix หากอุปกรณ์ใช้บิวด์ Quick Fix อยู่แล้วและไม่ได้มีการตั้งค่านโยบายอีกต่อไป หรือค่าของนโยบายไม่ได้แมปไปยังบิวด์ Quick Fix อีกต่อไป อุปกรณ์จะอัปเดตเป็นบิวด์ปกติหากการอัปเดตไม่ได้ถูกบล็อกโดยนโยบายอื่น</translation>
<translation id="9051019223077908578">กำหนดค่ารายชื่อแอปและส่วนขยายที่ติดตั้งไว้ในหน้าจอการเข้าสู่ระบบ</translation>
<translation id="9055835215213290877">การตั้งค่านโยบายนี้เป็น "ไม่มี" ทำให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ใช้ขนาดแคชเริ่มต้นในการจัดเก็บไฟล์ที่แคชไว้ในดิสก์ โดยที่ผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
หากคุณตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดแคชที่คุณระบุไว้ ไม่ว่าผู้ใช้จะระบุการตั้งค่าสถานะ --disk-cache-size หรือไม่ก็ตาม (ระบบจะปัดเศษค่าที่ต่ำกว่า 2-3 เมกะไบต์)
หากไม่ได้ตั้งค่า <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะใช้ขนาดเริ่มต้น ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่าดังกล่าวได้โดยใช้การตั้งค่าสถานะ --disk-cache-size</translation>
<translation id="9055866143096316150">ลดระดับคำขอ Wake Lock หน้าจอเป็นคำขอ Wake Lock ระบบ</translation>
<translation id="9057444687284972605">ช่วยให้คุณแจ้งรายการรูปแบบ URL ซึ่งระบุเว็บไซต์ที่มีการเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์โดยอัตโนมัติในหน้าจอลงชื่อเข้าใช้ในเฟรมที่โฮสต์ขั้นตอน SAML หากเว็บไซต์นั้นขอใบรับรอง ตัวอย่างการใช้งานคือกำหนดค่าใบรับรองสำหรับทั้งอุปกรณ์เพื่อแสดงต่อ SAML IdP
ค่าจะเป็นอาร์เรย์ของพจนานุกรม JSON ที่มีรูปแบบเป็นสตริงซึ่งแต่ละรายการมีรูปแบบ <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_EXAMPLE" /> โดยที่ <ph name="URL_PATTERN_PLACEHOLDER" /> เป็นรูปแบบการตั้งค่าเนื้อหา <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> จำกัดใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เบราว์เซอร์จะเลือกโดยอัตโนมัติ ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองที่ตรงกับคำขอใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น โดยไม่คำนึงถึงตัวกรอง
ตัวอย่างการใช้งานส่วน <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" />
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="AUTO_SELECT_CERTIFICATE_FOR_URLS_FILTER_EXAMPLE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ซึ่งออกโดยใบรับรองที่ใช้ CommonName <ph name="ISSUER_CN_PLACEHOLDER" />
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีทั้งส่วน <ph name="ISSUER_STRING_VALUE" /> และ <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ระบบจะเลือกเฉพาะใบรับรองไคลเอ็นต์ที่เป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 2 ข้อ
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATION" /> ใบรับรองต้องมีอย่างน้อย 1 องค์กรที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อ <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> มีส่วน <ph name="SUBJECT_STRING_VALUE" /> ที่มีค่า <ph name="FILTER_STRING_ORGANIZATIONAL_UNIT" /> ใบรับรองต้องมีหน่วยขององค์กรอย่างน้อย 1 หน่วยที่ตรงกับค่าที่ระบุจึงจะได้รับเลือก
* เมื่อตั้งค่า <ph name="FILTER_PLACEHOLDER" /> เป็น <ph name="EMPTY_DICTIONARY" /> การเลือกใบรับรองไคลเอ็นต์จะไม่มีข้อจำกัดเพิ่มเติม โปรดทราบว่าตัวกรองที่ได้มาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์จะยังคงมีผลอยู่
หากไม่มีการกำหนดนโยบายนี้ จะไม่มีการเลือกใบรับรองโดยอัตโนมัติสำหรับเว็บไซต์ใดก็ตาม
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="9073405975862312795">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้รายงานระยะเวลาเมื่อผู้ใช้กำลังใช้งานอุปกรณ์
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้อุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ไม่บันทึกหรือรายงานจำนวนครั้งของกิจกรรม</translation>
<translation id="9077227880520270584">ตัวจับเวลาการเข้าสู่ระบบอัตโนมัติไปยังบัญชีภายในอุปกรณ์</translation>
<translation id="9084985621503260744">ระบุว่ากิจกรรมวิดีโอมีผลต่อการจัดการพลังงานหรือไม่</translation>
<translation id="9088433379343318874">เปิดใช้ผู้ให้บริการเนื้อหาสำหรับผู้ใช้ภายใต้การดูแล</translation>
<translation id="9088444059179765143">กำหนดค่าวิธีการตรวจหาเขตเวลาอัตโนมัติ</translation>
<translation id="9095999573959728902">หากเปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะสามารถเลือกใช้ฮับโทรศัพท์ซึ่งทำให้โต้ตอบกับโทรศัพท์ในอุปกรณ์ Chrome OS ได้
หากปิดใช้การตั้งค่านี้ ผู้ใช้จะเลือกใช้ฮับโทรศัพท์ไม่ได้
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ ระบบจะไม่อนุญาตให้ใช้ค่าเริ่มต้นกับผู้ใช้ที่มีการจัดการโดยองค์กรแต่อนุญาตให้ใช้กับผู้ใช้ที่ไม่มีการจัดการ</translation>
<translation id="9096086085182305205">รายการที่อนุญาตสำหรับเซิร์ฟเวอร์การตรวจสอบสิทธิ์</translation>
<translation id="9105265795073104888">แอป Android สามารถใช้เพียงชุดย่อยของตัวเลือกการกำหนดค่าพร็อกซี โดยแอป Android อาจเลือกใช้พร็อกซีโดยสมัครใจ คุณไม่สามารถบังคับให้แอปใช้พร็อกซีได้</translation>
<translation id="9106865192244721694">อนุญาต WebUSB ในเว็บไซต์เหล่านี้</translation>
<translation id="9112727953998243860">ไฟล์การกำหนดค่าเครื่องพิมพ์องค์กร</translation>
<translation id="9116740039944096995">รายการรูปแบบ URL อนุญาตคำขอเครือข่ายส่วนตัวที่เริ่มต้นมาจากเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยที่แสดงโดยต้นทางที่ตรงกัน
หากไม่ได้ตั้งค่า นโยบายนี้จะทำงานเหมือนตั้งค่าไว้เป็นรายการที่ว่างเปล่า
สำหรับต้นทางที่ไม่รวมอยู่ในรูปแบบที่ระบุไว้ที่นี่ ระบบจะใช้ค่าเริ่มต้นส่วนกลางจากนโยบาย <ph name="INSECURE_PRIVATE_NETWORK_REQUESTS_ALLOWED_POLICY_NAME" /> (หากตั้งค่าไว้) หรือจากการกำหนดค่าส่วนตัวของผู้ใช้
โปรดทราบว่านโยบายนี้จะมีผลกับต้นทางที่ไม่ปลอดภัยเท่านั้น และระบบจะไม่สนใจต้นทางที่ปลอดภัย (เช่น https://example.com) ที่รวมอยู่ในรายการนี้
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับรูปแบบ URL ที่ถูกต้องได้ที่ https://cloud.google.com/docs/chrome-enterprise/policies/url-patterns</translation>
<translation id="9117826695152538214">การตั้งค่านโยบายเป็น "จริง" จะเปิดคีย์ติดหนึบไว้ตลอด การตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" จะปิดคีย์ติดหนึบไว้ตลอด
หากคุณตั้งค่านโยบายไว้ ผู้ใช้จะเปลี่ยนไม่ได้ หากไม่ได้ตั้งค่าไว้ คีย์ติดหนึบจะปิดอยู่ในตอนแรก แต่ผู้ใช้จะเปิดได้ทุกเมื่อ</translation>
<translation id="9123211093995421438">กำหนดจุดขั้นต่ำของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> การย้อนกลับควรอนุญาตให้ย้อนได้ถึงเวอร์ชันที่เสถียรแล้วในช่วงเวลาใดก็ตาม
ค่าเริ่มต้นคือ 0 สำหรับผู้บริโภค และ 4 (ประมาณครึ่งปี) สำหรับอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนโดยองค์กร
การตั้งค่านโยบายนี้จะป้องกันให้การย้อนกลับย้อนไปอย่างน้อยที่จุดขั้นต่ำที่กำหนดไว้
หากตั้งค่านโยบายนี้ไว้ที่ค่าที่ต่ำกว่าจะมีผลกระทบอย่างถาวร อุปกรณ์อาจย้อนกลับไปที่เวอร์ชันก่อนหน้าไม่ได้แม้ในภายหลังมีการรีเซ็ตนโยบายใหม่เป็นค่าที่สูงขึ้นแล้วก็ตาม
ความเป็นไปได้ของการย้อนกลับที่เกิดขึ้นจริงอาจขึ้นอยู่กับแพตช์ที่ยังมีช่องโหว่ที่กว้างและร้ายแรงอีกด้วย</translation>
<translation id="9123464369663964441">อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มข้อยกเว้นเพื่ออนุญาตให้แสดงเนื้อหาผสม</translation>
<translation id="9129169595075460149">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หมายความว่า "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search จะทำงานตลอดเวลาและผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ไม่ได้
การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าหมายความว่า "ค้นหาปลอดภัย" ใน Google Search จะไม่ทำงาน</translation>
<translation id="9130298333414322767">รายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์
หากตั้งค่านโยบายเป็น "เท็จ" หรือไม่ได้ตั้งค่า จะไม่มีการรายงานข้อมูล
หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะมีการรายงานข้อมูลระบบของอุปกรณ์</translation>
<translation id="913195841488580904">บล็อกการเข้าถึงรายการ URL</translation>
<translation id="9135033364005346124">เปิดใช้งานพร็อกซี <ph name="CLOUD_PRINT_NAME" /></translation>
<translation id="9136399279941091445">ระยะเวลาปิดเครื่องเมื่อเผยแพร่นโยบายด้านอุปกรณ์ที่ระบุ</translation>
<translation id="9150416707757015439">นโยบายนี้เลิกใช้แล้ว โปรดใช้ IncognitoModeAvailability แทน เปิดใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> หากการตั้งค่านี้ถูกเปิดใช้งานหรือไม่ได้กำหนดค่าไว้ ผู้ใช้จะสามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตนได้ หากการตั้งค่านี้ถูกปิดใช้งาน ผู้ใช้จะไม่สามารถเปิดหน้าเว็บในโหมดไม่ระบุตัวตน หากนโยบายนี้ไม่ได้มีการตั้งค่าไว้ จะมีการเปิดใช้งานและผู้ใช้จะสามารถใช้โหมดไม่ระบุตัวตนได้</translation>
<translation id="9152473318295429890">เปิดใช้คำแนะนำตามบริบทของหน้าเว็บที่เกี่ยวข้อง</translation>
<translation id="9153446010242995516">ย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันเป้าหมายและใช้เวอร์ชันเป้าหมายเสมอหากใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันที่ใหม่กว่า พยายามใช้ค่ากำหนดระดับอุปกรณ์ต่อไป (รวมถึงข้อมูลเข้าสู่ระบบเครือข่าย) ผ่านขั้นตอนการย้อนกลับเวอร์ชัน หากเป็นไปได้ แต่อย่าทำ Powerwash เต็มรูปแบบถ้าคืนค่าข้อมูลไม่ได้ (เพราะเวอร์ชันเป้าหมายไม่รองรับการคืนค่าข้อมูลหรือเพราะมีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังที่เข้ากันไม่ได้)
รองรับใน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เวอร์ชัน 75 ขึ้นไป สำหรับไคลเอ็นต์เก่า ค่านี้หมายความว่าการย้อนกลับเวอร์ชันปิดอยู่</translation>
<translation id="9155218447258425310">ระยะเวลาของการแจ้งเตือนเมื่อมีการนำสมาร์ทการ์ดออกสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="9155375380628728544">การตั้งค่านโยบายให้ผู้ใช้เพิ่มภาษาที่ระบุไว้ในนโยบายนี้ลงในรายการภาษาที่ต้องการได้เพียงภาษาเดียว
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็นรายการว่างเปล่า ผู้ใช้จะระบุภาษาเป็นภาษาที่ต้องการได้
หากตั้งค่าเป็นรายการที่มีค่าที่ไม่ถูกต้อง ระบบจะไม่สนใจค่าเหล่านั้น หากผู้ใช้เพิ่มภาษาที่นโยบายนี้ไม่อนุญาตลงในรายการภาษาที่ต้องการ ระบบจะนำภาษานั้นออก หากผู้ใช้มี <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ที่แสดงเป็นภาษาซึ่งนโยบายนี้ไม่อนุญาต เมื่อผู้ใช้ลงชื่อเข้าใช้ครั้งถัดไป ภาษาที่แสดงจะเปลี่ยนเป็นภาษาที่อนุญาตสำหรับ UI ไม่เช่นนั้น หากนโยบายนี้มีแต่รายการที่ไม่ถูกต้อง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะเปลี่ยนไปใช้ค่าที่ถูกต้องค่าแรกที่นโยบายนี้ระบุ หรือเปลี่ยนเป็นภาษาทางเลือก เช่น en-US</translation>
<translation id="9159126470527871268">แจ้งให้ผู้ใช้ทราบว่าต้องเปิด <ph name="PRODUCT_NAME" /> ขึ้นมาใหม่หรือต้องรีสตาร์ท <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> เพื่อนำอัปเดตที่รอดำเนินการไปใช้
การตั้งค่านโยบายนี้จะเปิดใช้การแจ้งเตือนที่จะบอกว่าผู้ใช้ควรหรือจำเป็นต้องเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่หรือรีสตาร์ทอุปกรณ์ หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายนี้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะแจ้งผู้ใช้ว่าจำเป็นต้องมีการเปิดขึ้นมาใหม่ผ่านการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเมนู ส่วน <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> จะแจ้งข้อความเช่นนี้ผ่านการแจ้งเตือนในถาดระบบ หากตั้งค่าเป็น "แนะนำ" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าขอแนะนำให้เปิดขึ้นมาใหม่ ผู้ใช้ปิดคำเตือนนี้เพื่อเลื่อนการเปิดใหม่ได้ หากตั้งค่าเป็น "จำเป็น" ระบบจะแสดงคำเตือนที่เกิดซ้ำแก่ผู้ใช้ว่าจะมีการบังคับเปิดเบราว์เซอร์ใหม่หลังจากสิ้นสุดระยะการแจ้งเตือน โดยค่าเริ่มต้น ระยะเวลาดังกล่าวคือ 7 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_NAME" /> และ 4 วันสำหรับ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> แต่คุณกำหนดค่าผ่านการตั้งค่านโยบาย <ph name="RELAUNCH_NOTIFICATION_PERIOD_POLICY_NAME" /> ได้
ระบบจะคืนค่าเซสชันของผู้ใช้หลังการเปิดใหม่/รีสตาร์ท</translation>
<translation id="9160028464653564229">ไม่อนุญาตให้เว็บไซต์ใดๆ ขอสิทธิ์เข้าถึงพอร์ตอนุกรมผ่าน Serial API</translation>
<translation id="9167719789236691545">ปิดใช้ไดรฟ์ในแอป Files ของ <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /></translation>
<translation id="9185107612228451403">กำหนดค่านโยบายที่เกี่ยวข้องกับส่วนขยาย ไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ติดตั้งส่วนขยายที่ติดบัญชีดำ เว้นแต่ว่าเป็นรายการที่อนุญาตพิเศษ คุณยังบังคับให้ <ph name="PRODUCT_NAME" /> ติดตั้งส่วนขยายโดยอัตโนมัติได้ด้วยการระบุส่วนขยายใน <ph name="EXTENSION_INSTALL_FORCELIST_POLICY_NAME" /> ระบบจะติดตั้งส่วนขยายที่บังคับติดตั้งแม้ว่าส่วนขยายจะอยู่ในบัญชีดำก็ตาม</translation>
<translation id="9187743794267626640">ปิดใช้งานการต่อเชื่อมที่จัดเก็บข้อมูลภายนอก</translation>
<translation id="9190456586252617675">นโยบายนี้ควบคุมโหมดของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant
หากไม่ได้ตั้งค่านโยบายหรือตั้งค่าเป็น <ph name="ASSISTANT_ONBOARDING_MODE_DEFAULT" /> ระบบจะใช้โหมดเริ่มต้นของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant
หากตั้งค่านโยบายเป็น <ph name="ASSISTANT_ONBOARDING_MODE_EDUCATION" /> ระบบจะใช้โหมด EDU ของการเริ่มต้นใช้งาน Assistant</translation>
<translation id="9194447412184412480">ควบคุมการตั้งค่าของผู้ใช้ที่ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน SAML ด้วย IdP ภายนอก</translation>
<translation id="9197740283131855199">เปอร์เซ็นต์ของระดับการปรับการหน่วงเวลาการสลัวหน้าจอ หากผู้ใช้มีการใช้งานหลังจากการสลัวหน้าจอ</translation>
<translation id="9200828125069750521">พารามิเตอร์สำหรับ URL รูปภาพที่ใช้ POST</translation>
<translation id="9213751049772256263">ปิดใช้รูปแบบทั้งหมด</translation>
<translation id="9217154963008402249">ความถี่ในการติดตามดูแพ็กเก็ตเครือข่าย</translation>
<translation id="922540222991413931">กำหนดค่าส่วนขยาย แอปพลิเคชัน และแหล่งติดตั้งสคริปต์ของผู้ใช้</translation>
<translation id="924557436754151212">นำเข้ารหัสผ่านที่บันทึกไว้จากเบราว์เซอร์เริ่มต้นในการเรียกใช้งานครั้งแรก</translation>
<translation id="927384371566552478">การตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ผู้ใช้ใช้งาน UI การส่งออก-นำเข้าได้ การตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" จะทำให้ผู้ใช้ใช้งาน UI การส่งออก-นำเข้าไม่ได้</translation>
<translation id="927444535723396977">การตั้งค่านโยบายเป็น 1 จะให้เว็บไซต์เรียกใช้ JavaScript ได้ การตั้งค่านโยบายเป็น 2 จะปฏิเสธไม่ให้เรียกใช้ JavaScript
การไม่ตั้งค่าจะอนุญาตให้เรียกใช้ JavaScript แต่ผู้ใช้เปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้</translation>
<translation id="929549405492388749">หากตั้งค่าเป็น "จริง" จะเป็นการบังคับให้เปิดใช้ AppCache แม้ว่า AppCache ใน Chrome จะไม่พร้อมใช้งานโดยค่าเริ่มต้น
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือตั้งค่าเป็น "เท็จ" AppCache จะใช้ค่าเริ่มต้นของ Chrome</translation>
<translation id="930930237275114205">ตั้งไดเรกทอรีข้อมูลผู้ใช้สำหรับ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /></translation>
<translation id="935779984563655842">รายงานข้อมูลบลูทูธ</translation>
<translation id="936188865879911137">หากตั้งค่านโยบายเป็น "เปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะอนุญาตการติดตั้งและการอัปเดตส่วนขยายที่โฮสต์นอก Chrome เว็บสโตร์ ซึ่งอาจทำให้มีการปกป้องเนื้อหาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากตั้งค่านโยบายเป็น "ปิดใช้" <ph name="PRODUCT_NAME" /> จะไม่อนุญาตการติดตั้งใหม่ (และการอัปเดต) ของส่วนขยายดังกล่าว นโยบายนี้ไม่มีผลใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 78 และเวอร์ชันหลังจากนั้น
การไม่ตั้งค่านโยบายนี้จะเท่ากับการ "เปิดใช้" นโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 73-75 และ "ปิดใช้" นโยบายนี้ใน <ph name="PRODUCT_NAME" /> 76 และ 77</translation>
<translation id="940706688964479124">รายการของประเภทไฟล์ที่ควรเปิดโดยอัตโนมัติเมื่อดาวน์โหลดเสร็จ</translation>
<translation id="943865157632139008">ให้คุณกำหนดค่าโปรแกรมแสดง HTML เริ่มต้นเมื่อติดตั้ง <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" />
การตั้งค่าเริ่มต้นจะอนุญาตให้เบราว์เซอร์โฮสต์แสดงผล แต่คุณเลือกลบล้างการตั้งค่านี้ได้และให้ <ph name="PRODUCT_FRAME_NAME" /> แสดงผลหน้า HTML โดยค่าเริ่มต้น</translation>
<translation id="944817693306670849">ตั้งค่าขนาดแคชดิสก์</translation>
<translation id="974349541138387272">ระบุเทมเพลต URI ของรีโซลเวอร์ DNS-over-HTTPS ที่ต้องการ</translation>
<translation id="981346395360763138">บริการตำแหน่งของ Google ปิดใช้อยู่</translation>
<translation id="982497069985795632">เปิดใช้การตรวจการสะกด</translation>
<translation id="983256325512298435">กำหนดรายการโปรโตคอลที่เปิดแอปพลิเคชันภายนอกจากต้นทางที่ระบุได้โดยไม่ต้องแจ้งผู้ใช้</translation>
<translation id="991560005425213776">ส่งชื่อผู้ใช้และชื่อไฟล์ไปยังเครื่องพิมพ์ดั้งเดิม</translation>
<translation id="99202634486128833">การตั้งค่านโยบายเป็น CopyCaCerts ทำให้ใบรับรอง CA ที่ติดตั้งโดย ONC ที่มี <ph name="WEB_TRUSTED_BIT" /> ทั้งหมดพร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC
การตั้งค่าเป็น "ไม่มี" หรือไม่ได้ตั้งค่าจะทำให้ใบรับรอง <ph name="PRODUCT_OS_NAME" /> ไม่พร้อมใช้งานสำหรับแอป ARC</translation>
<translation id="99232017131102456">นโยบายนี้กำหนดค่าแคชต่อโปรไฟล์ทั่วไปรายการเดียวที่มีข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ HTTP
หากไม่ได้ตั้งค่าหรือปิดใช้นโยบายนี้ เบราว์เซอร์จะใช้ลักษณะการทำงานเริ่มต้นของการตรวจสอบสิทธิ์แบบข้ามเว็บไซต์ ซึ่งตั้งแต่เวอร์ชัน 80 เป็นต้นไปจะกำหนดขอบเขตข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ของเซิร์ฟเวอร์ HTTP ตามเว็บไซต์ระดับบน ดังนั้นหากเว็บไซต์ 2 รายการใช้ทรัพยากรจากโดเมนการตรวจสอบสิทธิ์เดียวกัน คุณจะต้องระบุข้อมูลเข้าสู่ระบบไว้แยกกันในบริบทของทั้งสองเว็บไซต์ ระบบจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบพร็อกซีที่แคชไว้มาใช้ซ้ำในเว็บไซต์ต่างๆ
หากเปิดใช้นโยบายนี้ ระบบจะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบสำหรับการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP ที่ป้อนในบริบทของเว็บไซต์หนึ่งไปใช้ในบริบทของอีกเว็บไซต์หนึ่งโดยอัตโนมัติ
การเปิดใช้นโยบายนี้จะทำให้เว็บไซต์เสี่ยงต่อการโจมตีแบบข้ามเว็บไซต์บางประเภท และจะอนุญาตให้มีการติดตามผู้ใช้ในเว็บไซต์ต่างๆ แม้จะไม่มีคุกกี้ ด้วยการเพิ่มรายการในแคชการตรวจสอบสิทธิ์ HTTP โดยใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบที่ฝังไว้ใน URL
นโยบายนี้มีไว้เพื่อให้องค์กรต่างๆ มีโอกาสอัปเดตขั้นตอนการเข้าสู่ระบบขององค์กร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการทำงานเดิม เราจะนำนโยบายนี้ออกในอนาคต</translation>
</translationbundle>